View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46375
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 29/10/2022 8:34 pm Post subject:
อธิบดีกรมรางเผยยุทธศาสตร์ใช้รถไฟความเร็วสูงกระจายความเจริญ ควบคู่สร้างเมืองใหม่
ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 29 ตุลาคม 2565 - 15:17 น.
ดร.พิเชฐ อธิบดีกรมรางเผยยุทธศาสตร์รถไฟความเร็วสูงไทยใช้กระจายความเจริญ สร้างเมืองใหม่ หวังเชื่อมต่อโครงข่ายในระดับภูมิภาค
วันที่ 29 ตุลาคม 2565 ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ในฐานะผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมการประชุม IHRA Forum 2022 ซึ่งจัดโดยสมาคมรถไฟความเร็วสูงระหว่างประเทศ (International High-speed Rail Association : IHRA) เป็นการประชุมระดับนานาชาติที่จัดขึ้นทุกๆ 2 ปี เพื่อหารือและแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง (HSR) ในเชิงกลยุทธ์และการหาแนวทางเพื่อการพัฒนาให้ รถไฟความเร็วสูง เข้ามาแทนที่ การรถไฟแบบเดิม
โดยมีการร่วมศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม สู่การวิจัยและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ต่างๆ โดยการนำหลักการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุและรูปแบบของระบบรถไฟความเร็วสูงที่มีประสิทธิภาพเข้ามาใช้งาน เช่น การขนส่งด้วยความเร็วสูง ปริมาณความจุที่มากขึ้น ความถี่ต่อขบวนที่สูงขึ้น ความทันสมัยและเทคโนโลยีที่ดี มีความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือระดับโลก และเป็นระบบขนส่งหลักที่เชื่อมต่อทุกที่ไว้ด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต โดยการประชุมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนจากนานาประเทศ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 30 ตุลาคม 2565 ณ เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น
ดร.พิเชฐ กล่าวในตอนหนึ่งว่า การพัฒนา HSR เป็นไปตามยุทธศาตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบราง เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายระบบรางในประเทศและในภูมิภาค ให้เป็นระบบการเดินทางและขนส่งหลักของประเทศ กระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค พัฒนาเมืองใหม่ และลดต้นทุนโลจิสติกส์ด้านการขนส่งของประเทศ
รัฐบาลจึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ ที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนาระบบรางให้เป็นระบบการเดินทางและขนส่งของประเทศ โดยพัฒนาโครงข่ายเชื่อมต่อการเดินทางและขนส่ง และบูรณาการร่วมกับระบบคมนาคมอื่น ซึ่งวัตถุประสงค์และกลยุทธ์ที่สำคัญของการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง คือการกระจายความเจริญของเมืองไปสู่ภูมิภาค การพัฒนาเมืองใหม่ และการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานี โดยการพัฒนาแนวเส้นทางโครงข่าย HSR เชื่อมต่อพื้นที่ศักยภาพ เช่น แหล่งท่องเที่ยว และพัฒนาเส้นทางรถไฟทางคู่ เชื่อมต่อนิคมอุตสาหกรรม แหล่งเกษตรกรรม
รองรับการเดินทางเชื่อมต่อไร้รอยต่อ ที่จะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคอาเซียน เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางและการขนส่งของภูมิภาค ไปยังประเทศต่างๆ จึงเป็นยุทธศาสตร์และความท้าทายสำคัญในการพัฒนาระบบรางและ HSR เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางและลดต้นทุนโลจิสติกส์ด้านการขนส่งของประเทศ
ซึ่งระบบ HSR เป็นระบบใหม่ของประเทศไทย จำเป็นต้องพัฒนาทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน (การก่อสร้าง) การบริหารจัดการต่างๆ (การให้บริการเดินรถ การจัดตั้งองค์กรกำกับและให้บริการ) และการพัฒนาบุคลากร รวมทั้งการพัฒนาผลประโยชน์ทั้งหมดอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น การพัฒนาเมืองใหม่ การกระจายความเจริญไปสู่เมืองภูมิภาค เป็นต้น เพื่อให้เป็นระบบที่มีความสอดคล้อง ครอบคลุม เพื่อรองรับการให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดร.พิเชฐ กล่าวในตอนท้าย
ทั้งนี้ สมาคมรถไฟความเร็วสูงระหว่างประเทศ (International High-speed Rail Association : IHRA) เป็นองค์กรแห่งการพัฒนารถไฟความเร็วสูงในยุโรปและเอเชีย โดยใช้หลักการหลีกเลี่ยงความผิดพลาด และวางแนวทางระบบโลจิสติกส์และความปลอดภัยทั้งหมด เพื่อสร้างเป็นมาตรฐานการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง (HSR) ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2014 มีเป้าหมายหลักเพื่อการพัฒนารถไฟความเร็วสูงให้เกิดขึ้นทั่วโลก มุ่งเน้นความร่วมมือกันระหว่างประเทศ มีการแบ่งปันข้อมูล ความรู้และประสบการณ์ต่างๆ เพื่อร่วมมือกันสร้างระบบรถไฟความเร็วสูงที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
เพราะ รถไฟความเร็วสูง ไม่ได้เป็นเพียง ระบบขนส่งความเร็วสูง เท่านั้น แต่จะเป็นระบบที่มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ สังคม และวิถีชีวิตของผู้คน ตลอดจนประเทศและภูมิภาคที่เกิดขึ้นใหม่ที่ต้องการการเดินทางที่มีความสะดวก และการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงมีความปลอดภัย เป็นระบบขนส่งหลักที่เชื่อมต่อทุกที่ไว้ด้วยกัน
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46375
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 31/10/2022 7:44 am Post subject:
เริ่มแล้วHIAสถานีอยุธยา6เดือน
Source - เดลินิวส์
Monday, October 31, 2022 04:11
เม.ย.66 จบส่งยูเนสโก อัพไฮสปีดเทรน 15.5%
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า รฟท. ส่งหนังสือแจ้งมหาวิทยาลัยศิลปากรให้เริ่มงาน (Notice to Proceed : NTP) เพื่อจัดทำรายงานผลกระทบด้านทรัพย์สิน ทางวัฒนธรรม (Heritage Impact Assessment : HIA) ของแหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ระยะ (เฟส) ที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯนครราชสีมา วงเงิน 33.45 ล้านบาท ใช้เวลาดำเนินการ 6 เดือน คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน เม.ย.66 เพื่อเสนอรายงานให้องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) รับทราบต่อไป
ทั้งนี้รายงาน HIA จะศึกษา และประเมินผลกระทบด้านทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่เกิดจากโครงการรถไฟไฮสปีดบริเวณสถานีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อกำหนดแนวทาง และมาตรการลดผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และพื้นที่เกี่ยวเนื่อง โดยสถานีอยุธยาอยู่ในงานสัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า สำหรับความคืบหน้าล่าสุดของการก่อสร้างโครงการรถไฟไฮสปีด เฟสที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ- นครราชสีมา ระยะทาง 253 กม. 14 สัญญา วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท ยังเดินหน้า อย่างต่อเนื่อง ภาพรวมได้ผลงาน 15.5% ปัจจุบันปัญหาต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลงแล้ว อาทิ ขาดแคลนแรงงาน และการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ แต่ยังติดปัญหาการเข้าพื้นที่บางส่วนของหน่วยงานราชการ คาดว่าจะจบเร็ว ๆ นี้ ส่วนการเวนคืนที่ดินชาวบ้าน อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ คาดว่า รฟท. จะได้รับที่ดินพื้นที่แรกต้นปี 66
โครงการฯ ยังเหลืออีก 3 สัญญาที่ต้องเร่งลงนามกับผู้รับจ้าง เพราะหากล่าช้าจะส่งผลกระทบต่อแผนงานภาพรวมได้ โดย 3 สัญญาประกอบด้วย สัญญาที่ 3-1 ช่วงแก่งคอย-กลางดง และช่วงปางอโศก-บันไดม้า ระยะทาง 30.2 กม. อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดที่มีการฟ้องร้องกันในขั้นตอนการประมูล ฝ่ายอาณาบาล รฟท. กำลังเร่งทำคำขอแถลงต่อศาลถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ รฟท. ต้องดำเนินการในสัญญานี้
สัญญาที่ 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง 15.2 กม. อยู่ระหว่างแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) โดยบริษัท เอเชีย เอราวัน จำกัด ที่มีกลุ่มซีพีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ผู้รับสัมปทานโครงการฯจะเป็นผู้ก่อสร้างงานโครงสร้างร่วมในช่วงที่มีแนวเส้นทางทับซ้อนกัน ตามมาตรฐานของรถไฟไฮสปีดไทย-จีน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างต้นปี 66
และสัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว 13.3 กม. อยู่ระหว่างกรมบัญชีกลางพิจารณาว่า รฟท. สามารถลงนามกับ บริษัท บุญชัยพาณิชย์ (1979) จำกัด ผู้รับจ้างได้หรือไม่ เนื่องจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) ผู้ชนะประมูลในสัญญาแต่บริษัทฯ ไม่ยืนราคา รฟท. จึงเชิญผู้เสนอราคาต่ำสุดลำดับที่ 2 มาเจรจาราคา แต่ไม่มา จึงต้องเชิญผู้เสนอราคาต่ำสุดลำดับ ที่ 3 ได้แก่ บริษัท บุญชัยพาณิชย์ฯ มาเจรจาราคา ตั้งเป้าหมายว่าภายในเดือน พ.ย. 65 ต้องได้ข้อสรุปหากไม่ได้ต้องเร่งเปิดประมูลสัญญาที่ 4-5 ใหม่
ส่วนความคืบหน้าอีก 11 สัญญานั้น แล้วเสร็จ 1 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 1-1 สถานีกลางดง-ปางอโศก 3.5 กม., อยู่ระหว่างก่อสร้าง 9 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 2-1 ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก 11 กม. คืบหน้า 94.44% คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 66, สัญญาที่ 3-2 งานอุโมงค์มวกเหล็ก และลำตะคอง 12.2 กม. คืบหน้า 4.16%, สัญญาที่ 3-3 ช่วงบันไดม้า-ลำตะคอง 26.1 กม. คืบหน้า 13.93%, สัญญาที่ 3-4 ช่วงลำตะคอง-สีคิ้ว และช่วงกุดจิก-โคกกรวด 37.4 กม. คืบหน้า 38.20%, สัญญาที่ 3-5 ช่วงโคกกรวด-นครราชสีมา 12.3 กม. คืบหน้า 2.36%, สัญญาที่ 4-2 ช่วงดอนเมือง-นวนคร 21.8 กม. คืบหน้า 0.08%
สัญญาที่ 4-3 ช่วงนวนคร-บ้านโพ 23 กม. คืบหน้า 4.08%, สัญญาที่ 4-6 ช่วงพระแก้ว-สระบุรี 31.6 กม. คืบหน้า 0.13% และสัญญาที่ 4-7 ช่วงสระบุรี-แก่งคอย 12.9 กม. คืบหน้า 27.92%, ลงนามสัญญาแล้ว อยู่ระหว่างเตรียมพื้นที่ก่อสร้าง 1 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 4-4 ศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย อยู่ระหว่างทำเข็มทดสอบ และเร่งเวนคืนที่ดิน คาดว่าจะได้พื้นที่เดือน ก.พ.66 และเริ่มก่อสร้าง ทั้งนี้รฟท. ตั้งเป้าหมายโครงการรถไฟไฮสปีด เฟสที่ 1 ซึ่งเริ่มก่อสร้างเมื่อปี 60 แล้วเสร็จ และทดสอบเดินรถเสมือนจริงได้ในปี 69 ก่อนเปิดบริการจริงต้นปี 70.
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 31 ต.ค. 2565
Dailynews - ข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์
31 ต.ค. 65 22:37 น.
เริ่มแล้วHIAสถานีอยุธยารถไฟไฮสปีดกทม.-โคราช
*จ้าง 33ล้าน 6เดือนเม.ย.66จบส่งรายงานยูเนสโก
*อัพเดทงานก่อสร้าง15.5%เหลือ3สัญญายังติดปม
*รอศาลปกครอง-แนวเส้นทางซ้อน-เลือกราคาต่ำ3
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/669439457966625 Last edited by Mongwin on 01/11/2022 7:06 am; edited 1 time in total
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43425
Location: NECTEC
Posted: 31/10/2022 8:14 pm Post subject:
กรมราง บินด่วนประชุม IHRA Forum 2022 ลุยพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง
หน้าเศรษฐกิจ-ธุรกิจ
ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล |
วันที่ 30 ตุลาคม 2565 เวลา 9:40 น.
กรมราง ร่วมประชุม IHRA Forum 2022 หวังพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง (HSR) เชื่อมต่อการเดินทาง ลดต้นทุนโลจิสติกส์ ขึ้นแท่นระบบขนส่งหลักมีประสิทธิภาพทั่วโลก
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า กรมฯในฐานะผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมการประชุม IHRA Forum 2022 ซึ่งจัดโดยสมาคมรถไฟความเร็วสูงระหว่างประเทศ (International High-speed Rail Association : IHRA) เป็นการประชุมระดับนานาชาติที่จัดขึ้นทุกๆ 2 ปี เพื่อหารือและแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง (HSR) ในเชิงกลยุทธ์และการหาแนวทางเพื่อการพัฒนาให้ รถไฟความเร็วสูง เข้ามาแทนที่ การรถไฟแบบเดิม
กรมราง บินด่วนประชุม IHRA Forum 2022 ลุยพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง
ทั้งนี้การร่วมศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม สู่การวิจัยและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ต่างๆ โดยการนำหลักการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุและรูปแบบของระบบรถไฟความเร็วสูงที่มีประสิทธิภาพเข้ามาใช้งาน เช่น การขนส่งด้วยความเร็วสูง ปริมาณความจุที่มากขึ้น ความถี่ต่อขบวนที่สูงขึ้น ความทันสมัยและเทคโนโลยีที่ดี มีความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือระดับโลก และเป็นระบบขนส่งหลักที่เชื่อมต่อทุกที่ไว้ด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต โดยการประชุมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนจากนานาประเทศ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 - 30 ตุลาคม 2565 ณ เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น
ขณะเดียวกันการพัฒนา HSR เป็นไปตามยุทธศาตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบราง เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายระบบรางในประเทศและในภูมิภาค ให้เป็นระบบการเดินทางและขนส่งหลักของประเทศ กระจายความเจริญไปสู่ภูภาค พัฒนาเมืองใหม่ และลดต้นทุนโลจิสติกส์ด้านการขนส่งของประเทศ รัฐบาลจึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ ที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนาระบบรางให้เป็นระบบการเดินทางและขนส่งของประเทศ โดยพัฒนาโครงข่ายเชื่อมต่อการเดินทางและขนส่ง และบูรณาการร่วมกับระบบคมนาคมอื่น ซึ่งวัตถุประสงค์และกลยุทธ์ที่สำคัญของการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง คือการกระจายความเจริญของเมืองไปสู่ภูมิภาค การพัฒนาเมืองใหม่ และการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานี
กรมราง บินด่วนประชุม IHRA Forum 2022 ลุยพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง
ส่วนการพัฒนาแนวเส้นทางโครงข่าย HSR เชื่อมต่อพื้นที่ศักยภาพ เช่น แหล่งท่องเที่ยว และพัฒนาเส้นทางรถไฟทางคู่ เชื่อมต่อนิคมอุตสาหกรรม แหล่งเกษตรกรรม รองรับการเดินทางเชื่อมต่อไร้รอยต่อ ที่จะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคอาเซียน เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางและการขนส่งของภูมิภาค ไปยังประเทศต่างๆ จึงเป็นยุทธศาสตร์และความท้าทายสำคัญในการพัฒนาระบบรางและ HSR เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางและลดต้นทุนโลจิสติกส์ด้านการขนส่งของประเทศ
สำหรับระบบ HSR เป็นระบบใหม่ของประเทศไทย จำเป็นต้องพัฒนาทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน (การก่อสร้าง) การบริหารจัดการต่างๆ (การให้บริการเดินรถ การจัดตั้งองค์กรกำกับและให้บริการ) และการพัฒนาบุคลากร รวมทั้งการพัฒนาผลประโยชน์ทั้งหมดอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น การพัฒนาเมืองใหม่ การกระจายความเจริญไปสู่เมืองภูมิภาค เป็นต้น เพื่อให้เป็นระบบที่มีความสอดคล้อง ครอบคลุม เพื่อรองรับการให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้สมาคมรถไฟความเร็วสูงระหว่างประเทศ (International High-speed Rail Association : IHRA) เป็นองค์กรแห่งการพัฒนารถไฟความเร็วสูงในยุโรปและเอเชีย โดยใช้หลักการหลีกเลี่ยงความผิดพลาด และวางแนวทางระบบโลจิสติกส์และความปลอดภัยทั้งหมด เพื่อสร้างเป็นมาตรฐานการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง (HSR) ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2014 มีเป้าหมายหลักเพื่อการพัฒนารถไฟความเร็วสูงให้เกิดขึ้นทั่วโลก มุ่งเน้นความร่วมมือกันระหว่างประเทศ มีการแบ่งปันข้อมูล ความรู้และประสบการณ์ต่างๆ เพื่อร่วมมือกันสร้างระบบรถไฟความเร็วสูงที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพราะรถไฟความเร็วสูง ไม่ได้เป็นเพียงระบบขนส่งความเร็วสูง เท่านั้น แต่จะเป็นระบบที่มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ สังคม และวิถีชีวิตของผู้คน ตลอดจนประเทศและภูมิภาคที่เกิดขึ้นใหม่ที่ต้องการการเดินทางที่มีความสะดวก และการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงมีความปลอดภัย เป็นระบบขนส่งหลักที่เชื่อมต่อทุกที่ไว้ด้วยกัน
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46375
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 01/11/2022 2:53 pm Post subject:
โครงการรถไฟความเร็วสูง สัญญาที่ 3-5 เดือน ตุลาคม 2565
กิจการร่วมค้า SPTK
Nov 1, 2022
https://www.youtube.com/watch?v=UqeRqFOdCt0
'สนข.' กางแผนพัฒนา TOD 1.9 พันไร่ รุกไฮสปีด-ทางคู่
Source - ฐานเศรษฐกิจ
Wednesday, November 02, 2022 05:42
"สนข." เปิดแผนพัฒนา TOD พื้นที่ 1.9 พันไร่ บูมเส้นทางไฮสปีด- รถไฟทางคู่ เล็งชงคมนาคมเคาะภายในปีนี้ เล็งทบทวนร่างพ.ร.บ.ใหม่ หลังสศช.ตีกลับสั่งศึกษาใช้กฎหมาย เดิมให้รอบคอบ ลุ้นท้องถิ่นเปิดประมูล PPP ดึงเอกชนร่วมทุน
การขยายโครงข่ายรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง นอกจากเชื่อมการเดินทางระหว่างเมืองแล้ว ยังต้องใช้พื้นที่รอบสถานีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามแผนพัฒนา พื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) ต่อเรื่องนี้ นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) ที่ผ่านมาสนข.ได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษารายละเอียดความเหมาะสมของโครงการฯ ซึ่งใช้ระยะเวลาศึกษาราว 2 ปี ปัจจุบันบริษัทที่ปรึกษาอยู่ระหว่างสรุปผลการศึกษาโครงการฯ เพื่อเสนอต่อสนข. หลังจากนั้นจะเสนอต่อกระทรวงคมนาคม ภายในปีนี้ และจะเสนอต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณา ภายในต้นปี 2566
"จากผลการศึกษาโครงการฯ จะดำเนินการจัดแผนพัฒนาระยะสั้น-ระยะกลาง-ระยะยาว ซึ่งจะนำร่องพัฒนาโครงการ 3 จังหวัด ประกอบด้วย สถานีรถไฟอยุธยา, สถานีรถไฟขอนแก่น และสถานี รถไฟชลบุรี โดยสถานีที่นำร่องนั้นจะพัฒนาพื้นที่โดยรอบในรูปแบบมิกซ์ยูสควบคู่การพัฒนารถไฟทางคู่และโครงการรถไฟความเร็วสูงซึ่งสนข.พยายามให้ประชาชนผู้ใช้บริการสามารถใช้ประโยชน์จากสถานีโดยรอบได้มากที่สุด ทั้งนี้สาเหตุที่สนข.เลือกพัฒนาทั้ง 3 จังหวัด เนื่องจากเป็นสถานีที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว อีกทั้งเป็นประตูที่เชื่อมโยงสู่ภาคอีสานและภาคตะวันออก"
หากสศช.พิจารณาเห็นชอบแล้วเสร็จ จะเสนอผู้ที่มีอำนาจหรือคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติโครงการฯ หรือไม่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสศช.เป็นผู้พิจารณาด้วยว่าจะให้สนข.เสนอต่อหน่วยงานใดเพื่ออนุมัติโครงการฯต่อไป ส่วนการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) TOD นั้น ที่ผ่านมาสนข.ได้มีการหารือร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เบื้องต้น ทางสศช.ให้ความคิดเห็นว่าหากมีกฎหมายเดิมที่สามารถบังคับใช้ร่วมกับโครงการฯดังกล่าวได้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องออกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) TOD เพิ่มเติม แต่ถ้าในกรณีที่กฎหมายเดิมไม่สามารถบังคับใช้ร่วมกับรายละเอียดของโครงการฯในบางประเด็นได้ก็ควรดำเนินการ
ขณะนี้สนข.อยู่ระหว่างเร่งศึกษาและทบทวนในเรื่องนี้ด้วย คาดว่าจะได้ข้อสรุปเพื่อเสนอต่อสศช.พิจารณาพร้อมกับผลการศึกษาการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) ทั้งนี้สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) TOD เกี่ยวข้องกับการกำหนดอำนาจหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการ รวมทั้งรายละเอียดวิธีการพัฒนาของโครงการฯ
นอกจากนี้รูปแบบการร่วมลงทุนของโครงการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) เบื้องต้นจากผลการศึกษาสนข.จะใช้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ระยะเวลา 30 ปี โดยผู้ที่รับผิดชอบดูแลโครงการฯจะเป็นอำนาจของหน่วยงานในท้องถิ่น ซึ่งไม่ใช่กระทรวงคมนาคม ทั้งนี้หากหน่วยงานท้องถิ่นมีความสนใจจะดำเนินการโครงการฯในรูปแบบ PPP จะต้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ด้วย
สำหรับแผนศึกษา TOD ทั้ง 3 แห่ง รวมพื้นที่ 1,943 ไร่ ดังนี้ 1. สถานีรถไฟขอนแก่น พื้นที่ 837 ไร่ เป็น TOD ศูนย์ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีแนวคิดในการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีให้เป็นศูนย์ กลางเมืองขอนแก่นแห่งใหม่ ที่มีการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างผสมผสานมีการเชื่อมโยงกันระหว่างพื้นที่ชุมชนเดิมและชุมชนใหม่ เพิ่มพื้นที่สำหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เชื่อมกับสถานีรถไฟความเร็วสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้สถานีรถไฟขอนแก่น ได้แบ่งการพัฒนาตามแนวทางของ TOD ได้เป็น 8 โซน โซนที่ 1 ย่านสถานีรถไฟทางคู่และรถไฟความ เร็วสูง, ที่พักเจ้าหน้าที่ ฯลฯ ด้านโซนที่ 2 ย่านพาณิชยกรรมและศูนย์กลาง TOD จุดเปลี่ยนถ่ายเชื่อมต่อการเดินทางหน้าสถานี เหมาะพัฒนาแบบผสมผสานเป็นอาคารศูนย์การค้า ฯลฯ โซนที่ 3 ย่านที่พักอาศัยและส่งเสริมอัตลักษณ์พื้นถิ่น เช่น คอนโดมิเนียมที่มีความสูงไม่เกิน 8 ชั้น ผสมผสานกับพื้นที่พาณิชยกรรมเดิม เชื่อมต่อกับส่วนสถานีรถไฟด้วยทางเดินเท้าทางจักรยาน ส่วนโซนที่ 4 ย่านประตูเมืองขอนแก่น-ศูนย์กลางธุรกิจ และ MICE ด้วยที่ตั้งที่มีศักยภาพเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟ 2 สถานี และเชื่อมกับรถไฟความเร็วสูง เหมาะแก่การพัฒนาพื้นที่แบบผสมผสานเป็นอาคารสำนักงาน ศูนย์ประชุม โรงแรมหรู อุตสาหกรรม MICE และที่พักอาศัยชั้นดี
ด้านโซนที่ 5 ย่านพัฒนานวัตกรรมและที่พักอาศัยคนรุ่นใหม่ ศูนย์กลางการพัฒนานวัตกรรม กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเบา SME และโซนที่ 6 ศูนย์กลางพาณิชกรรมระดับภูมิภาค ศูนย์กลางพาณิชยกรรมทั้งศูนย์การค้าระดับภูมิภาค ศูนย์ค้าปลีก ฯลฯ โซนที่ 7 ย่านการศึกษา-พักอาศัยและการพัฒนาแบบผสมผสาน เป็นที่ตั้งสถานศึกษาเดิมในพื้นที่ติดถนน พัฒนาแบบผสมผสานเป็นสำนักงาน พาณิชย กรรม และโซนที่ 8 ย่านชุมชนเมือง เน้นการพัฒนาเป็นที่พักอาศัย ที่มีคุณภาพของชุมชนเมืองและชุมชนเดิมในพื้นที่ ทั้งศูนย์การค้า ร้านค้าปลีก สำนักงานและโรงแรมที่พัก
2. สถานีรถไฟอยุธยา พื้นที่ 206 ไร่ เป็น TOD ศูนย์กลางเมืองภาคกลาง ตัวแทนกลุ่มแนวเส้นทางรถไฟสายเหนือ โดยมีแนวคิดในการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีให้สอดคล้องกลมกลืนกัน ระหว่างความเป็นเมืองเก่ากับความทันสมัย เน้นการเชื่อมต่อพื้นที่สถานีความเร็วสูงที่จะเป็นศูนย์กลางเมืองใหม่เข้ากับพื้นที่ชุมชนเมืองเดิมด้วยสะพานทางเดินข้ามแม่น้ำ ท่าเรือข้ามฟาก และระบบขนส่งมวลชนรอง (Feeder) เพิ่มพื้นที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่ที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟความเร็วสูงอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมพื้นที่สาธารณะภายในเมืองด้วยโครงข่ายพื้นที่สีเขียว ทางจักรยาน ทางเท้า และทางยกระดับ รักษาสมดุลของการอนุรักษ์และพัฒนา
นอกจากนี้ สถานีรถไฟ อยุธยาแบ่งพื้นที่ TOD เป็น 5 โซน โซนที่ 1 ย่านสถานีรถไฟทางคู่และสถานี รถไฟความเร็วสูง มีอาคารสถานี, อาคารสำนักงาน ที่พัก,เจ้าหน้าที่ โซนที่ 2 ย่านพาณิชยกรรมรองรับการค้าและบริการขนาดใหญ่ริมถนนโรจนะ เช่น ศูนย์การค้าหรือศูนย์ค้าปลีก โรงแรม ศูนย์การ ประชุมสัมมนา และคอนโดมิเนียม ด้านโซนที่ 3 ย่านผสมผสานพาณิชยกรรมรองรับศูนย์กลางการค้าและบริการท่องเที่ยว (High Street Retail) และอพาร์ตเมนต์ให้เช่ารองรับนักท่องเที่ยว ส่วนโซนที่ 4 ย่านผสมผสานพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัย และโซนที่ 5 ย่านที่พักอาศัยชั้นดี สำหรับผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยในอยุธยาระยะยาว
ที่มา: นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 3 - 5 พ.ย. 2565 Last edited by Mongwin on 03/11/2022 7:14 am; edited 1 time in total
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43425
Location: NECTEC
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46375
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46375
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 08/11/2022 6:24 am Post subject:
"ศักดิ์สยาม" ถก คกก.ร่วมรถไฟไทย-จีน เร่งแบบ "หนองคาย-เวียงจันทน์" ดันสะพานใหม่เชื่อม "สิงคโปร์-คุนหมิง"
เผยแพร่: 7 พ.ย. 2565 18:55
ปรับปรุง: 7 พ.ย. 2565 18:55
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ศักดิ์สยาม และ "หลิน เนี่ยนซิว" ประชุม คกก.รถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 30 อัปเดตก่อสร้างไฮสปีด กรุงเทพ-นครราชสีมา -หนองคาย เตรียมนัด 3 ฝ่าย "ไทย-ลาว-จีน" แก้ปัญหาขนส่ง "หนองคาย-เวียงจันทน์" พร้อมดันสะพานใหม่เชื่อมทะลุสิงคโปร์-คุนหมิง
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และนายหลิน เนี่ยนซิว รองประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน (NDRC) เป็นประธานร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 30 ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบการประชุมทางไกล โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางราง กรมทางหลวง สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร การรถไฟแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เข้าร่วมการประชุม
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 30 ถือเป็นก้าวที่สำคัญต่อการเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพระบบโลจิสติกส์ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในอนาคต โดยกระทรวงคมนาคมได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงโครงการรถไฟความเร็วสูง ระหว่างไทย-จีน และการเชื่อมโยงโครงข่ายทางรถไฟ ไทย-ลาว-จีน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาคที่ยั่งยืน รวมถึงเพื่อผลักดันการดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างไทย-จีน ให้มีความคืบหน้าและบรรลุเป้าหมายตามที่ผู้นำของทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกัน
ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมฯ ไทย-จีน ครั้งที่ 30 ได้มีข้อสรุปร่วมกันใน 5 ประเด็น ดังนี้
1. ฝ่ายไทยได้นำเสนอความก้าวหน้างานโยธาโครงการฯ ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร โดยฝ่ายจีนได้รับทราบว่า งานโยธาส่วนใหญ่ได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยทั้งสองฝ่ายจะใช้ความพยายามอย่างสูงสุดเพื่อให้สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามแผนงาน
2. ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบที่จะดำเนินความร่วมมือโครงการฯ ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 355 กิโลเมตร ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของไทย โดยฝ่ายไทยได้นำเสนอความก้าวหน้าและแผนการดำเนินการโครงการฯ ระยะที่ 2 ว่าปัจจุบันได้ดำเนินการออกแบบรายละเอียดงานโยธาแล้วเสร็จ
3. ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟระหว่าง "หนองคาย-เวียงจันทน์" และเห็นชอบว่า ควรให้มีการประชุมไตรภาคีระหว่างไทย ลาว และจีน ในทุกระดับ โดยคำนึงถึงกำหนดการที่มีความเหมาะสมสำหรับทั้งสามฝ่ายเป็นสำคัญ เพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการลดอุปสรรค และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ การอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์และการขนส่งระหว่างสามประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
4. ทั้งสองฝ่ายหารือเกี่ยวกับแผนการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงใหม่ โดยฝ่ายไทยแจ้งว่าอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมของการสร้างสะพานรถไฟและรถยนต์แห่งใหม่ ภายหลังจากศึกษาความเหมาะสมแล้วเสร็จ ฝ่ายไทยจะเริ่มออกแบบรายละเอียดต่อไป โดยฝ่ายจีนจะมีส่วนร่วมในการประสานงานและสนับสนุนผลักดันโครงการให้มีความก้าวหน้า และทั้งสองฝ่ายเห็นควรให้มีการเชื่อมต่อทางรถไฟเส้นทางสิงคโปร์-คุนหมิงโดยเร็ว โดยเฉพาะการเชื่อมต่อโครงข่ายระหว่างไทย-ลาว-จีน
5. ทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำถึงความสำคัญของการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าที่ด่านตรวจชายแดน และเสนอให้มีความพยายามดำเนินการให้มีการขนส่งสินค้าได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภทเน่าเสียง่าย
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบกำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมครั้งที่ 31 ภายหลังการประชุมไตรภาคีระหว่างไทย ลาว และจีน เกี่ยวกับโครงการรถไฟเชื่อมต่อระหว่างหนองคาย-เวียงจันทน์ต่อไป เพื่อให้เกิดพัฒนาความเชื่อมโยงระบบรางระหว่างภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรมอันจะนำมาสู่ประโยชน์ในการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46375
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46375
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43425
Location: NECTEC
Posted: 09/11/2022 4:24 pm Post subject:
ศักดิ์สยาม ประชุมร่วมรถไฟไทย-จีน เล็งขยายโครงข่ายสู่มาเลเซียและสิงคโปร์
ในประเทศ
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 เวลา 18:58 น.
ศักดิ์สยามเผยหลังการประชุม คกก. ร่วมรถไฟไทย-จีน หารือความคืบหน้าสร้างสะพานมิตภาพไทย-ลาวแห่งใหม่ เล็งขยายโครงข่ายสู่สิงคโปร์
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และนายหลิน เนี่ยนซิว รองประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน (NDRC) เป็นประธานร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 30 ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบการประชุมทางไกล
ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย จึงได้ผลักดันให้เกิดการส่งเสริมความเชื่อมโยงภายในประเทศไทย อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และอาเซียน จึงเร่งรัดการดำเนินการความร่วมมือรถไฟไทย-จีนโดยมีเป้าหมายหลักในการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เสริมสร้างความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทานโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังตามนโยบายของรัฐบาล
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 30 ถือเป็นก้าวที่สำคัญต่อการเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพระบบโลจิสติกส์ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในอนาคต
โดยกระทรวงคมนาคมได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงโครงการรถไฟความเร็วสูง ระหว่างไทย-จีน และการเชื่อมโยงโครงข่ายทางรถไฟ ไทย-ลาว-จีน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาคที่ยั่งยืน รวมถึงเพื่อผลักดันการดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างไทย-จีน ให้มีความคืบหน้าและบรรลุเป้าหมายตามที่ผู้นำของทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันซึ่งมีข้อสรุปสําคัญจากการประชุม ดังนี้
1. ฝ่ายไทยได้นำเสนอความก้าวหน้างานโยธาโครงการ ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา โดยฝ่ายจีนได้รับทราบว่างานโยธาส่วนใหญ่ได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยทั้งสองฝ่ายจะใช้ความพยายามอย่างสูงสุดเพื่อให้สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามแผนงาน
2. ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบที่จะดำเนินความร่วมมือโครงการ ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคายภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของไทย โดยฝ่ายไทยได้นำเสนอความก้าวหน้าและแผน การดำเนินการโครงการ ระยะที่ 2 (นครราชสีมา-หนองคาย) ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการออกแบบรายละเอียดงานโยธาแล้วเสร็จ
Advertisement
3. ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟระหว่างหนองคาย-เวียงจันทน์และเห็นชอบว่าควรให้มีการประชุมไตรภาคีระหว่างไทย ลาว และจีน ในทุกระดับ โดยคำนึงถึงกำหนดการที่มีความเหมาะสมสำหรับทั้งสามฝ่ายเป็นสำคัญ เพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการลดอุปสรรค และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ การอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์และการขนส่งระหว่างสามประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
4. ทั้งสองฝ่ายหารือเกี่ยวกับแผนการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงใหม่ ฝ่ายไทยแจ้งว่าอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมของการสร้างสะพานรถไฟและรถยนต์แห่งใหม่ ภายหลังจากศึกษาความเหมาะสมแล้วเสร็จ ฝ่ายไทยจะเริ่มออกแบบรายละเอียดต่อไป โดยฝ่ายจีนจะมีส่วนร่วมในการประสานงานและสนับสนุนผลักดันโครงการให้มีความก้าวหน้า และทั้งสองฝ่ายเห็นควรให้มีการเชื่อมต่อทางรถไฟเส้นทางสิงคโปร์-คุนหมิงโดยเร็ว โดยเฉพาะการเชื่อมต่อโครงข่ายระหว่างไทย-ลาว-จีน
5. ทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำถึงความสำคัญของการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าที่ด่านตรวจชายแดน และเสนอให้มีความพยายามดำเนินการให้มีการขนส่งสินค้าได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภทเน่าเสียง่าย
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบกําหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมครั้งที่ 31 ภายหลังการประชุมไตรภาคีระหว่างไทย ลาว และจีน เกี่ยวกับโครงการรถไฟเชื่อมต่อระหว่างหนองคาย-เวียงจันทน์ต่อไปเพื่อให้เกิดพัฒนาความเชื่อมโยงระบบรางระหว่างภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรมอันจะนำมาสู่ประโยชน์ในการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
Back to top