View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43933
Location: NECTEC
Posted: 17/11/2014 10:05 am Post subject:
เชื่อวิญญาณ'น้องแก้ม'ช่วยตกรถไฟ
เดลินิวส์
วันอาทิตย์ 16 พฤศจิกายน 2557 เวลา 18:14 น.
เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งหาร่าง หนุ่มใหญ่พลัดตกรถไฟ ระหว่างสถานีวังก์พงกับสถานีหนองหอย ใกล้จุดเกิดเหตุคดีฆาตกรรม สะเทือนขวัญ แต่ภายหลังกลับต้องตะลึงเมื่อพบ เจ้าตัวไร้บาดแผล กู้ภัยคาดวิญญาณน้องแก้มช่วยชีวิตเอาไว้
เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ศูนย์วิทยุกู้ภัยมูลนิธิสว่างแผ่ไพศาล ธรรมสถาน ปราณบุรี รับแจ้งจากมูลนิธิสว่างหัวหิน ว่าเจ้าหน้าที่การรถไฟแจ้งมาว่า มีคนตกรถไฟไม่ทราบจุดที่แน่ชัด คาดว่า อยู่ระหว่างสถานีปราณบุรีกับสถานีเขาเต่า อ.ปราณบุรี จ.ประจวบ ทั้งสองมูลนิธิฯจึงได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยออกค้นหา
โดยมูลนิธิสว่างหัวหิน ค้นหาจากสถานีเขาเต่า อ.หัวหิน ลงใต้มา ส่วนปราณบุรีใช้วิธีแบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุดส่งไปเริ่มหาจากสถานีวังก์พง สถานีปราณบุรี และสถานีหนองหอยเดินเท้าตามรางรถไฟไปเรื่อยๆ ซึ่งใช้เวลากว่า 30 นาที เจ้าหน้าที่กู้ภัยของปราณบุรี ก็พบร่างชายคนหนึ่งนอนนิ่งคลุกดินโคลนทั้วทั้งตัว ไม่พบบาดแผลแต่อย่างใด ทราบชื่อต่อมาว่า นายไพศาล แซ่เซี้ยว อายุ 34 ปี ซึ่งสถานที่ดังกล่าวอยู่ระหว่างสถานีวังก์พงกับสถานีหนองหอย บริเวณด้านหลังโรงเรียนบ้านหนองหอย อ.ปราณบุรี ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากสถานที่ที่เคยพบร่างน้องแก้ม ผู้เสียชีวิตในคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบยังพบชีพจร โดยเจ้าหน้าที่ เร่งทำการปฐมพยาบาลก่อนนำส่งโรงพยาบาลค่ายธนะรัชต์ ทันที
จากการสอบสวนทราบว่า นายไพศาล ได้ขึ้นรถไฟขบวนที่ 254 ธนบุรี หลังสวน ขึ้นจากสถานีปราณบุรี จะเดินทางไปที่จังหวัดเพชรบุรี แต่เมื่อผ่านสถานีเขาเต่ามาแล้ว เจ้าหน้าที่รถไฟได้รับแจ้งจากผู้โดยสารว่า มีคนตกรถไฟ จึงได้แจ้งให้สถานีเขาเต่าได้ทราบและแจ้งไปยังกู้ภัย ให้ช่วยออกค้นหาดังกล่าว ส่วนสาเหตุคาดว่านายไพศาลอาจพลัดตกลงไปเองเนื่องจากตอนขึ้นรถไฟมีคนเห็นว่า นายไพศาล อาการคล้ายคนเมานั่นเอง
อย่างไรก็ตามหลังจากพบร่างผู้ตกรถไฟแล้ว นายไชยยันต์ นีจินดา เจ้าหน้าที่กู้ภัย มูลนิธิสว่างแผ่ไพศาล ปราณบุรี ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า จากประสบการณ์ที่เคยช่วยเหลือผู้บาดเจ็บมานาน โอกาสที่ผู้พลัดตกจากรถไฟ แล้วรอดชีวิตมาได้นั้นมีน้อยมาก ทั้งในพื้นที่เกิดเหตุเป็นป่าละเมาะ กับ ดินและหินแข็งด้วยแล้ว โอกาสรอดยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า จุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากพื้นที่ซึ่งเคยเป็นข่าวในคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญประมาณ 100 เมตร โดยส่วนตัวมีความเชื่อทางไสยศาสตร์จึงเชื่อว่า วิญญาณของน้องแก้ม ผู้เสียชีวิตในคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญอาจจะช่วยเหลือ นายไพศาล เอาไว้ก็เป็นได้.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43933
Location: NECTEC
Posted: 19/11/2014 8:52 pm Post subject:
กู้ชีพรถไฟไทย
โดย แม่ลูกจันทร์
สำนักข่าวหัวเขียว
ไทยรัฐ
19 พฤศจิกายน 2557 05:01
การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดบริการรับใช้พี่น้องประชาชนแบบ ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง มายาวนานถึง 124 ปี
เอกลักษณ์ของรถไฟไทยนอกจากตกรางบ่อย ไม่ตรงเวลา ช้าเป็นเต่าคลาน คือครองตำแหน่งชนะเลิศด้านขาดทุนตะบี้ตะบันติดต่อกันหลายสิบปี
ล่าสุดยอดหนี้พุ่งทะลุเพดานเกิน 1.1 แสนล้านบาทอย่างรวดเร็ว
จึงเป็นวาระเร่งด่วนที่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม ต้องตัดสินใจเปิดปฏิบัติการกู้ชีพรถไฟไทย... ก่อนที่จะสายเกินเพล
นั่นคือการตัดใจขายสมบัติเก่า... เอาเงินไปล้างหนี้ก้อนโต
แม่ลูกจันทร์ จึงไม่แปลกใจที่ พล.อ.อ.ประจิน ตัดสินใจขายที่ดินของการรถไฟ 2 แปลงใหญ่ๆ ใน กทม.
แปลงแรก คือ ที่ดิน 497 ไร่ ย่าน มักกะสัน ซึ่งเป็นที่ดินทำเลทองฝังเพชรกลางสะดือ กทม.
แปลงที่สอง คือ ที่ดิน 277 ไร่ ย่านช่องนนทรีติดแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเหมาะที่จะพัฒนาเป็นศูนย์การค้า และคอนโดระดับ 5 ดาว
ข้อย้ำว่านี่คือที่ดินแปลงใหญ่ยักษ์ 2 แปลงสุดท้ายของกรุงเทพฯ ที่กลุ่มทุนเอกชนจ้องตาเป็นมัน และเตรียมแย่งประมูลสู้กันสุดลิ่มทิ่มประตู
แม่ลูกจันทร์ ประเมินราคาขั้นต่ำ ตารางวาละ 2 แสนบาท หรือไร่ละ 80 ล้านบาทขาดตัว
ที่ดินรถไฟ 2 แปลง รวม 774 ไร่ ไร่ละ 80 ล้านบาท ถ้าขายขาดจะได้เงินสดๆ ไม่ต่ำกว่า 60,000 ล้านบาท แบเบอร์
เฮ้อ...คิดแล้วก็เสียดาย
เสียดาย...เพราะนี่คือทรัพย์สินมรดกของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่เก็บ รักษาครอบครองมานานกว่าหนึ่งร้อยปี
แต่เมื่อการรถไฟต้องแบกหนี้สะสมก้อนโตมโหฬารเกินปัญญาที่จะหารายได้ไปชดใช้หนี้คืน
การขายสมบัติเก่าเพื่อรักษาชีวิต รถไฟให้อยู่ต่อไปก็เป็นเรื่องจำเป็นต้องทำใจ
แม่ลูกจันทร์ กราบเรียนว่าแผนกู้ชีพที่จะเอาที่ดินของการรถไฟไปให้เอกชนลงทุนพัฒนาไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใด
เป็นแผนแก้วิกฤติหนี้สินการรถไฟที่ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม ดำเนินการค้างไว้นั่นเอง
ปัญหาหนักของ รฟท.คือประสบปัญหาขาดทุนสูงถึง 10,000 ล้านบาทต่อปี
หรือขาดทุนเฉลี่ย 20,000 บาทต่อนาที!!
ในขณะที่การรถไฟมีรายได้จากค่าโดยสารปีละ 3,800 ล้านบาท และมีรายได้จากการขนส่งสินค้าปีละ 1,700 ล้านบาทเท่านั้นเอง
ดร.ชัชชาติ สรุปว่าการกู้ชีพรถไฟไทยต้องทำ 2 ส่วนพร้อมกัน
1, นำที่ดินของการรถไฟให้เอกชนพัฒนาใช้ประโยชน์เพื่อล้างภาระหนี้ก้อนโต
2, ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพรถไฟไทยให้สะดวกรวดเร็วปลอดภัยเพื่อเพิ่มรายได้ลดภาระขาดทุน
เริ่มจากการสร้างรถไฟรางคู่อีก 2,000 กม. เพื่อเพิ่มการขนส่งผู้โดยสารจากปีละ 35 ล้านเที่ยว เป็น 70 ล้านเที่ยวต่อปี
เพิ่มหัวรถจักรอีก 218 คัน เพิ่มรถโดยสารอีก 430 ตู้ และเพิ่มรถสินค้าอีก 3,444 ตู้ ซึ่งจะทำให้การรถไฟมีรายได้ เพิ่มจากปีละ 6,000 ล้านบาท เป็น 22,000 ล้านบาทต่อปี
แม่ลูกจันทร์ กระชุ่น พล.อ.อ.ประจิน เร่งสานต่อแผนกู้ชีพรถไฟไทยให้ครบวงจร
เพราะถ้าแก้ปัญหาไม่สุดซอยก็ไม่มีทางที่ทำให้รถไฟไทยหลุดพ้นจากภาวะขาดทุนหนี้สินพะรุงพะรัง
และถ้าไม่รีบทำวันนี้...อาจสายเกินไป
และสุดท้ายอาจต้องตัดสินใจ... ขายหัวลำโพง??
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43933
Location: NECTEC
Posted: 21/11/2014 1:17 pm Post subject:
มองรถไฟไทย กับรถไฟความเร็วสูงและชุมชนที่หายไป?
พิเชฐ ยิ่งเกียรติคุณ
บรรณาธิการรายการข่าว Voice TV
19 พฤศจิกายน 2557 เวลา 18:40 น.
ได้มีโอกาสเดินทางไปยังหลายๆประเทศที่พัฒนาแล้วในเอเชีย เช่น จีน(รวมไปถึงฮ่องกง) ไต้หวัน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น สิ่งหนึ่งที่พบเห็นแล้วหยิบมาเล่าสู่กันฟังก็คือทำไมประเทศที่พัฒนาแล้วถึงให้ความสำคัญกับทางเท้า และพื้นที่สาธารณะ (Public Space)
สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือทุกประเทศที่ถูกเอ่ยนามข้างต้นนั้น มีระบบขนส่งมวลชนโดยเฉพาะระบบรางที่เพียบพร้อมและทั่วถึง ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่สามารถทำได้สะดวกรวดเร็ว แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือการบริหารจัดการพื้นที่เหล่านั้น
หากคุณได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนอยากให้ลองสังเกตสิ่งหนึ่งที่มีวิสัยทัศน์แตกต่างจากประเทศไทย (นอกจากจำนวนสายรถไฟที่มีจำนวนน้อยกระจิดริดของไทย) ก็คือไอเดียเรื่องความเป็น ชุมชน (Community) ของพื้นที่นั้นด้วย เนื่องจากคนส่วนมากใช้ชีวิตผ่านการเดินทาง ดังนั้นการเป็นชุมชนจึงเกิดขึ้นภายในสถานี
เช่นในไต้หวัน กรุงไทเปสถานีรถไฟใต้ดินเชื่อมต่อระหว่างกันและกันทะลุได้ ภายในสถานีมีทั้งร้านค้า หอศิลป์ นิทรรศการ โดยเฉพาะสถานี Nangang ซึ่งมีภาพวาดของ จิมมี่ เหลียว นักวาดภาพประกอบชื่อดังชาวไต้หวันที่ฝาผนังสถานี หรืออย่างในประเทศญี่ปุ่น ที่สถานีรถไฟไม่ได้เชื่อมต่อแค่รถไฟ แต่เชื่อมต่อคนเข้าด้วยกัน
หันมามองในประเทศไทยพื้นที่สถานีรถไฟระบบรางที่เราบุกเบิกมาดั้งเดิมนั้น ก่อให้เกิดชุมชนข้างทางรถไฟมากมาย บ้างก็กลายเป็นตลาด บ้างก็กลายเป็นโรงงาน บ้านเรือน โรงแรม เรียกได้ว่าระบบรางพาดผ่านเส้นใดความเจริญก็ไปถึงที่นั่น เพียงแต่ว่าเมื่อชุมชนขยายตัวจนเต็มพื้นที่แล้ว การต่อยอดของเมืองกลับไม่ได้ขยายไปคู่ขนานกับระบบราง
ยิ่งมองย้อนกลับมาในกรุงเทพฯแล้ว สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส และสถานีรถไฟฟ้ามหานคร(MRT) ยิ่งถูกทำให้ศักดิ์สิทธิ์เข้าไปอีก โดยเฉพาะระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่ลงทุนกับความโอ่อ่าสวยงามด้วยพื้นวัสดุอย่างดี แต่กลับไม่เกิดชุมชนที่เชื่อมคนเข้าด้วยกัน ในขณะที่รถไฟฟ้าเริ่มมีการปรับตัวเช่นการเปิดธนาคาร เปิดร้านค้าบนสถานี ก็คาดหวังว่าเมื่อรถไฟฟ้ามีการขยายเส้นทางมากขึ้น ชุมชนต่างๆจะเกิด
มองไปยังอนาคตกันบ้างผมได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นในปีที่รถไฟชินคันเซนฉลองครบรอบ 50ปี ครับ!ครบรอบ 50ปีแล้วสำหรับรถไฟหัวกระสุนความเร็วสูง(คำว่า ชิน ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า ใหม่) ผมได้ชมภาพนิทรรศการย้อนหลัง เมื่อมีการตัดรถไฟสาย Tokaido-Osaka โดยแนวคิดที่ว่าจะเชื่อมเมืองเศรษฐกิจอย่างโตเกียว กับโอซาก้าให้เดินทางถึงกันภายใน 3 ชั่วโมงได้อย่างไร เพราะในอดีตใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมงในการเดินทาง ซึ่งเจ้าหัวรถจักรรุ่น Hikari No.1 ซึ่งเป็นรุ่นแรกทำความเร็วได้ถึง 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เมื่อครั้งตัดรถไฟความเร็วสูงไปนั้นสองข้างทางระหว่างเมืองนั้นยังคงเป็นทุ่งรกร้างว่างเปล่า และชุมชนต่างๆค่อยเกิดและพัฒนาไปพร้อมกับรถไฟ โดยโครงการดังกล่าว ญี่ปุ่นนั้นสร้างโดยอาศัย เงินกู้ โดยนาย ชินจิ โซโก ประธานการรถไฟแห่งชาติคนที่ 4 ของญี่ปุ่น โดยอาศัยเงินของรัฐบาล 1.95แสนล้านเยน และเงินกู้จากธนาคารโลก 8 หมื่นล้านเยนในระยะเวลาเงินกู้ 20ปี ในอัตราดอกเบี้ย 5.75ต่อปี
สิ่งที่รถไฟความเร็วสูงแตกต่างจากรถไฟหัวรถจักรดีเซลก็คือ การควบคุมต้นทุนเชื้อเพลิงที่น้ำมันดีเซลเป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องพึ่งพิงกับการนำเข้าจากต่างประเทศ และมีแนวโน้มที่ราคาจะสูงขึ้นเรื่อยๆ รัฐต้องแบบรับภาระในการโอบอุ้มส่วนนี้ แต่รถไฟความเร็วสูงมาจากกำลังของไฟฟ้า ที่เราสามารถผลิตได้เองและมีความคงที่ของราคามากกว่า โดยอาจจะลงทุนขั้นต้นแพงกว่า
ตัดสลับฉากกลับมาที่เมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญไทยพยายามคว่ำแผนงานสร้างอนาคตไทย 2020 ที่ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีคมนาคมพยายามผลักดันโดยไปสร้างวาทกรรม ถนนลูกรังยังไม่หมดประเทศ หรือ ไม่สอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง รวมไปถึงนักเศรษฐศาสตร์บางสถาบัน ไปร่วมสร้างความชอบธรรมเรื่อง การเปรียบเทียบเอาเงินไปพันรอบโลกได้หลายรอบ ซึ่งก็ไม่รู้จะทำวิจัยในเชิงไร้สาระนี้กันทำไม ทำให้โครงการดังกล่าวถูกระงับ และล่าสุดในแผนโครงการ 3.3ล้านล้านบาท ของรัฐบาล คสช.ก็ตัดในส่วนนี้และไปเพิ่มส่วนการพัฒนาการเดินอากาศซึ่งไม่ได้เข้าถึงชุมชนและสร้างชุมชนใหม่ๆ
สิ่งที่หายไปไม่ใช่รถไฟความเร็วสูง แต่คือชุมชน ที่จะเกิดรายล้อมบนเส้นทางที่รถไฟได้วิ่งผ่าน หลายๆคนพยายามจะสร้างวาทกรรมว่า จะตัดรถไฟไปในที่ว่างเปล่าทำไม? แต่น่าสนใจว่าเราจะตัดรถไฟไปในที่ๆชุมชนเติบโตเต็มที่ทำไมมากกว่าเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุด รถไฟไม่ได้เชื่อมธุรกิจต่อธุรกิจ แต่เชื่อมชุมชนเข้ากับชุมชน จะอีกกี่ปีผมก็จะรอดูการเชื่อมต่อแบบนี้ แม้ว่าจะเป็นวันที่รถไฟชินคันเซ็นฉลองครบรอบ 100ปีก็ตาม
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 47145
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 22/11/2014 5:09 pm Post subject:
รถไฟเข้าคลังน้ำมัน
โดยคุณ Kiti Suree 20 พ.ย. 57
Back to top
mirage_II
1st Class Pass (Air) Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
Posted: 23/11/2014 1:14 am Post subject:
ขอบคุณ คุณหม่องวินครับ คนถ่ายภาพเขาบรรยายได้สนุกดีครับ เป็นสายที่ตัดผ่านถนนเพชรบุรีและถนนพระราม 4 ใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วนใช่ไหมครับ
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43933
Location: NECTEC
Posted: 25/11/2014 12:58 pm Post subject:
จับต่างด้าวชาวพม่าลักลอบหนีเข้าเมืองแอบแฝงมากับขบวนรถไฟที่เพชรบุรี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
24 พฤศจิกายน 2557 19:13 น.
เพชรบุรี - ตำรวจเมืองเพชรบุรี นำกำลังเข้าจับต่างด้าวชาวพม่าลักลอบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายคาขบวนรถไฟกรุงเทพฯ-สุไหโก-ลก ได้ทั้งหมด 23 คน คุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย ผลักดันออกนอกประเทศ
เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (24 พ.ย.) ร.ต.ท.ปรีชา จันทร์บ้วย รอง สวป.สภ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองเพชรบุรี เกือบ 20 นาย ไปตรวจสอบที่บริเวณสถานีรถไฟจังหวัดเพชรบุรี หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีกลุ่มต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยสารมากับขบวนรถไฟขบวน 171 กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก
จากการตรวจสอบบนขบวนรถไฟขบวนดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบกลุ่มชาวต่างด้าวสัญชาติพม่า ไม่มีใบอนุญาตเข้าเมืองทั้งสิ้น 23 คน เป็นชาย 18 คน และหญิง 5 คน นั่งแฝงตัวมากับกลุ่มคนทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีเด็กอยู่ด้วย จึงได้ควบคุมตัวไว้ พร้อมนำตัวกลุ่มต่างด้าวทั้งหมดไปยัง สภ.เมืองเพชรบุรี เพื่อทำการตรวจสอบ ก่อนผลักดันกลับสู่ประเทศต่อไป
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43933
Location: NECTEC
Posted: 30/11/2014 2:55 pm Post subject:
ร.ฟ.ท.เห็นชอบแผนฟื้นฟูชงประจิน 2 ธ.ค.
ข่าวเศรษฐกิจ
INN News
วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2557 16:02น.
บอร์ด ร.ฟ.ท. เห็นชอบแผนฟื้นฟูองค์กร เตรียมเสนอต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เห็นชอบ 2 ธ.ค. 57
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า มติในที่ประชุมคณะกรรมการฯครั้งล่าสุด ได้เห็นชอบให้ ร.ฟ.ท. นำเสนอแผนฟื้นฟูต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาได้แล้ว ซึ่งขณะนี้เหลือเพียงการปรับปรุงข้อมูลต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน ทั้งนี้ หลังจากที่ ร.ฟ.ท. ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการของหน่วยงาน ร.ฟ.ท. ในวันที่ 29 - 30 พ.ย. นี้แล้วเสร็จ จากนั้นจะเร่งนำเสนอ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในวันที่ 2 ธันวาคม นี้ ก่อนที่จะนำเสนอจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ภายในเดือนธันวาคม 2557 หากไม่มีการแก้ไขใด ๆ ก็พร้อมนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ดำเนินการโดยเร็วต่อไป โดยคาดว่าคงจะได้เห็นความชัดเจนในปี 2558
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43933
Location: NECTEC
Posted: 02/12/2014 11:48 am Post subject:
ร.ฟ.ท.ติด CCTV บนเลดี้คาร์ 10 คันนำร่อง ป้องปรามเหตุร้าย เริ่มบริการช่วงปีใหม่ 58
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
1 ธันวาคม 2557 17:13 น.
ร.ฟ.ท.ติดตั้ง CCTV บนตู้เลดี้คาร์ 10 คัน นำร่องเป็นของขวัญปีใหม่ ยืนยันความปลอดภัยเต็มร้อย ฟุ้งเอกชนลงทุนให้ฟรีโดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมรับผิดชอบค่าซ่อมบำรุงอีก 2 ปี เตรียมขยายผลตั้งงบอีก 38 ลบ.ติดตั้งเพิ่มบนขบวนรถนอนที่เหลืออีก 222 คันภายในปี 58-59
นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ รองผู้ว่าการ ทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในการลงนามในข้อตกลงร่วมกับบริษัท ยูนิเวอร์แซล เมทริกซ์ จำกัด เพื่อดำเนินการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) บนรถนั่งและนอนปรับอากาศชั้น 2 สำหรับผู้หญิงและเด็ก (Ladies & Children car) จำนวน 10 คัน วันนี้ (1 ธ.ค.) ว่า เป็นการดำเนินงานเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร โดยจะดำเนินการแล้วเสร็จและให้บริการได้ก่อนเทศกาลปีใหม่ 2558 ซึ่งจากที่ ร.ฟ.ท.ได้ประกาศเชิญชวนให้เอกชนเข้ามาติดตั้ง CCTV บนตู้โดยสารรถไฟนั้น บริษัท ยูนิเวอร์แซล เมทริกซ์ จำกัด ได้เสนอตัวเข้ามาดำเนินการให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยจะติดตั้ง CCTV จำนวน 3 กล้องภายใน 1 ตู้ พร้อมจอมอนิเตอร์ที่พนักงานประจำรถ(พนักงานปูที่นอน) และสามารถส่งสัญญาณไปที่เครื่องรับสัญญาณประจำตัวของพนักงานรักษารถไฟ (พรร.) และศูนย์ควบคุมการเดินรถที่อยู่ส่วนกลางด้วย พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องบันทึกภาพ รวมถึงการเชื่อมระบบส่งสัญญาณภาพจากกล้อง CCTV และระบบสัญญาณ GPS โดยไม่มีข้อผูกพันและเงื่อนไขใดๆ พร้อมรับผิดชอบค่าบำรุงรักษาให้อีก 2 ปี
ซึ่งความปลอดภัยของผู้โดยสารคือหัวใจของการรถไฟฯ การติดตั้งกล้อง CCTV แม้ว่าจะป้องกันไม่ได้ แต่เป็นการป้องปรามอย่างดี และสามารถติดตามได้ เป็นการป้องปราม ทุกอย่างมีการจับตาดู คนที่จะกระทำการประสงค์ร้ายใดๆ ต้องคิดใหม่ และหลังจากนี้ ร.ฟ.ท.มีแผนการลงทุนมาตรการด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมทั้งด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์อีกมาก โดยจะขยายผลในการติดตั้ง CCTV ในตู้รถนอนทั้งหมดตั้งแต่รถชั้น 2 ขึ้นในปี 2558-2559 จำนวน 222 คัน วงเงินงบประมาณ 38 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดประกวดราคาตามระเบียบต่อไป โดยบริษัท ยูนิเวอร์แซล เมทริกซ์ จำกัด จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ
บริษัท ยูนิเวอร์แซล เมทริกซ์ ได้เข้ามาสำรวจรายละเอียดแล้ว โดยจะเริ่มติดตั้งตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคมนี้ และยืนยันว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จปลายเดือนธันวาคม เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ผู้ใช้บริการ และทำให้ผู้โดยสารเลดี้คาร์มีความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
โดยรถเลดี้คาร์ 10 คัน ประกอบด้วย ขบวนรถด่วนที่ 37/38 (กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก-กรุงเทพฯ) ขบวนพิเศษที่ 1/2 (กรุงเทพฯ-เชียงใหม่-กรุงเทพฯ) ขบวนรถด่วนที่ 69/70(กรุงเทพฯ-หนองคาย-กรุงเทพฯ) รถด่วนที่ 67/68 (กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี-กรุงเทพฯ) และรถสำรอง 2 คัน โดยจะติดตั้งกล้อง 3 ตัวต่อตู้ ที่บริเวณทางเดิน 1 ตัว หน้าห้องน้ำ 2 ตัว ซึ่งจะเห็นทางขึ้น-ลงและที่พักพนักงานประจำรถ พร้อมจอมอนิเตอร์ 1 ชุดด้วย โดยไม่เข้าไปในหลังม่านที่นอนของผู้โดยสารซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวแต่อย่างใด และเมื่อรถเข้าสู่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) จะมีการถ่ายข้อมูลในแต่ละขบวนลงศูนย์ Back Up ไว้ด้วย
นายประเสริฐกล่าวว่า ปัจจุบันขบวนเลดี้คาร์ได้รับความสนใจจากผู้โดยสารในระดับหนึ่ง โดยในวันปกติมีผู้โดยสารประมาณ 70% วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดยาวจะมีผู้โดยสารเต็ม ซึ่งขณะนี้มีการจองไปถึงปีใหม่ ซึ่งภาพรวมถือว่าน่าพอใจ ยังมีข้อขัดข้องและไม่ได้รับความนิยมจากผู้โดยสารที่ไม่ชอบนอนเตียงบน และกรณีเดินทางเป็นกลุ่มที่มีผู้ชายผู้หญิง แต่ถือว่าเป็นการให้บริการที่เป็นทางเลือกเพื่อผู้โดยสารที่เดินทางคนเดียว และ ร.ฟ.ท.จะปรับปรุงเพื่อต่อยอดบริการเพื่อเพิ่มมูลค่าในการให้บริการแก่ผู้โดยสารต่อไป
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43933
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43933
Location: NECTEC
Posted: 08/12/2014 12:14 am Post subject:
สลด! คุณตาวัย 71 ผูกคอตายคาบันไดรถไฟพิษณุโลก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
7 ธันวาคม 2557 10:17 น.
พิษณุโลก - พนักงานการรถไฟพิษณุโลก กำลังเตรียมเคลื่อนหัวรถจักรออกจากชานชาลา กลับพบชายวัย 71 ปี ผูกคอตายกับราวบันไดรถไฟ คาดเครียดชะตาชีวิต ต้องใช้ไม้เท้าพยุงกายตลอด
เช้ามืดวันนี้ (7 ธ.ค.) ร.ต.ท.ไพโรจน์ คล้ายสุวรรณ์ ร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งว่า มีผู้ผูกคอเสียชีวิตที่บริเวณสถานีรถไฟจังหวัดพิษณุโลก จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน และแพทย์เวร รพ.พุทธชินราช
ที่เกิดเหตุพบศพ นายสนอง รอดพึ่งครุฑ อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/1 หมู่ที่ 2 ต.บางพระครู อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ใช้ผ้าขาวม้าผูกคอตนเองกับราวบันไดรถไฟตู้แรก เที่ยวที่ 202 พิษณุโลก-กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นตู้แรกจนเสียชีวิต บริเวณบันไดรถไฟพบถุงสิ่งของ และไม้เท้าในที่เกิดเหตุด้วย
สอบถาม นายวิเชียร ชอนหนองบอน อายุ 44 ปี พนักงานสับเปลี่ยนรถไฟ สถานีรถไฟจังหวัดพิษณุโลก ที่พบศพตาสนอง เป็นคนแรกให้การว่า ตนจะนำหัวรถจักรมาเทียบเข้ากับขบวนรถไฟที่ 202 พิษณุโลก-กรุงเทพฯ ดังกล่าว เพื่อเตรียมตัวที่จะออกจากชานชาลา เวลา 06.05 น.กระทั่งพบว่า ตาสนอง มาผูกคอตนเองเสียชีวิตแล้ว จึงได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เบื้องต้น ตำรวจสันนิษฐานว่า ตาสนอง ผู้เสียชีวิตเดินทางมาจากต่างจังหวัด และจะเดินทางกลับ จ.พระนครศรีอยุธยา ระหว่างทางอาจเกิดความเครียด ประกอบกับร่างกายตนเองไม่ค่อยจะดีนัก ต้องใช้ไม้เท้าตลอดเวลา จึงน้อยใจตนเองใช้ผ้าขาวม้าตนเองผูกคอเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ก็จะตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง
Back to top