ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์

Wisarut · Posted: 03/03/2016 5:51 pm Post subject:

กลิ่นตุๆ ‘สามารถ’แฉ ยื่นประกวดซื้อหัวรถจักรรายเดียว แถมเจ้าเดิมกับที่ขดลวดปะทุ
มติชน
วันที่: 3 มี.ค. 59 เวลา: 10:26 น.

นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ถึงกรณี ร.ฟ.ท.จ่อซื้อหัวรถจักรโดยวิธีพิเศษ ระบุว่า

การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้ประกาศประกวดราคาซื้อรถจักรดีเซลไฟฟ้า น้ำหนักกดเพลา 16 ตัน/เพลา จำนวน 50 คัน มูลค่า 6,151 ล้านบาท ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-auction) โดยเปิดขายเอกสารประกวดราคาระหว่างวันที่ 1-30 ธันวาคม 2558 ชุดละ 300,000 บาท ยื่นเอกสารประกวดราคาวันที่ 29 มกราคม 2559 ทั้งนี้ รฟท.จะแจ้งผลการคัดเลือกเบื้องต้นในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 หลังจากนั้นจะให้บริษัทที่ผ่านการคัดเลือกเบื้องต้นเสนอราคาโดยวิธี e-auction

ปรากฏว่ามีบริษัทที่สนใจเข้าซื้อเอกสารประกวดราคาถึง 14 บริษัท จากหลายประเทศอันประกอบด้วยเยอรมนี สเปน แอฟริกา จีน อินเดีย และไทย แต่มีเพียงบริษัทเดียวเท่านั้นที่ยื่นซองประกวดราคา ซึ่งเป็นบริษัทที่เคยขายหัวรถจักร จำนวน 20 คัน น้ำหนักกดเพลา 20 ตัน/เพลา ให้ ร.ฟ.ท. แต่ในระหว่างการทดสอบปรากฏว่าหัวรถจักรคันหนึ่งมีปัญหา เนื่องจากเกิดการปะทุของขดลวดภายในเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ตามที่มีข่าวว่าไฟไหม้หัวรถจักรเมื่อปีที่แล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม มีความพยายามที่จะผลักดันให้เดินหน้าเจรจาต่อรองกับบริษัทที่ยื่นซองเพียงรายเดียวโดยไม่มีการแข่งขันราคา นับเป็นการประมูลโดยวิธีพิเศษ นั่นคือเจรจาโดยตรงกับบริษัทที่ ร.ฟ.ท.ต้องการจัดซื้อ ซึ่งจะทำให้ ร.ฟ.ท.สูญเสียผลประโยชน์ กล่าวคืออาจไม่ได้หัวรถจักรที่มีคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม

ด้วยเหตุนี้ ผมจึงขอเรียกร้องให้ รมว.คมนาคม ลงมือตรวจสอบข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง หรือทีโออาร์อย่างจริงจังว่ามีการล็อกสเปกหรือไม่ และเหตุใดการประมูลหัวรถจักรครั้งนี้จึงมีผู้ยื่นซองเพียงรายเดียวเช่นเดียวกับการจัดซื้อรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ จำนวน 7 ขบวนในปีที่แล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่คืบหน้า แต่ได้มีความพยายามใช้วิธีพิเศษหลังจากมีบริษัทยื่นประมูลเพียงรายเดียวในราคาที่สูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการจัดซื้อรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ของมาเลเซียที่ซื้อจากบริษัทเดียวกันด้วยสเปกที่ใกล้เคียงกัน

ผมคาดหวังมากว่า การประมูลงานในยุค คสช.จะดีขึ้น แต่ถ้าเป็นไปดังกล่าวข้างต้น ก็น่าเป็นห่วงมากครับ

Mongwin · Posted: 05/03/2016 2:35 pm Post subject:

รถไฟไทยหวังหาแสงสว่างปลายอุโมงค์
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 5 มี.ค. 2559 05:01

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงผลการหารือเรื่องรถไฟฟ้าตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) และคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) ว่า กระทรวงคมนาคมเห็นชอบตามที่ ร.ฟ.ท.เสนอขอบริหารการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต แม้ว่าก่อนหน้านี้ คนร.จะมีมติให้ใช้วิธีพีพีพี หรือเปิดให้เอกชนเข้าร่วมทุน โดยขณะนี้กระทรวงได้แจ้งความเห็นดังกล่าวให้ คนร.รับทราบแล้ว หลังจากนี้ ร.ฟ.ท.จะต้องกลับไปจัดทำรายละเอียดสรุปถึงเหตุผลและความจำเป็นในการขอบริหารการเดินรถเอง เสนอให้ คนร.พิจารณาในการประชุมครั้งหน้าวันที่ 15 มี.ค.นี้

ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลแล้วมั่นใจว่า ร.ฟ.ท.จะสามารถบริหารเดินรถสายสีแดงได้เองแน่นอน เนื่องจากฐานะทางการเงินของ ร.ฟ.ท.จะดีขึ้นตามแผนฟื้นฟู โดยจะมีการปลดหนี้ได้ประมาณ 87,000 ล้านบาท หลังจากมีการโอนที่ดินมักกะสันแลกหนี้กับกระทรวงการคลัง จำนวน 60,000 ล้านบาท และจะสามารถปลดหนี้ของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (แอร์พอร์ตลิงค์) ซึ่งเป็นบริษัทลูกได้อีก 27,000 ล้านบาท หลังจากแอร์พอร์ตลิงค์จะแยกการบริหารงานออกจาก ร.ฟ.ท. ในเร็วๆนี้ รวมทั้งการที่ ร.ฟ.ท. บริหารการเดินรถสายสีแดงเองจะทำให้มีรายได้เลี้ยงตัวเองได้มากขึ้นจากการเปิดให้บริการเดินรถในเส้นทางใหม่.

black_express · Posted: 07/03/2016 9:06 am Post subject:

ส่วนตัวผม ยังไม่ค่อยแน่ใจในประสิทธิภาพการบริหารงานของ รฟท.ครับ

ถ้ามีหนี้สินเพิ่มเติมมาอีกหลังจากที่รัฐลงทุนไปแล้วนับแสนล้านบาท ต้องมีข้อต่อรองกันบ้างล่ะ

Wisarut · Posted: 07/03/2016 5:55 pm Post subject:

Wisarut · Posted: 07/03/2016 7:37 pm Post subject:

ในที่สุด ก็มีปารเปิดประเด็น ว่ามีคนประมูลหัวรถจักรแค่รายเดียว
https://www.facebook.com/pichet.chamneam/posts/1283390538341675

ประมูลซื้อหัวจักร 50 คันส่อแววฉาว หวั่นใช้วิธีพิเศษเจรจาไม่โปร่งใส
โดย MGR Online
7 มีนาคม 2559 06:12 น. (แก้ไขล่าสุด 7 มีนาคม 2559 08:53 น.)

ประมูลซื้อหัวจักร 50 คันส่อแววฉาว หวั่นใช้วิธีพิเศษเจรจาไม่โปร่งใส

ร.ฟ.ท.ขยายเวลาประกาศผลคุณสมบัติประมูลหัวจักร 50 คันกว่า 6.1 พันล้านอีก 10 วัน ระบุมีบางประเด็นยังไม่ชัดเจน จับตา ร.ฟ.ท.กล้าล้มประมูลหรือไม่ เหตุมีกลุ่มจีน “กิจการร่วมค้า คิวเอส” ยื่นประมูลรายเดียว หากดันทุรังใช้วิธีเจรจาส่อถูกครหาล็อกสเปกใช้วิธีพิเศษ และถูก คตร.เบรกเหมือนจัดซื้อรถแอร์พอร์ตลิงก์ 7 ขบวน

แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า จากที่ ร.ฟ.ท.ได้เปิดให้ผู้สนใจยื่นซองเอกสารประกวดราคาซื้อ รถจักรดีเซลไฟฟ้า น้ำหนักเพลา 16 ตัน/เพลา จำนวน 50 คัน ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ราคากลาง 6,151 ล้านบาท ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ยื่นซอง 1 ราย จากที่ซื้อซอง 14 ราย คือ กิจการร่วมค้า คิวเอส ประกอบด้วย บริษัท ซีอาร์อาร์ซี ซิซูเอียน จำกัด และ บริษัท ซานโฟโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยคณะกรรมการประกวดราคาฯ จะตรวจสอบเอกสารว่ามีคุณสมบัติ และข้อเสนอถูกต้องตามเงื่อนไขที่กำหนดหรือไม่ และจะประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติในวันที่ 29 ก.พ. 59 นั้น ล่าสุดมีความจำเป็นต้องขยายเวลาออกไปอีก 10 วัน โดยจะประกาศผลวันที่ 10 มี.ค. 59

ซึ่งได้เสนอให้นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.เห็นชอบแล้ว โดยสาเหตุที่ขยายเวลาออกไปเนื่องจากคณะกรรมการฯ เห็นว่ายังมีบางเรื่องที่ไม่ชัดเจน และถือเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลต่อการพิจารณาด้วย ซึ่งหลักในการพิจารณาแยกเป็น 2 ขั้นตอน คือ 1. พิจารณาคุณสมบัติทั่วไปและด้านเทคนิคว่าถูกต้องตามทีโออาร์หรือไม่ 2.
กรณีไม่ถูกต้องตามทีโออาร์ จะประกาศผลพร้อมเหตุผลประกอบ เพื่อไม่ให้มีปัญหาฟ้องร้อง แล้วจึงออกประกวดราคาใหม่ แต่หากคุณสมบัติถูกต้องจะประกาศผลว่ามีสิทธิ์เคาะราคา

ทั้งนี้ เนื่องจากมีผู้แข่งขันราคาเพียงรายเดียว กรณีที่ผ่านคุณสมบัติ ซึ่งตามระเบียบอี-ออกชันเดิมสามารถยกเลิกได้ แต่เปิดทางกรณีจะไม่ยกเลิก หน่วยงานต้องมีเหตุผลความจำเป็นเพียงพอ ซึ่งคณะกรรมการจะต้องสอบถาม ร.ฟ.ท.ถึงผลกระทบกรณียกเลิกประมูลเพื่อประกอบการพิจารณา คือไม่ว่าจะเลือกแนวทางใดจะต้องมีเหตุผลที่ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าว นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีความพยายามที่จะผลักดันให้เดินหน้าเจรจาต่อรองกับบริษัทที่ยื่นซองเพียงรายเดียวโดยไม่มีการแข่งขันราคา นับเป็นการประมูลโดยวิธีพิเศษ และอาจไม่ได้หัวรถจักรที่มีคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม รมว.คมนาคมควรตรวจสอบว่ามีการล็อกสเปกหรือไม่ เกรงจะเหมือนกับการจัดซื้อรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ 7 ขบวน ราคา 4,413.1 ล้านบาท ที่มีผู้ยื่นประมูลรายเดียว แต่ถูกท้วงติงว่ามีการล็อกสเปก และอยู่ระหว่างชี้แจงคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.)

Mongwin · Posted: 08/03/2016 6:21 pm Post subject:

ร.ฟ.ท.เร่งแก้วิกฤตหัวรถจักรขาด ลดค่าเช่าราง25ปีดึงเอกชนร่วม"TPI"นำร่อง12คัน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 08 มี.ค. 2559 เวลา 14:20:51 น.

ทีพีไอรอไม่ไหว ! ทุ่ม 1.6 พันล้าน ซื้อ หัวรถจักร 12 คันจากจีนขนปูนส่งศูนย์จ่าย ส่วนปตท.จ่อซื้อ 6 คัน มูลค่า 810 ล้าน ร.ฟ.ท.พลิกวิกฤตเป็นโอกาสดึงเอกชนเข้าร่วมลงทุน ลดค่าใช้ราง 27% ตลอด 25 ปี หวังสร้างรายได้เพิ่ม

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า เพื่อแก้ปัญหาหัวรถจักรขาดแคลน มีนโยบายให้เอกชนที่ใช้บริการขนส่งสินค้ากับรถไฟอยู่แล้ว สามารถลงทุนซื้อหัวรถจักรมาลากจูงแคร่เพื่อขนส่งสินค้าได้ โดย ร.ฟ.ท.จะลดค่าระวาง (ค่าใช้ราง) ให้ 27% เพื่อชดเชยเงินลงทุนและการซ่อมบำรุงรักษาเป็นระยะเวลากว่า 25 ปี

ทีพีไอนำร่อง 12 คัน

ขณะนี้มีบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) จัดหารถจักร 12 คันจากประเทศจีน ใช้ในการขนส่งสินค้าปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ โดยบริษัทจะเป็นผู้ดูแลและบำรุงรักษารถจักรทั้งหมด พร้อมจัดทีมงานทำหน้าที่ซ่อมบำรุงรักษาหัวรถจักร แต่ยังคงใช้พนักงานของ ร.ฟ.ท.เป็นผู้ทำขบวนเดินรถ ปัจจุบันนำเข้าและผ่านการทดสอบแล้ว 8 คัน อีก 4 คันจะส่งให้ ร.ฟ.ท.ทดสอบปีหน้า ทั้งนี้ ทีพีไอเป็นบริษัทเอกชนรายแรกของประเทศที่ซื้อหัวรถจักรมาใช้ในกิจการของตัวเอง และนับเป็นครั้งแรกที่ ร.ฟ.ท.ให้เอกชนเข้ามาลงทุนซื้อหัวรถจักร เพื่อเป็นการชดเชยการเสียโอกาสทางธุรกิจในการขาดแคลนหัวรถจักร

"ทีพีไอเป็นลูกค้าของ ร.ฟ.ท. ใช้บริการขนส่งสินค้าปูนซีเมนต์ทางรถไฟมายาวนานกว่า 20 ปี ที่ผ่านมาได้ลงทุนจัดหารถแคร่บรรทุกปูนซีเมนต์จำนวน 490 คัน พร้อมการซ่อมบำรุงรักษาเอง ใช้ในการขนส่งสินค้าของบริษัทเพื่อให้การขนส่งสินค้าเป็นไปตามแผนและกรอบเวลาที่กำหนด"

โดยการใช้ขนส่งปูนซีเมนต์จากโรงงานปูนซีเมนต์ที่สถานีหินลับอ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ไปยังคลังไซโล และศูนย์จ่ายในเส้นทางรถไฟทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังได้เช่าที่ดินของ ร.ฟ.ท.ก่อสร้างคลังไซโล และศูนย์จ่ายของบริษัทรองรับการขนส่งสินค้าทางรถไฟ สร้างรายได้ให้กับ ร.ฟ.ท.กว่า 150 ล้านบาทต่อปี

ซึ่งมีแผนเพิ่มปริมาณการขนส่งทางรถไฟจากสถานีหินลับมายังศูนย์จ่ายปูนซีเมนต์ที่ย่านพหลโยธิน และขนส่งในเส้นทางสายเหนือที่คลังไซโลปูนซีเมนต์ที่สถานีลำชี ห้วยขยุง และหนอนขอนกว้าง รวมถึงเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือที่คลังไซโลปูนซีเมนต์ที่สถานีบึงพระและลำพูน

เส้นทางสายตะวันออกคลังไซโลปูนซีเมนต์ที่สถานีเปร็ง คาดว่าจะขนส่งได้ปีละ 3 ล้านตัน คิดเป็นรายได้กว่าปีละ 220 ล้านบาท และบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณการขนส่งทางรถไฟจากปัจจุบัน 7% เป็น 20% ของกำลังการผลิตของบริษัทในอนาคต

เร่งสรุปผลประมูล 50 คัน

"การให้เอกชนร่วมลงทุนลักษณะนี้ เป็นประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย รถไฟได้ผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีรายได้การจัดเก็บค่าระวางเฉลี่ยอยู่ที่ปีละกว่า 2 พันล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทเอกชนจะได้เพิ่มบริการขนส่งสินค้าทางรถไฟ เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ได้มากขึ้น และได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นการเริ่มต้นนำร่องโครงการเพื่อนำไปสู่การร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ดีต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ จะมี บมจ.ปตท. เตรียมจะซื้อหัวรถจักรมาใช้ขนส่งน้ำมันด้วยเช่นกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียด" นายวุฒิชาติกล่าวและว่า

ส่วนการจัดซื้อหัวรถจักรใหม่ 50 คัน วงเงิน 6,151 ล้านบาท หลังเปิดรับยื่นซองประกวดราคาเมื่อปลาย ม.ค.ที่ผ่านมา มีเพียงรายเดียวที่ยื่นเสนอราคา คือ กิจการร่วมค้า คิวเอส ประกอบด้วย บจ.ซีอาร์อาร์ซี ซิซูเอียน และ บจ.ซานโฟโก อินเตอร์เนชั่นแนล อยู่ระหว่างพิจารณา

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อปี 2555 คณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.ได้พิจารณาอนุมัติแผนจัดซื้อหัวรถจักรของบริษัททีพีไอ และ ปตท.ไปแล้ว โดยทีพีไอเสนอแผนจัดซื้อหัวรถจักรจำนวน 12 คัน ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 135 ล้านบาท/คัน รวมเป็นเงินลงทุน 1,620 ล้านบาท แต่เพิ่งมาเริ่มดำเนินการปีนี้ มีเป้าหมายเพิ่มการบริการขนส่งปูนซีเมนต์ให้มากขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 8 แสนตัน/ปี เพิ่มเป็น 2.2 ล้านตัน/ปี ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มจาก 120 ล้านบาท/ปี เป็น 220 ล้านบาท/ปี โดยเส้นทางขนส่งทางบริษัททีพีไอจะนำหัวรถจักรมาวิ่งเสริมเพื่อขนส่งปูนซีเมนต์ในสายภาคอีสานและย่านพหลโยธิน

ปตท.ทุ่ม810 ล.ซื้อ 6 คัน

ส่วน ปตท.เสนอจัดซื้อเองจำนวน 6 คัน เงินลงทุนประมาณ 810 ล้านบาท ซึ่งบอร์ด ร.ฟ.ท.ได้อนุมัติในหลักการแล้ว แต่จะต้องเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณา เนื่องจากเป็นรัฐวิสาหกิจเหมือนกัน อาจจะต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา โดย บมจ.ปตท.จะซื้อหัวรถจักรเพื่อนำมาขนส่งก๊าซแอลพีจีหรือก๊าซหุงต้ม

นอกจากนี้ บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ได้ซื้อหัวรถจักรจากประเทศจีน 2 คัน และรถลาก 120 คัน ขนชิ้นส่วนสำเร็จรูปจะมาใช้ในการก่อสร้างงานโครงสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) จากโรงงานผลิตที่ จ.สระบุรี บริษัทซื้อที่ดิน 1,800 ไร่ ใกล้สถานีรถไฟมายังสถานีบางซื่อเป็นไซต์ก่อสร้างเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง

Mongwin · Posted: 09/03/2016 3:24 pm Post subject:

โฆษณาการรถไฟแห่งประเทศไทย

https://www.youtube.com/watch?v=IcAj7O6pYVM

Wisarut · Posted: 11/03/2016 9:52 am Post subject:

ชวนชมทานตะวันตลอดแนวริมทางรถไฟย่านหลักสี่ |
เดลินิวส์
วันพฤหัสที่ 10 มีนาคม 2559 เวลา 12:47 น.
ไม่ใช่เขื่อนป่าสักฯนะ ที่นี่กรุงเทพฯ เขตหลักสี่ชวนชมทานตะวันตลอดแนวริมทางรถไฟ นายสมศักดิ์ ชาติสุขศิริเดช ผู้อำนวยการเขตหลักสี่ พร้อมคณะผู้บริหารเขต ลงพื้นที่เยี่ยมชมทานตะวันเขตหลักสี่ โดยการปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ว่างเปล่าริมทางรถไฟบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตขาออก 0kdพร้อมขอเชิญชวนประชาชนและ ผู้สัญจรในเส้นทางดังกล่าวเยี่ยมชมความสวยงามและถ่ายภาพ ทั้งนี้เขตฯได้ปรับปรุงใช้พื้นที่ว่างริมทางรถไฟยาวจากช่วงวัดหลักสี่ไปจนถึงสุดเขตพื้นที่รวมประมาณ 2 ไร่ ในการปลูกทานตะวันเพื่อเพิ่มความสวยงามของภูมิทัศน์2ข้างทางรถไฟสายเหนือ และเพิ่มพื้นที่สีเขียวตามนโยบายผู้บริหาร กทม.“

Wisarut · Posted: 11/03/2016 8:49 pm Post subject:

เมื่อการศึกษาไทยล้มเหลว กรณีศึกษาการรับมือกับปัญหาด้านระบบรางของไทย
ผู้เขียน ผศ.ดร.ประมวล สุธีจารุวัฒน ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มติชน
วันที่: 11 มีนาคม 2559 เวลา : 14:22 น.

Aesthetics · 3rd Class Pass Joined: 31/07/2015 Posts: 30

^
ปัญหาคือ คนที่ออกนโยบายไม่มีวิสัยทัศน์มองแค่สักแต่ได้ทำ ถามจริงครับว่าการสร้างรถไฟประโยชน์ที่แท้จริงคือ อะไร? และมันมีผลประโยชน์เพิ่มอะไรได้อีกบ้างนอกเหนือจากประโยชน์หลักที่จะได้กับชาติกับสังคมสูงสุด? ถ้าคำตอบมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับส่วนงานตัวเอง เฉยๆ ในฐานะของผู้ต้องทำหน้าที่เพื่อชาติผมถือว่า"ไม่ผ่านครับ"

มีอีกประเด็นที่น่าสนใจคือเรื่องความปลอดภัย ยังคงจำรถไฟชนท้ายกันเมื่อ 26 มีนาคม 2558 ในวันที่ครบรอบ 119 ปีรถไฟไทย บทสรุปคือ??? ถ้าจากเหตุการนั้นมองย้อนที่ละช๊อตก่อนการชน พขร เห็นขบวนที่อยู่ข้างหน้าในระยะที่จะหยุดรถได้ทันมั้ย ? สถานะของไฟท้ายขบวนที่ใช้กันอยู่ดีพอรึมั้ย? ดูกลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อมรึป่าว? ตำแหน่งของไฟท้ายจะทำให้เข้าใจผิดว่าอยู่คนละรางได้หรือไม่? ซึ่งมันจะไม่ต่างอะไรกับบังเอิญเสยท้ายรถเก่งไฟท้ายดับ 1 ข้าง เพราะมองพลาดว่าเป็นรถมอเตอไซค์ คำถามเหล่านี้ก็เพราะมันเป็นด่านสุดท้ายครับในกรณีที่พึ่งพาวิทยุไม่ได้ รวมถึงเข้าไปในรางที่ผิด และถ้าสับรางผิด มีInterlock มีบันทึกรึป่าวครับ? ใครเป็นคนสับราง ให้สัญญาน ชื่อ"ปื๊ด"รึป่าว? ไม่เอาบันทึกมือนะครับ เชื่อถือไม่ได้ ต้องเป็นระบบที่คนในหน้างานในพื้นที่แก้ไขไม่ได้ ผมว่าคงไม่มีพขร ช่างเครื่องคนไหนอยากเผชิญสถานการณ์เลวร้ายอย่างนั้น จนต้องเสียชีวิตเสียอวัยวะหรอกครับ

มิติความปลอดภัยเป็นเรื่องที่สำคัญนะครับ สถานีต่อไป สถานีรถไฟความเร็วสูงไม่ใช่เหรอครับ ถึงเวลาทึ่เราต้องมีหน่วยงานกลางทึ่เป็นเอกเทศดูแล ตรวจสอบ ควบคุมเกี่ยวกับความปลอดภัยการขนส่งทางรางจริงๆจังๆแล้วนะครับ เพราะถ้าหวยไปออกที่รถไฟความเร็วสูงดูไม่จืดแน่นอนครับงานนี้

ป.ล. มีคลิป

หลายคนอาจจะตำหนิคนข้ามที่ไม่ดูตามม้าตารถไฟ แต่ถ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ละเอียด ต้องถามว่ามาตรฐานของการรถไฟเอง เมื่อเห็นสิ่งผิดปกติที่จะก่อให้เกิดการปะทะ พขร ช่างเครื่อง ต้องเปิดหวีดภายในกี่วินาที? ผมลองดูซ้ำหลายรอบ ตั้งแต่เสียง"เฮ้ย!"กว่าจะได้ยินเสียงหวีด เกือบ 5 วินาทีครับ ถ้าคนนั้นกระโดดไม่ทันละครับ เป็นเสือชักปืนช้า ไม่รู้ว่าแก้ผ้าไวรึป่าวนะครับ สมมติเปลี่ยนจากคนเป็น รถบรรทุก 18 ล้อละครับ คนที่ดูแลเกี่ยวกับทางรถไฟ ถ้าทางเป็นระเบียบเรียบร้อย เรียงหินเนียบ สองข้างทางหญ้าเตียนดูเป็นระเบียบ ทำให้พขร มองเห็นได้กว้างกว่า มองเห็นสิ่งผิดปกติและแยกแยะได้ไม่ดีกว่าเหรอ? นึกถึงเมื่อ 20-30 ปีที่แล้วที่สภาพริมทางดูเป็นระเบียบมากๆ อยากดูสภาพทางรถไฟเมื่อ 30ปีที่แล้วของมาเลย์ ให้มาดูที่ไทย อยากดูสภาพทางรถไฟเมื่อ 30 ปีที่แล้วของไทย ให้ไปดูที่มาเลย์ครับผม