ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์

[Wisarut]

"พงศ์เทพ"ชิมลางนั่งรถไฟทุ่งสง-กทม.โวย900กม.วิ่งกว่า13ชม.
เนชั่นทันข่าว
วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม 2556 เวลา 15:49 น.

“พงศ์เทพ” นั่งรถไฟไทย 900 กิโล ใช้ 13 ชม.สุดนานต้องม้าเหล็กความเร็วสูง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 พฤษภาคม 2556 16:15 น.

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังโดยสารรถไฟจาก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช กลับมายังสถานีรถสามเสน กรุงเทพฯ ว่า ระยะทางจากทุ่งสงมายัง กทม.ระยะทางกว่า 900 กิโลเมตร แต่รถไฟไทยใช้เวลาวิ่งถึง 13 ชั่วโมง เพราะฉะนั้น ต้องยอมรับความจริงว่ารถไฟไทยยังต้องพัฒนาทั้งเรื่องของระบบโครงสร้าง และเวลาอีกมาก แต่ที่ผ่านมาการพัฒนารถไฟหยุดชะงักมาเป็นเวลานาน หัวรถจักรที่ใหม่สุดอายุกว่า 25 ปี ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการอนุมัติงบประมาณให้ซื้อหัวรถจักรใหม่หลาย 10 หัวจักร แต่สาเหตุที่รถไฟไทยใช้เวลาเดินทางนานไม่ได้มาจากความล่าสมัยของหัวรถจักรอย่างเดียว แต่รถไฟไทยต้องรอสับรางกันเพราะฉะนั้น รัฐบาลจึงมีโครงการที่จะจัดระบบขนส่งทางรางใหม่ เพื่อให้การเดินทางทางรถไฟมีความสะดวกรวดเร็วขึ้น เป็นทางเลือกในการเดินทางสำหรับประชาชน

"ขนาดการรถไฟให้บริการอย่างนี้ มีรถไฟให้บริการน้อยเที่ยวต่อวันและวิ่งได้เร็วไม่มาก ก็ยังมีประชาชนใช้บริการของรถไฟเยอะมาก เพราะฉะนั้น ถ้ามีการพัฒนารถไฟให้ดีขึ้นแน่นอนว่าการเดินทางด้วยรถไฟจะเป็ฯทางเลือกที่ดีสำหรับคนไทย และทำให้การขนส่งสินค้าสะดวกรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้นด้วย ซึ่งการพัฒนาระบบขนส่งแบบรางอยู่ในยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 2020 ของรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของ ศธ.นั้นได้รับมอบหมายให้เตรียมบุคคลากรรองรับการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง และรองรับการขยายการบริการของการรถไฟในอนาคต ซึ่ง ศธ.ได้หารือกับฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อพยากรณ์ความต้องการของบุคลากรทางด้านนี้ในอนาคต รวมถึงพิจารณาด้วยว่าอุตสาหกรรมประเภทใดที่จะขยายตัวขึ้น หลังจากมีระบบขนส่งแบบใหม่เข้ามา ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ ศธ.จะประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เพื่อให้ทั้ง 2 หน่วยงานปรับการผลิตกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ"นายพงศ์เทพ กล่าว

[Wisarut]

คมนาคมขอไฟเขียวครม. 'ไทย-เกาหลี' ร่วมพัฒนาระบบราง
ข่าวการเมือง
โดย: ไทยรัฐออนไลน์
4 พฤษภาคม 2556, 01:00 น.

คมนาคม ขอไฟเขียว ครม.เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระบบราง ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงที่ดิน การขนส่ง และกิจการทางทะเลแห่งสาธารณรัฐเกาหลี

วันที่ 3 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 7 พ.ค. นี้ กระทรวงคมนาคมจะขอความเห็นชอบ ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระบบรางระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงที่ดิน การขนส่ง และกิจการทางทะเลแห่งสาธารณรัฐเกาหลี

โดยขอความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระบบรางระหว่าง คค. แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงที่ดิน การขนส่ง และกิจการทางทะเลแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุง แก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนการลงนาม ให้ คค. ดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง และขออนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย

สำหรับการลงนามดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สรุปสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ดังนี้ 1. ขอบเขตและกิจกรรมความร่วมมือ ทั้งสองฝ่ายจะมีกิจกรรมการพัฒนาระบบรางร่วมกันในลักษณะให้คำปรึกษา การฝึกอบรม การให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ และการศึกษาดูงานระหว่างกัน การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านนโยบาย กฎระเบียบ การแลกเปลี่ยนการเยือนของเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส ผู้เชี่ยวชาญ และเจ้าหน้าที่ การจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ และการประชุมสัมมนาในหัวข้อที่สนใจร่วมกัน โดยความเห็นชอบของทั้งสองฝ่าย ความร่วมมือต่างๆ อาจรวมถึง

1.1 การแลกเปลี่ยนความรู้ ความร่วมมือระหว่างสถาบันเพื่อเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร
1.2 การพัฒนาล้อเลื่อนสมัยใหม่ รวมถึงระบบอาณัติสัญญาณและระบบสื่อสารสำหรับระบบราง

1.3 การบริหารจัดการและการเดินรถ รวมทั้งกฎระเบียบด้านระบบราง
1.4 การพัฒนาการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ศูนย์โลจิสติกส์และศูนย์สินค้า
1.5 การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีการก่อสร้างและการซ่อมบำรุงโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงราง สะพาน อุโมงค์ ระบบไฟฟ้าและพลังงาน
1.6 ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
1.7 รถไฟความเร็วสูง

2. การประชุมความร่วมมือระบบราง
2.1 การประชุมจะจัดสลับกันระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีและประเทศไทย โดยแต่ละฝ่ายมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบรางเข้าร่วมประชุม ค่าใช้จ่ายในการเดินทางระหว่างประเทศและภายในประเทศ ค่าที่พักและค่าอาหารของผู้แทนที่เข้าร่วมประชุมจะรับผิดชอบโดยแต่ละฝ่าย
2.2 ให้มีการกำหนดระเบียบวาระการประชุมร่วมกันเป็นการล่วงหน้า
2.3 ที่ประชุมจะประเมิน จัดสรร และติดตามกิจกรรมความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ทั้งนี้ ให้มีการแจ้งรายชื่อผู้แทนที่จะเข้าร่วมการประชุมเป็นลายลักษณ์อักษรให้แต่ละฝ่ายทราบเป็นการล่วงหน้า

3. บททั่วไป ความตกลงฉบับนี้ไม่มีเจตนาให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายใดๆ การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะขึ้นอยู่กับกฎระเบียบ งบประมาณ และบุคลากรของทั้งสองฝ่าย

4. การระงับข้อพิพาท ข้อพิพาทใดที่เกิดจากการตีความ และ/หรือ การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะดำเนินการแก้ไขโดยสุจริตจากสองฝ่าย

อย่างไรก็ดี การดำเนินการตามที่ได้ลงนามระหว่างสองฝ่าย และ/หรือ ผู้ได้รับมอบหมายจะต้องบรรจุข้อบทว่าด้วยการระงับข้อพิพาทลงไปด้วย

5. บันทึกความเข้าใจฯ จะมีผลใช้บังคับในวันที่ทั้งสองฝ่ายลงนาม มีอายุ 3 ปี และอาจมีการต่ออายุได้อีก 2 ปี ตามความเห็นชอบของทั้ง 2 ฝ่าย และอาจมีการแก้ไขเพิ่มเติมบันทึกความเข้าใจฯ ได้ โดยความเห็นชอบร่วมกัน

[Wisarut]

“ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” พา รมว.คมนาคมฝรั่งเศสนั่งรถไฟไปอยุธยา(ชมคลิป)

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤษภาคม 2556 19:09 น.




พระนครศรีอยุธยา –“ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” รมว.คมนาคม พา รมว.คมนาคมฝรั่งเศส พร้อมคณะ นั่งรถไฟไปอยุธยา หนึ่งในเส้นทางที่จะมีรถไฟความเร็วสูงวิ่งผ่าน

เมื่อเวลา 10.10 น. วันนี้( 11 พ.ค.) ที่สถานีรถไฟอยุธยา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม นายประภัทร จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้พานาย Frederic Cuvillier รมว.คมนาคม ประเทศฝรั่งเศส ทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย พร้อมคณะรวม 14 คน เดินทางโดยรถไฟ ขบวนรถพิเศษที่ 941 มาลงที่สถานีรถไฟอยุธยา ซึ่งขบวนรถไฟพิเศษ ออกจากสถานีหัวลำโพงเมื่อเวลา 08.00 น. โดยมีนายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.นายทวี นริศสิริกุล รองผวจ.พระนครศรีอยุธยา นายชัยชาญ โคกดอกไม้ นายสถานีรถไฟอยุธยา พ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ รอง ผบก.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่อุทยานประวัติศาสตร์ และเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ ด้วยการมอบพวงมาลัยพร้อมเดินผ่านซุ้มประตูทางออกของสถานีรถไฟอยุธยาด้วยการจัดดอกไม้เป็นซุ้มประตูให้การต้อนรับ

จากนั้นนายชัชชาติ พร้อมขณะได้ลงจากขบวนรถไฟได้แวะเข้าชมภายในสถานีรถไฟอยุธยา โดยเข้าไปชมในห้องควบคุมการเดินรถที่จะผ่านสถานีรถไฟอยุธยา หลังจากชมรมว.คมนาคม ฝรั่งเศสได้ชื่นชมในการปฏิบัติงานว่าได้นำวิธีการที่ทันสมัยมาใช้ในการเดินรถ อันจะส่งผลให้การเดินรถไฟของประเทศไทยมีความสะดวกรวดเร็วและทันสมัย โดยสถานีรถไฟอยุธยาเป็นจุดหนึ่งที่จะมีขบวนรถไฟฟ้าความเร็วสูงวิ่งผ่าน

จากนั้นคณะทั้งหมดได้เดินทางไปชมโบราณสถาน ภายในอุทยานประวัติศาสตร์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เช่น วิหารพระมงคลบพิตร วัดพระศรีสรรเพชร ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา วัดไชยวัฒนาราม เป็นต้น

[Wisarut]

'ชัชชาติ'หนุนจัดงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีทางรถไฟ กรุงเทพฯ
โดย ณัฐญา เนตรหิน
ข่าวรายวัน - คอลัมน์ : ข่าวในประเทศ
ฐานเศรษฐกิจ
วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2013 เวลา 17:31 น.

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันให้การสนับสนุนในการจัดงาน Exporail South East Asia – Thailand 2014 ในระหว่างวันที่ 12 - 14 มีนาคม 2557

หลังจากเข้าเยี่ยมชมงานแสดงสินค้าเทคโนโลยีด้านรถไฟ Railtex 2013 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พร้อมด้วย นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย และนายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ซึ่งวัตถุประสงค์การจัดงานในครั้งนี้เพื่อเป็นแนวทางการศึกษาด้านการจัดงานแสดงสินค้าเทคโนโลยีทางด้านรถไฟจากผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ และเพื่อสนับสนุนแผนงานในการปรับปรุงโครงสร้างและขยายเครือข่ายรถไฟไทยครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศ

และเมื่อเร็วๆนี้ จากคำแถลงเกี่ยวกับโครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานรถไฟของประเทศไทยที่มีมูลค่ารวม 68,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินจำนวนนี้รวมถึงเงินลงทุน 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับ 6 เส้นทางรถไฟในกรุงเทพมหานคร และอีก 27,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงระดับประเทศ ทั้งนี้ เงินลงทุนจำนวน 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะถูกนำไปใช้ในการปรับเปลี่ยนระบบรางรถไฟปัจจุบันแบบรางเดี่ยวซึ่งมีขนาดแคบให้เป็นระบบรถไฟแบบรางคู่

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำเอาสิ่งที่ดีที่สุดในระดับสากลมาสู่ประชาชนผู้ใช้รถไฟและผู้เสียภาษีให้กับประเทศชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจึงได้ให้การสนับสนุนและกระตุ้นให้ผู้ผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมรถไฟชั้นแนวหน้าต่างๆ เข้าร่วมในการแสดงสินค้าในประเทศไทยที่จะถึงนี้ โดยถือโอกาสในการจัดงานแสดงสินค้าเป็นตัวช่วยในการเฟ้นหาผู้ผลิตและจัดส่งสินค้าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับโครงการต่างๆ ในการพัฒนาโครงสร้างรถไฟของประเทศไทย

ทั้งนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กล่าวว่า "การแสดงสินค้า Exporail South East Asia – Thailand 2014 จะสามารถก่อให้เกิดผลประโยชน์และโอกาสที่ดีแก่บริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมรถไฟ ด้วยการจัดงานแสดงสินค้าด้านเทคโนโลยีรถไฟที่ดีที่สุดของประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"

นอกจากนี้ งานแสดงสินค้า Exporail South East Asia - Thailand 2014 ยังช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจแก่บริษัทที่ต้องการเจาะตลาดอุตสาหกรรมรถไฟในประเทศแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีการลงทุนด้านการเงินที่สูงในส่วนของโครงการพัฒนารถไฟและการขนส่งในตัวเมือง เช่น กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม อีกด้วย

งานแสดงสินค้า Exporail South East Asia - Thailand 2014 จะจัดขึ้น ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ ในระหว่างวันที่ 12 - 14 มีนาคม 2557 สำหรับบริษัทที่สนใจเข้าร่วมออกงานแสดงสินค้าสามารถจองพื้นที่เพื่อร่วมออกงานพร้อมส่วนลดราคาพิเศษ โดยสามารถติดต่อได้ Thailand@exporail-southeastasia.com โทร +44(0)1727 814400 หรือเข้าชมรายละเอียดได้ที่ www.exporail-southeastasia.com

[Mongwin]

สภ.แหลมฉบังทำแผนแก๊งค์เด็กแสบเอาก้อนหินและตัดต้นไม้ขวางทางรถไฟเพื่อให้รถไฟหยุดเพราะอยากเห็นหัวรถจักรอย่างใกล้ชิด
เนชั่น 77 ช่อง 77 จังหวัด 14 พ.ค. 56 17.27 น.
http://77.nationchannel.com/home/347382/

----

ตำรวจแหลมฉบัง จับแก๊งเด็กแสบตัดต้นไม้ขวางทางรถไฟ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤษภาคม 2556 17:33 น.

ศูนย์ข่าวศรีราชา - เจ้าหน้าที่ตำรวจแหลมฉบัง แถลงข่าวการจับกุมแก๊งเด็กแสบ นำก้อนหินและต้นไม้วางบนรางรถไฟ เป็นเหตุให้ขบวนรถไฟต้องหยุดกะทันหัน

วันนี้ (14 พ.ค.) พ.ต.อ.ศักดิ์รพี เพียวพนิช ผกก.สภ. แหลมฉบัง จ.ชลบุรี พร้อมด้วยทีชุดจับกุม และผู้ช่วยสารวัตรงานรถจักรบางซื่อ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมแก็งค์ "เด็กแสบ" เนื่องจากเมื่อวานนี้ (13 พ.ค.) นายนันทพงศ์ ยังพกูล ช่างเครื่อง 1 พนักงานรถจักร ได้เข้าแจ้งความกับ สภ.แหลมฉบัง ว่ามีคนร้ายไม่ทราบจำนวนก่อเหตุนำก้อนหินขนาดใหญ่ไปวางบนรางรถไฟ และตัดต้นไม้ขวางบนรางรถไฟเพื่อขัดขวางการเดินรถไฟทำให้รถไฟขบวนที่ 852 ซึ่งบรรทุกสินค้าออกจากสถานีขนถ่ายสินค้าแหลมฉบัง เพื่อไปส่งตู้สินค้าที่สถานีไอซีดี ลาดกระบัง ซึ่งวิ่งออกจากสถานีมาได้ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ต้องหยุดกะทันหัน เพื่อเคลียร์เส้นทาง

โดยที่ผ่านมาประสบเหตุเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว โดยนำก้อนหินมาวางไว้ทางรถรถไฟ บางครั้งก็ขว้างปาใส่ รถไฟ จนสุดท้ายทนไม่ไหว ต้องเข้าแจ้งความกับตำรวจ ซึ่งที่ผ่านมายังถือว่าโชคดีที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ แต่ถ้าปล่อยไว้และเกิดอุบัติเหตุเกิดรถไฟตกรางขึ้นมาจะทำอย่างไร

หลังจากรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ช่วยสารวัตรงานรถจักรบางซื่อ ร่วมกันเร่งติดตามคนร้ายกลุ่มดังกล่าวจนสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ 3 คน คือ นายเอ็ม(นามสมมติ )อายุ 15 ปี นายท๊อป (นามสมมุติ)อายุ 15 ปี และ ด.ช.ตัง (นามสมมุติ )อายุ 14 ปี ทั้ง 3 คนรับสารภาพว่าช่วยกันนำก้อนหินไปวางไว้บนทางรถไฟ เพื่อขัดขวางการวิ่งของขบวนรถไฟ เนื่องจากต้องการเห็นรถไฟใกล้ๆ สักครั้ง ส่วนต้นไม้นั้นตัดมาทำบันไดสำหรับขึ้นลงรั้ว แต่เนื่องจากต้นไม้น้ำหนักมาก จึงตกลงไปขวางทางรถไฟ ขณะที่รถไฟได้วิ่งมาพอดีและหยุดรถที่บริเวณดังกล่าว พวกตนกลัวความผิดจึงพากันวิ่งหลบหนีไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า กระทำผิดฐานสิ่งใดๆ กีดขวางทางรถไฟ จนน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การเดินรถไฟ ตามประมาลกฎหมายอาญา มาตรา 230 และ โดยเจตนาขัดขวางเจ้าพนักงานรถไฟไให้ไม่มีเวลาทำการตามหน้าที่ และเป็นการทิ้งท่อนไม้เข้าไปขวางที่ขบวนรถไฟ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้โดยสารหรือสิ่งของ ซึ่งของบรรทุกมาตาม พ.ร.บ.จัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ.2484 ซึ่งเป็นความผิดมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-14,000บาท นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

[Wisarut]

^^^

เด็กเวรอยากให้รถไฟหยุดรับตนโดยการทั้งขว้างก้อนหิน และ ตัดไม้ขวางทางรถไฟ

ตำรวจแหลมฉบัง จับแก๊งเด็กแสบตัดต้นไม้ขวางทางรถไฟ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤษภาคม 2556 17:33 น.

ทำแผนแก๊งเด็กแสบเอาก้อนหินและตัดต้นไม้ขวางทางรถไฟ
โดย เนชั่นทันข่าว 14 พฤษภาคม 2556 20:53 น.

ศูนย์ข่าวศรีราชา - เจ้าหน้าที่ตำรวจแหลมฉบัง แถลงข่าวการจับกุมแก๊งเด็กแสบนำก้อนหิน และต้นไม้วางบนรางรถไฟ เป็นเหตุให้ขบวนรถไฟต้องหยุดกะทันหัน

[Wisarut]

"คมนาคม"พร้อมกดปุ่มประมูลงบ2ล้านล้าน เกลี่ยบัญชีลงตัว4ปีเนรมิตครบ"ถนน-ด่าน-ทางคู่-ไฮสปีดเทรน"

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
16 พฤษภาคม 2556 เวลา 21:42:04 น.


เปิดแผน "คมนาคม" จัดลำดับโครงการ 2 ล้านล้านกระจายลงทุน 4 ปี ประเดิมปี"56-57 กว่า 1.2 ล้านล้านทุ่มสร้างรถไฟฟ้าสายสี "แดง-เขียว-ชมพู-เหลือง" ทางคู่ 5 สายรวด ตีฆ้องทั่วโลกประมูลไฮสปีดเทรน จุดพลุมอเตอร์เวย์ใหม่ 3 สาย "โคราช-กาญจน์-มาบตาพุด" ดีเดย์ปี"58 ตอกเข็มทางรถไฟ 2 สายใหม่กว่า 1 แสนล้าน ปี"59 เทกระจาดลอตสุดท้ายทางคู่ 5 สายใหม่กว่า 1.4 แสนล้าน

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในแผนงานโครงการลงทุนตาม พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทที่กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรนั้น ทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้จัดทำบัญชีการลงทุนที่จะเริ่มดำเนินการได้ทันทีหลัง พ.ร.บ.กู้เงินมีผลบังคับใช้แล้ว โดยกระจายประมูลใน 4 ปี

ปี"56 กว่า 4 แสนล้าน

ในปี 2556 มีโครงการพร้อมดำเนินการวงเงินรวม 422,342 ล้านบาท ได้แก่
1.รถไฟฟ้า 4 สาย เงินลงทุนรวม 130,153 ล้านบาท มี
1.1 สีเขียวเข้ม (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) 18.7 กม. วงเงิน 58,590 ล้านบาท,
1.2 สีชมพู (แคราย-มีนบุรี) 38 กม. วงเงิน 58,624 ล้านบาท, สีแดง (รังสิต-ม.ธรรมศาสตร)์ 5,412 ล้านบาทและสีแดง (ตลิ่งชัน-ศาลายา) 7,527 ล้านบาท

2.รถไฟทางคู่ 2 สาย เงินลงทุนรวม 46,904 ล้านบาท ได้แก่
2.1 สายจิระ-ขอนแก่น 185 กม. วงเงิน 29,221 ล้านบาท และ
2.2 สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 167 กม. วงเงิน 17,683 ล้านบาท - แก้คอขวด มาบอำมฤต

นับหนึ่งไฮสปีดเทรน 3 สาย

3.รถไฟความเร็วสูง 3 สาย เงินลงทุนรวม 682,598 ล้านบาท มี
3.1 สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 745 กม. วงเงิน 387,821 ล้านบาท,
3.2 กรุงเทพฯ-หนองคาย 615 กม. ลงทุน 170,450 ล้านบาท (ค่าก่อสร้างเฟสแรกกรุงเทพฯ-นครราชสีมา และค่าที่ปรึกษาต่อขยายนครราชสีมา-หนองคาย),
3.3 สายกรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ 982 กม. ลงทุน 124,327 ล้านบาท (เฟสแรกจากกรุงเทพฯ-หัวหิน และค่าศึกษาต่อจากหัวหิน-ปาดังเบซาร์)

โดยจะเริ่มกระบวนการเสนอผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ในสายเหนือ กรุงเทพฯ-พิษณุโลก และเริ่มขั้นตอนจัดหาระบบการเดินรถ คาดว่าจะมีวงเงินรวมทั้ง 3 สายประมาณ 129,085 ล้านบาท ก่อนที่จะเปิดประมูลก่อสร้างในปี 2557 นี้

4.งานถนน เงินลงทุนรวม 116,200 ล้านบาท ได้แก่
4.1 มอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา (ทางหลวงหมายเลข 6) 196 กม. วงเงิน 84,600 ล้านบาท มี พ.ร.ฎ.เวนคืนประกาศใช้แล้วจะเริ่มเวนคืนได้ทันที พร้อมเปิดประมูลก่อสร้าง
4.2 นอกจากนี้มีงานบูรณะถนนสายหลัก 12 เส้นทาง 235 โครงการ 2,162 กม. วงเงิน 31,600 ล้านบาท

ปี"57 ทะลุ 8 แสนล้าน

สำหรับในปี 2557 มี 5 โครงการ รวม 824,373 ล้านบาท คือ
1.รถไฟฟ้า 4 สาย รวม 239,403 ล้านบาท ได้แก่
1.1 สีแดงอ่อน (บางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก)
1.2 สีแดงเข้ม (บางซื่อ-หัวลำโพง) รวม 38,469 ล้านบาท,
1.3 ต่อขยายแอร์พอร์ตลิงก์ (พญาไท-บางซื่อ-ดอนเมือง) 28,574 ล้านบาท,
1.4 สีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) 57,306 ล้านบาท และ
1.5 สีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-บางกะปิ-มีนบุรี) 115,054 ล้านบาท

2.รถไฟทางคู่ 3 สาย รวม 58,244 ล้านบาท (ล่าช้าเพราะ ต้องทำ EIA ให้ผ่าน) มี
2.1 สายลพบุรี-ปากน้ำโพ 148 กม. วงเงิน 16,215 ล้านบาท,
2.2 นครปฐม-หัวหิน 165 กม. วงเงิน 20,833 ล้านบาท และ
2.3 มาบกะเบา-จิระ 132 กม. วงเงิน 21,196 ล้านบาท

ไฮสปีดเทรน 3 สาย 4 แสน ล.

3.เริ่มประมูลก่อสร้างงานโยธาทางวิ่งและสถานีถไฟความเร็วสูงเฟสแรก 3 สาย รวม 409,554 ล้านบาท ได้แก่
3.1 สายกรุงเทพฯ-พิษณุโลก 193,206 ล้านบาท,
3.2 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา 123,950 ล้านบาท และ
3.3 กรุงเทพฯ-หัวหิน 92,398 ล้านบาท

4.โครงการถนน เงินลงทุนรวม 105,792 ล้านบาท เป็น
4.1 ค่าเวนคืนมอเตอร์เวย์ 2 สาย คือ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (ทางหลวงเลขที่ 81) 5,420 ล้านบาท และ
4.2 พัทยา-มาบตาพุด (ต่อขยายทางหลวงหมายเลข 7) 1,800 ล้านบาท
4.3. อีกทั้งเริ่มประมูลงานขยายถนน เช่น
4.4 ถนน 4 ช่องจราจร 1,864 กม. 45 โครงการ เงินลงทุน 80,610 ล้านบาท
4.5 ถนนเลียบอ่าวไทยถึงชุมพร (รอยัลโคสต์) 22 โครงการ 4,192 ล้านบาท,
4.6 ถนนเชื่อมระหว่างประเทศ 11 โครงการ 13,770 ล้านบาท และ

5.สร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำป่าสัก 11,380 ล้านบาท

รถไฟใหม่แสนล้านงอกปี"58

ส่วนในปี 2558 มี 6 โครงการลงทุนรวม 280,082 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (สมุทรปราการ-บางปู)13,344 ล้านบาท
2.สร้างรถไฟสายใหม่ 2 สาย คือ
2.1 สายเด่นชัย-เชียงราย 326 กม. วงเงิน 77,275 ล้านบาท และ
2.2. สายบ้านไผ่-ร้อยเอ็ด-มหาสารคาม-มุกดาหาร-นครพนม 347 กม. วงเงิน 42,106 ล้านบาท

3.ประมูลรถไฟความเร็วสูง 2 สาย คือ
3.1 สายสุวรรณภูมิ-ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-พัทยา-ระยอง 221 กม. วงเงิน 100,631 ล้านบาท และ
3.2 สายเหนือต่อขยายจากพิษณุโลก-เชียงใหม่

4.โครงการถนน มี 2 โครงการรวม 16,433 ล้านบาท ได้แก่
4.1 สร้างถนนสนับสนุนท่าเรือเชียงแสน 3 โครงการ 2,773 ล้านบาท และ
4.2 ถนนสนับสนุนสนามบินสุวรรณภูมิ 3 โครงการ 13,660 ล้านบาท

5.การพัฒนาการขนส่งทางน้ำ วงเงินรวม 18,437 ล้านบาท มี
5.1 สร้างท่าเรือชุมพร 1,713 ล้านบาท,
5.2 ท่าเรือสงขลาแห่งที่ 2 วงเงิน 3,613 ล้านบาท,
5.3 สถานีขนส่งสินค้าทางน้ำอ่างทอง 1,325 ล้านบาท และ
5.4 ท่าเรือปากบาราระยะที่ 1 วงเงิน 11,786 ล้านบาท และ
6.โครงการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้า 15 แห่ง แยกเป็นเมืองชายแดน 7 แห่งที่
6.1 เชียงราย
6.2 ตาก
6.3 หนองคาย
มุกดาหาร สระแก้ว สงขลา นราธิวาส

อีก 8 แห่งเป็นเมืองหลัก มีเ
ชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี ปราจีนบุรี และสุราษฎร์ธานี เงินลงทุนรวม 11,856 ล้านบาท

ปี"59 ทางคู่ซิวเค้ก 5 สาย

ในปี 2559 จะมีประมูล 4 โครงการ รวม 153,852 ล้านบาท คือ
1.รถไฟทางคู่ 5 สาย รวม 144,110 ล้านบาท ได้แก่
1.1 สายปากน้ำโพ-เด่นชัย 285 กม. 30,070 ล้านบาท,
1.2 หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ 90 กม. 9,555 ล้านบาท,
1.3 ชุมพร-ปาดังเบซาร์ 506 กม. 53,340 ล้านบาท,
1.4 ขอนแก่น-หนองคาย 174 กม. 18,585 ล้านบาท และ
1.5 จิระ-อุบลราชธานี 309 กม. วงเงิน 32,560 ล้านบาท

2.สร้างทางรถไฟสายใหม่ จากบ้านภาชี-นครหลวง 23 กม. วงเงิน 4,546 ล้านบาท
3.มีถนนแก้ไขปัญหาจราจรที่แหลมฉบัง-สนับสนุนนิคมอุตสาหกรรม 2 โครงการ 2,960 ล้านบาท และ
4.พัฒนาสถานีขนส่งสินค้า อ.เชียงของ จ.เชียงราย 2,236 ล้านบาท

[Mongwin]

ร.ฟ.ท. เฟ้นหาผู้ประกอบการรถเสบียงสายตะวันออกเฉียงเหนือ ๒๘ ขบวน
โดย.. ศูนย์ประชาสัมพันธ์และบริการท่องเที่ยว 17 พฤษภาคม 2556 - 10:19:31

เผยผู้เสนอโครงการฯต้องยึดหลัก สะอาด ถูกสุขลักษณะ ราคาอยู่ภายใต้การควบคุมได้ เน้นย้ำต้องมี “ข้าวผัดรถไฟ” จำหน่ายบนขบวนรถด่วนหลัก ๘ ขบวน

นางนวลอนงค์ วงษ์จันทร์ หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่า การรถไฟฯ ได้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้าร่วมเสนอโครงการจัดบริการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มบนขบวนรถในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ ในกลุ่มขบวนรถด่วน จำนวน ๘ ขบวน และกลุ่มขบวนรถเร็ว จำนวน ๒๐ ขบวน มีอายุสัญญา ๓ ปี กำหนดขายซองเอกสาร ตั้งแต่วันที่ ๑๐ – ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ และให้ยื่นเอกสารเสนอโครงการต่อคณะกรรมการในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๖

สำหรับแนวการคัดเลือกของคณะกรรมการพิจารณาเสนอโครงการฯ จะตรวจสอบเอกสารและคุณสมบัติของผู้ยื่นซองแล้ว จะเปิดซองโครงการของผู้ยื่นเสนอเพื่อพิจารณาให้คะแนนโดยมีรายละเอียด อาทิ แผนการปรับปรุงภายในรถเสบียง การสาธิต สถานที่ประกอบการ คู่มือวิธีการปฏิบัติงานหรือข้อ กำหนดและจะได้ประกาศผลให้เป็นผู้ประกอบการในลำดับต่อไป นอกจากแนวการพิจารณาเบื้องต้นแล้ว การรถไฟฯ ยังให้คงเอกลักษณ์อาหารที่มีชื่อคือ ข้าวผัดรถไฟ กำหนดไว้ในเงื่อนไข(เฉพาะผู้ที่ยื่นเสนอกลุ่มขบวนรถด่วน)

ผู้ที่สนใจจะประกอบการรถเสบียงให้กับผู้โดยสารในขบวนรถไฟเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ งานควบคุมสัญญาและการเช่าสิทธิ กองโดยสาร ฝ่ายการเดินรถ การรถไฟฯ ที่โทรศัพท์ ๐๒-๖๒๑๘๗๐๑ ต่อ ๕๒๒๗ หรือต่อ ๕๓๕๐ ทุกวันทำการ

[Wisarut]

^^^
ถ้าเป็นสูตรเดียวกะที่โรงแรมเซนทรัลที่หัวหินก็เรี่ยมไปเลย

[Wisarut]

นายกฯไทย-เกาหลีเป็นสักขีพยานMOU'คค.-ขนส่งเกาหลีใต้'ร่วมมือระบบราง

โดย กอง บก.ออนไลน์ ข่าวรายวัน -
คอลัมน์ : ข่าวในประเทศ
วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2013 เวลา 18:00 น.

นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีกับผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 2


ภายหลังเสร็จสิ้น การประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย – ลาว ครั้งที่ 2 นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีจอร์เจีย นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเกาหลี และประธาน ADB ตามลำดับ สรุปสาระสำคัญดังนี้

การหารือกับนายชอง ฮง-วอน (Chung Hong-won) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเกาหลี ต่างแสดงการเห็นพ้องกันในการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยมุ่งหวังให้บรรลุเป้าหมายการค้าระหว่างกันที่ 30,000 ล้านดอลลาร์ ปี 2559 โดยจะเร่งรัดให้มีการจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการร่วม 5 ปี และศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ครอบคลุม (Comprehensive Economic Partnership Agreement-CEPA) ระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเกาลียังกล่าวสนับสนุนการลงทุนของเกาหลีใต้ในไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานทดแทน ปิโตรเคมี ซึ่งเป็นสาขาที่เกาหลีใต้มีความเชี่ยวชาญ

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังได้แสดงความขอบคุณเกาหลีใต้ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย และการเชื่อมโยงในภูมิภาคในด้าน การบริหารจัดการน้ำ รถไฟความเร็วสูง และโครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย นอกจากนี้ ไทยยังยินดีต่อข้อริเริ่มของเกาหลีใต้ว่าด้วยความร่วมมือ Mekong – ROK Business Forum เพื่อร่วมมือกับไทยในการพัฒนาอนุภูมิภาคด้วย

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีเกาหลี ได้ร่วมเป็นสักพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ว่าด้วยความร่วมมือระบบรางระหว่างกระทรวงคมนาคมของไทย และกระทรวงที่ดิน สาธารณูปโภค และการขนส่งของเกาหลีใต้ ระว่างนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายชอน แจ-มัน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย