View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44036
Location: NECTEC
Posted: 13/12/2016 11:09 am Post subject:
ประณาม! โจ๋ คึกคะนองปาหินใส่ขบวนรถไฟสปรินเตอร์ กระจกแตกกระจายทั้งบาน
ข่าวสด
วันที่ 12 ธันวาคม 2559 - 16:49 น.
เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีมีการแชร์ภาพเหตุการณ์กระจกรถไฟแตกเสียหายจากการถูกคนร้ายปาก้อนหินเข้าใส่ทางสื่อโซเชียลจำนวนมากพร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์ว่าการกระทำดังกล่าวอาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้โดยสารถึงชีวิตได้
โดย นายวีระ บุญประคอง นายสถานีรถไฟนาผักขวง หมู่ที่ 2 ต.กำเนิดนพคุณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาเวลาประมาณ 00.27 นาที ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่บนขบวนรถไฟด่วนสปรินเตอร์สุราษฏร์ธานี กรุงเทพฯ ขบวนที่ 44 ว่ามีเหตุคนร้ายใช้ก่อนหินปาใส่ขบวนรถไฟดังกล่าว จนทำให้กระจกที่บานหน้าต่างรถไฟแตกเสียหายไป 1 บาน ซึ่งรถไฟด่วนสปรินเตอร์ที่ 44 สุราษฏร์ธานี กรุงเทพฯ ได้จอดสำรวจความเสียหาย พบว่ากระจกบริเวณที่นั่งด้านทิศตะวันตกถูกปาแตกเสียหาย แต่ไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด พบเพียงเศษกระจกที่แตกละเอียดตกกระจายเกลื่อนเบาะที่นั่งผู้โดยสารเท่านั้น ก่อนที่ขบวนรถไฟจะเดินทางต่อไปยังจุดหมาย
นายวีระ บุญประคอง กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองมาเข้าเวรที่สถานีในตอนเช้าได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่บนขบวนรถไฟว่ามีเหตุคนร้ายใช้หินปาใส่ขบวนรถไฟ ไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บแต่กระจกรถได้รับความเสียหาย และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรตำบลธงชัย อ.บางสะพาน โดยส่วนตัวแล้วตนเองคิดว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ทำไปด้วยความคึกคะนองคงไม่ได้หวังผลอะไรจากการกระทำดังกล่าว เนื่องจากรถไฟเป็นรถด่วนติดแอร์ วิ่งด้วยความเร็วสูง หากมีคู่อริอยู่ในขบวนรถก็คงไม่สามารถที่จะกะระยะเพื่อให้ถูกตัวได้ หรือหากกระทำเพื่อหวังทรัพย์สินก็ยิ่งไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเป็นขบวนรถที่วิ่งด้วยความเร็ว จึงสันนิษฐานว่าเกิดจากความคึกคะนองมากกว่าหวังผลเป็นอย่างอื่น
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44036
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44036
Location: NECTEC
Posted: 16/12/2016 2:44 am Post subject:
แจงคลิปวินาทีระทึก! สาวใหญ่จะกระโดดตัดหน้ารถไฟบุรีรัมย์ จนท.คว้าตัวทันหวิดตาย(ชมคลิป)
โดย MGR Online
14 ธันวาคม 2559 21:56 น. (แก้ไขล่าสุด 15 ธันวาคม 2559 11:29 น.)
แจงคลิปวินาทีระทึก! สาวใหญ่จะกระโดดตัดหน้ารถไฟบุรีรัมย์ จนท.คว้าตัวทันหวิดตาย(ชมคลิป)
นายสถานีรถไฟบุรีรัมย์ แจงคลิปวินาทีระทึกสาวใหญ่วิ่งพรวดจะกระโดดข้ามรางตัดหน้าขบวนรถไฟท่ามกลางผู้โดยสารนับร้อย ยันไม่ใช่การคิดสั้นฆ่าตัวตายแต่เป็นความประมาท วันนี้ ( 14 ธ.ค.)
บุรีรัมย์- นายสถานีรถไฟบุรีรัมย์ แจงคลิปวินาทีระทึกสาวใหญ่วิ่งพรวดจะกระโดดข้ามรางตัดหน้าขบวนรถไฟท่ามกลางผู้โดยสารนับร้อย ยันไม่ใช่การคิดสั้นฆ่าตัวตายแต่เป็นความประมาท ที่ผู้โดยสารจะรีบวิ่งไปขึ้นรถไฟยังรางที่ 2 แต่ไม่ทันสังเกตเห็นรถไฟที่วิ่งเข้าเทียบชานชาลารางที่ 1 แต่โชคดีจนท.ดึงตัวไว้ได้ทันจึงปลอดภัยหวุดหวิด
วันนี้ (14 ธ.ค. ) หลังจากมีการแชร์คลิปวิดีโอเหตุการณ์สาวใหญ่ อายุประมาณ 50 ปี จะกระโดดข้ามรางรถไฟ ช่วงที่ขบวนรถไฟสายอุบลราชธานี-นครราชสีมา จอดรอสวนทางกับรถไฟสายกรุงเทพฯ-ศีรสะเกษ ที่กำลังเข้าเทียบชานชาลาที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์
เหตุเกิดเวลาประมาณ 16.12 น. วานนี้ (13 ธ.ค.59) ซึ่งระหว่างนั้นได้มีเจ้าหน้าที่รออำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยอยู่บริเวณชานชาลาหันไปเห็นหญิงคนดังกล่าวคล้ายกับจะกระโดดลงไปในรางรถไฟ จึงช่วยกันดึงตัวไว้ได้ทัน ก่อนที่ขบวนรถไฟจะเข้าเทียบชานชาลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น สร้างความแตกตื่นตกใจให้กับผู้โดยสารจำนวนมากที่มารอขึ้นรถไฟ โชคดีที่ไม่เกิดเหตุสลดขึ้น และสังคมในสื่อโซเชียลต่างๆ ได้มีการสันนิษฐานไปต่างๆ นานาว่าน่าจะเป็นการคิดสั้นกระโดดให้รถไฟทับเพื่อหวังฆ่าตัวตาย นั้น
ล่าสุด นายบรรจง จันทร นายสถานีรถไฟบุรีรัมย์ ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวว่า จากการสอบถามผู้โดยสารคนดังกล่าวแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้คิดสั้นจะกระโดดให้รถไฟทับเพื่อหวังฆ่าตัวตาย ตามที่มีการนำเสนอทางสื่อโซเชียลต่างๆ แต่เกิดจากความประมาทหรือไม่ทันระวังตัวมากกว่า ซึ่งผู้โดยสารคนดังกล่าวบอกว่าตั้งใจจะข้ามทางรถไฟรางที่ 1 เพื่อจะไปขึ้นรถไฟที่จอดอยู่รางที่ 2 เพื่อเดินทางไปยัง จ.นครราชสีมา แต่ด้วยความรีบร้อนจึงไม่ทันระวังและไม่สังเกตเหตุรถไฟที่วิ่งมารางที่ 1
แต่ยืนยันว่าไม่ได้คิดสั้นฆ่าตัวตายแน่นอนเพราะหลังจากเจ้าหน้าที่คว้าตัวไว้ได้ทันหญิงคนดังกล่าวยังพูดด้วยสีหน้าที่ตกใจว่าเกือบไปแล้ว
จากเหตุการณ์ดังกล่าวอยากฝากเตือนภัยและเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้โดยสาร ที่มาใช้บริการโดยสารรถไฟ ว่าควรระมัดระวังเพิ่มความรอบคอบและฟังการประกาศเตือนจากเจ้าหน้าที่ ไม่ควรยืนใกล้กับรางรถไฟมากจนเกินไป และไม่ควรรีบร้อนเพราะอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้ และอาจไม่โชคดีเหมือนกับหญิงคนดังกล่าว ส่วนทางสถานีเองได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ คอยตรวจตราดูแลเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
https://www.youtube.com/watch?v=uDpeozw8M6g
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44036
Location: NECTEC
Posted: 21/12/2016 9:25 pm Post subject:
ลือกระหึ่มรฟท.!วิ่งเต้นโครงการบรรจุ-แยกสินค้า
แนวหน้า
วันพฤหัสบดี ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2559, 18.38 น.
8 ธ.ค.59 มีรายงานข่าวแจ้งว่า สืบเนื่องจากที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) มีประกาศเลขที่ คน.1/213/2558 ลงวันที่ 15 มิ.ย.2558 เรื่อง การสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (IED) ที่ลาดกระบัง โดยให้เอกชนที่สนใจซื้อเอกสารยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. - 14 ส.ค.2558 และผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะต้องเข้ามายื่นข้อเสนอกับ ร.ฟ.ท.ในวันที่ 15 ก.ย.2558 แต่กลับมีผู้ไปร้องต่อศาลปกครอง จนศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เมื่อ 14 ก.ย.2558 ทำให้กระบวนการต่างๆ ต้องหยุดไว้ก่อนทั้งหมด
ต่อมา 24 มี.ค.2559 ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งยกเลิกการคุ้มครอง และ ร.ฟ.ท.กำหนดวันยื่นซองใหม่ ในวันที่ 16 พ.ค.2559 ในขณะนั้นมีเอกชนเข้าร่วม 3 ราย คือ 1.บริษัท คอนเทนเนอร์ ดีโป้ กรุงเทพ จำกัด 2.กิจการร่วมค้า อาร์ ซี แอล แอนด์ แอทโซซิเอทส์ 3.กิจการร่วมค้า เอ แอล จี (ประเทศไทย) จากนั้นมีการประกาศผล ในวันที่ 8 มิ.ย.2559 ทั้ง 3 บริษัทผ่านเกณฑ์แรกจาก 3 หลักเกณฑ์ คือ 1.คุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอ และจะกำหนดวันประกาศผู้ผ่านหลักเกณฑ์ในข้อ 2.ข้อเสนอด้านเทคนิค และข้อ 3.ข้อเสนอการคิดอัตราค่าบริการเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการ ต่อไป
โดยหลักเกณฑ์ข้อที่ 2 จะมีการพิจารณาเปิดซอง ในวันที่ 14 มิ.ย.2559 และประกาศผล ในวันที่ 30 มิ.ย.2559 แต่เมื่อถึงวันที่ 28 มิ.ย.2559 ร.ฟ.ท.กลับมีประกาศเลื่อนออกไป ด้วยเหตุผลว่าเอกสารมีเป็นจำนวนมากไม่อาจพิจารณาได้ทัน โดยเลื่อนไปเป็นวันที่ 2 ก.ย.2559 จากนั้นก็ยังมีประกาศเลื่อนออกมาอีกในวันที่ 29 ส.ค.2559 ด้วยเหตุผลว่าต้องขอให้สำนักงานคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ (สคร.) วินิจฉัยข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อน โดยทาง ร.ฟ.ท.ได้ส่งหนังสือถึง สคร.ในวันที่ 19 ก.ย.2559 ให้พิจารณาใน 3 ประเด็น คือ
1.ถ้ามีเอกชนผ่านหลักเกณฑ์ข้อ 2 (ข้อเสนอด้านเทคนิค) เพียงรายเดียว จะถือว่าเข้าข่ายมีผู้เสนอรายเดียวตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 มาตรา 39 หรือไม่ 2.หลักเกณฑ์ที่ ร.ฟ.ท.ตั้ง อันมีสาระสำคัญคือให้เอกชนชำระผลตอบแทนต่อ ร.ฟ.ท.ในอัตราคงที่โดยปรับเพิ่มทุก 5 ปีตลอดอายุสัญญา และจะคัดเลือกจากเอกชนที่คิดค่าบริการจากผู้ใช้บริการต่ำที่สุด อันจะทำให้ได้ประโยชน์ทั้งกับรัฐและผู้ใช้บริการ แทนที่จะเน้นการให้เอกชนเสมอผลตอบแทนสูงสุดกับรัฐเป็นหลัก
จะเข้าข่ายเงื่อนไขข้อ 4.(8) ของประกาศสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เรื่อง รายละเอียดประกาศเชิญชวนเอกสารข้อเสนอการร่วมทุน วิธีการประกาศเชิญชวน วิธีการคัดเลือกของคณะกรรมการคัดเลือก การกำหนดหลักประกันซองและหลักประกันสัญญา พ.ศ.2558 หรือไม่ และ 3.หากมีผู้ผ่านหลักเกณฑ์ข้อ 2 (ข้อเสนอด้านเทคนิค) เพียงรายเดียว ยังสามารถพิจารณาประเด็นที่ว่ารัฐจะได้ประโยชน์ตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 มาตรา 39 ได้อีกหรือไม่ ถ้าสามารถพิจารณาได้ควรพิจารณาหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกอย่างไร
เดือน ต.ค.2559 สคร.มีหนังสือตอบใน 3 ประเด็นดังกล่าว ว่า 1.ไม่ว่ามีผู้เสนอเพียงรายเดียวหรือหลายรายก็ตาม ให้พิจารณาว่าผู้ยื่นข้อเสนอมีเอกสารถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ หากถูกต้องครบถ้วนและคณะกรรมการคัดเลือกเห็นว่ารัฐจะได้ประโยชน์ก็สามารถดำเนินการต่อไปได้
2.คณะกรรมการคัดเลือกฯ มีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 36 (1) แห่ง พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ ปี 2556 ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอในแง่ของผลประโยชน์ที่รัฐจะได้รับทั้งในรูปของตัวเงินและประโยชน์อื่นๆ ให้มีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ในประกาศ สคร. อนึ่งคณะกรรมการคัดเลือกฯ ควรมุ่งเน้นให้การดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2556 ด้วย และ 3.ในกรณีมีผู้ผ่านการพิจารณาเพียงรายเดียว สคร.ก็ให้หลักเกณฑ์พิจารณาไว้ข้างต้น
แต่จนบัดนี้ ทาง ร.ฟ.ท.ก็ยังไม่มีความคืบหน้าว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ขณะที่กลับมีรายงานว่า โครงการดังกล่าว มีความพยายามวิ่งเต้นจากเอกชนทุกวิถีทางเพื่อให้เป็นผู้ชนะได้รับคัดเลือกจาก ร.ฟ.ท.โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า เนื้อหาในหนังสือที่ ร.ฟ.ท.ส่งถึง สคร.นั้น คณะกรรมการคัดเลือกฯ อาจจะเสนอให้มีผู้ผ่านเกณฑ์ด้านเทคนิคเพียงรายเดียว และให้ถือว่าเป็นผู้ชนะการยื่นซองในโครงการนี้ทันที โดยไม่คำนึงถึงข้อเสนอการคิดอัตราค่าบริการเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการ ที่จะเป็นประโยชน์แก่ส่วนร่วมที่ประเทศชาติจะได้รับในอนาคตหรือไม่?:
//-------------
เอกชนฮึ่มฟ้องการรถไฟฯ โครงการแยกสินค้าฉาวส่อสะดุด
แนวหน้า
วันอังคาร ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559, 18.14 น.
จากกรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้ทำการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ตามประกาศเลขที่ คน.1/213/2558 ลงวันที่ 15 มิ.ย.2558 ซึ่งมีมูลค่ารวมราว 4 หมื่นล้านบาท เป็นลักษณะสัมปทาน 20 ปี เอกชนได้รับผลตอบแทน 1.6 พันล้านบาทต่อปี และ ร.ฟ.ท. ได้ผลตอบแทน 500 ล้านบาทต่อปี โดยใช้วิธีเปิดซองพิจารณาทีละหลักเกณฑ์ ได้แก่ 1.คุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอ 2.ข้อเสนอด้านเทคนิค และ 3.ข้อเสนอการคิดอัตราค่าบริการเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการ ซึ่งมีเอกชนเข้าร่วม 3 ราย และทั้ง 3 รายผ่านเกณฑ์ข้อที่ 1 แล้ว แต่ ร.ฟ.ท. กลับเลื่อนกำหนดการพิจารณาหลักเกณฑ์ข้อที่ 2 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. 2559 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2559 ร.ฟ.ท. ออกหนังสือประกาศคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อดำเนินการสรรหาเอกชนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง เรื่อง ประกาศผลการพิจารณาผู้ยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนที่ผ่านการพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิค ตามประกาศเชิญชวนผู้ยื่นข้อเสนอ "ร่วมลงทุน" โครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ฉบับเลขที่ คน.1/213/2558 ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2558
โดยมีใจความว่า คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้พิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิค (หลักเกณฑ์ในข้อที่ 2) แล้วพบว่ามีผู้ได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 80 และคะแนนเป็นรายหัวข้อมากกว่า 50 คะแนนขึ้นไป เพียงรายเดียว คือ กิจการร่วมค้า เอ แอล จี (ประเทศไทย) และให้เอกชนรายดังกล่าว เข้าฟังการเปิดซองพิจารณาในหลักเกณฑ์ข้อที่ 3 (ข้อเสนอการคิดอัตราค่าบริการเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการ) ในวันที่ 11 ม.ค. 2560 เวลา 15.00 น. ณ ห้องประชุมปฏิบัติการรถไฟ ชั้น 3 ตึกบัญชาการรถไฟฯ
ทั้งนี้หลังมีประกาศดังกล่าว ผู้ประกอบการอีก 2 รายที่ร่วมยื่นข้อเสนอเข้าแข่งขันครั้งนี้ และผ่านการพิจารณาในหลักเกณฑ์ข้อที่ 1 (คุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอ) เช่นเดียวกัน คือ บริษัท คอนเทนเนอร์ ดีโป้ กรุงเทพ จำกัด กับ กิจการร่วมค้า อาร์ ซี แอล แอนด์ แอทโซซิเอทส์ ตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นไปได้ที่คณะกรรมการคัดเลือกฯ เสนอให้มีผู้ผ่านเกณฑ์ด้านเทคนิคเพียงรายเดียว และให้ถือว่าเป็นผู้ชนะการยื่นซองในโครงการนี้ทันที โดยไม่คำนึงถึงข้อเสนอการคิดอัตราค่าบริการเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการ ซึ่งเป็นเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อส่วนรวม
เนื่องจากก่อนหน้านี้ วันที่ 19 ก.ย. 2559 ร.ฟ.ท.ได้ส่งหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ให้วินิจฉัยใน 3 ประเด็น คือ 1.ถ้ามีเอกชนผ่านหลักเกณฑ์ข้อ 2 (ข้อเสนอด้านเทคนิค) เพียงรายเดียว จะถือว่าเข้าข่ายมีผู้เสนอรายเดียวตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 มาตรา 39 หรือไม่ 2.หลักเกณฑ์ที่ ร.ฟ.ท.ตั้ง อันมีสาระสำคัญคือให้เอกชนชำระผลตอบแทนต่อ ร.ฟ.ท.ในอัตราคงที่โดยปรับเพิ่มทุก 5 ปีตลอดอายุสัญญา และจะคัดเลือกจากเอกชนที่คิดค่าบริการจากผู้ใช้บริการต่ำที่สุด
อันจะทำให้ได้ประโยชน์ทั้งกับรัฐและผู้ใช้บริการ แทนที่จะเน้นการให้เอกชนเสมอผลตอบแทนสูงสุดกับรัฐเป็นหลัก จะเข้าข่ายเงื่อนไขข้อ 4.(8) ของประกาศสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เรื่อง รายละเอียดประกาศเชิญชวนเอกสารข้อเสนอการร่วมทุน วิธีการประกาศเชิญชวน วิธีการคัดเลือกของคณะกรรมการคัดเลือก การกำหนดหลักประกันซองและหลักประกันสัญญา พ.ศ.2558 หรือไม่
และ 3.หากมีผู้ผ่านหลักเกณฑ์ข้อ 2 (ข้อเสนอด้านเทคนิค) เพียงรายเดียว ยังสามารถพิจารณาประเด็นที่ว่ารัฐจะได้ประโยชน์ตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 มาตรา 39 ได้อีกหรือไม่ ถ้าสามารถพิจารณาได้ควรพิจารณาหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกอย่างไร
ต่อมาในเดือน ต.ค. 2559 สคร.มีหนังสือตอบใน 3 ประเด็นดังกล่าวว่า 1.ไม่ว่ามีผู้เสนอเพียงรายเดียวหรือหลายรายก็ตาม ให้พิจารณาว่าผู้ยื่นข้อเสนอมีเอกสารถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ หากถูกต้องครบถ้วนและคณะกรรมการคัดเลือกเห็นว่ารัฐจะได้ประโยชน์ก็สามารถดำเนินการต่อไปได้
2.คณะกรรมการคัดเลือกฯ มีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 36 (1) แห่ง พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ ปี 2556 ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอในแง่ของผลประโยชน์ที่รัฐจะได้รับทั้งในรูปของตัวเงินและประโยชน์อื่นๆ ให้มีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ในประกาศ สคร. อนึ่งคณะกรรมการคัดเลือกฯ ควรมุ่งเน้นให้การดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2556 ด้วย และ 3.ในกรณีมีผู้ผ่านการพิจารณาเพียงรายเดียว สคร. ก็ให้หลักเกณฑ์พิจารณาไว้ข้างต้น
ทั้งนี้เมื่อ ร.ฟ.ท. ออกประกาศดังกล่าว ซึ่งมี นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ รองผู้ว่าการกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ในฐานะประธานกรรมการคัดเลือก เป็นผู้ลงนาม ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงไม่มีการให้อธิบายหรือให้เหตุผลว่า บริษัทที่ไม่ผ่านการพิจารณามีข้อบกพร่องอย่างไร และเหตุใดถึงปล่อยให้มีผู้ผ่านการพิจารณาหลักเกณฑ์ข้อที่ 2 เพื่อเข้าสู่การพิจารณาหลักเกณฑ์ข้อที่ 3 เพียงรายเดียว
เพราะจะไม่มีใครรู้ว่า บริษัทที่ไม่ผ่านการพิจารณาหลักเกณฑ์ในข้อที่ 2 นั้น ได้เสนอราคาค่าบริการไว้เท่าไหร่ ซึ่งในกรณีนี้อาจจะสูงหรือต่ำกว่า บริษัทที่ผ่านการพิจารณาเพียงบริษัทเดียวก็เป็นไปได้ ที่สำคัญ หลักเกณฑ์ในการเก็บเงินค่าบริการทั้งหมด ที่บริษัทผู้เข้าร่วมประมูลใส่เอาไว้ในซองที่ 3 สมควรที่จะเป็นข้อมูลที่ประชาชนควรจะได้มีโอกาสรับรู้
ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า บริษัทที่ไม่ผ่านการพิจารณาทางด้านเทคนิค เตรียมที่จะยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ใน เร็วๆ นี้
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44036
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44036
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44036
Location: NECTEC
Posted: 26/12/2016 6:03 pm Post subject:
รฟท.เอาจริง! จับปรับดื่มสุรา-สุบบุหรี่บน "รถไฟ" สร้างความรำคาญช่วงปีใหม่
โดย MGR Online
26 ธันวาคม 2559 17:42 น.
สสส.ผนึก รฟท. ตำรวจรถไฟ รณรงค์รับมือปีใหม่ ชูแคมเปญ บนรถไฟและสถานีปลอดบุหรี่และสุรา หวังสร้างความอุ่นใจปลอดภัยกลับถึงบ้าน ย้ำอย่าละเมิดกฎหมายขายดื่มสุรา-สูบบุหรี่และหยุดพฤติกรรมเสี่ยงสร้างความเดือดร้อนรำคาญ
วันนี้ (26 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บังคับการตำรวจรถไฟ ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และภาคีเครือข่าย ร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างความปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ ชูแนวคิดบนรถไฟและสถานี ปลอดบุหรี่และสุราทั้งนี้ในงานมีการจำลองสถานการณ์พฤติกรรมเสี่ยง และผิดกฎหมายบนรถไฟจากนั้นเดินรณรงค์แจกสื่อและติดสติกเกอร์ ข้อความบนรถไฟและสถานี ปลอดบุหรี่และสุรา บริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพง และขบวนบนรถไฟ
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวว่า กิจกรรมรณรงค์ครั้งนี้ เพื่อต้องการสื่อสารกับพ่อค้าแม้ค้า นักท่องเที่ยว ผู้มาใช้บริการรถไฟ และประชาชนทั่วไป ให้รับรู้ถึงผลกระทบจากบุหรี่และสุรา อีกทั้งต้องการสร้างความตระหนักต่อพฤติกรรมเสี่ยง พฤติกรรมไม่เหมาะสมที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุในการเดินทางด้วยรถไฟ ที่สำคัญคือ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายห้ามขาย ห้ามสูบบุหรี่บนรถไฟและสถานี รวมถึงห้ามขายห้ามดื่มสุราบนรถไฟและสถานี ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ลงนามบังคับใช้เมื่อปีที่ผ่านมา อีกทั้งข้อมูลของเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ที่ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกฎหมายนี้ พบกว่า93.53%สนับสนุนเต็มที่ เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทางด้วยรถไฟ คือ44.23%เสียงดังรบกวนสร้างความรำคาญ 29.31%เกิดการทะเลาะวิวาท10.60%เกิดอุบัติเหตุ8.45%ลวนลาม/คุกคามทางเพศ และ7.41%มีการลักขโมย
"ปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่ สสส.และภาคีเครือข่าย ต้องการขยายพื้นที่ปลอดภัยทางสุขภาวะของประชาชนให้คลอบคลุมถึงรถไฟ ทำบนรถไฟและสถานี กลายเป็นพื้นที่สร้างเสริมสุขภาพของประชาชนโดยสมบูรณ์ ขณะเดียวกันประเด็นรณรงค์ควันบุหรี่มือสองในสถานบริการขนส่งสาธารณะ ซึ่งคลอบคลุมถึงรถไฟด้วยนั้น ในภาพรวมถือว่าดีขึ้นมาก สะท้อนจากข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2554 มีผู้พบเห็นคนสูบบุหรี่49.57%แต่ในปี 2557 ลดลงเหลือ24.27% ดังนั้นหากประชาชนช่วยกันเคารพกฎกติกา เคารพสิทธิของผู้อื่น การเดินทางโดยรถไฟในปีใหม่นี้จะเป็นการเดินทางที่ปลอดภัยและมีความสุขอย่างแน่นอน" ดร.สุปรีดา กล่าว
นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การขายและดื่มสุราบนรถไฟเป็นปัญหาใหญ่และส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้โดยสาร ซึ่งการรถไฟฯ ได้ประกาศควบคุมการดื่มสุราบนรถไฟและสถานีรถไฟ ห้ามไม่ให้มีการเร่ขายสุราบนรถไฟเด็ดขาด ซึ่งมีแนวปฏิบัติเป็นขั้นตอนที่ชัดเจน ขณะเดียวกันผู้โดยสารส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายนี้ เพราะช่วยให้ปลอดภัย ลดปัญหาความเดือดร้อนรำคาญจากคนเมาขาดสติ เสียงดังรบกวนผู้โดยสารท่านอื่น ที่สำคัญมีความเสี่ยงที่จะเกิดการทำร้ายร่างกายกันได้ง่าย ซึ่งได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย คุมเข้มขบวนรถไฟให้ปลอดสุรา พร้อมเน้นย้ำพนักงานขับรถ ก่อนขับแอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์ นอกจากนี้ยังมีการตั้งจุดตรวจความปลอดภัย ประจำการรถไฟทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค กรณีฉุกเฉินตลอด24ชั่วโมง ประสานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารประจำสถานีและขบวนรถไฟ และห้ามใช้หลังคาบันไดและบริเวณข้อต่อรถไฟเป็นที่โดยสาร หวังว่าปีใหม่นี้บรรยากาศการเดินทางจะเป็นไปอย่างเรียบร้อย และตระหนักถึงปัญหาพิษภัยจากสุรา
พ.ต.อ.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บังคับการตำรวจรถไฟ กล่าวว่า กองบังคับการตำรวจรถไฟ ร่วมกับทุกฝ่าย ทั้งหน่วยบัญชาการสอบสวนกลาง ตั้งจุดบริการและจุดตรวจสอบใหญ่ทั้งหมด4จุด คือหัวลำโพง แอร์พอร์ตลิ้งมักกะสัน สถานีรถไฟเชียงใหม่ สถานีรถไฟหาดใหญ่ ตั้งแต่วันที่29ธ.ค.59-4ม.ค.60เพื่อช่วยดูแลป้องกันเหตุ และอำนวยความสะดวก จัดสภาพแวดล้อมแก่ผู้โดยสารรถไฟให้ปลอดภัย โดยมีกล้องCCTVคอยช่วยสังเกตการณ์ ทั้งนี้สิ่งที่ยังเป็นปัญหาทุกปี คือ คดีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์สิน เนื่องจากปีที่ผ่านมามีผู้ทำผิดและถูกดำเนินคดีกว่า700 ราย ทั้งนี้ในส่วนของผู้ที่ฝ่าฝืนสูบบุหรี่บนรถไฟและสถานี มีโทษปรับไม่เดิน 2,000 บาท สำหรับผู้ที่ขายหรือดื่มสุรา มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตามปีใหม่นี้ ขอให้ทุกท่านเดินทางด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎหมาย หยุดพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆและไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ผู้อื่น หรือหากพบปัญหาหรือไม่ได้รับความสะดวกปลอดภัย สามารถแจ้งมาได้ที่สายด่วน1194
Back to top
nutsiwat
2nd Class Pass Joined: 03/03/2011 Posts: 684
Location: สถานีเรณูนคร
Posted: 27/12/2016 3:50 pm Post subject:
ถ้าอย่างกรณีที่ ผดส. ที่มาถึงสถานีก่อนที่ขบวนรถไฟยังไม่เข้ามาเทียบท่าที่สถานี ในช่วงขณะที่รออาจจะไปหาอะไรทานแล้วสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาทานก่อนในขณะที่รอขึ้นโดยสารรถไฟ ซึ่งอาจจะได้ที่ถ้าหากมากันหลายคน ขึ้นขบวนรถก็อาจจะมีการพูดคุยกันบนรถไฟเป็นไปได้ แต่ถ้าหากเป็นผู้โดยสารเดินทางมาคนเดียวแล้วหาอะไรทานพร้อมทั้งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย พอขึ้นรถไฟก็อาจจะนอนหลับยาวจนถึงปลายทางเลยก็มีครับ แต่บนขบวนรถไฟไม่ควรที่จะมีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น่าจะดีครับ _________________
--------------------------
สถานีต่อไป สถานีเรณูนคร
next station Renunakorn
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44036
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44036
Location: NECTEC
Posted: 29/12/2016 6:40 pm Post subject:
สถานีรถไฟรังสิตคึกคัก ประชาชนเริ่มทยอยกลับต่างจังหวัด-ถนนมอเตอร์เวย์มีรถมาก
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
29 ธันวาคม 2559 02:52 น. (แก้ไขล่าสุด 29 ธันวาคม 2559 10:27 น.)
ประชาชนทยอยกลับต่างจังหวัดฉลองหยุดยาวปีใหม่ สถานีรถไฟรังสิตเริ่มคึกคัก ถนนพหลโยธินขาออกปริมาณรถของประชาชนที่เดินทางกลับต่างจังหวัดมีจำนวนมากขึ้น ถนนกาญจนาภิเษกมุ่งหน้าบางปะอิน การจราจรติดขัด
เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 28 ธันวาคม 2559 ประชาชนเริ่มทยอยกลับบ้านต่างจังหวัดกันแล้ว สถานีรถไฟรังสิต ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี มีประชาชนมาใช้บริการขึ้นรถไฟกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางคนที่ไม่ได้จองตั๋วไว้ก็จะต้องยืนเพราะที่นั่งเต็ม ส่วนบริเวณถนนพหลโยธินขาออก กม.ที่ 34 ช่องทางด่วน และช่องทางคู่ขนาน เริ่มมีปริมาณรถของประชาชนที่เดินทางกลับต่างจังหวัดจำนวนมากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีปัญหาด้านการจราจรติดขัด
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้มีป้ายบอกเส้นทางที่จะเดินทางขึ้นจังหวัดนครสวรรค์ ให้ใช้เส้นทางเบี่ยงซ้ายเข้าถนนเชียงราก-บางขันธ์ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 347 เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรในถนนสายเอเชีย
ส่วนที่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 29 บนถนนกาญจนาภิเษก ทางหลวงหมายเลข 9 ตำบลบึงคำพร้อย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี มุ่งหน้าบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีรถติดขัดเป็นจำนวนมาก เนื่องจากประชาชนต่างทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นทางสายเหนือ และสายอีสาน ทำให้ถนนสายดังกล่าวมีรถเป็นจำนวนมากตั้งแต่หลักกิโลเมตรที่ 29 ไปจนถึงหลักหน้าด่านเก็บเงินธัญบุรี หลักกิโลเมตรที่ 25 กว่า 5 กิโลเมตร และรถชะลอตัว ก่อนถึงด่านเก็บเงินล่าสุดเมื่อเวลา 00.01 น.ของวันที่ 29 ธันวาคม 2559 เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงด่านเก็บเงินธัญบุรีได้เปิดให้ประชาชนบริการฟรีตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 4 มกราคม 2560
จากการสอบถาม นายลุงดำ กาญกสัง อายุ 70 ปี อาชีพก่อสร้าง จ.สุรินทร์ ซึ่งจะเดินทางกลับ จ.สุรินทร์ ได้บอกว่าตนเองทำงานก่อสร้าง หน่วยงานหยุดตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 5 มกราคม 2560 และตนเองก็กลับบ้านเป็นประจำทุกปีอยู่แล้วเพราะคิดถึงลูกคิดถึงเมียที่อยู่ทางบ้านต่างจังหวัด แต่ไม่ได้ซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้คงจะต้องยืนบนรถจนถึงจังหวัดสุรินทร์อย่างแน่นอน
Back to top