| View previous topic :: View next topic | 
	
	
		| Author | Message | 
	
		| Wisarut 1st Class Pass (Air)
 
  
  
 Joined: 27/03/2006
 Posts: 45503
 Location: NECTEC
 
 | 
			
				|  Posted: 30/03/2013 12:37 am    Post subject: งบรฟท. ที่หมายใจว่าจะได้จาก เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท |   |  
				| 
 |  
				| งบรฟท. ที่หมายใจว่าจะได้จาก เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ที่เพิ่งได้ 284 Yeah 152 Nay 21 Abstain 7 No vote และรอคณะกรรมาธิการตรวจสอบและรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มีรายการดั่งนี้ 
 ร.ฟ.ท.ดันงบระบบราง1.2 ล้านล.
 โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ
 หน้า อสังหา REAL ESTATE	 - คอลัมน์ : อสังหาฯ REAL ESTATE
 ออนไลน์เมื่อ วันอังคารที่ 26 มีนาคม 2013 เวลา 13:06 น.
 ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,830  วันที่  28- 30  มีนาคม พ.ศ. 2556
 
 "ประภัสร์" เปิดหวูดสั่งขับเคลื่อน 28 โครงการภายใต้กรอบพ.ร.ก.เงินกู้ 2 ล้านล้าน จัดทีมตั้งแต่ระดับรองผู้ว่าการเกาะติดความคืบหน้า เผยเปิดประมูลอี-ออกชัน โดยรถไฟทางคู่ต้องเร่งรัดประมูล 1 เส้นทาง 1 สัญญา เร่งคัดคุณสมบัติผู้ที่จะมาเสนอราคาต้องเด่นเรื่องเงินทุนและเทคนิค  ส่วนไฮสปีดเทรนปลายปีนี้ชัดเจนแน่
 
 นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งขับเคลื่อนแผนการพัฒนา 28 โครงการของร.ฟ.ท.ที่ได้รับงบประมาณภายใต้แผนโครงการสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศภายใต้กรอบวงเงิน 2 ล้านล้านบาท โดยต้องการให้มีการเปิดประมูลโดยเร็วเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าต่อการพัฒนาโครงการเนื่องจากหลายโครงการมีความพร้อมเปิดประมูลได้แล้ว
 
 "โดยเฉพาะรถไฟทางคู่จำนวนกว่า 10 สายทางหากเส้นทางไหนได้รับการรับรองผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้เปิดประมูลได้ทันที ส่วนอื่นๆก็เร่งทีโออาร์ให้พร้อมไว้แล้ว  โดยได้มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบตั้งแต่รองผู้ว่าการไปติดตามควบคุมดูแลความคืบหน้าทุกระยะในแต่ละโครงการ  ส่วนการคัดเลือกผู้ที่จะมาเสนอราคาย้ำต้องเป็นมืออาชีพจริงๆเนื่องจากเป็นการเปิดประมูลอี-ออกชัน  ส่วนรถไฟความเร็วสูงปลายปีนี้ชัดเจนแน่"
 
 สำหรับโครงการแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ปี2556-2563 ในแผนงานพัฒนาและปรับปรุงโครงข่ายทางรถไฟที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เป็นโครงข่ายการขนส่งหลักของประเทศของการรถไฟจำนวน 28 โครงการ วงเงินรวมประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย
 
 1.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายลพบุรี-ปากน้ำโพ วงเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท
 2.รถไฟทางคู่สายปากน้ำโพ-เด่นชัย วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท
 3.รถไฟทางคู่สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ วงเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท
 4.รถไฟทางคู่สายถนนจิระ-ขอนแก่น วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาท
 5.รถไฟทางคู่สายขอนแก่น-หนองคาย วงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท
 6.รถไฟทางคู่สายชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี วงเงิน 3.2 หมื่นล้านบาท
 7.รถไฟทางคู่สายนครปฐม-หัวหิน วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท
 8.รถไฟทางคู่สายหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 9.5 พันล้านบาท
 9.รถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท
 10.รถไฟทางคู่สายชุมพร-สุราษฎร์ธานี วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท
 11.รถไฟทางคู่สายสุราษฎร์ธานี-ปาดังเบซาร์ วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท
 
 12.โครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ(ปรับปรุงทาง ราง หมอน สะพาน และติดตั้งรั้ว)วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท จำแนกเป็น
 12.1 งานเสริมความมั่นคงโครงสร้าง วงเงิน 406 ล้านบาท
 12.2 งานเปลี่ยนหรือเสริมความมั่นคงสะพานที่ชำรุดหรือรับน้ำหนักกดเพลามาตรฐาน 20 ตัน/เพลา วงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท และ
 12.3 งานติดตั้งรั้ว 2 ข้างทางตามแนวเขตทางรถไฟ วงเงิน 3.4 พันล้านบาท
 
 13.โครงการติดตั้งเครื่องกั้นเสมอระดับ และปรับปรุงเครื่องกั้น วงเงิน 4.3 พันล้านบาท
 14.โครงการปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณไฟสีทั่วประเทศ วงเงิน 7.2 พันล้านบาท 15.โครงการติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคม วงเงิน 2.1 พันล้านบาท
 16.โครงการก่อสร้างโรงรถจักรแห่งใหม่ที่แก่งคอย วงเงิน 1 พันล้านบาท
 
 ส่วนโครงการตามแผนงานพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบเพื่อเชื่อมโยงกับฐานการผลิตและฐานการส่งออกที่สำคัญของประเทศ มีดังนี้คือ
 
 17.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายบ้านภาชี-อ.นครหลวง เชื่อมโยงกับท่าเรือในแม่น้ำป่าสัก ที่ อ.นครหลวง วงเงิน 1 พันล้านบาท (ซีพีขอมา)
 เช่นเดียวกับโครงการตามแผนงานพัฒนาโครงข่ายเชื่อมต่อภูมิภาค ได้แก่
 
 18.โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ วงเงิน 3.8 แสนล้านบาท
 19.รถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-หนองคาย วงเงิน  1.7 แสนล้านบาท
 20.รถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ วงเงิน 1.6 แสนล้านบาท
 21.รถไฟความเร็วสูงเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(แอร์พอร์ตลิงค์) ต่อจากสุวรรณภูมิ-ชลบุรี-พัทยา-ระยอง วงเงิน 1 แสนล้านบาท
 22.โครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงิน 7.7 หมื่นล้านบาท
 23.รถไฟทางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม วงเงิน 4.2 หมื่นล้านบาท
 
 โครงการตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาและปรับปรุงระบบขนส่งเพื่อยกระดับความคล่องตัว ตามแผนงานพัฒนาระบบขนส่งในเขตเมือง ประกอบด้วย
 
 24.โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อนช่วงบางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก และสายสีแดงเข้มช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง วงเงิน 3.8 หมื่นล้านบาท
 25.โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต วงเงิน 5.4 พันล้านบาท
 26.โครงการรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยายช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท วงเงิน  2.8 หมื่นล้านบาท
 27.โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อนช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน วงเงิน  6.2 พันล้านบาท
 28.โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อนช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา วงเงิน 7.5 พันล้านบาท
 |  | 
	
		| Back to top |  | 
	
		|  | 
	
		| Wisarut 1st Class Pass (Air)
 
  
  
 Joined: 27/03/2006
 Posts: 45503
 Location: NECTEC
 
 | 
			
				|  Posted: 01/04/2013 1:54 pm    Post subject: |   |  
				| 
 |  
				| รำลึกประวัติศาสตร์รถไฟ ย้อนวิถีชีวิต "รถม้าลำปาง" รายงาน โดย อัศวิน วงค์หน่อแก้ว
 มติชนรายวัน
 หน้า 8
 ฉบับวันจันทร์ที่ 1 เมษายน 2556 เวลา 10:25:28 น.
 
 หนึ่งในคำขวัญของจังหวัดลำปาง...
 
 "รถม้าลือลั่น" ยังคงเป็นสัญลักษณ์สำคัญ ที่ดึงให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางมา จ.ลำปาง แล้วต้องมายลโฉมรถม้าที่มีอยู่คู่ จ.ลำปางมานานกว่า 90 ปี ทำให้ จ.ลำปาง มีนามเรียกขานไปต่างๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นเขลางค์นคร เมืองลำปาง หรือที่เรียกว่า "เมืองรถม้า"
 
 ทั้งนี้ "รถม้าลำปาง" มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 เริ่มจากมีการเชื่อมรางรถไฟเข้ามาที่ จ.ลำปาง ในปี พ.ศ.2457 กระทั่งในปี 2459 "รถไฟ" ก็คือพาหนะที่ขนส่งรถม้าจากกรุงเทพมหานคร หรือ "พระนคร" สมัยนั้นมาลำปาง โดย พลตรีมหาอำมาตย์โท เจ้าบุญวาทย์ วงศ์มานิตย์ เจ้าผู้ครองนครลำปางในขณะนั้น เป็นผู้นำรถม้าเข้ามาใช้ใน จ.ลำปาง เป็นคันแรก
 
 ย้อนไปในสมัยรัชกาลที่ 6 จ.ลำปางถือเป็นประตูสู่ล้านนา เป็นศูนย์กลางการค้าและการคมนาคมของภาคเหนือตอนบน เพราะการคมนาคมขนส่งสินค้าต่างๆ จากกรุงเทพฯที่มายังภาคเหนือด้วยรถไฟ จะต้องส่งมาลงที่ จ.ลำปางก่อนที่จะส่งต่อกระจายต่อไปยังจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือ ทำให้รถม้ามีความสำคัญในการขนส่งภายในจังหวัดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
 
 จากนั้น "เจ้าบุญวาทย์" ได้นำรถม้าเพิ่มเข้าสู่ จ.ลำปางมากขึ้น ภายหลังได้มีการนำรถยนต์เข้ามาเป็นพาหนะแทนรถม้า จนในที่สุดทำให้รถม้าที่ใช้ขนส่งลดลง เพราะหันไปใช้รถยนต์ขนส่งแทน
 
 ครั้นในปี 2490 "รองอำมาตย์ตรีขุนอุทานคดี" ได้ก่อตั้งสมาคมล้อเลื่อนขึ้น ทำการจดทะเบียนรถม้า และได้รับอนุญาตเมื่อปี 2492 ทำให้ "รองอำมาตย์ตรีขุนอุทานคดี" เป็นนายกสมาคมรถม้าคนแรกของ จ.ลำปาง และเป็นคนแรกของประเทศไทย
 
 
 
 อย่างไรก็ตาม ถือได้ว่าลำปาง เป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่มีการจดทะเบียนประเภทล้อเลื่อน แล้วทำให้รถม้ากลับมาโด่งดัง และมีความสำคัญอีกครั้ง โดยที่รถม้าอยู่คู่ จ.ลำปาง ที่กำลังมีความรุ่งเรืองขึ้น ซึ่งในปี 2500 สมัยที่ "เจ้าบุญส่ง ณ ลำปาง" เป็นนายกสมาคมขณะนั้นมีรถม้ามากถึง 185 คันที่วิ่งให้บริการ ทั้งรถม้าขนส่งสินค้าและรถม้ารับส่งคน
 
 ผ่านมากว่า 90 ปี..ปัจจุบันรถม้าก็ยังมีคึกคักอยู่เช่นเดิมใน จ.ลำปาง แต่ยกเลิกวิ่งให้บริการขนสินค้า มาเป็นบริการนั่งรถม้าชมเมืองลำปาง ในราคารอบละ 150-200 บาท ตามระยะทาง รถม้าจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการท่องเที่ยวของ จ.ลำปางอยู่ในปัจจุบันนี้ มีประชาชนทั่วทุกสารทิศเดินทางมานั่งรถม้าที่รอให้บริการกว่า 200 คัน ถึงแม้อาชีพขับรถม้าชมเมืองจะไม่เฟื่องฟูและมั่นคง แต่เจ้าของม้าและสารถีผู้ให้บริการรถม้า ก็ยึดถือและสืบสานอาชีพนี้มาหลายชั่วอายุคน เพื่อให้รถม้ายังคงอยู่คู่เมืองลำปางสืบไป
 
 "ระหว่างวันที่ 1-5 เมษายนของทุกปี ที่ลานหน้าสถานีรถไฟนครลำปาง ทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย เทศบาลนครลำปาง สมาคมท่องเที่ยวนครลำปาง และสมาคมรถม้าจังหวัดลำปาง ร่วมกันจัดงานวันรำลึกประวัติศาสตร์รถไฟ-รถม้าขึ้นทุกปี จนงานดังกล่าวถูกบรรจุอยู่ในปฏิทินการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย"
 
 สุรพล ตันสุวรรณ ประธานอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สาขาลำปาง เกริ่นก่อนแจกแจงว่า สำหรับในปี 2556 นี้ ทางจังหวัดจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 14 เพื่อร่วมย้อนรำลึกถึงความสำคัญของกิจการรถไฟและรถม้าที่เข้ามาสู่นครลำปาง สร้างความเจริญในด้านเศรษฐกิจ-สังคมแก่ชาวลำปาง มานานตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งงานดังกล่าวยังจะเป็นการอนุรักษ์และส่งเสริมอัตลักษณ์ด้านศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตของชาวรถม้าให้ดำรงอยู่คู่กับชาวลำปางตลอดไป
 
 "การจัดงานครั้งนี้จะมีการแสดงแสง-สี-เสียง รำลึกประวัติศาสตร์รถไฟ-รถม้านครลำปาง นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการประวัติศาสตร์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ภาพการก่อสร้างอุโมงค์ขุนตาน การเดินรถไฟสายเหนือในอดีต ที่จะมีภาพเล่าเรื่องย้อนอดีตของรถไฟ และรถม้า ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นับว่าเป็นภาพที่หาดูได้ยาก"
 
 "สุรพล" บอกว่า ส่วนกิจกรรมอื่นๆ นั้น ที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยว ก็จะจัดให้มีการนั่งรถไฟขบวนพิเศษฟรี เพื่อชมสะพานดำ สะพานประวัติศาสตร์ยุคสงครามโลก ครั้งที่ 2 และการชมหัวรถจักร ปั้นจั่นกลระบบไอน้ำโบราณอายุกว่า 100 ปี พร้อมชมสถานีรถไฟนครลำปางที่ตั้งอยู่ปัจจุบัน โดยเป็นอาคารสถาปัตยกรรมไทยภาคเหนือ ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น เมื่อปี 2536 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์
 
 ด้าน อัครรินทร์ พิชญกุล นายกสมาคมรถม้าจังหวัดลำปาง เสริมว่า นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการประวัติศาสตร์รถม้าลำปาง การต่อรถม้าโบราณ รวมถึงการนั่งรถม้าชมเมือง ตามเส้นทางเขตอนุรักษ์เมืองเก่านครลำปาง สำหรับงานครั้งนี้ซึ่งในหนึ่งปีจะจัดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จะเป็นการย้ำว่ารถม้าลำปางเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ จ.ลำปางมานาน
 
 "ที่ผ่านมารถม้าได้มีการพัฒนา เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบอาชีพรถม้าให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน รวมถึงเพื่อเพิ่มรายได้ให้คนในท้องถิ่น และสร้างเอกลักษณ์ทางการท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยร่วมกับเทศบาลนครลำปางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำยุทธศาสตร์รถม้าลำปางขึ้น แบ่งเป็นยุทธศาสตร์หลัก 3 ประการ คือ 1.การปรับมาตรฐานการบริหารจัดการ 2.ส่งเสริมและพัฒนาพันธกิจรถม้า และ 3.เสริมสร้างเอกลักษณ์รถม้าลำปาง"
 
 "อัครรินทร์"ทิ้งท้ายว่า ในโอกาสนี้ใครขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมงาน และร่วมนั่งรถม้าชมเมืองลำปาง จากจุดเริ่มต้นหน้าสถานีรถไฟนครลำปาง ผ่านไปยังวัดศรีรองเมือง วัดศรีชุม บ้านเสานัก วัดพระแก้วดอนเต้า วัดเจดีย์ซาว หลวงพ่อเกษม เขมโก หออะม๊อก และผ่านไปตามถนนย่านค้าขายที่สำคัญ และย่านบ้านเรือนเก่าแก่ ก่อนที่จะปิดท้ายกับกิจกรรมเดินกาดหมั้วครัวเมืองทั้งเช้าและเย็น พร้อมมีสินค้าโอท็อปดีเด่นที่จะนำมาออกร้านหน้าลานสถานีรถไฟนครลำปาง ส่วนยามค่ำคืนขอชวนร่วมสัมผัสการแสดงศิลปวัฒนธรรม และกิจกรรมบันเทิงต่างๆ ตลอดงานทั้ง 5 วัน
 |  | 
	
		| Back to top |  | 
	
		|  | 
	
		| Mongwin 1st Class Pass (Air)
 
  
  
 Joined: 24/09/2007
 Posts: 49251
 Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
 
 | 
			
				|  Posted: 03/04/2013 1:57 pm    Post subject: |   |  
				| 
 |  
				| ตั้งแต่ 16 พฤษภาคม 2556 เป็นต้นไป การจองตั๋วโดยสารรถไฟต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือเอกสารราชการที่มีเลขประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทางกรณีเป็นชาวต่างชาติ เพื่อบันทึกเลขประจำตัวประชาชน (เลข 13 หลัก) หรือเลขที่หนังสือเดินทาง และชื่อผู้โดยสารลงในตั๋วโดยสารทุกชั้นที่นั่ง ยกเว้น ตั๋วชั้น 3 ที่ซื้อในวันเดินทาง 
  http://www.railway.co.th/home/srt/passenger/ticket.asp |  | 
	
		| Back to top |  | 
	
		|  | 
	
		| Mongwin 1st Class Pass (Air)
 
  
  
 Joined: 24/09/2007
 Posts: 49251
 Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
 
 | 
			
				|  Posted: 03/04/2013 2:36 pm    Post subject: |   |  
				| 
 |  
				| บุกรวบแรงงานเถื่อนนับร้อย ขึ้นรถไฟฟรีจาก กทม. ระวังภัย 3 เม.ย. 56
 
 สระแก้ว - ตม.สระแก้วร่วมกับทหารพราน และตร.รถไฟ บุกรวบแรงงานเขมรเถื่อนนับร้อย ขึ้นรถไฟฟรีจาก กทม.มาลงสถานีอรัญประเทศแห่เดินทางกลับเที่ยวสงกรานต์บ้านเกิดในกัมพูชา หลังหลายโรงงานอุตสาหกรรมเตรียมหยุดงานในช่วงพม่าหยุดส่งแก๊สให้ไทย
 
 เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 3 เมษายน พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว สืบทราบว่าจะมีแรงงานชาวกัมพูชาจำนวนมากที่ลักลอบเข้ามาทำงานในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ได้นัดรวมตัวกันขึ้นรถไฟฟรีสาย กทม.-อรัญประเทศ เพื่อเดินทางกลับไปเที่ยวสงกรานต์ที่บ้านเกิดในกัมพูชา จึงร่วมกับ พ.ต.ท.สมศักดิ์ เจียมกรกต สว.ตม.จว.สระแก้ว ประสานความร่วมมือกับ พ.อ.มล.ประวีร์ จักรพันธ์ ผบ.ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา(ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา) และ พ.ต.ท.วิชาญ จิตตยานันท์ สวป.สภ.อรัญประเทศ สนธิกำลังร่วมกันเข้าทำการดักซุ่มบริเวณโดยรอบสถานีรถไฟอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
 
 จนกระทั่งต่อมาเวลา 12.10 น.รถไฟสาย กทม.-อรัญประเทศ ขบวนที่ 275 ซึ่งออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง กทม.เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น.และเข้าเทียบท่าสถานีรถไฟอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เวลา 12.10 น. จนท.จึงนำกำลังเข้าทำการปิดล้อมและประสานความร่วมมือกับ ร.ต.ต.ณรงค์ เรืองศรี รอง สว.(ป)ส.รฟ.ฉะเชิงเทรา กก.4.บก.รฟ.ขึ้นไปตรวจค้นบนโบ้กี้รถไฟ ซึ่งจากการตรวจค้นพบชาวเขมรทั้งชาย-หญิงจำนวนมาก พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าและกระเป๋าสัมภาระ นั่งอยู่ในโบกี้รถไฟ 2 โบกี้ด้านท้าย ตรวจสอบไม่มีเอกสารการเดินทางแต่อย่างใด จึงควบคุมตัวทั้งหมดลงมาจากโบกี้รถไฟ จากนั้นได้ทำการตรวจเช็คพบว่าเป็นแรงงานเถื่อนชาวกัมพูชาที่ลักลอบเข้าไปขายแรงงานใน กทม.และปริมณฑล จำนวน 113 คน เป็นชาย 71 คน หญิง 39 คน ด.ญ.2 คน และ ด.ช.1 คน จึงควบคุมตัวทั้งหมดมาสอบสวนที่ ห้องกักกันรอการส่งกลับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
 
 ซึ่งจากการสอบสวนของ จนท.ตม.ชาวเขมร รับสารภาพว่าเป็นแรงงานต่างด้าวลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยทั้งหมดได้ลักลอบเข้าไปขายแรงงานในพื้นที่ กทม.และ ปริมณฑล มาแล้ว และช่วงนี้จะถึงเทศกาลสงกรานต์จึงได้ติดต่อนัดกันเดินทางกลับไปเที่ยวสงกรานต์และเยี่ยมพ่อ แม่ ญาติพี่น้องที่บ้านเกิดในกัมพูชา โดยนัดกันขึ้นรถไฟสาย กทม.-อรัญประเทศ มาลงที่สถานีรถไฟอรัญประเทศ จากนั้นก็จะหาวิธีลักลอบเดินทางออกไปฝั่งกัมพูชาบริเวณชายแดนตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และนอกจากแรงงานเถื่อนแล้วยังมีแรงงานต่างด้าวชาวเขมรบางส่วนที่เดินทางเข้ามาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ใน กทม.และปริมณฑล ตามข้อตกลงMOU อาศัยช่วงวันที่ 5 เม.ย. 56 โรงงานอุตสาหกรรมบางโรงงานฯได้หยุดการผลิตเนื่องจากเป็นช่วงที่ประเทศพม่าหยุดส่งก๊าซให้ไทยซึ่งอาจทำให้ไฟฟ้าดับ โรงงานฯจึงหยุดการผลิตชั่วคราวทำให้ชาวเขมรเหล่านั้นฉวยโอกาสเดินทางกลับไปเที่ยวสงกรานต์และเยี่ยมพ่อ แม่ ที่บ้านเกิดในประเทศกัมพูชาด้วย โดยทิ้งพาสปอร์ตไว้ในโรงงานฯไม่พกติดตัวมาด้วย เพื่อหวังจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าประทับตราพาสปอร์ตเดินทางกลับออกไปประเทศกัมพูชา และเมื่อเดินทางกลับเข้าไทยก็จะมีสิทธิใช้พาสปอร์ตเดิมอยู่ในประเทศไทยได้จนกว่าจะครบอายุของพาสปอร์ต
 
 หลังจากสอบสวนเสร็จ จนท.ได้ควบคุมตัวมาถ่ายภาพ ทำประวัติ ก่อนจะประสาน จนท. ตม.ปอยเปต ของกัมพูชา นำตัวชาวเขมรเหล่านี้ไปผลักดันกลับประเทศ ตามข้อตกลงร่วมกัน
 |  | 
	
		| Back to top |  | 
	
		|  | 
	
		| Mongwin 1st Class Pass (Air)
 
  
  
 Joined: 24/09/2007
 Posts: 49251
 Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
 
 | 
			
				|  Posted: 03/04/2013 3:04 pm    Post subject: |   |  
				| 
 |  
				| 4 เดือนมิสเตอร์เมกะโปรเจ็กต์ "ประภัสร์ จงสงวน" จัดระเบียบรถไฟ...ลงทุนระบบราง ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 03 เม.ย 2556 เวลา 14:42:56 น.
 
 ร่วม 4 เดือนที่ "ประภัสร์ จงสงวน" นั่งเก้าอี้ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) คนที่ 17 รับตำแหน่งวันแรก 14 พฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา
 
 แม้จะเป็นคนนอกและมีโอกาสบริหารงานในองค์กรม้าเหล็กแค่ 2 ปีเศษ แต่นับจากวันนี้ไปถึงวันสุดท้าย จะเร่งเครื่อง-จัดระเบียบ "การรถไฟฯ" ตั้งรับเม็ดเงินรัฐจัดสรรลงทุนระบบรางกว่า 1.27 ล้านล้านบาท หรือ 63.63% ของวงเงิน 2 ล้านล้านบาท ที่ "รัฐบาลเพื่อไทย" อัดฉีดเพื่อพลิกโฉมโครงสร้างพื้นฐานประเทศไทยใหม่
 
 "ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "ผู้ว่าการประภัสร์" ถึงผลงานและแผนงานที่จะนำพาองค์กรอายุกว่า 117 ปี ขับเคลื่อนไปข้างหน้า
 
 - แผนงาน-ผลงานที่จะทำ
 
 อย่างแรกที่ต้องทำให้ได้คือจะทำยังไงให้พนักงานและลูกจ้างรถไฟเกิดความเชื่อมั่น เพราะรถไฟยังมีอนาคต ต้องให้ขวัญกำลังใจกลับมา แล้วก็จุดให้เขามีประกายไฟขึ้นมาใหม่ กลับมาเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย เป็นเรื่องสำคัญที่สุด อย่างอื่นเป็นเรื่องรอง แต่ต้องใช้เวลากว่าจะถึงเป้าหมาย ต่อไปจะเร่งเรื่องความสะอาดและการให้บริการ
 
 ในเรื่องการจัดซื้อหัวรถจักร 20 คัน รถโดยสารใหม่ 115 คัน ปรับปรุงรางให้มีความปลอดภัย ภายใต้กรอบวงเงินลงทุน 1.76 แสนล้านบาท ปัจจุบันก็เริ่มทยอยออกประกาศทีโออาร์ประมูล ต้องใช้เวลา เพราะมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ซื้อแต่ไม่มีวงเงินให้ กลายเป็นว่าจะจัดซื้อจัดจ้างต้องไปทำเรื่องใหม่เพื่อขอกู้เงิน ก็เท่ากับว่าต้องเข้ากระบวนการใหม่ นี่ก็เกือบปีแล้วนับจากที่ ครม.อนุมัติแต่ยังไม่ได้ซื้อเลย แม้กระทั่งขบวนรถไฟฟ้าของแอร์พอร์ตลิงก์ก็อนุมัติมาเป็นปีแล้วก็ยังไม่ได้ซื้อเลยเหมือนกัน ทุกคนก็มาบ่นว่ารถไฟใช้งบประมาณไม่ได้ตามเป้า
 
 - แผนเงินลงทุน 2 ล้านล้าน
 
 ส่วนที่รถไฟรับผิดชอบมีทางคู่ 5 สายที่จะประมูลพร้อมกันในปีนี้ มูลค่าก่อสร้างกว่า 1 แสนล้านบาท จะได้พอดีกับที่ซื้อหัวรถจักรใหม่มาวิ่ง ส่วนรถไฟความเร็วสูง 4 สายทาง ในหลักการเข้าใจว่าน่าจะให้รถไฟเป็นคนดำเนินการ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่เพราะในเอกสารของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ยังเสนอให้ตั้งองค์กรขึ้นมาใหม่ ก็เลยยังงง ๆ อยู่
 
 เร็ว ๆ นี้จะหารือกับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสรุปจะเป็นรูปแบบไหนกันแน่ ผมมีไอเดียจะตั้งหน่วยธุรกิจหรือบียูออกมาต่างหาก เพื่อบริหารโครงการระบบรถไฟฟ้าทั้งสายสีแดง รถไฟความเร็วสูง จะยุบรวมบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ที่บริหารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์เข้ามาร่วมด้วย เสนอคณะบอร์ดไปแล้ว ซึ่งเห็นด้วยในหลักการ และมอบหมายให้จัดทำรูปแบบมาเสนออีกครั้งในอีก 1-2 เดือนนี้ ยังไงก็ต้องเตรียมความพร้อม เพราะอีกไม่นานรถไฟจะเปลี่ยนจากรถดีเซลเป็นระบบรถไฟฟ้าทั้งหมด
 
 ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ระบบรถไฟความเร็วสูงจะคิดแบบเดิมคือก่อสร้างไปก่อนแล้วเอาใครไม่รู้มาเดินรถภายหลัง...ไม่ได้ เพราะเป็นศาสตร์อีกศาสตร์หนึ่งที่ลึกซึ้งละเอียดอ่อนมาก ต้องมีการฝึกคนตั้งแต่แรกเพราะต้องปลอดภัย 100% การก่อสร้างจะประมูลซื้อรถก่อนแล้วก่อสร้างภายหลังก็จะเป็นปัญหาอีก เพราะคนที่ก่อสร้างจะรู้ยังไงว่าคนที่ผลิตรถต้องการอะไร นี่คือเหตุผลที่ผมเสนอ สนข.ให้ประมูลเหมาทั้งโครงการ รวมทั้งให้เอกชนรับผิดชอบไปทั้งหมด
 
 - โครงการอื่น ๆ
 
 ถัดจากรถไฟฟ้าก็มีรถไฟสายใหม่ 3 สาย มีสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 326 กิโลเมตร สายบ้านไผ่-นครพนม 347 กิโลเมตร และสายบ้านภาชี-อ.นครหลวง 23 กิโลเมตร วงเงินรวมกัน 1.23 แสนกว่าล้านบาท รอให้ผ่านรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอก่อนถึงจะเปิดประมูลได้ น่าจะเริ่มประมูลได้ในปี 2557
 
 - นั่งผู้ว่าการมาแล้ว 2 องค์กร
 
 ต่างกันครับ การทำงานจะยากกันคนละแบบ บริหาร รฟม. (การรถไฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) จะเป็นการเปิดพื้นที่เวนคืนใหม่ กระทบคนเยอะจะถูกด่ามาก แต่การรถไฟฯ ส่วนใหญ่โครงการสร้างอยู่ในเขตทางรถไฟ จะทะเลาะกับผู้บุกรุกอย่างเดียว เช่น กลุ่มสลัม 4 ภาค ด้านองค์กรก็ต่างกัน แต่ผมว่าคนรถไฟจะรักองค์กรมากกว่า รฟม. เป็นเพราะอยู่ร่วมกันมานานเป็น 100 ปี ถ้าถามผม...วันนี้ รฟม.น่าเป็นห่วงมากเรื่องทัศนคติของคนทำงานภายในองค์กร
 
 - 4 เดือนทำงานกับรถไฟ
 
 เท่าที่ได้สัมผัสพนักงานและทุก ๆ อย่าง ผมภูมิใจในรถไฟ เป็นองค์กรที่มีประวัติความเป็นมาไม่น้อยหน้าใคร ที่ผ่านมาอาจถูกมองในแง่ลบ อยากถามว่าเคยมองไหมว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ มันไม่ใช่ความผิดของรถไฟทั้งหมด แต่มาจากหลายสาเหตุที่เข้ามาเกี่ยวข้องและก็ทำให้รถไฟเป็นแบบนี้ในวันนี้ ผมยืนยันนะครับว่า คนรถไฟที่ดี ๆ อยากเห็นหน่วยงานพัฒนา กลับมาเป็นความภาคภูมิใจก็มีอีกเยอะแยะ
 
 ปัญหาและอุปสรรคการทำงานก็มีบ้างเพราะเราเป็นคนนอก เป็นธรรมดาที่มีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจบ้าง แต่ผมเรียนว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วย พร้อมที่จะเดินไปกับผมเพื่อทำให้รถไฟดีขึ้น แต่เป็นธรรมดาครับ ที่คนส่วนหนึ่งที่เคยมีผลประโยชน์ พอผมเข้าไปก็หงุดหงิดเป็นธรรมดา ตอนนี้ปัญหาภายในไม่มีแล้ว เพราะพนักงานส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีแต่ปัญหาข้างนอก
 |  | 
	
		| Back to top |  | 
	
		|  | 
	
		| Wisarut 1st Class Pass (Air)
 
  
  
 Joined: 27/03/2006
 Posts: 45503
 Location: NECTEC
 
 | 
			
				|  Posted: 04/04/2013 12:44 pm    Post subject: |   |  
				| 
 |  
				| 
 จนท.สนธิกำลังค้นโบกี้รถไฟรวบแรงงานเถื่อน 113 คน
 
 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
 3 เมษายน 2556 15:26 น.
 
 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ทหารพราน และตำรวจรถไฟ กระจายกำลังดักรอบริเวณโดยรอบสถานีรถไฟอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังสืบทราบว่า จะมีแรงงานเถื่อนชาวกัมพูชา ที่ลักลอบเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจำนวนมาก นัดรวมตัวขึ้นรถไฟฟรีสายกรุงเทพ-อรัญประเทศ เพื่อกลับไปเที่ยวสงกรานต์ที่บ้านเกิดในประเทศกัมพูชา จากการตรวจค้น 2 โบกี้สุดท้าย พบแรงงานเถื่อนถึง 113 คน เป็นชาย 71 คน หญิง 39 คน และเด็ก 3 คน จึงควบคุมตัวทั้งหมดมาสอบสวน ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมถ่ายภาพและทำประวัติก่อนประสานตำรวจตรวจคนเข้ากัมพูชา นำตัวกลับประเทศ
 |  | 
	
		| Back to top |  | 
	
		|  | 
	
		| Wisarut 1st Class Pass (Air)
 
  
  
 Joined: 27/03/2006
 Posts: 45503
 Location: NECTEC
 
 |  | 
	
		| Back to top |  | 
	
		|  | 
	
		| Wisarut 1st Class Pass (Air)
 
  
  
 Joined: 27/03/2006
 Posts: 45503
 Location: NECTEC
 
 | 
			
				|  Posted: 08/04/2013 3:53 pm    Post subject: |   |  
				| 
 |  
				| พบศพชายนรินามถูกยิงทิ้งใต้สะพานริมถนนรถไฟคาดถูกลวงมาฆ่า 
 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 เมษายน 2556 11:01 น.
 
 พัทลุง - ชาวบ้านพบศพชายนิรนามถูกยิงทิ้งใต้สะพานริมถนนรถไฟ หารกง-หารเทา อ.ป่าบอน เจ้าหน้าที่คาดถูกลวงมาจากพื้นที่อื่น ขัดแย้งเรื่องส่วนตัว หรือธุรกิจมืด
 
 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (8 เม.ย.) ร.ต.ท.วิโจจน์ ปราบปรี ร้อยเวร สภ.ป่าบอน จ.พัทลุง รับแจ้งจากพลเมืองดีพบศพผู้ชายถูกยิงทิ้งบริเวณใต้สะพานริมถนนรถไฟ ท้องที่ ม.1 ต.วังใหม่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง หลังรับแจ้งจึงดินทางรุดสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยแม่ขรี
 
 ในที่เกิดเหตุบริเวณใต้สะพานริมถนนบ้านรถไฟหารกง-หารเทา พบศพชายไทยไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 35-40 ปี สูงประมาณ 165-170 ซม. ผิวดำแดง นุ่งกางแกงยีนส์สีน้ำเงิน สวมเสื้อยืดสีฟ้า ทับด้วยแจ็กเกตยีนส์สีดำ ตามลำตัวพบรอยสักรูปมังกรทั้งตัว ส่วนหลักฐานประวัติไม่พบแต่อย่างใด มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. และขนาด .357 มม. โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน 6 ปลอก และหัวกระสุนปืนขนาด .357 อีก 3 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
 
 จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงได้ยินเสียงรถยนต์กระบะขับเข้ามาจอด และสักครู่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด แต่ไม่มีใครกล้าออกมาดูจนกระทั่งเช้าพบศพมีชายถูกฆ่าทิ้งดังกล่าว
 
 ส่วนสาเหตุในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าผู้ตายน่าจะเป็นคนในพื้นที่อื่นแล้วถูกลวงมาฆ่าทิ้ง คาดสาเหตุน่าจะมากจากความขัดแย้งส่วนตัว หรือขัดแย้งในธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งกำลังเร่งสืบหาว่าผู้ตายเป็นใคร และหาชนวนสาเหตุในการฆ่าก่อนที่จะติดตามผู้ต้องหารายนี้มาดำเนินคดีต่อไป
 |  | 
	
		| Back to top |  | 
	
		|  | 
	
		| Wisarut 1st Class Pass (Air)
 
  
  
 Joined: 27/03/2006
 Posts: 45503
 Location: NECTEC
 
 | 
			
				|  Posted: 10/04/2013 7:03 pm    Post subject: |   |  
				| 
 |  
				| สนข.ดันบางซื่อศูนย์กลางรถไฟ ข่าวเศรษฐกิจ
 เดลินิวส์
 วันพุธที่ 10 เมษายน 2556 เวลา 17:59 น.
 
 สนข. ถกรถไฟย้ายสถานีหัวลำโพงไปสถานีบางซื่อ เพื่อเป็นศูนย์กลางโครงข่ายคมนาคมรองรับรถไฟเร็วสูง
 
 นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยภายหลังงานสัมมนาโครงข่ายคมนาคมกับทิศทางการพัฒนาเมืองว่า  อยู่ระหว่างออกแบบการเชื่อมโยงระบบขนส่งย่านสถานีกลางบางซื่อ สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ และการให้บริการรถไฟฟ้าในบริเวณย่านนั้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารที่จะเข้าใช้บริการในอนาคตมากขึ้น ขณะเดียวกันยังจะช่วยให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ในย่านดังกล่าวด้วย เบื้องต้นได้หารือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ให้ย้ายสำนักงานใหญ่จากหัวลำโพงไปอยู่บางซื่อ และย้ายกระทรวงคมนาคม จากถนนราชดำเนินมาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
 
 ทั้งนี้สถานีกลางบางซื่อที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างจะทดแทนสถานีหัวลำโพง มีรถไฟฟ้าหลายสายให้บริการ โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูง โดยเห็นว่า รถไฟความเร็วสูงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับเมืองที่มีสถานี และจะช่วยประหยัดพลังงานให้กับประเทศ
 
 "รถไฟความเร็วสูงจะแข่งขันกับสายการบินที่ให้บริการในระยะทาง 500-1,000 กิโลเมตรได้ โดยจะใช้เวลาจากต้นทางถึงปลายทางไม่เกิน 3 ชั่วโมง และเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องก่อสร้างในตอนนี้ หากปล่อยไว้นานจะส่งผลให้ต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนอัตราค่าโดยสารที่กำหนดไว้จะอยู่ระหว่าง2.30-2.50 บาทต่อกิโลเมตร ซึ่งต่ำกว่าราคาเครื่องบินปกติที่คิดค่าบริการ 4.1 บาทต่อกิโลเมตร แต่สูงกว่าสายการบินต้นทุนต่ำ(โลว์คอสแอร์ไลน์)ที่คิดค่าบริการ 2.4 บาทต่อกิโลเมตร แต่ในอนาคตยังไม่รับประกันว่าสายการบินต้นทุนต่ำจะไม่ปรับเพิ่มราคา ในขณะที่น้ำมันมีราคาสูงขึ้น"
 |  | 
	
		| Back to top |  | 
	
		|  | 
	
		| JackSkyline Warning 3 (Final)
 
  
  
 Joined: 11/02/2013
 Posts: 118
 
 
 | 
			
				|  Posted: 10/04/2013 10:05 pm    Post subject: |   |  
				| 
 |  
				| อยากให้มีโครงการรถไฟฟรี ไปจนถึงทางคู่เสร็จ แต่ต้องเป็นโบกี้พัดลมใหม่ๆ นะครับ
 
 เบาะพอนั่่งดีๆ ได้
 
 ความเร็วเฉลี่ยต้องเพิ่มขึ้น อาจจะลดลงสอง-สามชั่วโมง ในขบวนธรรมดา ถ้าเป็นรางคู่ที่สภาพรางแข็งแกร่งแก้ปัญหาจุดตัดได้แล้ว
 |  | 
	
		| Back to top |  | 
	
		|  | 
	
		|  |