View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
unique
3rd Class Pass (Air)
Joined: 12/09/2006 Posts: 258
Location: กทม.
|
Posted: 12/07/2014 12:30 pm Post subject: |
|
|
Mongwin wrote: | บอร์ดการรถไฟฯ เตรียมสรรหาผู้ว่าฯ คนใหม่
ThaiPBS Fri, 11/07/2014 - 20:14
ประธานบอร์ดการรถไฟฯ เรียกประชุมสรรหาผู้ว่าการรถไฟฯ คนใหม่ และใช้โอกาสนี้เดินหน้าปฏิรูปการรถไฟ หลังจาก คสช.สั่งปลดนายประภัสร์ จงสงวน
ภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.สั่งปลดนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2557 นายออมสิน ชีวพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการการรถไฟฯ จึงเตรียมประชุมบอร์ดการรถไฟฯ ในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา พร้อมกำหนดคุณสมบัติ และปฏิทินการรับสมัครบุคคลเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟฯ คนใหม่ ซึ่งจะมีวาระการทำงานวาระละ 4 ปี และอยู่ในวาระได้ไม่เกินอายุ 60 ปี พร้อมย้ำว่ากระบวนการพิจารณาผู้สมัครจะเป็นไปเงื่อนไขในกฎหมาย และโปร่งใสแน่นอน
นอกจากนี้ ในการประชุมบอร์ดการรถไฟฯ จะหารือการปฏิรูปการรถไฟฯ ตามนโยบายของซูเปอร์บอร์ด โดยเน้นการยกเครื่ององค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชน รวมทั้งสะสางการจัดซื้อจัดจ้างให้โปร่งใส
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ หรือ คตร.สั่งชะลอโครงการจัดหารถรุ่นใหม่สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ จำนวน 115 คัน และโครงการจัดหารถจักร จำนวน 126 คัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท หลังพบว่าการกำหนดหลักเกณฑ์การประมูล หรือทีโออาร์ไม่เหมาะสม และตั้งราคากลางสูงเกินจริง |
ขอบคุณ คตร มากๆนะครับ ที่เบรค ความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้น ต้องขอบคุณที่โลกนี้มีอินเตอร์ที่ให้เราสามารถ ตรวจสอบและเปรียบเทียบราคาเทียบกับชาวโลกได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ปัญหาการทุจริตในการรถไฟเป็นอภิมหากาพย์มหาภารตะ รามายณะ เพชรพระอุมา ยังต้องชิดซ้าย ล้างซะทีเถอะครับ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 43880
Location: NECTEC
|
Posted: 13/07/2014 11:41 am Post subject: |
|
|
สุจิตต์ วงษ์เทศ : รถไฟไทย
ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20:20 น.
วันก่อนต้านการพัฒนารถไฟ
เพื่อล้มประชาธิปไตยฝ่ายก้าวหน้า
วันนี้โกรธรถไฟไม่พัฒนา
จะล้มประชาธิปไตย แต่ไม่มี
สุจิตต์ วงษ์เทศ
ศุกร์ 11 กรกฎาคม 2557
(ได้ไอเดีย จากสุเจน)
//-------------
โพสต์ทูเดย์ตั้งประเด็นเรื่องการปฏิรูปรถไฟ
"รฟท."องค์กรซ่อนเงื่อน
โพสต์ทูเดย์
13 กรกฎาคม 2557 เวลา 07:01 น. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 43880
Location: NECTEC
|
Posted: 13/07/2014 3:31 pm Post subject: |
|
|
ร.ฟ.ท.สั่งคุมเข้มขบวนรถไฟ เน้นความปลอดภัยประชาชน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กรกฎาคม 2557 16:15 น.
การรถไฟแห่งประเทศไทยประกาศเพิ่มความเข้มงวดในเรื่องความปลอดภัย หลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญพนักงานรถไฟฆ่าข่มขืนน้องแก้ม แล้วโยนร่างลงจากรถไฟ โดยเฉพาะพนักงานห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะปฏิบัติงานโดยเด็ดขาด โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจเช็คตลอด
สำหรับประชาชนนั้น จะประชาสัมพันธ์ให้ระมัดระวังในการเดินทางตอนกลางคืน และจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟคอยดูแลรักษาความปลอดภัยในขบวน
ทั้งนี้ ที่สถานีรถไฟอุดรธานี มีการจัดทำป้ายข้อความติดที่ผนังตรงข้ามกับช่องขายตั๋ว ซึ่งป้ายดังกล่าวมีข้อความว่า ขอแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของ "น้องแก้ม"
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟจะมีการเดินตรวจตรา ป้องกันอาชญากรรมต่างๆ ให้เข้มขึ้น โดยเปิดช่องทางรับแจ้งสายด่วน โทร 1690 ติดไว้ประจำทุกโบกี้ เพื่อประชาชนสามารถโทรศัพท์แจ้งตำรวจรถไฟได้โดยตรง พร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที
//----------------------
จนท.พบเด็กพม่าหลังหายจากรถไฟขบวนกรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก กว่า 2 วัน (ชมคลิป)
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กรกฎาคม 2557 15:08 น.
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ด.ช.เตเว่ลา เด็กชายชาวพม่าวัย 11 ปี หายจากขบวนรถไฟกรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก ด้านพ่อเข้าร้องเรียนเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟหาดใหญ่เพื่อขอความช่วยเหลือ เคราะห์ดีเจ้าหน้าที่ใช้เวลา 2 วันติดตามจนพบตัว เผยสาเหตุมาจากลงผิดสถานี
วันนี้ (12 ก.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. พ.ต.ต.สิทธิศักดิ์ จันทร์สว่าง สารวัตรสถานีตำรวจรถไฟหาดใหญ่ กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจรถไฟ พร้อมกำลังตำรวจรถไฟ และนาย Aung win Ho ชาวพม่า ได้เดินทางไปรับตัว ด.ช.เตเว่ลา อายุ 11 ปี ชาวพม่าซึ่งเป็นลูกชายของ นายAung win Ho เดินทางจาก จ.พัทลุง มาลงที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ด้วยความปลอดภัย หลังจากที่หายตัวไปจากขบวนรถไฟ 171 ชั้น 3 ตู้ 3 เส้นทางกรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะเดินทางตามลำพังไปหาครอบครัวที่ อ.หาดใหญ่ โดยขึ้นรถไฟที่สถานีราชบุรี มาลงที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ แต่เมื่อพ่อมารอรับตามเวลาของขบวนรถกลับไม่พบตัว
ท่ามกลางความเป็นห่วงของครอบครัว ซึ่งได้เข้าขอความช่วยเหลือจากตำรวจรถไฟหาดใหญ่ เจ้าหน้าที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ และประสานไปยังมูลนิธิกระจกเงา ช่วยกันตามหาตัวจนกระทั่งในวันนี้ ก็พบตัว ด.ช.เตเว่ลา ซึ่งได้รับการช่วยเหลือ และถูกส่งตัวไปดูแลที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.พัทลุง โดยพลเมืองดีพบตัวในขณะเดินวนเวียนอยู่ที่สถานีรถไฟพัทลุง เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม แต่ไม่สามารถติดต่อหาญาติได้เนื่องจากพูดภาษาไทยไม่ได้
จากการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทราบว่า การหายตัวไปของ ด.ช.เตเว่ลา นั้นไม่ใช่เป็นการถูกล่อลวง แต่มาจากการลงผิดสถานีโดยไปลงที่สถานีรถไฟพัทลุง จากปลายทางที่ต้องมาลงที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ และไม่สามารถติดต่อกับครอบครัวได้ โดยหลังจากได้รับการช่วยเหลือ ด.ช.เตเว่ลา อยู่ในภาวะปกติ และเดินทางกลับไปอยู่กับครอบครัวตามปกติแล้ว |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 43880
Location: NECTEC
|
Posted: 13/07/2014 3:51 pm Post subject: |
|
|
ตร.รถไฟมอบเงิน 2 แสนคืนให้นักท่องเที่ยวชาวจีน
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 12 กรกฎาคม 2557 17:36 น.
ตำรวจรถไฟมอบเงิน 2 แสน และทรัพย์สินคืนให้นักท่องเที่ยวชาวจีน หลังลืมสัมภาระไว้บนรถโดยสาร ภายในสถานีรถไฟเชียงใหม่
วันนี้ (12 ก.ค.) พ.ต.ท.ปิยรัช สุภารัตน์ สว.ส.รฟ.ศิลาอาสน์ กก.2 บก.รฟ. พร้อมด้วย น.ส.ดู เฉ่า อายุ 19 ปี นักท่องเที่ยวสัญชาติจีน เดินทางมาที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ เพื่อรับมอบเงิน 200,000 บาท และทรัพย์สินอีกหลายรายการ จากนายบุญทวี สมเดช อายุ 54 ปี อาชีพขับรถรับจ้างในสถานีรถไฟเชียงใหม่ ภายหลัง น.ส.ดู เฉ่า ได้ทำทรัพย์สินดังกล่าวหล่นหายบนรถโดยสารภายในสถานีรถไฟเชียงใหม่ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา
พ.ต.ท.ปิยรัช เปิดเผยว่า การมอบเงินครั้งนี้สืบเนื่องจาก น.ส.ดู เฉ่า เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย แล้วได้โดยสารรถไฟจากสถานีหัวลำโพง มายังสถานีเชียงใหม่ จากนั้นได้นำสัมภาระขึ้นรถโดยสารรับจ้างที่อยู่ภายในสถานี เพื่อเดินทางไปที่พัก ทว่าผู้เสียหายได้ลืมกระเป๋าเงินไว้ ทำให้ไม่มีเงินใช้จ่าย จึงเดินทางไปแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟ กระทั่งในวันเดียวกันนี้ ตำรวจรถไฟได้รับแจ้งจากนายบุญทวี ว่า เก็บทรัพย์สินจำนวนดังกล่าวได้ และประสงค์จะขอมอบคืนแก่เจ้าของ จึงมีการนัดหมายกับ น.ส.ดู เฉ่า เพื่อรับมอบในครั้งนี้
ภายหลังส่งมอบทรัพย์สินแล้ว ผู้เสียหายได้กล่าวขอบคุณพลเมืองดี เพราะหากไม่พบทรัพย์สินเหล่านี้ อาจทำให้ไม่สามารถกลับประเทศได้ อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารทุกท่านตรวจสอบข้าวของสัมภาระให้รอบคอบ ก่อนลงจากรถโดยสาร หากมีเหตุด่วนเหตุร้ายก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันที |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 43880
Location: NECTEC
|
Posted: 14/07/2014 10:23 am Post subject: |
|
|
ถึงเวลาผ่าตัดใหญ่รถไฟไทย ขจัดสารพัดปัญหาซุกใต้พรม
ข่าวเศรษฐกิจ
เดลินิวส์
วันจันทร์ 14 กรกฎาคม 2557 เวลา 00:00 น.
กลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สร้างความเศร้าสลดเสียใจแก่คนไทยทั้งประเทศ กับเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญข่มขืนเด็กหญิงบนขบวนรถไฟ แม้ต้นเหตุเรื่องนี้เกิดจากความโหดร้ายของตัวบุคคล
กลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สร้างความเศร้าสลดเสียใจแก่คนไทยทั้งประเทศ กับเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญข่มขืนเด็กหญิงบนขบวนรถไฟ แม้ต้นเหตุเรื่องนี้เกิดจากความโหดร้ายของตัวบุคคล แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเป็นการสะท้อนถึงความล้มเหลว และปัญหาของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่หมักหมมมานานหลายปี
ขาดแคลนบุคลากรทั้งปริมาณ-คุณภาพ
หากไล่เรียงย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่าการรถไฟไทยมีความบกพร่องหลายด้านจนนำมาสู่การเกิดเหตุเศร้าสลด เริ่มจากปัญหาบุคลากรที่เป็นเรื่องใหญ่สุดของ รฟท. ต้องยอมรับว่า องค์กรม้าเหล็กไทย กำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนบุคลากรทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณอย่างหนัก โดยในปัจจุบัน รฟท. มีการขาดแคลนพนักงานมากกว่า 8,000 ตำแหน่ง โดยปัจจุบันเหลือเพียง 11,000 คน
หลังจากรัฐบาลในอดีตมีนโยบายจำกัดกำลังคนและกำหนดให้การรถไฟฯ รับพนักงานใหม่ได้เพียง 5% ของพนักงานที่ออกหรือเกษียณไปเท่านั้น ส่งผลให้จำนวนพนักงาน รฟท.ร่อยหรอลงเรื่อย ๆ ดังนั้น รฟท.จึงแก้ปัญหาด้วยการจ้างลูกจ้างเฉพาะงานมาทำแทนในหลายหน้าที่ ทั้งพนักงานคุมประแจ เสมียนสถานี หรือแม้กระทั่งพนักงานปูเตียง
การว่าจ้างลูกจ้างเข้ามาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะงานรถไฟเป็นงานหนัก มีสวัสดิการและฐานเงินเดือนต่ำ บางตำแหน่งเริ่มต้นเพียงเดือนละ 6,750 บาท หรือค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันเท่านั้น อีกทั้งชีวิตต้องอยู่บนรถไฟยาวนาน ห่างไกลจากแสงสี ทำให้คนทั่วไปไม่ค่อยสนใจขณะที่พนักงานเดิมที่เป็นคนของการรถไฟฯ จริง ๆ ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นเก่าอายุไม่ต่ำกว่า 40-50 ปี ส่งผลให้ รฟท.ขาดคนทำงานวัยหนุ่มสาวเข้ามาผลักดันองค์กร
นอกจากนี้พนักงานส่วนใหญ่มีวุฒิการศึกษาน้อยกว่าหน่วยราชการอื่น หรือเฉลี่ยเพียงแค่ ปวช., ปวส. อย่างไรก็ตามแม้ระดับการศึกษาจะไม่ใช่ตัวชี้วัดผลการทำงานว่าใครดีหรือไม่ดี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทำให้การรถไฟฯ เสียโอกาสคัดสรรพนักงานที่ดีมีความรู้ความสามารถไป
ระบบอุปถัมภ์ฝังรากลึก
ปัญหาการรับสมัครพนักงานรถไฟ ยังมีวิธีทำกันแบบไทย ๆ หรือใช้ระบบอุปถัมภ์ อีกทั้งการคัดเลือกพนักงานรถไฟ ยังให้สิทธิระดับฝ่ายหรือสำนักงานสามารถรับสมัคร และคัดเลือกพนักงานเข้ามาได้เองโดยไม่ต้องผ่านคัดเลือกจากส่วนกลางอีก ทำให้ที่ผ่านมาการคัดเลือกจึงมีการเล่นพวกพ้อง หรือมีการอะลุ้มอล่วยช่วยเหลือกันแบบครอบครัว
ที่ร้ายกว่านั้นยังมีช่องโหว่ในการคัดกรองคุณสมบัติและประวัติ อย่างกรณีจำเลยคดีโหด นายวันชัย แสงขาว ที่เคยมีประวัติอาชญากรรม ทั้งการเสพยาและค้ายามาก่อน แต่ยังเล็ดลอดการตรวจสอบเข้ามาเป็นพนักงานรถไฟ และทำงานมาได้หลายปี ทั้งที่ยังไม่ได้รับรองประวัติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงน่าสงสัยว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรและน่าเป็นห่วงว่าจะมีพนักงานรถไฟคนอื่น นอกเหนือนายวันชัยที่เล็ดลอดจากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมแบบนี้อีกหรือไม่
ประเด็นเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในเรื่องของบุคลากรของรถไฟอย่างชัดเจน
เครื่องไม้เครื่องมือล้าสมัย
อีกประเด็นที่เพิกเฉยไม่ได้กับเหตุคดีนี้ คือปัญหาความทรุดโทรมของอุปกรณ์ หัวรถจักร และตู้โดยสาร เพราะอย่างที่ทราบกันอยู่ว่า รฟท.เป็นองค์กรที่ล้าหลัง ขาดการลงทุนพัฒนาครั้งใหญ่มานาน ทำให้ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย หัวรถจักรบางหัวใช้มานานกว่า 30-50 ปี หรือเกินกว่ามาตรฐานที่ตั้งไว้ จนทำให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความปลอดภัย
อย่างเช่นคดีฆ่าข่มขืนครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาขบวนรถที่เป็นรุ่นเก่า ไม่มีระบบไฟ ต้องอาศัยต่อพ่วงจากขบวนอื่น จึงทำให้คนร้ายสับคัตเอาต์เพื่อดับไฟได้ ประกอบกับเป็นตู้นอนแบบพัดลม ต้องเปิดหน้าต่างนอน จึงมีเสียงดังจากข้างนอก ทั้งเสียงเครื่องยนต์ เสียงล้อ และเสียงลมรบกวน
ดังนั้นจึงไม่มีใครได้ยินเสียงผิดปกติ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าคิดว่า หากรถไฟมีการพัฒนาตัวรถให้ทันสมัย มีระบบรักษาความปลอดภัย ระบบไฟฟ้าภายในตู้รถ เป็นรถปรับอากาศ หรือกล้องวงจรปิด คอยระแวดระวังแล้วจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา ทำให้คนร้ายเกรงกลัวไม่กล้ากระทำผิดหรือไม่
สารพัดปัญหารอเวลาสะสาง
จากเหตุการณ์เหล่านี้ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องมาร่วมกันเปลี่ยนแปลงการรถไฟฯ อย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประชาชนต้องกลายเป็นเหยื่อเคราะห์ร้ายของรถไฟ และที่ผ่านมาเคยเกิดขึ้นแล้วหลายหน ไม่ว่าเป็นเหตุข่มขืนนักศึกษาสาวปริญญาโทบนตู้รถนอนเมื่อปี 2544 หรือหญิงสาวพัทลุงที่ถูกเตียงเหล็กหล่นทับบาดเจ็บเมื่อปี 2555
แม้ล่าสุด คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีคำสั่งปลด นายประภัสร์ จงสงวน พ้นผู้ว่าการ รฟท. ไปแล้ว แต่ก็เป็นแค่การลดแรงกดดันจากสังคมชั่วคราวเท่านั้น แต่ปัญหาที่แท้จริงของการรถไฟฯ ยังซุกใต้พรมรอให้ คสช. และรัฐบาลใหม่แก้อยู่อีกมาก เพราะต้องไม่ลืมว่าปัญหาของการรถไฟฯ ไม่ได้มีแค่ปัญหาด้านความปลอดภัยจากเหตุข่มขืนเท่านั้น ยังมีปัญหาอื่น ๆ ซ่อนรออยู่อีก
ไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดในการเปิดรับสมัครพนักงานใหม่ การใช้ประโยชน์จากที่ดินของการรถไฟฯที่ขาดประสิทธิภาพ การไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ แต่ให้ รฟท.ไปกู้แทน จนต้องมีหนี้สะสมกว่า 140,000 ล้านบาท ส่งผลปัญหาลูกโซ่อื่น ๆ ตามมาใน
ระยะยาว
นอกจากนี้ยังมีปัญหาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ที่ยังล่าช้าไม่มีหัวรถจักร ขบวนรถ เครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยเพียงพอ จนเกิดเรื่องร้องเรียนจากผู้ใช้บริการมากมาย ทั้งเรื่องความสะอาด ความล่าช้า ไม่ตรงต่อเวลา ความปลอดภัย หรืออุบัติเหตุจากการตกราง ตลอดจนการแก้ปัญหาเส้นสายระบบอุปถัมภ์ ปัญหาเชิงโครงสร้างบริหารภายใน ที่มีการกระจายอำนาจจนขาดเอกภาพในองค์กร รวมถึงการปรับทัศนคติพนักงานให้ลุกขึ้นมามีส่วนร่วมในการนำรถไฟไทยก้าวไปสู่ยุคใหม่ และล้างวัฒนธรรมเดิม ๆ ให้หมดไป
ถึงเวลายกเครื่องใหญ่ รฟท.
ดังนั้นท่ามกลางวิกฤติและหยดน้ำตาที่เกิดขึ้นในตอนนี้ น่าจะเป็นโอกาสให้ทุกฝ่ายเข้ามาจับเข่าคุยช่วยกันปฏิรูป รฟท. อย่างจริงจัง เพราะลำพังการออกกฎสั่งห้ามดื่ม ห้ามขายแอลกอฮอล์ในขบวนรถ การทำตู้นอนพิเศษสำหรับเด็กและสตรี หรือการเข้มงวดกวดขันสารเสพติด ประวัติอาชญากรรมคงไม่เพียงพอ เพราะต่อไปหากเรื่องเงียบ ก็เหมือนไฟไหม้ฟาง ปัญหาก็อาจวนกลับมาเกิดใหม่ได้อีก
การปฏิรูปการรถไฟควรเป็นวาระแห่งชาติ เพราะไม่ใช่แค่ผลดีตกอยู่กับองค์กร รฟท. อย่างเดียว ยังส่งผลดีด้านอื่น ๆ ตามมา ทำให้คนไทยมีทางเลือกในการเดินทางที่สะดวก มีความปลอดภัยมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาจราจร ประหยัดน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศในระยะยาว.
ทีมเศรษฐกิจ
เร่งยกเครื่อง เรียกคืนศักดิ์ศรี รฟท.นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า หลังจากนี้จะต้องดึงการมีส่วนร่วมจากทุก ๆ ภาคส่วน เข้ามาเปลี่ยนแปลงแก้ปัญหาการรถไฟฯ ในทุกด้าน โดยจะมีการหารือกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) นำผลศึกษาการปฏิรูปการรถไฟที่มีอยู่แล้ว มาพิจารณาใหม่ว่าสามารถปรับปรุงใช้ในตอนนี้ได้อย่างไร รวมถึงจะมีการเปิดเวทีสัมมนาให้พนักงานของรถไฟเข้ามาช่วยระดมความคิด เพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงองค์กร เพื่อนำข้อสรุปไปเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รับทราบด้วย
เพราะเห็นว่าตอนนี้เราควรจะใช้วิกฤติที่เกิดขึ้นเปลี่ยนให้เป็นโอกาส ซึ่งคนรถไฟควรจะใช้จังหวะนี้รวมพลัง ปลุกเร้า เรียกคืนศักดิ์ศรีของคนรถไฟกลับคืนมา โดยเชื่อว่าคนรถไฟแต่ละคนก็รักและอยากเห็นองค์กรไปในทางที่ดี หากนำความตั้งใจมาหล่อหลอมรวมกัน เพื่อเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง มั่นใจว่า รฟท. มีโอกาสจะกลับเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพได้อีกครั้ง
สำหรับปัญหาของรถไฟในตอนนี้ ยอมรับว่ามีความซับซ้อนแต่ก็ยังมีโอกาสแก้ไขได้ อย่างปัญหาขาดทุนสะสมแม้มีสูงถึง 1.4 แสนล้านบาท แต่การรถไฟฯ ก็มีทรัพย์สินที่ดินถึง 200,000-300,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าหนี้จึงถือว่าเป็นองค์กรที่มีศักยภาพอยู่ โดยเฉพาะที่ดินที่ยังทำรายได้น้อยเกินไป หากบริหารให้ดีจะเพิ่มรายได้ขึ้นอีก แต่ก็น่าเห็นใจ รฟท. เช่นกันเพราะเรื่องนี้ เป็นข้อจำกัดจากระเบียบกระทรวงการคลัง ที่กำหนดให้ รฟท. ต้องกู้เงินมาใช้หมุนเวียนจนกลายเป็นหนี้สะสม ซึ่งต่างจากหน่วยงานอื่น เช่น การปรับปรุงถนนที่รัฐมีงบประมาณรายปีให้เปล่าไปใช้ได้เลยไม่ต้องกู้ นอกจากนี้การรถไฟฯ ก็ยังไม่ได้ขึ้นค่าโดยสารมานานแล้วถึง 28 ปีด้วย
ส่วนปัญหาเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย การไม่ตรงต่อเวลา ตอนนี้ก็มีการทยอยปรับปรุงรางไปทั่วประเทศแล้ว ดังนั้นจึงเหลือเพียงแค่จัดซื้อหัวรถจักร ตู้โดยสารไปแทนที่ของเก่าที่ใช้มานาน 30-50 ปี ซึ่งตอนนี้กำลังพิจารณาให้เกิดความรอบคอบอยู่ รวมถึงปัญหาด้านอื่นจะต้องเข้าไปดูทั้งหมด และกำหนดตัวชี้วัด เจ้าภาพสำหรับแก้ปัญหาอย่างชัดเจน ให้เกิดความโปร่งใส และต้องขจัดระบบอุปถัมภ์เล่นพรรคเล่นพวกให้หมดไป.
แนะตั้งเรคกูเลเตอร์ระบบราง แก้ปัญหาระยะยาว
นายรัฐภูมิ ปริชาตปรีชา ผู้อำนวยการสถาบันแห่งความเป็นเลิศ ด้านนวัตกรรมถนน และระบบราง คณะวิศวกรรม ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า การพัฒนาการขนส่งระบบรางที่ผ่านมา ไม่ใช่ล้มเหลวแค่ในส่วนของการรถไฟฯ แต่ยังรวมถึงการพัฒนาระบบรางของทั้งประเทศด้วย เห็นได้จากสถิติการใช้การขนส่งทางรางลดน้อยลงเรื่อย ๆ รวมถึงยังเกิดปัญหาเรื่องความปลอดภัย อุบัติเหตุตามมาอีกบ่อยครั้ง ดังนั้นแนวทางแก้ปัญหา ควรให้รัฐบาลจัดตั้งหน่วยงานกลางขึ้นมา เป็นเรคกูเลเตอร์ ทำหน้าที่กำกับดูแลระบบการขนส่งทางรางทั้งหมด ทั้งความปลอดภัย ความรวดเร็ว มาตรฐานพนักงาน ตัวรถ คนขับให้เป็นที่ยอมรับ
เพราะอย่างตอนนี้ รฟท. ซึ่งเป็นผู้เดินรถก็มีตั้งมาตรฐาน ตรวจสอบกันเอง ทำให้เวลาตรวจสอบยังไม่ค่อยเข้มข้นเหมือนกับที่มีหน่วยงานกลางจากรัฐเข้ามา ดังนั้นภาครัฐควรแยกให้การรถไฟฯ ทำหน้าที่เฉพาะเดินรถ ขณะที่เรคกูเลเตอร์ก็ทำหน้าที่ตรวจสอบ หากพบสิ่งไหนของ รฟท. มีปัญหาเรื่องราง หัวรถจักร หรือพนักงานก็สั่งให้แก้ไข ถ้าแก้ไม่ได้ก็ต้องหยุดให้บริการ จะมาอ้างว่าคนน้อยและหย่อนยานมาตรฐานบริการไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องความปลอดภัยของประชาชน
หน่วยงานใหม่จะเป็นเรคกูเลเตอร์ของระบบรางทั้งหมดทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า รวมถึงรถไฟความเร็วสูง หน้าที่คล้ายกับกรมทางหลวง กรมการขนส่งทางบก ที่คอยกำกับดูแลการขนส่งทางถนน เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานนี้ ขณะที่ประเทศอื่นมีกันหมดแล้ว และอนาคตเมื่อประเทศไทยต้องลงทุนเป็นแสนล้านบาท เพื่อก่อสร้างรถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า ก็ยิ่งจำเป็นต้องมีฝ่ายกำกับดูแลด้วย
ส่วนการแก้ปัญหา รฟท. นั้นอยากให้ทุกฝ่ายเข้ามาหารือช่วยกันอย่างจริงจัง เพราะด้วยศักยภาพของการรถไฟฯในปัจจุบันที่มีปัญหาหนี้สินเป็นแสนล้านบาท แถมยังขาดแคลนบุคลากร คงไม่สามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้ จึงอยากเห็นการแก้ปัญหาการรถไฟฯ และปฏิรูประบบรางเป็นวาระแห่งชาติไปเลย จะปล่อยให้เป็นแดนสนธยาต่อไปอีกไม่ได้. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 43880
Location: NECTEC
|
Posted: 14/07/2014 11:45 am Post subject: |
|
|
เร่งปฏิรูปรถไฟ
การเมือง : บทบรรณาธิการคมชัดลึก
วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม 2557
ทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ถือเป็นทางรถไฟสายแรก ที่สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2433 ถ้านับจากปีนั้นเป็นจุดกำเนิดของการรถไฟไทยแล้ว ถึงวันนี้กิจการขนส่งสาธารณะด้วยระบบรางที่ว่าก็มีอายุยืนยาวมาถึง 114 ปีแล้ว หากแต่ห้วงเวลากว่าศตวรรษที่ผ่านมานี้เอง สถานะของกิจการรถไฟไทยที่ต้องให้บริการประชาชนรุ่นแล้วรุ่นเล่านับกันเป็นชั่วอายุคน กลับไม่ได้รับการฟื้นฟู หรือปฏิรูปกันอย่างจริงจังเพื่อให้เป็นการเดินรถที่ทันสมัย ตอบโจทย์ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และการบริการสาธารณะไปในคราวเดียวกัน ในทางตรงกันข้ามกิจการรถไฟไทยกลับตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ การบริหารภายในองค์กรเป็นเหมือนดั่งแดนสนธยา มีปัญหาสั่งสมมากมาย สุดท้ายการประกอบการขาดทุนหลายแสนล้านบาท จนยากยิ่งแก่การเยียวยา
การที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ให้นายประภัสร์ จงสงวน พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ด้วยเหตุผลทางด้านการบริหารงานนั้น แม้เป็นที่ทราบกันดีว่า คำสั่งของ คสช.สอดรับตามกระแสเรียกร้องของสังคมที่ต้องการให้ดำเนินมาตรการกับนายประภัสร์ จากกรณีฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย 13 ปี บนขบวนรถไฟนครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ โดยที่นายประภัสร์ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบ "ขั้นสูงสุด" มากไปกว่าการออกมายืนยันถึงการทำหน้าที่ที่ดีที่สุดของตน แต่อย่างไรเสีย สภาพปัญหาภายใน ร.ฟ.ท.ก็เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แม้แต่นายประภัสร์เองที่ได้เข้าไปสัมผัสนับตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่ง อุบัติเหตุรถไฟตกรางหลายครั้งจนต้องออกมาใช้เก้าอี้รับประกันต่อสังคม ก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น เพราะเนื้อในที่เป็นปัญหานั้นไม่อาจแก้ไขได้ด้วยวาทกรรม
โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นบนขบวนรถไฟสายที่คนไทยไม่มีวันลืมนั้น เหมือนกับเป็นการกระชากฉากกั้นอันเคยปกปิดความเหลวแหลกภายใน ร.ฟ.ท.ออกมาให้สังคมได้แลเห็น อันเป็นห้วงเวลาคาบเกี่ยวกับที่สังคมไทยกำลังให้ความสนใจโครงการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบขนส่งและคมนาคม นับตั้งแต่การสร้างรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าชานเมือง ไปจนถึงรถไฟความเร็วสูงของ ร.ฟ.ท. เพราะจะว่าไปแล้ว ระยะเวลากว่าศตวรรษที่ผ่านมานี้ ระบบขนส่งของประเทศไทยถูกวางน้ำหนักไปที่ถนนรถยนต์มากกว่าระบบราง ที่ประหยัด และสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ จนทำให้กิจการรถไฟกลายเป็นเรื่อง "ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง" อย่างปกติธรรมดา แม้แต่พนักงานเองก็ยังโอดครวญถึงปัญหาภายในอันสะท้อนถึงสวัสดิการของพวกเขา มาจนถึงมาตรการ "จำกัดขนาด" ของร.ฟ.ท. ด้วยการห้ามรับพนักงานใหม่เกินร้อยละ 5 เมื่อหลายปีก่อน ฯลฯ
ถ้าหาก คสช.จะนับเอากรณีสั่งปลดนายประภัสร์ออกจากตำแหน่งเป็นหมุดหมายเริ่มต้นของการปฏิรูปกิจการรถไฟของไทย หรือการขนส่งมวลชนระบบราง การปัดฝุ่นโครงการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบขนส่งก็ถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนยิ่ง ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างการบริหารภายใน เพื่อให้สภาพความเป็นอาณาจักรในดินแดนสนธยาหมดไป เพื่อที่คนไทยจะได้รับการบริการที่ปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว และในขณะเดียวกันก็เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมด้วย |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 43880
Location: NECTEC
|
Posted: 14/07/2014 11:46 am Post subject: |
|
|
ขยายปมร้อน : ปลดประภัสร์-ปลดล็อกปัญหารถไฟไทย? :
โดย...ขนิษฐา เทพจร
การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม 2557
คำสั่ง คสช.ที่ 89/2557 สั่ง ประภัสร์ จงสงวน ให้พ้นจากผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความไม่พอใจของคนหมู่ส่วนใหญ่ในสังคม ที่ต้องการให้ ประภัสร์ แสดงสปิริต ลาออก เพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์อันโศกสลด ที่เกิดขึ้นกับเด็กสาววัย 13 ปี บนรถไฟ ขบวนที่ 174 สุราษฎร์ธานี-กรุงเทพฯ ด้วยน้ำมือของพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)
แม้คำสั่งปลดสามารถลดกระแสยี้ผู้บริหารองค์กรที่ไร้ธรรมาภิบาล และสร้างคะแนนนิยมให้ คสช. ที่ใช้อำนาจเด็ดขาดกับผู้บริหารที่ดื้อด้านได้ แต่สังคมอีกด้านยังสงสัย คือ จะเป็นวิธีแก้ปัญหาได้เบ็ดเสร็จหรือไม่?
หากตั้งต้นพิจารณาถึงแก่นปัญหา จากเหตุสะเทือนขวัญบนรถไฟ ขบวนที่ 174 จะพบว่าอยู่ที่ตัวบุคลากรที่บกพร่อง-ไม่รับผิดชอบ คือ ไม่ห้ามพนักงาน ร.ฟ.ท. ซึ่งมีหน้าที่อำนวยความสะดวก ดื่มของมึนเมาระหว่างปฏิบัติงาน ละเลยการดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสาร และพบการใช้เส้นสายของพนักงานระดับสูงเอื้อให้คนใกล้ชิดที่ไม่ผ่านการตรวจร่างกาย-สุขภาพจิตให้เข้าทำงาน แม้จะมีระเบียบ ร.ฟ.ท.ว่าด้วยการตรวจร่างกายผู้สมัครงานและผู้ปฏิบัติงานใน ร.ฟ.ท.ก็ตาม
แม้ล่าสุด ทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ" ผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถ ร.ฟ.ท. จะออกมาให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการความปลอดภัย อาทิ จัดพนักงานตรวจบนขบวนรถไฟยามวิกาลหลังเวลา 22.00 น., ตั้งคณะทำงานตรวจแอลกอฮอล์และสารเสพติดพนักงานขบวนรถ ก่อนขึ้นปฏิบัติหน้าที่ ณ สถานีหัวลำโพง, ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งในสถานีและบนขบวนรถไฟ รวมถึงห้ามผู้โดยสารดื่มสุราบนขบวนรถไฟ และเตรียมกำหนดมาตรการป้องกันเหตุแบบระยะยาว เช่น จัดขบวนรถนอนชั้น 2 เฉพาะสตรีและเด็ก
แต่ปัญหาสะสมใน ร.ฟ.ท.ยังมีมากกว่านั้น และทุกส่วนล้วนเกี่ยวโยงกันเป็นปมก้อนใหญ่ โดยในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 128 ตอนพิเศษ 43 เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2554 ได้ลงการตอบกระทู้ถามที่ 463 ร. เรื่อง ปัญหาการขาดทุนของ ร.ฟ.ท. ของนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ตั้งคำถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยสมัยนั้น นายโสภณ ซารัมย์" นั่งปฏิบัติหน้าที่ สาระสำคัญได้ระบุถึงปัญหาใน ร.ฟ.ท.ไว้ว่า
1.การขาดทุนสะสมต่อเนื่อง และขาดความสามารถในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากมีภาระด้านการลงทุนและบำรุงโครงสร้างพื้นฐาน ระบบอาณัติสัญญาณ สถานีและการจัดการเดินรถสูง
2.ขาดระบบฐานข้อมูลและการประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ
3.ขาดความพร้อมด้านอุปกรณ์ปฏิบัติงาน เช่น รถจักร, อาณัติสัญญาณ ที่มีสภาพการใช้งานมานาน, เส้นทางรถไฟที่มีทางตัดเสมอทางระดับทำให้มีความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุและส่งผลต่อการเสียเวลาของการเดินรถ, ปัญหาการให้บริการเชิงสังคมที่มีอัตราค่าโดยสารต่ำกว่าต้นทุน
ดังนั้นผู้บริหารองค์กรหลายๆ ชุดได้เน้นการแก้ปมขาดทุนเป็นหลัก อย่างในแผนปฏิบัติการประจำปี 2556 ของร.ฟ.ท.ที่จะระบุถึงวิสัยทัศน์ที่เน้นการบริการที่สะดวก ตรงเวลา และปลอดภัย และรายละเอียดตามยุทธศาสตร์กับการขยายความปลอดภัยนั้น คือ เน้นสร้างรายได้จากการเดินรถเพิ่ม มุ่งสร้างคุณภาพการให้บริการ โดยวัดจากความพอใจของผู้ใช้บริการในเรื่องความตรงต่อเวลาและด้านอุบัติเหตุ และเพิ่มการตรวจสอบและเดินรถอย่างปลอดภัยและตรงเวลา พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการซ่อมบำรุง หาใช่เป็นข้อกำหนดเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสาร เหมือนต่างประเทศที่ยกมาตรการความปลอดภัยของประชาชนที่โดยสารรถไฟสำคัญกว่าการมุ่งเน้นผลกำไร
ประเทศไทยยกการเดินทางโดยรถไฟเป็นบริการภาคขนส่งที่ปลอดภัยอันดับ 1 แต่นั่นเป็นตัววัดสถิติอุบัติเหตุต่อปีเท่านั้น ยังไม่นับอัตราการก่ออาชญากรรม ดังนั้นถึงเวลาที่ ร.ฟ.ท.ควรจัดลำดับความสำคัญในแง่การให้บริการเสียที อย่าปล่อยให้มีคนตายซ้ำอีก แล้วค่อยมาล้อมคอก |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 47080
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 14/07/2014 6:49 pm Post subject: |
|
|
ผวาสถานีรถไฟผีสิง-หวั่นซ้ำรอยคดีน้องแก้ม
เดลินิวส์ วันจันทร์ 14 กรกฎาคม 2557 เวลา 16:12 น.
ชาวบ้านขวัญผวา สถานีรถไฟย่อยบ้านพระพุทธ นครราชสีมา สภาพทรุดโทรมรกร้่างสุดอันตราย ไร้ไฟส่องสว่าง แม้มีผู้ใช้บริการเยอะ หวั่นอาจเจอ สัตว์เลื้อยคลาน-ผี-โจร ทำขวัญหาย วอนการรถไฟฯ แก้ไข ก่อนเกิดเรื่องรุนแรงเช่นคดีน้องแก้ม
เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านจำนวนมากว่า ที่สถานีรถไฟย่อยบ้านพระพุทธ ต.พระพุทธ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา มีสภาพเหมือนสถานีผีสิง เนื่องจากมีความทรุดโทรม ไร้ไฟฟ้า แถมยังมีหญ้ารกร้างปกคลุมอีก ส่งผลทำให้ผู้ที่มารอใช้บริการขึ้นรถไฟหวั่นเหตุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ จึงรุดไปตรวจสอบ พบจุดที่ร้องเรียนมีสภาพเป็นไปตามที่ชาวบ้านเปิดเผยทุกประการ ถือว่าเสี่ยงต่อการถูกก่อเหตุอาชญากรรมได้
โดย นายสันต์ทศน์พิพิธภัณฑ์ อายุ 25 ปี ชาวบ้านที่ใช้บริการเป็นประจำ เผยว่าจุดหยุดรถไฟแห่งนี้มีสภาพเหมือนสถานีกลางป่า มันน่ากลัวมาก โดยเฉพาะเวลาหรือกลางคืนจะไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง ได้ยินเสียงอะไรแว่วเข้ามาก็ได้แต่ขวัญผวาทุกที กลัวทั้งผีเกรงทั้งคนจะประชิดเข้ามาหา ต้องการให้การรถไฟปห่งประเทศเข้ามาแก้ไข ก่อนจะเกิดเรื่องรุนแรงแล้วค่อยมาล้อมคอกภายหลัง
ด้าน ด.ต.เสริมศักดิ์ จันทร์ลิ้มนายก อบต.พระพุทธ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า สถานีแห่งนี้เป็นสถานีย่อยที่เป็นจุดหยุดรถไฟอายุกว่า 30 ปี เพื่อรับ-ส่งผู้โดยสารในละแวกใกล้เคียง ตามปกติจะมีรถไฟดีเซลรางจอดที่สถานีนี้วันละ 7 เที่ยว และมีผู้โดยสารใช้บริการตลอดเวลา ปัจจุบันกลับมีสภาพรกร้าง ป่าหญ้าขึ้นรกทึบ ศาลาที่พักเก่าทรุดโทรมและสกปรกอีกต่างหาก คนที่มาใช้บริการกลัวจะโดนสัตว์มีพิษ งู ตะขาบกัดได้ ที่สำคัญยังเสี่ยงของการก่ออาชญากรรมด้วยโดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก จนบางรายถึงกับแซวว่าเป็นสถานีผีสิง อยากให้การรถไฟแห่งประเทศไทยปรับปรุงซ่อมแซมก่อนจะคดีฆาตกรรมเหมือนเฉกเช่นคดีน้องแก้ม. |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 47080
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 15/07/2014 3:47 pm Post subject: |
|
|
'บอร์ด รฟท.' นัดถกสรรหา 'ผู้ว่าการฯ' คนใหม่
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 15 ก.ค. 2557 11:59
"บอร์ดการรถไฟฯ" นัดถกสรรหาผู้ว่าการฯ คนใหม่ หลัง คสช. สั่งปลด "ประภัสร์ จงสงวน" พ้นตำแหน่ง จับตา "กมล ตั้งกิจเจริญชัย"-"ประเสริฐ อัตตะนันท์" ตัวเต็งชิงเก้าอี้...
เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) คนใหม่ ได้นัดประชุมนัดแรก เพื่อพิจารณาบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย คนใหม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ คสช. ได้มีคำสั่งปลด นายประภัสร์ จงสงวน พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการ รฟท. ซึ่งจะเปิดรับสมัครผู้สนใจสมัครเป็นผู้ว่าการ รฟท. โดยเบื้องต้นนายออมสินต้องการผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มากอบกู้ภาพลักษณ์ และปรับการทำงานของการรถไฟฯ อย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าการการรถไฟ ที่น่าจะได้รับการพิจารณาตามลำดับอาวุโสในขณะนี้ มีอยู่ด้วยกัน 2 คน คือ นายกมล ตั้งกิจเจริญชัย รองผู้ว่าการกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมีความใกล้ชิดกับนายทหารใหญ่หลายคน รวมทั้งยังมีความใกล้ชิดกับ นายจิตต์สันติ ธนโสภณ อดีตผู้ว่าการ รฟท. และผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย และคนที่ 2 คือ นายประเสริฐ อัตตะนันท์ รองผู้ว่าการด้านบริหารทรัพย์สิน ที่มีอดีตนายทหารใหญ่สนับสนุนเช่นกัน ซึ่งทั้ง 2 คนนี้ มีภาพลักษณ์ที่ดีและเป็นที่ยอมรับของคนในองค์กร. |
|
Back to top |
|
|
Nakhonlampang
1st Class Pass (Air)
Joined: 29/03/2006 Posts: 3293
Location: เสนานิคม1-คลองหลวง
|
Posted: 15/07/2014 10:09 pm Post subject: |
|
|
กรณีข่าว ที่หยุดรถบ้านพระพุทธ ภาพที่นำมาลงในสื่อดูเหมือนจะเลือกมุมภาพที่ทำให้ดูน่ากลัวเกินความจริงไปหรือเปล่า
http://goo.gl/maps/YLdiX
ภาพ street view ภาพนี้แสดงให้เห็นสภาพของที่หยุดรถบ้านพระพุทธ อาจจะดูไม่ค่อยรกเหมือนกับที่เห็นในภาพข่าว แต่ข้อเท็จจริงก็คือ ที่หยุดรถแห่งนี้อยู่ห่างไกลโดดเดี่ยวจากผู้คนแค่ไหนกัน
ถ้าลองไปดูในภาพถ่ายดาวเทียมและไล่ดูภาพ street view จะเห็นว่ามีบ้านเรือนจำนวนหนึ่งอยู่รายล้อมที่หยุดรถแห่งนี้ห่างออกไปแค่พ้นเขตทางรถไฟเท่านั้นเอง ภาพล่างสุดเป็นถนนที่ผ่านด้านหลังศาลา ซึ่งมีบ้านคนอยู่ด้านขวา ก็จะเห็นว่าฝั่งซ้ายของถนนมีการเข้าไปปลูกต้นไม้ในพื้นที่ด้านหลังที่หยุดรถ ดังนั้นพื้นที่ที่รกจริงๆนั้นมีแค่ไหนกันแน่
ตามประเด็นข่าวที่เกิดขึ้น ผมขอแยกเป็น 2 ประเด็น
1 ความทรุดโทรมของศาลาพักคอย ตรงนี้แน่นอนว่าเป็นหน้าที่ของการรถไฟฯที่จะต้องทำให้ศาลาแห่งนี้อยู่ในสภาพแข็งแรงและมั่นคง แต่เรื่องไฟฟ้าแสงสว่างนี่คงต้องมาดูกันอีกที เพราะปกติก็ไม่เห็นว่ามีการติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างกับที่หยุดรถที่ไหน
2.เรื่องความรก อันนี้ที่จริงก็เป็นหน้าที่ของการรถไฟนั่นแหละ แต่ผมก็อยากรู้ว่า อบต. ทำอะไรไม่ได้เลยหรือ แค่ขอแรงชาวบ้านทำเดี๋ยวเดียวก็หายรกแล้ว อาจไม่ต้องใช้เงินสักบาทด้วยซ้ำ ถ้าชาวบ้านเห็นว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์และความสบายใจของชุมชน เห็นจุดอื่นที่ถอดรั้วเข้าไปใช้ประโยชน์ในเขตรถไฟยังทำให้โล่งเตียนได้
--------------------------------
ตรงนี้ผมไม่ได้เข้ามาจับผืดอะไร เพราะโดยหน้าที่แล้วมันก็เป็นหน้าที่ของการรถไฟฯที่จะต้องดูแลนั่นแหละ เพียงแต่สงสัยว่าพื้นที่ที่เป็นประโยชน์สาธารณะต่อชุมชนแบบนี้ ทำไมทุกคนกลับนิ่งดูดายปล่อยต้นไม้ขึ้นรก แล้วมาเรียกร้องผู้อื่นเข้ามาแก้ไข ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงเลย แต่ในทางกลับกันสามารถลงมือลงแรงดูแลในพื้นที่ที่บุกรุกเข้าไปใช้ประโยชน์เฉพาะตัวได้เป็นอย่างดี
อีกประการก็คงเป็นเรื่องจรรยาบรรณของสื่อที่ลงไปทำข่าวในพื้นที่ที่เลือกรูปมาออกสื่อและการบรรยายข้อมูลที่ทำให้ดูแย่กว่าความเป็นจริง ทั้งๆที่เขาควรจะเห็นความเป็นจริงในพื้นที่ว่าสภาพที่แท้จริงเป็นอย่างไร |
|
Back to top |
|
|
|