รถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออกของมาเลเซีย (ECRL)

[Mongwin]

ข้อตกลงทางรถไฟสำคัญต่อวิสัยทัศน์เครือข่ายทั่วเอเชีย

นักวิเคราะห์เน้นย้ำความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของการเชื่อมโยงในการส่งเสริมการเชื่อมต่อระดับภูมิภาค
โดย PRIME SARMIENTO ใน Hong Kong | China Daily Global | ปรับปรุงเมื่อ: 2024-07-08 09:13

คนงานวางรางรถไฟแรกสำหรับโครงการ East Coast Rail Link ใน Gebeng รัฐ Pahang ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม VINCENT THIAN/AP

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความร่วมมือของจีนกับมาเลเซียมีความสำคัญไม่เพียงแต่ต่อการสร้างโครงการรถไฟที่สำคัญของมาเลเซียเท่านั้น แต่ยังสำคัญต่อการเติบโตของเครือข่ายรถไฟทั่วเอเชียด้วย

Peter Chang รองผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาจีน มหาวิทยาลัย Malaya ใน Kuala Lumpur กล่าวว่า แนวคิดเรื่องทางรถไฟที่เชื่อมชายฝั่งตะวันตกและตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซียได้พัฒนามาหลายปีแล้ว

"ความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีของจีนกำลังทำให้วิสัยทัศน์นี้เป็นจริง" Chang กล่าว

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน นายกรัฐมนตรี Li Qiang ของจีนและนายกรัฐมนตรี Anwar Ibrahim ของมาเลเซียได้เข้าร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ของ East Coast Rail Link ซึ่งจัดขึ้นในรัฐ Selangor ทางชายฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทวิภาคีในปีนี้

Li กล่าวว่า ECRL เป็นโครงการธงของความร่วมมือ Belt and Road คุณภาพสูงระหว่างจีนและมาเลเซีย

ในงานนี้ Anwar กล่าวว่า มาเลเซียให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่าง Malaysia Rail Link ซึ่งเป็นเจ้าของ ECRL และ China Communications Construction Company ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลัก

Chang กล่าวว่า ECRL อาจทำหน้าที่เป็น "องค์ประกอบสำคัญ" ของเครือข่ายรถไฟที่กว้างขึ้นซึ่งเชื่อมต่อมาเลเซียกับ Singapore ทางตอนใต้และ Thailand ทางตอนเหนือ รวมถึงจีนและส่วนที่เหลือของเอเชีย

Ong Kian Ming รองอธิการบดีฝ่ายกิจการภายนอกของมหาวิทยาลัย Taylor ในรัฐ Selangor และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าระหว่างประเทศของมาเลเซีย กล่าวว่ามีความท้าทายสำคัญประการหนึ่งสำหรับ ECRL

สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่ามีความยั่งยืนทางการเงิน "เพื่อไม่ให้โครงการโครงสร้างพื้นฐานนี้ถูกมองว่าเป็นช้างเผือกที่มีราคาแพงซึ่งไม่ได้นำมาซึ่งการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ" เขากล่าว

เครือข่ายรถไฟระยะทาง 665 กิโลเมตรนี้คาดว่าจะเปิดใช้งานได้ภายในปี 2027 โดยจะเชื่อมต่อรัฐชายฝั่งตะวันออกอย่าง Kelantan, Terengganu และ Pahang กับ Klang Valley บนชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรมาเลเซีย

เป้าหมายของทางรถไฟนี้คือเพื่อส่งเสริมการเชื่อมต่อ กระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจ และส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวใน East Coast Economic Region ของมาเลเซีย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของคาบสมุทรมาเลเซีย แต่การพัฒนาเศรษฐกิจในรัฐเหล่านี้ล้าหลังกว่ารัฐคู่แข่งบนชายฝั่งตะวันตกของมาเลเซีย ทำให้ผู้อยู่อาศัยต้องย้ายถิ่นฐานเพื่อหาโอกาสในการทำงานที่ดีกว่า

Chang กล่าวว่า "ECRL มีความสำคัญเพราะออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่สมดุลทั่วคาบสมุทรมาเลเซีย มีเป้าหมายเพื่อถ่ายโอนความคึกคักทางเศรษฐกิจของ Klang Valley บนชายฝั่งตะวันตกไปสู่รัฐที่พัฒนาน้อยกว่าบนชายฝั่งตะวันออก"

Ong กล่าวว่า ECRL สามารถส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจใน East Coast Economic Region ได้หากสามารถนำนิคมอุตสาหกรรมและกิจกรรมการผลิตมาสู่สถานีสำคัญบางแห่งตามเส้นทาง

ในระหว่างการเยือนเมื่อเดือนที่แล้ว Li กล่าวว่า จีนยังเต็มใจที่จะสำรวจการเชื่อมต่อ ECRL กับทางรถไฟจีน-ลาวและทางรถไฟจีน-ไทย เพื่อส่งเสริมการสร้างเส้นทางการค้าทางบกและทางทะเลระหว่างประเทศใหม่และปรับปรุงการเชื่อมต่อในภูมิภาคให้ดีขึ้น

นักวิเคราะห์กล่าวว่า เครือข่ายรถไฟที่ขยายออกไปจะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารและสินค้าสำหรับประเทศเหล่านี้อย่างมาก

เช่นเดียวกับการก่อสร้าง ECRL การขยาย Kuantan Port ในรัฐ Pahang ให้เป็นท่าเรือน้ำลึกเพื่อรองรับเรือขนาดใหญ่ขึ้นและการจราจรสินค้าที่สูงขึ้น เป็นหนึ่งในโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญภายใต้แผนแม่บท

Mazlim Husin ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของ Kuantan Port กล่าวว่า การก่อสร้าง ECRL เป็น "สิ่งที่ดีมาก" สำหรับท่าเรือ เพราะจะช่วยกระจายเครือข่ายการขนส่งที่เชื่อมต่อกับท่าเรือ

Mazlim กล่าวว่า ECRL จะไม่เพียงแต่พัฒนา East Coast Economic Region เท่านั้น แต่ยังปรับปรุงการเชื่อมต่อระหว่างมาเลเซียและจีนผ่านท่าเรือด้วย

เขากล่าวว่า Kuantan Port ให้บริการสินค้าที่ขนส่งระหว่าง Malaysia-China Kuantan Industrial Park และ China-Malaysia Qinzhou Industrial Park ใน Qinzhou เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง เป็นหลัก

สวนอุตสาหกรรมทั้งสองแห่งเป็นส่วนหนึ่งของแบบจำลองความร่วมมือ Two Countries, Twin Parks ระหว่างจีนและมาเลเซีย

Xinhua มีส่วนร่วมในบทความนี้

http://www.chinadaily.com.cn/a/202407/08/WS668b3d57a31095c51c50ce43.html

[Mongwin]

ECRL Kelantan: Jerus - Bukit Merbau - Jalan Tok Bok - Banggol Pa' Esah - Seligi - Padang Pak Amat
Fawwaz Media
Jul 11, 2024


https://www.youtube.com/watch?v=NSkwGMGOl2Y

[Mongwin]

BERNAMA
11 ก.ค. 67 09:25 น.

กระทรวงคมนาคม (MoT) กล่าวว่าสถานะความคืบหน้าของโครงการทางรถไฟฝั่งตะวันออก (ECRL) ในรัฐกลันตันได้บรรลุ 79.81 เปอร์เซ็นต์จนถึงเดือนพฤษภาคม 2024

โครงการนี้เกี่ยวข้องกับโครงสร้างสะพาน โดยมีการติดตั้งคานแล้วเสร็จ 428 ช่วงจากทั้งหมด 468 ช่วงบนแนวหลัก ในขณะที่งานก่อสร้างสถานีสองแห่งในรัฐนี้ก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว

"นอกจากนี้ คาดว่างานติดตั้งรางรถไฟในรัฐกลันตันจะเริ่มในไตรมาสที่สี่ของปี 2024" กระทรวงกล่าวในคำตอบเป็นลายลักษณ์อักษรที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของรัฐสภาเมื่อวันพุธ

https://www.facebook.com/490928893066529/posts/920522593440488

https://www.bernama.com/bm/ekonomi/news.php?id=2316294



https://www.bharian.com.my/berita/nasional/2024/07/1269748/kemajuan-kerja-projek-ecrl-di-kelantan-capai-7981-peratus-sehingga

[Mongwin]

MRL และ CCCC จะร่วมแบ่งปันค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ECRL

โดย BERNAMA - 12 กรกฎาคม 2024 @ 20:10 น.

กัวลาลัมเปอร์: Malaysia Rail Link Sdn Bhd (MRL) และ China Communications Construction Co Ltd (CCCC) จะร่วมแบ่งปันค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของโครงการเส้นทางรถไฟชายฝั่งตะวันออก (ECRL) นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนความรู้ทางเทคนิคและความเชี่ยวชาญตามที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้

MRL ได้ออกแถลงการณ์ในวันนี้โดยย้ำว่าแผนการแบ่งปันหลังการก่อสร้างกับ CCCC ยังคงเหมือนเดิมตามข้อตกลงในบันทึกความเข้าใจ (MoU) สำหรับขั้นตอนการบริหารจัดการ การดำเนินการ และการบำรุงรักษา ECRL ที่ลงนามเมื่อเดือนเมษายน 2019

"แผนดังกล่าวสอดคล้องกับคำแถลงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แอนโทนี โลก ซีว ฟุก เมื่อไม่นานมานี้ในระหว่างการประชุมพิเศษของรัฐสภา" แถลงการณ์ดังกล่าวระบุเพิ่มเติม

MRL เป็นเจ้าของโครงการ ECRL ขณะที่ CCCC รับผิดชอบเป็นผู้รับเหมาในด้านวิศวกรรม การจัดหา การก่อสร้าง และการทดสอบระบบ (EPCC)

"ต่อไป สำหรับการดำเนินการ ECRL บริษัทใหม่ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง MRL และ CCCC จะถูกจัดตั้งขึ้น" MRL กล่าว

ข้อตกลงผู้ถือหุ้นระหว่าง MRL และ CCCC สำหรับการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่จะรับบทบาทเป็นผู้ดำเนินการ (OpCo) จะเสร็จสิ้นภายในปีนี้

"MRL และ CCCC จะรับความเสี่ยงใน OpCo ร้อยละ 50 แต่ละฝ่ายหาก ECRL ดำเนินการในขาดทุน ในทางกลับกัน MRL จะได้รับร้อยละ 80 ของรายได้ ขณะที่ CCCC จะได้รับร้อยละ 20 ของรายได้หาก ECRL ดำเนินการในกำไร" เพิ่มเติมในแถลงการณ์

MRL ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าของทรัพย์สิน ECRL โดยรัฐบาล ซึ่งสอดคล้องกับแผนเดือนเมษายน 2019 โดยเปิดทางให้ MRL ลงนามในข้อตกลงการดำเนินการกับ OpCo ที่จะอนุญาตให้ OpCo เข้าถึงทรัพย์สิน ECRL สำหรับการดำเนินการและการบำรุงรักษา

รัฐบาลมาเลเซียจะเป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมดของ ECRL ผ่านทาง MRL เนื่องจากบริษัทนี้เป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยกระทรวงการคลัง (Diperbadankan) Inc.

นอกจากนี้ โครงการ ECRL ยาว 665 กิโลเมตรนี้มีกำหนดเสร็จสิ้นจากโกตาบารู รัฐกลันตัน ไปยังสถานี Gombak Integrated Terminal ในรัฐเซลังงอร์ภายในเดือนธันวาคม 2026 และจะเริ่มดำเนินการในเดือนมกราคม 2027

การเสร็จสิ้นทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการเชื่อมต่อรางจาก Gombak ไปยังท่าเรือ Klang คาดว่าจะเสร็จสิ้นในเดือนธันวาคม 2027

-BERNAMA

https://www.bharian.com.my/bisnes/lain-lain/2024/07/1270659/mrl-cccc-akan-berkongsi-kos-operasi-ecrl

https://www.nst.com.my/business/corporate/2024/07/1075775/mrl-says-no-changes-plans-post-ecrl-construction-pact-chinese

[Mongwin]

ECRL สลังงอร์: สถานีเชื่อมต่อแบบบูรณาการ กอมบัก - เซเรนดาห์ - บาตู อารัง - ปุนจัก อาลัม - กาปาร์
ECRL Selangor: Terminal Bersepadu Gombak - Serendah - Batu Arang - Puncak Alam - Kapar
Fawwaz Media
Jul 19, 2024


https://www.youtube.com/watch?v=2PDKv_9A_yo

[Mongwin]

โครงการรถไฟ ECRL ส่งเสริมการเชื่อมต่อด้านโลจิสติกส์อย่างไร้รอยต่อ พร้อมตอบโจทย์เป้าหมาย ESG
ที่มา: Xinhua Editor: huaxia2024-07-26 23:01:17

กัวลาลัมเปอร์, 26 กรกฎาคม (ซินหัว) -- โครงการรถไฟสายอีสต์โคสต์ (East Coast Rail Link - ECRL) ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ในมาเลเซียที่สร้างโดยบริษัท China Communications Construction Company (CCCC) จะส่งเสริมการเชื่อมต่อด้านโลจิสติกส์อย่างไร้รอยต่อระหว่างท่าเรือและศูนย์โลจิสติกส์ในมาเลเซียเมื่อเสร็จสิ้น ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพการค้าและการขนส่งของประเทศ ตามที่เจ้าหน้าที่มาเลเซียรายงานเมื่อวันศุกร์

นอกจากจะเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยให้มาเลเซียบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารจัดการ (Environmental, Social, and Governance - ESG) ด้วยการเปลี่ยนการขนส่งสินค้าจากรถบรรทุกเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่รถไฟฟ้า นายดาวริส อับดุล ราซัก (Darwis Abdul Razak) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Malaysia Rail Link (MRL) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ ECRL กล่าวระหว่างการสนทนาในงานหนึ่งที่นี่

“แทนที่จะใช้รถบรรทุกในการขนส่งสินค้า เราคาดว่าจะมีสินค้าจำนวนมากที่ถูกขนส่งผ่าน ECRL ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและบรรลุเป้าหมาย ESG โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและการลดการปล่อยก๊าซ เนื่องจากจะเป็นการเปลี่ยนจากรถบรรทุกไปสู่รถไฟฟ้า” เขากล่าวในงาน "การเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อ: บทบาทของ ECRL ในการเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ของท่าเรือฝั่งตะวันออกและตะวันตก" ที่จัดขึ้นร่วมกับงาน Selangor Investment & Industrial Park Expo (SPARK) 2024

“นอกจากนี้ยังหมายถึงการลดการแข่งขันบนเครือข่ายถนนของเรา ไม่ต้องพูดถึงจำนวนรถยนต์ที่ลดลงเนื่องจากส่วนประกอบของผู้โดยสารของ ECRL จะช่วยให้การเดินทางของประชาชนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ” เขากล่าวเพิ่มเติม

ขณะเดียวกัน มาซลิม ฮูซิน (Mazlim Husin) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ของท่าเรือกวนตัน (Kuantan Port) กล่าวว่า ECRL ได้กระตุ้นการอัปเกรดท่าเรือกวนตันให้สามารถรองรับเรือขนาดใหญ่ได้มากขึ้นและทำให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจในวงกว้าง

“สิ่งนี้ช่วยให้เราสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมหนักในภูมิภาคภายใน” เขากล่าวเพิ่มเติมว่าสิ่งนี้มีส่วนช่วยในการพัฒนาไม่เพียงแค่รัฐปะหัง (Pahang) แต่ยังรวมถึงชายฝั่งตะวันออกด้วย

ECRL เชื่อมต่อจากศูนย์การขนส่งที่ใหญ่ที่สุดของมาเลเซียท่าเรือปอร์ทกลัง (Port Klang) และเดินทางข้ามคาบสมุทรไปยังรัฐกลันตัน (Kelantan) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมาเลเซีย เส้นทางรถไฟนี้คาดว่าจะเพิ่มความเชื่อมโยงและนำไปสู่การเติบโตที่สมดุลมากขึ้นในประเทศ โดยเชื่อมโยงภูมิภาคที่พัฒนาน้อยลงบนชายฝั่งตะวันออกเข้ากับศูนย์กลางเศรษฐกิจบนชายฝั่งตะวันตกเมื่อสร้างเสร็จสิ้น

https://english.news.cn/20240726/285e5ced8aaf40cb93efe8665ab2e6a7/c.html

[Mongwin]

พี่น้องชาวตรังกานูขอบคุณโครงการ ECRL
โดย เมง ยิว ชูง
วันพุธที่ 7 สิงหาคม 2567

กัวลาตรังกานู: ด้วยการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งตะวันออก (ECRL) ระยะทาง 665 กิโลเมตร ที่ผ่านไปแล้วกว่าสองในสามเมื่อเร็วๆ นี้ ชาวบ้านหลายคนหวังว่ารัฐบาลจะดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่อไป โดยเฉพาะในรัฐทางชายฝั่งตะวันออก

สำหรับพี่น้องอาบู ซามาห์ ยูซอฟ (53 ปี), อาบู ซูเฟียน ยูซอฟ (51 ปี) และอาบู ชาฟาลิไซล์ ยูซอฟ (42 ปี) การทำงานในโครงการ ECRL ทำให้พวกเขาได้อยู่ใกล้บ้านเกิด ซึ่งเป็นความยินดีอย่างยิ่งของแม่ที่ปรารถนาจะให้ลูกๆ และหลานๆ อยู่ใกล้ชิด

อาบู ซามาห์เคยทำงานทั่วคาบสมุทรมาเลเซียก่อนจะมาร่วมโครงการสะพานเลื่อนกัวลาตรังกานู (โครงการถนนของรัฐบาลกลาง) ซึ่งให้งานเขาเป็นเวลาสี่ปี

ในการเยี่ยมชมสื่อที่จัดโดยผู้รับเหมาหลัก บริษัท China Communications Construction Company Ltd (CCCC) พี่น้องทั้งสามแสดงความหวังว่าโครงการนี้จะนำวันที่ดีกว่ามาสู่รัฐ แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่าจะกระตุ้นการพัฒนาทั้งประเทศ

อาบู ซามาห์ ซึ่งเข้าร่วม ECRL ในเดือนมีนาคม 2563 กล่าวว่าการทำงานให้กับผู้รับเหมาจีนเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับเขา

"การทำงานที่นี่ทำให้ผมได้แบ่งเบาภาระการเลี้ยงดูลูกกับภรรยา ซึ่งเคยลำบากในการดูแลลูกทั้งหกคนเมื่อผมต้องทำงานต่างถิ่น" เขากล่าวเมื่อวันจันทร์

ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการไซต์ อาบู ซามาห์กล่าวว่าเขาลาออกจากบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว เนื่องจากไม่มีโครงการใดในชายฝั่งตะวันออกในขณะนั้น

น้องชายของเขา อาบู ซูเฟียน ก็มีประสบการณ์มากมายในภาคการก่อสร้างก่อนจะมาทำงานที่สะพานเลื่อนกัวลาตรังกานู และต่อมาเป็นหัวหน้าความปลอดภัยประจำไซต์ที่ ECRL ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563

"ในงานก่อสร้าง เรามีคำศัพท์ร่วมกันมากมาย และในแง่ของการสื่อสารเกี่ยวกับงาน ไม่มีปัญหาอะไร"

"ลำดับการก่อสร้างก็เหมือนกัน ไม่มีอุปสรรคตรงนั้น ผมแค่ต้องทำให้ทุกคนเข้าใจตรงกันเกี่ยวกับข้อกำหนดเฉพาะของกฎหมายด้านสุขภาพและความปลอดภัยของมาเลเซีย" เขากล่าว

ด้วยบริการผู้โดยสาร ECRL จากโกตาบารูถึงกอมบัก รัฐสลังงอร์ ที่คาดว่าจะเริ่มให้บริการในต้นปี 2570 โครงการนี้ได้สร้างความตื่นเต้นอย่างชัดเจนในหมู่ชาวบ้าน

"ในส่วนที่ 3 (จากเซติวถึงมารัง) เพียงส่วนเดียว มีชาวมาเลเซียทำงานมากกว่า 1,000 คน รวมถึงผู้รับเหมาช่วง ในส่วนของพนักงานฝ่ายบริหาร มีพนักงานท้องถิ่นประมาณ 300 คน ในขณะที่มีเพียง 80 คนจากจีน" อาบู ซามาห์กล่าว

เกี่ยวกับโครงการรถไฟแห่งแรกของตรังกานูที่จะพาผู้คนไปยังหุบเขากลังและโกตาบารูได้อย่างรวดเร็วในเวลาไม่เกินสี่ชั่วโมง เขากล่าวว่าชาวชายฝั่งตะวันออกต้องการทางเลือกมากกว่าเที่ยวบินและการขนส่งทางถนน

"รถไฟออกตรงเวลาและไม่ติดขัด ECRL จะสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับตรังกานู เราเห็นผลพลอยได้แล้ว" อาบู ซามาห์กล่าว และเสริมว่าการเสร็จสิ้นของ ECRL จะกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเสริม เช่น ถนนในชนบท

"ทุกอย่างเกี่ยวข้องกัน และเมื่อมีโครงสร้างพื้นฐาน นักลงทุนก็จะเข้ามา"

"ในแง่การก่อสร้าง ไม่มีงานมากนักในตรังกานู ดังนั้นผมจึงรู้สึกขอบคุณที่ในบทสุดท้ายของอาชีพของผม ผมสามารถทำงานในบ้านเกิดได้" เขากล่าว

อาบู ชาฟาลิไซล์ ซึ่งเคยทำงานนอกชายฝั่งและที่ทางด่วนยกระดับดามันซาร่า-ชาห์ อาลัม (DASH) ในรัฐสลังงอร์ ก่อนจะเข้าร่วม ECRL ในเดือนพฤษภาคม 2564 เปิดกว้างมากขึ้นที่จะออกไปนอกตรังกานูเมื่อ ECRL เสร็จสมบูรณ์

"ตอนผมอยู่ในสลังงอร์ ผมกลับบ้านเกิดทุกสามสัปดาห์ แล้วนั่งรถโดยสารแปดชั่วโมงกลับบ้านเพื่อเยี่ยมครอบครัว" นักสำรวจคนนี้กล่าว

"แต่สมการจะเปลี่ยนไปเมื่อ ECRL เปิดให้บริการ เพราะผมจะสามารถเดินทางระหว่างตรังกานูและหุบเขากลังและไกลกว่านั้นได้อย่างง่ายดาย" เขากล่าว

https://www.thestar.com.my/news/nation/2024/08/07/tganu-brothers-thankful-for-ecrl

[Wisarut]

ECRL invites you to grab the chance to undertake Free Training Program and Job Opportunities in ECRL projects through Industry Skills Training Program (PLKI-ECRL). The Assistant Locomotive Operators Program will be implemented in Liuzhou, China for 3 weeks.
For registration and more information, please click the link below:
https://forms.gle/5hbttrbt5eYS2Vvc7
https://www.facebook.com/ecrlOfficial/posts/810245434501344

[Mongwin]

สะพานเชื่อมแผ่นดินมาช่วย

โดย MENG YEW CHOONG
วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2567

ท่าเรือที่แออัดในภูมิภาค เช่น ท่าเรือคลัง ในเซลังงอร์ และท่าเรือตันจุงเปเลปัส ในยะโฮร์ จะได้รับการบรรเทาเมื่อเส้นทางรถไฟเชื่อมฝั่งตะวันออก (ECRL) เชื่อมต่อจากท่าเรือคลังไปยังท่าเรือกวนตันในปาหังในอีก 4 ปีข้างหน้า

เมื่อต้นสัปดาห์นี้ หนังสือพิมพ์ The Star รายงานว่าเกิดความแออัดอย่างหนักที่ท่าเรือต่างๆ ย้อนหลังไปหลายเดือน เนื่องจากปัจจัยหลายอย่างรวมกัน เช่น การสั่งซื้อจำนวนมากเพื่อรองรับวันหยุดเทศกาลเมย์เดย์ การเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือรอบทะเลแดงเนื่องจากความขัดแย้งในภูมิภาค และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ

ข้อมูลการขนส่งทางเรือในเดือนพฤษภาคมแสดงให้เห็นว่ามีเพียง 6 จาก 11 เที่ยวเดินเรือระหว่างเอเชีย-ยุโรปเหนือที่ตรงเวลา ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อต้นทุนและความน่าเชื่อถือของห่วงโซ่อุปทาน เป็นต้น

ปัญหาคอขวดจากท่าเรือสิงคโปร์ - ซึ่งยังคงเป็นท่าเรือที่แออัดเป็นอันดับสองของโลกในสัปดาห์นี้ตามข้อมูลของ Linerlytica - ยังส่งผลกระทบต่อท่าเรือคลังและตันจุงเปเลปัส ทำให้มีการมุ่งเน้นอีกครั้งถึงวิธีการหลีกเลี่ยงช่องแคบมะละกาส่วนใหญ่ โดยการขนส่งสินค้าจากท่าเรือคลังไปยังท่าเรือกวนตันโดยตรง และในทางกลับกัน โดยใช้ทางรถไฟ

นี่คือคำมั่นสัญญาของ ECRL ที่รอคอยกันมานาน ซึ่งสร้างเสร็จไปแล้วสองในสามส่วน โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการขนส่งสินค้าจากกวนตันไปยังท่าเรือคลังในต้นปี 2571

ดาตุก รากู ซัมปาสิวัม หัวหน้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของสภาพัฒนาเขตเศรษฐกิจฝั่งตะวันออก กล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ Sunday Star เมื่อเร็วๆ นี้ว่า "เมื่อการจัดการสินค้าที่ท่าเรือทั้งสองแห่งทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ไม่มีเหตุผลว่าทำไมตู้คอนเทนเนอร์จะไม่สามารถเคลื่อนย้ายจากปลายทางหนึ่งไปยังอีกปลายทางหนึ่ง - ระยะทางประมาณ 330 กิโลเมตร - ในเวลาไม่เกิน 8 ชั่วโมง ซึ่งมีความสามารถในการแข่งขันสูงเมื่อเทียบกับการขนส่งทางรถบรรทุก เนื่องจากรางรถไฟไม่ต้องเผชิญกับปัญหาการจราจรติดขัดบนท้องถนน" เขาเสริมว่าการขนส่งสินค้าทางรถไฟสามารถลดระยะเวลาการเดินทางของเรือได้อย่างน้อย 2 วัน

การเปลี่ยนแปลงฝั่งตะวันออก

รากูเปิดเผยภาพรวมว่า ECRL จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงหลายประการ โดยโครงการนี้เป็นส่วนสำคัญของเขตเศรษฐกิจฝั่งตะวันออก (ECER) มาตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 พร้อมกับการเปิดตัวแผนแม่บท ECER โดยรัฐบาลกลาง

ECER มีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งการเติบโตและสร้างความมั่นใจในการกระจายความมั่งคั่งอย่างเท่าเทียมกันทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกลันตัน ตรังกานู ปาหัง และเขตเมอร์ซิงในยะโฮร์ - รวมพื้นที่ทั้งหมด 51% ของคาบสมุทรมาเลเซีย ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรเกือบ 5 ล้านคน

ภายใต้การนำของแผนแม่บท (2551-2563) การพัฒนานำโดยสภาพัฒนาเขตเศรษฐกิจฝั่งตะวันออก ซึ่งได้ริเริ่มโครงการและแผนงานที่มีผลกระทบสูงหลายอย่างเพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาค

เป้าหมายสูงสุดคือการลดช่องว่างทางเศรษฐกิจและสังคมระหว่างฝั่งตะวันออกและตะวันตกของคาบสมุทร โดยการสร้างงานและโอกาสในการเป็นผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้การลงทุนจากภาคเอกชนหรือต่างประเทศ ปัจจุบันการพัฒนาอยู่ภายใต้แผนแม่บท ECER 2.0 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Next Leap 2561-2568

รากูกล่าวว่าด้วยการขาดแคลนพื้นที่อุตสาหกรรมในเซลังงอร์ ปาหังและตรังกานูจึงเป็นตัวเลือกที่เป็นธรรมชาติเมื่อได้รับการสนับสนุนด้วยถนนและทางรถไฟ

"การเข้าถึงท่าเรือกวนตันได้อย่างง่ายดายช่วยให้อุตสาหกรรมในเซลังงอร์สามารถส่งออกผ่านทะเลจีนใต้ได้เมื่อจำเป็น" เขากล่าว

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน บริษัทผู้ผลิตรถยนต์เปอโรดัวได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ Malaysia Rail Link Sdn Bhd เจ้าของโครงการ ECRL ซึ่งเองก็ได้ลงนาม MOU กับท่าเรือกวนตันด้วย โดยมีความเข้าใจกว้างๆ ว่าชิ้นส่วนยานยนต์อาจถูกขนส่งไปมาระหว่างศูนย์กลางของเปอโรดัวในเซเรนดาห์ เซลังงอร์ ไปยังฝั่งตะวันออกโดย ECRL เมื่อพร้อมใช้งาน

ศักยภาพของการขนส่งสินค้า

ECRL ซึ่งจะพึ่งพาการขนส่งสินค้าเพื่อสร้างรายได้ถึง 70% มีความระมัดระวังในการคาดการณ์ว่าการขนส่งสินค้าจะเป็นจริงตามที่คาดไว้

รากูกล่าวว่าทีมของเขาได้คำนวณตัวเลขหลายครั้ง หลังจากลงพื้นที่พบปะกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและนำเสนอหลายครั้ง ก่อนที่ ECRL จะได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในเดือนตุลาคม 2559

"ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการโน้มน้าวรัฐบาล เนื่องจากเกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายด้านทุนจำนวนมหาศาล"

ขณะนั้นรัฐบาลอยู่ภายใต้การนำของดาตุก ซรี นาจิบ ราซัค

"หน่วยงานที่พิจารณาตัวเลขยังรวมถึงหน่วยงานความร่วมมือภาครัฐ-เอกชนภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคม และคณะกรรมาธิการการขนส่งสาธารณะทางบก

ค่าใช้จ่ายด้านทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเป็นเรื่องแยกกัน และตราบใดที่ตัวเลขการดำเนินงานสามารถแสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ ก็เป็นสิ่งที่สามารถดำเนินการต่อไปได้ หนึ่งในสิ่งสำคัญคือการกำหนดปริมาณสินค้าที่สามารถขนส่งได้ และเราก็ระมัดระวังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

จากนั้นรัฐบาลก็ขอความเห็นที่สอง ดังนั้นเราจึงต้องทำงานร่วมกับที่ปรึกษาอีกรายในช่วงปี 2556 เพื่อดำเนินการด้านการเงิน

ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการโน้มน้าวรัฐบาล" รากูกล่าวอย่างหนักแน่น

มีศูนย์กลางปิโตรเคมีที่เฟื่องฟูอยู่แล้วในพื้นที่กวนตัน-เกอร์เตะห์ ซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่พร้อมใช้งาน

"ตัวอย่างเช่น ในช่วงหนึ่ง เปโตรนาสมีการเคลื่อนย้ายรถบรรทุกถึง 1,000 คันต่อวันในพื้นที่ และพวกเขาจริงๆ แล้วชอบการขนส่งทางรถไฟมากกว่า" รากูกล่าว

จริงๆ แล้ว ก่อนเข้าสู่สหัสวรรษใหม่ เปโตรนาสได้สร้างทางรถไฟรางเดี่ยวขนาดมาตรฐาน 77 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อโรงกลั่นน้ำมันในเกอร์เตะห์กับท่าเรือกวนตัน น่าเสียดายที่เส้นทางนี้ถูกบังคับให้หยุดดำเนินการในปี 2553 เนื่องจากปัญหาที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการควบคุมการก่อสร้าง หรือคุณภาพการก่อสร้าง หรือการบำรุงรักษาในภายหลัง หรือรวมกันทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ECRL สามารถนำเอาบางส่วนของแนวเส้นทางที่ถูกทิ้งร้างกลับมาใช้ใหม่ได้ ทำให้ลดความจำเป็นในการเวนคืนที่ดิน

ทีม ECER ยังได้พบกับ Felda Plantations (รวมถึงโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มหลายแห่ง) บริษัทผลิตปูนซีเมนต์รอบๆ กัวมูซัง ในกลันตัน และบริษัทผลิตเหล็ก เช่น Eastern Steel ในชูไก ตรังกานู และ Alliance Steel ในเกอเบง ปาหัง

"เราได้พบกับหลายบริษัทและได้รับตัวเลขผลผลิต รวมถึงการคาดการณ์เกี่ยวกับการลงทุนใหม่ เพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้า" รากูกล่าว เสริมว่า ECRL จะรองรับการขนส่งสินค้าภายในประเทศจำนวนมากจากอุตสาหกรรมหนักหลายแห่งในพื้นที่กวนตัน-เกอมามัน ที่ชายแดนปาหัง-ตรังกานู เช่น ในนิคมอุตสาหกรรมมาเลเซีย-จีน กวนตัน และสวนอุตสาหกรรมเกอร์เตะห์ ไบโอโพลิเมอร์ เป็นต้น

ท่าเรือกวนตันก็พร้อมที่จะร่วมมือกับ ECRL โดยได้เสร็จสิ้นการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกเฟส 1 ในปี 2562 และกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการพัฒนาเฟส 2 เพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคต

ก่อนหน้านี้ ท่าเรือมีความลึกเพียง 11 เมตร รากูกล่าว ซึ่งจำกัดบทบาทให้เป็นเพียงท่าเรือขนถ่าย การขยายท่าเรือด้วยการเพิ่มเขื่อนกันคลื่นยาว 4.6 กิโลเมตร ทำให้สามารถมีความลึกได้ถึง 16 เมตร จึงสามารถรองรับเรือขนาดใหญ่ถึง 180,000 เดดเวทตันได้

รากูเป็นผู้นำการศึกษาเกี่ยวกับการขยายท่าเรือ ซึ่งต้องผ่านการอภิปรายโต้แย้งอย่างเข้มข้นว่าสามารถอธิบายเหตุผลได้หรือไม่ การเดินเรือจากท่าเรือกวนตันสามารถไปถึงท่าเรือชินโจวในภาคใต้ของจีนได้ใน 3 วัน หรือฮ่องกงใน 5 วัน ซึ่งแสดงถึงคุณค่าเชิงยุทธศาสตร์ของท่าเรือแห่งนี้ซึ่งถูกแปรรูปให้เป็นเอกชนในเดือนมกราคม 2541

เร็วขึ้น ถูกลง ปลอดภัยกว่า

เมื่อพูดถึงการขนส่งสินค้าจำนวนมากและสินค้าที่อาจเป็นอันตราย ตัวอย่างจากทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าการขนส่งทางรถไฟเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีประสิทธิภาพมากกว่า รวมทั้งช่วยให้ถนนว่างขึ้นด้วย

เพื่อเพิ่มศักยภาพของการขนส่งทางราง ECRL ซึ่งใช้รางขนาดมาตรฐานจะมีสถานีขนถ่ายสินค้าที่เตเมอร์โลห์ (ผ่านทางแยกไปยังเครือข่ายของ Keretapi Tanah Melayu Bhd - KTMB) ในปาหัง และที่เซเรนดาห์ในเซลังงอร์ เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนสินค้ากับขบวนรถไฟ KTMB ที่วิ่งบนรางขนาดเมตรได้

การแลกเปลี่ยนสินค้าที่เตเมอร์โลห์-เมนตากับจะมีบทบาทสำคัญในการให้บริการตอนใต้ของกลันตัน เช่น กัวลากราย และกัวมูซัง

การเพิ่ม ECRL เข้าไปในเครือข่ายรถไฟของประเทศ จะช่วยบรรเทาความแออัดของเครือข่าย KTMB ที่วิ่งบนฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะเมื่อเข้าใกล้หุบเขาคลัง

ยูสลิซาร์ ดาอุด อดีตหัวหน้าแผนกรถไฟของคณะกรรมาธิการการขนส่งสาธารณะทางบก กล่าวว่า เนื่องจากปัญหาที่สืบทอดมา รถไฟบรรทุกสินค้าทั้งหมดจากทางเหนือที่มุ่งหน้าไปยังท่าเรือคลัง (และในทางกลับกัน) ต้องผ่าน KL Sentral ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงเนื่องจากสินค้าอันตรายก็ถูกขนส่งผ่านเส้นทางนี้ด้วย

เขากล่าวว่าเครือข่ายในกัวลาลัมเปอร์มีความแออัด และการขนส่งสินค้าของ KTMB - ซึ่งเป็นส่วนเดียวของธุรกิจที่ทำกำไรได้จริงนอกเหนือจาก ETS (Electric Train Service) ระหว่างเมือง - ถูกจำกัดให้อยู่ในช่วงเวลาแคบๆ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเที่ยงคืน เพื่อหลีกเลี่ยงการชนกับขบวนรถไฟ ETS และ KTM Komuter ที่วิ่งในหุบเขาคลัง

ECRL ซึ่งมาทางทางเบี่ยงรถไฟเซเรนดาห์ไปยังท่าเรือคลัง จะช่วยให้รถไฟบรรทุกสินค้าจากทางเหนือสามารถข้ามกัวลาลัมเปอร์ไปได้ทั้งหมด จึงเป็นทางเลือกที่จำเป็นอย่างมาก รากูชี้แจง

"ECRL ช่วยเชื่อมต่อจุดต่างๆ ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านโลจิสติกส์ คุณมีตัวเลือกมากขึ้นแล้วในตอนนี้" เขาชี้ให้เห็น



https://www.thestar.com.my/news/focus/2024/08/11/land-bridge-to-the-rescue

[Mongwin]

โครงการ ECRL บันทึกความคืบหน้า 70.13 เปอร์เซ็นต์

โดย Asrol Awang - 15 สิงหาคม 2024 @ 20:22 น.
bhnews@bh.com.my



Anthony เป็นสักขีพยานในการแลกเปลี่ยนเอกสารระหว่างประธานคอนซอร์เทียมท่าเรือกวนตัน Lee Chun Fai (คนที่สามจากซ้าย) กับผู้จัดการทั่วไปของ New Land-Sea Corridor Operation Co Ltd, Wang Kaile (คนที่สองจากขวา) ในการประชุมนานาชาติท่าเรือกวนตัน 2024 เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีของท่าเรือกวนตัน ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติสุลต่านอาหมัดชาห์ - ภาพ NSTP/Luqman Hakim Zubir

กวนตัน: โครงการเส้นทางรถไฟฝั่งตะวันออก (ECRL) ได้บันทึกความคืบหน้าโดยรวม 70.13 เปอร์เซ็นต์ ณ เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม Anthony Loke Siew Fook กล่าวว่างานก่อสร้างโครงการเป็นไปตามกำหนดการที่วางแผนไว้

เขากล่าวว่ารัฐบาลมั่นใจว่าการดำเนินงานของ ECRL จากกอมบัคไปยังชายฝั่งตะวันออก ได้แก่ ปาหัง เตรังกานู และกลันตัน จะเริ่มต้นในต้นปี 2027

"กำหนดการดำเนินงานของ ECRL จะเริ่มในเดือนมกราคม 2027 จากโกตาบารู รัฐกลันตัน ไปยังกอมบัค ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2026"


"หนึ่งปีต่อมา รางรถไฟจากกอมบัคไปยังท่าเรือคลังจะเสร็จสมบูรณ์ และจนถึงขณะนี้ พัฒนาการของโครงการอยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์" เขากล่าว

เขากล่าวเช่นนี้ในการแถลงข่าวหลังจากเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมนานาชาติท่าเรือกวนตัน (K-ICe) 2024 เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีของท่าเรือกวนตัน ณ ที่นี่ ในวันนี้

เขากล่าวว่าทางรถไฟที่เชื่อมต่อท่าเรือคลังกับชายฝั่งตะวันออกมีความสำคัญเพราะมันไปถึงท่าเรือหลักสำหรับการขนส่งสินค้า

"การขนส่งสินค้าเป็นองค์ประกอบสำคัญใน ECRL เพราะด้วยทางรถไฟและโครงสร้างพื้นฐาน มันให้ความได้เปรียบแก่ภาคอุตสาหกรรมในชายฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะในปาหัง

"ปาหังมีสถานีขนส่งสินค้าห้าแห่งเพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างเขตอุตสาหกรรมท่าเรือกวนตันและท่าเรือคลัง" เขากล่าว

ในขณะเดียวกัน เขากล่าวว่าท่าเรือกวนตันมีศักยภาพที่จะเป็นท่าเรือสำหรับเรือสำราญที่จะจอดเทียบท่าที่ท่าเรือดังกล่าว

เขากล่าวว่าด้วยการมาถึงของเรือสำราญ มันจะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มายังกวนตัน

"ก่อนหน้านี้มีเรือสำราญจอดเทียบท่าที่นี่ แต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่วางแผนไว้ ดังนั้น หากต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยว จำเป็นต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกของศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง และกักกัน (CIQ)

"อย่างไรก็ตาม ความพยายามนี้ไม่ได้มาจากกระทรวงคมนาคมและท่าเรือกวนตันเท่านั้น แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวปาหังเพื่อส่งเสริมบริษัทเรือสำราญ

"ตัวอย่างเช่น มีสิ่งดึงดูดใจอะไรบ้างและกำหนดการเมื่อเรือสำราญจอดเทียบท่าเป็นเวลา 10 ถึง 12 ชั่วโมง" เขากล่าว

https://www.bharian.com.my/berita/nasional/2024/08/1285376/projek-ecrl-catat-kemajuan-7013-peratus