View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43735
Location: NECTEC
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46896
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
pak_nampho
1st Class Pass (Air) Joined: 25/06/2007 Posts: 2371
Location: คนสี่แควพลัดถิ่น ทำมาหากิน ที่เกาะภูเก็ต
Posted: 12/03/2013 2:24 pm Post subject:
เหอะ เหอะ 555 ชะรอย....
ขึ้นต้นเป็นลำไม่ไผ่ หลาวลงไปกลายเป็น"บ้องกัญชา" ซะแหล่ว _________________ +++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++
....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ...................
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46896
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 12/03/2013 7:24 pm Post subject:
ยังไม่มีข้อสรุปกรณีย้ายหมอชิต
สำนักข่าวไทย TNA News | 12 มี.ค. 2556 18:33
ก.คมนาคม 12 มี.ค. - นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ว่า ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะย้ายสถานีขนส่งกรุงเทพ (หมอชิต) หรือปรับปรุงในพื้นที่เดิม เพราะจะต้องรอความชัดเจน จากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในเรื่องแผนการใช้พื้นที่ดังกล่าว คาดว่าภายในเดือนนี้จะเรียกนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ รฟท.มาหารือ เพื่อดูความชัดเจน เรื่องแผนการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว ส่วนสถานีขนส่งเอกมัยนโยบายเห็นตรงกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ว่า ควรจะย้ายออกไปบริเวณถนนบางนา-ตราด เพื่อช่วยลดความแออัดการจราจรในพื้นที่ได้
ตอนนี้รอทาง รฟท.ตอบมาให้ชัดเจนว่าจะขอพื้นที่จาก บขส.คืนหรือไม่ หากคำตอบชัดเจนว่า บขส. ต้องย้ายออกจะได้ชัดเจนไม่ต้องคิดอะไรมาก เดินหน้าหาพื้นที่ตั้งสถานีแห่งใหม่ได้ แต่ต้องไม่ไกลเกินมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต และต้องเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนหรือรถไฟฟ้าที่จะขยายในอนาคตได้ นายประเสริฐ กล่าว
รมช.คมนาคม กล่าวว่า ทาง บขส.ได้ว่าจ้างศูนย์วิจัยและพัฒนาการจราจรและขนส่ง (TDRC) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ที่ศึกษาเรื่องการจัดทำแผนแม่บทในการพัฒนาสถานีหมอชิต สรุปว่า เนื่องจากพื้นที่สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ มีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่ และมีปัญหาเรื่องของการจัดระบบการจราจร จึงเห็นควรที่จะย้ายออกไปไปหาพื้นที่แห่งใหม่ เพื่อขยายขีดความสามารถให้รองรับได้อย่างเพียงพอ และสอดคล้องกับการเปิดเสรีอาเซียนที่เชื่อว่าอัตราการเดินทางจะเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ระยะยาวจำเป็นจะต้องหาที่สร้างสถานีใหม่
นายประเสริฐ กล่าวว่า จะหารือกับผู้ว่าการ รฟท. เพื่อดูแผนการพัฒนาในส่วนของ รฟท.ให้ชัดเจนก่อน ที่จะตัดสินใจในเรื่องนี้ หากจำเป็นต้องย้ายไปหาสถานที่แห่งใหม่ ก็ต้องใช้เวลาในการเตรียมความพร้อมและสร้างสถานีแห่งใหม่อีกไม่ต่ำกว่า 3 ปี ดังนั้น จะเร่งเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ซึ่งทาง บขส.เสนอแนะพื้นที่บริเวณฟิวเจอร์ปาร์ครังสิตซึ่งเป็นของเอกชน หรือพื้นที่บริเวณรังสิตที่เคยมีการเสนอให้ก่อสร้างอาคารรัฐสภาก่อนหน้านี้ ต้องไปดูว่ามีพื้นที่ใดเหมาะสมและเป็นพื้นที่ว่าง ส่วนที่เคยมีข้อเสนอพื้นที่บริเวณเมืองทองธานีนั้นอาจเป็นไปได้ยาก เพราะราคาที่ดินอาจสูงเกินไป
ด้านนายวุฒิชาติ กล่าวว่า ได้นำสรุปรายงานผลการศึกษาเสนอต่อนายประเสริฐ ที่เสนอให้มีการย้ายออกจากพื้นที่เดิม ส่วนพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้น่าจะเป็นบริเวณรังสิตออกไปไม่เกินมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ส่วนการตัดสินใจอยู่ที่ระดับนโยบายต้องตกลงกับ รฟท.ให้ชัดเจนว่าจะให้ บขส.อยู่ต่อหรือไม่ หากอยู่ต่อต้องมาตกลงกันเรื่องสัญญาเช่าระยะยาว แต่ส่วนตัวเห็นว่าตามแผนระยะยาวการย้ายออกไปหาพื้นที่ใหม่ เพื่อก่อสร้างสถานีแบบถาวรที่ต้องรองรับได้ไม่น้อยกว่า 50 ปีข้างหน้าจะดีที่สุด ส่วนเงินลงทุนนั้น บขส.มีเงินทุนสะสม 3,000 ล้านบาท สามารถนำบางส่วนมาลงทุนได้ที่เหลือใช้วิธีการกู้เงิน หรือให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน
ด้านนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ รฟท. กล่าวว่า ภายในกลางเดือนเมษายนนี้ จะมีความชัดเจนว่า แผนการพัฒนาศูนย์รวมระบบรางบริเวณสถานีบางซื่อของ รฟท.นั้น จะกำหนดเรื่องการใช้ประโยชน์ในพื้นที่โดยรอบรวมถึงพื้นที่บริเวณสถานีขนส่งหมอชิตใหม่ด้วย หากจำเป็นต้องใช้พื้นที่ทั้งหมด บขส.ก็อาจต้องย้ายไปหาพื้นที่ใหม่ แต่หากไม่ได้รับผลกระทบก็ไม่มีปัญหาที่จะให้ บขส.อยู่ต่อไปได้
ความจริงทาง บขส.อยากจะย้ายไปหาที่ใหม่ เพราะพื้นที่เดิมมีข้อจำกัดไม่สามรถขยับขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นได้อีก ขณะที่ รฟท.ก็มีแผนที่จะต้องใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวอยู่แล้ว คงต้องมาดูรายละเอียดอีกครั้ง นายประภัสร์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43735
Location: NECTEC
Posted: 13/03/2013 12:52 am Post subject:
เคาะย้ายสถานีขนส่งหมอชิต-เอกมัย
หน้า ธุรกิจ-ตลาด
โพสต์ทูเดย์
12 มีนาคม 2556 เวลา 16:32 น.
ประเสริฐดันย้ายหมอชิต บขส.เล็งใช้พื้นที่ย่านรังสิต
หน้าเศรษฐกิจ
ไทยโพสต์
13 มีนาคม 2556
คมนาคมยกเครื่องบขส. เคาะย้ายสถานีขนส่งหมอชิต-เอกมัย แก้ปัญหาพื้นที่แออัด พร้อมรับเออีซี
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้เห็นชอบแผนการย้ายสถานีขนส่งแห่งใหม่ทั้ง 2 แห่ง คือ หมอชิต และเอกมัย ตามที่ บริษัท ขนส่ง (บขส.) ได้เสนอมา เนื่องจากสถานีเดิมมีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่ และมีปัญหาเรื่องของการจัดระบบการจราจร จึงต้องหาพื้นที่แห่งใหม่ เพื่อขยายขีดความสามารถให้รองรับได้อย่างเพียงพอ และสอดคล้องกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่จะส่งผลให้อัตราการเดินทางเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ทาง บขส.ได้เสนอแนะพื้นที่บริเวณฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ซึ่งเป็นของเอกชน หรือพื้นที่บริเวณรังสิตที่เคยมีการเสนอให้ก่อสร้างอาคารรัฐสภาก่อนหน้านี้ ซึ่งต้องไปดูว่ามีพื้นที่ใดเหมาะสมและเป็นพื้นที่ว่าง ส่วนที่เคยมีข้อเสนอพื้นที่บริเวณเมืองทองธานีนั้นทีความเป็นไปได้ยาก เพราะราคาที่ดินสูงเกินไป ขณะที่สถานีเอกมัยจะย้ายไปบริเวณพื้นที่บางนา-ตราด ตามนโยบายของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องการย้ายสถานีขนส่งทั้ง 2 แห่ง เนื่องจากพื้นที่เดิมแออัดและไม่เหมาะสมต่อปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ซึ่งได้เสนอรายละเอียดพร้อมผลการศึกษาถึงข้อดีของการย้ายไปสถานีแห่งใหม่ตามที่ได้ว่าจ้างศูนย์วิจัยและพัฒนาการจราจรและขนส่ง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ศึกษาก่อนหน้านี้ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้วและพร้อมจะดำเนินการทันทีที่กระทรวงอนุมัติ
สำหรับพื้นที่แห่งใหม่ที่วางไว้ คือ สถานีขนส่งเอกมัยจะย้ายไปอยู่โซนบางนา ใช้พื้นที่ 15-20 ไร่ โดยจะเปิดให้เอกชนที่สนใจเสนอพื้นที่มายังบขส. หลังจากคัดเลือกพื้นที่แล้วจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี จึงจะเปิดให้บริการได้ ส่วนสถานีขนส่งหมอชิตพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ คือ บริเวณรังสิตออกไปไม่เกินมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต โดยบขส.มีเงินทุนสะสม 3,000 ล้านบาท สามารถนำมาบางส่วนมาลงทุนได้ ที่เหลือใช้วิธีการกู้เงิน หรือให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า แม้ บขส.จะเช่าใช้พื้นที่ของ รฟท. เพื่อให้บริการสถานีขนส่งหมอชิต แต่การย้ายหมอชิตไปที่แห่งใหม่ไม่กระทบกับรฟท.แต่อย่างใด เนื่องจาก รฟท. เป็นผู้แสดงความจำนงต้องการพื้นที่บริเวณดังกล่าวคืนเพื่อนำมาปรับปรุงและใช้เป็นโรงจอดขบวนรถไฟฟ้าความเร็วสูง และพื้นที่ดังกล่าวมีความเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม จะเซ็นสัญญาว่าจ้างที่ปรึกษาแผนการพัฒนาศูนย์รวมระบบรางบริเวณสถานีบางซื่อของรฟท. วันที่ 15 มี.ค. นี้ และจะศึกษาถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่สถานีหมอชิตด้วย หากสามารถไปสร้างโรงจอดที่อื่นได้ รฟท.จะให้ บขส.เช่าพื้นที่ดังกล่าวต่อไป แต่เบื้องต้นมั่นใจว่า บขส. ได้เตรียมพื้นที่สำหรับก่อสร้างสถานีแห่งใหม่อยู่แล้ว ดังนั้น พื้นที่ดังกล่าวรฟท.จะนำกลับมาบริหารเพื่อตอบโจทย์กับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงของรัฐบาลให้ได้มากที่สุด
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43735
Location: NECTEC
Posted: 19/03/2013 12:36 am Post subject:
จ้องรุมทึ้งที่ดินร.ฟ.ท. ขอใช้สร้างที่พักให้สส.-สว.ผู้ทรงเกียรติ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 มีนาคม 2556 23:34 น.
ประเสริฐเผยกรรมการธิการกิจการผู้แทนราษฎร ประสานขอเช่าที่ดินร.ฟ.ท.บริเวณกม. 11 เพื่อสร้างที่พักให้สส.-สว. เทียบเท่าโรงแรมขนาดกลาง กว่า 700ห้อง อ้างเพื่ออำนวยสะดวกสส.และสว.ต่างจังหวัด เหตุใกล้สถานที่ประชุม ด้านร.ฟ.ท.ยันที่ดินมีแผนพัฒนารองรับระบบรางแล้ว
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมเรื่องการสร้างที่พัก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส.ในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ว่า ที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุปในกรณีดังกล่าว เนื่องจากทางร.ฟ.ท. ได้ชี้แจงว่า มีแผนที่จะพัฒนาที่ดินบริเวณด้านเหนือของ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) หรือบริเวณกม.11 โดยขะก่อสร้างเป็นโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ อาคารหอประชุม และที่สำคัญที่แผนการพัฒนาพื้นที่ เพื่อรองรับแผนการใช้ประโยชน์ระบบรางที่จะมีการเชื่อมต่อบริเวณดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม จะนำเรื่องขอใช้พื้นที่ของรถไฟเพื่อสร้างที่พักให้สส.เสนอต่อนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม เพื่อหาข้อสรุปต่อไป
ทั้งนี้ การขอพื้นที่รถไฟเพื่อสร้างที่พักให้กับส.ส.นั้น เป็นความต้องการของคณะกรรมาธิการกิจการผู้แทนราษฎร ที่ต้องการสร้างที่พักให้กับสส.ต่างจังหวัด ที่ต้องเดินทางมาเพื่อเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎร และเห็นว่าพื้นที่รถไฟมีพื้นที่จำนวนมาก และอยู่ใกล้กับที่ประชุมของสส. จึงประสานขอเช่าพื้นที่โดยหากร.ฟ.ท. ยินยอมที่จะให้เช่าพื้นที่รัฐสภาจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการลงทุนรวมถึงการให้บริการทั้งหมดนั้น ซึ่งคาดว่าการลงทุนก่อสร้างอาจจะเทียบเท่าโรงแรมที่มีขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ เนื่องจากจะต้องสร้างให้ครบกับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสส. และสมาชิกวุฒิสภา หรือสว. ที่มีทั้งหมดเกือบ 700 ตำแหน่ง โดย คาดว่าภายในเดือนเมษายนนี้จะได้ข้อสรุป
Back to top
AunHID4501
1st Class Pass (Air) Joined: 26/02/2013 Posts: 2548
Location: กรุงเทพ - พรหมพิราม // วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม(สยามเทค)
Posted: 19/03/2013 12:33 pm Post subject:
รถไฟไม่ให้ พท.สร้างที่พัก ส.ส.
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- อังคารที่ 19 มีนาคม 2556
...............................................................................................................
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงคมนาคม เปิดเผยภาย หลังเป็นประธานการสร้างที่พักสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. ในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่า ที่ประชุมในครั้งนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการของที่ดินที่การรถไฟฯ เพื่อจะขอสร้างอาคารที่พักดังกล่าว เนื่องจากการรถไฟฯ ได้มีการชี้ต่อที่ประชุมว่าการรถไฟฯ ได้มีแผน ที่จะมีการพัฒนาที่ดินบริเวณพื้นที่ด้านเหนือของ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บ.ข.ส.) หรือบริเวณ กม.11 เพื่อก่อสร้างเป็นโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ อาคารหอประชุม และที่สำคัญที่แผนการพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับแผนการใช้ประโยชน์ระบบรางที่จะมีการเชื่อมต่อบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตนจะนำเรื่องขอใช้พื้นที่ของการรถไฟเสนอต่อนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม เพื่อหาข้อสรุปต่อไป
"การขอพื้นที่เพื่อสร้างที่พักให้กับ ส.ส.นั้น เป็นความต้องการของคณะกรรมาธิการกิจการผู้แทนราษฎร ที่ต้องการสร้างที่พักให้กับ ส.ส.ที่เป็น ส.ส.ต่างจังหวัด ที่ต้องเดินทางมาเพื่อเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้เล็งเห็นว่าพื้นที่ของการรถไฟมีพื้นที่จำนวนมาก จึงอยากจะประสานขอเช่าพื้นที่เพื่อมาดำเนินการดังกล่าว ทั้งนี้ หากการรถไฟยินยอมที่จะให้เช่าพื้นที่การลงทุน รวมถึงการให้บริการทั้งหมดนั้น รัฐสภาจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยมองดูแล้วการลงทุนก่อสร้างอาจจะเทียบเท่าโรงแรมที่มีขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ เนื่องจากจะต้องสร้างให้ครบกับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. และสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ที่มีทั้งหมดเกือบ 700 ตำแหน่ง โดยเรื่องดังกล่าว ตนจะนำไปหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อหาข้อสรุปต่อไป" นายประเสริฐ กล่า
ที่มา : http://www.ryt9.com/s/bmnd/1612264 _________________
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43735
Location: NECTEC
Posted: 22/03/2013 9:32 am Post subject:
มักกะสันคอมเพล็กซ์ ก้อนเนื้อร้าย ทะลวงปอดชาวกรุง!!
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 21 มีนาคม 2556 22:27 น.
หายใจติดขัด ปอดของคนกรุงกำลังจะหายไป!! พื้นที่สีเขียวขนาด 700 ไร่ กำลังจะถูกบดขยี้ให้มลายหายไปด้วยเมกะโปรเจกต์อลังการมูลค่า 2 แสนล้านของ รฟท. ที่ใช้ชื่อว่า มักกะสันคอมเพล็กซ์ ผุดห้างทรงสูง โรงแรมหรู และพื้นที่เชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ ขึ้นเสียบแทนร่มไม้ที่เคยทำหน้าที่ฟอกมลพิษให้หายใจกันได้อย่างเต็มปอด
ชาวกรุงทนไม่ไหว ใช้โซเชียลมีเดียออกโรงรณรงค์เต็มสตรีม เปิดลงชื่อคัดค้านแค่ 3 วัน ยอดคนสนับสนุนทะลุ 5 พันเสียงแล้ว!! การต่อสู้ระหว่างอำนาจรัฐกับพลังประชาชน ใครเป็นผู้ตัดสิน?
ก้อนเนื้อร้าย บุกทลายเมือง!!
แค่นี้คนเมืองก็รู้สึกป่วยจะแย่อยู่แล้ว ไหนจะต้องคอยข่มใจให้สงบจากปัญหารถติด ไหนยังต้องฝ่ามลพิษออกไปทำงานกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หลายคนจึงใช้เวลาที่เหลือเพียงน้อยนิดในวันหยุดสุดสัปดาห์ พาตัวเองไปหาพื้นที่สีเขียว สูดดมอากาศบริสุทธิ์ ให้ได้รู้สึกถึงธรรมชาติอันรื่นรมย์ ให้รู้สึกว่ายังมี คุณภาพชีวิตดีๆ หลงเหลืออยู่ในเมืองหลวงอันแสนจะวุ่นวายแห่งนี้อยู่บ้าง
เมื่อได้ยินข่าวว่าพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใจกลางเมืองย่านมักกะสัน กำลังจะถูก เนื้อร้ายทรงคอนกรีต เข้ามาทำลาย ปอดคนกรุงเทพฯ จึงบอกได้คำเดียวว่า เซ็ง!!
เราเหลือพื้นที่สีเขียวกลางกรุง นับว่าเป็นสิ่งที่มีค่ามากในหลายด้าน สมควรแล้วหรือที่ใครอยากทำลายคุณค่าเหล่านี้ เพื่อแลกกับศูนย์การค้า ผลประโยชน์ตกอยู่กับคนเพียงหยิบมือ ฤทัยรัตน์ อิ่มศิลป์
ผมเกิดและอยู่ที่มักกะสัน มา 40 ปีแล้วครับ รักมักกะสันมาก แต่บ้านเพิ่งถูกซื้อไปโดยนายทุน เพื่อสร้างตึกใหญ่ ผมว่ามักกะสันจะสวยมาก และทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองสวยและน่าอยู่มากๆ ถ้ามักกะสันกลายเป็นสวนสาธารณะ ชาวต่างชาติจะได้ชื่นชมและเล่าต่อไปทั่วโลกแน่ เพราะตรงนั้นชาวต่างชาติเยอะมากและเป็นแอร์พอร์ตลิงก์ ภีญทรรศน์ ทับมณี
กรุงเทพควรมีสวนสาธารณะที่ปลอดภัยมากกว่านี้ เรามีห้างสรรพสินค้ามากเกินไปแล้ว สังเกตได้ว่าช่วงปิดเทอมเด็กๆทำความผิดเป็นจำนวนไม่น้อย เพราะเขาไม่มีที่ไป ไม่มีกิจกรรมที่เหมาะสมกับเด็ก ถ้ารักและห่วงใยประเทศชาติจริงต้องนึกถึงคุณภาพของเด็กให้มาก สวนสาธารณะเป็นสถานที่ที่คนทุกวัย สามารถมีกิจกรรมร่วมกันได้ ในประเทศที่เจริญอย่างนิวซีแลนด์ วันเสาร์ อาทิตย์ ผู้คนไปเล่นกีฬาที่สวนสาธารณะ ไม่บ้าเดินห้างเหมือนคนไทย ม.ล.อาภาวดี กัญญาพันธุ์
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่จะเอาหรือไม่เอาสวนสาธารณะ แต่เป็นเรื่องของสิทธิในฐานะพลเมืองของกรุงเทพฯ ว่าเราควรจะมีส่วนร่วมตัดสินใจในการจัดสรรพื้นที่และภูมิศาสตร์ของเมืองที่เราอาศัยอยู่ ซึ่งสิ่งนี้จะมีผลกระทบอย่างมากต่อรูปแบบการใช้ชีวิตของพวกเราว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร เกียรติชัย เกียรติศิริขจร
นี่เป็นเพียงตัวอย่างอาการเซ็งเพียงบางส่วน ของผู้ที่ลงชื่อคัดค้านโปรเจกต์หวังกำไรครั้งใหญ่ครั้งนี้ของทาง รฟท. (การรถไฟแห่งประเทศไทย) ซึ่งร่วมกันลงนามเอาไว้ ผ่านทางเว็บไซต์ Change.org ภายใต้ชื่อโครงการ เราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์ (คลิกเพื่อไปยังหน้าลิงก์) พร้อมกับแชร์โพสต์เด็ดๆ ปลุกระดมความรู้สึกชาวกรุงผ่านทางเพจ MakkasanHope บนเฟซบุ๊ก (คลิกเพื่อไปยังหน้าลิงก์) ซึ่งดูเหมือนว่ากระแสจะเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ บนโลกออนไลน์ในขณะนี้ คิดดูว่าเพิ่งเปิดลงชื่อคัดค้านได้แค่ 3 วัน แต่ยอดคนสนับสนุนปาเข้าไป 5 พันกว่าเสียงแล้ว!!
รฟท. = ผู้ดีเก่า ขายสมบัติกิน?
หนี้ คือตัวแปรสำคัญที่บีบบังคับให้เจ้าของพื้นที่อย่าง รฟท. ผุดโปรเจกต์ป่าคอนกรีตครั้งนี้ขึ้นมาอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน แม้รู้ดีว่าพื้นที่สีเขียวในมหานครของไทยอยู่ในภาวะอัตคัดขาดแคลน จากที่ควรจะมีอัตราส่วนพื้นที่สีเขียวต่อ จำนวนประชากร ไม่ต่ำกว่า 9 ตารางเมตร/คน อย่างที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดเอาไว้ แต่กลับต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของเกณฑ์เสียอีก คือมีพื้นที่สีเขียวเพียง 4.09 ตารางเมตร/คน เท่านั้น สะท้อนให้เห็นคุณภาพชีวิตอันตกต่ำของคนไทยเป็นอย่างมาก
แต่ดูเหมือนว่า รฟท. จะมองไม่เห็นว่าเป็นปัญหาอะไร เพราะปัญหาใหญ่สำหรับบอร์ดในตอนนี้คือ พวกเขามีหนี้สินท่วมหัว เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนติดท็อปไฟว์มานานแสนนาน ไหนจะโครงการรถไฟความเร็วสูงที่รัฐบาลวาดฝัน-กดดันเอาไว้ให้รับผิดชอบอีก ที่ดินมักกะสันจึงกลายเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นสุดท้ายที่สามารถหยิบออกมาประมูลได้อย่างง่ายๆ และน่าจะได้ราคางามที่สุดแล้ว
ถ้าบอกว่า รฟท. เป็นหนี้ ต้องปรับปรุงระบบของเขาเพื่อทำรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง แต่ไม่รู้จะเอาเงินมาจากที่ไหน อันนี้ผมเข้าใจครับ แต่มีคำถามว่าเขาเป็นหน่วยงาน 3 อันดับต้นๆ ของประเทศที่มีที่ดินอยู่ในมือเยอะที่สุดนะ พื้นที่มักกะสันคือแปลงที่หนึ่ง แปลงที่สองคือตรงจตุจักร-บางซื่อ เป็นร้อยๆ ไร่เลย ไหนจะตรงรัชดาฯ อีก ที่มีโรงอาบอบนวดยี่ห้อต่างๆ
แต่ที่ผ่านมา เราไม่เคยเห็นการบริหารจัดการให้ดีขึ้นเลย แต่วันนี้เขากลับกำลังทำตัวเหมือน ผู้ดีเก่า ที่ทำงานไม่ค่อยเป็นก็เลยต้องเอาสมบัติเก่าของตัวเองมาขายกิน เอาที่ดินตรงมักกะสันมาประมูลสร้างห้าง ทำลายพื้นที่สีเขียว ผมไม่เห็นด้วยครับ
ต้องถามว่า ทำไม รฟท. ถึงไม่ขึ้นค่าโดยสารมาตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ทำไมไม่ปรับปรุงการเดินรถ ทำไมมาบริหารพื้นที่ตรงจตุจักรแล้วทำให้เกิดความขัดแย้ง ทำไมทำอะไรดูมีนอกมีใน และมันก็ยังมีพื้นที่อื่นอีกเยอะแยะที่เอื้อให้ รฟท. เข้าไปพัฒนาและสามารถสร้างกำไรให้ รฟท. ยืนขึ้นมาได้ใหม่ แต่เขาไม่ทำ ถึงเวลาก็เอาที่มาขายกิน
ผมว่าวิธีแก้ปัญหาแบบนี้ ในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของประเทศ ผมไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ ผมก็ไม่ได้อยากจะตำหนิเขานะครับ แต่เพียงแค่ท่านเปลี่ยนมุมมองในการบริหารนิดหนึ่ง ประชาชนจะรักท่านแน่นอนครับและจะรักแบบไม่เสื่อมคลายด้วย ปุณลาภ ปุณโณทก นักออกแบบ แกนนำการรณรงค์ เราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์ หรือเรียกสั้นๆ ในนาม กลุ่มสวนมักกะสัน ฝากไว้ให้คิด
ถึงตอนนี้ ประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เพิ่งออกมาแถลงการณ์ว่าใกล้ได้ฤกษ์การประกาศเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) แล้ว โดยคิดเอาไว้ว่าพื้นที่ทั้งหมด 700 ไร่ หักส่วนที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ออกไป เหลือ 497.11 ไร่ จะลงทุนทำคอมเพล็กซ์แบบครบวงจร ส่วนเรื่องที่จะพัฒนาเป็นสวนสาธารณะไหม ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่จะมีการจัดให้มีพื้นที่สีเขียวตามกฎหมาย เพราะฐานะการเงินของ รฟท. ยังขาดทุน การนำที่ดินที่มีศักยภาพมาสร้างรายได้ถือว่าจำเป็น
หากคำนวณคร่าว ๆ ที่ดินจำนวนเกือบ 500 ไร่นั้น แบ่งส่วนหนึ่งเป็นถนนประมาณ 30% ก็จะเหลือที่ดิน 350 ไร่ ในจำนวนนี้สามารถก่อสร้างเป็นหอประชุม-นิทรรศการ ขนาดประมาณ 60 ไร่ 1 แห่ง, ศูนย์การค้าขนาด 30 ไร่ จำนวน 2 แห่ง รวม 60 ไร่, โรงแรมขนาด 15 ไร่ 4 แห่ง รวม 60 ไร่ ในขณะที่พื้นที่ส่วนที่เหลืออีก 170 ไร่นั้น สามารถแบ่งเป็นแปลงสร้างอาคารสำนักงาน ห้องชุดพักอาศัย เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์แปลงละ 8 ไร่ ขนาดเท่าที่ตั้งของธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ สีลม จำนวน 21 แปลง ปัทมา จันทรานุกูล กรรมการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) ชี้แจงรายละเอียดเอาไว้
ไม่น่าแปลกใจเลยว่า เพราะเหตุใดจึงมีชาวกรุงรู้สึกเดือดปุดๆ จนต้องลุกขึ้นมาค้าน เห็นกันจะจะอยู่ว่าในแบบแปลนที่วางเอาไว้ ไม่มีคำว่า พื้นที่สีเขียว หรือ สวน หลงเหลืออยู่เลย ทั้งที่คณะรณรงค์ยืนยันว่าคนที่เข้ามากดไลค์เพจในเฟซบุ๊กนับหมื่นเห็นตรงกันว่า ไม่ต้องการอาคารเชิงพาณิชย์ตามรูปแบบที่ รฟท. เสนอมาแม้แต่นิดเดียว
แต่ถ้าเป็นไปได้ อยากให้พื้นที่ส่วนแรกเป็นพื้นที่ห้างฯ และอาคารพาณิชย์แค่ 30-40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ไม่อยากได้อาคารแนวดิ่ง 50-60 ชั้น อย่างมากสุดแค่ 20 ชั้นก็พอ อีก 30 เปอร์เซ็นต์ อยากให้ทำเป็นอุทยานการเรียนรู้อย่าง OKMD, TK Park, Museum Siam เป็นพื้นที่การเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรม และส่วนสุดท้ายเป็นพื้นที่สีเขียว จัดให้มีพื้นที่ของลู่วิ่ง ลู่จักรยาน ลานสเก็ตบอร์ด หรือลานเอ็กซ์สตรีมสปอร์ต ว่ากันไปตามการออกแบบ
พัฒนา หรือ ทำลาย
แค่ลองจินตนาการว่า ปอดขนาดใหญ่ ขนาด 700 ไร่ของคนกรุงเทพฯ หายไป ก็ทำให้เริ่มหายใจติดๆ ขัดๆ แล้ว ยิ่งนึกเสียดายขึ้นไปอีกเมื่อมองเห็นว่า บึงมักกะสัน ซึ่งเป็นแก้มลิงกลางเมืองหลวง ช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤตน้ำท่วมมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า อาจถูกถมทับจนหมดสิ้น ไหนจะสถานที่แห่งประวัติศาสตร์อย่าง การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ตรงนั้นด้วย แกนนำกลุ่มสวนมักกะสันจึงอยากให้เจ้าของที่อย่าง รฟท. คิดให้ดี คิดให้หนัก หรือถ้าคิดไม่ออก อย่างน้อยให้เริ่มต้นความคิดที่ว่า จะทำอย่างไรให้พื้นที่ได้ใช้ประโยชน์สูงสุด?
สัญญาสัมปทาน 30 กว่าปี ลองคิดคร่าวๆ เอา 30 ปีไปหาร 200,000 ล้าน แสดงว่าปีหนึ่งต้องได้กำไรอย่างน้อย 7,000 ล้าน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะธุรกิจที่จะลงทุนเยอะขนาดนี้แล้วได้รับกลับมาในอัตราเท่านี้ได้ คือถ้าจะสร้างห้างฯ คุณต้องทำใหญ่กว่าพารากอนประมาณ 30 เท่าถึงจะได้กำไร แค่เวลาก่อสร้างก็ยากแล้ว คงต้องมีคนไปเดินสัก 50,000 คนทุกวัน พื้นที่ตรงนั้นถึงจะอยู่ได้ครับ
แล้วห้างฯ ทุกวันนี้ก็มีเยอะแยะและคนก็เดินน้อยลงมาก พวกเราไม่ได้บอกว่าห้ามผุดห้างฯ ขึ้นมาตรงนั้นนะครับ มีไปเลยครับ แต่ขอให้แตกต่างและสร้างกำไรได้ เพราะลำพังจำนวนห้างฯ เท่าที่มีอยู่ตรงแถวสยาม-ราชประสงค์-ประตูน้ำ 4-5 แสนตารางเมตรก็เยอะแล้ว จะผุดห้างฯ ขึ้นมาตรงนี้อีก คุณจะเอาอะไรไปแข่งกับเขาครับ จะสร้างมาเหมือนๆ เดิมมันก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายก็ต้องเจ๊งกันไป
แต่ในทางกลับกัน ถ้าสร้างให้เป็นห้างฯ ที่แวดล้อมด้วยสวน ออกแบบดีๆ แล้วทำให้เป็น เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ แบบที่ประเทศเจริญแล้วเขาทำ ให้มีสวนน้ำ สวนธรรมชาติ ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปใช้และเก็บค่าบริการได้ เรามีอุทยานการเรียนรู้ มีสวนศิลป์ มีพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะ มีออดิทอเรียมทั้งกลางแจ้งและในร่มที่สามารถจัดคอนเสิร์ตได้ ถามว่าตรงนั้นจะเป็นเศรษฐกิจมูลค่าเพิ่มไหม? นักท่องเที่ยวจะไปไหม? ถ้าทำตรงนั้นให้นักท่องเที่ยวบอกต่อว่า ต้องไป ให้เป็นสวนมักกะสันที่กรุงเทพฯ ไม่เคยมี แต่มารวมอยู่ที่นี่ มีทั้งสวน มีทั้งศิลป์ ห้างก็มี แต่มีในสัดส่วนที่มันเหมาะสม
แต่ทุกวันนี้ เห็นผู้ใหญ่มานั่งประชุมกัน คิดอะไรไม่ออก เรียกฝ่ายการเงินมา เรียกคนวิจัยมาหน่อย พูดแค่ตัวเลข 200,000 ล้านบาท แล้วโยนๆ กันไป แล้วคิดว่ามันจะสำเร็จไหมครับ ประชาชนก็จะรู้สึกว่า มาอีกละ! ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตาม มาทำนโยบายที่ดูไม่ค่อยฉลาดกันทุกทีเลย
ล่าสุด ได้ข่าวว่าทางการรถไฟแห่งประเทศไทยจะรีบประกาศ TOR ออกมาให้ประมูลกันภายในเดือน มี.ค. นี้ เพราะเห็นความเคลื่อนไหวต่อต้านบนโลกออนไลน์เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ มีผู้มาเข้าชื่อร่วมคัดค้านเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ตอนนี้ลงชื่อสนับสนุนกันทะลุ 5,000 แล้ว จากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 10,000 รายชื่อ และจะประกาศยุติการรณรงค์ปลายเดือน เม.ย. เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกไปยังผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง
เราคิดว่าเราเป็นประชาชน ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ นั่นหมายถึงว่าทรัพย์สินของรัฐหรือการกระทำทั้งหมดของหน่วยงานรัฐ เรามีสิทธิที่จะโต้แย้งแสดงความคิดเห็นต่างๆ ได้ แต่เราไม่สามารถเดินเข้าไปเป็นกลุ่มคนเล็กๆ แล้วบอกว่าเราอยากได้อย่างนั้นอย่างนี้ เราเองก็ไม่ได้อยากเข้าไปประท้วงให้ผู้ใหญ่โกรธและไม่พอใจ แต่แค่อยากแสดงออกด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ทั้งหมดที่ผมพูดมา อาจจะมีดราม่าปนอยู่บ้าง แต่จริงๆ แล้วการรณรงค์โปรเจกต์นี้ เราไม่ได้ทำอยู่ภายใต้แรงกดดันใดๆ เลย แต่เราทำอยู่บนรอยยิ้มและความสุขครับ
และถ้าคุณอยากเป็นหนึ่งเสียงที่ยกมือสนับสนุนสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าจะเป็น ความสุขที่แท้จริง ของคนเมือง ลองไปลงชื่อใน Change.org (คลิกเพื่อไปยังหน้าลิงก์) หรือถ้าจับต้นชนปลายไม่ถูก เริ่มจากเสิร์ชหน้าเพจ เราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์ (คลิกเพื่อไปยังหน้าเพจ) บนเฟซบุ๊กก่อนก็ได้
ยิ่งยอดลงชื่อมากเท่าไหร่ พลังเสียงก็จะยิ่งหนักแน่นมากขึ้นเท่านั้น ตามคอนเซ็ปต์ของพวกเขาที่บอกเอาไว้ว่า เพราะนี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่เราจะได้บอกในสิ่งที่เราต้องการ!!
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43735
Location: NECTEC
Posted: 25/03/2013 12:00 pm Post subject:
ปตท. จ่อย้ายสำนักงานใหญ่
ฐานเศรษฐกิจออนไลน์
วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2013 เวลา 07:30 น.
ตั้งคณะกรรมการเฟ้นหาพื้นที่ ผุด "เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์" เฟส 2 ลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท หากเจรจาขอเช่าพื้นที่จาก ร.ฟ.ท.ไม่เป็นผล ทั้งที่สัญญาเดิมระบุให้ต่อได้อีก 30 ปี หลังสิ้นเดือนมี.ค.นี้ ด้าน "กฤษณะพล"จับมือผู้ประกอบการเช่าอาคาร เร่งมาตรการประหยัดพลังงาน รับมือวิกฤติไฟฟ้าขาดช่วงเดือนเมษายนนี้
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)(บมจ.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงกรณีความคืบหน้าการเจรจาต่อสัญญาเช่าพื้นที่สำนักงานใหญ่ปตท. ถนนวิภาวดี รังสิต จากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่จะสิ้นสุดอายุสัญญาภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2556 ว่า ปตท.อยู่ระหว่างการหารือกับ ร.ฟ.ท. เพื่อให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว ซึ่งตามสัญญาเดิมที่กำหนด ปตท.มีสิทธิที่จะต่ออายุสัญญาการใช้ประโยชน์บนที่ดินออกไปได้อีก 30 ปี โดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทน เนื่องจากเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา ปตท.ได้จ่ายเงินก้อนจำนวน 40 ล้านบาทไปแล้ว แต่หากไม่สามารถต่อสัญญาได้ ปตท.ต้องหาพื้นใหม่รองรับ
นอกจากนี้ ปตท.ได้ใช้เงินจำนวน 150 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงพื้นของ ร.ฟ.ท.ที่เป็นชุมชนโดยรอบสำนักงานใหญ่ ปตท.และกระทรวงพลังงาน อาทิ สนามกีฬา สวนสาธารณะ และอาคารร้านค้า เพื่อให้ชุมชนโดยรอบมีความสะดวกและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นายกฤษณะพล โกมลบุณย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด กล่าวว่า แม้ว่า ปตท.จะเจรจากับ ร.ฟ.ท. เพื่อต่ออายุสัญญาไปอีกก็ตาม แต่ก็ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสรรหาพื้นที่ใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมหากไม่สามารถต่ออายุสัญญาดังกล่าวได้ โดยรูปแบบการก่อสร้างตึกใหม่จะมีลักษณะเดียวกับตึกเอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ ซึ่งเงินลงทุนคาดว่าจะสูงกว่าเฟสแรกประมาณ 10% หรือกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากเฟสแรกที่ใช้เงินลงทุน 9.75 พันล้านบาท ส่วนจะมีข้อสรุปด้านพื้นที่เมื่อไรนั้น ต้องรอผลการเจรจาของ ปตท.ว่าจะได้ข้อยุติลงเมื่อไร "สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะมีกำไรที่กว่า 100 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไร 147 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้บริษัทต้องเตรียมสำรองเงินเพื่อใช้สำหรับซ่อมบำรุง 200 ล้านบาท เพราะได้ครบกำหนดระยะเวลารับประกันอุปกรณ์และระบบประหยัดพลังงานของผู้รับเหมาที่ 3 ปี ดังนั้นในปีนี้ระบบต่างๆ อาทิ ระบบเครื่องปรับอากาศ ไฟฟ้า และน้ำ ต้องมีการซ่อมบำรุงหรืออาจต้องปรับปรุงบางส่วน อย่างไรก็ตามการดำเนินงานของบริษัทไม่ได้มุ่งเน้นผลกำไร แต่จะเน้นการให้บริการผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก"
ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทเตรียมเพิ่มมาตรการด้านการบริหารจัดการพลังงานให้มีความเข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนนี้ ที่จะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด(พีก) ประกอบกับวิกฤติก๊าซจากเมียนมาร์ที่ไม่สามารถส่งมาให้ไทยในวันที่ 5-14 เมษายนนี้ ส่งผลให้ทุกฝ่ายต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการประหยัดพลังงาน โดยเตรียมมาตรการ 4 ป. ได้แก่
1. ปรับแอร์ให้อยู่ที่ 26 องศา เนื่องจากพบว่าสัดส่วนการใช้พลังงานภายในศูนย์สัดส่วนการใช้พลังงานส่วนใหญ่ประมาณ 66% มาจากระบบปรับอากาศ ,
2. ปิดไฟ โดยจะปิดไฟฟ้าแสงสว่างเมื่อไม่ได้ใช้งานในช่วงพักเที่ยงและหลังเลิกงาน หรือดึงปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆเมื่อเลิกใช้งาน ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนการใช้พลังงานจากระบบไฟฟ้าแสงสว่างประมาณ 14% ,
3. ปลดเนคไทร์ และ
4. ปลอดสูต เป็นการรณรงค์ให้มีการแต่งกายให้เข้ากับอากาศร้อน
โดยมาตรการดังกล่าวได้เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม และได้วัดปริมาณการใช้ไฟฟ้าของศูนย์ในวันที่ 4-5 มีนาคมที่ผ่านมา สามารถลดการใช้ไฟฟ้าประมาณ 9.8 พันกิโลวัตต์-ชั่วโมง คิดเป็นเดือนละประมาณ 2 แสนกิโลวัตต์-ชั่วโมง คิดมูลค่าเป็น 9 แสนถึง 1 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทต้องจ่ายค่าไฟฟ้าประมาณ 9 ล้านบาทต่อเดือน และได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการตึกและอาคารย่านถนนวิภาวดีฯเพื่อร่วมมือกับมาตรการดังกล่าวด้วย
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43735
Location: NECTEC
Posted: 26/03/2013 10:14 am Post subject:
เพลิงไหม้ชุมชนย่านหลักหก วอด 5 หลัง
เนชั่นทันข่าว
วันอังคารที่ 26 มีนาคม 2556 เวลา 06:24 น.
เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุ สภ.ปากคลองรังสิต อ.เมือง จ.ปทุมธานี รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน บริเวณชุมชนริมถนนโลคัลโรด ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟหลักหก ม.7 ต.หลักหก อ.เมือง ที่เกิดเหตุซึ่งเป็นชุมชนริมถนนโรคัลโลด มีบ้านเรือนประชาชนปลูกแบบชั้นเดียว เรียงกันอยู่หลายสิบหลังคาเรือน โดยเพลิงได้ลุกไหม้ที่บริเวณบ้านหลังแรกริมทางแยกเข้าถนน5 บาท จากนั้นก็ลุกลามติดต่อกันไป โดยมีชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนต่างช่วยกันขนข้าวของ ทรัพย์สินมีค่าออกจากบ้านกันอย่างชุลมุน เจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งฉีดน้ำสกัดเปลวเพลิง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม.เพลิงจึงสงบ โดยเพลิงได้เผาไหม้บ้านเรือนของประชาชนไปทั้งสิ้นจำนวน 5 หลังคาเรือน
นายยนต์ วงศ์มา อายุ 43 ปี กล่าวว่า บ้านของตนเองนั้นเป็นร้านรับซื้อของเก่า ระหว่างที่ตนเองและครอบครัวกำลังนอนพักผ่อนอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเพื่อนบ้านตะโกนบอกกันว่าไฟไหม้ๆ ตนเองจึงรีบออกมาจากบ้านก็เห็นว่ามีเพลิงกำลังลุกไหม้สายไฟฟ้าที่ระโยงระยางอยู่เต็มหน้าบ้านหลังแรกตรงหัวมุมทางแยกเข้าถนน 5 บาท ตนเองจึงได้รีบวิ่งไปตามรถดับเพลิง และกลับมาบ้านอีกครั้งโดยยกเอาถังแก๊สหลายใบโยนทิ้งออกไปทางหลังบ้าน จากนั้นก็มีรถดับเพลิงมาช่วยดับไฟให้หลายคันแต่บ้านของตนเองและเพื่อนบ้านจำนวน 5 หลังก็วอดไปกับแสงเพลิงบ้านหลังที่เกิดเหตุที่เป็นต้นเพลิงนั้นเป็นบ้านของนายเป๋ ซึ่งปล่อยทิ้งร้างไม่มีใครอยู่บ้านมานานแล้ว โดยไฟลุกไม้จากสายไฟหน้าบ้านก่อนจะลามไปหลังอื่นๆ
เบื้องต้นนั้นเจ้าหน้าที่จะได้กันพื้นที่ไว้ให้เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน เขต 1 จังหวัดปทุมธานี เข้ามาตรวจสอบสาเหตุของเพลิองไหม้ในครั้งนี้อย่างละเอียดและจะได้ดำเนินการตามกฏหมายต่อไป
//-----------------------------------
รฟท.เผยจำนวนผู้บุกรุกที่ดินสายสีแดงเพิ่ม
หน้าธุรกิจ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 26 มีนาคม 2556 16:10
รฟท.เผยจำนวนผู้บุกรุกที่ดินตามแนวรถไฟสายสีแดงบางซื่อ-รังสิตเพิ่มเท่าตัว เตรียมจ้างผู้รับเหมาเข้ารื้อย้าย หวังเร่งงานก่อสร้างเสร็จตามสัญญา
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังลงนามสัญญาจ้างงานบริการที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ในวันนี้ (26 มี.ค.) ว่า รฟท.ได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัท TEAM Association เพื่อทำหน้าที่ควบคุมงานก่อสร้าง ช่วงบางซื่อ-รังสิต มูลค่ารวม 1,417 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินไทย 1,168,433,400 บาท และเงินญี่ปุ่น 676,762,500 เยน รวมทั้งจ้างงานควบคุมระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้ไฟฟ้า ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน มูลค่า 89,863,712 บาทดด้วย โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 48 เดือน
สำหรับความคืบหน้างานก่อสร้างโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิตนั้น ปัจจุบันผู้รับเหมาก่อสร้างสัญญา 1 งานโยธาสำหรับสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง และสัญญา 2 งานโยธาสำหรับทางรถไฟ ได้เข้าพื้นที่เพื่อเตรียมการก่อสร้างตามแผนงานที่กำหนดแล้ว โดยจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา จึงจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการ โดยมั่นใจว่าจะแล้วเสร็จตามแผนงานอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ยอมรับว่ายังมีปัญหาการื้อย้ายผู้บุกรุกที่ดินของรฟท.ที่อยู่ตามแนวเส้นทางการก่อสร้างซึ่งมีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่เคยสำรวจไว้ในอดีตพบว่ามีจำนวนผู้บุกรุกประมาณ 500 ราย แต่ปัจจุบันจำนวนผู้บุกรุกเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ราย หากปล่อยไว้นานกว่านี้ก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก และอาจต้องขอวงเงินงบประมาณในการชดเชยให้กับผู้บุกรุกที่ต้องรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากแนวพื้นที่การก่อสร้างเพิ่มเติมด้วย
"รฟท.อาจจะต้องใช้วิธีพิเศษจ้างผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการรื้อย้ายผู้บุกรุกออกไป เพื่อให้การดำเนินงานรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยยืนยันว่าการรื้อย้ายผู้บุกรุกออกไป ทาง รฟท.จะต้องอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ รวมถึงการชดเชยให้ตามความเหมาะสม ถึงแม้จะเป็นพื้นที่ของ รฟท.เองก็ตาม"
Back to top