View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 48291
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 25/01/2024 1:29 pm Post subject:
รฟท.ปล่อยขบวนรถไฟตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็น ประเดิมขนส่งผลผลิตการเกษตรมูลนิธิโครงการหลวง
ผู้จัดการออนไลน์ 25 ม.ค. 2567 12:58
วันนี้ (25 ม.ค.) พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนรถไฟตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นแบบเคลื่อนที่ประสิทธิภาพสูงเพื่อใช้ขนส่งผลิตผลโครงการหลวง จากภาคเหนือสู่ภาคใต้ โดยมี นายอวิรุทธ์ ทองเนตร รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย รศ.ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการ จ.ลำพูน และคณะผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมพิธีที่สถานีรถไฟลำพูน จ.ลำพูน
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่การรถไฟฯ ร่วมมือกับมูลนิธิโครงการหลวง และศูนย์วิจัยนวัตกรรมโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการพัฒนายกระดับระบบขนส่งโลจิสติกส์ผลิตผลทางการเกษตรโครงการหลวงให้มีประสิทธิภาพ ผ่านขบวนรถไฟตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นแบบเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูง ขณะนี้การรถไฟฯ มีความพร้อมที่จะเริ่มขนส่งผลผลิตทางการเกษตรของมูลนิธิโครงการหลวงเป็นขบวนแรก ในวันที่ 25 มกราคม 2567 โดยเริ่มจากสถานีลำพูน จ.ลำพูน ไปยังสถานีบางกล่ำจ.สงขลา จำนวน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนัก 8 ตัน ซึ่งมีผลิตผลทางการเกษตร อาทิ ผัก ผลไม้ ดอกไม้
ทั้งนี้ การขนส่งด้วยขบวนรถไฟตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นแบบเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูง ถือเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ สำหรับใช้ในการจัดเก็บและขนส่งผลิตผลทางการเกษตรตามโมเดลเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน ซึ่งจะช่วยลดการเน่าเสีย ลดต้นทุนการขนส่ง และยืดอายุของผลิตผลทางการเกษตร ที่สำคัญยังสามารถติดตาม ตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์แบบเรียลไทม์ จึงถือเป็นความได้เปรียบทางการแข่งขันในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ นำมาสู่โอกาสการขยายตลาดของมูลนิธิในอนาคต ตลอดจนช่วยยกระดับการขนส่งผลิตผลทางการเกษตรทางรางให้มีประสิทธิภาพ ต้นทุนต่ำ ปลอดภัย ประหยัดพลังงาน
นายเอกรัช กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าทางรถไฟ ที่สามารถเชื่อมโยงจากแหล่งวัตถุดิบไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ทั่วประเทศสอดคล้องกับนโยบายของนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟฯ ที่สนับสนุนให้การรถไฟฯ เข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งเสริมเศรษฐกิจภายในประเทศ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ให้ประชาชนเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ตลอดจนช่วยเพิ่มขีดความสามารถการขนส่งให้กับภาคการเกษตร รองรับปริมาณการขนส่งสินค้า ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ
ทั้งนี้ การรถไฟฯ มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงข่าย เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางรางอย่างต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งผู้โดยสารและสินค้า พร้อมกับขยายการให้บริการขนส่งสินค้าหลายประเภทในหลายเส้นทาง ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคให้เติบโต ยกระดับระบบการขนส่งทางรางของไทย สู่การเป็นศูนย์กลางระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพของภูมิภาคต่อไป
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 48291
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 25/01/2024 3:21 pm Post subject:
ขบวนปฐมฤกษ์! รถไฟตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็น ขนผลิตผลโครงการหลวง จากเหนือสู่ใต้
เดลินิวส์ 25 มกราคม 2567 14:36 น.
นวัตกรรมขนส่ง
รฟท. ปล่อยขบวนรถไฟตู้คอนเทนเนอร์แบบห้องเย็น นวัตกรรมใหม่ช่วยลดปัญหาเน่าเสียม ประเดิมขนส่งผลิตผลโครงการหลวง จาก ลำพูน ภาคเหนือสู่ภาคใต้ ขบวนแรก 25 ม.ค. ขนส่งผัก-ผลไม้-ดอกไม้ 8 ตัน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ ยกระดับขนส่งสินค้าทางราง
เมื่อวันที่ 25 ม.ค. นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนรถไฟ ตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นแบบเคลื่อนที่ประสิทธิภาพสูง เพื่อใช้ขนส่งผลิตผลโครงการหลวง จากภาคเหนือสู่ภาคใต้ ที่สถานีรถไฟลำพูน จ.ลำพูน ซึ่งขบวนดังกล่าว เป็นความร่วมมือระหว่าง รฟท., มูลนิธิโครงการหลวง และศูนย์วิจัยนวัตกรรมโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการพัฒนายกระดับระบบขนส่งโลจิสติกส์ผลิตผลทางการเกษตรโครงการหลวงให้มีประสิทธิภาพ ผ่านขบวนรถไฟตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นแบบเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูง
นายเอกรัช กล่าวต่อว่า รฟท. ได้เริ่มขนส่งผลผลิตทางการเกษตรของมูลนิธิโครงการหลวงเป็นขบวนแรก ในวันที่ 25 ม.ค.67 โดยเริ่มจากสถานีลำพูน จ.ลำพูน ไปยังสถานีบางกล่ำ จ.สงขลา จำนวน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนัก 8 ตันซึ่งมีผลิตผลทางการเกษตร อาทิ ผัก ผลไม้ ดอกไม้ ทั้งนี้การขนส่งด้วยขบวนรถไฟตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นแบบเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูง ถือเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ สำหรับใช้ในการจัดเก็บ และขนส่งผลิตผลทางการเกษตรตามโมเดลเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน ซึ่งจะช่วยลดการเน่าเสีย ลดต้นทุนการขนส่ง และยืดอายุของผลิตผลทางการเกษตร ที่สำคัญยังสามารถติดตาม ตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์แบบเรียลไทม์ จึงถือเป็นความได้เปรียบทางการแข่งขันในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ นำมาสู่โอกาสการขยายตลาดของมูลนิธิในอนาคต ตลอดจนช่วยยกระดับการขนส่งผลิตผลทางการเกษตรทางรางให้มีประสิทธิภาพ ต้นทุนต่ำ ปลอดภัย ประหยัดพลังงาน
นายเอกรัช กล่าวอีกว่า สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าทางรถไฟ ที่สามารถเชื่อมโยงจากแหล่งวัตถุดิบไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ทั่วประเทศสอดคล้องกับนโยบายของนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่า รฟท. ที่สนับสนุนให้ รฟท. เข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งเสริมเศรษฐกิจภายในประเทศ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ให้ประชาชนเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ตลอดจนช่วยเพิ่มขีดความสามารถการขนส่งให้กับภาคการเกษตร รองรับปริมาณการขนส่งสินค้า ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ อย่างไรก็ตาม รฟท. ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงข่าย เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางรางอย่างต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งผู้โดยสารและสินค้า พร้อมกับขยายการให้บริการขนส่งสินค้าหลายประเภทในหลายเส้นทาง ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคให้เติบโต ยกระดับระบบการขนส่งทางรางของไทย สู่การเป็นศูนย์กลางระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพของภูมิภาคต่อไป
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44615
Location: NECTEC
Posted: 25/01/2024 4:29 pm Post subject:
เปิดหวูดขบวนแรก!รถไฟตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นประเดิมสินค้าเกษตรโครงการหลวง จากเหนือสู่ภาคใต้ "ลำพูน - สงขลา"
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 25 มกราคม 2567 เวลา 14:24 น.
ปรับปรุง: 25 มกราคม 2567 เวลา 14:24 น.
การรถไฟฯ เปิดหวูด ขบวนรถไฟตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นแบบเคลื่อนที่ประสิทธิภาพสูง ประเดิมขนส่งผลผลิตทางการเกษตรของมูลนิธิโครงการหลวง จากภาคเหนือสู่ภาคใต้ "ลำพูน - สงขลา "เชื่อมจากแหล่งวัตถุดิบถึงปลายทาง ขยายศักยภาพการขนส่งทางรางแบบไร้รอยต่อ
วันนี้ (25 มกราคม 2567) พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนรถไฟ ตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นแบบเคลื่อนที่ประสิทธิภาพสูงเพื่อใช้ขนส่งผลิตผลโครงการหลวง จากภาคเหนือสู่ภาคใต้ โดยมีนายอวิรุทธ์ ทองเนตร รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน และคณะผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมพิธีที่สถานีรถไฟลำพูน จังหวัดลำพูน
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่การรถไฟฯ ร่วมมือกับ มูลนิธิโครงการหลวง และศูนย์วิจัยนวัตกรรมโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการพัฒนายกระดับระบบขนส่งโลจิสติกส์ผลิตผลทางการเกษตรโครงการหลวงให้มีประสิทธิภาพ ผ่านขบวนรถไฟตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นแบบเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูง ขณะนี้การรถไฟฯมีความพร้อมที่จะเริ่มขนส่งผลผลิตทางการเกษตรของมูลนิธิโครงการหลวงเป็นขบวนแรก ในวันที่ 25 มกราคม 2567 โดยเริ่มจากสถานีลำพูน จังหวัดลำพูน ไปยังสถานีบางกล่ำ จังหวัดสงขลา จำนวน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนัก 8 ตัน ซึ่งมีผลิตผลทางการเกษตร อาทิ ผัก ผลไม้ ดอกไม้
ทั้งนี้ การขนส่งด้วยขบวนรถไฟตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นแบบเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูง ถือเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ สำหรับใช้ในการจัดเก็บและขนส่งผลิตผลทางการเกษตรตามโมเดลเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน ซึ่งจะช่วยลดการเน่าเสีย ลดต้นทุนการขนส่ง และยืดอายุของผลิตผลทางการเกษตร ที่สำคัญยังสามารถติดตาม ตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์แบบเรียลไทม์ จึงถือเป็นความได้เปรียบทางการแข่งขันในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ นำมาสู่โอกาสการขยายตลาดของมูลนิธิในอนาคต ตลอดจนช่วยยกระดับการขนส่งผลิตผลทางการเกษตรทางรางให้มีประสิทธิภาพ ต้นทุนต่ำ ปลอดภัย ประหยัดพลังงาน
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าทางรถไฟ ที่สามารถเชื่อมโยงจากแหล่งวัตถุดิบไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ทั่วประเทศสอดคล้องกับนโยบายของนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟฯ ที่สนับสนุนให้การรถไฟฯ เข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งเสริมเศรษฐกิจภายในประเทศ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ให้ประชาชนเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ตลอดจนช่วยเพิ่มขีดความสามารถการขนส่งให้กับภาคการเกษตร รองรับปริมาณการขนส่งสินค้า ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ
การรถไฟฯ ย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงข่าย เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางรางอย่างต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งผู้โดยสารและสินค้า พร้อมกับขยายการให้บริการขนส่งสินค้าหลายประเภทในหลายเส้นทาง ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคให้เติบโต ยกระดับระบบการขนส่งทางรางของไทย สู่การเป็นศูนย์กลางระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพของภูมิภาคต่อไป
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 48291
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 48291
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 30/01/2024 3:18 pm Post subject:
แกะปมรถไฟไทย ตอนที่ 2 | SERIES เล่าเรื่องรถไฟ EP.2 ทำไมรถไฟไทยถึงมีแต่ปัญหา !!!
EG Channel
Jan 30, 2024
" Serie เล่าเรื่องรถไฟ " ร่วมสนุกและได้ความรู้ไปด้วยกัน กับเรื่องราวหลากหลายที่เกี่ยวข้องกับรถไฟทั้งในประเทศและต่างประเทศ เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ? ขาดทุนเหมือนกันหรือไม่ ? มีวิวัฒนาการอย่างไร ?
https://www.youtube.com/watch?v=xy7wi37Ll9I
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 48291
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 31/01/2024 7:14 pm Post subject:
การรถไฟฯแจงเหตุถนน-ไฟส่องสว่างชำรุด ถ.กำแพงเพชร 6 เพราะขโมยตัด
ประขาชาติธุรกิจ วันที่ 31 มกราคม 2567 - 18:17 น.
การรถไฟฯ ชี้แจงกรณีถนนและระบบไฟส่องสว่างชำรุด บริเวณถนนกำแพงเพชร 6 เหตุเกิดจากการขโมยตัดสายไฟ โดยอยู่ระหว่างเร่งรัดแก้ไข คาดแล้วเสร็จเดือนกุมภาพันธ์ นี้
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีข้อร้องเรียนกรณีถนนกำแพงเพชร 6 หรือถนนเลียบทางรถไฟช่วงจตุจักร-รังสิตใต้ ซึ่งอยู่แนวรถไฟฟ้าสายสีแดงมีการชำรุด และพบปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างบางช่วงไม่ทำงานนั้น
ล่าสุดหลังจากรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขโดยทันที ซึ่งจากการตรวจสอบในส่วนถนนพบถนนชำรุดเป็นหลุมบ่อจำนวน 7 แห่ง
ประกอบด้วย จุดที่ 1 ช่วงสถานีรังสิต- คลองรังสิตประยูรศักดิ์ จุดที่ 2 ช่วงสถานีหลักหก จุดที่ 3 ช่วงดอนเมือง จากแยกนายใช้-บมจ. ท่าอากาศยาน จุดที่ 4 ช่วงก่อนเข้าสถานีดอนเมืองฝั่งขาเข้า กทม. P347 จุดที่ 5 ช่วงก่อนเข้าสถานีทุ่งสองห้องฝั่งมาจากหลักสี่ จุดที่ 6 ช่วงก่อนเข้าสถานีบางเขนฝั่งมาจากทุ่งสองห้อง และจุดที่ 7 ช่วงวัดเสมียนนารีจนถึงแยกถนนงามวงศ์วานฝั่งขาออกกรุงเทพฯ ซึ่งการรถไฟฯ โดยผู้รับผิดชอบก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต) ได้เร่งดำเนินการซ่อมแซม ทำให้ปัจจุบันดำเนินการเสร็จแล้วในจุดที่ 1 และ 2 ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างเตรียมเข้าพื้นที่ ซึ่งจะทยอยซ่อมแซมเสร็จครบทุกจุด ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2567
ส่วนกรณีปัญหาระบบไฟส่องสว่างถนนกำแพงเพชร 6 จากการตรวจสอบ พบปัญหาเกิดจากการลักลอบตัดสายไฟหลายจุดจนทำให้ระบบไฟไม่ทำงาน ซึ่งก่อนหน้านี้การรถไฟฯ ได้เคยให้ผู้รับจ้างดำเนินการแก้ไข ด้วยการเดินสายเมนไฟฟ้าใหม่ จนสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ แต่ยังมีการลักลอบตัดสายไฟซ้ำ จึงทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม การรถไฟฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น โดยได้ทำหนังสือแจ้งการไฟฟ้านครหลวงในการเร่งรัดแก้ไขเป็นกรณีเร่งด่วนจำนวน 3 จุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนผู้ใช้ถนน ซึ่งปัจจุบันดำเนินการเสร็จแล้ว 1 จุด คือ บริเวณบ้านกลางเมือง-แยกวัดเสมียนนารี ส่วนจุดที่ 2 จากวัดเสมียนนารี-ทุ่งสองห้อง จะเข้าดำเนินการภายในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 และจุดที่ 3 จากทุ่งสองห้อง รังสิต อยู่ระหว่างการรอเอกสารและการแจ้งค่าใช้จ่ายจากการไฟฟ้านครหลวง ตามข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งการรถไฟฯ จะเร่งดำเนินการแก้ไขให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
นายเอกรัชกล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการดูแลป้องกันปัญหาระยะยาว การรถไฟฯ ได้ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการช่วยสอดส่องดูแลพื้นที่เสี่ยง และขอให้ดำเนินการคดีกับผู้กระทำความผิดโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากเป็นการทำให้ทรัพย์สินราชการได้รับความเสียหายแล้ว ยังก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนผู้ใช้ทางสัญจรไปมาด้วย นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังได้หารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมส่งมอบถนนกำแพงเพชร 6 พร้อมระบบสาธารณูปโภคให้กับกรุงเทพมหานคร ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ดูแลบำรุงรักษาต่อไปด้วย
การรถไฟฯ ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ช่วยกันสอดส่องดูแลทรัพย์สินของทางราชการ หากพบเห็นเหตุผิดปกติ โปรดแจ้งที่ Call Center การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร 1690 หรือโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ขอเตือนว่า พฤติกรรมลักขโมยสายไฟ รวมถึง ครอบครอง ซื้อขายอุปกรณ์ส่วนควบ เครื่องยึดเหนี่ยวทางรถไฟ อุปกรณ์ต่างๆ ของการรถไฟฯ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมาย ฐานลักทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงผู้รับซื้อทรัพย์สินของทางราชการต่างๆ ก็มีความผิด ฐานรับของโจร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับด้วย
ท้ายนี้ การรถไฟฯ ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นของประชาชน โดยพร้อมน้อมรับทุกคำติชม เพื่อนำมาใช้ปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาการบริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ สร้างความพึงพอใจต่อประชาชนผู้ใช้บริการสูงสุดต่อไป
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44615
Location: NECTEC
Posted: 01/02/2024 10:21 am Post subject:
รฟท.เร่งซ่อมถนนกำแพงเพชร 6 ก.พ.นี้ไร้หลุมบ่อ เตือนขโมยสายไฟปรับหนัก 1 แสนบาท
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพุธ ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2567 เวลา 17:26 น.
ปรับปรุง: วันพุธ ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2567 เวลา 21:11 น.
รฟท.เร่งซ่อมถนนกำแพงเพชร 6 ก.พ.นี้เสร็จหมด 7 จุดไร้หลุมบ่อ แจงระบบไฟส่องสว่างชำรุดเหตุถูกขโมยตัดสายไฟ เตือนลักทรัพย์สินราชการโทษ คุก 1 ปี ถึง 5 ปี ปรับ 2 หมื่น ถึง 1 แสนบาท พร้อมประสาน กฟน.เร่งแก้ไขด่วน 3 จุดบรรเทาเดือดร้อนประชาชน
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ตามที่มีข้อร้องเรียนกรณีถนนกำแพงเพชร 6 หรือถนนเลียบทางรถไฟ ช่วงจตุจักร-รังสิตใต้ ซึ่งอยู่แนวรถไฟฟ้าสายสีแดงมีการชำรุด และพบปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างบางช่วงไม่ทำงานนั้น
ล่าสุดหลังจากรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขโดยทันที ซึ่งจากการตรวจสอบในส่วนถนนพบถนนชำรุดเป็นหลุมบ่อจำนวน 7 แห่ง
ประกอบด้วย จุดที่ 1 ช่วงสถานีรังสิต- คลองรังสิตประยูรศักดิ์ จุดที่ 2 ช่วงสถานีหลักหก จุดที่ 3 ช่วงดอนเมือง จากแยกนายใช้-บมจ.ท่าอากาศยาน จุดที่ 4 ช่วงก่อนเข้าสถานีดอนเมืองฝั่งขาเข้า กทม. P347 จุดที่ 5 ช่วงก่อนเข้าสถานีทุ่งสองห้องฝั่งมาจากหลักสี่ จุดที่ 6 ช่วงก่อนเข้าสถานีบางเขนฝั่งมาจากทุ่งสองห้อง และจุดที่ 7 ช่วงวัดเสมียนนารีจนถึงแยกถนนงามวงศ์วานฝั่งขาออกกรุงเทพฯ ซึ่งการรถไฟฯ โดยผู้รับผิดชอบก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต) ได้เร่งดำเนินการซ่อมแซม
ปัจจุบันดำเนินการเสร็จแล้วในจุดที่ 1 และ 2 ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างเตรียมเข้าพื้นที่ ซึ่งจะทยอยซ่อมแซมเสร็จครบทุกจุด ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2567
ส่วนกรณีปัญหาระบบไฟส่องสว่างถนนกำแพงเพชร 6 จากการตรวจสอบพบปัญหาเกิดจากการลักลอบตัดสายไฟหลายจุดจนทำให้ระบบไฟไม่ทำงาน ซึ่งก่อนหน้านี้การรถไฟฯ ได้เคยให้ผู้รับจ้างดำเนินการแก้ไขด้วยการเดินสายเมนไฟฟ้าใหม่จนสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ แต่ยังมีการลักลอบตัดสายไฟซ้ำ จึงทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม การรถไฟฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น โดยได้ทำหนังสือแจ้งการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในการเร่งรัดแก้ไขเป็นกรณีเร่งด่วนจำนวน 3 จุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนผู้ใช้ถนน ซึ่งปัจจุบันดำเนินการเสร็จแล้ว 1 จุด คือ บริเวณบ้านกลางเมือง-แยกวัดเสมียนนารี ส่วนจุดที่ 2 จากวัดเสมียนนารี-ทุ่งสองห้อง จะเข้าดำเนินการภายในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 และจุดที่ 3 จากทุ่งสองห้อง-รังสิต อยู่ระหว่างการรอเอกสารและการแจ้งค่าใช้จ่ายจากการไฟฟ้านครหลวง ตามข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งการรถไฟฯ จะเร่งดำเนินการแก้ไขให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
นายเอกรัชกล่าวว่า เพื่อเป็นการดูแลป้องกันปัญหาระยะยาว การรถไฟฯ ได้ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการช่วยสอดส่องดูแลพื้นที่เสี่ยง และขอให้ดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากเป็นการทำให้ทรัพย์สินราชการได้รับความเสียหายแล้ว ยังก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนผู้ใช้ทางสัญจรไปมาด้วย นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังได้หารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อเตรียมส่งมอบถนนกำแพงเพชร 6 พร้อมระบบสาธารณูปโภคให้กรุงเทพมหานคร ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ดูแลบำรุงรักษาต่อไปด้วย
การรถไฟฯ ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ช่วยกันสอดส่องดูแลทรัพย์สินของทางราชการ หากพบเห็นเหตุผิดปกติ โปรดแจ้งที่ Call Center การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 หรือโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ ขอเตือนว่าพฤติกรรมลักขโมยสายไฟ รวมถึงครอบครอง ซื้อขายอุปกรณ์ส่วนควบ เครื่องยึดเหนี่ยวทางรถไฟ อุปกรณ์ต่างๆ ของการรถไฟฯ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมาย ฐานลักทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงผู้รับซื้อทรัพย์สินของทางราชการต่างๆ ก็มีความผิด ฐานรับของโจร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับด้วย
ทั้งนี้ การรถไฟฯ พร้อมน้อมรับทุกคำติชม เพื่อนำมาใช้ปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาการบริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ สร้างความพึงพอใจต่อประชาชนผู้ใช้บริการสูงสุดต่อไป
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 48291
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 03/02/2024 7:25 pm Post subject:
ไฟไหม้บ้านพนักงานรถไฟวอด 3 หลัง
Source - บ้านเมืองออนไลน์
Saturday, February 03, 2024 19:00
เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านพักพนักงานการรถไฟชุมพรวอด 3 หลังซึ่งเป็นบ้านไม้สองชั้นอายุหลายสิบปี ในเขตเทศบาลเมืองชุมพร สาเหตุคาดมาจากไฟฟ้าลัดวงจรหลังจากเจ้าของบ้านต้นเพลิงบอกว่าปั่นผ้ากับเครื่องซักทิ้งไว้ก่อนออกไปตัดผมทราบอีกทีไฟไหม้บ้านแล้ว
เมื่อเวลา 12.40 น.วันที่ 3 ก.พ.67 มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ (กู้ภัยสายชลชุมพร) จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านพักพนักงานรถไฟตำบลท่าตะเภา อ.เมืองชุมพร จึงพร้อมด้วยรถดับเพลิงของเทศบาลเมืองชุมพรจำนวน 3 คันเร่งไปที่เกิดเหตุ
พบว่าจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากสถานีรถไฟชุมพรเพียง 50 เมตร โดยมีเพลิงโหมลุกไหม้บ้านพักพนักงานรถไฟอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นบ้านไม้สองชั้นปลูกติดกันจำนวน 5 หลัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งฉีดน้ำสกัดเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อย่างต่อเนื่องโดยใช้เวลาประมาณ 40 นาทีสามารถความคุมเพลิงไว้ได้ สำรวจความเสียหายทั้งหมด 3 หลังอีก 2 หลังที่อยู่ใกล้กันเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสกัดไว้ได้ยังพบว่าบ้านที่ถูกเพลิงไหม้เสียหายเกือบทั้งหลังคือเลขที่ 207 205 และ203
สอบสวนทราบว่าบ้านพักของพนักงานการรถไฟมีสภาพเป็นบ้านไม้สองชั้นอายุหลายสิบปีบ้านต้นเพลิงคือเลขที่ 207 เป็นของนายณัฏฐภัทร อารีอุดมโชติ อายุ 51 ปี พนักงานการรถไฟ ให้การว่าทำงานติดไปกับขบวนรถ 7 วันเพิ่งกลับเข้าบ้านเมื่อเช้าและปั่นซักผ้าทิ้งไว้ก่อนจะออกไปตัดผม ทราบอีกทีว่าเกิดเพลิงไหม้บ้านแล้ว โดยสิ่งของภายในบ้านพักถูกไฟไหม้เอาอะไรออกมาไม่ได้ และยังมีปืนอีก 1 กระบอกถูกไฟไหม้เสียหายเช่นกัน
ส่วนสาเหตุหลังจากเพลิงไหม้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลังถามร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองชุมพรเข้าตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของเพลิงไหม้ครั้งนี้ต่อไป
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44615
Location: NECTEC
Posted: 07/02/2024 12:48 am Post subject:
การท่าเรือฯ เผยผลศึกษาพบ อ.น้ำพอง ขอนแก่น เหมาะจะตั้งท่าเรือบกที่สุดในอีสาน
ข่าว ทั่วไทย เศรษฐกิจท้องถิ่น
ไทยรัฐออนไลน์
วันศุกร์ ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เวลา 20:49 น.
การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดยยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
รอง ผอ.การท่าเรือฯ เผยผลการศึกษา เรื่องการพัฒนาท่าเรือบกในพื้นที่ขอนแก่น พบว่าเหมาะที่สุดในการตั้งท่าเรือบก (Dry Port) ที่สุดในภาคอีสาน โดยพื้นที่ที่เหมาะสม คือ ต.ม่วงหวาน อ.น้ำพอง เพราะเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟโนนพยอม
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 ก.พ. 2567 นายศิริวัฒน์ พินิจพาณิชย์ รอง ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นประกอบการทดสอบความสนใจนักลงทุน โครงการพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ให้เกิดขึ้นในเชิงพาณิชย์ ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และสถาบันชุณหะวันเพื่อการพัฒนาธุรกิจเอสเอ็มอีอย่างยั่งยืน ได้กำหนดจัดการประชุมขึ้นโดยมีนักวิชาการ และนักธุรกิจในพื้นที่ จ.ขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมการประชุมจำนวนมาก
นายอภิเสต พงษ์สุวรรณ รองผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารสินทรัพย์และการพัฒนาธุรกิจ กล่าวว่า การศึกษาในเรื่องของการพัฒนาท่าเรือบกในพื้นที่ขอนแก่น ขณะนี้มีความคืบหน้าอย่างมาก ซึ่งขณะนี้เข้าสู่การแลกเปลี่ยนและรับฟังข้อเสนอแนะในกลุ่มภาคธุรกิจและเชิงพาณิชย์ โดยจะทำการประชุมร่วมกันทั้งที่ขอนแก่นและกรุงเทพฯ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลและผลการวิจัยที่ชัดเจนเสนอต่อที่ประชุมการท่าเรือแห่งประเทศไทย และเสนอต่อกระทรวงคมนาคมตามขั้นตอน โดยยอมรับว่าขอนแก่นนั้นมีความเหมาะสมอย่างมากในการก่อตั้ง โดยเฉพาะที่สถานีรถไฟโนนพยอม ที่จะเชื่อมต่อกับการขนส่งระบบรางได้อย่างครอบคลุม ซึ่งการดำเนินงานนั้นจะต้องประสานงานร่วมการรถไฟแห่งประเทศไทยในการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด
"ปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบังเป็นประตูการค้าที่สำคัญของไทย มีขีดความสามารถในการรองรับตู้สินค้าได้ถึง 7.7 ล้านตู้ต่อปี และในปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบังประสบปัญหาความแออัดในการขนส่งสินค้า ทำให้เสียเวลาในการขนส่ง ผู้ให้บริการขนส่งสินค้ามีการเรียกเก็บค่าหัวรถลากเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ส่งออกมีต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้ต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาท่าเรือบกในประเทศไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือ ลดปัญหาความแออัดจากการขนส่งบริเวณท่าเรือ พร้อมทั้งรองรับการเติบโตด้านการขนส่งสินค้าที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการโดยเฉพาะ ซึ่งผลการศึกษาด้านเกณฑ์การคัดเลือกจังหวัดพบว่า ขอนแก่นมีความเหมาะสมในการจัดตั้งท่าเรือบกตาหลักเกณฑ์ทั้งหมดในพื้นที่ ต.ม่วงหวาน อ.น้ำพอง ซึ่งเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟโนนพยอมได้ทันที" รอง ผอ.การท่าเรือแห่งประเทศไทยฯ กล่าว
นายอภิเสต กล่าวอีกว่า วันนี้เป็นการรับฟังภาคธุรกิจเอกชน ตามรูปแบบที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยนำเสนอ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนและเด่นชัดว่า จะเป็นไปในรูปแบบใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งการพัฒนาพื้นที่ การสร้างมูลค่าที่เกิดจากการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชน รวมไปถึงระบบการเชื่อมต่อการขนส่งทางบก และทางราง ทั้งระบบรถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูงที่จะเกิดขึ้น
รอง ผอ.การท่าเรือแห่งประเทศไทยฯ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามในการศึกษาความเหมาะสมของการพัฒนาท่าเรือบกขอนแก่น โดยคณะทำงานของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีอีสาน ที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้นั้นจะศึกษาความเป็นไปได้ในรูปแบบการลงพื้นที่เหมาะสมกับ กทท. ทั้งในส่วนของรูปแบบตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือ PPP, รูปแบบการลงทุนร่วมกันบริษัทเอกชน หรือ Joint Venture, รูปแบบใช้เงินทุนของ กทท. หรือรูปแบบอื่นๆ ที่เหมาะสม ซึ่งทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาให้แล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย. ปี 2567 นี้.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 44615
Location: NECTEC
Posted: 07/02/2024 11:44 am Post subject:
กระทู้ถามของสมาชิกวุฒิสภา กระทู้ถามที่ ๐๐๓ (ร.) เรื่อง การส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการให้บริการเดินรถของการรถไฟแห่งประเทศไทย [ของ นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ สมาชิกวุฒิสภา]
๓ ม.ค. ๒๕๖๗ เล่ม ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๒ ง หน้า ๓๖
https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/13830.pdf
Back to top