View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45053
Location: NECTEC
|
Posted: 27/06/2014 5:25 pm Post subject: |
|
|
ร.ฟ.ท.เตรียมจัดรถเสริมรับแรงงงานต่างด้าวกลับทำงานไทย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มิถุนายน 2557 13:04 น.
นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้เตรียมแผนการเดินรถไฟ เพื่อรองรับการเดินทางกลับเข้ามาของแรงงานชาวกัมพูชา คาดว่าจะกลับมาในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงของการตั้งจุดวันสต๊อปเซอร์วิสรับแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา 4 แห่ง คาดว่าจะทำให้มีการเดินรถกลับเข้ามากรุงเทพมหานครหน่าแน่น โดยขณะนี้ได้เสริมโบกี้รถไฟเพิ่มไว้แล้ว แต่หากไม่เพียงพอก็พร้อมจะเพิ่มรถเที่ยววิ่งทันทีจากอำเภออรัญประเทศ
ทั้งนี้ พบว่า ตัวเลขการเดินทางเข้ามายังกรุงเทมหานครโดยรถไฟของกลุ่มแรงงานต่างด้าวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าหลังจากนี้จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกมาก |
|
Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45053
Location: NECTEC
|
Posted: 27/06/2014 5:59 pm Post subject: |
|
|
ขนาดต่างกันไม่ใช่ปัญหาพัฒนาระบบราง (คลิป)
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มิถุนายน 2557 16:21 น.
เทคโนโลยีเชื่อมระบบรางที่มีขนาดต่างกัน
ในการพัฒนาการขนส่งระบบรางมักหยิบยกเรื่องขนาดรางของแต่ละประเทศที่ไม่เท่ากันมาเป็นประเด็น ทว่านักวิชาการดัานระบบรางระบุว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ปัญหา เพราะหลายประเทศกำลังพัฒนาระบบปรับขยายล้อให้สอดคล้องกับขนาดราง โดยเฉพาะเกาหลีและรัสเซียที่มีโครงการเชื่อมเส้นทางรถไฟและกำลังทดลองระบบดังกล่าว
นายนคร จันทศร ที่ปรึกษาผู้อำนวยการโครงการพัฒนาขนส่งระบบราง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าว ในการพัฒนาการขนส่งระบบรางนั้นมักหยิบเรื่องขนาดรางมาคุย ทั้งที่ความจริงแล้วขนาดรางทั่วโลกนั้นมีความหลากหลาย และแก้ไขได้
นายนครยังได้ชี้ถึงสิ่งที่เป็นปัญหาของระบบขนส่งและสามารถแก้ไขด้วยระบบรางได้ว่า ภาคขนส่งของไทยนั้นใช้น้ำมันมากถึง 37% ของการใช้พลังงานทั้งไมดของประเทศ และยังเป็นประเทศที่มีอุบัติเหตุจากการขนส่งสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ส่วนต้นทุนของระบบขนส่งนั้นก็สูง 15-17%ของจีดีพี เพราะเราใช้ระบบรางเพียง 2% และเส้นทางรถไฟกว่า 4,000 กิโลเมตรที่มีอยู่นั้นก็เป็นรางเดี่ยวถึง 93%
ทางด้าน ดร.รัฐภูมิ ปริชาติปรีชา ผู้อำนวยการสถานวิจัยเพื่อความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมถนนและราง มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) ระบุว่า นวัตกรรมช่วยแก้ปัญหาความต่างของระบบรางได้ โดยการพัฒนาเทคโนโลยีขยายช่วงล้อ เพื่อให้ขบวนรถสามารถวิ่งบนร่างที่มีขนาดต่างกันได้
"หลายประเทศกำลังศึกษาและพัฒนาในเรื่องนี้ เพราะต้องการเชื่อมต่อเส้นทาง ตัวอย่างเช่น เกาหลีและรัสเซียที่ต้องการเชื่อมเส้นทางระบบราง ได้ลงทุนวิจัยระบบขยายขนาดล้อสำหรับติดที่แคร่รถไฟ หรือ guage changable system ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นทดลอง" ดร.รัฐภูมิเผยแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV - ผู้จัดการออนไลน์ และสื่อมวลชน
นักวิชาการระบบรางจาก มน.ให้ความเห็นอีกว่า การพัฒนาระบบรางควรเป็นวาระแห่งชาติ และยกตัวอย่างว่า หลายประเทศพัฒนาระบบรางอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เช่น สหรัฐฯ ที่ประชาชนผลักดันในเรื่องนี้ใช้เวลาเตรียมพร้อมนาน 10 ปี หรือ จีน ซึ่งพัฒนาระบบรางดีเซลอย่างเต็มที่ก่อนขยับขึ้นไปพัฒนารถไฟความเร็วสูง เป็นต้น
ส่วนไทยนั้น ดร.รัฐภูมิควรเริ่มพัฒนาจากรถไฟรางคู่ก่อน แล้วค่อยปรับสู่ระบบไฟฟ้า และรถไฟความเร็วสูงต่อไป เพราะหากกระโดดไปทำรถไฟความเร็วสูงเลย เป็นเรื่องอันตราย เปรียบเสมือนเด็กอนุบาลข้ามขั้นไปเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเราควรสั่งสมองค์ความรู้เหมือนที่หลายประเทศดำเนินการมา
สอดคล้องความเห็นของ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ที่กล่าวว่า ทุกประเทศที่พัฒนาระบบรางนั้นมีขั้นตอนในการพัฒนา จากรางเดี่ยว ขยับไปเป็นรางคู่ จากระบบดีเซลเปลี่ยนไปเป็นระบบไฟฟ้า ส่วนรถไฟความเร็วสูงพูดวันนี้ได้ แต่ไม่ใช่ทำวันนี้
นอกจากนี้ นายกสมาคม วสท. ยังชี้ด้วยว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาในการพัฒนาระบบราง แต่ที่เป็นปัญหาตอนนี้คือการขาดแคลนกำลังคน รวมถึงโครงสร้างการบริหาร ซึ่งต้องปฏิรูปในเรื่องนี้ และใช้โอกาสนี้พัฒนาระบบรางคู่ไปควบคู่กัน
ทั้งนี้ เป็นการเปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ณ โรงแรม ดับเบิลยู กรุงเทพฯ เรื่องการจัดงาน "วิศวกรรม'57 วิศวกรรมสำหรับอนาคต" ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 พ.ย.57 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา |
|
Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45053
Location: NECTEC
|
Posted: 27/06/2014 7:06 pm Post subject: |
|
|
คตร.ยุบโครงการซ่อมรถจักร-แท็บเล็ต สั่งกสทช.ทบทวนแจกคูปองดิจิตอล ปัดใช้งบ 5 พันล้าน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มิถุนายน 2557 17:04 น.
มติ คตร.เลิก 2 โครงการ 'บูรณะหัวรถจักร-แท็บเล็ต' ชี้ ไม่คุ้มค่า
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 27 มิ.ย. 2557 20:48
มติ คตร.เลิก 2 โครงการ บูรณะรถจักร-แท็บเล็ต ทบทวน 4 โครงการ ร.ฟ.ท.-ทอท.-สนพ. ชี้ราคาสูง ทีโออาร์ไม่เหมาะ ล็อกโครงการที่ต้องสอบเพิ่ม ให้ 15 วัน กสทช.ทบทวนแจกคูปองดิจิตอล จับตาสร้างรัฐสภาใหม่ช้า แฟลต ขรก.มีห้องพัก ส.ส. ฉะกองทุนเลี้ยงชีพสมาชิกสภาให้บำนาญง่าย แก้ข่าว คสช.5 พันล้าน ยันพร้อมแจง
วันนี้ (27 มิ.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการทำงานของ คตร.ว่า เบื้องต้น คตร.ได้มีมติให้ยกเลิก 2 โครงการ คือ
1. โครงการบูรณะรถจักรดีเซลของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) วงเงิน 3.3 พันล้านบาท เนื่องจากตัวรถจักรมีความเก่ามาก ซ่อมแล้วไม่คุ้มค่า จึงให้พิจารณาจัดทำโครงการใหม่ และ
2. โครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ของกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ให้ยกเลิกในส่วนของระยะที่ 4 ของปี 2556 และในส่วนของปี 2557 วงเงินประมาณ 7 พันล้านบาท เป็นความเห็นที่ตรงกับฝ่ายสังคมจิตวิทยาที่ให้ผู้เกี่ยวข้องไปคิดแผนงานใหม่ ตามวัตถุประสงค์เดิมในการสนับสนุนการเรียนการสอน
พล.ท.อนันตพรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีมติให้ทบทวน 4 โครงการ เนื่องจากเห็นว่าราคากลางสูงเกินไป และทีโออาร์ไม่มีความเหมาะสม ได้แก่
1. โครงการจัดหารถรุ่นใหม่ สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน 115 คันของ ร.ฟ.ท.วงเงิน 6 พันล้านบาท
2. โครงการจัดหารถจักร จำนวน 126 คันของ ร.ฟ.ท.วงเงิน 5 พันล้านบาท
... |
|
Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45053
Location: NECTEC
|
Posted: 30/06/2014 1:19 pm Post subject: |
|
|
นักวิชาการแนะรื้อรฟท.รองรับพัฒนาระบบราง
กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 25572014 09:17
นักวิชาการ แนะปรับองค์กรร.ฟ.ท. รองรับ การพัฒนาระบบรางของประเทศ ต้อง เตรียมความพร้อมเรื่องคน-สะสางหนี้สะสม พร้อมหนุนศึกษารถไฟความเร็วสูงต่อเนื่อง ชี้มีความจำเป็นในอนาคต เสนอเส้นทาง "กรุงเทพฯ-ระยอง"คุ้มทุน มากสุด เชื่อมพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออกกับกรุงเทพฯ ส่งเสริมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม รองรับความเป็นเมือง
วานนี้ (26 มิ.ย.) ที่ โรงแรมดับเบิลยู สาทร กรุงเทพฯ สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์จัดงานเสวนาเรื่อง "ยกเครื่องเรื่องระบบราง" โดยมีนายรัฐภูมิ ปริชาติปรีชา ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยเพื่อความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมถนนและราง มหาวิทยาลัยนเรศวร นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสมาคม วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และนายนคร จันทศร ที่ปรึกษา ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาระบบราง สำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) ร่วมการเสวนา
ทั้งนี้ หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เข้าบริหารประเทศ ได้ยกเลิกโครงการกู้เงินโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ 2 ล้านล้านบาท โดยหันมาใช้งบประมาณปกติ และได้ชะลอโครงการขนาดใหญ่สำคัญคือรถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง แต่ให้ศึกษาเตรียมพร้อมเท่านั้น
วงเสวนาเห็นตรงกันว่าประเทศไทยจำเป็นต้องพัฒนาระบบราง แต่สิ่งที่ต้องทำคือการปรับปรุงองค์กรอย่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เพื่อรองรับการบริหารจัดการที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาระบบรางทั่วประเทศ และเห็นว่า รถไฟความเร็วสูงยังมีความจำเป็นในระยะต่อไป
นายรัฐภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะอยู่ระหว่างทบทวนและชะลอการลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงออกจากแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมของประเทศตามแนวทางของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แต่โครงการรถไฟความเร็วสูงถือว่ามีความสำคัญในการพัฒนาการคมนาคมขนส่งของประเทศในระยะกลางที่จะเริ่มตั้งแต่ปี 2558 -2563 เป็นต้นไปและเป็นโครงสร้างการ คมนาคมที่รองรับการขยายตัวของเมืองหลัง การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการ ผลักดันให้มีการศึกษาโครงการรถไฟความ
เร็วสูงอย่างต่อเนื่องเพราะเรื่องนี้จะต้องทำ ความเข้าใจกับประชาชนให้เกิดองค์ความรู้เหมือนกับ ที่สหรัฐก็มีการวางแผนในการสร้างรถไฟความเร็วสูง ถึง 30 ปี โดยใช้การเข้ามามีส่วนร่วมของทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน
เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยองคุ้มค่าสุด
นายรัฐภูมิกล่าวว่าประเทศไทยสามารถเลือกศึกษาและลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงในเส้นทางที่มีความคุ้มทุนทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมที่ชัดเจน โดยอาจเป็นการลงในระยะการเดินทาง 200 - 800 กิโลเมตร ซึ่งในต่างประเทศมี การศึกษาแล้วว่าเป็นระยะทางที่มีความคุ้มทุนสูง
นายรัฐภูมิ กล่าวว่า เส้นทางที่มีความเหมาะสม ในขณะนี้มองว่าคือเส้นทางกรุงเทพ-ระยอง เนื่องจากผ่านพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญทั้งเขตนิคมอุตสาหกรรมและแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งในพื้นที่ภาค ตะวันออกไม่มีสนามบินพาณิชย์ขนาดใหญ่ การลงทุนรถไฟความเร็วสูงจึงเป็นการเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจในฝั่งตะวันออกกับกรุงเทพฯได้
"เราควรเริ่มลงทุนในเส้นทางที่มีการพิสูจน์ได้ว่ามีความคุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งในบางประเทศ เช่นไต้หวันนั้นเอกชนเป็นผู้ลงทุนทั้งหมดในระบบ สัมปทานและคืนรายได้บางส่วนมาให้รัฐ แต่ในกรณีประเทศไทยมีการพูดถึงรูปแบบรัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและเอกชนลงทุนระบบเดินรถ ก็มี ความเป็นไปได้ ซึ่งการเริ่มลงทุนคือการเตรียมความ พร้อม ศึกษาและต่อยอดไปในอนาคต"
ปรับร.ฟ.ท.ต้องแก้ปัญหาหนี้สะสม
นายสุชัชวีร์กล่าวว่าการลงทุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมของไทยเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต แต่ในขณะนี้เมื่อเราพูดถึงเรื่องของการลงทุนในเรื่องต่างๆ เช่นเรื่องการพัฒนาระบบรางสังคมจะให้ความสำคัญกับเรื่องของเงินที่ใช้ในการลงทุนเป็นลำดับแรกโดยไม่ได้พูดถึงเรื่องความพร้อมเรื่องอื่นๆ เท่าที่ควร โดยมองว่าในเรื่องของเงินลงทุนไม่ใช่ปัญหาหากเราจะลงทุนระบบราง เช่น โครงการรถไฟรางคู่ ซึ่งเป็นโครงการที่มีความคุ้มทุนทางเศรษฐกิจและสังคมก็สามารถกู้เงินได้ทั้งในและต่างประเทศ
ขณะที่เรื่องความพร้อมของหน่วยงานที่จะดูแลรับผิดชอบก็คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่จะรองรับการขยายงานที่เกี่ยวกับระบบรางในอนาคตยังต้องมีการปฏิรูปองค์กรใน 2 เรื่องคือ
1.เรื่องความพร้อมของบุคลากร เนื่องจากในปัจจุบันอายุเฉลี่ยของพนักงาน รฟท.อยู่ที่ 56 ปี ขณะที่พนักงานส่วนใหญ่ไม่ได้มีความรู้เรื่องระบบรางโดยตรง ดังนั้นจึงควรมีการแก้ไขในระยะยาว เพื่อแก้ปัญหาในส่วนนี้
2. รฟท.เป็นองค์กรที่มี หนี้สินสะสมมาก
ดังนั้น ถ้าจะปฏิรูปให้ รฟท.มีประสิทธิภาพ ก็ต้องมีการวางแผนอย่างจริงจังว่าจะแก้ปัญหาในเรื่องหนี้สินสะสมของ รฟท.อย่างไร
"การรถไฟไทยมีข้อจำกัดและปัญหาที่ทำให้ย่ำอยู่กับที่ จึงได้เวลายกเครื่ององค์กร เพื่อที่จะทำหน้าที่ปรับการพัฒนาระบบขนส่งทางรางของประเทศไทย และเตรียมความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และการพาณิชย์ของอาเซียน ซึ่งควรจะมีการศึกษาเร่งด่วนว่า ควร จะจัดตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมา หรือขยายองค์กรจากเดิมให้ครอบคลุมงานที่จะอยู่ในความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นในอนาคต"นายสุชัชวีร์กล่าว
แนะรื้อใหญ่ร.ฟ.ท.เพิ่มประสิทธิภาพ
ด้านนายนคร กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมหน่วยงานที่จะมารองรับการบริหารงานระบบรางของประเทศทำได้ ทั้งการปฏิรูป รฟท.โดยการปรับโครงสร้างการบริหารงานภายในองค์กรให้มี ความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งวิธีการ แบบนี้เป็นการปรับเปลี่ยนภายในที่ต้องใช้เวลา
ส่วนแนวคิดเรื่องการตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมาดูแลการบริหารงานที่เกี่ยวข้องกับระบบรางที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็เป็นทางเลือกที่สามารถทำได้แต่ก็ต้องดูว่าจะมีประสิทธิภาพในการบริหารหรือไม่ เพราะการเกิดขึ้นขององค์กรใหม่ภายใต้วัฒนธรรมองค์กรแบบเดิมก็จะก่อให้เกิดปัญหาการขาดทุนขึ้นเหมือนกับที่เห็นตัวอย่างจากบริษัท แอร์พอร์ต เรล ลิงค์ มาแล้ว
ชี้ใช้ผลกำไรขาด-ขาดทุนทำให้โครงการชะงัก
นายนคร กล่าวว่าพัฒนาระบบรางของไทยนับว่าหยุดชะงักมาเป็นระยะเวลานานเพราะบางโครงการใช้การคำนวณเรื่องผลของการขาดทุนและกำไรทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้
ขณะนี้มีหลายโครงการที่มีการศึกษาและมีความพร้อมที่จะดำเนินการแต่ต้องอาศัยการตัดสินใจจากผู้มีอำนาจ ได้แก่ การแก้ปัญหาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง เร่งเดินหน้ารถไฟรางคู่ ฉะเชิงเทรา - คลอง 19 - แก่งคอย และทางคู่ ตามแผนแม่บท รวมทั้งเส้นทางรถไฟที่เชื่อมต่อกับเพื่อนบ้านที่จะต้องมีการพัฒนาให้สมบูรณ์ เช่นเส้นทางท่านาแล้ง - เวียงจันท์ และเส้นทางปอยเฟต - ศรีโสภณ เป็นต้น
นอกจากนั้นในด้านการเตรียมความพร้อมด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อรองรับระบบขนส่งทางรางที่จะเกิดขึ้นและมองไกลไปข้างหน้า ประเทศไทยจะต้องวางแผน 10-30 ปี และ 50 ปีเป็นแผนระยะยาว ได้แก่
1.การเตรียมความพร้อมทางด้านบุคลากรและวิชาชีพวิศวกรรมขนส่งทางราง เนื่องจากเป็นการศึกษาที่ต้องรวมเอา ความรู้หลายสาขาวิชา เช่น วิศวกรรมไฟฟ้า โยธา สิ่งแวดล้อม การจัดการ
2.ด้านมาตรฐานการออกแบบ ปัจจุบันมีระบบรางของหลายประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และยุโรป ควรมีการศึกษาและเตรียมความพร้อมในเรื่ององค์ความรู้ว่าเราจะใช้ประโยชน์ต่อการวางแผน การปฏิบัติการและการลงทุน
3. การเตรียมความพร้อมในเรื่องกฎหมาย โดยควรแก้กฎหมาย พรบ.เวนคืนที่ดินที่ล้าหลังและเอื้อต่อนักเก็งกำไรที่ดิน แต่ไม่ได้กระจายประโยชน์ต่อส่วนรวม
4.ด้านการปรับปรุงความปลอดภัยในการให้บริการของ รฟท.ควรแก้ไข พ.ร.บ.ทางหลวง การข้ามทางรถไฟ ซึ่งยังมีช่องว่าง และก่อให้เกิดอุบัติเหตุจำนวนมาก และ
5.ควรสนับสนุน การวิจัยเพื่อเตรียมความพร้อมเรื่องการขนส่ง ทางราง เช่น งานวิจัยด้านโยธา การก่อสร้างรถไฟบน ชั้นดินอ่อน และการก่อสร้างทางรถไฟฟ้าสามารถรับแผ่นดินไหวในภาคเหนือได้ เป็นต้น |
|
Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 48732
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 07/07/2014 11:53 am Post subject: |
|
|
ดญ. 13 ปีหายปริศนาบนตู้นอนรถไฟคุมสอบ 3 พนง.
INN News วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2557 8:22น.
ญาติแจ้งความ ด.ญ. วัย 13 ปี หายปริศนาบนรถไฟตู้นอน สาย กทม.-สุราษฎร์ธานี สอบเค้น 3 พนง.รถไฟ ประสาน ภ.7-8 และดส.ปูพรมหาตัว นำรถ'อีต็อก' ออกค้นหาริมทางรถไฟ ไล่ตั้งแต่เพชรบุรี ถึงประจวบคีรีขันธ์
พ.ต.ท.ทรงกลด พัฒนวราภรณ์ พงส.ผนพ. (หัวหน้างานสอบสวน) สน.นพวงศ์ เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ได้มีญาติของ ด.ญ.กชกร (ขอสงวนนามสกุล) หรือ น้องแก้ม วัย 13 ปี นักเรียน ชั้น ม.2 ร.ร.สตรีนนทบุรี มาแจ้งความว่า ด.ญ.คนดังกล่าว ได้หายตัวอย่างลึกลับไป ระหว่งการเดินทางบนขบวนรถไฟ สายสุราษฎร์ธานี-กทม. โดย ด.ญ. คนดังกล่าวเดินทางมากับพี่สาวและเพื่อนชายของพี่สาว ในตู้นอนชั้น 1 ของขบวนรถไฟ และคาดว่าช่วงที่ ด.ญ. หายตัวไป และขาดการติดต่อ น่าจะอยู่บริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยไม่สามารถติดต่อโทรศัพท์มือถือได้
หลังจากที่ขบวนรถไฟได้เข้าเทียบชานชาลา ที่สถานีกรุงเทพฯ หรือหัวลำโพง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ค้นหาทุกตู้ทุกโบกี้ ก็ไม่พบ ด.ญ. วัย 13 ปี แต่อย่างใด ซึ่งทางตำรวจได้นำตัว พนักงานชาย 3 ราย มาสอบสวน หลังพบว่าเข้าเวรในช่วงเวลาที่ ด.ญ. หายตัวไป และ 1 ในนั้น พบมีรอบขีดข่วนในบนร่างกายด้วย ซึ่งตำรวจได้คุมตัวไว้แล้ว
ล่าสุด ทางตำรวจรถไฟ ได้ประสานกับ ตำรวจท้องที่ ภาค 7, 8 และตำรวจสวัสดิภาพเด็กและสตรีลงพื้นที่ ในจุดที่คาดว่าเด็กหายไป เพื่อติดตาม ด.ญ. คนดังกล่าวแล้ว
ด.ญ. 13 ปี หายตัวปริศนา ยังไม่เจอตัว นำอีต๊อกออกค้นหา
พ.ต.ท.ทรงกลด พัฒนวราภรณ์ พงส.ผนพ. (หัวหน้างานสอบสวน) สน.นพวงศ์ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ความคืบหน้าล่าสุด การติดตามตัว "น้องแก้ม" ด.ญ. วัย 13 ปี ที่หายตัวลึกลับบนขบวนรถไฟ สุราษฎร์ธานี-กทม. ล่าสุด ยังไม่เจอตัวของ ด.ญ.คนดังกล่าว โดยทาง ตร. ทุกหน่วยบูรณาการหาตัวทุกวิถีทางแล้ว ทั้ง ตร.รถไฟ ภ.7 ภ.8 และ กก.ดส. ของ บชน. ก็ร่วมค้นหาด้วย และ รฟท. ได้นำเอารถอีต๊อก ซึ่งเป็นรถไฟสำหรับซ่อมทาง ออกค้นหาตัวของ ด.ญ. ตามริมทางรถไฟ ที่คาดว่าเป็นช่วงเวลาที่หายตัวไป ในช่วงจังหวัดเพชรบุรีถึงประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งคาดหวังว่าจะมีข่าวดี ในเร็ว ๆ นี้ ด้านญาติของ ด.ญ. คนดังกล่าว ขณะนี้ก็ยังนั่งรอความหวังที่ สน.นพวงศ์ |
|
Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 48732
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 07/07/2014 12:00 pm Post subject: |
|
|
เร่งติดตาม! ด.ญ.13 หายตัวปริศนา จากรถไฟสุราษฎร์ฯ-กทม.
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 7 ก.ค. 2557 12:25
เด็กหญิงวัย 13 หายตัวลึกลับบนขบวนรถไฟสายสุราษฎร์ธานี-กทม. ขณะที่ ตร.เร่งสอบปากคำพนักงานรถไฟหลังพบพิรุธ เบื้องต้นคาด หายไปช่วงรถวิ่งผ่านประจวบฯ...
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 57 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.นพวงศ์ ได้รับแจ้งจากทางสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ว่า มีผู้โดยสารเป็นเด็กหญิง อายุ 13 ปี สูญหายไปอย่างลึกลับ บนขบวนรถไฟ ที่ 174 สุราษฎร์ธานี-กรุงเทพฯ ขณะนี้ยังหาตัวไม่พบ จึงขอความช่วยเหลือตำรวจในพื้นที่ออกติดตาม
จากการสอบถามทราบว่า เด็กหญิงคนดังกล่าวชื่อ ด.ญ.กชกร (ขอสงวนนามสกุล) หรือ "น้องแก้ม" อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนชื่อดังใน จ.นนทบุรี ได้เดินทางกลับไปเยี่ยมญาติที่ จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยการโดยสารรถไฟตู้นอนชั้น 1 ออกเดินทางตั้งแต่เวลาประมาณ 17.00 น. เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับพี่สาวและเพื่อนชายของพี่สาว
ต่อมาโบกี้รถไฟที่น้องแก้มโดยสารอยู่ เกิดไฟฟ้าดับอยู่เพียงโบกี้เดียว จากนั้นพี่สาวก็ได้ตื่นขึ้นมาช่วงเข้าเขต จ.ราชบุรี ก็ไม่พบน้องสาวแล้ว แต่พบร่องรอยการต่อสู้ ปลอกหมอนถูกดึง และผ้าห่มหายไป จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ โดยคาดว่าช่วงที่น้องแก้มหายตัวไป และขาดการติดต่อนั้น น่าจะอยู่ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์
ทั้งนี้ หลังจากขบวนรถไฟเดินทางมาถึงสถานีรถไฟหัวลำโพง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ค้นหาทุกตู้ ทุกโบกี้ แต่ก็ไม่พบร่องรอย จึงได้ประสานกับตำรวจท้องที่ภาค 7, 8 และตำรวจสวัสดิภาพเด็กและสตรี ลงพื้นที่ในจุดที่คาดว่าเด็กหายไป เพื่อติดตามหาตัว พร้อมกับควบคุมตัวพนักงานรถไฟ 3 คน ไปสอบสวน หลังพบว่าเข้าเวรในช่วงเวลาที่น้องแก้มหายตัวไป และหนึ่งในนั้นพบมีรอบขีดข่วนในบนร่างกาย เบื้องต้นเจ้าตัวยังปฏิเสธ โดยอ้างว่าบาดแผลเกิดจากการขนสินค้าขึ้นขบวนรถไฟ.
ขอบคุณภาพจาก @js100radio
----
ตร.ประจวบฯ คาดเด็กหญิง 12 ปีหายตัวบนรถไฟอาจไม่ได้ถูกล่อลวง
สำนักข่าวไทย TNA News | 7 ก.ค. 2557 14:00
ประจวบคีรีขันธ์ 7 ก.ค.- พ.ต.อ.ฉัตรไชย เรียนเมฆ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟที่สถานีหัวลำโพงให้ติดตามหาเบาะแสกรณีเด็กหญิงวัย 12 ปี สูญหายจากตู้นอนโบกี้ที่ 3 บนขบวนรถไฟที่ 174 สุราษฏร์ธานี-กรุงเทพฯ จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่าเด็กเดินลงจากโบกี้รถไฟไปโดยลำพัง ไม่น่าจะถูกล่อลวง เพราะนำกระเป๋าเสื้อผ้าติดตัวไปด้วย
จึงประสานให้ตำรวจรถไฟตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือของเด็กหญิงรายนี้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงจุดที่แจ้งสูญหายว่าได้ติดต่อกับผู้ใดบ้าง และพิกัดสุดท้ายของการใช้โทรศัพท์ในพื้นที่ใดใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.เพชรบุรี รวมทั้งสอบถามพี่สาวว่าระหว่างเดินทางมีการใช้โทรศัพท์ติดต่อกับบุคคลใดบ้างในลักษณะอย่างไร หรือตรวจสอบการใช้โซเชียลมีเดียทั้งเฟซบุ๊คและไลน์ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตุว่าหลังจากสูญหายไปได้ปิดโทรศัพท์มือถือ และพี่สาวโทรติดต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ สำหรับข้อมูลล่าสุดทราบว่าเด็กหญิงดังกล่าวถูกญาตินำตัวจาก จ.สุราษฎร์ธานี ไปอยู่ที่กรุงเทพฯ.-สำนักข่าวไทย |
|
Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 48732
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 07/07/2014 2:53 pm Post subject: |
|
|
ตร.เร่งสอบเจ้าหน้าที่เหตุเด็กหายบนรถไฟ
ThaiPBS Mon, 07/07/2014 - 13:06
ตำรวจเร่งสอบสวนเจ้าหน้าที่ 4 คน ที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับกรณีเด็กหญิงวัย 12 ปี หายไประหว่างโดยสารรถไฟตู้นอน สุราษฎร์ธานี-กรุงเทพฯ
นางลักขณา ทองพัฒน์ มารดาของ ด.ญ.กชกร พิทักษ์จำนงค์ หรือ น้องแก้ม ที่หายออกจากขบวนรถไฟ ขบวนรถเร็วที่ 174 วิ่งระหว่างนครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ เข้าติดตามความคืบหน้าที่สถานีตำรวจรถไฟนพวงศ์ มารดาเด็ก กล่าวว่าน้องเดินทางพร้อมพี่สาวและญาติ รวม 4 คนโดยสารตู้นอนพัดลม ชั้น 2 และขึ้นมาจากสถานีสุราษฏร์ธานี เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. ของวันที่ 5 ก.ค. 2557
ด้านพี่สาว กล่าวว่านอนคุยกับน้องบนเตียงนอนในโบกี้รถไฟจนกระทั่งหลับไป ถึงเวลาประมาณ 4.00 น. ขณะที่รถไฟอยู่ที่สถานีนครปฐม พบว่าน้องสาวหายไป และจากการตรวจสอบที่เตียงพบว่ามีร่องรอยการดึงผ้าห่มผิดปกติ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่รถไฟให้ช่วยตามหาแต่ไม่พบ มารดาเด็กที่หายไป กล่าวเพิ่มเติมว่าพี่สาวที่ไปด้วยเล่าความผิดปกติให้ฟัง ว่าระหว่างที่โดยสารรถไฟ มีพนักงานรถไฟชอบมองหน้าน้องตลอด และบางครั้งเข้ามาทำทีว่าลืมหมวกไว้บนที่นอนของน้อง และยังได้กลิ่นสุราจากพนักงานคนดังกล่าวด้วย
ขณะที่นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยตำรวจรถไฟ อยู่ระหว่างการสอบปากคำพี่สาวที่อยู่ในเหตุการณ์ และตำรวจรถไฟที่รับผิดชอบในคดีนี้ นายประภัสร์ เปิดเผยว่าได้สั่งการให้ตำรวจรถไฟตั้งคณะสืบสวนสอบสวน เพื่อสืบสวนข้อเท็จจริง เบื้องต้นได้ควบคุมตัวพนักงานรถไฟคันที่เกิดเหตุไปสวนสวนรวม 4 คน พร้อมทั้งระบุว่ารถไฟขบวนที่เกิดเหตุไม่มีตำรวจรักษาความปลอดภัย เนื่องจากมีกำลังไม่เพียงพอ ส่วนผู้ต้องสงสัย เป็นลูกจ้างของบริษัทที่รับทำความสะอาดรถไฟ ไม่ใช่พนักงานของการรถไฟ ทั้งนี้ตำรวจและการรถไฟแห่งประเทศไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมกับตั้งเงินรางวัลสำหรับผู้ที่พบเห็นเบาะแสการหายตัวไปของน้องแก้ม
ด้าน พ.ต.อ.วิเศษ เกตุพันธุ์ รองผู้บังคับการตำรวจรถไฟ เปิดเผยว่าได้ส่งตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมดไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจแล้ว แต่ยังไม่ได้รับผลจากทางโรงพยาบาล และขณะนี้ไม่ได้ควบคุมตัวไว้ ซึ่งอาจนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้งได้ ส่วนการตรวจสอบกล้องวงจรปิดยังไม่พบสิ่งผิดปกติ และกล้องบางตัวชำรุด จึงไม่สามารถตรวจสอบได้ |
|
Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 48732
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 07/07/2014 3:08 pm Post subject: |
|
|
ลือหึ่งปลด"ประภัสร์" เปิดโผตัวเต็งปลัดอุตฯ
ไทยโพสต์ Monday, 7 July, 2014 - 00:00
บิ๊กรถไฟดิ้นหวังรักษาเก้าอี้ หลังข่าวสะพัดอยู่ในข่ายถูกปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ด้าน บอร์ด ร.ฟ.ท.มีมติแต่งตั้ง "สราวุธ รักษาการแทน ประเสริฐ ที่ยื่นหนังสือลาออกก่อนหน้านี้ เปิดโผชื่อ 2 ตัวเต็งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมคนใหม่ อรรชกา" และ "อาทิตย์" ประวัติดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบอร์ด ร.ฟ.ท.เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา มีมติแต่งตั้งนายสราวุธ เบญจกุล รักษาการประธานคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) แทนนายบุญสม เลิศหิรัญวงศ์ ประธานบอร์ด ร.ฟ.ท. ที่ได้ยื่นหนังสือลาออกก่อนหน้านี้ ส่วนคณะกรรมการคนอื่นๆ ยังไม่ได้มีการลาออกแต่อย่างใด
แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยภายหลังหลังจากที่มีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ร.ฟ.ท. ว่า ได้มีข่าวลือสะพัดถึงการแต่งตั้งนายทหารเข้ามาเป็นประธานบอร์ด ร.ฟ.ท. พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนตัวผู้บริหาร ร.ฟ.ท. โดยเฉพาะตำแหน่งผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. ซึ่งปัจจุบันมีนายประภัสร์ จงสงวน ดำรงตำแหน่งอยู่ ทำให้เกิดกระแสข่าวว่ามีความพยายามของฝ่ายบริหารที่พยายามต่อสายไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อต่อรองขออยู่ในตำแหน่งต่อจนกว่าจะครบเกษียณในอีก 7 เดือนข้างหน้า
สำหรับผู้บริหารที่อยู่ในข่ายมีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นมานั่งตำแหน่งผู้ว่า อาทิ นายกมล ตั้งกิจเจริญชัย รองผู้ว่าการฯ กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน 2 ที่เคยเป็นแคนดิเดตผู้ว่าฯ การรถไฟฯ มาแล้วก่อนหน้านี้ แต่มีจุดอ่อนที่มีความสนิทชิดเชื้อกับนายจิตต์สันติ ธนโสภณ อดีตผู้ว่าฯ การรถไฟฯ ที่เคยถูก ป.ป.ช.ชี้ขาดว่าทุจริตร้ายแรงในโครงการแอร์พอร์ตลิงค์มาก่อน
นอกจากนี้ ยังมีนายประเสริฐ อัตตะนันท์ รองผู้ว่าการด้านธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่มีเรื่องพัวพันกรณีสอบทุจริตในการรถไฟอยู่หลายโครงการ นอกจากนี้ยังมีกระแสว่ามีคนนอกอย่างนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขนส่ง จำกัด
แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวว่า ขณะนี้มีการจับตาดูว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะแต่งตั้งเข้ามาเป็นปลัด นางอรรชกา สีบุญเรือง อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือนายอาทิตย์ วุฒิคะโร รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ขึ้นมานั่งตำแหน่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม แทนนายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ที่จะเกษียณอายุในวันที่ 30 ก.ย.2557 นี้
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า นางอรรชกา และนายอาทิตย์ มีความเหมาะสมที่จะเป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมได้ทั้ง 2 คน เนื่องจากผ่านการทำงานมาแล้วหลายกรม มีความรู้ความเข้าใจในภาคอุตสาหกรรมการผลิตเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และยังมีความโปร่งใส ไม่มีเส้นสายทางการเมืองมาเกี่ยวข้อง. |
|
Back to top |
|
 |
Wisarut
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006 Posts: 45053
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
 |
Mongwin
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007 Posts: 48732
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 07/07/2014 6:38 pm Post subject: |
|
|
สถานีรถไฟหัวหินไม่พบเบาะแสเด็กหญิง 12 ปีหายตัว
FM100.5 7 ก.ค. 57
ประจวบคีรีขันธ์ 7 ก.ค.- นายประสงค์ โกมุก นายสถานีรถไฟหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยถึงเด็กหญิงอายุ 12 ปี หายตัวไปจากขบวนรถไฟว่า ล่าสุด ผู้บริหารของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สั่งการให้จัดชุดเฉพาะกิจออกค้นหาในพื้นที่เป้าหมาย และสถานีรถไฟหัวหินได้นำรถตรวจรางออกตรวจสอบเส้นทางในเขตรับผิดชอบตั้งแต่สถานีวังพงก์ อ.ปราณบุรี จนถึงสถานีหัวหิน ยังไม่พบหลักฐานใด ๆ ที่มีความเชื่อมโยงในการหายตัวไป นอกจากนี้ ยังได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของสถานีรถไฟหัวหิน 10 จุด ที่บันทึกภาพขณะรถไฟวิ่งเข้าจอดที่สถานีจำนวน 4 จุด และในวันเกิดเหตุพบว่าขบวนรถที่ 174 เดินทางถึงสถานีรถไฟหัวหินเมื่อเวลา 01.00 น. แต่ไม่พบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ส่วนโบกี้นอนที่ 3 ซึ่งระบุว่าเด็กหญิงอายุ 12 ปี โดยสารมาก็ไม่พบมีผู้โดยสารลงจากขบวนรถดังกล่าว สำหรับขบวนรถไฟนั้นจะจอดที่สถานีบ้านกรูด ทับสะแก เมืองประจวบ วังพงก์ และหัวหินซึ่งเป็นสถานีหลัก
ด้าน พ.ต.ท.วุฒิเทพ เพ็ญแสง สารวัตรสถานีรถไฟหัวหิน นำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเขตรอยต่อ อ.หัวหิน และ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี หลังจากพบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นจุดสุดท้ายที่มีการใช้โทรศัพท์มือถือของเด็กหญิงรายดังกล่าวก่อนหายตัวไป.-สำนักข่าวไทย
----
ร.ฟ.ท.แจงกรณี ด.ญ.วัย 13 หายจากขบวนรถ ตั้งรางวัล 5 หมื่นผู้แจ้งเบาะแส
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2557 19:32 น.
การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ชี้แจงกรณีเด็กหญิงกชกร พิทักษ์จำนงค์ หรือ น้องแก้ม หายตัวบนขบวนรถไฟที่ 174 นครศรีธรรมราชกรุงเทพ ช่วงระหว่างสถานีประจวบคีรีขันธ์ราชบุรี เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยได้โดยสารมากับพี่และน้องรวม 4 คน บนรถนอนชั้นสอง พัดลม คันที่ 3 เลขที่ตั๋วโดยสาร 25-28 หลังเกิดเหตุได้ประสานงานกับกองบังคับการตำรวจรถไฟในการค้นหา ตั้งแต่สถานีรถไฟนครปฐม ไปจนถึงสถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ และขอความร่วมมือไปยังตำรวจภูธรภาค 7 ในการค้นหาด้วย เบื้องต้นการตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากสถานีรถไฟทุกสถานีจากสถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ ถึงสถานีรถไฟราชบุรี ที่รถขบวนนี้จอด ยังไม่พบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ปรากฎภาพเด็กที่หายไป อีกทั้งนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกค้นหาในพื้นที่ของทุกสถานี และตามรายทาง
ในส่วนของการรถไฟฯ ได้มอบฝ่ายการช่างโยธา ให้นายตรวจทางนำรถตรวจทางออกตรวจพื้นที่ตามเส้นทางรถไฟ ตั้งแต่สถานีรถไฟวังก์พง จนถึงสถานีรถไฟราชบุรี หากเกิดเหตุเด็กพลัดตกรถไฟ ทั้งสองข้างทางรถไฟ คลอง หรือคูน้ำ แต่ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะพบ และยังไม่ได้รับรายงานจากโรงพยาบาลว่ามีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการผลัดตกรถไฟ โดยในวันนี้ (7 ก.ค.) นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท ได้หารือกับมารดาของเด็กหญิงกชกร ที่สถานีตำรวจรถไฟนพวงศ์ ว่า การรถไฟฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังแสดงความบริสุทธิ์ใจในการให้พนักงานบนขบวนรถที่เกิดเหตุ ได้แก่ พนักงานรถนอน พนักงานทำความสะอาด รวมทั้งสิ้น 4 นาย ตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งจะทราบผลพิสูจน์ในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ เบื้องต้นการรถไฟฯ ประกาศให้เงินรางวัล 50,000 บาท กับผู้ที่แจ้งเบาะแสในการหา เด็กหญิงกชกร พิทักษ์จำนงค์ จนพบด้วย |
|
Back to top |
|
 |
|