Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:317754
ทั่วไป:25235954
ทั้งหมด:25553708
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 195, 196, 197 ... 502, 503, 504  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45503
Location: NECTEC

PostPosted: 30/03/2013 12:37 am    Post subject: งบรฟท. ที่หมายใจว่าจะได้จาก เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท Reply with quote

งบรฟท. ที่หมายใจว่าจะได้จาก เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ที่เพิ่งได้ 284 Yeah 152 Nay 21 Abstain 7 No vote และรอคณะกรรมาธิการตรวจสอบและรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มีรายการดั่งนี้

ร.ฟ.ท.ดันงบระบบราง1.2 ล้านล.
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ
หน้า อสังหา REAL ESTATE - คอลัมน์ : อสังหาฯ REAL ESTATE
ออนไลน์เมื่อ วันอังคารที่ 26 มีนาคม 2013 เวลา 13:06 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,830 วันที่ 28- 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

"ประภัสร์" เปิดหวูดสั่งขับเคลื่อน 28 โครงการภายใต้กรอบพ.ร.ก.เงินกู้ 2 ล้านล้าน จัดทีมตั้งแต่ระดับรองผู้ว่าการเกาะติดความคืบหน้า เผยเปิดประมูลอี-ออกชัน โดยรถไฟทางคู่ต้องเร่งรัดประมูล 1 เส้นทาง 1 สัญญา เร่งคัดคุณสมบัติผู้ที่จะมาเสนอราคาต้องเด่นเรื่องเงินทุนและเทคนิค ส่วนไฮสปีดเทรนปลายปีนี้ชัดเจนแน่

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งขับเคลื่อนแผนการพัฒนา 28 โครงการของร.ฟ.ท.ที่ได้รับงบประมาณภายใต้แผนโครงการสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศภายใต้กรอบวงเงิน 2 ล้านล้านบาท โดยต้องการให้มีการเปิดประมูลโดยเร็วเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าต่อการพัฒนาโครงการเนื่องจากหลายโครงการมีความพร้อมเปิดประมูลได้แล้ว

"โดยเฉพาะรถไฟทางคู่จำนวนกว่า 10 สายทางหากเส้นทางไหนได้รับการรับรองผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้เปิดประมูลได้ทันที ส่วนอื่นๆก็เร่งทีโออาร์ให้พร้อมไว้แล้ว โดยได้มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบตั้งแต่รองผู้ว่าการไปติดตามควบคุมดูแลความคืบหน้าทุกระยะในแต่ละโครงการ ส่วนการคัดเลือกผู้ที่จะมาเสนอราคาย้ำต้องเป็นมืออาชีพจริงๆเนื่องจากเป็นการเปิดประมูลอี-ออกชัน ส่วนรถไฟความเร็วสูงปลายปีนี้ชัดเจนแน่"

สำหรับโครงการแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ปี2556-2563 ในแผนงานพัฒนาและปรับปรุงโครงข่ายทางรถไฟที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เป็นโครงข่ายการขนส่งหลักของประเทศของการรถไฟจำนวน 28 โครงการ วงเงินรวมประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย

1.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายลพบุรี-ปากน้ำโพ วงเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท
2.รถไฟทางคู่สายปากน้ำโพ-เด่นชัย วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท
3.รถไฟทางคู่สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ วงเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท
4.รถไฟทางคู่สายถนนจิระ-ขอนแก่น วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาท
5.รถไฟทางคู่สายขอนแก่น-หนองคาย วงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท
6.รถไฟทางคู่สายชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี วงเงิน 3.2 หมื่นล้านบาท
7.รถไฟทางคู่สายนครปฐม-หัวหิน วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท
8.รถไฟทางคู่สายหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 9.5 พันล้านบาท
9.รถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท
10.รถไฟทางคู่สายชุมพร-สุราษฎร์ธานี วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท
11.รถไฟทางคู่สายสุราษฎร์ธานี-ปาดังเบซาร์ วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท

12.โครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ(ปรับปรุงทาง ราง หมอน สะพาน และติดตั้งรั้ว)วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท จำแนกเป็น
12.1 งานเสริมความมั่นคงโครงสร้าง วงเงิน 406 ล้านบาท
12.2 งานเปลี่ยนหรือเสริมความมั่นคงสะพานที่ชำรุดหรือรับน้ำหนักกดเพลามาตรฐาน 20 ตัน/เพลา วงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท และ
12.3 งานติดตั้งรั้ว 2 ข้างทางตามแนวเขตทางรถไฟ วงเงิน 3.4 พันล้านบาท

13.โครงการติดตั้งเครื่องกั้นเสมอระดับ และปรับปรุงเครื่องกั้น วงเงิน 4.3 พันล้านบาท
14.โครงการปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณไฟสีทั่วประเทศ วงเงิน 7.2 พันล้านบาท 15.โครงการติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคม วงเงิน 2.1 พันล้านบาท
16.โครงการก่อสร้างโรงรถจักรแห่งใหม่ที่แก่งคอย วงเงิน 1 พันล้านบาท

ส่วนโครงการตามแผนงานพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบเพื่อเชื่อมโยงกับฐานการผลิตและฐานการส่งออกที่สำคัญของประเทศ มีดังนี้คือ

17.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายบ้านภาชี-อ.นครหลวง เชื่อมโยงกับท่าเรือในแม่น้ำป่าสัก ที่ อ.นครหลวง วงเงิน 1 พันล้านบาท (ซีพีขอมา)
เช่นเดียวกับโครงการตามแผนงานพัฒนาโครงข่ายเชื่อมต่อภูมิภาค ได้แก่

18.โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ วงเงิน 3.8 แสนล้านบาท
19.รถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-หนองคาย วงเงิน 1.7 แสนล้านบาท
20.รถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ วงเงิน 1.6 แสนล้านบาท
21.รถไฟความเร็วสูงเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(แอร์พอร์ตลิงค์) ต่อจากสุวรรณภูมิ-ชลบุรี-พัทยา-ระยอง วงเงิน 1 แสนล้านบาท
22.โครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงิน 7.7 หมื่นล้านบาท
23.รถไฟทางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม วงเงิน 4.2 หมื่นล้านบาท

โครงการตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาและปรับปรุงระบบขนส่งเพื่อยกระดับความคล่องตัว ตามแผนงานพัฒนาระบบขนส่งในเขตเมือง ประกอบด้วย

24.โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อนช่วงบางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก และสายสีแดงเข้มช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง วงเงิน 3.8 หมื่นล้านบาท
25.โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต วงเงิน 5.4 พันล้านบาท
26.โครงการรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยายช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท วงเงิน 2.8 หมื่นล้านบาท
27.โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อนช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน วงเงิน 6.2 พันล้านบาท
28.โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อนช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา วงเงิน 7.5 พันล้านบาท
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45503
Location: NECTEC

PostPosted: 01/04/2013 1:54 pm    Post subject: Reply with quote

รำลึกประวัติศาสตร์รถไฟ ย้อนวิถีชีวิต "รถม้าลำปาง"
รายงาน โดย อัศวิน วงค์หน่อแก้ว
มติชนรายวัน
หน้า 8
ฉบับวันจันทร์ที่ 1 เมษายน 2556 เวลา 10:25:28 น.

หนึ่งในคำขวัญของจังหวัดลำปาง...

"รถม้าลือลั่น" ยังคงเป็นสัญลักษณ์สำคัญ ที่ดึงให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางมา จ.ลำปาง แล้วต้องมายลโฉมรถม้าที่มีอยู่คู่ จ.ลำปางมานานกว่า 90 ปี ทำให้ จ.ลำปาง มีนามเรียกขานไปต่างๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นเขลางค์นคร เมืองลำปาง หรือที่เรียกว่า "เมืองรถม้า"

ทั้งนี้ "รถม้าลำปาง" มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 เริ่มจากมีการเชื่อมรางรถไฟเข้ามาที่ จ.ลำปาง ในปี พ.ศ.2457 กระทั่งในปี 2459 "รถไฟ" ก็คือพาหนะที่ขนส่งรถม้าจากกรุงเทพมหานคร หรือ "พระนคร" สมัยนั้นมาลำปาง โดย พลตรีมหาอำมาตย์โท เจ้าบุญวาทย์ วงศ์มานิตย์ เจ้าผู้ครองนครลำปางในขณะนั้น เป็นผู้นำรถม้าเข้ามาใช้ใน จ.ลำปาง เป็นคันแรก

ย้อนไปในสมัยรัชกาลที่ 6 จ.ลำปางถือเป็นประตูสู่ล้านนา เป็นศูนย์กลางการค้าและการคมนาคมของภาคเหนือตอนบน เพราะการคมนาคมขนส่งสินค้าต่างๆ จากกรุงเทพฯที่มายังภาคเหนือด้วยรถไฟ จะต้องส่งมาลงที่ จ.ลำปางก่อนที่จะส่งต่อกระจายต่อไปยังจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือ ทำให้รถม้ามีความสำคัญในการขนส่งภายในจังหวัดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

จากนั้น "เจ้าบุญวาทย์" ได้นำรถม้าเพิ่มเข้าสู่ จ.ลำปางมากขึ้น ภายหลังได้มีการนำรถยนต์เข้ามาเป็นพาหนะแทนรถม้า จนในที่สุดทำให้รถม้าที่ใช้ขนส่งลดลง เพราะหันไปใช้รถยนต์ขนส่งแทน

ครั้นในปี 2490 "รองอำมาตย์ตรีขุนอุทานคดี" ได้ก่อตั้งสมาคมล้อเลื่อนขึ้น ทำการจดทะเบียนรถม้า และได้รับอนุญาตเมื่อปี 2492 ทำให้ "รองอำมาตย์ตรีขุนอุทานคดี" เป็นนายกสมาคมรถม้าคนแรกของ จ.ลำปาง และเป็นคนแรกของประเทศไทย



อย่างไรก็ตาม ถือได้ว่าลำปาง เป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่มีการจดทะเบียนประเภทล้อเลื่อน แล้วทำให้รถม้ากลับมาโด่งดัง และมีความสำคัญอีกครั้ง โดยที่รถม้าอยู่คู่ จ.ลำปาง ที่กำลังมีความรุ่งเรืองขึ้น ซึ่งในปี 2500 สมัยที่ "เจ้าบุญส่ง ณ ลำปาง" เป็นนายกสมาคมขณะนั้นมีรถม้ามากถึง 185 คันที่วิ่งให้บริการ ทั้งรถม้าขนส่งสินค้าและรถม้ารับส่งคน

ผ่านมากว่า 90 ปี..ปัจจุบันรถม้าก็ยังมีคึกคักอยู่เช่นเดิมใน จ.ลำปาง แต่ยกเลิกวิ่งให้บริการขนสินค้า มาเป็นบริการนั่งรถม้าชมเมืองลำปาง ในราคารอบละ 150-200 บาท ตามระยะทาง รถม้าจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการท่องเที่ยวของ จ.ลำปางอยู่ในปัจจุบันนี้ มีประชาชนทั่วทุกสารทิศเดินทางมานั่งรถม้าที่รอให้บริการกว่า 200 คัน ถึงแม้อาชีพขับรถม้าชมเมืองจะไม่เฟื่องฟูและมั่นคง แต่เจ้าของม้าและสารถีผู้ให้บริการรถม้า ก็ยึดถือและสืบสานอาชีพนี้มาหลายชั่วอายุคน เพื่อให้รถม้ายังคงอยู่คู่เมืองลำปางสืบไป

"ระหว่างวันที่ 1-5 เมษายนของทุกปี ที่ลานหน้าสถานีรถไฟนครลำปาง ทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย เทศบาลนครลำปาง สมาคมท่องเที่ยวนครลำปาง และสมาคมรถม้าจังหวัดลำปาง ร่วมกันจัดงานวันรำลึกประวัติศาสตร์รถไฟ-รถม้าขึ้นทุกปี จนงานดังกล่าวถูกบรรจุอยู่ในปฏิทินการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย"

สุรพล ตันสุวรรณ ประธานอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สาขาลำปาง เกริ่นก่อนแจกแจงว่า สำหรับในปี 2556 นี้ ทางจังหวัดจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 14 เพื่อร่วมย้อนรำลึกถึงความสำคัญของกิจการรถไฟและรถม้าที่เข้ามาสู่นครลำปาง สร้างความเจริญในด้านเศรษฐกิจ-สังคมแก่ชาวลำปาง มานานตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งงานดังกล่าวยังจะเป็นการอนุรักษ์และส่งเสริมอัตลักษณ์ด้านศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตของชาวรถม้าให้ดำรงอยู่คู่กับชาวลำปางตลอดไป

"การจัดงานครั้งนี้จะมีการแสดงแสง-สี-เสียง รำลึกประวัติศาสตร์รถไฟ-รถม้านครลำปาง นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการประวัติศาสตร์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ภาพการก่อสร้างอุโมงค์ขุนตาน การเดินรถไฟสายเหนือในอดีต ที่จะมีภาพเล่าเรื่องย้อนอดีตของรถไฟ และรถม้า ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นับว่าเป็นภาพที่หาดูได้ยาก"

"สุรพล" บอกว่า ส่วนกิจกรรมอื่นๆ นั้น ที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยว ก็จะจัดให้มีการนั่งรถไฟขบวนพิเศษฟรี เพื่อชมสะพานดำ สะพานประวัติศาสตร์ยุคสงครามโลก ครั้งที่ 2 และการชมหัวรถจักร ปั้นจั่นกลระบบไอน้ำโบราณอายุกว่า 100 ปี พร้อมชมสถานีรถไฟนครลำปางที่ตั้งอยู่ปัจจุบัน โดยเป็นอาคารสถาปัตยกรรมไทยภาคเหนือ ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น เมื่อปี 2536 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์

ด้าน อัครรินทร์ พิชญกุล นายกสมาคมรถม้าจังหวัดลำปาง เสริมว่า นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการประวัติศาสตร์รถม้าลำปาง การต่อรถม้าโบราณ รวมถึงการนั่งรถม้าชมเมือง ตามเส้นทางเขตอนุรักษ์เมืองเก่านครลำปาง สำหรับงานครั้งนี้ซึ่งในหนึ่งปีจะจัดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จะเป็นการย้ำว่ารถม้าลำปางเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ จ.ลำปางมานาน

"ที่ผ่านมารถม้าได้มีการพัฒนา เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบอาชีพรถม้าให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน รวมถึงเพื่อเพิ่มรายได้ให้คนในท้องถิ่น และสร้างเอกลักษณ์ทางการท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยร่วมกับเทศบาลนครลำปางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำยุทธศาสตร์รถม้าลำปางขึ้น แบ่งเป็นยุทธศาสตร์หลัก 3 ประการ คือ 1.การปรับมาตรฐานการบริหารจัดการ 2.ส่งเสริมและพัฒนาพันธกิจรถม้า และ 3.เสริมสร้างเอกลักษณ์รถม้าลำปาง"

"อัครรินทร์"ทิ้งท้ายว่า ในโอกาสนี้ใครขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมงาน และร่วมนั่งรถม้าชมเมืองลำปาง จากจุดเริ่มต้นหน้าสถานีรถไฟนครลำปาง ผ่านไปยังวัดศรีรองเมือง วัดศรีชุม บ้านเสานัก วัดพระแก้วดอนเต้า วัดเจดีย์ซาว หลวงพ่อเกษม เขมโก หออะม๊อก และผ่านไปตามถนนย่านค้าขายที่สำคัญ และย่านบ้านเรือนเก่าแก่ ก่อนที่จะปิดท้ายกับกิจกรรมเดินกาดหมั้วครัวเมืองทั้งเช้าและเย็น พร้อมมีสินค้าโอท็อปดีเด่นที่จะนำมาออกร้านหน้าลานสถานีรถไฟนครลำปาง ส่วนยามค่ำคืนขอชวนร่วมสัมผัสการแสดงศิลปวัฒนธรรม และกิจกรรมบันเทิงต่างๆ ตลอดงานทั้ง 5 วัน
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49251
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 03/04/2013 1:57 pm    Post subject: Reply with quote

ตั้งแต่ 16 พฤษภาคม 2556 เป็นต้นไป การจองตั๋วโดยสารรถไฟต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือเอกสารราชการที่มีเลขประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทางกรณีเป็นชาวต่างชาติ เพื่อบันทึกเลขประจำตัวประชาชน (เลข 13 หลัก) หรือเลขที่หนังสือเดินทาง และชื่อผู้โดยสารลงในตั๋วโดยสารทุกชั้นที่นั่ง ยกเว้น ตั๋วชั้น 3 ที่ซื้อในวันเดินทาง
Arrow http://www.railway.co.th/home/srt/passenger/ticket.asp
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49251
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 03/04/2013 2:36 pm    Post subject: Reply with quote

บุกรวบแรงงานเถื่อนนับร้อย ขึ้นรถไฟฟรีจาก กทม.
ระวังภัย 3 เม.ย. 56

สระแก้ว - ตม.สระแก้วร่วมกับทหารพราน และตร.รถไฟ บุกรวบแรงงานเขมรเถื่อนนับร้อย ขึ้นรถไฟฟรีจาก กทม.มาลงสถานีอรัญประเทศแห่เดินทางกลับเที่ยวสงกรานต์บ้านเกิดในกัมพูชา หลังหลายโรงงานอุตสาหกรรมเตรียมหยุดงานในช่วงพม่าหยุดส่งแก๊สให้ไทย

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 3 เมษายน พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว สืบทราบว่าจะมีแรงงานชาวกัมพูชาจำนวนมากที่ลักลอบเข้ามาทำงานในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ได้นัดรวมตัวกันขึ้นรถไฟฟรีสาย กทม.-อรัญประเทศ เพื่อเดินทางกลับไปเที่ยวสงกรานต์ที่บ้านเกิดในกัมพูชา จึงร่วมกับ พ.ต.ท.สมศักดิ์ เจียมกรกต สว.ตม.จว.สระแก้ว ประสานความร่วมมือกับ พ.อ.มล.ประวีร์ จักรพันธ์ ผบ.ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา(ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา) และ พ.ต.ท.วิชาญ จิตตยานันท์ สวป.สภ.อรัญประเทศ สนธิกำลังร่วมกันเข้าทำการดักซุ่มบริเวณโดยรอบสถานีรถไฟอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

จนกระทั่งต่อมาเวลา 12.10 น.รถไฟสาย กทม.-อรัญประเทศ ขบวนที่ 275 ซึ่งออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง กทม.เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น.และเข้าเทียบท่าสถานีรถไฟอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เวลา 12.10 น. จนท.จึงนำกำลังเข้าทำการปิดล้อมและประสานความร่วมมือกับ ร.ต.ต.ณรงค์ เรืองศรี รอง สว.(ป)ส.รฟ.ฉะเชิงเทรา กก.4.บก.รฟ.ขึ้นไปตรวจค้นบนโบ้กี้รถไฟ ซึ่งจากการตรวจค้นพบชาวเขมรทั้งชาย-หญิงจำนวนมาก พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าและกระเป๋าสัมภาระ นั่งอยู่ในโบกี้รถไฟ 2 โบกี้ด้านท้าย ตรวจสอบไม่มีเอกสารการเดินทางแต่อย่างใด จึงควบคุมตัวทั้งหมดลงมาจากโบกี้รถไฟ จากนั้นได้ทำการตรวจเช็คพบว่าเป็นแรงงานเถื่อนชาวกัมพูชาที่ลักลอบเข้าไปขายแรงงานใน กทม.และปริมณฑล จำนวน 113 คน เป็นชาย 71 คน หญิง 39 คน ด.ญ.2 คน และ ด.ช.1 คน จึงควบคุมตัวทั้งหมดมาสอบสวนที่ ห้องกักกันรอการส่งกลับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ซึ่งจากการสอบสวนของ จนท.ตม.ชาวเขมร รับสารภาพว่าเป็นแรงงานต่างด้าวลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยทั้งหมดได้ลักลอบเข้าไปขายแรงงานในพื้นที่ กทม.และ ปริมณฑล มาแล้ว และช่วงนี้จะถึงเทศกาลสงกรานต์จึงได้ติดต่อนัดกันเดินทางกลับไปเที่ยวสงกรานต์และเยี่ยมพ่อ แม่ ญาติพี่น้องที่บ้านเกิดในกัมพูชา โดยนัดกันขึ้นรถไฟสาย กทม.-อรัญประเทศ มาลงที่สถานีรถไฟอรัญประเทศ จากนั้นก็จะหาวิธีลักลอบเดินทางออกไปฝั่งกัมพูชาบริเวณชายแดนตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และนอกจากแรงงานเถื่อนแล้วยังมีแรงงานต่างด้าวชาวเขมรบางส่วนที่เดินทางเข้ามาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ใน กทม.และปริมณฑล ตามข้อตกลงMOU อาศัยช่วงวันที่ 5 เม.ย. 56 โรงงานอุตสาหกรรมบางโรงงานฯได้หยุดการผลิตเนื่องจากเป็นช่วงที่ประเทศพม่าหยุดส่งก๊าซให้ไทยซึ่งอาจทำให้ไฟฟ้าดับ โรงงานฯจึงหยุดการผลิตชั่วคราวทำให้ชาวเขมรเหล่านั้นฉวยโอกาสเดินทางกลับไปเที่ยวสงกรานต์และเยี่ยมพ่อ แม่ ที่บ้านเกิดในประเทศกัมพูชาด้วย โดยทิ้งพาสปอร์ตไว้ในโรงงานฯไม่พกติดตัวมาด้วย เพื่อหวังจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าประทับตราพาสปอร์ตเดินทางกลับออกไปประเทศกัมพูชา และเมื่อเดินทางกลับเข้าไทยก็จะมีสิทธิใช้พาสปอร์ตเดิมอยู่ในประเทศไทยได้จนกว่าจะครบอายุของพาสปอร์ต

หลังจากสอบสวนเสร็จ จนท.ได้ควบคุมตัวมาถ่ายภาพ ทำประวัติ ก่อนจะประสาน จนท. ตม.ปอยเปต ของกัมพูชา นำตัวชาวเขมรเหล่านี้ไปผลักดันกลับประเทศ ตามข้อตกลงร่วมกัน
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49251
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 03/04/2013 3:04 pm    Post subject: Reply with quote

4 เดือนมิสเตอร์เมกะโปรเจ็กต์ "ประภัสร์ จงสงวน" จัดระเบียบรถไฟ...ลงทุนระบบราง
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 03 เม.ย 2556 เวลา 14:42:56 น.

ร่วม 4 เดือนที่ "ประภัสร์ จงสงวน" นั่งเก้าอี้ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) คนที่ 17 รับตำแหน่งวันแรก 14 พฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา

แม้จะเป็นคนนอกและมีโอกาสบริหารงานในองค์กรม้าเหล็กแค่ 2 ปีเศษ แต่นับจากวันนี้ไปถึงวันสุดท้าย จะเร่งเครื่อง-จัดระเบียบ "การรถไฟฯ" ตั้งรับเม็ดเงินรัฐจัดสรรลงทุนระบบรางกว่า 1.27 ล้านล้านบาท หรือ 63.63% ของวงเงิน 2 ล้านล้านบาท ที่ "รัฐบาลเพื่อไทย" อัดฉีดเพื่อพลิกโฉมโครงสร้างพื้นฐานประเทศไทยใหม่

"ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "ผู้ว่าการประภัสร์" ถึงผลงานและแผนงานที่จะนำพาองค์กรอายุกว่า 117 ปี ขับเคลื่อนไปข้างหน้า

- แผนงาน-ผลงานที่จะทำ

อย่างแรกที่ต้องทำให้ได้คือจะทำยังไงให้พนักงานและลูกจ้างรถไฟเกิดความเชื่อมั่น เพราะรถไฟยังมีอนาคต ต้องให้ขวัญกำลังใจกลับมา แล้วก็จุดให้เขามีประกายไฟขึ้นมาใหม่ กลับมาเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย เป็นเรื่องสำคัญที่สุด อย่างอื่นเป็นเรื่องรอง แต่ต้องใช้เวลากว่าจะถึงเป้าหมาย ต่อไปจะเร่งเรื่องความสะอาดและการให้บริการ

ในเรื่องการจัดซื้อหัวรถจักร 20 คัน รถโดยสารใหม่ 115 คัน ปรับปรุงรางให้มีความปลอดภัย ภายใต้กรอบวงเงินลงทุน 1.76 แสนล้านบาท ปัจจุบันก็เริ่มทยอยออกประกาศทีโออาร์ประมูล ต้องใช้เวลา เพราะมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ซื้อแต่ไม่มีวงเงินให้ กลายเป็นว่าจะจัดซื้อจัดจ้างต้องไปทำเรื่องใหม่เพื่อขอกู้เงิน ก็เท่ากับว่าต้องเข้ากระบวนการใหม่ นี่ก็เกือบปีแล้วนับจากที่ ครม.อนุมัติแต่ยังไม่ได้ซื้อเลย แม้กระทั่งขบวนรถไฟฟ้าของแอร์พอร์ตลิงก์ก็อนุมัติมาเป็นปีแล้วก็ยังไม่ได้ซื้อเลยเหมือนกัน ทุกคนก็มาบ่นว่ารถไฟใช้งบประมาณไม่ได้ตามเป้า

- แผนเงินลงทุน 2 ล้านล้าน

ส่วนที่รถไฟรับผิดชอบมีทางคู่ 5 สายที่จะประมูลพร้อมกันในปีนี้ มูลค่าก่อสร้างกว่า 1 แสนล้านบาท จะได้พอดีกับที่ซื้อหัวรถจักรใหม่มาวิ่ง ส่วนรถไฟความเร็วสูง 4 สายทาง ในหลักการเข้าใจว่าน่าจะให้รถไฟเป็นคนดำเนินการ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่เพราะในเอกสารของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ยังเสนอให้ตั้งองค์กรขึ้นมาใหม่ ก็เลยยังงง ๆ อยู่

เร็ว ๆ นี้จะหารือกับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสรุปจะเป็นรูปแบบไหนกันแน่ ผมมีไอเดียจะตั้งหน่วยธุรกิจหรือบียูออกมาต่างหาก เพื่อบริหารโครงการระบบรถไฟฟ้าทั้งสายสีแดง รถไฟความเร็วสูง จะยุบรวมบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ที่บริหารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์เข้ามาร่วมด้วย เสนอคณะบอร์ดไปแล้ว ซึ่งเห็นด้วยในหลักการ และมอบหมายให้จัดทำรูปแบบมาเสนออีกครั้งในอีก 1-2 เดือนนี้ ยังไงก็ต้องเตรียมความพร้อม เพราะอีกไม่นานรถไฟจะเปลี่ยนจากรถดีเซลเป็นระบบรถไฟฟ้าทั้งหมด

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ระบบรถไฟความเร็วสูงจะคิดแบบเดิมคือก่อสร้างไปก่อนแล้วเอาใครไม่รู้มาเดินรถภายหลัง...ไม่ได้ เพราะเป็นศาสตร์อีกศาสตร์หนึ่งที่ลึกซึ้งละเอียดอ่อนมาก ต้องมีการฝึกคนตั้งแต่แรกเพราะต้องปลอดภัย 100% การก่อสร้างจะประมูลซื้อรถก่อนแล้วก่อสร้างภายหลังก็จะเป็นปัญหาอีก เพราะคนที่ก่อสร้างจะรู้ยังไงว่าคนที่ผลิตรถต้องการอะไร นี่คือเหตุผลที่ผมเสนอ สนข.ให้ประมูลเหมาทั้งโครงการ รวมทั้งให้เอกชนรับผิดชอบไปทั้งหมด

- โครงการอื่น ๆ

ถัดจากรถไฟฟ้าก็มีรถไฟสายใหม่ 3 สาย มีสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 326 กิโลเมตร สายบ้านไผ่-นครพนม 347 กิโลเมตร และสายบ้านภาชี-อ.นครหลวง 23 กิโลเมตร วงเงินรวมกัน 1.23 แสนกว่าล้านบาท รอให้ผ่านรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอก่อนถึงจะเปิดประมูลได้ น่าจะเริ่มประมูลได้ในปี 2557

- นั่งผู้ว่าการมาแล้ว 2 องค์กร

ต่างกันครับ การทำงานจะยากกันคนละแบบ บริหาร รฟม. (การรถไฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) จะเป็นการเปิดพื้นที่เวนคืนใหม่ กระทบคนเยอะจะถูกด่ามาก แต่การรถไฟฯ ส่วนใหญ่โครงการสร้างอยู่ในเขตทางรถไฟ จะทะเลาะกับผู้บุกรุกอย่างเดียว เช่น กลุ่มสลัม 4 ภาค ด้านองค์กรก็ต่างกัน แต่ผมว่าคนรถไฟจะรักองค์กรมากกว่า รฟม. เป็นเพราะอยู่ร่วมกันมานานเป็น 100 ปี ถ้าถามผม...วันนี้ รฟม.น่าเป็นห่วงมากเรื่องทัศนคติของคนทำงานภายในองค์กร

- 4 เดือนทำงานกับรถไฟ

เท่าที่ได้สัมผัสพนักงานและทุก ๆ อย่าง ผมภูมิใจในรถไฟ เป็นองค์กรที่มีประวัติความเป็นมาไม่น้อยหน้าใคร ที่ผ่านมาอาจถูกมองในแง่ลบ อยากถามว่าเคยมองไหมว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ มันไม่ใช่ความผิดของรถไฟทั้งหมด แต่มาจากหลายสาเหตุที่เข้ามาเกี่ยวข้องและก็ทำให้รถไฟเป็นแบบนี้ในวันนี้ ผมยืนยันนะครับว่า คนรถไฟที่ดี ๆ อยากเห็นหน่วยงานพัฒนา กลับมาเป็นความภาคภูมิใจก็มีอีกเยอะแยะ

ปัญหาและอุปสรรคการทำงานก็มีบ้างเพราะเราเป็นคนนอก เป็นธรรมดาที่มีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจบ้าง แต่ผมเรียนว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วย พร้อมที่จะเดินไปกับผมเพื่อทำให้รถไฟดีขึ้น แต่เป็นธรรมดาครับ ที่คนส่วนหนึ่งที่เคยมีผลประโยชน์ พอผมเข้าไปก็หงุดหงิดเป็นธรรมดา ตอนนี้ปัญหาภายในไม่มีแล้ว เพราะพนักงานส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีแต่ปัญหาข้างนอก
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45503
Location: NECTEC

PostPosted: 04/04/2013 12:44 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
บุกรวบแรงงานเถื่อนนับร้อย ขึ้นรถไฟฟรีจาก กทม.
ระวังภัย 3 เม.ย. 56


จนท.สนธิกำลังค้นโบกี้รถไฟรวบแรงงานเถื่อน 113 คน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
3 เมษายน 2556 15:26 น.

ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ทหารพราน และตำรวจรถไฟ กระจายกำลังดักรอบริเวณโดยรอบสถานีรถไฟอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังสืบทราบว่า จะมีแรงงานเถื่อนชาวกัมพูชา ที่ลักลอบเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจำนวนมาก นัดรวมตัวขึ้นรถไฟฟรีสายกรุงเทพ-อรัญประเทศ เพื่อกลับไปเที่ยวสงกรานต์ที่บ้านเกิดในประเทศกัมพูชา จากการตรวจค้น 2 โบกี้สุดท้าย พบแรงงานเถื่อนถึง 113 คน เป็นชาย 71 คน หญิง 39 คน และเด็ก 3 คน จึงควบคุมตัวทั้งหมดมาสอบสวน ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมถ่ายภาพและทำประวัติก่อนประสานตำรวจตรวจคนเข้ากัมพูชา นำตัวกลับประเทศ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45503
Location: NECTEC

PostPosted: 08/04/2013 3:42 pm    Post subject: Reply with quote

หลังจากกรณี โดนฝ่ายค้านโจมตีเรื่อง เงินกู้ 2.27 ล้านล้านบาทว่าไม่มีรายละเอียด รัฐบาลเลยจัดทำรายละเอียดมาให้ ดูได้ที่นี่ครับ - มี 273 หน้ากระดาษ
https://docs.google.com/file/d/0B5eWcVkpDhAodFpDWkJiS3lGckk/edit?pli=1
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45503
Location: NECTEC

PostPosted: 08/04/2013 3:53 pm    Post subject: Reply with quote

พบศพชายนรินามถูกยิงทิ้งใต้สะพานริมถนนรถไฟคาดถูกลวงมาฆ่า

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 เมษายน 2556 11:01 น.

พัทลุง - ชาวบ้านพบศพชายนิรนามถูกยิงทิ้งใต้สะพานริมถนนรถไฟ หารกง-หารเทา อ.ป่าบอน เจ้าหน้าที่คาดถูกลวงมาจากพื้นที่อื่น ขัดแย้งเรื่องส่วนตัว หรือธุรกิจมืด

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (8 เม.ย.) ร.ต.ท.วิโจจน์ ปราบปรี ร้อยเวร สภ.ป่าบอน จ.พัทลุง รับแจ้งจากพลเมืองดีพบศพผู้ชายถูกยิงทิ้งบริเวณใต้สะพานริมถนนรถไฟ ท้องที่ ม.1 ต.วังใหม่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง หลังรับแจ้งจึงดินทางรุดสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยแม่ขรี

ในที่เกิดเหตุบริเวณใต้สะพานริมถนนบ้านรถไฟหารกง-หารเทา พบศพชายไทยไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 35-40 ปี สูงประมาณ 165-170 ซม. ผิวดำแดง นุ่งกางแกงยีนส์สีน้ำเงิน สวมเสื้อยืดสีฟ้า ทับด้วยแจ็กเกตยีนส์สีดำ ตามลำตัวพบรอยสักรูปมังกรทั้งตัว ส่วนหลักฐานประวัติไม่พบแต่อย่างใด มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. และขนาด .357 มม. โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน 6 ปลอก และหัวกระสุนปืนขนาด .357 อีก 3 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงได้ยินเสียงรถยนต์กระบะขับเข้ามาจอด และสักครู่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด แต่ไม่มีใครกล้าออกมาดูจนกระทั่งเช้าพบศพมีชายถูกฆ่าทิ้งดังกล่าว

ส่วนสาเหตุในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าผู้ตายน่าจะเป็นคนในพื้นที่อื่นแล้วถูกลวงมาฆ่าทิ้ง คาดสาเหตุน่าจะมากจากความขัดแย้งส่วนตัว หรือขัดแย้งในธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งกำลังเร่งสืบหาว่าผู้ตายเป็นใคร และหาชนวนสาเหตุในการฆ่าก่อนที่จะติดตามผู้ต้องหารายนี้มาดำเนินคดีต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45503
Location: NECTEC

PostPosted: 10/04/2013 7:03 pm    Post subject: Reply with quote

สนข.ดันบางซื่อศูนย์กลางรถไฟ
ข่าวเศรษฐกิจ
เดลินิวส์
วันพุธที่ 10 เมษายน 2556 เวลา 17:59 น.

สนข. ถกรถไฟย้ายสถานีหัวลำโพงไปสถานีบางซื่อ เพื่อเป็นศูนย์กลางโครงข่ายคมนาคมรองรับรถไฟเร็วสูง

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยภายหลังงานสัมมนาโครงข่ายคมนาคมกับทิศทางการพัฒนาเมืองว่า อยู่ระหว่างออกแบบการเชื่อมโยงระบบขนส่งย่านสถานีกลางบางซื่อ สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ และการให้บริการรถไฟฟ้าในบริเวณย่านนั้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารที่จะเข้าใช้บริการในอนาคตมากขึ้น ขณะเดียวกันยังจะช่วยให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ในย่านดังกล่าวด้วย เบื้องต้นได้หารือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ให้ย้ายสำนักงานใหญ่จากหัวลำโพงไปอยู่บางซื่อ และย้ายกระทรวงคมนาคม จากถนนราชดำเนินมาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน

ทั้งนี้สถานีกลางบางซื่อที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างจะทดแทนสถานีหัวลำโพง มีรถไฟฟ้าหลายสายให้บริการ โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูง โดยเห็นว่า รถไฟความเร็วสูงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับเมืองที่มีสถานี และจะช่วยประหยัดพลังงานให้กับประเทศ

"รถไฟความเร็วสูงจะแข่งขันกับสายการบินที่ให้บริการในระยะทาง 500-1,000 กิโลเมตรได้ โดยจะใช้เวลาจากต้นทางถึงปลายทางไม่เกิน 3 ชั่วโมง และเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องก่อสร้างในตอนนี้ หากปล่อยไว้นานจะส่งผลให้ต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนอัตราค่าโดยสารที่กำหนดไว้จะอยู่ระหว่าง2.30-2.50 บาทต่อกิโลเมตร ซึ่งต่ำกว่าราคาเครื่องบินปกติที่คิดค่าบริการ 4.1 บาทต่อกิโลเมตร แต่สูงกว่าสายการบินต้นทุนต่ำ(โลว์คอสแอร์ไลน์)ที่คิดค่าบริการ 2.4 บาทต่อกิโลเมตร แต่ในอนาคตยังไม่รับประกันว่าสายการบินต้นทุนต่ำจะไม่ปรับเพิ่มราคา ในขณะที่น้ำมันมีราคาสูงขึ้น"
Back to top
View user's profile Send private message
JackSkyline
Warning 3 (Final)
Warning 3 (Final)


Joined: 11/02/2013
Posts: 118

PostPosted: 10/04/2013 10:05 pm    Post subject: Reply with quote

อยากให้มีโครงการรถไฟฟรี ไปจนถึงทางคู่เสร็จ
แต่ต้องเป็นโบกี้พัดลมใหม่ๆ นะครับ

เบาะพอนั่่งดีๆ ได้

ความเร็วเฉลี่ยต้องเพิ่มขึ้น อาจจะลดลงสอง-สามชั่วโมง ในขบวนธรรมดา ถ้าเป็นรางคู่ที่สภาพรางแข็งแกร่งแก้ปัญหาจุดตัดได้แล้ว
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 195, 196, 197 ... 502, 503, 504  Next
Page 196 of 504

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©