Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311709
ทั่วไป:13457818
ทั้งหมด:13769527
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
Goto page Previous  1, 2, 3 ... , 403, 404, 405  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46281
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 30/07/2024 8:41 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟทางคู่ “หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์-รัฐกลันตัน”กระตุ้นท่องเที่ยว-ศก.ชายแดนไทย
30/07/2024 @ch-newsthailand.com

รฟท.เวิร์ค รถไฟไทย- มาเลเซีย ทางคู่ หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ จ.นราธิวาสกับ รัฐกลันตัน อยู่ระหว่างการของบประมาณก่อสร้าง ส่วน รฟท. จ. 12 ขบวน / วัน เพิ่มล้อเลื่อน

นายวิทยา แซ่ลิ่ม อดีตผู้ก่อตั้งสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพจังหวัดสงขลา และอาชีพมัคคุเทศก์จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ตามที่ได้ทำหนังสือเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 เกี่ยวกับสภาพธุรกิจการท่องเที่ยวและการปรับปรุงพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา ในส่วนเกี่ยวกับการรถไฟแหงประเทศไทย (รฟท.) เพื่อให้มีการเชื่อมต่อรถไทยสถานีปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา กับสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นแนวชายแดนไทย มาเลเซีย

นายวิทยา กล่าว ปัจจัยที่น่าจะสนับสนุน ทั้งนี้เนื่องจากชาวมาเลเซียขณะนี้มีความนิยมการใช้บริการทางรถไฟที่ปริมาณเพิ่มขึ้น เนื่องการอำนวยความสะดวก ปลอดภัย สบาย และราคาไม่สูง อีกทั้งชาวมาเลเซียไม่ต้องเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลจะเป็นการลดความแออัด และลดอุปสรรคเกี่ยวกับการจราจรกลางเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา ด้วย

ซึ่งทางนายจเร รุ่งฐานิยม รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ตอบรับว่าปัจจุบัน รฟท. ได้จัดขบวนรถด่วนพิเศษที่ 45/56 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์ จำนวน 2 ขบวน / วัน ไปและกลับ และขบวนที่ 947- 950 หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ จำนวน 4 ขบวน / วันไปกลับ รวมจำนวน 6 ขบวน / วันไปกลับ

และยังยังมีขบวนโดยสาร / สินค้าเดินขบวนรถเข้า-ออก ตามปกติทุกวันเชื่อมต่อกับรถไฟมาเลเซีย เรื่องแนวทางการพัฒนาเชื่อมต่อเกี่ยวกับการขนส่งผู้โดยสารข้ามแดนบัตเตอร์เวอร์ธ – กรุงเทพ ซึ่งในการประชุมร่วมระหว่าง รฟท. และการรถไฟมาเลเซีย ครั้งที่ 43 (41 st 54 SRT – KTMB Jointconference ) ระหว่างวันที่ 15-18 สิงหาคม 2566 ซึ่งได้มีความคืบหน้าโดยการรถไฟทั้ง 2 ประเทศจะร่วมมืออำนวยความสะดวกให้กับขบวนรถของทั้ง 2 ประเทศ เข้าออกระหว่างประเทศเพื่อการท่องเที่ยวตามความต้องการและรวมทั้งยังหาแนวทางความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบการจำหน่ายตั๋วร่วมกันด้วย

รักษาการผู้ว่า รฟท. ยังระบุด้วยว่า สำหรับการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ชุมทางหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ ปัจจุบันคณะกรรมการ รฟท. มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ และได้ดำเนินการของบประมาณของปี 2568 และในส่วนสถานีรถไฟสุไหงโกลก จ.นราธิวาส ที่จะให้เชื่อมกับสถานีรถไฟลันตูปันยัง รัฐกลันตัน มาเลเซีย ชายแดนไทย มาเลเซียกับ จ.นราธิวาส เพื่อที่จะอำนวยความสะดวกทางด้านการท่องเที่ยวและด้านการค้าระหว่างกันนั้น

ทั้งนี้ด้านการบริการโดยสารปัจจุบันนั้นทาง รฟท. มีการเดินขบวนรถโดยสารต้นทาง-ปลายทางที่สถานีสุไหงโกลก จำนวน 12 ขบวน / วัน ไปกลับ และยังเตรียมแผนการจัดหาล้อเลื่อนทดแทนรถโดยสารที่มีสภาพเก่าใช้งานมานานและไม่สามารถหมุนเวียนรองรับโครงสร้างพื้นฐานทั้ง 2 ประเทศในอนาคตได้

นายจเร ยังระบุด้วยว่า ส่วนในการดำเนินการโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ช่วงชุมทางหาดใหญ่ – สุไหงโกลก นั้นซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดสรรงบประมาณกลางปี 2567 สำหรับดำเนินการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ ตามแผนของงานดำเนินงานและในส่วนการอนุรักษ์รถไฟรางเก่าของไทยและมาเลเซียเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการโดยสารและการขนส่งสินค้านั้น ในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 เป็นโครงการที่ดำเนินการก่อสร้างเพื่อความจุทางเพิ่มประสิทธิภาพในการโดยสารและการขนส่งสินค้าโดยทางรถเพิ่ม 1 ทางขนานกับรถไฟเดิม ทั้งนี้จะมีการปรับปรุงทางรถไฟเดิมให้สามารถรองรับขบวนรถจำนวน 160 กม. / ชม.


Double-Track Railway "Hat Yai-Padang Besar-Kelantan State" to Boost Tourism and Border Economy

30/07/2024 @ch-newsthailand.com

The State Railway of Thailand (SRT) is working on the double-track railway project connecting Hat Yai to Padang Besar in Narathiwat province with Kelantan State in Malaysia. The project is currently in the budget approval phase. SRT currently operates 12 trains per day on this route, with plans to expand capacity.

Mr. Wichai Saelim, a former founder of the Songkhla Province Professional Tourist Guide Association, mentioned that a letter was sent to the Prime Minister Mr. Srettha Thavisin on March 15, 2024, concerning the development of the tourism industry in Songkhla province. The letter highlighted the need to connect the Thai railway station in Padang Besar, Sadao District, Songkhla, with the Padang Besar station in Perlis State, Malaysia, located on the Thailand-Malaysia border.

Mr. Wichai pointed out that Malaysian travelers are increasingly using train services due to their convenience, safety, comfort, and affordability. This reduces traffic congestion and obstacles in downtown Hat Yai, Songkhla.

Mr. Jaray Rungthaniyom, Deputy Governor and Acting Governor of the State Railway of Thailand, confirmed that currently, SRT operates two special express trains, Nos. 45/56, between Krung Thep Aphiwat Central Station and Padang Besar daily. Additionally, four trains, Nos. 947-950, run between Hat Yai and Padang Besar daily. There are also regular passenger and cargo services connecting with Malaysian railways.

The 43rd joint meeting between SRT and Malaysian Railways (41st 54 SRT - KTMB Joint Conference) from August 15-18, 2023, discussed the cross-border passenger service between Butterworth and Bangkok. The two countries plan to facilitate train operations for tourism and explore the feasibility of a joint ticketing system.

Acting Governor Jaray also mentioned that the double-track railway project between Hat Yai Junction and Padang Besar has been approved by the SRT Board. The project has requested funding for 2025. There are also plans to connect Su-ngai Kolok Station in Narathiwat with Lantupan Station in Kelantan, Malaysia, to enhance tourism and trade.

Currently, SRT operates 12 daily trains to and from Su-ngai Kolok Station. There are also plans to procure new rolling stock to replace old and outdated carriages to support the infrastructure of both countries in the future.

Mr. Jaray added that the double-track railway project between Hat Yai Junction and Su-ngai Kolok is in the budget allocation phase for mid-2024. The project includes preserving old Thai and Malaysian railways to facilitate passenger and cargo transport. The second phase of the double-track railway project aims to increase capacity and efficiency for passenger and freight transport, with an additional parallel track to the existing line, allowing for speeds of up to 160 km/h.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46281
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 02/08/2024 3:34 pm    Post subject: Reply with quote

'สุรพงษ์'คุยฟุ้ง!หมดยุครฟท.ขาดทุนแล้ว วางแผนเพิ่มรายได้10เท่าตัวปีละ2หมื่นล.
INN News วันที่ 2 สิงหาคม 2567 - 12:39 น.

กรุงเทพฯ-“สุรพงษ์” ปรับแผนหารายได้เข้า รฟท. เพิ่มส่วนแบ่งการตลาด จาก 3% ที่มีรายได้เพียง 2,000 ล้านบาท/ปี เป็น 30% ซึ่งรายได้จะเพิ่มเป็น 22,000 ล้านบาท/ปี พร้อมยกระดับรถไฟเชิงพาณิชย์ ขณะที่บริการเชิงสังคมสำหรับผู้มีรายได้น้อย รัฐยังดูแลเต็มที่

เมื่อวันพุธ (31 ก.ค.2567) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้พบปะกับสมาชิกของ ชมรมคอลัมนิสต์ นักจัดรายการวิทยุและโทรทัศน์ไทย นำโดย นายณรงค์ ปานนอก ประธานชมรมคอลัมนิสต์ฯ กล่าวถึงภารกิจสำคัญคือ การสร้างรายได้ของ รฟท. ได้ตั้งเป้าผลประกอบการหรืองบดุล จะต้องไม่มีตัวแดง หรือ EBITDA ต้องไม่ติดลบ และต้องเป็นบวก หรือมีกำไร ในปีต่อๆไป โดยให้ปรับแผนงานหารายได้เพิ่มจากธุรกิจทางตรงคือการขนส่งสินค้า เพิ่มส่วนแบ่งการตลาด จาก 3% ที่มีรายได้เพียง 2,000 ล้านบาท/ปี เป็น 30% ซึ่งรายได้จะเพิ่มเป็น 22,000 ล้านบาท/ปี

“เรื่องนี้ถือเป็นการบ้านของ รฟท. ที่จะต้องไปหาวิธีทำอย่างไรเพื่อไปสู่เป้าหมาย ทั้งด้านการขนสินค้าและผู้โดยสาร อาจหามืออาชีพด้านการตลาดมาช่วย การวางแผนจัดสร้างเส้นทางส่วนต่อขยาย เข้าไปในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีความต้องการในการขนส่งสินค้ามากๆ เป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้ของ รฟท.” รมช.คมนาคม กล่าว

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของค่าโดยสาร รฟท. ไม่ได้ปรับค่าโดยสารมาตั้งแต่ปี 2538 หรือ 29 ปีแล้ว ซึ่งจะแบ่งผู้โดยสารเป็น 2 ส่วน คือ ด้านบริการเชิงสังคมสำหรับผู้มีรายได้น้อย ที่รัฐต้องดูแลก็ให้แยกออกมา ส่วนบริการรถไฟเชิงพาณิชย์ ชั้น 2 และชั้น 3 ที่พร้อมจะซื้อตั๋วที่ราคาสูงขึ้นได้ จะทำให้สามารถกำหนดราคาที่เหมาะสม ซึ่งเรื่องนี้ ผู้ว่าฯรฟท.ต้องไปทำข้อมูลแยกออกมาว่า มีปริมาณผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ และ ผู้โดยสารรถไฟท่องเที่ยว เพื่อกำหนดแผนได้ตรงกับความต้องการของตลาดผู้โดยสาร

นายสุรพงษ์ ยังกล่าวถึงแผนการปรับปรุงรถไฟไทยว่า ได้ดำเนินการจัดทำรถไฟท่องเที่ยวขบวนรถหรู SRT Royal Blossom ที่จะเปิดบริการเที่ยวแรกในวันที่ 17 สิงหาคม 2567 นี้ นำร่องเส้นทางท่องเที่ยว กรุงเทพฯ -กาญจนบุรี เป็นรถไฟขบวนใหม่ สไตล์ญี่ปุ่น ที่การรถไฟฯ ทำการปรับปรุง หลังได้รับมอบจากบริษัท Hokkaido Railway Company (JR Hokkaido) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันปรับปรุงเสร็จสิ้นแล้ว 5 คัน จากจำนวนทั้งหมด 10 คัน ถูกออกแบบสำหรับใช้เดินทางท่องเที่ยวโดยเฉพาะ มีการดีไซน์ด้วยความพิถีพิถันจากฝีมือช่างคนไทย ภายในประกอบด้วยระบบสันทนาการครบครัน เพื่อให้ผู้โดยสารสัมผัสบรรยากาศวิวสองข้างทางอย่างเต็มที่ มีการติดตั้งบันไดทางขึ้น-ลงสำหรับรองรับชานชาลาสูง-ต่ำ และรถวีลแชร์ของผู้พิการตามมาตรฐาน Universal

ขณะที่ภาพรวมการขนส่งทางราง นายสุรพงษ์ฉายภาพความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 กรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) ระยะทางรวม 250.77 กิโลเมตร ภาพรวมการดำเนินการก่อสร้างในปัจจุบัน มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 33.48% ซึ่งได้กำชับให้การรถไฟฯ เร่งรัดการก่อสร้าง รวมถึงแก้ไขอุปสรรคต่างๆ อาทิ ปัญหาที่ยังติดขัด 2 สัญญา จาก 14 สัญญา ประกอบด้วย 1.สัญญา 4-1 บางซื่อ-ดอนเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน อยู่ระหว่างการแก้ไขสัญญาของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ดอีอีซี) เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ทันตามแผนงานที่กำหนดไว้ภายในปี 2571

ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 (นครราชสีมา-หนองคาย) ระยะทาง 356 กิโลเมตร วงเงิน 3.3 แสนล้านบาท ปัจจุบันได้ดำเนินการออกแบบและปรับแบบเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ (บอร์ด) และคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) ได้ให้ความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเสนอมายังกระทรวงคมนาคม คาดว่าจะเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายใน ก.ย.นี้ และสามารถเปิดประมูลพร้อมเริ่มกระบวนการก่อสร้างภายในปี 2567 คาดว่าพร้อมเปิดให้บริการในปี 2572

ด้านการการพัฒนารถทางคู่ ได้ดำเนินการก้าวหน้าตามลำดับ โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่และรถไฟสายใหม่ ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้แล้วหลายเส้นทาง ได้แก่ โครงการช่วงชุมทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย โครงการช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ขณะที่เส้นทางรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม – ชุมพร ก็สามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนเช่นกัน เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยเป็นการเปิดให้บริการระหว่างสถานีบ้านคูบัว จ.ราชบุรี ถึงสถานีสะพลี จ.ชุมพร รวมระยะทาง 348 กิโลเมตร

จากนั้นมีแผนเปิดใช้ทางคู่เพิ่ม ระหว่างสถานีโพรงมะเดื่อ-บ้านคูบัว ระยะทาง 50 กิโลเมตร และสถานีสะพลี – ด้านเหนือสถานีชุมพร ระยะทาง 12.80 กิโลเมตร ซึ่งตามแผนจะเปิดใช้ทางคู่ตลอดเส้นทาง ช่วงนครปฐม – ชุมพร รวมระยะทาง 420 กิโลเมตร ประมาณช่วงเดือนสิงหาคม 2567
นอกจากนี้ ในปลายปี 2567 จะเปิดให้บริการรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงบันไดม้า-คลองขนานจิตร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ระยะทาง 29.70 กม. ที่การก่อสร้างงานโยธาแล้วเสร็จ เพื่อช่วยลดระยะเวลาเดินทางแก่ประชาชน

ขณะที่ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ 2 เส้นทาง ได้แก่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ปัจจุบันก้าวหน้าไปแล้ว ร้อยละ 9.695 และโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม สัญญา 1 บ้านไผ่ - หนองพอก สัญญา 2 หนองพอก - สะพานมิตรภาพ 3 ก้าวหน้าแล้วร้อยละ 2.578 อีกทั้งยังมีโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ที่เตรียมพัฒนาเพิ่มเติมอีก 7 สายทาง ได้แก่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย อยู่ระหว่างเตรียมประกวดราคาก่อสร้าง ส่วนช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย, ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี, ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี, ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา และช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการการรถไฟฯ ไปแล้ว อยู่ระหว่างส่งเรื่องให้กระทรวงคมนาคม เสนอขอมติเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีต่อไป


Surapong boasts! The era of SRT losses is over, with plans to increase revenue 10 times to 20 billion baht per year.
INN News August 2, 2024 - 12:39 PM

Bangkok - "Surapong" adjusts the plan to increase revenue for SRT, increasing the market share from 3%, which has only 2,000 million baht/year in revenue, to 30%, which will increase revenue to 22,000 million baht/year, along with upgrading commercial trains. While social services for low-income people, the state still takes full care of them.

On Wednesday (July 31, 2024), Mr. Surapong Piyachoti, Deputy Minister of Transport, met with members of the Thai Columnist and Radio and Television Program Host Club, led by Mr. Narong Pannok, President of the Columnist Club, and talked about the important mission of generating income for SRT. The target has been set for operating results or balance sheets to have no red numbers, or EBITDA must not be negative and must be positive, or profitable, in the following years. By adjusting the plan to increase revenue from direct business, which is freight transportation, increase market share from 3%, which has only 2,000 million baht/year in revenue, to 30%, which will increase revenue to 22,000 million baht/year.

"This is the homework of SRT. They have to find a way to reach the goals, both in terms of freight and passengers. They may find marketing professionals to help. Planning and building extension routes into various industrial estates that have a high demand for freight transportation is another channel to generate income for SRT," said the Deputy Minister of Transport.

Mr. Surapong also said that in terms of fares, SRT has not adjusted fares since 1995 or 29 years ago, which will divide passengers into 2 parts: social services for low-income people that the state must take care of, and commercial train services, 2nd and 3rd class, which are ready to buy tickets at higher prices, will allow for setting appropriate prices. In this matter, the Governor of SRT has to separate the data on the number of commercial passengers and tourist train passengers in order to formulate a plan that meets the needs of the passenger market.

Mr. Surapong also talked about the plan to improve Thai trains, saying that the SRT Royal Blossom luxury train has been prepared, which will open its first service on August 17, 2024, piloting the Bangkok-Kanchanaburi tourist route. It is a new Japanese-style train that the State Railway of Thailand has renovated after receiving it from Hokkaido Railway Company (JR Hokkaido), Japan, which has now been renovated in 5 out of 10 cars. It is designed specifically for travel, meticulously designed by Thai craftsmen. The interior is equipped with a full entertainment system for passengers to fully experience the atmosphere of the scenery on both sides. Stairs have been installed to accommodate high and low platforms and wheelchairs for people with disabilities according to the Universal standard.

As for the overall rail transportation, Mr. Surapong presented the progress of the Bangkok-Nong Khai high-speed rail project (Phase 1 Bangkok-Nakhon Ratchasima), with a total distance of 250.77 kilometers. The overall construction progress has now reached over 33.48%, which has urged the State Railway of Thailand to expedite construction, including resolving various obstacles, such as the 2 contracts that are still stuck out of 14 contracts, consisting of 1. Contract 4-1 Bang Sue-Don Mueang, which is an area overlapping with the high-speed rail project connecting 3 airports, is in the process of amending the contract of the Eastern Special Development Zone Policy Committee (EEC Board) to be able to open the service on time according to the plan set within 2028.

As for the progress of the high-speed rail project, Phase 2 (Nakhon Ratchasima-Nong Khai), with a distance of 356 kilometers and a budget of 330 billion baht, the design and modification have now been completed. It has now passed the consideration of the Board and the Expert Committee for Consideration of Environmental Impact Assessment Reports (EIA), which has approved the Environmental Impact Assessment (EIA) report. It is currently being prepared for submission to the Ministry of Transport. It is expected to be submitted to the Cabinet (Cabinet) for consideration within September this year and can be auctioned and the construction process can begin within 2024. It is expected to be ready for service in 2029.

The development of double-track railways has progressed in order, especially the double-track and new railway projects, which have been opened for service on several routes, namely the Chachoengsao Junction-Khlong Sip Kao-Kaeng Khoi section project, the Thanon Chira Junction-Khon Kaen section project. While the southern double-track railway, Nakhon Pathom-Chumphon section, can also be opened for service as planned on December 15, 2023, by opening the service between Ban Khu Bua Station, Ratchaburi Province, and Sapli Station, Chumphon Province, for a total distance of 348 kilometers.

After that, there are plans to open more double tracks between Phrong Maduea Station-Ban Khu Bua, a distance of 50 kilometers, and Sapli Station-north of Chumphon Station, a distance of 12.80 kilometers, which according to the plan will open double tracks along the entire route, Nakhon Pathom-Chumphon section, with a total distance of 420 kilometers, around August 2024.
In addition, at the end of 2024, the northeastern double-track railway will open for service, Ban Dai Ma-Khlong Khanan Chit section, Pak Chong District, Nakhon Ratchasima Province, a distance of 29.70 kilometers, where civil works construction has been completed, to help reduce travel time for people.

While the progress of the construction of 2 new double-track railway lines, namely Denchai-Chiang Rai-Chiang Khong line, has now progressed 9.695%, and the double-track railway project, Ban Phai-Mahasarakham-Roi Et-Mukdahan-Nakhon Phanom section, Contract 1 Ban Phai-Nong Phok, Contract 2 Nong Phok-Friendship Bridge 3, has progressed 2.578%, there are also 7 additional double-track railway construction projects in Phase 2 that are being prepared for further development, namely Khon Kaen-Nong Khai section, which is in the process of preparing for bidding for construction. While the Pak Nam Pho-Denchai section, Thanon Chira Junction-Ubon Ratchathani section, Chumphon-Surat Thani section, Surat Thani-Hat Yai Junction-Songkhla section, and Hat Yai Junction-Padang Besar section have been approved by the State Railway of Thailand Board. It is in the process of being submitted to the Ministry of Transport for approval from the Cabinet.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43373
Location: NECTEC

PostPosted: 05/08/2024 7:31 pm    Post subject: Reply with quote

ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง ฝ่ายการช่างโยธา บริษัทผู้รับจ้าง ล้างทำความสะอาดอุโมงค์ผาเสด็จ อุโมงค์หินลับ และนำเครื่องเป่า Air Blower เข้าเป่าฝุ่นบริเวณที่ฉีดล้างไม่ได้
ญสร.ได้หารือกับผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการของ BEM (ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน) ทราบว่ากรณีการทำสะอาดอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินของ รฟม. ได้ใช้วิธีฉีดล้างด้วยรถบรรทุกน้ำแรงดันสูงและใช้คนเก็บกวาดตามร่วมกับการใช้รถดูดฝุ่นชนิดขับเคลื่อนบนราง ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพได้ประมาณ 70% แต่การฉีดน้ำและใช้คนเก็บกวาดจะได้ผลดีกว่า ดังนั้นเห็นว่าที่เราปฏิบัติน่าจะถูกทางแล้ว ทั้งนี้ BEM ให้ข้อมูลว่าควรจะต้อง set รอบการทำสะอาดเป็นประจำ ซึ่งของรถไฟฟ้าใต้ดินกำหนดรอบการทำสะอาดอุโมงค์ทุก 6 เดือน
โดยตามกำหนดการจะแล้วเสร็จวันที่ 05 สิงหาคม 2567 และจะมีการทดสอบวิ่งขบวนรถวันที่ 08 สิงหาคม 2567 ก่อนเปิดให้บริการ 12 สิงหาคม 2567
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=122123513060329030&id=61559870925518
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43373
Location: NECTEC

PostPosted: 06/08/2024 11:40 am    Post subject: Reply with quote

ฉีดล้างฝุ่น-ควัน “อุโมงค์ผาเสด็จ-หินลับ” หมดแล้ว
*รฟท.-กรมรางเตรียมเดินรถเทสต์ควันกลิ่น8ส.ค.
*ถ้าผ่านเรียบร้อยพร้อมกลับมาเปิดบริการ12 ส.ค.
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/1038167751093792


ล้างฝุ่น “อุโมงค์ผาเสด็จ-หินลับ” หมดแล้ว! ลุยเดินรถทดสอบควัน/กลิ่น ก่อนเปิดบริการ

นวัตกรรมขนส่ง
วันจันทร์ ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เวลา 18:17 น.

"รฟท." ล้างฝุ่น “อุโมงค์ผาเสด็จ-หินลับ” หมดแล้ว “รฟท.-กรมราง” เตรียมทดสอบเดินรถเสมือนจริงเข้าอุโมงค์ เทสต์ควัน/กลิ่น 8 ส.ค.67 ก่อนเปิดให้บริการอีกครั้ง 12 ส.ค.นี้ หลังเปิดบริการวันแรก 28 ก.ค.67 ฝุ่นตลบในขบวนรถ

“ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์” แจ้งว่า ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง ฝ่ายการช่างโยธา และบริษัทผู้รับจ้าง ได้ดำเนินการใช้น้ำฉีดล้างทำความสะอาดหนัก และนำเครื่องเป่า Air Blower เป่าอัดอากาศภายในอุโมงค์ผาเสด็จ และอุโมงค์หินลับ เพื่อไล่ฝุ่นออกในบริเวณที่ฉีดล้างไม่ได้ให้หมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว

หลังจากนี้ในวันที่ 8 ส.ค. 67 รฟท. จะร่วมกับกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ทดสอบเดินขบวนรถเสมือนจริงเข้าภายในอุโมงค์ เพื่อตรวจสอบความพร้อม และปัญหาต่างๆ ตลอดจนความปลอดภัยก่อนจะเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 12 ส.ค. 67


สำหรับแผนการทดสอบเดินรถเสมือนจริง ประกอบด้วย 1. รถจักร เที่ยวไป (ทางขึ้น) วิ่งผ่านตลอด ความเร็ว 90 กิโลเมตร (กม.)/ชั่วโมง (ชม.) และเที่ยวกลับ (ทางล่อง) หยุดทดลองในอุโมงค์ 20 นาที (ทดสอบควัน/กลิ่น) ใช้ความเร็ว 55-60 กม./ชม. และ 2. รถดีเซลราง (ATR) เที่ยวไป (ทางล่อง) วิ่งผ่านตลอด ความเร็ว 105 กม./ชม. และเที่ยวกลับ (ทางขึ้น) หยุดทดลองในอุโมงค์ 20 นาที (ทดสอบควัน/กลิ่น) ใช้ความเร็ว 55-60 กม./ชม.


อย่างไรก็ตาม สำหรับอุโมงค์ผาเสด็จ และอุโมงค์หินลับ อยู่ในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ โดยอุโมงค์ผาเสด็จเป็นอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีระยะทาง 5.4 กม.


โดย รฟท. ได้เปิดให้ขบวนรถเข้าใช้บริการเมื่อวันที่ 28 ก.ค.67 เป็นวันแรก แต่ปรากฏว่า เมื่อขบวนรถไฟวิ่งเข้าภายในอุโมงค์ กลับมีฝุ่นตลบเข้ามายังห้องโดยสารพัดลมชั้น 3 ทำให้ผู้โดยสารภายในขบวนรถไฟได้รับผลกระทบ.

Wisarut wrote:
ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง ฝ่ายการช่างโยธา บริษัทผู้รับจ้าง ล้างทำความสะอาดอุโมงค์ผาเสด็จ อุโมงค์หินลับ และนำเครื่องเป่า Air Blower เข้าเป่าฝุ่นบริเวณที่ฉีดล้างไม่ได้
ญสร.ได้หารือกับผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการของ BEM (ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน) ทราบว่ากรณีการทำสะอาดอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินของ รฟม. ได้ใช้วิธีฉีดล้างด้วยรถบรรทุกน้ำแรงดันสูงและใช้คนเก็บกวาดตามร่วมกับการใช้รถดูดฝุ่นชนิดขับเคลื่อนบนราง ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพได้ประมาณ 70% แต่การฉีดน้ำและใช้คนเก็บกวาดจะได้ผลดีกว่า ดังนั้นเห็นว่าที่เราปฏิบัติน่าจะถูกทางแล้ว ทั้งนี้ BEM ให้ข้อมูลว่าควรจะต้อง set รอบการทำสะอาดเป็นประจำ ซึ่งของรถไฟฟ้าใต้ดินกำหนดรอบการทำสะอาดอุโมงค์ทุก 6 เดือน
โดยตามกำหนดการจะแล้วเสร็จวันที่ 05 สิงหาคม 2567 และจะมีการทดสอบวิ่งขบวนรถวันที่ 08 สิงหาคม 2567 ก่อนเปิดให้บริการ 12 สิงหาคม 2567
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=122123513060329030&id=61559870925518
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43373
Location: NECTEC

PostPosted: 06/08/2024 4:39 pm    Post subject: Reply with quote

งานก่อสร้างสถานีรถไฟนครสวรรค์ ในโครงการรถไฟทางคู่(ลพบุรี-ปากน้ำโพ) รื้อทางหลีกเก่าเปิดใช้ทางหลีกใหม่ชั่วคราว
https://www.facebook.com/watch?v=1039903284167397&locale=th_TH
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46281
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 08/08/2024 7:58 am    Post subject: Reply with quote

ปลายปีนี้เปิดรถไฟทางคู่สายเหนือ
Source - เดลินิวส์
Thursday, August 08, 2024 05:42

ลพบุรี-ปากน้ำโพทั้งเส้น148กม. ยกระดับยาวสุดในไทย-วิวว้าวๆ

"ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์" รายงานว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อัปเดตภาพรวมการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่เส้นทางสายเหนือ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 2.15 หมื่นล้านบาท โดยพบว่ามีแนวโน้มจะแล้วเสร็จทันตามกำหนดวันสิ้นสุดสัญญาช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. 67 หลังจาก รฟท. ได้เร่งรัดผู้รับจ้างระดมแรงงานและเครื่องจักรเข้าทำงานเพิ่มเติมอย่างเต็มที่ ทำให้งานก่อสร้างซึ่งเดิมล่าช้าจากแผนค่อนข้างมาก สามารถเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะล่าช้าจากแผนอยู่ ล่าสุดได้ผลงานรวม 91.3% ล่าช้ากว่าแผนงานประมาณ 7.9%

โดยสัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกระเทียม ระยะทาง 32 กม. วงเงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาท คืบหน้า 94.11% ล่าช้ากว่าแผน 5.45% มีกิจการร่วมค้า ยูเอ็นเอสเอช เป็นผู้รับจ้าง เริ่มงานวันที่ 15 มิ.ย. 61 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 18 ก.ย. 67 ส่วนสัญญาที่ 2 ช่วงท่าแค-ปากน้ำโพ ระยะทาง 116 กม. วงเงินประมาณ 8.65 พันล้านบาท คืบหน้า 88.56% ล่าช้ากว่าแผน 10.49% มีบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับจ้าง เริ่มงานวันที่ 1 ก.พ. 61 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 19 ต.ค. 67 หากไม่เสร็จทันตามกำหนดวันสิ้นสุดสัญญา ผู้รับจ้างต้องจ่ายค่าปรับให้ รฟท. วันละ 0.1% ของค่างานก่อสร้าง โดยสัญญาที่ 1 วันละประมาณ 10 ล้านบาท และสัญญาที่ 2 วันละประมาณ 8 ล้านบาท

ส่วนสัญญาที่ 3 งานระบบอาณัติ สัญญาณและโทรคมนาคม วงเงิน 2.77 พันล้านบาท ผลงาน 45.81% ล่าช้า 54.19% สิ้นสุดสัญญาวันที่ 28 ก.ค. 68 ภาพรวมการก่อสร้างโครงการฯ ในเวลานี้ไม่พบปัญหาใดแล้ว จากการประเมินเบื้องต้นงานจะแล้วเสร็จตามแผนงาน และจากการพิจารณางานในภาพรวมพบว่า สามารถเปิดให้บริการรถไฟทางคู่ สายเหนือ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ได้ตลอดทั้งเส้นทางภายในปลายปี 67 หลังจากก่อนหน้านี้มีแผนเปิดบริการได้แค่ 40 กม. ก่อน เนื่องจากขณะนั้นคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จแค่ 40 กม. แต่การเปิดบริการยังต้องใช้งานแบบระบบอาณัติสัญญาณเดิมไปพลางก่อน ระหว่างรอการติด

ตั้งงานระบบฯ แล้วเสร็จ คาดว่าจะเปิดให้บริการรถไฟทางคู่โดยใช้ระบบอาณัติ สัญญาณใหม่ได้ประมาณปลายปี 68 ไม่เกินต้นปี 69

ทั้งนี้ระบบอาณัติสัญญาณเดิมที่ใช้ในปัจจุบันนั้น พนักงานขับรถไฟจะทำหน้าที่โยนห่วงและรับห่วงทุกสถานี เพื่อความปลอดภัย และการจัดการเดินรถไฟ ขณะที่ระบบใหม่จะเป็นระบบไฟสี ควบคุมระบบอาณัติสัญญาณด้วยระบบอัตโนมัติ จะเป็นการขอทางและให้ทางด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเมื่อเปิดให้บริการจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางทางรถไฟมากขึ้น สำหรับรถไฟทางคู่ สายเหนือ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ คาดว่าในปีแรกของการเปิดให้บริการจะมีปริมาณผู้โดยสาร 33,880 คนต่อวัน และอีก 20 ปี จะเพิ่มเป็น 81,130 คนต่อวัน ขณะที่ปริมาณขนส่งสินค้า ปีเปิด 25,910 ตันต่อวัน และอีก 20 ปี จะเพิ่มเป็น 60,430 ตันต่อวัน

โครงการรถไฟทางคู่ สายเหนือ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ มีไฮไลต์อยู่ที่ทางรถไฟยกระดับ ในสัญญาที่ 1 มีความยาว 19 กม. สูง 10-20 เมตร เริ่มตั้งแต่ออกจากสถานีบ้านกลับ จ.สระบุรี และเริ่มลดระดับลงก่อนเข้าสู่บริเวณสถานีโคกกระเทียม จ.ลพบุรี ถือเป็นทางรถไฟยกระดับที่ยาวที่สุดในไทย ซึ่งในระหว่างที่ขบวนรถอยู่บนทางรถไฟยกระดับนั้น ผู้โดยสารจะได้เห็นวิวมุมสูง ทิวทัศน์ที่สวยงาม และความเขียวขจีของท้องทุ่งนาด้วย.

ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 9 ส.ค. 2567 (กรอบบ่าย)


Double-track Northern Railway to Open Late This Year

Source - Daily News, Thursday, August 08, 2024 05:42

Lopburi-Pak Nam Pho Full 148km Line: Longest Elevated Railway in Thailand with Stunning Views

The "Daily News Transportation Innovation News Team" reports that the State Railway of Thailand (SRT) has updated the overall construction progress of the Northern double-track railway project for the Lopburi-Pak Nam Pho section, spanning 148 kilometers (km) with a budget of 21.5 billion baht. The project is likely to be completed on schedule by the contract end date in September-October 2024, after SRT urged contractors to fully mobilize additional labor and machinery. This has allowed the construction, which was previously significantly behind schedule, to progress continuously, albeit still behind plan. The latest overall progress is 91.3%, about 7.9% behind schedule.

Contract 1, covering the 32 km Ban Klap-Khok Kathiam section with a budget of about 10 billion baht, is 94.11% complete, 5.45% behind schedule. The UNSH Joint Venture is the contractor, with work starting on June 15, 2018, and the contract ending on September 18, 2024.

Contract 2, covering the 116 km Tha Khae-Pak Nam Pho section with a budget of about 8.65 billion baht, is 88.56% complete, 10.49% behind schedule. Unique Engineering and Construction Public Company Limited is the contractor, with work starting on February 1, 2018, and the contract ending on October 19, 2024.

If not completed by the contract end date, contractors must pay SRT a daily fine of 0.1% of the construction cost, approximately 10 million baht per day for Contract 1 and 8 million baht per day for Contract 2.

Contract 3, for signaling and telecommunications systems with a budget of 2.77 billion baht, is 45.81% complete, 54.19% behind schedule, with the contract ending on July 28, 2025.

Currently, there are no major issues with the project's construction. Initial assessments suggest the work will be completed as planned, and the entire Lopburi-Pak Nam Pho double-track northern railway section is expected to open for service by the end of 2024. This is an improvement from earlier plans that anticipated opening only 40 km initially. However, the service will initially use the old signaling system while waiting for the new system installation to be completed. The new signaling system is expected to be operational by late 2025 or early 2026.

The current signaling system requires train drivers to manually exchange tokens at every station for safety and train management. The new system will use color lights and automatic computer-controlled signaling, enhancing railway travel safety.

For the Lopburi-Pak Nam Pho double-track northern railway, passenger numbers are expected to reach 33,880 per day in the first year of operation, increasing to 81,130 per day after 20 years. Freight transport is projected to be 25,910 tons per day in the opening year, rising to 60,430 tons per day after 20 years.

A highlight of the project is the elevated railway in Contract 1, stretching 19 km at a height of 10-20 meters. It starts from Ban Klap station in Saraburi province and begins to descend before reaching Khok Kathiam station in Lopburi province. This is the longest elevated railway in Thailand, offering passengers high-altitude views of beautiful landscapes and lush green fields.

Source: Daily News, August 9, 2024 edition (afternoon frame)
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43373
Location: NECTEC

PostPosted: 09/08/2024 4:11 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
ปลายปีนี้เปิดรถไฟทางคู่สายเหนือ
Source - เดลินิวส์
Thursday, August 08, 2024 05:42

ลพบุรี-ปากน้ำโพทั้งเส้น148กม. ยกระดับยาวสุดในไทย-วิวว้าวๆ

Source: Daily News, August 9, 2024 edition (afternoon frame)


ลิงก์มาแล้วครับ
ปลายปีนี้เปิดรถไฟทางคู่สายเหนือยาวทั้งเส้น 148 กม.
*ช่วง“ลพบุรี-ปากน้ำโพ” 3 สัญญาผลงานสร้าง 91%
*สัมผัสทางยกระดับยาวสุดในไทย19กม.ชมวิวว้าวๆ
*“สถานีบ้านกลับสระบุรี-สถานีโคกกระเทียมลพบุรี”
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/1040377517539482
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46281
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 11/08/2024 8:07 pm    Post subject: Reply with quote

วันแม่แห่งชาติ 2567 เปิดเดินรถไฟทางคู่สายใต้ จากนครปฐมถึงชุมพร 12 ส.ค.นี้
ฐานเศรษฐกิจ
11 ส.ค. 2567 | 18:47 น.

วันแม่แห่งชาติ 2567 การรถไฟฯ พร้อมเปิดเดินรถทางคู่สายใต้ 421 กม. จากนครปฐมถึงชุมพร แบบไร้รอยต่อ เริ่มวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ทั้งอัพเดตโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่อีก 2 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ และช่วงบ้านไผ่ - มุกดาหาร - นครพนม
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มีนโยบายให้การรถไฟฯ เร่งรัดดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ และรถไฟสายใหม่ทั่วประเทศให้แล้วเสร็จตามแผนงาน

ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการขนส่งทางราง ให้เป็นระบบขนส่งหลักของประเทศ และสามารถอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ตลอดเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าได้ทุกภูมิภาค

ล่าสุด การรถไฟฯ ได้เร่งดำเนินการตรวจสอบความพร้อมของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงย่านสถานีนครปฐม – ประแจสับหลีก ระยะทาง 1 กิโลเมตรที่ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ ซึ่งผลการตรวจสอบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

การรถไฟฯ พร้อมที่จะเปิดใช้งานรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม – ชุมพร แบบไร้รอยต่อ ได้ตลอดเส้นทาง รวมระยะทางทั้งสิ้น 421 กิโลเมตร ในวันที่ 12 สิงหาคม 2567 วันแม่แห่งชาติ 2567

ส่วนการใช้ระบบทางสะดวกอิเล็กทรอนิกส์ (E-token) ในการเดินรถระหว่างที่มีการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ ปัจจุบันมีความคืบหน้าแล้ว 61.323% คาดว่าจะใช้งานได้เต็มระบบภายในปี 2568 จะช่วยลดระยะเวลาเดินทางแก่ประชาชน

รถไฟทางคู่สายใต้

อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบการขนส่ง เส้นทางท่องเที่ยวของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และธุรกิจขนส่งสินค้าอื่นได้ อีกด้วย

สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม - ชุมพร นับเป็นเส้นทางสำคัญในการเชื่อมต่อการเดินทางลงสู่ภาคใต้ โดยมีการก่อสร้างทางรถไฟใหม่ขนาด 1 เมตร ขนานไปกับทางรถไฟเส้นเดิม

รถไฟทางคู่สายใต้ 421 กม. จากนครปฐมถึงชุมพร

เริ่มจากสถานีนครปฐม จังหวัดนครปฐม ผ่าน จังหวัดราชบุรี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปยังสถานีชุมพร จังหวัดชุมพร พาดผ่านพื้นที่เศรษฐกิจและแหล่งท่องเที่ยวของภาคกลางตอนล่าง เช่น ชะอำ หัวหิน และเป็นประตูเชื่อมโยงไปสู่ภาคใต้

ทั้งนี้ รูปแบบโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นคันทางระดับดิน และทางรถไฟยกระดับช่วงผ่านตัวเมือง ซึ่งมีจุดแลนด์มาร์คก่อสร้างที่สำคัญพิเศษ 2 แห่ง คือ สถานีหัวหินแห่งใหม่ เป็นสถานียกระดับ มี 3 ชั้น ซึ่งมีความสวยงามสอดคล้องกับรูปแบบสถาปัตยกรรมของสถานีหัวหินเดิม

วันแม่แห่งชาติ 2567 เปิดเดินรถไฟทางคู่สายใต้ จากนครปฐมถึงชุมพร 12 ส.ค.นี้

รวมทั้งยังมีสะพานรถไฟแบบคานขึง (Extradosed Railway Bridge) แห่งแรกของประเทศ ที่ใช้เทคนิคการก่อสร้างสมัยใหม่ หลีกเลี่ยงการก่อสร้างเสาในแม่น้ำแม่กลอง ทำให้มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ พร้อมเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดราชบุรี

นายเอกรัชกล่าวว่า นอกจากการพัฒนาเส้นทางรถไฟสายใต้แล้ว การรถไฟฯ ยังอยู่ระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่อีก 2 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ และช่วงบ้านไผ่ - มุกดาหาร - นครพนม ซึ่งขณะนี้มีความก้าวหน้าในก่อสร้าง ดังนี้

1. โครงการรถไฟสายใหม่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญา 1 ช่วงเด่นชัย-งาว ระยะทาง 103 กม. ก้าวหน้าแล้ว 12.038% สัญญา 2 ช่วงงาว –เชียงราย ระยะทาง 132 กม. ก้าวหน้าแล้ว 15.055% และสัญญา 3 ช่วงเชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 87 กม. ก้าวหน้าแล้ว 11.507%

2. โครงการรถไฟสายใหม่ บ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม สัญญา 1 ช่วงบ้านไผ่-หนองพอก ระยะทาง 180 กม. ก้าวหน้าแล้ว 9.512% สัญญา 2 ช่วงหนองพอก-สะพานมิตรภาพ 3 ระยะทาง 175 กม. ก้าวหน้าแล้ว 0.184%

ขณะเดียวกันยังมีโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 เพิ่มเติมอีก 7 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงขอนแก่น – หนองคาย ซึ่งอยู่ระหว่างจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา

ส่วนช่วงปากน้ำโพ - เด่นชัย ช่วงชุมทางถนนจิระ - อุบลราชธานี ช่วงชุมพร – สุราษฎร์ธานี ช่วงสุราษฎร์ธานี - ชุมทางหาดใหญ่ – สงขลา และช่วงชุมทางหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ อยู่ในขั้นตอนเตรียมการจัดทำข้อมูลเพื่อรอเสนออนุมัติโครงการ

ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย - เชียงใหม่ ได้มีการจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอขออนุมัติโครงการ รวมถึงกำลังทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)

วันแม่แห่งชาติ 2567 เปิดเดินรถไฟทางคู่สายใต้ จากนครปฐมถึงชุมพร 12 ส.ค.นี้

นายเอกรัชกล่าวทิ้งท้ายว่า เมื่อการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง และเส้นทางสายใหม่ 2 เส้นทางแล้วเสร็จ จะทำให้การรถไฟฯ มีรถไฟทางคู่ครอบคลุมการเดินทางมากกว่า 50 จังหวัดทั่วประเทศ มีเส้นทางคู่รวมกันมากกว่า 2,370 กิโลเมตร ภายในปี 2572

โดยจะช่วยเพิ่มสัดส่วนทางคู่ทั่วประเทศมากถึง 10 เท่า หรือคิดเป็น 65 % ของระยะทางรวมทั้งหมด มากกว่าเดิมที่มีทางคู่เพียง 6 % สามารถรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าและการขนส่ง อีกทั้งช่วยร่นระยะเวลาการเดินทางได้ 1–1.50 ชั่วโมง

สามารถถึงจุดหมายได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องเสียเวลาในการรอหลีกขบวนรถ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งด้านโลจิสติกส์ ได้มหาศาล อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางเสมอระดับรถไฟ-รถยนต์

วันแม่แห่งชาติ 2567 เปิดเดินรถไฟทางคู่สายใต้ จากนครปฐมถึงชุมพร 12 ส.ค.นี้

ที่สำคัญโครงการรถไฟทางคู่ยังช่วยสร้างการเติบโตของประเทศได้อีกหลายมิติ สามารถกระจายโอกาสทางสังคม เพิ่มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาค ทั้งในพื้นที่ชนบท เมือง ตลอดจนเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านเข้าด้วยกันได้อย่างไร้รอยต่อ

การรถไฟฯ มั่นใจว่าโครงการพัฒนารถไฟทางคู่ครั้งนี้จะมีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย และพลิกโฉมระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ ให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมของภูมิภาคอาเซียนได้อย่างแท้จริง


Mother's Day 2023: State Railway of Thailand to Open Southern Double-Track Railway from Nakhon Pathom to Chumphon on August 12th

Thansettakij
August 11, 2023 | 6:47 PM


On Mother's Day 2023, the State Railway of Thailand (SRT) is ready to open the 421-kilometer Southern Double-Track Railway from Nakhon Pathom to Chumphon for seamless travel, starting from August 12th. There are also updates on the construction of two new railway lines: Den Chai - Chiang Rai - Chiang Khong and Ban Phai - Mukdahan - Nakhon Phanom.

Mr. Ekrarat Sriarayanpong, Head of the Governor's Office of the State Railway of Thailand, revealed that, in accordance with the policy of Mr. Surapong Piyachote, Deputy Minister of Transport, the SRT has been instructed to expedite the construction of double-track and new railway lines throughout the country to complete them as planned.

This is to increase the efficiency of the rail transport system, making it the main transportation system of the country, and to facilitate the travel of people, as well as connect the transportation of goods in all regions.

Recently, the SRT has expedited the inspection of the readiness of the Southern Double-Track Railway construction project in the section between Nakhon Pathom Station and the passing loop, a distance of 1 kilometer, which has been completed. The inspection results were satisfactory.

The SRT is ready to open the Southern Double-Track Railway between Nakhon Pathom and Chumphon for seamless travel throughout the entire route, a total distance of 421 kilometers, on August 12, 2023, Mother's Day 2023.

As for the use of the electronic token system (E-token) for train operations during the installation of the signaling system, there has been progress of 61.323%. It is expected that the system will be fully operational within 2024, which will help reduce travel time for the public.

It can also connect with the transportation system, tourist routes of Prachuap Khiri Khan and Chumphon provinces, and other freight businesses.

The Southern Double-Track Railway project between Nakhon Pathom and Chumphon is considered an important route connecting travel to the south. It involves the construction of a new 1-meter gauge railway parallel to the existing railway.

Starting from Nakhon Pathom Station in Nakhon Pathom Province, it passes through Ratchaburi Province, Phetchaburi Province, Prachuap Khiri Khan Province, and ends at Chumphon Station in Chumphon Province. It traverses the economic areas and tourist attractions of the lower central region, such as Cha-am and Hua Hin, and serves as a gateway to the south.

The structural design is mainly at-grade embankments and elevated railways through urban areas. There are two special landmark constructions: the new Hua Hin Station, a three-story elevated station with beautiful architecture that harmonizes with the original Hua Hin Station.

There is also the first Extradosed Railway Bridge in the country, built using modern construction techniques, avoiding the construction of pillars in the Mae Klong River, resulting in a unique and beautiful landmark that will become a new tourist attraction in Ratchaburi Province.

Mr. Ekrarat stated that in addition to the development of the southern railway line, the SRT is also in the process of constructing two new railway lines: Den Chai - Chiang Rai - Chiang Khong and Ban Phai - Mukdahan - Nakhon Phanom. The progress of these constructions is as follows:

1. New Railway Project Den Chai - Chiang Rai - Chiang Khong: Contract 1, Den Chai - Ngao section, 103 km, progress at 12.038%; Contract 2, Ngao - Chiang Rai section, 132 km, progress at 15.055%; and Contract 3, Chiang Rai - Chiang Khong section, 87 km, progress at 11.507%.

2. New Railway Project Ban Phai - Mahasarakham - Roi Et - Mukdahan - Nakhon Phanom: Contract 1, Ban Phai - Nong Phok section, 180 km, progress at 9.512%; Contract 2, Nong Phok - Friendship Bridge 3 section, 175 km, progress at 0.184%.

At the same time, there are additional 7 routes for the Phase 2 Double-Track Railway construction project: Khon Kaen - Nong Khai section, which is in the process of preparing bidding documents.

The sections Pak Nam Pho - Den Chai, Chumtang Thanon Chira - Ubon Ratchathani, Chumphon - Surat Thani, Surat Thani - Hat Yai Junction - Songkhla, and Hat Yai Junction - Padang Besar are in the process of preparing information for project approval.

For the Den Chai - Chiang Mai Double-Track Railway construction project, information has been prepared for project approval submission, and an Environmental Impact Assessment (EIA) is being conducted.

Mr. Ekrarat concluded that once the construction of the 7 urgent double-track railway projects and the 2 new railway lines is completed, the SRT will have double-track railways covering more than 50 provinces nationwide, with a total double-track distance of over 2,370 kilometers by 2029.

This will help increase the proportion of double-track railways nationwide by up to 10 times, or 65% of the total distance, compared to the previous 6%. It can accommodate increased freight and passenger transportation, and also help shorten travel time by 1-1.50 hours.

Passengers can reach their destinations faster without having to wait for trains to pass each other, which will significantly reduce logistics costs. It will also increase safety and reduce the risk of accidents at level crossings between trains and cars.

Importantly, the double-track railway project will also help create growth for the country in many dimensions. It can distribute social opportunities, increase economic growth in both rural and urban areas, and seamlessly connect with neighboring countries.

The SRT is confident that this double-track railway development project will contribute to supporting the economic and tourism growth of the country, improving the quality of life for Thai people, and transforming the country's transportation system into a true ASEAN transportation hub.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46281
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 12/08/2024 4:30 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท.เร่งเปิดใช้ทางคู่นครปฐม-ชุมพร เต็บรูปแบบปี 68
Source - เว็บไซต์ไทยโพสต์
Monday, August 12, 2024 16:16

รฟท. พร้อมเปิดเดินรถทางคู่สายใต้ตลอดเส้นทาง 421 กม. จากนครปฐม-ชุมพร 12 ส.คน.นี้ เร่งติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ คืบ61.3% คาดใช้งานได้เต็มระบบปี 68 ช่วยลดระยะเวลาเดินทางให้ประชาชน

12 ส.ค. 2557 – นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ตามที่นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม มีนโยบายให้การรถไฟฯ เร่งรัดดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ และรถไฟสายใหม่ทั่วประเทศให้แล้วเสร็จตามแผนงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการขนส่งทางราง ให้เป็นระบบขนส่งหลักของประเทศ และสามารถอำนวยความสะดวกในการเดินทางของพี่น้องประชาชน ตลอดเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าได้ทุกภูมิภาค

ทั้งนี้ การรถไฟฯ ได้เร่งดำเนินการตรวจสอบความพร้อมของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงย่านสถานีนครปฐม – ประแจสับหลีก ระยะทาง 1 กิโลเมตรที่ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ ซึ่งผลการตรวจสอบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และการรถไฟฯ พร้อมที่จะเปิดใช้งานรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม – ชุมพร แบบไร้รอยต่อ ได้ตลอดเส้นทาง รวมระยะทางทั้งสิ้น 421 กิโลเมตร ในวันที่ 12 สิงหาคม 2567

ส่วนการใช้ระบบทางสะดวกอิเล็กทรอนิกส์ (E-token) ในการเดินรถระหว่างที่มีการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ ปัจจุบันมีความคืบหน้าแล้ว 61.323% คาดว่าจะใช้งานได้เต็มระบบภายในปี 2568 จะช่วยลดระยะเวลาเดินทางแก่ประชาชน อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบการขนส่ง เส้นทางท่องเที่ยวของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และธุรกิจขนส่งสินค้าอื่นได้ อีกด้วย

สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม – ชุมพร นับเป็นเส้นทางสำคัญในการเชื่อมต่อการเดินทางลงสู่ภาคใต้ โดยมีการก่อสร้างทางรถไฟใหม่ขนาด 1 เมตร ขนานไปกับทางรถไฟเส้นเดิม เริ่มจากสถานีนครปฐม จังหวัดนครปฐม ผ่าน จังหวัดราชบุรี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปยังสถานีชุมพร จังหวัดชุมพร พาดผ่านพื้นที่เศรษฐกิจและแหล่งท่องเที่ยวของภาคกลางตอนล่าง เช่น ชะอำ หัวหิน และเป็นประตูเชื่อมโยงไปสู่ภาคใต้

ทั้งนี้ รูปแบบโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นคันทางระดับดิน และทางรถไฟยกระดับช่วงผ่านตัวเมือง ซึ่งมีจุดแลนด์มาร์คก่อสร้างที่สำคัญพิเศษ 2 แห่ง คือ สถานีหัวหินแห่งใหม่ เป็นสถานียกระดับ มี 3 ชั้น ซึ่งมีความสวยงามสอดคล้องกับรูปแบบสถาปัตยกรรมของสถานีหัวหินเดิม และยังมีสะพานรถไฟแบบคานขึง (Extradosed Railway Bridge) แห่งแรกของประเทศ ที่ใช้เทคนิคการก่อสร้างสมัยใหม่ หลีกเลี่ยงการก่อสร้างเสาในแม่น้ำแม่กลอง ทำให้มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ พร้อมเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดราชบุรี

นายเอกรัชกล่าวว่า นอกจากการพัฒนาเส้นทางรถไฟสายใต้แล้ว การรถไฟฯ ยังอยู่ระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่อีก 2 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ และช่วงบ้านไผ่ – มุกดาหาร – นครพนม ซึ่งขณะนี้มีความก้าวหน้าในก่อสร้าง ดังนี้

1. โครงการรถไฟสายใหม่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญา 1 ช่วงเด่นชัย-งาว ระยะทาง 103 กม. ก้าวหน้าแล้ว 12.038% สัญญา 2 ช่วงงาว –เชียงราย ระยะทาง 132 กม. ก้าวหน้าแล้ว 15.055% และสัญญา 3 ช่วงเชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 87 กม. ก้าวหน้าแล้ว 11.507%

2. โครงการรถไฟสายใหม่ บ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม สัญญา 1 ช่วงบ้านไผ่-หนองพอก ระยะทาง 180 กม. ก้าวหน้าแล้ว 9.512% สัญญา 2 ช่วงหนองพอก-สะพานมิตรภาพ 3 ระยะทาง 175 กม. ก้าวหน้าแล้ว 0.184%

ขณะเดียวกันยังมีโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 เพิ่มเติมอีก 7 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงขอนแก่น – หนองคาย ซึ่งอยู่ระหว่างจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา ส่วนช่วงปากน้ำโพ – เด่นชัย ช่วงชุมทางถนนจิระ – อุบลราชธานี ช่วงชุมพร – สุราษฎร์ธานี ช่วงสุราษฎร์ธานี – ชุมทางหาดใหญ่ – สงขลา และช่วงชุมทางหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ อยู่ในขั้นตอนเตรียมการจัดทำข้อมูลเพื่อรอเสนออนุมัติโครงการ ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย – เชียงใหม่ ได้มีการจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอขออนุมัติโครงการ รวมถึงกำลังทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)

ทั้งนี้ เมื่อการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง และเส้นทางสายใหม่ 2 เส้นทางแล้วเสร็จ จะทำให้การรถไฟฯ มีรถไฟทางคู่ครอบคลุมการเดินทางมากกว่า 50 จังหวัดทั่วประเทศ มีเส้นทางคู่รวมกันมากกว่า 2,370 กิโลเมตร ภายในปี 2572 ซึ่งจะช่วยเพิ่มสัดส่วนทางคู่ทั่วประเทศมากถึง 10 เท่า หรือคิดเป็น 65 % ของระยะทางรวมทั้งหมด มากกว่าเดิมที่มีทางคู่เพียง 6 % สามารถรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าและการขนส่ง อีกทั้งช่วยร่นระยะเวลาการเดินทางได้ 1–1.50 ชั่วโมง สามารถถึงจุดหมายได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องเสียเวลาในการรอหลีกขบวนรถ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งด้านโลจิสติกส์ ได้มหาศาล อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางเสมอระดับรถไฟ-รถยนต์

นอกจากนี้ โครงการรถไฟทางคู่ยังช่วยสร้างการเติบโตของประเทศได้อีกหลายมิติ สามารถกระจายโอกาสทางสังคม เพิ่มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาค ทั้งในพื้นที่ชนบท เมือง ตลอดจนเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านเข้าด้วยกันได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งการรถไฟฯ มั่นใจว่าโครงการพัฒนารถไฟทางคู่ครั้งนี้จะมีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ

และการท่องเที่ยวของประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย และพลิกโฉมระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ ให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมของภูมิภาคอาเซียนได้อย่างแท้จริง
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46281
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 17/08/2024 5:34 pm    Post subject: Reply with quote

โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-ชุมพร

ภาพถ่ายมุมสูง ประจำเดือน กรกฎาคม 2567
สัญญาที่ 1 ช่วงนครปฐม – หนองปลาไหล
บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอ็นยิเนี่ยริ่ง จำกัด (1964)

https://fb.watch/u0dwgeFhGT/


ภาพถ่ายมุมสูงประจำเดือน กรกฎาคม 2567
โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร
สัญญาที่ 2 ช่วงบางสะพานน้อย-ชุมพร

https://fb.watch/u0dyTBJD3d/
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... , 403, 404, 405  Next
Page 404 of 405

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©