ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์

[Mongwin]

ร.ฟ.ท. เดินหน้าสร้าง ICD แห่งที่ 2
INN News วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 16:45น.

ร.ฟ.ท. เดินหน้าสร้าง ICD แห่งที่ 2 ระบุ มีความจำเป็น รองรับปริมาณสินค้าในอนาคต

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงเรื่องสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง หรือ ICD แห่งที่ 2 ว่า เมื่อวานนี้ ได้มีการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพบว่าก่อนหน้านี้ทางการรถไฟฯ เคยทำการศึกษาเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จ และยังไม่ได้ข้อสรุป โดยตนเอง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ไปดูผลการศึกษาอีกครั้ง ซึ่งในสัปดาห์หน้า จะมีการหารือในเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ส่วนเรื่องของสถานที่นั้น ส่วนตัวยังไม่ได้กำหนดจุดไหน เป็นพิเศษ เนื่องจากต้องดูผลการศึกษาและความเป็นไปได้ นอกจากนี้ เรื่องการสร้าง ICD แห่งที่ 2 ถือว่า ก็มีความจำเป็นอย่างมาก ในการรองรับปริมาณสินค้าในอนาคต

อย่างไรก็ตาม นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตนเองได้กำชับให้การรถไฟฯ เร่งรัดดำเนินการดังกล่าวให้เร็วที่สุด เพราะปัจจุบัน ICD แห่งที่ 1 มีความแออัดเป็นอย่างมาก

----

รฟท.ระบุผู้ขอเงินค่าตั๋วโดยสารคืนต้องแสดงบัตรประชาชน
By สำนักข่าวไทย TNA News | 29 พ.ย. 2555 16:43

กรุงเทพฯ 29 พ.ย. - นางนวลอนงค์ วงษ์จันทร์ หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) กล่าวว่า ปัจจุบันมีการโจรกรรมตั๋วโดยสารหรือข้อมูลของบุคลอื่นด้วยวิธีการต่างๆ แล้วนำตั๋วโดยสารมาติดต่อขอคืนเงินที่สถานีรถไฟหรือตามตัวแทนจำหน่ายตั๋ว เมื่อมีการตรวจสอบแล้วปรากฏว่าไม่มีข้อมูลผู้มาติดต่อขอคืนตั๋ว ทำให้ไม่สามารถติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีทางกฎหมายได้ ส่งผลให้ รฟท.ได้รับความเสียหายและเสียภาพลักษณ์ด้านบริการ

ดังนั้น ในการป้องกันปัญหาดังกล่าว รฟท.จึงได้กวดขันให้พนักงานผู้เกี่ยวข้องในการรับคำร้องและการออกใบจ่ายการคืนเงินค่าตั๋วใหม่ โดยให้ผู้บังคับบัญชาติดตามควบคุมอย่างใกล้ชิด และตั๋วทุกชนิดที่ผู้โดยสารนำมาคืน กำหนดให้พนักงานคืนตั๋วด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือหากต้องใช้วิธีอย่างอื่นให้ดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการตรวจสอบ และบันทึกชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรที่ทางราชการออกให้ของผู้รับเงิน โดยละเอียดและถูกต้องชัดเจน

หากกรณีชื่อ นามสกุล ที่ระบุในตั๋วโดยสารรถไฟไม่ตรงกับผู้ขอรับเงิน ให้มีการถ่ายสำเนาบัตรฯ พร้อมลงนามรับรองแนบมาด้วย ส่วนผู้โดยสารที่เป็นชาวต่างประเทศให้ตรวจสอบเลขหนังสือเดินทางและถ่ายสำเนาแนบด้วย.- สำนักข่าวไทย

----

ปรับโครงสร้างรถไฟอืด
วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 8036 ข่าวสดรายวัน หน้า 8

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการรฟท.ว่า ได้เร่งรัดการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานรฟท. วงเงิน 176,808 ล้านบาท ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากยังมีความล่าช้า ซึ่งนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรฟท. รับไปดำเนินการ รวมถึงการพิจารณาเร่งรัดขยายเส้นทางรถไฟที่จะเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านให้เร็วขึ้น เพราะตามแผนจะดำเนินการในระยะที่ 2 หรือหลังปี 2562

นายประภัสร์กล่าวว่า พบว่ารฟท.ยังไม่มีการจัดลำดับความสำคัญของงาน ซึ่งตนจะเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างหัวรถจักรเพื่อให้ประกวดราคาเร็วขึ้น ภายในปี 2556 เนื่องจากต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปีกว่าจะได้หัวรถจักร ส่วนงานซ่อมและปรับปรุงขยายทางจะเร่งรัดระบบการทำงานให้มีความชัดเจนขึ้น เพราะเป็นเรื่องความปลอดภัยในการให้บริการ สำหรับเส้นทางรถไฟที่จะไปเชื่อมต่อทางใต้ที่ปาดังเบซาร์ จากการพิจารณาเห็นว่ามีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2558-2559 ตนจะไปพิจารณาว่าเส้นทางใดที่จะเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีการดำเนินการพร้อมแล้ว รฟท.จะต้องเร่งดำเนินการทันที ซึ่งจะสรุป รายละเอียดของแผนเสนอให้คณะกรรมการรฟท.พิจารณาในครั้งต่อไป

[Wisarut]

ปูนซีเมนต์นครหลวง กับการขนส่ง Containerization
โดย ทีมงานปูนซีเมนต์นครหลวง
ลอจิสติกไดเจสต์

ในยุคสมัยโลกาภิวัตน์ การขนส่งทางภาคพื้นไม่ว่า จะเป็นทางรถยนต์ และรถไฟ สำหรับปูนซีเมนต์ผงและถุง เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการที่จะกระจายสินค้าจากโรงงานไปสู่ลูกค้า ในส่วนภูมิภาคต่างๆ ซึ่งการขนส่งทุกวันนี้ จะต้องคำนึงถึงการกระจายของสินค้าอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง ไม่เสียหาย และไม่ก่อให้เกิดมลภาวะทางด้านสิ่งแวดล้อมให้กับในชุมชนนั้นๆ ซึ่งการขนส่งทางรถยนต์นั้น สามารถที่จะรองรับการความต้องการของลูกค้าได้อย่างดี แต่เนื่องจาก ปัจจุบันการปรับตัวขึ้นของอัตราน้ำมันดีเซลที่มีผลอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดในช่วง 1–2 ปีที่ผ่านมานี้ ทำให้หลายๆ บริษัทจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการขนส่งทางรถบรรทุก ซึ่งโดยปกติจะมีค่าใช้จ่าย 60-70% จากน้ำมันดีเซล โดยหันมาใช้การขนส่งทางรถไฟเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดการใช้น้ำมันลง และเป็นการช่วยรัฐบาลในการประหยัดพลังงานอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นแนวทางที่บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ได้นำมาเป็นแนวทางในการดำเนินการเสมอมา
การกระจายสินค้าทางรถไฟนั้น จำเป็นที่จะต้องอาศัยส่วนที่สำคัญหลายๆ ปัจจัย อาทิ

* หน่วยงานของการรถไฟ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการที่จะขนส่งปูนซีเมนต์ถุง จากโรงงาน (สระบุรี – สถานีรถไฟ มาบกะเบา) ไปยังสถานีปลายทาง เช่น สถานีรถไฟ อุบลราชธานี อุดรธานี ชุมทางบางซื่อ และสถานีในพื้นที่ทางภาคใต้ (พูนพิน–หาดใหญ่–และยะลา) ซึ่งการขนส่งดังกล่าวจะส่งไปเป็นตู้คอนเทนเนอร์ ขนาด 20 ฟุต หรือ 40 ฟุต วางอยู่บนแม่แคร่ โดยการขนส่งสินค้านั้น อาจจะมีการขนไปทั้งขบวน (18–22 แม่แคร่ แล้วแต่พื้นที่ในการวิ่ง) หรือเป็นการฝากไปกับขบวนอื่นๆ อาทิ ขบวนบรรทุกน้ำมัน ขบวนรถผู้โดยสาร

* การบรรทุกปูนซีเมนต์ถุงขึ้นบนตู้คอนเทนเนอร์ จะต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม โดยทางฝ่ายที่ดูแลเรื่องการขนส่งทางรถไฟนั้น จำเป็นที่จะต้องมีความรู้ความสามารถในการบังคับหัวรถจักร (ของทางบริษัทฯ) และข้อปฎิบัติฯ ต่างๆ ที่ทางการรถไฟกำหนด เพื่อที่จะทำการลากตู้ที่พร้อมทำการขนส่งทั้งหมด มาจอดไว้สถานีต้นทางเพื่อให้ตรงกับตารางเวลาการเดินรถของหัวรถจักรของทางการรถไฟที่จะมาลากขบวนสินค้าไปยังปลายทาง เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ ให้เกิดการบรรทุกให้มากที่สุดและเพิ่มปริมาณการขนส่งทางรถไฟได้มากขึ้น และยังเป็นการช่วยลดการแออัดการจ่ายสินค้าภายในโรงงานลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถช่วยลดการจราจรภายในโรงงาน

* สภาพคลังสินค้าที่ปลายทาง และการนำปูนซีเมนต์ถุงลงจากตู้คอนเทนเนอร์ จำเป็นที่จะต้องมีอุปกรณ์ ในการยกสินค้าออกจากตู้ (รถยก) การเตรียมพื้นที่ในการกองเก็บปูนซีเมนต์ถุงให้เพียงพอต่อการขนส่งในแต่ละขบวน เนื่องจากปริมาณการขนส่งในแต่ละเที่ยวนั้น มีปริมาณมากกว่ารถบรรทุก การออกแบบคลังสินค้าให้รองรับกับการขนถ่ายสินค้า จากตู้คอนเทนเนอร์ ทางรถไฟ ลงบนพื้นคลัง ก็เป็นที่สำคัญ ที่จะทำให้เกิดการขนถ่ายอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ และรวมถึงลดปัญหาในการขนถ่ายในช่วงหน้าฝน และลดมลภาวะทางด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้การขนถ่ายสินค้า รวดเร็วมากยิ่งขึ้นเท่าไร ก็สามารถที่จะส่งตู้คอนเทนเนอร์กลับไปได้เร็วขึ้น
Backhauling experience
ข้อดีอีกส่วนหนึ่งของการขนส่งทางรถไฟนั้นคือ สามารถที่จะทำการส่งสินค้าขากลับมา (backhauling) พร้อมกับตู้คอนเทนเนอร์ที่จะทำการส่งกลับเข้าโรงงาน ซึ่งปัจจุบัน ทางปูนซีเมนต์นครหลวงก็ได้มีการดำเนินการดังกล่าวจากสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ยังได้มีการวางแผนรวมกับหน่วยงานภายในบริษัทฯ ในการนำวัตถุดิบ และเชื้อเพลิงทดแทน ที่สามารถจะบรรทุกลงในตู้คอนเทนเนอร์ และส่งกลับเข้าสู่ อาทิ การนำยางรถยนต์ / กะลาปาล์ม ที่ใช้แล้วนำมาเป็นเชื้อเพลิง จากทางภาคเหนือ และภาคใต้

Safety in Rail transportation
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะต้องพึ่งระวังในการขนส่งทางรถไฟนั้น เป็นในเรื่องของความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิด อาทิ การบำรุงรักษาหัวรถจักร การดูแลและซ่อมบำรุงรางรถไฟ ในส่วนที่เป็นของทางบริษัทฯ ซึ่งการดูแลทั้งหมดนี้ เป็นหน้าที่ที่ทางฝ่ายดูแลการขนส่งทางรถไฟ จำเป็นที่จะต้องหมั่นตรวจสอบและเฝ้าระวังอยู่อย่างสม่ำเสมอ
Limitation of Service
ปัญหาและอุปสรรคที่พบกับการขนส่งทางรถไฟในปัจจุบันนั้น จะเกี่ยวข้องกับ เรื่องของการหมุนเวียนหัวรถจักร และแม่แคร่ ซึ่งทำให้ตารางเวลาในการวางแผนขนส่งในบางขบวนอาจจะไม่ตรงกับที่ได้กำหนดไว้ นอกจากนี้การประสานงานกับเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ตลอดจนสถานีที่เป็นทางผ่านทั้งหมดก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
ข้อจำกัดด้านอื่นๆ ของการขนส่งทางรถไฟนั้น โดยปกติยังไม่สามารถที่จะส่งเป็นแบบถึงมือลูกค้าได้ทันที (door to door) ซึ่งแตกต่างจากรถบรรทุก ที่สามารถจะทำการขนส่งไปถึงมือของลูกค้าภายในต่อเดียว นอกจากนี้ การที่จะต้องมีฝ่ายดูแลการขนส่งทางรถไฟ ซึ่งจะต้องมีการบำรุง และดูแลรักษาสภาพหัวรถจักร รางรถไฟ และตู้คอนเทนเนอร์

อย่างไรก็ตาม ทางบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กำลังดำเนินการในการส่งเสริมการขนส่งแบบ containerization โดยการลำเลียงสินค้าภายในตู้ container และทำการสับเปลี่ยนตู้สินค้าดังกล่าวไปลงบนรถบรรทุกซึ่งจอดรออยู่ที่สถานีปลายทาง และขนส่งไปสู่ลูกค้า โดยไม่ต้องมีการลำเลียงสินค้าออกจากตู้ container ซึ่งจะทำให้ประหยัดทั้งต้นทุน และเวลาในการดำเนินการ อีกทั้งยังเป็นการป้องกันมิให้สินค้ากระทบกระเทือนอันเนื่องจากการลำเลียงหลายครั้ง (double handling)

Key Success Factor
ปัจจัยหลักที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่จะขาดไม่ได้ในการบริหารการจัดส่งทางรถไฟนั้นคือ บริษัทฯ จำเป็นที่จะต้องมีบุคลากร ที่สามารถดูแลและเข้าใจ ถึงโครงสร้าง และการทำงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นอย่างดี และรวมไปถึงการดูแลอุปกรณ์ต่างๆ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน อาทิ แม่เคร่ที่ใช้ในการบรรทุกสินค้า หัวรถจักรที่ใช้ในการลากแม่แคร่ภายในพื้นที่ โรงงาน การดูแลและรักษารางรถไฟ ที่อยู่ภายในโรงงาน และสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ ความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทฯ พนักงานรถไฟ นายสถานีที่ในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งเป็นส่วนช่วยในการติดตามสถานะของขบวนรถต่างๆ ที่จะจัดส่งให้ได้ตรงตามเวลา
สรุปแล้วการขนส่งปูนซีเมนต์ทางรถไฟนั้น จะยังคงดำเนินต่อไปด้วยปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากปัจจัยเรื่องของการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน และในขณะเดียวกันที่ทางการรถไฟจะต้องมีการปรับปรุง และอำนวยความสะดวกในเรื่องสาธารณูปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อมเพรียงมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการเพิ่มปริมาณหัวรถจักร และการเพิ่มปริมาณแม่แคร่ให้มากขึ้น

[Mongwin]

การรถไฟแห่งประเทศไทย นำรถไฟพระที่นั่งจัดแสดงในงาน “มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวา มหาราช” วันที่ 3-5 ธันวาคมนี้ บริเวณโถงกลางสถานีรถไฟกรุงเทพ
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ 2 ธันวาคม 2555

การรถไฟแห่งประเทศไทย นำรถไฟพระที่นั่งจัดแสดงในงาน “มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวา มหาราช” วันที่ 3-5 ธันวาคมนี้ บริเวณโถงกลางสถานีรถไฟกรุงเทพ เพื่อแสดงความจงรักภักดี เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท กล่าวว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2555 การรถไฟฯ ได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติฯ และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระองค์ท่าน โดยใช้ชื่องาน “มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวา มหาราช” ระหว่างวันที่ 3-5 ธันวาคมนี้ บริเวณโถงกลางภายในสถานีกรุงเทพ หรือหัวลำโพง ภายในงานมีการจัดแสดง นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติเรื่องความพอเพียง พระราชประวัติ การเสด็จพระราชดำเนินทางรถไฟ เป็นต้น พร้อมจัดแสดงรถไฟพระที่นั่ง ให้ประชาชนได้ชื่นชมบารมี และในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ เวลา 08.00 น.จะมีพิธีปล่อยขบวนรถจักรไอน้ำเฉลิมพระเกียรติ เส้นทางกรุงเทพ-อยุธยา เพื่อร่วมแสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ

[Mongwin]

รถไฟสุไหงโก-ลกเพิ่มโบกี้รถไฟฟรี
By สำนักข่าวไทย TNA News | 3 ธ.ค. 2555 20:23

สถานีรถไฟสุไหงโก-ลก เพิ่มโบกี้รถไฟฟรีชั้น 3 จาก 4 โบกี้ เป็น 5 โบกี้ สู่กรุงเทพฯ เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนที่ต้องการเดินทางไปร่วมงานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.2555 และเฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

[Mongwin]

รถไฟพระที่นั่ง
อ่านประวัติได้ที่นี่ครับ
http://pirun.ku.ac.th/~faasptps/rft/P1080772.JPG
http://pirun.ku.ac.th/~faasptps/rft/P1080774.JPG







กำลังลงน้ำยาขัดสีรถ

[Mongwin]

คค.เตรียมรถเมล์ฟรี 9 เส้นทาง รับ ปชช.ร่วมเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวาฯ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 ธันวาคม 2555 19:00 น.

รมต.สำนักนายกฯ เผย 5 ธันวา ก.คมนาคม จัดรถเมล์ฟรี 9 เส้นทางทั่ว กทม. ขนส่งปชช.ร่วมงานเฉลิมพระเกียรติ “ในหลวง” พร้อมมีรถไฟเที่ยวพิเศษจากหัวลำโพง แอร์พอร์ตลิงก์-รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เปิดให้ลูกพาพ่อขึ้นฟรี ส่วน บขส.50% ให้ ปชช.สวมเสื้อเหลืองเข้า กทม.ร่วมพิธี ขณะที่การบินไทยเปิดโปรโมชันพาพ่อเที่ยว

วันนี้ (3 ธ.ค.) นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 5 ธันวาคม 2555 ว่า กระทรวงคมนาคมอำนวยความสะดวก โดยจัดรถโดยสารประจำทางในเส้นทางปกติ ตั้งแต่วันที่ 4-5 ธ.ค. สำหรับวันที่ 5 ธ.ค. จัดรถให้บริการวันละ 2,530 คัน กำหนดเที่ยววิ่งบริการวันละ 22,071 เที่ยว โดยจะมีบริการรถเมล์ฟรีวันที่ 5 ธ.ค. จำนวน 350 คัน ให้บริการฟรี 9 เส้นทาง ซึ่งทุกคันจะติดป้ายแสดงข้อความบริการฟรี 5 ธันวามหาราช พร้อมระบุชื่อเส้นทางไว้ที่กระจกหน้าด้านซ้าย ดังนี้
1. เส้นทางพิเศษ สำโรง-แยกมัฆวาน เริ่มจากสำโรง(ไปตามถนนสุขุมวิท เลี้ยวซ้ายเพชรบุรีตัดใหม่เข้าถนนพิษณุโลก)
2. ตลาดบางกะปิ-แยกมัฆวานฯ (โดยเริ่มจากตลาดบางกะปิ ไปตามถนนรามคำแหง ถนนเพชรบุรี เข้าถนนพิษณุโลก)
3. อู่บางเขน-แยกวัดเบญจมบพิตร (เริ่มจากอู่บางเขน ไปตามถนนพหลโยธิน อนุสาวรีย์ชัยฯ เลี้ยวขวาราชวิถี เลี้ยวซ้ายพระราม 5 ซ้ายแยกวัดเบญจมบพิตร)
4. ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต-แยกวัดเบจมบพิตร (เริ่มจากฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต ไปตามถนนวิภาวดี ดินแดง อนุสาวรีย์ชัยฯ ถนนราชวิถี ถนนพระราม 5 เข้าแยกวัดเบญจมบพิตร)
5. คลองเตย-แยกมัฆวาน(เริ่มจากตลาดคลองเตย ไปตามถนนพระราม4 ถนนพญาไท เลี้ยวซ้ายถนนพระราม1 ซ้ายถนนกรุงเกษม ขวาถนนหลวง ไปตามถนนวรจักร แยกซ้ายถนนหลานหลวง ขวาถนนราชดำเนินนอก จปร.)
6. สุขสวัสดิ์ กม.9-แยกมัฆวานฯ (เริ่มจากสุขสวัสดิ์ กม.9 วงเวียนใหญ่ ข้ามสะพานพระปกเกล้า ซ้ายผ่านปากคลองตลาด เข้าถนนหน้าพระลาน ถนนราชดำเนินใน ราชดำเนินกลาง ราชดำเนินนอก จปร.)
7. เดอะมอลล์บางแค-แยกมัฆวานฯ (เริ่มจากเดอะมอลล์บางแค ไปตามถนนเพชรเกษม เข้าถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนพระปิ่นเกล้า ข้ามสะพานพระปิ่นเกล้า เข้าถนนราชดำเนินกลาง ราชดำเนินนอก จปร.)
8. สถานีรถไฟบางซื่อ-แยกวัดเบญจมบพิตร (เริ่มจากสถานีรถไฟฟ้าบางซื่อ ไปตามถนนเตชะวานิช ถนนพระราม 5 เลี้ยวขวาเศรษฐศิริ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพิชัย ขาวถนนราชวิถี ซ้ายเข้าถนนราชสีมา)
9.หมอชิต 2- แยกวัดเบญจมบพิตร (เริ่มจากอู่หมอชิต 2 ไปตามถนนกำแพงเพชร 2 แยกซ้ายไปตามถนนกำแพงเพชร 2 กลับรถ 5 แยกลาดพร้าว ไปตามถนนพหลโยธิน อนุสาวรีย์ชัยฯ ขวาถนนราชวิถี ซ้ายพระราม 5 ซ้ายแยกวัดเบญจมบพิตร)

การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จัดขบวนรถโดยสารพิเศษ ให้บริการประชาชนที่จะมาร่วมงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา จากสถานีท่าเรือ (อยุธยา)-กรุงเทพ (หัวลำโพง) โดยออกจากสถานีท่าเรือเวลา 04.00 น. เที่ยวกลับ ออกจากสถานีกรุงเทพ 13.00 น. ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.ได้เพิ่มตู้โดยสารในขบวนรถไฟฟรีทุกเส้นทาง จนเต็มหน่วยลากจูง

ส่วนแอร์พอร์ตลิงก์ มอบสิทธิพิเศษสำหรับคู่พ่อ-ลูก โดยสามารถพาพ่อขึ้นรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ฟรีตลอดทั้งวันตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินให้บริการวันพ่อขึ้นรถไฟฟ้าฟรีตลอดสาย โดยพ่อลูกจะต้องขึ้น-ลงสถานีเดียวกัน (ลูกชำระค่าโดยสารปกติ) ติดต่อรับคูปองพิเศษที่ห้องออกบัตรโดยสารทุกสถานี

ด้าน บขส.จัดโครงการพาพ่อเที่ยว โดยขึ้นรถ บขส.ฟรี ตั้งแต่วันที่ 1-20 ธ.ค. ทั้งนี้ ผู้โดยสารต้องเป็นพ่อเดินทางพร้อมลูกและต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมทั้งสำเนาทะเบียนบ้านที่ห้องจำหน่ายตั๋วของ บขส. ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารทั่วประเทศ ใช้สิทธิได้กับรถโดยสารทุกประเภท ยกเว้น รถมาตรฐาน 1 ก.(วีไอพี 24 ที่นั่ง) รถมาตรฐาน 4 ก. (วีไอพี 32 ที่นั่ง) รถชานเมืองที่วิ่งระยะทางไม่เกิน 100 กม. รถโดยสารที่มีการจำหน่ายตั๋วบนรถและรถโดยสารเส้นทางระหว่างประเทศ ผู้ที่ใช้สิทธิ์โครงการนี่ไม่สามารถใช้ร่วมกับสิทธิส่วนลดอื่นๆได้

“บขส.จัดโครงการ รถบขส.เพื่อประชาชนให้ทุกคนร่วมถวายพระพรในหลวง ระหว่างวันที่ 4-5 ธ.ค. โดยประชาชนใช้สิทธิ์เดินทางต้องสวมเสื้อสีเหลืองและแสดงบัตรประจำตัวประชาชน ณ จุดจำหน่ายตั๋วของ บขส.ทั่วประเทศ เดินทางจากต่างจังหวัด วันที่ 4 ธ.ค. และจากกรุงเทพฯ วันที่ 5 ธ.ค. ผู้ที่จะเดินทางเข้าร่วมถวายพระพรใช้สิทธิ์ลดค่าโดยสาร 50% ในวันที่ 4-5 ธ.ค. ยกเว้นรถเส้นทางชานเมือง 3 เส้นทาง กรุงเทพ-อยุธยา, กรุงเทพ-สระบุรี กรุงเทพ-กำแพงแสน ใช้สิทธิ์เดินทางเฉพาะวันที่ 5 ธ.ค.แสดงบัตรประจำตัวประชาชนและขึ้นโดยสารที่ต้นทางและปลายทางเท่านั้น ปลายทางใช้สิทธิ์ได้ไม่เกินเวลา 08.00 น. และต้นทางกรุงเทพฯ ใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ส่วนรถร่วม บขส.ลดค่าโดยสารอย่างน้อย 30% ขณะที่กรมเจ้าท่าให้บริการเรือข้ามฟากฟรี ระหว่างท่าพรานนก-ท่าช้าง ในวันที่ 5 ธ.ค.เวลา 08.00-21.00 น.

ด้านการขนส่งทางอากาศ บริษัทการบินไทยจัดโปรโมชัน “ธันวาพาพ่อเที่ยว” จำหน่ายบัตรโดยสารภายในประเทศราคาพิเศษ ตลอดเดือนธันวาคม เส้นทางดังนี้ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ราคา 2,045 บาท กรุงเทพ- เชียงราย 2,380 บาท กรุงเทพ-ขอนแก่น 3,820 บาท กรุงเทพ- อุดรธานี ราคา 1,890 บาท กรุงเทพ- อุบลฯ ราคา 1,990 บาท กรุงเทพฯ- กระบี่ ราคา 2,130 บาท กรุงเทพ-ภูเก็ต ราคา 2.440 บาท กรุงเทพ-สุราษฎร์ธานี ราคา 2,040 บาท กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ราคา 2,680 บาท เชียงใหม่- ภูเก็ต ราคา 3,870 บาท โดยเส้นทางระหว่าง กรุงเทพฯ- กระบี่ กรุงเทพฯ -สุราษฎร์ฯ และเชียงใหม่- ภูเก็ต ทำการบินด้วยการบินไทยสมายล์ ทั้งต้องเดินทางพร้อมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป สามารถออกบัตรโดยสารตั้งแต่บัดนี้ ถึง 31 ธ.ค.

[Mongwin]

Published on Dec 4, 2012 by DNNTHAILAND

^^^
นาทีที่ 9:13 เป็นคลิปที่ผมถ่ายไว้เองครับ รถจักรไอน้ำที่นครปฐม 6 ธ.ค. 53
http://www.youtube.com/watch?v=LMRyefyt5ig

[Mongwin]

ททท.พาพ่อลูกนั่งรถไฟชมโครงการพระราชดำริ”ในหลวง”และปล่อยพันธุ์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 ธันวาคม 2555 21:43 น.



ประจวบคีรีขันธ์ - ททท.พาพ่อแม่ลูกกว่า 200 คนนั่งรถไฟจาก กทม.ชมโครงการพระราชดำริในหลวงที่หัวหิน-ปราณบุรี และร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำลงสู่ป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติ "ในหลวง" และยังเป็นการสร้างความรักและสานสัมพันธ์ในครอบครัวและให้คนไทยได้เรียนรู้ถึงโครงการพระราชดำริที่พระองค์ทรงตรากตรำทุ่มเทเพื่อพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด



เมื่อเย็นวันนี้ (5 ธ.ค.) นายสมชาย ชมพูน้อย ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวภูมิภาคภาคกลาง (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) น.ส.พสิษฐ์ตา อินทร์พันธ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ ได้จัดกิจกรรมนำพ่อแม่ลูกนั่งรถไฟฟรีท่องเที่ยวเมืองไทยกับขบวนพิเศษกว่า 200 คนเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพง-สถานีรถไฟหัวหิน เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเที่ยวชมโครงการพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพื้นที่อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี ระหว่างวันที่ 5-6 ธ.ค.55

โดยกิจกรรมครั้งนี้มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่สถานีรถไฟหัวหิน รวมไปถึงยังได้นำพ่อแม่ลูก เดินทางไปปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำอาทิปลากะพงขาว และปลาเก๋า ลงสู่ท้องทะเลในป่าชายเลนที่ศูนย์ศึกษาการเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งในครั้งนี้ทาง ททท.ยังมีดารานักแสดงชื่อดังร่วมเดินทางมาด้วย ริต้า ศรีริต้า เจนเซ่น และณัฐรัฐ โมริส เลอกรอง และร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกบริเวณป้ายสถานีรถไฟหัวหิน ซึ่งสถานีรถไฟแห่งนี้ได้รับการกล่าวขานว่าสวยที่สุดในประเทศไทย

น.ส.พสิษฐ์ตา อินทร์พันธ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่ากิจกรรมครั้งนี้ได้นำพ่อแม่ลูกทั้งหมด เข้าชมนิทรรศการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และชมการฟื้นฟูป่าชายเลนจากในอดีตเป็นนากุ้งร้างแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งมีพื้นที่กว่า 848 ไร่ ซึ่งได้มีการปลูกป่าชายเลนขึ้นมาจนเติบโตกลายเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำต่างๆ เพื่อสนองแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในการที่จะพัฒนาและฟื้นฟูผืนป่า ด้วยพระองค์ทรงห่วงใยในสถานการณ์ป่าชายเลนบริเวณปาน้ำปราณบุรี ซึ่งถูกบุกรุกทำลายเป็นพื้นที่บริเวณกว้างเมื่อในอดีต ในส่วนช่วงค่ำผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมดยังได้ร่วมกันจุดเทียนชัยถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีกด้วยซึ่งก็สร้างความประทับใจให้กับพ่อแม่ลูกเป็นอย่างดี

นอกจากนั้นในวันที่ 6 ธ.ค.2555 ก็จะพาพ่อแม่ลูกเดินทางเยี่ยมชมโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านเขาเต่า อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการทอผ้าบ้านเขาเต่า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์โอทอปที่ขึ้นชื่อของอำเภอหัวหิน

ทั้งนี้พ่อแม่ลูกที่เดินทางมาในครั้งนี้ต่างรู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงตรากตรำพระวรกายมาตั้งแต่ขึ้นครองราชย์จนมาถึงวันนี้ เพื่อดูแลพสกนิกรของพระองค์ มาโดยตลอด วันนี้จึงรู้สึกดีใจที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมให้กับครอบครัวได้มาเรียนรู้เกี่ยวกับโครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมว่าเป็นกิจกรรมที่ดีนอกจากผมซึ่งเป็นพ่อแล้ว ยังทำให้เยาวชน ได้รู้ถึงความเหน็ดเหนื่อยของในหลวงท่าน

[Wisarut]

กิจการ'รถไฟไทย'ใครควรบริหาร!?
โดย...ภาณุมาศ ทักษณา
คอลัมน์ ชาวบ้านร้านตลาด
คมชัดลึก
6 ธันวาคม 2555
ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ (เพื่อไทย) ของพรรคฝ่ายค้าน(ประชาธิปัตย์) เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผลปรากฏว่านายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร, รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง, รัฐมนตรีกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต และรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยคมนาคม ต่างได้รับการลงคะแนนเสียงไว้วางใจจากสมาชิกพรรครัฐบาลทุกคนตามคาด แต่ถึงอย่างนั้นการอภิปรายดังกล่าวก็ทำให้ชาวบ้านร้านตลาดหู-ตาสว่างขึ้น เพราะตลอดระยะเวลา 2 วันครึ่งนั้น สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ได้หยิบยกความบกพร่องและข้อผิดพลาดในการทำงานของรัฐบาลออกมาให้ชาวบ้านได้รับรู้มากมายหลายเรื่อง ชนิดที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำงานของ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ขณะที่ดูแลการรถไฟแห่งประเทศไทยและกรมเจ้าท่านั้น เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ ในฐานะที่ผมเคยเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้ง ด้วยการจัดสรรงบประมาณขุดลอกแม่น้ำลำคลองล่วงหน้า ผมเพิ่งรู้ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จัดสรรงบประมาณให้กรมเจ้าท่าไปขุดแม่น้ำบางสายเป็นเงินถึงพันกว่าล้านบาท แต่แทนที่กรมเจ้าท่าจะทำงานด้วยความตั้งใจโดยมีรัฐมนตรีคอยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน ปรากฏว่าคนเป็นรัฐมนตรีกลับปล่อยให้ข้าราชการประจำในกรมเจ้าท่าดำเนินการด้วยความเคยชิน จนการขุดลอกแม่น้ำล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า จึงชอบแล้วที่พรรคประชาธิปัตย์จะส่งเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ไปสอบสวนต่อ
นอกจากกรมเจ้าท่าแล้ว พล.ต.ท.ชัจจ์ ยังฝากผลงานไว้ที่การรถไฟอีกหลายเรื่องอย่างที่ผมเคยเขียนดักคอเอาไว้สมัยอยู่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ ที่เที่ยวจุ้นจ้าน วุ่นวายเหมือนตัวเป็น ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. เสียเอง คือเที่ยวได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาศึกษาเรื่องโน้นเรื่องนี้ ทั้งที่ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนเป็นผู้ว่าฯ เขาจัดการ จึงถูกฝ่ายค้านสาวไส้การเข้าไปยึดคืนตลาดนัดจตุจักรจาก กทม.ไปให้บริษัทเอกชนบริหาร ที่แม้ว่าวันรุ่นขึ้นรองผู้ว่าฯ คนหนึ่งจะออกมาแก้ต่างว่าจ้างเอกชนชั่วคราวก็ตาม แต่ทุกอย่างสะท้อนให้เห็นว่า คนบางคนเหมาะที่จะทำงานอย่างหนึ่ง แต่ไม่เหมาะที่จะทำงานอีกอย่างหนึ่ง หากนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ไม่ปรับคนทำงานไม่เป็นออกจากการเป็นรัฐมนตรีระวังจะเสียแต้มมากกว่านี้นะครับ
พูดถึงการรถไฟฯ ที่ คุณประภัสร์ จงสงวน ได้รับการสรรหามาเป็น ผู้ว่าการ แล้ว ผมมีคำถามถึงคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการคมนาคมว่า ตกลงการบริหารกิจการ ร.ฟ.ท.ควรเป็นของใครครับ วันก่อนเห็นนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ รองปลัดคมนาคม ในฐานะประธานบอร์ด ร.ฟ.ท.ออกมาบอกจะทำโน่นทำนี่ตามแผนปรับโครงสร้างพื้นฐานด้วยงบประมาณ 176,808 ล้านบาทอีกคนหนึ่งแล้ว ผมอยากให้รัฐมนตรีชัชชาติ ลงมากำหนดบทบาทและหน้าที่ให้ชัดเจนไปเลยครับ บอร์ดก็ดูเรื่องยุทธศาสตร์ ส่วนผู้ว่าการก็ดูเรื่องยุทธวิธี ปล่อยให้แย่งกันทำงานแบบนี้ เดี๋ยวก็เละเหมือนเดิม อย่างที่ผมเรียนไว้นั่นแหละ นอกจากฝ่ายค้านแล้ว สื่ออย่างผมคนหนึ่งละที่จับตามองอยู่

http://www.komchadluek.net/detail/20121203/146258/%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3!.htm

[Mongwin]

ก.คมนาคมระดมแนวทางปฏิรูปรถไฟไทย หวังเพิ่มศักยภาพให้ดีขึ้น
By สำนักข่าวไทย TNA News | 7 ธ.ค. 2555 14:04

กรุงเทพฯ 7 ธ.ค.- นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ หัวข้อ “การปฏิรูปรถไฟไทย” โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งทางราง เพื่อให้การดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลบรรลุเป้าหมายที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากทางถนนไปสู่ระบบรางและการขนส่งทางน้ำ การเชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่งกับประเทศในภูมิภาคตามแนวระเบียงเศรษฐกิจ การปรับปรุงและพัฒนาประตูการค้า ทั้งท่าเรือ ท่าอากาศยาน การพัฒนาโครงข่ายการขนส่งในประเทศ

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า การปฏิรูประบบรถไฟไทยให้กลับมาบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้งนั้น จำเป็นต้องปฏิรูปองค์กรให้เป็นหน่วยงานราชการ หรือฟื้นกรมรถไฟกลับคืนมา เพื่อที่จะนำทั้งทรัพย์สินและหนี้สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่มีอยู่ 98,000 ล้านบาท กลับมาให้รัฐเป็นผู้รับผิดชอบ ถือเป็นการล้างหนี้ให้ รฟท. โดยกรมรถไฟจะทำหน้าที่ลงทุนพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานอย่างเดียว โดยใช้งบประมาณจากรัฐ แล้วแยกทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการเดินรถให้ รฟท. เป็นผู้บริหารจัดการ ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการธุรกิจการเดินรถของ รฟท. ทำได้คล่องตัวมากขึ้น โดยต้องเปิดให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร และการเดินรถมากกว่า รฟท.เพียงรายเดียว ซึ่งอาจเปิดให้เอกชนเข้ามาเช่าใช้รางรถไฟ เพื่อทำธุรกิจเดินรถไฟได้ โดยกรมรถไฟจะทำหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแล

ด้านนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ รฟท. ยอมรับว่า แนวคิดการเปิดให้เอกชนเข้ามาแข่งขันในการเดินรถ อาจทำให้การควบคุมอัตราค่าโดยสารในระดับที่ประชาชนได้ประโยชน์ทำได้ยาก ซึ่งสิ่งที่ รฟท. จะต้องเร่งทำ คือ การปรับปรุงการให้บริการด้วยการซื้อหัวรถจักรใหม่ ซ่อมแซมรางใหม่ เพื่อพัฒนาคุณภาพรถไฟให้ดีขึ้น ซึ่งขณะนี้ รฟท. มีงบประมาณจากรัฐบาลจัดสรรให้แล้ว 170,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณระยะยาวถึงปี 2563 แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ รฟท. ไม่สามารถรอการจัดสรรงบประมาณรายปีได้ เพราะโครงการพัฒนาระบบรางต่าง ๆ จะต้องได้รับการเร่งรัดประกวดราคาและเซ็นสัญญาก่อสร้างโครงการให้ได้ทั้งหมดภายใน 2 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานระบบรางที่แน่นอน ไม่ถูกปรับเปลี่ยนตามการเมือง ซึ่งเมื่อระบบรางมีความพร้อมจะทำให้การให้บริการของ รฟท. มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนเรื่องหนี้สิน รฟท. ยอมรับว่าเกิดจากปัญหาการบริหารโครงสร้างและต้องการการแก้ไข แต่ไม่เห็นด้วยกับการโอนล้างหนี้ เพราะในภาพรวมประเทศก็จะยังมีหนี้สินอยู่

ทั้งนี้ ในเวทีเสวนาได้มีการพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นใน รฟท. เช่น ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานของ รฟท. ปัจจุบันมีเส้นทางเพียง 4,043 กิโลเมตร ผ่านพื้นที่ 47 จังหวัด ไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ และจำนวนดังกล่าวร้อยละ 91.1 เป็นรางเดี่ยว ทำให้เกิดความล่าช้าในการสับหลีกขบวนและทางรถไฟมีสภาพเก่า ขณะเดียวกันมีหัวรถจักรหมุนเวียนเพียง 142 คัน จำนวนดังกล่าวมีหัวรถจักรที่อายุใช้งาน 25 ปีถึง 104 คัน มีจุดตัดรถไฟเฉลี่ยทุก 2 กิโลเมตร และมีทางลักลอบผ่านถึง 150 จุด ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ไม่นับรวมระบบอาณัติสัญญาณที่ล้าสมัย นอกจากนี้ รฟท.ยังมีภาระหนี้ที่เกิดขึ้นจากการให้บริการเชิงสังคมสูงถึง 98,000 ล้านบาท โดยมีต้นทุนเฉลี่ย 110.15 บาทต่อคน แต่ปัจจุบันเก็บค่าโดยสารเฉลี่ยคนละ 15.17 บาท เป็นผลให้ขาดทุนจำนวนมาก ไม่นับภาระที่เกิดจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ

สำหรับ สนข. เสนอแนวทางปฏิรูปรถไฟไทยจะต้องเริ่มจากปฏิรูปโครงสร้างการบริหาร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีความทันสมัยมากขึ้นทั้งการก่อสร้างทาง ปรับปรุงเครื่องกั้น ปรับปรุงอาณัติสัญญาณ การจัดซื้อหัวรถจักรใหม่ รวมถึงการก่อสร้างรถไฟสายใหม่และรถไฟทางคู่ ซึ่งจำเป็นต้องเร่งรัดการใช้จ่าย ขณะที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรถไฟได้รับกรอบวงเงิน 170,000 ล้านบาท ระหว่างปี 2554-2558 นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพูดถึงแนวทางปรับปรุงโครงสร้างผู้บริหารจะต้องแยกเป็น 3 หน่วยธุรกิจ คือ หน่วยธุรกิจด้านเดินรถและสินค้า หน่วยธุรกิจด้านซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อน หน่วยธุรกิจด้านบริหารทรัพย์สิน ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการคล่องตัวมากขึ้น

ส่วนการปลดภาระหนี้ของ รฟท. โดยการนำที่ดินมาพัฒนาให้เกิดมูลค่าสูงสุด เช่น ที่ดินย่านมักกะสัน เนื้อที่ 512 ไร่ กระทรวงคมนาคมมีแผนพัฒนามักกะสันคอมเพล็กซ์ ทำให้โครงการมีมูลค่าสูงถึง 296,680 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีที่ดินย่านพหล โยธิน กม. 11 เนื้อที่ 359 ไร่ ย่านสถานีแม่น้ำ เนื้อที่ 277 ไร่ ซึ่ง 2 ส่วนนี้สามารถพัฒนาโครงการคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ามากกว่าแสนล้านบาท แนวทางการพัฒนาทรัพย์สินเหล่านี้เมื่อรวมกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการเดินรถและการโอหนนี้บางส่วนที่เกิดจากโครงสร้างพื้นฐานไปให้รัฐบาลรับภาระจะช่วยให้ รฟท.มีหนี้สินเหลือ 11,219 ล้านบาท เท่านั้น.-สำนักข่าวไทย