อัพเดตข่าวเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟรีเพื่อประชาชน

[Wisarut]

คมนาคมเล็งยกเลิกรถเมล์-ไฟฟรี ใช้ตั๋วพิเศษ
หน้าธุรกิจ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 1 เมษายน 2556 14:30
คมนาคมเล็งเลิกโครงการรถเมล์-ไฟฟรีหลังขยายระยะเวลาออกไปอีก 6 เดือน เตรียมแจกตั๋วโดยสารพิเศษให้กับผู้มีรายได้น้อยแทน

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า คณรัฐมนตรีย (ครม.) มีมติเร่งรัดให้กระทรวงคมนาคมศึกษาแนวทางการสนับสนุนมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง หรือโครงการรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี ให้มีความเหมาะสมและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง เบื้องต้นกระทรวงคมนาคมจะจัดทำตั๋วโดยสารพิเศษ เพื่อให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยนำไปใช้เป็นส่วนลดค่าโดยสารรถเมล์และรถไฟ โดยจะนำมาบูรณาการเข้ากับระบบตั๋วโดยสารร่วมของกระทรวงที่อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการ คาดว่าจะนำมาใช้ได้เต็มรูปแบบภายในปีหน้า

ล่าสุดครม.ได้อนุมัติให้ต่ออายุรถเมล์ รถไฟฟรีออกไปอีก 6 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย.-30ก.ย. 2556 แต่เนื่องจากระบบตั๋วฟรียังไม่ใช่ระบบที่เหมาะสม เพราะยังมีผู้มีรายได้น้อยบางส่วนไม่ได้รับประโยชน์ กระทรวงจึงมีแนวคิดที่จะจัดทำตั๋วพิเศษให้เฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยทุกๆคน ซึ่งอาจจะครอบคลุมไปถึงนักเรียน นักศึกษา คนชรา และผู้พิการด้วย โดยในอนาคตรัฐบาลจะต้องยกเลิกโครงการต่ออายุรถเมล์ฟรี และรถไฟฟรี เนื่องจากเป็นการช่วยเหลือไม่ตรงกับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย” นายชัชชาติ กล่าว

อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มผู้มีสิทธิ์ได้รับตั๋วโดยสารพิเศษนั้น กระทรวงจะต้องมีการหารือรายละเอียดเพื่อกำหนดระดับรายได้ ของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่จะสามารถใช้สิทธิ์ตั๋วโดยสาราคาพิเศษ รวมทั้งกำหนดอัตราส่วนลดค่าโดยสารที่เหมาะสมว่าควรอยู่ที่ระดับใด โดยจะต้องศึกษาและนำกลับมาเสนอให้ครม.พิจารณาก่อนที่การต่ออายุรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี ครั้งที่ 12 จะครบกำหนดอายุวันที่ 30ก.ย.2556

//------------------------------------

คมนาคมเล็งทำตั๋วโดยสารราคาถูก
ข่าวเศรษฐกิจ
เดลินิวส์
วันจันทร์ที่ 1 เมษายน 2556 เวลา 17:00 น.

กระทรวงคมนาคมผุดไอเดียทำตั๋วโดยสารราคาถูก แจกผู้มีรายได้น้อย เล็งเลิกโครงการรถเมล์-ไฟ ฟรี อ้างไม่ตอบโจทย์คนจน

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมมีแผนจัดทำตั๋วโดยสารพิเศษ เพื่อให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยนำไปใช้เป็นส่วนลดค่าโดยสารรถเมล์และรถไฟ โดยจะนำมาบูรณาการเข้ากับระบบตั๋วโดยสารร่วมของกระทรวงที่อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการ คาดว่าจะนำมาใช้ได้เต็มรูปแบบภายในปีหน้า เนื่องจากต้องการให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากสุด เพราะเห็นว่าการต่ออายุรถเมล์ รถไฟฟรีออกไปอีก 6 เดือนหรือสิ้นสุดก.ย.นี้ ผู้มีรายไดน้อยบางส่วนยังไม่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง

“ มีแนวคิดที่จะจัดทำตั๋วพิเศษให้เฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยทุกคน ซึ่งอาจจะครอบคลุมไปถึงนักเรียน นักศึกษา คนชรา และผู้พิการด้วย โดยในอนาคตรัฐบาลจะต้องยกเลิกโครงการต่อายุรถเมล์ และรถไฟฟรี เนื่องจากเป็นการช่วยเหลือไม่ตรงกับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ”

สำหรับกลุ่มผู้มีสิทธิ์ได้รับตั๋วโดยสารพิเศษนั้น กระทรวงจะต้องมีการหารือรายละเอียดเพื่อกำหนดระดับรายได้ ของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่จะสามารถใช้สิทธิ์ตั๋วโดยสาราคาพิเศษ รวมทั้งกำหนดอัตราส่วนลดค่าโดยสารที่เหมาะสมว่าควรอยู่ที่ระดับใด โดยจะต้องศึกษาและนำกลับมาเสนอให้ครม.พิจารณา ก่อนที่การต่ออายุรถเมล์ รถไฟฟรี ครั้งที่ 12 จะครบกำหนดอายุวันที่ 30ก.ย. 56

[Wisarut]

คลังเล็งชง ครม.ขอ 3,960 ล. อุุ้ม'รฟท.-ขสมก.'
โดย: ทีมข่าวการเมือง
ไทยรัฐออนไลน์
25 เมษายน 2556, 17:16 น.

คลังชง ครม. 30 เม.ย.นี้ ของบฯ 3,960 ล้านบาท อุดหนุน บริการสาธารณะ "รฟท.-ขสมก."...

วันที่ 25 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมครม.วันที่ 30 เม.ย. กระทรวงการคลัง เสนอเรื่องข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2557 โดยขอความเห็นชอบ การเสนอขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2557 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 2,436.442 ล้านบาท และ 1,524.835 ล้านบาท ตามลำดับ ตามความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ครั้งที่ 4/2556 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2556 เพื่อให้เป็นไปตามนัยข้อ 7(3) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของ รัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2554 ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาระสำคัญของเรื่อง กค. เสนอเกี่ยวกับการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2557 ของ รฟท. และ ขสมก. ดังนี้

1.ข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2557 ของ รฟท.
1.1 สาระสำคัญของข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนของ รฟท. ทาง รฟท.เสนอขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะจำนวน 4,851.386 ล้านบาท (ประมาณการต้นทุนและรายได้จากการให้บริการสาธารณะ จำนวน 5,345.972 ล้านบาท และ 494.585 ล้านบาท ตามลำดับ) สำหรับการให้บริการขบวนเดินรถเชิงสังคม จำนวน 164 ขบวน โดยมีกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บริการเชิงสังคมที่เป็นผู้มีรายได้น้อย จำนวน 30.041 ล้านคน

1.2 หลักในการพิจารณาให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรฟท. นั้น รฟท.จะไม่มีบริการรถไฟฟรี และจะมีการปรับเพิ่มราคาค่าโดยสารในอัตราร้อยละ 10 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2553 และรัฐบาลเป็นผู้ลงทุนและรับภาระการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางรางทั้งหมด ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553

2.ข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2557 ของ ขสมก.
2.1 สาระสำคัญของข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนของ ขสมก. ทาง ขสมก.ขอรับเงินอุดหนุนสำหรับบริการสาธารณะ จำนวน 2,078.245 ล้านบาท (ประมาณการต้นทุนจากการให้บริการสาธารณะ จำนวน 4,268.146 ล้านบาท และประมาณการรายได้ จากการให้บริการสาธารณะ จำนวน 2,189.901 ล้านบาท) เพื่อให้บริการรถโดยสารประจำทางสาธารณะประเภทรถธรรมดา จำนวน 1,562 คัน โดยมีอัตรารถออกวิ่งร้อยละ 96 คิดเป็นรถโดยสารที่ให้บริการจริง จำนวน 1,500 คัน (ระยะทาง 209 กิโลเมตร/คัน/วัน) โดยมีกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บริการที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

2.2 หลักในการพิจารณาให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของ ขสมก.นั้น ขสมก.จะไม่มีบริการรถโดยสารฟรี โดยอาจมีการปรับลดวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ในส่วนที่ซ้ำซ้อน กับวงเงินอุดหนุนของภาครัฐ หากมีนโยบายบริการรถโดยสารฟรีในภายหลัง เพื่อให้เป็นไปตามนัยของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2554 ที่เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 2/2553 เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2553 ซึ่งเห็นชอบกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2554 ของ ขสมก. โดยขอให้มีการปรับปรุงวงเงินอุดหนุนในขั้นตอนการจัดทำบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2554 เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับเงินอุดหนุนของภาครัฐในการดำเนินโครงการลดภาระค่าครอง ชีพประชาชน

3. คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะมีมติในคราวประชุมครั้งที่ 4/2556 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2556 เห็นชอบกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2557 ของ รฟท. และ ขสมก. จำนวน 2,436.442 ล้านบาท และจำนวน 1,524.835 ล้านบาท ตามลำดับ

[Wisarut]

รฟท. - ขสมก.ของบครม.เพิ่มเกือบ 4 พันล้านบาท
by wiroon
Voice TV
30 เมษายน 2556 เวลา 11:02 น.


การประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้(30 เม.ย.) หลายหน่วยงาน จะมีการของบประมาณเพิ่ม ที่สำคัญเช่นการรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. ที่จะของบประมาณเกือบ 4 พันล้านบาท เพื่ออุดหนุนบริการสาธารณะ

กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้พิจารณาข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2557 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. รวมกว่า 3,900 ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะมีมติช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

โดยเงินจำนวนนี้ รฟท. จะให้บริการขบวนเดินรถเชิงสังคม 164 ขบวน โดยมีกลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้มีรายได้น้อย ประมาณ 30 ล้านคน โดยจะไม่มีบริการรถไฟฟรี และจะปรับเพิ่มราคาค่าโดยสารในอัตราร้อยละ 10 ตามมติคณะรัฐมนตรีเดือนกรกฏาคม 2553 และรัฐบาลเป็นผู้ลงทุนและรับภาระการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางรางทั้งหมด ตามมติคณะรัฐมนตรีเดือนเมษายน 2553

ส่วนขสมก. จะใช้เงินจำนวนนี้ เพื่อให้บริการรถโดยสารประจำทางสาธารณะ ประเภทรถธรรมดา 1,562 คัน โดยมีกลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และจะไม่มีบริการรถโดยสารฟรี

[Wisarut]

คค.หวั่นใช้ระบบตั๋วร่วม'เมล์NGV'กระทบคนรายได้น้อย
โดย: ทีมข่าวเศรษฐกิจ
ไทยรัฐออนไลน์
1 กรกฎาคม 2556, 04:15 น.


คมนาคม หวั่นผู้มีรายได้น้อยเดือดร้อน จากเครื่องเก็บตั๋วร่วมอัตโนมัติบนรถเมล์เอ็นจีวี เพราะต้องเติมเงินล่วงหน้า เตรียมติดตั้งระบบหยอดเหรียญเป็นทางเลือก พร้อมเล็งขยายระยะเวลารถเมล์-รถไฟฟรีอีก3-6เดือนหลังสิ้นสุดเดือนก.ย. นี้...

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมในการติดตั้งระบบเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติบนรถโดยสารใช้เอ็นจีวีของขสมก. ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดซื้อรถ โดยจะพิจารณาถึงความเหมาะสมว่าจะติดตั้งระบบอ่านบัตรที่เป็นตั๋วร่วมเพียงระบบเดียว หรือต้องติดตั้งระบบหยอดเหรียญควบคู่กัน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้โดยสาร

ทั้งนี้ เนื่องจากผลการศึกษาเบื้องต้นพบว่า ระบบตั๋วร่วมจะทำให้ผู้โดยสารต้องจ่ายเงินซื้อตั๋วล่วงหน้า ลักษณะเป็นการเติมเงินในบัตร ซึ่งประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยจะได้รับผลกระทบ เพราะไม่มีรายได้เพียงพอที่จะเติมเงิน ดังนั้นจึงต้องมีทางเลือกให้กับผู้โดยสารกลุ่มนี้ โดยอาจต้องติดตั้งระบบหยอดเหรียญค่าโดยสาร ซึ่งจะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น

“ระบบตั๋วร่วมจะช่วยให้ขสมก.ประหยัดต้นทุนการเดินรถ เพราะไม่ต้องใช้พนักงานเก็บค่าโดยสาร มีระบบบริหารจัดการเงินที่สะดวก รวดเร็ว แต่หากต้องใช้ระบบหยอดเหรียญควบคู่ จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มในเรื่องของการเก็บค่าโดยสาร ที่สำคัญประชาชนทั่วไปอาจหันมาใช้ระบบหยอดเหรียญมากกว่าระบบตั๋วร่วม ส่งผลให้การส่งเสริมการใช้ตั๋วร่วมไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้”

ส่วนการจัดทำบัตรโดยสารพิเศษสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพื่อใช้เป็นส่วนลดค่าโดยสารรถเมล์ และรถไฟ แทนมาตรการรถเมล์ รถไฟฟรีที่รัฐบาลเตรียมยกเลิกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ของกลุ่มผู้ใช้บัตรโดยสารพิเศษ ซึ่งผู้ใช้บัตรนี้จะต้องเป็นบุคคลที่มีรายได้น้อยจริงๆ ขณะเดียวกันบัตรนี้จะต้องเชื่อมโยงกับระบบตั๋วร่วม ทำให้ต้องใช้เวลาในการดำเนินงานอีกระยะหนึ่ง คาดว่าจะเริ่มใช้พร้อมระบบตั๋วร่วมได้ภายในสิ้นปีนี้

"ภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้ โครงการรถเมล์ และรถไฟฟรี จะสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ซึ่งการจัดทำบัตรโดยสารพิเศษสำหรับผู้มีรายได้น้อยจะแล้วเสร็จไม่ทัน ดังนั้นรัฐบาลอาจจำเป็นต้องขยายระยะเวลาโครงการรถเมล์ และรถไฟฟรีออกไปก่อน โดยอาจจะต่ออายุออกไป 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของครม."

สำหรับความคืบหน้าของการนำระบบตั๋วร่วมมาใช้ภายในสิ้นปีนี้ คาดว่าจะเริ่มนำร่องใช้กับระบบทางพิเศษของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์ และดอนเมืองโทลล์เวย์ ก่อน จากนั้นจะขยายไปยังรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์ และรถโดยสารเอ็นจีวีต่อไป

แหล่งข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับบริษัทที่ปรึกษา เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะนำระบบตั๋วร่วมมาใช้กับโครงสร้างพื้นฐานที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ทั้งรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์ รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที เบื้องต้นจะทำเป็นระบบตั๋วร่วมเพื่อใช้นำร่องไปก่อน โดยไม่นำเรื่องระบบอัตราค่าโดยสารร่วมเข้ามาคิดคำนวณ คาดว่าจะมีความเป็นได้ในการดำเนินการภายในปลายปีนี้

[Mongwin]

ครบรอบ5ปีรถเมล์-รถไฟฟรี ผลาญงบ14,453.29ล้าน!
โดย: ไทยรัฐออนไลน์ 11 กรกฎาคม 2556, 05:30 น.

การดำเนินนโยบายประชานิยมภายใต้ มาตรการขึ้นรถเมล์-รถไฟฟรี กำลังจะครบรอบ 5 ปีในวันที่ 15 ก.ค.นี้ ท่ามกลางกระแสข่าวรัฐบาลเตรียมยกเลิกมาตรการดังกล่าว หลังผลาญงบไปแล้ว 14,453.29 ล้าน!...

นับถอยหลังต่อจากนี้อีกเพียงแค่ไม่กี่วันก็จะครบรอบ 5 ปีเต็ม ของการดำเนินนโยบายลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย ภายใต้มาตรการขึ้นรถเมล์และรถไฟฟรีที่กำลังจะเดินทางครบรอบปีที่ 5 ในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ และมีแนวโน้มว่ารัฐบาลเตรียมที่จะยกเลิกมาตรการดังกล่าวหลังจากต่ออายุมา แล้วถึง 12 ครั้ง ในรอบ 5 ปี!!! ผ่านมาแล้วถึง 4 รัฐบาล 4 นายกรัฐมนตรี!!!!!!

***ย้อนรอยมาตรการลดค่าครองชีพ***

แรงกระเพื่อมจากวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ หรือ แฮมเบอร์เกอร์ไครซิส ที่เกิดขึ้นกับสหรัฐฯ ในปี 2551 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น ราคาสินค้าทุกชนิดปรับราคาขึ้นตามต้นทุน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ราคาสูงขึ้นกว่า 36% อัตราเงินเฟ้อขยายตัวอย่างรวดเร็ว และไต่ระดับสูงสุดถึง 6.3% ในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2551

มาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชน หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า "6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน" ที่ประกอบด้วยของฟรี 6 อย่าง เช่น รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี ค่าน้ำค่าไฟฟรี และก๊าซหุงต้ม ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 ในสมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ภายใต้การนำของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี

***กำหนดวงเงินชดเชย 6 ด.แรก 8,060 ลบ.***

รัฐบาลพลังประชาชน กำหนดกรอบวงเงินชดเชยที่ต้องใช้สำหรับมาตรการลดภาระค่าครองชีพในระยะเวลา 6 เดือนไว้ที่ 8,060 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินชดเชยค่าไฟฟ้าฟรี 6,810 ล้านบาท, ค่ารถเมล์ฟรี 650 ล้านบาท และรถไฟฟรี 600 ล้านบาท หากขยายเวลาออกไปเป็น 1 ปี นั่นหมายความว่า รัฐบาลต้องจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อนำมาจ่ายชดเชยสำหรับมาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชนคิดเป็นเงินถึง 16,120 ล้านบาท!!!!

รัฐบาลพรรคพลังประชาชน ภายใต้การนำของนายสมัคร กำหนดระยะเวลามาตรการลดภาระค่าครองชีพฯ ไว้ที่ 6 เดือน โดยใช้เป็นมาตรการชั่วคราว เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและแบ่งเบาภาระผู้บริโภค แต่ในทางปฏิบัติเป็นไปในทางตรงกันข้าม เมื่อเสียงตอบรับจากประชาชนดีเกินคาด รัฐบาลชุดถัดไปไล่เรียงมาตั้งแต่รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์, รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ล่าสุด รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย มาตรการลดภาระค่าครองชีพก็ยังคงมีอยู่ และเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายหลักของรัฐบาล จากมาตรการชั่วคราว กลายเป็นมาตรการถาวร แม้จะมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไข และยกเลิกบางมาตรการเหลือเพียง มาตรการขึ้นรถเมล์และรถไฟฟรีเท่านั้น ที่อยู่ยงคงกระพันมาถึง 5 ปี!!!!!

***รถเมล์-รถไฟฟรี 5 ปี ต่ออายุ 12 รอบ***

ตลอดระยะเวลา 5 ปีของมาตรการขึ้นรถเมล์-รถไฟฟรี ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ขยายอายุมาตรการถึง 12 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ที่ 20 มกราคม 2552 เห็นชอบให้ขยายเวลาออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์-31 กรกฎาคม 2552 โดยครั้งล่าสุด ครม.อนุมัติให้ขยายเวลา ระยะที่ 12 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน -30 กันยายน 2556 และมีความเป็นไปได้ว่ารัฐบาลจะไม่ต่ออายุมาตรการขึ้นรถเมล์-รถไฟฟรีออกไปอีก หลังจากสิ้นสุดมาตรการในวันที่ 30 กันยายนนี้

เบื้องต้น กระทรวงคมนาคม ชี้แจงเหตุผลต่อ ครม.ว่า การดำเนินมาตรการดังกล่าวอาจทำให้รัฐบาลมีภาระผูกพันในการจ่ายชดเชยมาตรการดังกล่าว 301.11 ล้านบาท/เดือน ซึ่งแบ่งเป็นการชดเชยให้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) 218.23 ล้านบาท/เดือน และชดเชยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) 82.88 ล้านบาท/เดือน

***จ่อยกเลิกรถเมล์-รถไฟฟรี แจงใช้งบไปแล้ว 14,453.2 ลบ.***

รวมค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลจ่ายชดเชยมาตรการขึ้นรถเมล์-รถไฟฟรี ตั้งแต่เริ่มจนถึงขณะนี้ ใช้เงินไปแล้ว 14,453.2 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินชดเชยให้ ขสมก. 10,475.12 ล้านบาท และการรถไฟฯ 3,978.17 ล้านบาท !!!... เสียโอกาสในการนำเงินไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากกว่า

อีกทั้งมาตรการดังกล่าวยังจำกัดอยู่แค่กลุ่มคนใน กทม.และปริมณฑล ไม่สะท้อนให้เห็นถึงการช่วยเหลือกลุ่มคนรากหญ้าอย่างแท้จริง ประกอบกับการมีภาระผูกพันกับมาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการกำหนดนโยบายของรัฐบาลในอนาคต รัฐบาลจึงมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ศึกษาข้อมูลเชิงลึกถึงข้อดี ข้อเสีย หากดำเนินมาตรการดังกล่าวต่อไป

...เหมือนว่าจะเดินตามรอยโครงการรับจำนำข้าว...

หักดิบ!!!!! ในขณะที่คนไทยกำลังเสพติดนโยบายประชานิยมอย่างหนัก!!!!

[Mongwin]

ชัชชาติสั่งรฟท.ปรับปรุงคุณภาพก่อนขึ้นราคา
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 14 ส.ค. 2556 เวลา 12:21:27 น.

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทยปรับปรุงคุณภาพการให้บริการหลังขอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารขบวนรถไฟชั้น 3 อีกร้อยละ 10 พร้อมให้สรุปผลการให้บริการในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาว่ามีการปรับปรุงการให้บริการด้านใดบ้าง เพื่อมาพิจารณาถึงความเหมาะสมในการปรับขึ้นค่าโดยสารภายในสัปดาห์นี้

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เกือบ 20 ปีแล้ว ที่ยังไม่มีการพิจารณาปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถไฟชั้น 3 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. และก่อนหน้านี้ รฟท. ได้ยื่นเรื่องขอปรับค่าโดยสารในอัตราร้อยละ 10 ของค่าบริการปัจจุบันมาแล้วนั้น ทางกระทรวงการคลัง ผู้ให้เงินสนับสนุนการให้บริการพื้นฐานสาธารณะแก่ประชาชน หรือ พีเอสโอ จึงได้ยื่นเงื่อนไขให้ รฟท. ปรับปรุงการให้บริการทั้งในส่วนของรถไฟฟรี และรถไฟชั้น 3 ที่ต้องเสียค่าโดยสาร

อย่างไรก็ตาม ได้ให้ทางรฟท. สรุปแผนงานการปรับปรุงการให้บริการ รวมถึงผลดีผลเสียของการปรับราคาค่าโดยสาร เพื่อกลับมาพิจารณาในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ในการพิจารณาปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะกรรมการ รฟท. โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี

ส่วนในเรื่องของนโยบายรถไฟฟรี เห็นว่ามีประโยชน์ต่อประชาชน คาดว่าจะยืดโครงการนี้ออกไปอีก จากเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือนกันยายนนี้

[Wisarut]

"ชัชชาติ"เบรก ร.ฟ.ท.ขึ้นค่าโดยสารรถไฟชั้น 3 อีก 10%
มติชน
วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16:00:46 น.

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมปรับโครงสร้างราคาค่าโดยสารของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ว่า ได้สั่งการให้ ร.ฟ.ท.กลับไปทำรายงานสรุปเกี่ยวกับความพยายามปรับปรุงการให้บริการที่ผ่านมาว่ามีอะไรบ้าง เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาว่า ร.ฟ.ท.ควรจะมีการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟชั้น 3 เพิ่มอีก 10% ตามที่เสนอมาหรือไม่ หากยังไม่เคยปรับปรุงบริการอะไรให้ดีขึ้น ก็ไม่ควรให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสาร เพราะเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน โดยให้สรุปรายละเอียดให้ทราบภายในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ การขอปรับขึ้นค่าโดยสารดังกล่าว เป็นไปตามเงื่อนไขของกระทรวงการคลังที่กำหนดให้ ร.ฟ.ท.ปรับขึ้นค่าโดยสารเพื่อลดภาระเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (พีเอสโอ) และในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ร.ฟ.ท.ก็ยังไม่ได้ปรับขึ้นราคาค่าโดยสารแต่อย่างใด หากปรับขึ้นแล้วจะช่วยให้ ร.ฟ.ท.มีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 190 ล้านบาท แต่การพิจารณาจะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะผู้โดยสารรถไฟชั้น 3 ส่วนใหญ่เป็นคนยากจนที่สุด

[Wisarut]

"ชัชชาติ"เล็งปรับเงื่อนไขต่ออายุรถไฟฟรีและสั่งขึ้นทะเบียนคนขายของบนขบวนรถ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18
18 สิงหาคม 2556 17:47 น.

"ชัชชาติ"สั่งร.ฟ.ท.จัดระเบียบขายของบนขบวนรถไฟ เหตุผู้โดยสารบ่นมีมิจาฉาชีพแฝงตัวเป็นพ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาขโมยทรัพย์สิน และเร่งแก้ปัญหาความสะอาด 1เดือนต้องเห็นผล ส่วนรถไฟฟรียังจำเป็น เล็งปรับเงื่อนไขใหม่ หลังหมดอายุ ก.ย. เผยผู้โดยสารบ่นแน่นเพราะใครๆก็ขึ้นได้ แถมคนเมาเพียบ เชื่อปรับบริการคนใช้เพิ่มไม่ต้องขึ้นค่าโดยสาร

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า หลังจากได้นั่งรถไฟชั้น 3 เดินทางไปตรวจราชการจังหวัดสุรินทร์และได้พูดคุยกับผู้โดยสารและพนักงานรถไฟ พบว่า ผู้โดยสารบ่นเรื่องความสะอาดของห้องน้ำบนขบวนรถ และห้องน้ำที่ชานชลามีการเก็บเงินแต่บริการไม่ดี ปัญหาการขายของบนรถซึ่งมีพวกมิจฉาชีพแฝงตัวเป็นพ่อค้าแม่ค้าเข้าไปขโมยทรัพย์สินผู้โดยสารและมีผู้โดยสารจำนวนมากที่ดื่มเหล้าบนรถ ทำให้ผู้โดยสารอื่นรู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งเป็นปัญหาปลีกย่อยที่ได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เร่งปรับปรุงแก้ไขให้ได้ภายใน1เดือน เช่น ควรมีการจัดระเบียบผู้ค้าจะให้ขายของเฉพาะช่วงรถจอดโดยอยู่ที่ชานชลาซื้อขายผ่านหน้าต่างไม่ให้ขึ้นบนขบวนรถ หรือถ้าจะให้ขึ้นไปขายบนขบวนรถได้แต่จะต้องมีการลงทะเบียนติดบัตรให้ชัดเจนก่อนหรือไม่

ส่วนกรณีมีผู้โดยสารดื่มเหล้าบนรถนั้น ส่วนใหญ่พบบนขบวนรถไฟฟรีซึ่งผู้โดยสารให้ข้อมูลว่า เพราะใครๆก็ขึ้นรถไฟฟรีได้ บางคนไม่จำเป็นก็ขึ้นมาและยังเป็นสาเหตุที่ทำให้รถแน่นอีกด้วย กระทบสิทธิ์ผู้โดยสารที่ต้องการใช้บริการจริงๆ โดยมาตรการรถไฟฟรีจะหมดอายุในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งยอมรับว่ารถไฟฟรีมีความจำเป็น แต่จะพิจารณาว่าถ้าจะต่ออายุตามเงื่อนไขเดิมคือฟรีเลย หรืออาจจะปรับเงื่อนไขเป็นเก็บค่าโดยสารครึ่งราคาดีหรือไม่ เพื่อให้มีต้นทุนไม่ฟรีทั้งหมด ซึ่งจะช่วยคัดกรองผู้โดยสารได้ระดับหนึ่ง เป็นต้น ซึ่งยังเป็นแค่แนวคิดยังไม่สรุปเพราะต้องพิจารณาแนวทางที่เกิดประโยชน์กับผู้ที่ต้องการใช้บริการจริงๆ

ส่วนระยะกลางจะต้องแก้ปัญหาเรื่อง การขาดแคลนบุคลากร สภาพรถเก่า การซ่อมบำรุงและการดูแลสภาพทาง ซึ่งตลอดสองข้างทางตั้งแต่ปากช่อง-สุรินทร์ มีต้นไม้หนาแน่นกิ่งไม้ตีเข้ามาในตัวรถโดนผู้โดยสาร เนื่องจากคนรถไฟมีไม่เพียงพอ หรือที่มักกะสันได้ไปดูแล้วพบว่าระบบการบริหารจัดการไม่มีการปรับปรุงโดย 4 ส่วนที่ทำหน้าที่ร่วมกัน คือ เดินรถ โยธา เครื่องกล สื่อสาร จะทำงานประสานกันอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ เพราะเวลาเกิดอุบัติเหตุจะได้ไม่โทษกันว่าสื่อสารกันไม่ได้ ดังนั้นรถไฟต้องคิดว่าจะทำอย่างไร บริการอะไรที่จะทำเอง อะไรที่ควรจ้างแบบ Outsource เช่น เรื่องความสะอาด ตัดต้นไม้ บำรุงทาง ควรทำเองหรือไม่

"ถ้าปรับปรุงแก้ไขจริงจัง รถไฟไม่จำเป็นต้องขึ้นค่าโดยสารอีก10% ตามที่ได้เสนอมาที่กระทรวง เพราะถ้าบริการดีขึ้น ผู้โดยสารรู้สึกปลอดภัย ตรงเวลาเชื่อว่าน่าจะทำให้มีคนหันมาใช้รถไฟเพิ่มขึ้นและจะทำให่มีรายได้เพิ่มโดยไม่ต้องขึ้นค่าโดยสาร"นายชัชชาติกล่าว

//------------------------------

คค.จ่อปรับเงื่อนไขรถไฟฟรี อาจเก็บเงินบางส่วนไม่ฟรีหมด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18
18 สิงหาคม 2556 19:49 น.

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า หลังจากได้นั่งรถไฟชั้น 3 เดินทางไปตรวจราชการ จ.สุรินทร์ และได้พูดคุยกับผู้โดยสารและพนักงานรถไฟพบว่า ผู้โดยสารบ่นเรื่องความสะอาดของห้องน้ำบนขบวนรถ และห้องน้ำที่ชานชาลามีการเก็บเงินแต่บริการไม่ดี รวมทั้งปัญหาการเร่ขายของบนรถ ซึ่งมีกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาขโมยทรัพย์สินผู้โดยสาร และมีผู้โดยสารจำนวนมากที่ดื่มสุราบนรถ ทำให้ผู้โดยสารอื่นรู้สึกไม่ปลอดภัย
ทั้งนี้ได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เร่งปรับปรุงแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ภายใน 1 เดือน เช่น ควรมีการจัดระเบียบผู้ค้าจะให้ขายของ เฉพาะช่วงรถจอดโดยอยู่ที่ชานชาลาซื้อขายผ่านหน้าต่าง ไม่ให้ขึ้นบนขบวนรถ หรือถ้าจะให้ขึ้นไปขายบนขบวนรถได้ แต่จะต้องมีการลงทะเบียนติดบัตรให้ชัดเจนก่อนหรือไม่
ขณะที่ปัญหาการดื่มสุรานั้น ส่วนใหญ่พบบนขบวนรถไฟฟรี ซึ่งผู้โดยสารให้ข้อมูลว่า ใครๆ ก็ขึ้นรถไฟฟรีได้ บางคนไม่จำเป็นก็ขึ้นมา และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้รถแน่น กระทบสิทธิผู้โดยสารที่ต้องการใช้บริการจริง โดยมาตรการรถไฟฟรีจะหมดอายุในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่ารถไฟฟรีมีความจำเป็น แต่จะพิจารณาว่าถ้าจะต่ออายุตามเงื่อนไขเดิมคือ ฟรีเลย หรืออาจจะปรับเงื่อนไขเป็นเก็บค่าโดยสารครึ่งราคาดีหรือไม่ เพื่อให้มีต้นทุนไม่ฟรีทั้งหมด ซึ่งจะช่วยคัดกรองผู้โดยสารได้ระดับหนึ่ง เป็นต้น ซึ่งยังเป็นแค่แนวคิดยังไม่สรุป เพราะต้องพิจารณาแนวทางที่เกิดประโยชน์กับผู้ที่ต้องการใช้บริการ
นอกจากนี้ ในระยะกลางจะต้องแก้ปัญหาเรื่อง การขาดแคลนบุคลากร สภาพรถเก่า การซ่อมบำรุง และการดูแลสภาพทาง ซึ่งตลอดสองข้างทางตั้งแต่ปากช่อง-สุรินทร์ มีต้นไม้หนาแน่นกิ่งไม้ตีเข้ามาในตัวรถโดนผู้โดยสาร เนื่องจากคนรถไฟมีไม่เพียงพอ หรือที่มักกะสันได้ไปดูแล้วพบว่า ระบบการบริหารจัดการไม่มีการปรับปรุงโดย 4 ส่วนที่ทำหน้าที่ร่วมกันคือ เดินรถ โยธา เครื่องกล สื่อสาร จะทำงานประสานกันอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ เพราะเวลาเกิดอุบัติเหตุจะได้ไม่โทษกันว่าสื่อสารกันไม่ได้ ดังนั้นรถไฟต้องคิดว่า จะทำอย่างไร บริการอะไรที่จะทำเอง อะไรที่ควรจ้าง ซึ่งหากปรับปรุงแก้ไขกันอย่างจริงจัง รถไฟอาจไม่จำเป็นต้องขึ้นค่าโดยสารอีก 10 เปอร์เซ็นต์ ตามที่ได้เสนอมาที่กระทรวง เพราะถ้าบริการดีขึ้น ผู้โดยสารรู้สึกปลอดภัยก็น่าจะทำให้มีคนหันมาใช้รถไฟเพิ่มขึ้น

[Wisarut]

"ชัชชาติ"เล็งปรับเงื่อนไขรถไฟฟรี
หน้าธุรกิจ-ตลาด
โพสต์ทูเดย์
18 สิงหาคม 2556 เวลา 18:00 น.

"ชัชชาติเล็งปรับเงื่อนไขรถไฟฟรี แย้มอาจเก็บเงินบางส่วนไม่ฟรีทั้งหมด หลังผู้โดยสารร้องเรียนมีคนขึ้นมาดื่มสุรา-ใช้บริการโดยไม่มีความจำเป็น

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า หลังจากได้นั่งรถไฟชั้น 3 เดินทางไปตรวจราชการจังหวัดสุรินทร์และได้พูดคุยกับผู้โดยสารและพนักงานรถไฟ พบว่า ผู้โดยสารบ่นเรื่องความสะอาดของห้องน้ำบนขบวนรถ และห้องน้ำที่ชานชลามีการเก็บเงินแต่บริการไม่ดี รวมทั้งปัญหาการเร่ขายของบนรถซึ่งมีกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาขโมยทรัพย์สินผู้โดยสารและมีผู้โดยสารจำนวนมากที่ดื่มสุราบนรถ ทำให้ผู้โดยสารอื่นรู้สึกไม่ปลอดภัย

ทั้งนี้ได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เร่งปรับปรุงแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ภายใน1เดือน เช่น ควรมีการจัดระเบียบผู้ค้าจะให้ขายของเฉพาะช่วงรถจอดโดยอยู่ที่ชานชลาซื้อขายผ่านหน้าต่างไม่ให้ขึ้นบนขบวนรถ หรือถ้าจะให้ขึ้นไปขายบนขบวนรถได้แต่จะต้องมีการลงทะเบียนติดบัตรให้ชัดเจนก่อนหรือไม่

ขณะที่ปัญหาการดื่มสุรานั้น ส่วนใหญ่พบบนขบวนรถไฟฟรีซึ่งผู้โดยสารให้ข้อมูลว่า ใครๆก็ขึ้นรถไฟฟรีได้ บางคนไม่จำเป็นก็ขึ้นมาและยังเป็นสาเหตุที่ทำให้รถแน่น กระทบสิทธิผู้โดยสารที่ต้องการใช้บริการจริงๆ

"มาตรการรถไฟฟรีจะหมดอายุในเดือนก.ย.นี้ ซึ่งต้องยอมรับว่ารถไฟฟรีมีความจำเป็น แต่จะพิจารณาว่าถ้าจะต่ออายุตามเงื่อนไขเดิมคือฟรีเลย หรืออาจจะปรับเงื่อนไขเป็นเก็บค่าโดยสารครึ่งราคาดีหรือไม่ เพื่อให้มีต้นทุนไม่ฟรีทั้งหมด ซึ่งจะช่วยคัดกรองผู้โดยสารได้ระดับหนึ่ง เป็นต้น ซึ่งยังเป็นแค่แนวคิดยังไม่สรุปเพราะต้องพิจารณาแนวทางที่เกิดประโยชน์กับผู้ที่ต้องการใช้บริการ"นายชัชชาติกล่าว

นอกจากนี้ในระยะกลางจะต้องแก้ปัญหาเรื่อง การขาดแคลนบุคลากร สภาพรถเก่า การซ่อมบำรุงและการดูแลสภาพทาง ซึ่งตลอดสองข้างทางตั้งแต่ปากช่อง-สุรินทร์ มีต้นไม้หนาแน่นกิ่งไม้ตีเข้ามาในตัวรถโดนผู้โดยสาร เนื่องจากคนรถไฟมีไม่เพียงพอ หรือที่มักกะสันได้ไปดูแล้วพบว่าระบบการบริหารจัดการไม่มีการปรับปรุงโดย 4 ส่วนที่ทำหน้าที่ร่วมกัน คือ เดินรถ โยธา เครื่องกล สื่อสาร จะทำงานประสานกันอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ เพราะเวลาเกิดอุบัติเหตุจะได้ไม่โทษกันว่าสื่อสารกันไม่ได้ ดังนั้นรถไฟต้องคิดว่าจะทำอย่างไร บริการอะไรที่จะทำเอง อะไรที่ควรจ้าง ซึ่งหากปรับปรุงแก้ไขกันอย่างจริงจัง รถไฟอาจไม่จำเป็นต้องขึ้นค่าโดยสารอีก10% ตามที่ได้เสนอมาที่กระทรวง เพราะถ้าบริการดีขึ้น ผู้โดยสารรู้สึกปลอดภัยก็น่าจะทำให้มีคนหันมาใช้รถไฟเพิ่มขึ้น

[Wisarut]

“ชัชชาติ” ฉุนคนขับรถเมล์พกอาวุธ สั่ง ขสมก.ลงโทษเด็ดขาดรถไฟ-รถเมล์ฟรี รอสรุป 23 ส.ค.นี้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19
19 สิงหาคม 2556 19:13 น.

“ชัชชาติ” สั่ง ร.ฟ.ท.-ขสมก.ทบทวนผลการดำเนินงานมาตรการฟรีที่ผ่านมา เน้นปรับเงื่อนไขให้ตรงกับคนยากจนมากที่สุด สั่งเสนอแนวทาง 23 ส.ค.นี้ก่อนสรุปเสนอคลังต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพที่จะสิ้นสุด ก.ย.นี้ สั่ง “ประภัสร์” สำรวจรายละเอียดเพื่อกำหนดบทบาทอนาคต ร.ฟ.ท.ก่อนจัดกำลังคนให้ตรงกับงาน ด้านปัญหารถเมล์แก้ไม่จบ เจอคนขับ ขสมก.สาย 2 พกอาวุธ ทะเลาะรถร่วมฯ เหตุแย่งผู้โดยสาร สั่งลงโทษเด็ดขาด

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ว่า ได้ให้ทั้งสองหน่วยงานกลับไปทบทวนการดำเนินงานในมาตรการรถไฟฟรี รถเมล์ฟรีว่าควรจะต้องปรับปรุงอย่างไรให้มาตรการฟรีนั้นตรงกับกลุ่มประชาชนที่มีความต้องการใช้มากที่สุด โดยนำข้อมูลที่ผ่านมาวิเคราะห์ เช่น รถไฟฟรี 104 ขบวนที่ผ่านมามีจำนวนผู้โดยสารเท่าไร เส้นทางใดมีคนใช้น้อยก็ควรปรับลดและเพิ่มในเส้นทางที่มีคนใช้มากๆ เพื่อให้รถมีเพียงพอต่อความต้องการจริงและลดผู้โดยสารกลุ่มที่ยากจนไม่จริงลง จึงต้องคิดหาวิธีว่าจะแยกผู้โดยสารอย่างไร เช่น ทำเป็นบัตรผู้ได้สิทธิ์ดีหรือไม่ ซึ่งรถไฟมีผู้โดยสารชั้น 3 รวม 45 ล้านคนต่อปี โดยเป็นรถไฟฟรี 36 ล้านคน รถเมล์มีผู้โดยสาร 1.7 ล้านคนต่อวัน เป็นรถเมล์ฟรี 7 แสนคนต่อวัน โดยให้เสนอแนวทางในวันที่ 23 สิงหาคมนี้เพราะต้องนำไปหารือกับกระทรวงการคลังด้วย แต่หากไม่ทันที่มาตรการลดค่าครองชีพจะหมดอายุในเดือนกันยายนนี้ก็อาจจะต้องต่ออายุมาตรการแบบเดิมไปก่อน 6 เดือน แต่ในระยะต่อไปต้องมีแนวทางที่ดีกว่านี้

ทั้งนี้ ในส่วนของการให้บริการรถไฟนั้นต้องทบทวนในหลายเรื่อง เช่น ความสะอาดบนขบวนรถตลอดเส้นทาง ซึ่งจากที่ได้นั่งรถไฟไปสุรินทร์เกือบตลอดเส้นทางแทบไม่เห็นพนักงานทำความสะอาดเลย ซึ่งปัจจุบัน ร.ฟ.ท.จ้างเอาต์ซอร์สทำความสะอาด จากนั้นต้องเข้มงวดขึ้น ปัญหาที่ตามมาเมื่อขบวนรถล่าช้าคือรถต้องกลับมาทำขบวนใหม่ทันทีทำให้ไม่ได้ทำความสะอาด ต้องแก้ไขใหม่ เพราะความสะอาดเป็นหัวใจสำคัญ และการจัดเก็บค่าบริการห้องน้ำที่สถานีราคา 3 บาทจำเป็นหรือไม่ เรื่องนี้ถือเป็นบริการพื้นฐานให้ประชาชนควรเก็บเงินหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาผู้โดยสารดื่มเหล้าบนขบวนรถและมีทะเลาวิวาท ชกต่อยกัน ฝากให้นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.หาทางแก้ปัญหา เพราะกฎหมายห้ามดื่มสุราไม่ครอบคลุมบนรถไฟ ครอบคลุมเฉพาะรถโดยสาร ปัญหาการขายของบนรถที่มีกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวขึ้นไปขโมยทรัพย์สินผู้โดยสาร ซึ่งนโยบายต้องการสนับสนุนให้ประชาชนที่อยู่ตลอดสองข้างทางรถไฟมีรายได้ แต่จะทำอย่างไรที่จะแยกคนดีออกมา ส่วนตู้ขนสัมภาระให้ปรับปรุงเพราะเห็นว่า ร.ฟ.ท.ยังสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากการขนสินค้าได้ เช่น อาจจะปรับปรุงให้สามารถขนรถจักรยานขึ้นไปได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีอยากให้นำร่องในเส้นทางกรุงเทพฯ-อยุธยา และกรุงเทพฯ-หัวหิน เพราะมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวมาก ซึ่งนโยบายทั้งหมดนี้สามารถดำเนินการได้ทันทีและให้เห็นผลภายใน 1 เดือน

ส่วนปัญหาที่ต้องแก้ไขในระยะยาวหลังจากได้รับข้อมูลจากพนักงานขับรถ และพนักงานตามสถานี ปัญหารถจักรทรุดโทรม พนักงานขับรถกังวลเรื่องความปลอดภัย และเรื่องโครงสร้างการขาดอัตรากำลัง เช่นที่ปากช่องขาดอัตราพนักงานถึง 50% ร.ฟ.ท.ต้องสำรวจตัวเองว่าอนาคตจะทำอะไรบ้าง งานไหนทำเอง งานไหนจ้างเอาต์ซอร์สเพื่อวางกำลังคนให้เหมาะสมกับงานที่จะทำ และจะใช้เทคโนโลยีเข้ามาร่วมทำงานอย่างไร โดยต้องมีความชัดเจนภายใน 2 เดือน ถ้าไม่ชัดเจนการเดินหน้าเพื่อพัฒนาองค์กรจะยาก และการรับพนักงานในช่วงนี้อาจจะเป็นข้อผิดพลาดการทำงานในอนาคตไม่มีประสิทธิภาพได้

สำหรับรถเมล์เน้นระเบียบวินัยในการให้บริการ ซึ่งกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เข้มงวดในการรณรงค์ ตรวจจับ 2 วันพบทำผิด 237 ราย เป็นสาย 8 จำนวน 44 ราย โดย ขบ.ตรวจจับ 28 ราย ขสมก.จับ 10 ราย ข้อหาขับหวาดเสียว อุปกรณ์รถไม่ครบ มารยาทคนขับ ไม่จอดรับส่งตามป้าย ออกรถโดยไม่ปิดประตู ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจความเห็นประชาชน ได้แจ้งให้ดำเนินการลงโทษอย่างจริง คือปรับ 2,000 บาท หากทำผิด 3 ครั้งถูกพักรอ ผิด 5 ครั้งถูกถอนใบอนุญาต เชื่อว่าหากตรวจเข้มข้นต่อเนื่องการบริการจะดีขึ้น

ส่วนกรณีรถเมล์สาย 2 ของ ขสมก. กับรถร่วมบริการสาย 25 ที่ทะเลาะวิวาทกันและมีการพกอาวุธขึ้นไปบนรถเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่าทั้ง 2 สายจะมีช่วงที่ทับเส้นทางกันที่พระโขนง โดยสาย 2 เป็นรถเมล์ฟรี ซึ่งรถร่วมฯ มักจะไม่ชอบรถเมล์ฟรี มักจะขับปาดหน้ากันไปตลอดทาง ซึ่งการทะเลาะและชักปืนออกมานั้นไม่ถูกต้อง รับไม่ได้ ไม่มีข้ออ้างใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ใช่เรื่องป้องกันตัว หรือเอาไว้ช่วยผู้โดยสาร ซึ่งจะต้องดำเนินคดีให้เด็ดขาด ถ้าคนขับรถ ขสมก.พกอาวุธจะต้องให้ออกไปก่อน เพราะการมีอาวุธอยู่ในรถทำให้ฮึกเหิม และต้องเพิ่มการสุ่มตรวจค้นรถถ้าเจอต้องพักรถทันที โดยในส่วนของประชาชนหากพบปัญหาโทร.แจ้งที่ 1584 ได้ตลอดเวลาซึ่งได้ปรับปรุง Call Center ไว้แล้ว