นั่งรถไฟไปออกรอบ กับก๊วนกอล์ฟที่พลูตาหลวง (ชุดใหญ่)

[CivilSpice]

สวัสดีครับทุกๆ ท่าน ... ช่วงนี้ชีพจรลงเท้าผมซะเหลือเกิน เสร็จจากทริปที่ไปเพชรบุรีกับป๋า พี่แจน และพี่ตึ๋งมาหมาดๆ อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ได้ฤกษ์ไปตะลอนๆ ทัวร์กับรถไฟไทยอีกแล้ว โดยงวดนี้เปลี่ยนจากสายใต้ ไปสายอื่นๆ กันบ้างครับ .... .

ในที่นี้ ได้ฤกษ์งาม ยามสะดวก ในวันหยุดช่วงงานฉลองสิริราชสมบัติ วันที่ 12-13 มิ.ย. พอดิบพอดี แถมเป็นวันธรรมดาอีกด้วย ดังนั้น การเดินทางของผม คงจะเป็นที่ไหนไม่ได้ นอกจากเส้นทางสาย "กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา-บ้านพลูตาหลวง" เท่านั้น เพราะถ้าจะลางานไป ก็กระไรอยู่ และหากจะเดินทางในวันหยุด ทาง ร.ฟ.ท. ก็ดันไม่จัดรถขบวนนี้เดินถึงพลูตาหลวงอีก

โดยจริงๆ แล้วเส้นทางนี้ผมเคยเดินทางไปละรอบนึง แต่ไปไม่ถึงปลายทาง เพราะดันสละยานเสียก่อนที่พัทยา เนื่องจากต้องรีบมาเคลียร์งานที่ กทม. .... ดังนั้น เมื่อโอกาสมาเยือนแบบนี้ จึงไม่พลาดครับ โดยคราวนี้ตั้งใจจะไปให้ถึงบ้านพลูตาหลวงแน่ๆ ด้วยสาเหตุที่ว่ายังไม่เคยไปมาก่อนเลยนั่นเอง

ทริปนี้ จริงแล้ว ผมนัดแนะพี่ตึ๋ง ไว้ก่อนที่จะไปเพชรบุรีซะอีกน่ะครับ ตั้งแต่กลางเดือน พ.ค. แล้วล่ะ ซึ่งเราทั้งสองคน ยื่นวีซ่าล่วงหน้าผ่านเรียบร้อย ดังนั้น การเดินทางจึงไม่ค่อยมีอุปสรรคเท่าไหร่ ออกแนวสบายๆ ไทยแลนด์เลยล่ะครับ โดยกำหนดนัดหมายการเดินทางก็คือ เช้าวันที่ 12 มิ.ย. 49 กับขบวน 283/284 กรุงเทพ-บ้านพลูตาหลวง-กรุงเทพ

จริงๆ เส้นทางสายนี้ เคยมีน้องๆ หลายๆ คน เอามาเผยแพร่ในเว็บแล้วนะครับ แต่เป็นในเว็บเดิม สำหรับกระทู้นี้ของผม ก็คงเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ว่าที่ผ่านมา 1 ปีเศษๆ เส้นทางสายนี้ มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ตอนแรกกะว่าจะไม่ถ่ายอะไรมาก แต่ไปๆ มาๆ ผมก็กดไปซะสองร้อยกว่าภาพเลยทีเดียว .... เพราะเล่นเก็บมาซะหมด ชนิดที่ว่าแทบทุกอณูสองข้างทาง เสร็จผมและพี่ตึ๋งหมดล่ะครับ (ถึงได้ตั้งชื่อกระทู้ว่าชุดใหญ่ยังไงล่ะ) .... ใครใช้เน็ตโมเด็ม ก็ทำใจโหลดนิดนึงนะครับ

สำหรับวันดังกล่าว สุดท้ายก็มีผู้ร่วมทางเพิ่มอีก 1 คน ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ น้องชายตัวแสบของผมนี่เอง ปกติหมอนี่จะอยู่ ตจว. เลยไม่ค่อยมีโอกาสได้ออกสนามเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ มาเรียนด้านบริหาร Logistic ที่ กทม. ละ เลยขอลองติดตามตะลอนทัวร์ไปกับเขาบ้าง (แล้วจะรู้สึก ฮ่าๆๆๆ) .... ว่าแล้วเราก็ออกเดินทางกันเลยดีกว่าครับ

[CivilSpice]

ผมนัดแนะกับพี่ตึ๋ง โดยไปรับถึงบันไดอพาร์ตเมนท์แถวๆ ถ. ลาดพร้าว ประมาณ 6 โมงเช้าเศษๆ หลังจากที่แวะรับน้องชายตัวแสบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เสร็จสรรพ ก็ขับรถไปจอดที่ อาคารจอดรถของรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่เขาเรียกว่า "อาคารจอดแล้วจร" หรือเรียกเป็นภาษาปะกิต ที่ดูดีกว่า ว่า "Park & Ride" ซึ่งในที่นี้ เราจะไปขึ้นรถกันที่ "ที่หยุดรถอโศก" ครับ เพราะสะดวกที่สุด แถมไม่ต้องต่อรถอีกต่างหาก แต่อาจจะมีข้อเสียนิดหน่อย ก็คือ ไม่มีร้านรวงให้ซื้อหาของทานเล่นรองท้องกันก่อนก็เท่านั้น เพราะโดนรื้อทำรถไฟฟ้าไปหมดแล้ว

นั่งเมาท์กันมาในรถไฟฟ้าใต้ดิน จนกระทั่งมาถึงอโศก เราก็ยังมาถึงก่อนเวลาตั้งเกือบๆ 25 นาที โดยถ้าตามเวลาขบวน 283 จะมาถึงเวลาประมาณ 07.15 น. ..... ขณะระหว่างรอ ก็เจอขบวนรถอื่นๆ แล่นไปแล่นมาอยู่ 2 ขบวน ก็คือ ขบวน 376 รังสิต-หัวตะเข้ ตามมาติดๆ ด้วยขบวน 384 ฉะเชิงเทรา-กรุงเทพ ซึ่งขบวน 384 จะไปหลีกกับขบวน 283 ที่สถานีมักกะสันด้วย

นั่งรออยู่พักใหญ่ๆ ขบวน 283 ก็มาถึงครับ โดยในวันนี้ได้รถจักรใหญ่ คือ GEA4533 ทำขบวนนำมา พร้อมกับรถ บชส. อีก 7 คัน ... โดยผมกับพี่ตึ๋ง ขอจับจองพื้นที่ตู้สุดท้าย ตามระเบียบ ....

อ้าว!!! จะมัวมานั่งอ่านอยู่ทำไมล่ะครับ รถไฟมาละ ขึ้นรถกันเลยดีกว่า

[CivilSpice]

ขออนุญาตข้ามโน่นข้ามนี่ไปบ้างไปตามเรื่องตามราวนะครับ เพราะส่วนใหญ่เส้นทางช่วง กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา มีหลายๆ ท่านนำมาให้ดูละ แถมยังเป็นเส้นทางที่มีขบวนรถวิ่งให้บริการเยอะมากๆ อีกทั้งยังคนเยอะอีกต่างหาก เลยทำให้ถ่ายภาพอะไรได้ไม่ค่อยถนัดนัก ซึ่งก็ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับขบวน 283 ครับ เพราะขึ้นไปปุ๊บ ก็ไม่มีที่ว่างแบบจริงๆ ให้เราทั้งสามคนเลย แต่ก็ไม่ถึงกับแน่นมากๆ หรอกนะครับ ยังพอหาที่นั่งได้อยู่บ้าง แต่อาจจจะไม่ได้ที่นั่งติดริมหน้าต่างเท่านั้นเอง

วันนี้คนจัดว่าเยอะ สำหรับขบวน 283 ก็คงเป็นเพราะยังเป็นวันหยุดติดต่อกันสองวันด้วย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะเดินทางไปที่ฉะเชิงเทรา เพื่อไปสักการะหลวงพ่อโสธรค่อนข้างเยอะ และอีกส่วนหนึ่งก็มีเป้าหมายปลายทางที่พัทยา เพราะผมเห็นหลายๆ คน แบกเป้ใบโต แล้วก็ใส่เสื้อยืด+กางเกงขาสั้น นั่งคุยกันเป็นกลุ่มใหญ่ ... ซึ่งคงไม่ไปพลูตาหลวงกันทั้งหมดหรอก ฮ่าๆๆๆๆ

นั่งคุย + ดูโน่นดูนี่มาได้พักใหญ่ ก็มาถึง "สถานีหัวตะเข้" ครับ โดยมีขบวน 376 ที่ล่วงหน้ามาก่อน จอดรอเพื่อทำขบวน 378 หัวตะเข้-กรุงเทพ อยู่ในชานชาลาที่ 1 โดยมีคุณ Alsthom 4140 ทำหน้าที่รับผิดชอบในการลากจูงขบวนรถ ซึ่งก็พ่วงตู้ในจำนวนใกล้เคียงกับขบวน 283 ด้วยกระมังถ้าผมจำไม่ผิด

[CivilSpice]

ผ่านหัวตะเข้ - คลองหลวงแพ่ง ที่พี่หนุ่มนครลำปาง เคยพาไปเที่ยวมาแล้ว ก็มาถึง "สถานีเปรง" ซึ่งที่นี่จะมีทางแยก เข้าสู่ Plant ปูนซีเมนต์ ของ บ.ทีพีไอ โพลีน ด้วยครับ ซึ่งก็อยู่ข้างๆ สถานีนั่นแหล่ะ โดยมีโบกี้ปูนซีเมนต์ของ TPI จอดอยู่พอสมควร แต่ผมมาทีไร ก็ไม่เคยเจอช่วงที่เขาทำสับเปลี่ยนขบวนรถปูนซีเมนต์ซักกะที .. แต่ที่ผมชอบอย่างนึงที่สถานีเปรง ก็คือ เวลาที่รถแล่นผ่านในตอนเช้าๆ แดดจะส่องมาที่ Plant ปูน TPI พอดีครับ ... ซึ่งสวยมากๆ เลย

ว่าแต่ว่า ตัวผม ฝีมือถ่ายภาพก็ธรรมดาๆ ผลลัพธ์เลยออกมาอย่างที่เห็นครับ ... ถ้าเป็นน้องอาร์ต + น้องฟาง มาถ่าย อาจจะสวยกว่านี้

[CivilSpice]

ขณะกำลังยืนถ่ายรูปอยู่ท้ายขบวน อยู่ดีๆ ก็มีเสียงดังกระหึ่มโผล่มาทางข้างๆ แบบไม่ทันรู้ตัว ซึ่งเป็นเสียงของขบวนรถ บทต. เปล่า จากแหลมฉบัง มุ่งหน้าไปที่ ICD ลาดกระบัง โดยทำขบวนมาด้วย GEA ไม่ทราบหมายเลข (เพราะดูไม่ทัน) แล่นอยู่ในทางที่สาม หรือ ทางหลักเดิม ก่อนที่จะใช้ทางคู่นั่นเอง



ตอนนี้ที่สถานีเปรง มีการใช้สัญญาณไฟสีแล้วนะครับ แต่จะใช้เฉพาะด้านที่ไปทางฉะเชิงเทราเท่านั้น ส่วนด้านที่ไปทางคลองหลวงแพ่ง หัวตะเข้ ยังไม่เปิดใช้งานครับ ที่เห็นในภาพนี้ คือด้านที่มาจากฉะเชิงเทราครับ ซึ่งคาดว่าเร็วๆ นี้คงจะติดตั้งได้เสร็จเรียบร้อย

[CivilSpice]

ขบวน 283 มาถึง "ชุมทางฉะเชิงเทรา" ช้ากว่ากำหนดเวลานิดหน่อย พร้อมๆ กับที่ผู้โดยสาร ลงจากขบวนรถที่นี่เกือบครึ่งขบวน ส่วนผู้โดยสารที่จะขึ้น ก็มีบ้างประปรายครับ ดูแล้วที่ฉะเชิงเทรานี่เป็นสถานีที่คึกคักมากๆ ทั้งคนขึ้น/ลง ทั้งขบวนรถเข้าออก ตลอดจนขบวนรถสินค้า ที่ทำสับเปลี่ยนอยู่ในย่านสถานีตลอดทั้งวัน โดยในตอนที่ขบวน 283 ไปถึง ก็เจอกับคุณปู่ GE 4004 กำลังจอดรออยู่ในรางข้างๆ ... ไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าจะไปที่ไหน



ตอนเช้าๆ อากาศที่ฉะเชิงเทรากำลังดีเลยล่ะครับ แดดเริ่มออกละ แต่ยังไม่ถึงกับร้อนมากนัก โดยขบวน 283 จอดรอให้ผู้โดยสารขึ้น/ลง อยู่พักใหญ่
ก็เคลื่อนออกจากชุมทางฉะเชิงเทรา พร้อมกับทิ้งคุณปู่ GE 4004 ไว้เบื้องหลัง



ผ่านประแจตัวหลัก ที่บังคับขบวนรถ ให้ไปทางคลองสิบเก้า หรือพลูตาหลวง โดยถ้าเลี้ยวซ้าย จะไปคลองสิบเก้า
แต่หากเป็นท่าตรงอย่างในภาพ ก็ไปแหลมฉบัง - มาบตาพุด - พลูตาหลวง

[CivilSpice]

ออกจากฉะเชิงเทรา มาเล็กน้อย ขบวน 283 ก็มาจอดรับ/ส่ง ผู้โดยสาร ณ "ที่หยุดรถแปดริ้ว" ครับ ดูแล้วก็ชำรุดทรุดโทรมดี
ซึ่งที่หยุดรถดังกล่าวนี้ อยู่ก่อนเชิงทางลาดขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำปางปะกง โดยที่หยุดรถนี้ ตั้งอยู่ที่ ต.บ่อบัว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
อักษรย่อ "แร." อยู่ห่างจากกรุงเทพ 62.87 กม.



ออกจากที่หยุดรถแปดริ้ว ขบวนรถก็แล่นขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง ซึ่งถือเป็นโลเกชั่นยอดฮิตอีกแห่งหนึ่ง ของทางรถไฟสายนี้เลยทีเดียว
ชนิดที่ว่า ถ้าใครไม่ได้ถ่ายเอาไว้ ก็เหมือนกับยังไม่ได้ใช้บริการของขบวน 283 ..... โค้งนี้ ทำการยก Super Elevation ไว้ค่อนข้างเยอะ
เล่นเอาขบวนรถเอียงไปด้านนึงเลยทีเดียว แถมเสียงบังใบล้อบดกับสันราง ดังแปล๊บๆ เข้ามาในหูเป็นระยะๆ

[CivilSpice]

ขณะที่กำลังกดชัตเตอร์อย่างสนุกมือ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็น รถด่วนพิเศษ (รถตรวจราง) แล่นตามหลังมาอีกหนึ่งขบวน
เลยถือโอกาสถ่ายรูปมาซะหน่อย .... ถ้ามีโอกาส ผมเองก็อยากลองไปนั่งดูบ้างเหมือนกัน แต่ท่าทางคงจะร้อนน่าดูเลยล่ะ



กว่าจะได้ลงจากสะพานบางปะกง ก็ใช้เวลาหลายนาทีเลยครับ เพราะบนนั้น จำกัดความเร็วที่ 35 Km./Hr. เท่านั้นเอง
โดยแม่น้ำบางปะกงในวันนั้น สียังคงปกติ ซึ่งผิดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ที่กลายเป็นสีชานม เนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วม
และน้ำป่าที่ไหลมาจากทางเหนือนั่นเอง

[CivilSpice]

เนื่องจากเส้นทางรถไฟสายนี้ มาทีหลังทางหลวงแผ่นดิน ดังนั้น ทางตัดส่วนใหญ่ของรถไฟ จึงต้องมาเหนือเมฆ เอ้ย .. มาสูงกว่าถนน
ส่วนมากเท่าที่เห็น จะทำเป็น Overpass เกือบทั้งหมด เหมือนในเส้นทางสายคลองสิบเก้า-แก่งคอย ด้วยเช่นกัน โดยในภาพนั้น ภาพแรก
จะแล่นข้ามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 มุ่งหน้าไปทาง อ.พนมสารคาม และ จ.ปราจีนบุรี

[CivilSpice]

พอลงจาก Overpass ปุ๊บ ก็จะเข้าสู่สถานีรถไฟสถานีแรก ในเส้นทางสายนี้ (ถ้าไม่นับ ชท.ฉะเชิงเทรา) นั่นก็คือ "สถานีดอนสีนนท์" ครับ

แต่ถึงจะเป็นสถานีแรก ก็อยู่ไกลจาก ชท.ฉะเชิงเทรา ร่วมๆ 15 กม. เลยเชียว .... โดยสถานีดอนสีนนท์ ตั้งอยู่ที่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา

โดยเป็นสถานีระดับชั้นที่ 4 ตัวอักษรย่อ "ดอ." .... ห่างจากกรุงเทพ 75.97 กม.



มีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือ สถานีดอนสีนนท์ เป็นสถานที่มีรางหลีก ยาวมากๆ เลยทีเดียวครับ เท่าที่คะเนด้วยสายตา ก็ประมาณ 1 กิโลเมตร เห็นจะได้ เพราะรถแล่นออกจากสถานีตั้งนานละ ยังไม่พ้นทางหลีกสักที