Mutiara Line: Penang LRT เกาะปีนัง มาเลเซีย

[Mongwin]

Mutiara LRT Line ยกระดับการคมนาคมและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของปีนัง

โครงการ Mutiara Line ของรถไฟฟ้ารางเบาปีนัง (LRT) คาดว่าจะปรับปรุงการเคลื่อนย้าย ลดการจราจรติดขัด และเสริมสร้างภาคเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว นาย Zairil Khir Johari ประธานคณะกรรมการโครงสร้างพื้นฐานและการขนส่งของรัฐ กล่าว โครงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้ปีนังเป็นจุดหมายปลายทางหลักสำหรับการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งสอดคล้องกับโครงการริเริ่มของเกาะซิลิคอน

Zairil Khir Johari สมาชิกสภาบริหารของรัฐด้านโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และดิจิทัล เน้นย้ำถึงศักยภาพของโครงการในการลดช่องว่างทางภูมิศาสตร์ และดึงดูดนักลงทุนที่กำลังมองหาทางเลือกแทนต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นของสิงคโปร์

“โครงการ LRT จะเพิ่มความน่าสนใจของเมืองปีนัง และสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่สูงขึ้นผ่านการขนส่งที่มีประสิทธิภาพและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ปัจจัยเหล่านี้สอดคล้องกับเป้าหมายของแผนงานการเปลี่ยนผ่านพลังงานแห่งชาติและวิสัยทัศน์ปีนังปี 2030” เขากล่าวเสริม

Mohd Afzanizam Abdul Rashid หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Bank Muamalat Malaysia Bhd คาดการณ์ถึงผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจจากโครงการ LRT “ความพยายามในการก่อสร้างจะสร้างงานให้กับผู้รับเหมาในท้องถิ่นและเพิ่มความต้องการวัสดุก่อสร้าง เมื่อสร้างเสร็จ LRT จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด ลดเวลาการเดินทาง และอาจลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน”

Anthony Loke Siew Fook รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมประกาศเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 ว่าคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการ LRT ปีนัง โดยมี MRT Corporation ทำหน้าที่เป็นผู้พัฒนาโครงการและเจ้าของทรัพย์สิน

https://www.malaymail.com/news/malaysia/2024/04/21/mutiara-lrt-line-to-improve-mobility-bolster-penangs-economic-potential-says-state-exec-councillor/129984



https://en.wikipedia.org/wiki/Mutiara_line

[Mongwin]

ปล่อยให้วิศวกรดำเนินการสะพานรถไฟจากเกาะปีนังไปยังแผ่นดินใหญ่
The Star โดย อาร์โนลด์ โลห์
วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2567

จอร์จทาวน์: ตอนนี้ปีนังกำลังรอวิศวกรดำเนินการสร้างลิงค์ที่สามระหว่างเกาะปีนังและแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นสะพานรถไฟข้ามทะเลสำหรับเส้นทางรถไฟฟ้าเบามุทิอารา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แอนโทนี่ โลก (ในรูป) ยืนยันว่าแนวเส้นทางรถไฟฟ้าเบามุทิอาราได้ถูกกำหนดเรียบร้อยแล้วและรวมถึงสะพานรถไฟที่ข้ามช่องแคบปีนังระหว่างเกาะกับแผ่นดินใหญ่

นี่จะเป็นการเชื่อมต่อทางรถไฟที่ข้ามทะเลเป็นครั้งที่สองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังจากระบบรถไฟฟ้าเร็วระหว่างยะโฮร์บาห์รู-สิงคโปร์ที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและมีกำหนดการเปิดใช้งานในปี 2569

เส้นทางรถไฟฟ้าเบามุทิอาราคาดว่าจะมีผู้โดยสารมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมเพราะมันจะเชื่อมต่อผู้คนในปีนังกับศูนย์กลางการเงินและอุตสาหกรรมบนเกาะ และแม้กระทั่งอนุญาตให้ผู้คนจากบัตเตอร์เวิร์ธเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติปีนังได้ในหนึ่งเที่ยวรถไฟ

วิธีการก่อสร้างจะเป็นสิ่งที่น่าติดตามชม

อ่านเพิ่มเติม: ขี่กระเช้าขึ้นเขาปีนังในปี 2569

สถานีรถไฟฟ้าบนแผ่นดินใหญ่คือปีนังเซนทรัลในบัตเตอร์เวิร์ธ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งแบบครบวงจรสำหรับรถบัส รถไฟระหว่างรัฐ และเรือเฟอร์รี่

รถไฟจะไปถึงเกาะที่พื้นที่แมคคัลลัมสตรีท ซึ่งมีระยะทางตรงข้ามทะเลเพียงกว่า 3 กม.

แต่ทางใต้ของปีนังเซนทรัลคือท่าเรือน้ำลึกของปีนัง ท่าเทียบเรือสินค้าจำนวนมาก ท่าเรือถังน้ำมันพืชและท่าเทียบเรือเพิ่มเติมพร้อมกับคลังสินค้า

การจราจรทางทะเลที่เข้ามาในท่าเรือต้องเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าเรือเหล่านั้น ดังนั้นวิศวกรของสะพานรถไฟจะต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาการเข้าถึงดังกล่าว

ในการตอบคำถามจากผู้สื่อข่าว โลกเมื่อวานนี้กล่าวว่าสะพานรถไฟข้ามช่องแคบไม่จำเป็นต้องมีสะพานยกขึ้นเมื่อเรือสูงผ่านไป

“มันจะไม่เป็นอุโมงค์ใต้ทะเลด้วย

“เราจะพิจารณาทุกด้านวิศวกรรมรวมถึงการจราจรทางทะเลของท่าเรือปีนังและแผนการขยายตัวในอนาคต

“มันจะผ่านการศึกษารายละเอียดก่อนที่จะมีการประกาศการออกแบบ” เขากล่าวหลังจากเปิดงานเฉลิมฉลองแห่งชาติวันนักเดินเรือและวันเครื่องมือนำทางทางเรือโลก

เพื่อเพิ่มศักยภาพมนุษย์ในภาคการขนส่งทางทะเลของมาเลเซีย โลกประกาศว่าครั้งแรกที่รัฐบาลจะจัดสรรเงินจำนวน 10 ล้านริงกิตสำหรับผู้สมัครเพื่อขอใบรับรองความสามารถ (COC) ในคุณสมบัติต่างๆ ของนักเดินเรือรวมถึง COC สำหรับกัปตัน นายทหาร วิทยุ และอื่นๆ

เงินทุนนี้จะถูกส่งผ่านกองทุนพัฒนาทักษะภายใต้กระทรวงทรัพยากรมนุษย์และนักเดินเรือสามารถสมัครผ่านสมาคมนักเดินเรือมาเลเซีย

ถึงแม้ว่าการประกอบอาชีพนักเดินเรือมืออาชีพจะไม่เป็นกระแสหลัก โลกกล่าวว่า “มีโอกาสในการทำงานที่คุ้มค่ามากมายที่ทะเล”

“เราคือประเทศที่มีชายฝั่งยาวและนอกจากนั้น มาเลเซียยังเป็นผู้ดูแลช่องแคบมะละกาซึ่งเป็นเส้นทางทะเลที่สำคัญที่สุดในโลกและเป็นหนึ่งในเส้นทางน้ำที่พลุกพล่านที่สุดในโลก

“รัฐบาลได้เปิดทางเข้าสู่เส้นทางอาชีพนี้และเราขอให้อีกมากมายของคนมาเลเซียเข้าร่วมอาชีพที่มีความสำคัญระดับโลกนี้” เขากล่าว

โลกกล่าวเสริมว่ารัฐบาลได้จัดสรรเงินจำนวน 80 ล้านริงกิตสำหรับโครงการต่างๆ รวมถึงการบำรุงรักษาทุ่นนำทาง การสร้างเรือบำรุงรักษาทุ่นและการเรียกคืนท่าเรือรวมถึงการย้ายทุ่นจากมาเลเซียไปยังมาดากัสการ์

ผู้อำนวยการใหญ่กรมเจ้าท่ามาเลเซีย กัปตันโมฮัมหมัด ฮาลิม อาห์เหม็ด กล่าวว่าในคำพูดของเขามีนักเดินเรือมาเลเซียที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ประมาณ 50,000 คนที่ปฏิบัติหน้าที่ในเรือมาเลเซียกว่า 1,000 ลำ

“เรือเกือบ 80,000 ลำได้ผ่านช่องแคบมะละกาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งจัดการกับสินค้าค้าทั่วโลกประมาณ 25%

“รัฐบาลให้ความสำคัญกับภาคการขนส่งทางทะเลเนื่องจากเราปรารถนาที่จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว” กัปตันโมฮัมหมัด ฮาลิม กล่าวเพิ่มเติม

นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมงานคือนายกฯ กระทรวงคมนาคมและการบินพลเรือนของมัลดีฟส์ กัปตันอับดุล ลาธีฟ โมฮัมหมัด และผู้อำนวยการใหญ่ของสำนักงานท่าเรือและแม่น้ำของมาดากัสการ์ แรนเดรียนานเตนายา ฌอง เอ็ดมันด์

https://www.thestar.com.my/news/nation/2024/06/30/let-engineers-work-out-penang-island-mainland-rail-bridge

[Mongwin]

การลงทุนเชิงกลยุทธ์และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานผลักดันแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ของมาเลเซีย
2 กรกฎาคม 2024
โดย Gynen Kyra Toriano

การคาดการณ์ตลาดสำหรับปี 2567 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีด้วยการเพิ่มขึ้นของ FDI และความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในเชิงบวก

ภาพถ่ายของ Al.geba / Shutterstock: ดัชนีราคาบ้านของมาเลเซียเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.5 เปอร์เซ็นต์ เป็น 216.9 จุด โดยราคาบ้านเฉลี่ยอยู่ที่ 468,000 ริงกิตต่อหน่วย

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของมาเลเซียคาดว่าจะยังคงทรงตัวและเติบโตในเชิงบวกในปี 2567 โดยได้รับแรงหนุนจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่เพิ่มขึ้น ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชิงกลยุทธ์ แนวโน้มในแง่ดีนี้เกิดขึ้นท่ามกลางฉากหลังของประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นและแนวโน้มการลงทุนที่กำลังพัฒนาซึ่งกำลังกำหนดภูมิทัศน์ด้านอสังหาริมทรัพย์

จากการสำรวจความเชื่อมั่นในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ของ Knight Frank Malaysia สำหรับปี 2567 ตามรายงานของ The Sun ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในท้องถิ่นมีความแข็งแกร่งมากในปี 2566 เพียงเก้าเดือนแรก มีการทำธุรกรรม 293,095 รายการ มูลค่า 142.5 พันล้านริงกิต เพิ่มขึ้น 8.8 เปอร์เซ็นต์ในด้านมูลค่าจากช่วงเดียวกันในปี 2565 Keith Ooi กรรมการผู้จัดการกลุ่มของหน่วยงานเน้นย้ำถึงประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งของทั้งเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 ซึ่งกำหนดทิศทางในแง่ดีอย่างระมัดระวังสำหรับปี 2567

Ooi เน้นย้ำถึงความต้องการศูนย์ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและความสนใจที่เพิ่มขึ้นในการลงทุนทางเลือก เช่น ที่พักอาศัยที่มีบริการและนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์หลังการระบาดใหญ่ นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสำรวจ 68 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่าสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะทำให้ FDI เป็นที่ชื่นชอบมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการผลิต ซึ่งได้รับประโยชน์จากระบบนิเวศและทรัพยากรที่แข็งแกร่งของประเทศ

ในแง่ของผลกระทบด้านงบประมาณ ผู้ตอบแบบสอบถาม 60 เปอร์เซ็นต์มองว่างบประมาณปี 2567 เป็นกลางต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ แม้จะมีความท้าทายทั่วโลก แต่ก็มีความเชื่อมั่นในผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจ วิวัฒนาการทางดิจิทัล และตลาดอสังหาริมทรัพย์ของมาเลเซีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากตลาดแรงงานที่ยืดหยุ่นและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเชิงบวก แนวโน้มเสถียรภาพทางการเมืองช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

นอกจากนี้ Amy Wong ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวิจัยและให้คำปรึกษาของ Knight Frank ตั้งข้อสังเกตว่าคาดการณ์ว่าการลงทุนในภาคส่วนย่อยด้านการค้าปลีก การดูแลสุขภาพ และการศึกษาจะเพิ่มขึ้นในปี 2567 อย่างไรก็ตาม ความสนใจในภาคส่วนย่อยสำนักงานและอุตสาหกรรม/โลจิสติกส์ยังคงน้อยที่สุด โดยภาคโรงแรม/สันทนาการยังคงมีแนวโน้มใกล้เคียงกับปีที่แล้ว Wong ยังชี้ให้เห็นถึงความชอบที่เพิ่มขึ้นสำหรับการลงทุนทางเลือก เช่น ที่พักอาศัยร่วม/ที่พักสำหรับนักศึกษา และพื้นที่สำนักงานร่วม/พื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่น ซึ่งขับเคลื่อนโดยความชอบในการทำงานที่เปลี่ยนไปและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

ไตรมาสแรกของปี 2567 (1Q 2567) ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของมาเลเซียมีการเติบโต 34.3 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2566 โดยมีธุรกรรมมากกว่า 104,297 รายการ มูลค่า 56.53 พันล้านริงกิต ซึ่งอ้างถึง Bernama การเติบโตครั้งสำคัญนี้พบได้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ย่อยต่างๆ โดยภาคส่วนย่อยเชิงพาณิชย์เติบโตขึ้น 33.4 เปอร์เซ็นต์ ภาคที่อยู่อาศัย 16.6 เปอร์เซ็นต์ อุตสาหกรรม 14.3 เปอร์เซ็นต์ เกษตรกรรม 13.7 เปอร์เซ็นต์ และที่ดินเพื่อการพัฒนาและอื่นๆ 10.7 เปอร์เซ็นต์ ภาคส่วนย่อยที่อยู่อาศัยครองกิจกรรมทางการตลาดโดยมีธุรกรรมมากกว่า 62,000 รายการ มูลค่า 25 พันล้านริงกิต

Abdul Razak Yusak อธิบดีกรมการประเมินราคาและบริการทรัพย์สินรายงานว่ากิจกรรมการก่อสร้างก็มีการเติบโตในเชิงบวกในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 การเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่เพิ่มขึ้น 19.8 และส่วนเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์มียูนิตที่แล้วเสร็จเพิ่มขึ้น 70 เปอร์เซ็นต์ ดัชนีราคาบ้านของมาเลเซียเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.5 เปอร์เซ็นต์ เป็น 216.9 จุด โดยราคาบ้านเฉลี่ยอยู่ที่ 468,000 ริงกิตต่อหน่วย

ในแง่ของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รายงานตลาดอสังหาริมทรัพย์ล่าสุดของ PropertyGuru Malaysia (MPMR) สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ตามที่ระบุไว้ใน New Straits Times เน้นย้ำถึงอิทธิพลเชิงบวกของโครงการเชิงกลยุทธ์ต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าโครงการระบบขนส่งมวลชนเร็ว (RTS) จะกระตุ้นความต้องการในยะโฮร์ ขณะที่ Penang LRT Mutiara Line ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2030 คาดว่าจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับอสังหาริมทรัพย์ในบริเวณใกล้เคียง

Kenneth Soh ผู้จัดการประจำประเทศของ PropertyGuru Malaysia ย้ำถึงความสำคัญของการปรับปรุงดังกล่าวในการกำหนดความต้องการอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมีอิทธิพลต่อการเข้าถึงงานและโอกาสในการพัฒนา แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล Soh คาดว่าอุปทานและอุปสงค์ที่อยู่อาศัยจะมีเสถียรภาพ MPMR รายงานว่าดัชนีอุปสงค์การขายและอุปทานการขายลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส เนื่องจากปัจจัยตามฤดูกาล

Soh ยังเน้นย้ำข้อมูลเงินกู้ล่าสุดจาก Bank Negara Malaysia ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการยื่นขอสินเชื่อเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดเพิ่มขึ้น 5.7 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบเป็นรายปีในปี 2566 ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง คาดว่าการเปิดตัว Program Residensi Rakyat (PRR) ของกระทรวงการเคหะและรัฐบาลท้องถิ่น (KPKT) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อจัดหาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพโดยมีต้นทุนการก่อสร้าง 300,000 ริงกิต จะช่วยสนับสนุนตลาดได้มากขึ้น

ท่ามกลางแนวโน้มเชิงบวกเหล่านี้ รางวัล PropertyGuru Asia Awards Malaysia ครั้งที่ 10 ร่วมกับ iProperty.com.my 2023 ได้ยกย่องนักพัฒนาชั้นนำสำหรับการมีส่วนร่วมของพวกเขา WCT Land Sdn Bhd ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้พัฒนาที่ดีที่สุด (มาเลเซียตอนกลาง) และผู้พัฒนาแบบผสมผสานที่ดีที่สุด ขณะที่ Tanah Sutera Development Sdn Bhd และ Tanjung Ratna Sdn Bhd ได้รับรางวัลผู้พัฒนาที่ดีที่สุด (มาเลเซียตอนใต้) และผู้พัฒนาบูติกที่ดีที่สุดตามลำดับ ผู้พัฒนารายอื่นๆ ที่ได้รับเกียรติในงานอันทรงเกียรตินี้ ได้แก่ Mah Sing Group Berhad สำหรับผู้พัฒนาไลฟ์สไตล์ที่ดีที่สุด และ Perbadanan Kemajuan Negeri Selangor สำหรับผู้พัฒนาบ้านราคาไม่แพงที่ดีที่สุด

ในขณะที่มาเลเซียต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทั่วโลก ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีความยืดหยุ่นและน่าดึงดูดใจ โดยได้รับแรงหนุนจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ โครงการโครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายเศรษฐกิจที่สนับสนุน