Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:312001
ทั่วไป:13618726
ทั้งหมด:13930727
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 485, 486, 487, 488, 489  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 47077
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 19/09/2024 9:46 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
วีริศ อัมระปาล ผู้ว่ารถไฟคนใหม่ เตรียมมอบนโยบาย ต.ค. หลังเซ็นสัญญา19ก.ย.67
ฐานเศรษฐกิจ
เผยแพร่: วันพุธ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 18:27 น.
อัพเดตล่าสุด: วันพุธ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 19:07 น.

รฟท.เซ็นสัญญาผู้ว่าฯ คนที่ 20 "วีริศ"ยันไร้ใบสั่ง"สุริยะ" ลั่นถึงเวลาพาองค์กรเชิดหัว งานด่วน "แก้หนี้-เร่งลงทุนโปรเจกต์"
Source - ผู้จัดการออนไลน์
Thursday, September 19, 2024 13:13

รฟท.เซ็นสัญญาจ้าง "วีริศ" เป็นผู้ว่าฯ คนที่ 20 ยันสมัครเอง ปัด "สุริยะ" สั่งมา เพราะถ้าไม่อยากมาก็ไม่มา แจงคุณสมบัติถูกต้อง เช็ก สคร.เจตนารมณ์กฎหมายไม่กีดกันสัญญาของรัฐวิสาหกิจ ขอเวลาศึกษางานไม่เกิน 1 เดือน มั่นใจถึงเวลาพา รฟท.เชิดหัว เร่งแก้ PPP ไอซีดีลาดกระบัง สร้างรายได้จากที่ดิน แก้หนี้ 2 แสนล้านต้องแยกหนี้ลงทุนรัฐออก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เวลา 09.09 น. การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้จัดพิธีลงนามสัญญาว่าจ้าง นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย คนใหม่ (คนที่ 20) โดยมีนายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท. เป็นผู้ลงนามในสัญญาว่าจ้าง ซึ่งนายวีริศ อัมระปาล กำหนดเริ่มทำงานทันที โดยมีผู้บริหาร รฟท.เข้าร่วมต้อนรับ ทั้งนี้ หลังลงนามบอร์ด รฟท.ได้มีการหารือร่วมกับนายวีริศเบื้องต้นเพื่อทำความเข้าใจในการทำงานร่วมกัน พร้อมแนะนำผู้บริหาร รฟท.อย่างเป็นทางการ

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าฯ รฟท.คนใหม่ กล่าวว่า แนวทางการทำงานของตนจะสอดคล้องกับนโยบายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรางเพื่อให้เป็นโครงข่ายหลักของประเทศ และการแก้ปัญหาหนี้สิน การบริหารทรัพย์สินเพื่อสร้างรายได้ และหาแนวทางปรับปรุงการบริหารภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งยอมรับว่าการแก้ปัญหาต่างๆ คงไม่สามารถทำได้ในเวลาอันรวดเร็ว และต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคนใน รฟท. หลังจากนี้จะเร่งศึกษางานอย่างเร่งด่วนและพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้อง ทั้งพนักงานรถไฟ และสหภาพฯ รฟท.ก่อน เพื่อทำความรู้จัก และรับฟังความเห็นว่าอยากให้พัฒนา รฟท.ไปในแนวทางไหน จะขอเวลาประมาณ 20-30 วัน จากนั้นจะแถลงแนวทางนโยบายการทำงานที่ชัดเจนต่อไป

“วิสัยทัศน์ของผมคือ ลดภาระหนี้ เพิ่มรายได้ เพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มความพอใจในการให้บริการ ส่วนจะทำได้มากน้อยแค่ไหนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน ซึ่งจะต้องลงไปในรายละเอียดแต่ละเรื่อง ที่ผ่านมา ผมศึกษาในฐานะคนนอก รับรู้ปัญหาต่างๆ ตามที่เสนอผ่านสื่อ ตั้งใจว่าในช่วง 3 เดือนแรกอาจจะจัดการเกี่ยวกับระบบระเบียบที่เกี่ยวกับการทำงานก่อน การแบ่งงานต้องชัดเจน และโครงสร้างองค์กรต้องมีประสิทธิภาพ”

นายวีริศกล่าวถึงปัญหาหนี้สิน รฟท.ที่มีหนี้สินกว่า 2 แสนล้านบาทว่า ต้องดูว่าเป็นหนี้ส่วนที่ภาระผูกพันของรัฐบาลช่วยสนับสนุน รฟท.เท่าไร และเป็นภาระหนี้ของ รฟท.จริงๆ แค่ไหน ตรงนี้ต้องแกะออกมาให้ชัดเจน ส่วนการเพิ่มรายได้นั้น ตนมองว่า รฟท.มีที่ดินและทรัพย์สินค่อนข้างมาก มีประเด็นติดขัดอะไรที่ผ่านมา และ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด หรือ SRTA บริษัทลูก ที่ยังทำงานติดขัดเป็นเพราะอะไร ส่วนในด้านการลงทุนของ รฟท.เป็นอีกเรื่องที่เพิ่มภาระหนี้สิน แต่ก็เป็นการเพิ่มหนี้เพื่อสร้างประโยชน์ด้านคมนาคมขนส่ง ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์​ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งมีเป้าหมายให้ระบบรางของไทยเป็นขนส่งสาธารณะหลักในการเดินทาง

“เท่าที่พูดคุยรับทราบข้อมูล ตอนนี้ภาวะของ รฟท.อยู่ในช่วงต่ำสุดของ U Curve แล้ว กำลังจะผงกหัวขึ้น ผมเชื่อว่าแนวทางหนึ่งคือ นโยบาย รมว.คมนาคมที่เร่งการพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง จะช่วยให้รถไฟเดินหน้าไปตามเป้าหมาย”


ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องเร่งดำเนินการแก้ไข และมีความหนักใจอะไรบ้าง นายวีริศกล่าวว่า "ผมอาสาเข้ามา ก็มีความตั้งใจและมั่นใจในการนำพาองค์กร รฟท.เดินหน้าต่อไป แต่ยอมรับว่าเป็นโจทย์ที่ยาก เป็นความท้าทายสำหรับรฟท.ที่มี พ.ร.บ.ใช้มาเป็น 100 ปีแล้ว การบริหารจัดการบุคลากรเป็นหมื่นคน และภาระงานเพิ่มแต่บุคลากรเพิ่มไม่ได้ เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขกันทั้งระบบ แต่ต้องทำให้ได้ เพราะถ้าไม่ทำก็จะถอยไปเรื่อยๆ

ส่วนโครงการเร่งด่วน หรือที่มีปัญหาติดขัดในบางจุดทั้งการส่งมอบพื้นที่ การต่อรองสัญญา และอื่นๆ คงต้องไปดูกันในรายละเอียดในประเด็นเหล่านั้น ให้เดินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะประสานรองผู้ว่าฯ ผู้ช่วยฝ่ายต่างๆ ไปก่อน เช่น การแก้ปัญหาที่เกี่ยวกับโครงการเอกชนร่วมลงทุนต่างๆ (PPP) จากการศึกษาโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง มีปัญหาล่าช้ามานาน เดิมเคยขนส่งได้ 2 ล้านทีอียู ตอนนี้เหลือ 1 ล้านทีอียู สินค้าหันไปใช้รถยนต์แทน ก็ต้องเร่งแก้ไข เพราะจะเป็นส่วนที่จะสร้างรายได้ให้ รฟท.ได้มาก ส่วนงานอื่นๆ เห็นว่าต้องเร่งทำตั้งแต่ตอนนี้ เพราะขั้นตอน PPP ใช้เวลา 2-3 ปีกว่าจะสำเร็จ

@ยันตั้งใจสมัครเองไม่เกี่ยว ‘สุริยะ’ สั่งให้มา และหารือ สคร.คุณสมบัติถูกต้อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า นายสุริยะเลือกนายวีริศมาเป็นผู้ว่าฯ รฟท. จะยืนยันอย่างไรว่าเข้ามาทำงานเพื่อรฟท.จริงๆ และประเด็นที่มีคุณสมบัติที่ขัดต่อประกาศการรับสมัครนั้น จะชี้แจงเรื่องความถูกต้องอย่างไร นายวีริศกล่าวว่า กรณีที่มีข่าวทางสื่อออกไป ในส่วนตัวนั้นต้องขอย้อนตั้งแต่จบการศึกษา สมัคร ทำงานที่แรก คือ มูลนิธิชัยพัฒนา ก็มีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อพัฒนาประเทศจริงๆ เพราะประเทศเราถ้ามองจากข้างนอก มีการแข่งขัน ยังมีอะไรต้องพัฒนา ต้องก้าวไป เมื่อได้มาสู่การทำงานจริงๆ แล้ว ชีวิตก็พลิกผันไปในหลายๆ ที่ ได้พยายามมากที่สุด ในการทำหน้าที่ของตัวเองในการพัฒนาประเทศ ในฐานะที่ได้มีโอกาสศึกษาได้ความรู้จากต่างประเทศด้วย ก็ได้นำความรู้เหล่านั้นมาช่วยพัฒนาประเทศ

“ประเด็นที่เกี่ยวกับท่านสมศักดิ์ (สมศักดิ์ เทพสุทิน) และท่านสุริยะ และท่านอื่นๆ จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ก็ทำหน้าที่ที่ปรึกษาในกรรมาธิการต่างๆ ผมก็พยายามที่จะทำในทุกหน้าที่ของผมเพื่อพัฒนาประเทศ การมาเป็นผู้ว่าฯ รฟท.ก็เป็นจังหวะหนึ่งที่ผมคิดว่าผมสามารถทำได้ ผมจึงสมัครเข้ามา ดังนั้น ถ้าถามว่าผมสมัครด้วยตัวเอง หรือท่านสุริยะจิ้มมา ต้องบอกว่าถ้าท่านสุริยะจิ้มมา แล้วผมไม่อยากมา ผมก็ไม่มา เพราะฉะนั้น ผมบอกได้ครับว่าเป็นความตั้งใจของผม” นายวีริศกล่าว

ส่วนกรณีคุณสมบัตินั้น นายวีริศกล่าวว่า ตนมาตามกระบวนการ และระหว่างทางได้ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และฝ่ายกฎหมายมาตลอด ยืนยันว่าเจตนารมณ์ของกฎหมายที่เป็นประเด็นไม่ได้เพื่อกันหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่อรัฐวิสาหกิจ แต่เจตนารมณ์เขียนไว้เพื่อป้องกันองค์กรที่จะมาหาประโยชน์ แต่ตนไม่มีอะไรที่จะมาหาประโยชน์ เป็นเรื่องของหน่วยงานรัฐที่ต้องบูรณาการช่วยเหลือกัน เช่น ประเทศเจริญแล้วในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทำไมถึงบอกว่ามีต้นทุนโลจิสติกส์ต่ำ เพราะมีการลากทางรถไฟเข้าไปถึงโรงงาน ให้ขนส่งทุกอย่างขึ้นรถไฟไปลงเรือ หรือถึงเป้าหมายปลายทางได้เลย เชื่อมการเดินทางโหมดอื่นเลย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน ตนรู้โจทย์นี้เป็นสิบปี และขออาสาเข้ามาช่วยทำงานตรงนี้


@พร้อมดูแลสวัสดิการพนักงานให้เหมาะสม

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีแนวทางการร่วมกับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) อย่างไร นายวีริศกล่าวอีกว่า ตนไม่มีประเด็นอะไรกับสหภาพฯ และไม่ได้ตั้งธงอะไร ก็จะมีการนัดหมายกันเร็วๆ นี้ ตนเห็นว่าเรื่องผลประโยชน์และสวัสดิการของพนักงานเป็นเรื่องสำคัญ แต่ต้องดูว่าอะไรดี ที่เหมาะสม ที่ทำได้ ในฐานะที่เคยเป็นคนนอกก็หวังว่า พนักงานจะได้รับสวัสดิการเต็มที่ แต่ต้องไม่เกินลิมิตที่รัฐจะให้ได้ เพราะที่ตนเคยอยู่ กนอ.ก็ไม่เคยมีประเด็นกับสหภาพฯ มีแต่ซัปพอร์ตให้ได้รับสวัสดิการที่ดี

@รับค่าตอบแทน เดือนละ 3.7 แสนบาท

ทั้งนี้ ตามสัญญาจ้าง นายวีริศ

อัมระปาล ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯรฟท.เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2567 โดยได้รับค่าตอบแทนคงที่เริ่มต้นที่อัตราเดือนละ

370,000 บาท (กรอบการปรับค่าตอบแทนคงที่สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท )

ค่าตอบแทนพิเศษ สิทธิประโยชน์อื่นและเงื่อนไขตามร่างสัญญาจ้าง ตามที่กระทรวงการคลังได้พิจารณา


SRT signs contract with 20th governor, "Veeris", insists no orders from "Suriya", time to lead the organization forward. Urgent tasks: "Debt resolution and project investment acceleration"

Source - Manager Online
Thursday, September 19, 2024 13:13


SRT signs contract hiring "Veeris" as the 20th governor, insists he applied himself, denies "Suriya" ordered it, stating he wouldn't have come if he didn't want to. Clarifies his qualifications are valid, checked with the State Enterprise Policy Office (SEPO), the spirit of the law doesn't prohibit state enterprise contracts. Requests time to study the work, no more than 1 month, confident it's time to lead SRT forward. Accelerate PPP, Lat Krabang ICD, generate income from land, resolve 200 billion baht debt, separate government investment debt.

Reporters reported that today (Sept 19) at 09:09, the State Railway of Thailand (SRT) held a signing ceremony for the employment contract of Mr. Veeris Ammarapala, the new governor of the State Railway of Thailand (the 20th). Mr. Chirut Wisanjit, Chairman of the Board of SRT, signed the contract. Mr. Veeris Ammarapala is scheduled to start work immediately, with SRT executives welcoming him. After the signing, the SRT board held a preliminary meeting with Mr. Veeris to understand how to work together and officially introduce SRT executives.

Mr. Veeris Ammarapala, the new SRT governor, said his work approach will align with the policy of Mr. Suriya Juangroongruangkit, Deputy Prime Minister and Minister of Transport, regarding the development of rail infrastructure to be the main network of the country, debt resolution, asset management to generate income, and finding ways to improve internal management for increased efficiency. He admitted that solving various problems cannot be done quickly and requires cooperation from everyone at SRT. After this, he will urgently study the work and talk to relevant parties, including railway employees and the SRT uni0n, to get to know them and listen to their opinions on how they want SRT to develop. He will request about 20-30 days, then will announce clear policy directions for his work.

"My vision is to reduce debt burden, increase revenue, increase efficiency, increase satisfaction in service. How much can be achieved depends on cooperation from everyone. We need to go into the details of each matter. In the past, I studied as an outsider, aware of various problems as presented in the media. I intend that in the first 3 months, I may deal with the regulations related to work first. The division of work must be clear, and the organizational structure must be efficient."

Mr. Veeris addressed the SRT's debt problem of over 200 billion baht, saying it's necessary to see how much is the government's commitment to support SRT and how much is SRT's actual debt burden. This needs to be clearly separated. As for increasing revenue, he sees that SRT has a lot of land and assets. He questions what obstacles there have been in the past and why SRT Asset Company Limited or SRTA, a subsidiary, is still facing difficulties. Regarding SRT's investment, it's another matter that increases debt burden, but it's increasing debt to create benefits in transportation, reduce logistics costs, and increase competitiveness. The goal is for Thailand's rail system to be the main public transport for travel.

"From the discussions and information received, SRT's current situation is at the lowest point of the U Curve and is about to rise. I believe one way is the policy of the Minister of Transport to accelerate the development of double-track and high-speed rail projects, which will help the railway move forward according to the goals."

When asked about urgent problems that need to be addressed and any concerns, Mr. Veeris said, "I volunteered to come, I have the intention and confidence to lead the SRT organization forward. But I admit it's a difficult task, a challenge for SRT, which has had its Act in use for 100 years. Managing thousands of personnel and increasing workload without increasing personnel is something that needs to be addressed systematically. But it must be done because if not, we will keep regressing."

Regarding urgent projects or those facing obstacles in some areas, such as land handover, contract negotiations, and others, he said it's necessary to look into the details of those issues to ensure they progress efficiently. He will coordinate with deputy governors and assistant directors of various departments first, such as solving problems related to Public-Private Partnership (PPP) projects. From studying the project to find private partners to operate the Inland Container Depot (ICD) at Lat Krabang, there have been long delays. It used to transport 2 million TEUs, now it's down to 1 million TEUs, with goods turning to road transport instead. This needs to be addressed urgently as it's a part that can generate significant income for SRT. Other tasks, he sees, need to be expedited from now as the PPP process takes 2-3 years to complete.

**@ Insists he applied himself, not related to 'Suriya' ordering him to come, and consulted SEPO, qualifications are valid**

When asked about previous news that Mr. Suriya chose Mr. Veeris to be the SRT governor and how he can confirm he's truly working for SRT, and about the issue of his qualifications contradicting the recruitment announcement, how he will clarify the correctness, Mr. Veeris said, regarding the news in the media, personally, he wants to go back to when he graduated and applied for his first job at the Chaipattana Foundation. He had the intention to truly work for the development of the country because, looking from the outside, our country still has competition and things to develop and move forward.

"Regarding Mr. Somsak (Somsak Thepsuthin), Mr. Suriya, and others, actually, before this, I served as an advisor in various committees. I tried to do my best in every role to develop the country. Becoming the SRT governor is a moment where I thought I could do it, so I applied. So, if you ask if I applied myself or Mr. Suriya picked me, I have to say if Mr. Suriya picked me and I didn't want to come, I wouldn't have come. Therefore, I can say it's my own intention," Mr. Veeris said.

Regarding the qualifications issue, Mr. Veeris said he came through the process and consulted the State Enterprise Policy Office (SEPO) and the legal department throughout. He confirmed that the spirit of the law in question is not to prevent state enterprises from working with each other, but the intention is to protect against organizations seeking benefits. He has no intention of seeking benefits; it's a matter of state agencies needing to integrate and help each other. For example, in developed countries, industrial estates have low logistics costs because they have railways connected to factories, allowing everything to be transported by train to ships or final destinations, connecting with other modes of transport without incurring duplicate costs. He has known this issue for ten years and volunteered to come and help with this work.

**@ Ready to take care of employee welfare appropriately**

When asked about the approach to working with the State Railway of Thailand Labor Uni0n (SRLU), Mr. Veeris said he has no issues with the uni0n and hasn't set any expectations. They will schedule a meeting soon. He sees that employee benefits and welfare are important but need to be considered for what's good, appropriate, and feasible. As a former outsider, he hopes employees receive full benefits but not beyond the limit the state can provide, as where he used to be, IEAT, there were never any issues with the uni0n, only support for good welfare.

**@ Receives compensation of 370,000 baht per month**

According to the contract, Mr. Veeris Ammarapala's term as SRT governor starts from September 19, 2024, with an initial fixed compensation of 370,000 baht per month (maximum adjustable fixed compensation not exceeding 500,000 baht). Special compensation, other benefits, and conditions are as per the draft contract, as considered by the Ministry of Finance.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 47077
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 20/09/2024 9:38 am    Post subject: Reply with quote

เปิดขุมทรัพย์ ในมือผู้ว่าฯรฟท.ที่ ดินรถไฟ 3.8หมื่นไร่ –ระบบราง6แสนล้าน
ฐานเศรษฐกิจ
20 ก.ย. 2567 | 05:48 น.

เปิดขุมทรัพย์ ดินรถไฟ3.8หมื่นไร่ แสนล้าน –โครงข่ายระบบราง 6แสนล้านในมือ"วีริศ อัมระปาล" ผู้ว่าฯรฟท.คนใหม่ ปั้นรายได้ล้างหนี้2.3แสนล้าน

การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ลงนามนามสัญญาจ้าง นายวีริศ อัมระปาล ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ผู้ว่าฯรฟท.)คนที่ 20 อย่างเป็นทางการ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 ก.ย.2567 ที่ผ่านมา โดยมีนายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานกรรมการรถไฟฯ เป็นผู้ลงนามเมื่อวันที่19ก.ย.ที่ผ่านมา

นับหนึ่ง การทำหน้าที่ผู้ว่าฯรฟท.อย่างเป็นทางการ ผู้ว่าฯรฟท.เปิดเผยว่านโยบายของตนเองจะขอใช้เวลาเพื่อศึกษางานประมาณ 1 เดือนก่อน และภายใน 3 เดือนแรก

มีแผนจัดการเกี่ยวกับระบบที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน และโครงสร้างองค์กรต้องมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะการแก้ปัญหาหนี้สะสมกว่า2.3แสนล้านบาทซึ่งเป็นเรื่องใหญ่แต่จะเร่งสะสางให้ลุล่วงภายใน4ปี


ในทางกลับกัน รฟท.มี ขุมทรัพย์ 3.8หมื่นไร่ มูลค่านับแสนล้านบาท ที่โอนให้บริษัทลูกอย่าง บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) ฐานะบริษัทลูก ตั้งแต่ปี2565 เพื่อนำที่ดินแปลงศักยภาพเปิดประมูลสร้างรายได้ ซึ่งผู้ว่าฯรฟท.คนใหม่ระบุได้ให้ความสำคัญในหลายทำเล

ทั้งนี้นโยบายเดิมมีเป้าหมาย 10 ปี 1.25 แสนล้านบาท 30 ปี 6แสนล้านบาทตามลำดับเพื่อลบคราบภาระหนี้สิน ที่สะสมอยู่ กว่า 2 แสนล้านบาทให้หมดไป

จากการบริหารจัดการขุมทรัพย์ใหญ่ที่สามารถสร้างรายได้มหาศาล อย่าง ที่ดินศูนย์คมนาคมพหลโยธิน 2,325 ไร่ ที่ดินแปลงใหญ่ ทำเลทองเปิดให้เอกชนพัฒนาต่อยอด

โดยมีสถานีกลางบางซื่อ(สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์) ศูนย์กลางเดินทางระบบรางใหญ่สุดในภูมิภาคอาเซียน เป็นจุดขาย ตั้งเป้าหมายดึงนักลงทุนพัฒนาเชิงพาณิชย์มิกซ์ยูส ซึ่งที่ผ่านมารฟท.เคยเปิดประมูลพื้นที่โดยรอบมาแล้วสองครั้ง แต่ ไม่ ประสบความสำเร็จ ทำให้ต้องปรับแผนครั้งใหญ่ โดยอาศัยบริษัทลูก นำที่ดินทั้งหมดออกพัฒนา ประเมินว่าเอกชนจะให้ความสนใจ

ที่ดินสามเหลี่ยมย่านพหลโยธิน47ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าวและโรงแรม ที่จะหมดอายุลง เซ็นทรัล ลาดพร้าวจ่ายค่าเช่าที่ดินรฟท.กว่า 1,387 ล้านบาท ประจำปี 2567 และจะหมดอายุสัญญาเช่าในปี 2571

ที่ดินรถไฟย่านรัชดาฯ 186ไร่124แปลง124สัญญา ปล่อยเช่าสร้างตึกสูงใหญ่ โรงแรม -สถานบริการอาบอบนวด ราคาที่ดินสูงสุดอยู่ที่ 1.1ล้านบาทต่อตารางวา และมีหลายแปลงที่จะหมดสัญญา ขณะเดียวกัน หลายสัญญาขอเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์เปลี่ยนรูปแบบเป็นโรงแรม3ดาวอย่างโพไซดอน ที่ประเมินว่าต้องปรับสัญญาเช่าใหม่ทั้งหมดเพื่อสร้างรายได้

นอกจากนี้ยังมีที่ดินแปลงศักยภาพรองสถานีธนบุรี 148ไร่ โดย บ้านพักพนักงานรถไฟ สถานีธนบุรี 305 ครัวเรือน เนื้อที่ 21 ไร่ รฟท. มีแผนแปลงโฉมเป็นมิกซ์ยูส ขนาดใหญ่ ให้เอกชนเช่าระยะยาว 30 ปีเพราะนอกจากใกล้โรงพยาบาลศิริราช แม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว

บริเวณดังกล่าว ยังเป็นทำเลทองศักยภาพสถานีจุดตัดรถไฟฟ้า 2 สาย ระหว่างสายสีส้มตะวันตก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม) และสายสีแดง (ตลิ่งชัน -ศิริราช-ศาลายา)

ขณะเดียวกันยังสะดวกสบาย ใกล้สถานีอิสรภาพ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินยังไม่รวมที่ดินบริเวณตลาดน้อยย่านฝั่งธนบุรีติดแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีรูปแบบให้เอกชนเช่าพัฒนาโรงแรม3ดาวฯลฯ

ขณะระบบรางที่ต้องดำเนินงาน เร่งด่วนที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เตรียมมอบนโยบาย ให้เร่งผลักดันโครงการลงทุนของรฟท. จำนวน 9 โครงการ วงเงิน 661,060 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย

1. โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วง รังสิต - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กม. วงเงิน 6,473 ล้านบาท

ปัจจุบันได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อขอทบทวนมติครม.และปรับกรอบวงเงิน หลังจากในช่วงที่ผ่านมารฟท. ได้สรุปผลการศึกษาและเสนอ ครม.ไป แล้ว แต่มีการดึงเรื่องกลับมาปรับแก้ไขใหม่เพื่อความรอบคอบ

2.โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วง ช่วงศิริราช-ตลิ่งชัน-ศาลายา ระยะทางรวม 20.5 กม. วงเงิน 15,176 ล้านบาท ที่ผ่านมา รฟท.ได้มีการศึกษาควบรวม 2 เส้นทางไว้ด้วยกัน ซึ่งช่วยประหยัดงบประมาณลดลง 110 ล้านบาท

3.โครงการไฮสปีด ไทย-จีน ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 356 กม. วงเงิน 341,351 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่างานโยธา 235,129 ล้านบาท ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและชดเชยทรัพย์สิน 10,310 ล้านบาท ค่าลงทุนระบบราง-ระบบรถไฟฟ้า และเครื่องกล 80,165 ล้านบาท

ปัจจุบันประเทศจีนต้องการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟสายนี้ไปสู่ภูมิภาค เมื่อไทยมีการก่อสร้างโครงการไฮสปีดในระยะที่ 1 แล้ว จำเป็นต้องก่อสร้างต่อในระยะที่ 2 เพื่อให้เกิดศักยภาพการขนส่งทางระบบราง

4.โครงการรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีด)ไทย-จีน เฟส 2 มูลค่า 3.4แสนล้านบาท คาดว่าสศช.จะอนุมัติโครงการภายในสิ้นปีนี้ จากนั้นจะเสนอต่อครม.พิจารณาเห็นชอบต่อไป

5โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน6โครงการ ประกอบด้วย

ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 281 กม. วงเงิน 81,143 ล้านบาท โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม. วงเงิน 30,422 ล้านบาท

โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 66,270 ล้านบาท โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม. วงเงิน 68,222 ล้านบาท

โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม. วงเงิน 44,103 ล้านบาท โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 7,900 ล้านบาท


Unveiling the Treasure in the Hands of the New SRT Governor: 38,000 Rai of Railway Land – 600 Billion Baht Rail Network

Thansettakij
September 20, 2024 | 05:48 AM


The State Railway of Thailand (SRT) has appointed Veeris Amrapala as its 20th governor, following a Cabinet resolution on September 17, 2024. Veeris aims to utilize 38,000 rai of railway land, valued at billions of baht, and develop a 600-billion-baht rail network to help erase SRT’s accumulated debt of 230 billion baht.

Veeris plans to study the operations for a month and focus on reorganizing the systems and structure within the first three months. The main goal is to address the large debt over the next four years.

The SRT has assets in the form of 38,000 rai of valuable land, transferred to its subsidiary, SRT Asset Co., Ltd. (SRTA), in 2022 to generate revenue through auctions. The existing target aims to generate 125 billion baht over 10 years and 600 billion baht over 30 years to alleviate the 230 billion baht debt.

One key asset is the 2,325-rai Phaholyothin Transport Hub, centered around Bang Sue Grand Station (Bangkok Apiwat Central Station), the largest rail hub in Southeast Asia. Although previous attempts to auction off the surrounding land failed twice, plans have been revamped, with a focus on attracting private developers for mixed-use commercial development.

Additionally, SRT land near Central Ladprao and other major locations like Ratchada (186 rai) and Thonburi (148 rai) will be developed. Some of these plots are approaching the end of their leases, offering opportunities for redevelopment and renegotiation of contracts to maximize revenue.

Regarding the rail network, urgent projects, including nine major investments totaling 661.06 billion baht, are being prioritized by the government. These projects include:

1. The Red Line extension from Rangsit to Thammasat University (Rangsit campus), an 8.84 km line, with a budget of 6.47 billion baht.
2. The Light Red Line from Siriraj to Salaya, a 20.5 km route, with a budget of 15.17 billion baht.
3. The Thai-Chinese High-Speed Rail (Phase 2) from Nakhon Ratchasima to Nong Khai, a 356 km line, with a total budget of 341.35 billion baht.

The goal is to enhance the overall efficiency of the SRT’s operations and revenue streams to clear the organization's significant debt over the next few decades.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43880
Location: NECTEC

PostPosted: 20/09/2024 11:19 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
เปิดขุมทรัพย์ ในมือผู้ว่าฯรฟท.ที่ ดินรถไฟ 3.8หมื่นไร่ –ระบบราง6แสนล้าน
ฐานเศรษฐกิจ
วันศุกร์ ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 05:48 น.


“วีริศ” โต้ปมนั่งผู้ว่า รฟท. ปัดลูกหม้อ “สุริยะ” หนุนงานบิ๊กโปรเจ็กต์สายราง
ฐานเศรษฐกิจ
วันศุกร์ ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 07:00 น.

“วีริศ อัมระปาล” โต้กระแสนั่งผู้ว่ารฟท.คนใหม่ เหตุ “สุริยะ” แบ่งงานใหม่ ดูการรถไฟฯ แทน “สุรพงษ์” ยันเดินหน้าสมัครตามกระบวนการ ยึดกฎหมาย ตั้งเป้าแก้ปัญหาองค์กร-สร้างรายได้เพิ่ม
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า กรณีที่มีกระแสข่าวถึงนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แบ่งงาน ซึ่งเข้ามาดูแลการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แทนนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อมอบนโยบายแก่ตนโดยตรง หลังจากที่เคยอยู่ในสายกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกันนั้น

นายวีริศ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาจากการเปิดสรรหาตำแหน่งผู้ว่ารฟท.คนใหม่ที่มาแทนนายนิรุฒ มณีพันธ์ ที่เกษียณอายุราชการนั้น ผมได้เข้ามาสมัครตำแหน่งนี้ตามกระบวนการ ซึ่งเป็นความตั้งใจที่จะช่วยแก้ปัญหาภายในองค์กร ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบราง ไม่ได้มีการเอื้อประโยชน์รัฐวิสาหกิจต่อรัฐวิสาหกิจแต่อย่างใด



“ในระหว่างกระบวนการสรรหาผู้ว่ารฟท.นั้น ผมได้ปรึกษาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และดำเนินการตามกฎหมายมาโดยตลอด หากนายสุริยะผลักดันผมเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ แต่คณะกรรมการสรรหา (บอร์ด) รฟท.ไม่เห็นด้วยก็คงไปต่อไม่ได้” นายวีริศ กล่าว

ทั้งนี้ในปัจจุบันพบว่า รฟท.มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่กระทรวงคมนาคมเร่งรัดหลายโครงการ วงเงิน 661,060 ล้านบาท ประกอบด้วย

โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ภายใต้กรอบความร่วมมือไทย-จีน ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 356 กิโลเมตร รวมมูลค่าการลงทุน 341,351.42 ล้านบาท
แบ่งเป็น ค่างานโยธา 235,129 ล้านบาท ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และชดเชยทรัพย์สิน 10,310 ล้านบาท ค่าลงทุนระบบราง-ระบบรถไฟฟ้า และเครื่องกล 80,165 ล้านบาท

โครงการรถไฟทางคู่ ระยะ 2 รวม 6 เส้นทาง มูลค่า 298,060 ล้านบาท ประกอบด้วย

ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 281 กิโลเมตร วงเงิน 81,143 ล้านบาท
ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร วงเงิน 30,422 ล้านบาท
ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร วงเงิน 66,270 ล้านบาท
ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กิโลเมตร วงเงิน 68,222 ล้านบาท
ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กิโลเมตร วงเงิน 44,103 ล้านบาท
ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร วงเงิน 7,900 ล้านบาท
โครงการรถไฟส่วนต่อขยายสายสีแดง จำนวน 2 เส้นทาง วงเงินรวม 21,649 ล้านบาท ประกอบด้วย

ช่วงศิริราช-ตลิ่งชัน-ศาลายา ระยะทาง 20.5 กม. วงเงิน 15,176 ล้านบาท
ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระยะทาง 8.84 กม. วงเงิน 6,473 ล้านบาท
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43880
Location: NECTEC

PostPosted: 20/09/2024 11:44 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
Wisarut wrote:
วีริศ อัมระปาล ผู้ว่ารถไฟคนใหม่ เตรียมมอบนโยบาย ต.ค. หลังเซ็นสัญญา19ก.ย.67
ฐานเศรษฐกิจ
เผยแพร่: วันพุธ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 18:27 น.
อัพเดตล่าสุด: วันพุธ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 19:07 น.

รฟท.เซ็นสัญญาผู้ว่าฯ คนที่ 20 "วีริศ"ยันไร้ใบสั่ง"สุริยะ" ลั่นถึงเวลาพาองค์กรเชิดหัว งานด่วน "แก้หนี้-เร่งลงทุนโปรเจกต์"
Source - ผู้จัดการออนไลน์
วันพฤหัสบดี ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 13:13 น.

เศรษฐกิจ
‘วีริศ’ นั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ การรถไฟ ตั้งเป้าล้างหนี้ 2 แสนล้านใน 4 ปี
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์
วันพฤหัสบดี ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 12:18 น.

“วีริศ”ตั้งเป้าล้างหนี้การรถไฟ 2 แสนล้านใน 4 ปี กางแผนหารายได้ เล็งเปิดพีพีพีดึงเอกชนเช่าใช้ราง ฟื้นโครงการไอซีดีลาดกระบัง เร่งประมูลที่ดินแปลงใหญ่ พร้อมเจรจา “คลัง” ปรับโครงสร้างหนี้บริการเชิงสังคม
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังลงนามสัญญาว่าจ้าง และเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการฯ อย่างเป็นทางการ วันนี้ (19 ก.ย.67) โดยระบุว่า การบริหารงานในยุคตน 4 ปีนี้จะเร่งรัดแก้หนี้สะสมของ รฟท. ที่มีอยู่ 2.3 แสนล้านบาท พร้อมทั้งเร่งหารายได้จากสินทรัพย์ที่มีอยู่ อาทิ การเปิดกว้างจัดหาเอกชนเข้ามาเช่าใช้รางรถไฟทั้งในรูปแบบเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการรัฐ (พีพีพี) และการหาพันธมิตรที่เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งสามารถทำสัญญาร่วมกันในการเช่าใช้รางได้ทันที โดยเรื่องนี้สามารถทำได้ทันที นอกจากหารายได้เข้าองค์กรแล้ว ยังลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของการขนส่งสินค้าในประเทศด้วย

ขณะเดียวกันจะนำผลศึกษาโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบังมาทบทวน และเร่งรัดการลงทุน เนื่องจากโครงการนี้จะเกิดประโยชน์ต่อการขนส่งสินค้าให้สะดวกมากขึ้น และยังใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของ รฟท.ที่มีอยู่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งรวมไปถึงการพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่ในรูปแบบเชิงพาณิชย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ รฟท.ศึกษาหลายพื้นที่ อาทิ ที่ดินสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ที่ดินสถานีมักกะสัน ที่ดิน RCA ที่ดินสถานีธนบุรี และสถานีแม่น้ำ เป็นต้น และยังต้องศึกษาพัฒนาที่ดินริมทางรถไฟให้สามารถสร้างรายได้

‘วีริศ’ นั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ การรถไฟ ตั้งเป้าล้างหนี้ 2 แสนล้านใน 4 ปี

“วิสัยทัศน์ที่ตนรายงานต่อบอร์ดการรถไฟฯ สอดคล้องกับนโยบาย และแนวทางแก้ไขปัญหาของที่นี่ โดยมุ่งเน้นการลดภาระหนี้ เพิ่มรายได้ เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ โดยอันดับแรกจะต้องนำสัญญา และโครงการต่างๆ ของการรถไฟฯ มาศึกษา และประเมินแนวทางการหารายได้ ซึ่งคาดว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะนำใช้เวลาตรวจดูไม่เกิน 1 เดือนหลังจากนี้”

นายวีริศ กล่าวด้วยว่า แนวทางการล้างหนี้ของ รฟท. เบื้องต้นตนจะเจรจากับกระทรวงการคลัง ถึงตัวเลขหนี้ที่เกิดขึ้น และพบว่าเป็นหนี้ผูกพันจากการให้บริการรถไฟเชิงสังคม และต้องรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะจากรัฐบาล (PSO) โดยส่วนนี้ต้องหารือถึงตัวเลขการใช้บริการที่เกิดขึ้นจริง จำนวนเงินที่รัฐอุดหนุนในแต่ละปี รวมไปถึงการปรับโครงสร้างหนี้ และประนอมหนี้ในบางส่วนที่สามารถทำได้ ซึ่งหากดำเนินการส่วนนี้ได้ก็จะทำให้จำนวนหนี้ของ รฟท.ลดลงทันที

‘วีริศ’ นั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ การรถไฟ ตั้งเป้าล้างหนี้ 2 แสนล้านใน 4 ปี

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ส.อาหารสัตว์ ร้อง นายกฯ เสนอเคาะประกันรายได้ เปิดนำเข้าวัตถุดิบ
ส.อาหารสัตว์ ร้อง นายกฯ เสนอเคาะประกันรายได้ เปิดนำเข้าวัตถุดิบ
20 ก.ย. 2567 | 10:50
'ยูนิลีเวอร์' ยกอินไซต์ผู้บริโภค สร้างความเขื่อมั่นยุคดิจิทัล
'ยูนิลีเวอร์' ยกอินไซต์ผู้บริโภค สร้างความเขื่อมั่นยุคดิจิทัล
20 ก.ย. 2567 | 9:47
'ส.อ.ท.' ค้านอีกรอบค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ดัน 'Pay by skills' ทางออกประเทศ
'ส.อ.ท.' ค้านอีกรอบค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ดัน 'Pay by skills' ทางออกประเทศ
20 ก.ย. 2567 | 9:39
ขณะที่โครงการลงทุนของ รฟท. ตามนโยบาย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งมีเป้าหมายเร่งรัดดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ภายใต้กรอบความร่วมมือไทย - จีน โดยจะต้องเร่งรัดก่อสร้างส่วนต่อขยายช่วงนครราชสีมา - หนองคาย เชื่อมต่อการขนส่งไทย - ลาว - จีน และประมูลสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ให้ครบจำนวน 7 เส้นทาง รวมไปถึงผลักดันโครงการส่วนต่อขยายรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ทั้งนี้ ตนมีเป้าหมายในการบริหารองค์กรการรถไฟฯ โดยมุ่งมั่นพัฒนารถไฟไทยให้เป็นระบบขนส่งหลักของประเทศ ประชาชนหันมาใช้บริการ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยากดึงให้มาใช้รถไฟในการเดินทางชีวิตประจำวัน ซึ่งระบบขนส่งทางรางจะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย และช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่องค์กรการรถไฟฯ กำลังผงกหัวขึ้น ภายในรัฐบาลสมัยนี้ควรเห็นการลงทุนที่ชัดเจน โดยตนเข้ามาบริหาร รฟท.ตั้งมั่นว่าจะนำพาองค์กรไปในทิศทางนี้ให้ได้ ซึ่งต้องขอความร่วมมือกับทุกฝ่าย ผู้บริหาร และพนักงานการถไฟฯ

สำหรับกรณีที่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า การเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟฯ เนื่องจากมีความสนิทสนมกับนายสุริยะ ประเด็นนี้ขอชี้แจงว่า ตนเป็นคนที่ตั้งมั่นจะทำงานเพื่อประเทศชาติมาตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงาน อีกทั้งที่ผ่านมามีประสบการณ์ทำงานในองค์กรที่ก่อให้เกิดการพัฒนาประเทศมาหลายแห่ง ซึ่งการเข้ามาสมัครผู้ว่าการฯ ในครั้งนี้นับเป็นจังหวะโอกาสหนึ่งที่เห็นว่าทำได้ และตนก็เข้ามาสมัครตามกระบวนการอย่างถูกต้อง

‘วีริศ’ นั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ การรถไฟ ตั้งเป้าล้างหนี้ 2 แสนล้านใน 4 ปี

สำหรับนายวีริศ อัมระปาล นับเป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย คนที่ 20 โดยมีประวัติ
- เกิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2518 ปัจจุบันอายุ 49 ปี
- จบการศึกษาระดับปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาอุตสาหการ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติ
สิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- จบการศึกษาระดับปริญญาโท Operations Research มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา
- จบการศึกษาระดับปริญญาเอก Industrial and Systems Engineering มหาวิทยาลัยรัทเกอร์ส สหรัฐอเมริกา สาขาความเชี่ยวชาญด้านระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support Systems0) ด้านการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ด้านระบบการจัดการภาคการผลิตและการขนส่ง (Production and Logistics Management) และด้านการบริหารระบบซ่อมบำรุง (Maintenance Management)

ประวัติการทำงานที่ผ่านมา
- ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ (ด้านการพาณิชย์)
- ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม (ด้านวิชาการ)
- คณะกรรมการจราจรขนส่งแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม
- อาจารย์ และหัวหน้าศูนย์วิจัยการคมนาคม สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธรมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- กรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีและวัสดุแห่งชาติ (MTEC)
- กรรมการสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย







ล้างมรดกหนี้ 2 แสนล้าน ภารกิจ 'วีริศ' ผู้ว่า รฟท.คนใหม่
เศรษฐกิจ
วันศุกร์ ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 6:44 น.


"วีริศ อัมระปาล" ตั้งเป้าล้างหนี้การรถไฟฯ 2 แสนล้านใน 4 ปี กางแผนหารายได้ เล็งเปิดพีพีพีดึงเอกชนเช่าใช้ราง ฟื้นโครงการไอซีดีลาดกระบัง เร่งประมูลที่ดินแปลงใหญ่ พร้อมเจรจา "คลัง" ปรับโครงสร้างหนี้บริการเชิงสังคม
การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เป็นหนึ่งในรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในขั้นตอนฟื้นฟูกิจการ หลังจากมีหนี้สะสมมากกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งสาเหตุบางส่วนมาจากการวิ่งให้บริการรถไฟเชิงสังคม และข้อเท็จจริงพบว่า ภาครัฐจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) ไม่ครบตามที่กำหนดดังนั้น ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ผู้ว่าการฯ คนใหม่จะเข้ามาบริหารจัดการองค์กรให้กลับมามีกำไรอีกครั้ง

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยภายหลังลงนามสัญญาว่าจ้าง และเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการฯ อย่างเป็นทางการ วานนี้้ (19 ก.ย. 2567) โดยระบุว่า การบริหารงานในยุคตน 4 ปีนี้ จะเร่งรัดแก้หนี้สะสมของ ร.ฟ.ท. ที่มีอยู่ 2.3 แสนล้านบาท

พร้อมทั้งเร่งหารายได้จากสินทรัพย์ที่มีอยู่ อาทิ การเปิดกว้างจัดหาเอกชนเข้ามาเช่าใช้รางรถไฟทั้งในรูปแบบเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการรัฐ (พีพีพี) และการหาพันธมิตรที่เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งสามารถทำสัญญาร่วมกันในการเช่าใช้รางได้ทันที โดยเรื่องนี้สามารถทำได้ทันที นอกจากหารายได้เข้าองค์กรแล้ว ยังลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของการขนส่งสินค้าในประเทศด้วย

ขณะเดียวกัน จะนำผลศึกษาโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบังมาทบทวน และเร่งรัดการลงทุน เนื่องจากโครงการนี้จะเกิดประโยชน์ต่อการขนส่งสินค้าให้สะดวกมากขึ้น และยังใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของ ร.ฟ.ท.ที่มีอยู่ก่อให้เกิดรายได้

ล้างมรดกหนี้ 2 แสนล้าน ภารกิจ \'วีริศ\' ผู้ว่า รฟท.คนใหม่

ซึ่งรวมไปถึงการพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่ในรูปแบบเชิงพาณิชย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ร.ฟ.ท. ศึกษาหลายพื้นที่ อาทิ ที่ดินสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ที่ดินสถานีมักกะสัน ที่ดิน RCA ที่ดินสถานีธนบุรี และสถานีแม่น้ำ เป็นต้น และยังต้องศึกษาพัฒนาที่ดินริมทางรถไฟให้สามารถสร้างรายได้

“วิสัยทัศน์ที่ตนรายงานต่อบอร์ดการรถไฟฯ สอดคล้องกับนโยบายและแนวทางแก้ไขปัญหาของที่นี่ โดยมุ่งเน้นการลดภาระหนี้ เพิ่มรายได้ เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ โดยอันดับแรกจะต้องนำสัญญาและโครงการต่างๆ ของการรถไฟฯ มาศึกษาและประเมินแนวทางการหารายได้ ซึ่งคาดว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะนำใช้เวลาตรวจดูไม่เกิน 1 เดือนหลังจากนี้”

สำหรับแนวทางการล้างหนี้ของ ร.ฟ.ท. เบื้องต้นจะเจรจากับกระทรวงการคลัง ถึงตัวเลขหนี้ที่เกิดขึ้น และพบว่าเป็นหนี้ผูกพันจากการให้บริการรถไฟเชิงสังคม และต้องรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะจากรัฐบาล (PSO) โดยส่วนนี้ต้องหารือถึงตัวเลขการใช้บริการที่เกิดขึ้นจริง จำนวนเงินที่รัฐอุดหนุนในแต่ละปี

รวมไปถึงการปรับโครงสร้างหนี้ และประนอมหนี้ในบางส่วนที่สามารถทำได้ ซึ่งหากดำเนินการส่วนนี้ได้ก็จะทำให้จำนวนหนี้ของ ร.ฟ.ท.ลดลงทันที

ล้างมรดกหนี้ 2 แสนล้าน ภารกิจ \'วีริศ\' ผู้ว่า รฟท.คนใหม่

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ส.อาหารสัตว์ ร้อง นายกฯ เสนอเคาะประกันรายได้ เปิดนำเข้าวัตถุดิบ
ส.อาหารสัตว์ ร้อง นายกฯ เสนอเคาะประกันรายได้ เปิดนำเข้าวัตถุดิบ
20 ก.ย. 2567 | 10:50
'ยูนิลีเวอร์' ยกอินไซต์ผู้บริโภค สร้างความเขื่อมั่นยุคดิจิทัล
'ยูนิลีเวอร์' ยกอินไซต์ผู้บริโภค สร้างความเขื่อมั่นยุคดิจิทัล
20 ก.ย. 2567 | 9:47
'ส.อ.ท.' ค้านอีกรอบค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ดัน 'Pay by skills' ทางออกประเทศ
'ส.อ.ท.' ค้านอีกรอบค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ดัน 'Pay by skills' ทางออกประเทศ
20 ก.ย. 2567 | 9:39
ขณะที่โครงการลงทุนของ ร.ฟ.ท. ตามนโยบายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งมีเป้าหมายเร่งรัดดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ภายใต้กรอบความร่วมมือไทย-จีน โดยจะต้องเร่งรัดก่อสร้างส่วนต่อขยายช่วงนครราชสีมา-หนองคาย เชื่อมต่อการขนส่งไทย-ลาว-จีน

และประมูลสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ให้ครบจำนวน 7 เส้นทาง รวมไปถึงผลักดันโครงการส่วนต่อขยายรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ทั้งนี้ มีเป้าหมายในการบริหารองค์กรการรถไฟฯ โดยมุ่งมั่นพัฒนารถไฟไทยให้เป็นระบบขนส่งหลักของประเทศ ประชาชนหันมาใช้บริการ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยากดึงให้มาใช้รถไฟในการเดินทางชีวิตประจำวัน ซึ่งระบบขนส่งทางรางจะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย และช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่องค์กรการรถไฟฯ กำลังผงกหัวขึ้น

ดังนั้นภายในรัฐบาลสมัยนี้ควรเห็นการลงทุนที่ชัดเจน โดยตนเข้ามาบริหาร ร.ฟ.ท.ตั้งมั่นว่าจะนำพาองค์กรไปในทิศทางนี้ให้ได้ ซึ่งต้องขอความร่วมมือกับทุกฝ่าย ผู้บริหาร และพนักงานการถไฟฯ

สำหรับกรณีที่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า การเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟฯ เนื่องจากมีความสนิทสนมกับนายสุริยะ ประเด็นนี้ขอชี้แจงว่า

“ผมเป็นคนที่ตั้งมั่นจะทำงานเพื่อประเทศชาติมาตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงาน อีกทั้งที่ผ่านมามีประสบการณ์ทำงานในองค์กรที่ก่อให้เกิดการพัฒนาประเทศมาหลายแห่ง ซึ่งการเข้ามาสมัครผู้ว่าการฯ ในครั้งนี้นับเป็นจังหวะโอกาสหนึ่งที่เห็นว่าทำได้ และยืนยันว่าทำถูกต้องตามกระบวนการ”

ล้างมรดกหนี้ 2 แสนล้าน ภารกิจ \'วีริศ\' ผู้ว่า รฟท.คนใหม่

นายวีริศ กล่าวต่อว่า วิสัยทัศน์ที่ตนได้แจ้งต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.จะมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางของไทยให้เติบโตต่อเนื่อง พร้อมกับขยายขีดความสามารถการขนส่งทางราง ให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางในภูมิภาคอาเซียนให้ได้โดยเร็ว โดยยึดหลัก “เพิ่มโอกาส เพิ่มคุณค่า ลดภาระของรัฐ พัฒนาบุคลากร”

โดยมีกรอบทิศทางการดำเนินงานสู่วิสัยทัศน์ จำนวน 6 ด้าน ได้แก่

1.ดำเนินกิจการเพื่อเพิ่มรายได้

2.พัฒนาการให้บริการ

3.การลดรายจ่าย

4.บริหารจัดการด้านบุคลากร

5.สนับสนุนประสานงานติดตาม และเร่งรัดโครงการ โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญตามนโยบายรัฐบาล

6.ดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม

นอกจากนี้ จะให้ความสำคัญต่อการร่วมพบปะหารือกับพนักงานการรถไฟฯ และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมรับฟังความคิดเห็นและนำมาปรับใช้ในการปฏิบัติงานร่วมกัน ตลอดจนดูแลด้านสวัสดิการต่างๆ ให้พนักงานการรถไฟฯ สร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค เพื่อนำข้อมูล ทุกความคิดเห็นจากคนรถไฟ มาสานต่องานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 47077
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 23/09/2024 8:33 am    Post subject: Reply with quote

"วีริศ”เล็งเปิดเอกชนเช่าใช้รางรถไฟเพิ่มรายได้ ลุยแยกบัญชี “PSO -ลงทุน”หารือคลังลดภาระหนี้
Source - ผู้จัดการออนไลน์
Monday, September 23, 2024 06:25

”วีริศ”ชูธงเพิ่มรายได้รฟท. เล็งเปิดรางให้เอกชนเช่าใช้เดินรถขนส่งและหนุนขนส่งทางรางประเทศเพิ่ม รอพ.ร.บ.ขนส่งทางรางฯ บังคับใช้พร้อมขับเคลื่อน ไม่กังวลสหภาพฯ พร้อมลุยแยกบัญชีหนี้บริการสังคม หนี้ลงทุนหารือคลัง แก้หนี้-ขาดทุนยั่งยืน

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงเป้าหมายในการทำงานว่า จากที่ตนได้แสดงวิสัยทัศน์ คือ ลดภาระหนี้ เพิ่มรายได้ เพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มความพอใจในการให้บริการ ส่วนจะทำได้มากน้อยแค่ไหนต้องอาศัยความร่วมมือ จากทุกคน ซึ่งจะต้องลงไปในรายละเอียดแต่ละเรื่องเพิ่มเติมก่อน สำหรับปัญหารฟท.ที่มีหนี้สินกว่า 2.3 แสนล้านบาทว่า ต้องดูว่า เป็นหนี้ส่วนที่ภาระผูกพันที่รัฐบาลสัญญาจะช่วยสนับสนุนรฟท. เท่าไร ซี่งเป็นหนี้บริการสาธารณะ หรือ PSO จำนวนมาก และที่เป็นภาระหนี้ของรฟท.จริงๆ แค่ไหน ตรงนี้ต้องแยกบัญชีออกมาให้ชัดเจน จากนั้นจะนำไปหารือกับกระทรวงการคลัง ว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง

ส่วนการเพิ่มรายได้ ตนมองว่ารฟท.มีที่ดินและทรัพย์สินค่อนข้างมาก ต้องดูว่า ที่ผ่านมามีประเด็นติดขัดอะไรที่ผ่านมาและ มีประเด็นอะไรบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด

หรือ SRTA บริษัทลูก ยังทำงานติดขัดเป็นเพราะอะไร ปล่อยที่ดินที่มีศักยภาพหลายแปลงที่สามารถนำมาพัฒนาเพื่อสร้างรายได้จำนวนมากเช่น ที่ดินแม่น้ำ บางซื่อ ซึ่งจะต้องเร่งศึกษารายละเอียดเป้าหมายอยากปลดหนี้ให้รฟท. ส่วนจะได้แค่ไหนภายในเวลา 4 ปียังไม่สามารถบอกได้ เพราะตอนนี้ยังไม่เห็นภาพชัดเจน อาจจะไม่หมดทั้งก้อน แต่ต้องลดหนี้ลงได้แน่นอน


อีกเรื่องที่สำคัญ คือการให้เอกชนเข้ามาร่วมใช้ทางในการขนส่งมากขึ้น โดยจะเปิดให้เอกชนเช่าใช้ราง ต้องศึกษาว่ารูปแบบที่เหมาะสมและดีที่สุด และดำเนินการได้เร็วทำอย่างไรเนื่องจากขณะนี้ มีเอกชนหลายรายเข้ามาเช่าใช้ราง ซึ่งจะต้องรอ พ.ร.บ.การขนส่งทางรางพ.ศ...มีผลบังคับใช้ก่อน เพื่อเป็นเครื่องมือในการดำเนินการตามกฎหมาย อะไรที่ทำได้ก็จะทำก่อน จะเร่งทำ เพราะไม่ว่าจะให้ใครมาใช้ราง จะเกิดเป็นรายได้ให้รฟท.แน่นอน

นายวีริศกล่าวว่า เรื่องให้เอกชนเช่าราง ใช้ร่วมกับรฟท.นั้น เชื่อว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับทรัพย์สิน ดังนั้นสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ รฟท. คงไม่ต่อต้าน ตนคิดว่าถ้าเป็นคนรถไฟ แล้วถ้าอยู่ๆเอาของที่เรามีไปให้คนอื่นใช้ก็คงไม่ได้ แต่ต้องมาดูกันว่าถ้าให้ไปแล้วเกิดประโยชน์แล้วในส่วนของสหภาพได้ประโยชน์ร่วมด้วยหรือไม่ คนรถไฟได้ประโยชน์ด้วย ซึ่งยืนยันว่า หากให้เอกชนเช่าใช้ราง ก็จะต้องไม่มากเกินไปจนถึงระดับที่ทำให้รถไฟเสียหาย

นายวีริศ กล่าวถึงสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ว่า จากที่ได้ศึกษาข้อมูลมาเบื้องต้น ก่อนหน้านี้เคยขนส่งปริมาณถึง 2 ล้านทีอียูต่อปี ตอนนี้เหลือเพียง 1 ล้านทีอียูต่อปี ทำให้รายได้รถไฟหายไปด้วย ทำให้ผู้ขนส่งไปใช้รถยนต์ขนส่งแทน ไปสร้างปัญหาจราจรติดขัดบนถนนอีก ส่วนสัญญาสัมปทานใหม่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะติดขัดปัญหา ซึ่งตรงนี้ก็จะเข้ามาดูเพื่อเร่งแก้ไข ซึ่งรฟท.เองมีแผนที่จะพัฒนา ICD ให้เป็นศูนย์ขนส่งสินค้าทางรางและหากเดินหน้าได้ตามนั้นก็จะทำให้มีสินค้าหลายเข้ามาทีICD เพิ่มขึ้น และจะช่วยทำให้เกิดรายได้กับรถไฟมากขึ้น

นอกจากนี้ก็จะพัฒนาเรื่องรถไฟท่องเที่ยวให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้นเพราะเป็นส่วนที่ทำให้มีรายได้เพิ่มอย่างชัดเจน ปัญหาที่ได้รับทราบคือมีปริมาณที่นั่งน้อย รองรับความต้องการของ ผู้โดยสารไม่เพียงพอ ประสบปัญหาจองตั๋ว แล้วตั๋วเต็มตลอด

ที่ผ่านมาโครงข่ายรถไฟมี ระยะทาง 4,044 กม. ครอบคลุม 47 จังหวัดมีการลงทุนรถไฟทางคู่ระยะแรก 5 โครงการ ระยะทางรวม 500 กม. ทำให้มีทางคู่เพิ่มขึ้น เป็น 1,243 กม. อยู่ระหว่างก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ 2 โครงการ เตรียมก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 1 โครงการอยู่ระหว่างเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)อนุมัติ

6 โครงการ ระยะทางรวม 1,483 กม. เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ จะทำให้มีทางคู่เพิ่มขึ้น เป็น 3,404 กม


Veeris Ammarapala Aims to Open Railway Tracks for Private Sector Rental to Increase Revenue, Pushing for Separate PSO and Investment Accounts, Discussing with the Ministry of Finance to Reduce Debt Burden

Source: Manager Online
Monday, September 23, 2024 06:25


Veeris Ammarapala Raises the Flag to Increase SRT Revenue, Aims to Open Tracks for Private Sector Rental for Transportation and Support Increased Rail Transport in the Country, Awaiting the Enforcement of the Rail Transport Act to Drive the Initiative, Not Concerned about the Uni0n, Ready to Separate Social Service Debt and Investment Debt Accounts, Discussing with the Ministry of Finance to Solve Debt and Sustainable Losses

Mr. Veeris Ammarapala, Governor of the State Railway of Thailand (SRT), revealed his work goals, stating that his vision is to reduce debt burden, increase revenue, increase efficiency, and increase satisfaction in service provision. The extent to which this can be achieved depends on cooperation from everyone, and further details on each matter need to be explored.

Regarding the SRT's debt of over 230 billion baht, he said it is necessary to examine how much of it is a commitment that the government has promised to support the SRT, which is a large amount of public service obligation or PSO debt, and how much is actually the SRT's debt burden. This needs to be clearly separated, and then discussions will be held with the Ministry of Finance on what can be done.

In terms of increasing revenue, he believes that the SRT has a considerable amount of land and assets. It is necessary to examine what obstacles have arisen in the past and why the work of SRT Asset Company Limited or SRTA, a subsidiary, is still hindered. Many plots of land with potential for development to generate significant revenue, such as the land along the Chao Phraya River in Bang Sue, have been left idle. The details of these matters need to be studied urgently, with the goal of relieving the SRT's debt. The extent to which this can be achieved within 4 years cannot yet be determined, as the picture is not yet clear. It may not be possible to eliminate the entire debt, but it must be reduced.

Another important matter is allowing the private sector to participate more in transportation by opening up the tracks for private sector rental. The most appropriate and efficient model that can be implemented quickly needs to be studied, as there are currently several private companies interested in renting the tracks. However, this needs to wait for the Rail Transport Act B.E.... to come into effect first, to serve as a legal tool for implementation. Whatever can be done will be done first, and it will be expedited because allowing anyone to use the tracks will definitely generate revenue for the SRT.

Mr. Ammarapala stated that regarding allowing the private sector to rent and share tracks with the SRT, he believes it will benefit the assets. Therefore, the SRT State Enterprise Labor Uni0n is unlikely to oppose it. He thinks that if he were a railway worker and someone suddenly took what they had and gave it to others to use, it wouldn't be acceptable. However, it is necessary to consider whether allowing it would create benefits and whether the uni0n would also benefit, along with the railway workers. He assured that if the private sector is allowed to rent the tracks, it will not be excessive to the point of causing damage to the railway.

Mr. Ammarapala mentioned the Lat Krabang Inland Container Depot (ICD), stating that based on his preliminary study of the data, it used to handle up to 2 million TEUs per year, but now it's only 1 million TEUs per year, resulting in lost revenue for the railway. This has led shippers to use trucks instead, causing traffic congestion on the roads. The new concession contract cannot yet be implemented due to obstacles, which he will look into to expedite resolution. The SRT itself has a plan to develop the ICD into a rail freight center, and if it proceeds as planned, it will lead to increased cargo volume at the ICD and generate more revenue for the railway.

In addition, efforts will be made to develop tourist trains more concretely, as they clearly contribute to increased revenue. The problem identified is the limited number of seats, which cannot meet passenger demand, leading to difficulties in booking tickets as they are always fully booked.

In the past, the railway network spanned 4,044 km, covering 47 provinces. The first phase of double-track railway investment involved 5 projects with a total distance of 500 km, increasing the double-track network to 1,243 km. Two new double-track railway projects are currently under construction, and one project in the second phase of double-track railway construction is being prepared for submission to the Cabinet for approval. These 6 projects, with a total distance of 1,483 km, will, upon completion, increase the double-track network to 3,404 km.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43880
Location: NECTEC

PostPosted: 23/09/2024 11:28 am    Post subject: Reply with quote

การรถไฟแห่งประเทศไทย อนุเคราะห์ ตู้รถไฟจำนวน 4 ตู้ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนหอวัง
https://www.facebook.com/HorwangOfficial/posts/1028522702401416
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 47077
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 01/10/2024 12:41 pm    Post subject: Reply with quote

บ.เซี่ยงไฮ้ไทยรับเบอร์ฯ เตรียมผุดโครงการสถานีขนถ่ายสินค้าระบบราง นำคณะ ลงพื้นที่สถานีรถไฟวังเย็น กาญจนบุรี
30 กันยายน 2567 16:45 น. สยามรัฐออนไลน์ ข่าวทั่วไทย

บ.เซี่ยงไฮ้ไทยรับเบอร์ฯ เตรียมผุดโครงการสถานีขนถ่ายสินค้าระบบราง นำคณะ ผู้บริหาร และ จนท.ลงพื้นที่สถานีรถไฟวังเย็น กาญจนบุรี เพื่อวางแผนก่อนเข้าพื้นที่ตรียมสร้างสถานีขนถ่ายสินค้าระบบราง (ขนส่งทางรถไฟ) ระหว่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 3567 นายยงยุทธ คงสวัสดิ์ กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บริษัท เซี่ยงไฮ้ไทยรับเบอรโปรดักส์ จำกัด นำคณะผู้บริหารโครงการสถานีขนถ่ายสินค้าระบบราง (รถไฟ)ระหว่างประเทศ สถานีวังเย็น ตำบลวังเย็น อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี และโครงการท่าเรือบกกาญจนบุรี(แหลมฉบัง-กาญจนบุรี-ทวาย) พร้อมด้วย นายภัทร์ติพงษ์ เหลืองทอง และนายวิทยา บุญยศ กรรมการบริหารบริษัท เซี่ยงไฮ้ไทยรับเบอร์โปรดักส์ จำกัด ได้ลงพื้นที่สถานีรถไฟวังเย็น ตำบลวังเย็น อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ตรวจสอบพื้นที่เพื่อเตรียมการก่อสร้างสถานีขนถ่ายสินค้าระบบทางราง

หลังจากการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ส่งหนังสืออนุมัติให้ใช้พื้นที่บริเวณสถานีรถไฟวังเย็นอย่างเป็นทางการแล้ว ในพื้นที่เกือบ 20 ไร่ โดยหลังจากนี้ประมาณก่อนสิ้นปี 2567 ทางบริษัท เซี่ยงไฮ้ไทยรับเบอร์โปรดักส์ จำกัด จะเริ่มมีการวางศิลาฤกษ์ ก่อนลงมือทำการก่อสร้างโครงการสถานีขนถ่ายสินค้าระบบทางราง รวมถึงการก่อสร้างสถานที่ของราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการขนถ่ายสินค้าจากในพื้นที่ก่อนออกไป และ สินค้าจากต่างแดนที่ผ่านเข้ามายังประเทศไทย

ซึ่งเมื่อโครงการเสร็จสิ้นสามารถขนถ่ายสินค้าได้เวลานี้มีหน่วยงานเอกชนตอบรับเข้ามาบ้างแล้วที่จะใช้พื้นที่ตรงจุดนี้เป็นสถานที่ขนถ่ายสินค้า และเมื่อโครงการเสร็จสิ้น โดยเฉพาะชาวกาญจนบุรี จะได้รับผลประโยชน์กับโครงการนี้อย่างมหาศาล รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนสามารถใช้เส้นทางในการขนส่งสินค้าได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ประหยัดทั้งเวลา ค่าขนส่ง ฯลฯ. โดยสถานที่ขนถ่ายสินค้าระบบทางราง สถานีบ้านวังเย็น จะเชื่อมต่อสินค้าออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น ประเทศลาว เมียนมา จีน เวียดนาม มาเลเซีย และประเทศสิงคโปร์

และภายใต้กรอบทิศทางการดำเนินงานสู่วิสัยทัศน์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย คนที่ 20 ได้ชู 6 วิสัยทัศน์ ขับเคลื่อนการรถไฟฯ ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางของภูมิภาค “เพิ่มโอกาส เพิ่มคุณค่า ลดภาระของรัฐ พัฒนาบุคลากร” จำนวน 6 ด้าน ได้แก่ 1. ดำเนินกิจการเพื่อเพิ่มรายได้ 2. พัฒนาการให้บริการ 3. การลดรายจ่าย 4. บริหารจัดการด้านบุคลากร 5. สนับสนุนประสานงานติดตาม และเร่งรัดโครงการ โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญตามนโยบายรัฐบาล และ 6. ดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม


Shanghai Thai Rubber Prepares to Launch Rail Cargo Terminal Project, Conducts Site Visit at Wang Yen Railway Station, Kanchanaburi

September 30, 2024, 16:45 - Siam Rath Online, Thailand News

Shanghai Thai Rubber Co., Ltd. is preparing to develop a rail cargo terminal project. A delegation of executives and officials visited Wang Yen Railway Station in Kanchanaburi to plan before entering the area to construct an international rail cargo transfer station.

Reporters state that on September 30, 2024, Mr. Yongyuth Kongsawat, authorized director of Shanghai Thai Rubber Products Co., Ltd., led a team of executives for the International Rail Cargo Terminal Project at Wang Yen Station, Wang Yen Subdistrict, Muang District, Kanchanaburi Province, and the Kanchanaburi Dry Port Project (Laem Chabang-Kanchanaburi-Dawei). Accompanied by Mr. Phatthiphong Luangthong and Mr. Witthaya Bunyot, executive directors of Shanghai Thai Rubber Products Co., Ltd., they inspected the site at Wang Yen Railway Station to prepare for the construction of the rail cargo terminal.

The State Railway of Thailand has officially approved the use of nearly 20 rai of land around Wang Yen Railway Station. Before the end of 2024, Shanghai Thai Rubber Products Co., Ltd. will hold a foundation stone laying ceremony before beginning construction of the rail cargo terminal project. This includes building various government facilities related to cargo transfer both incoming and outgoing.

Once completed, the project will facilitate cargo transfer. Some private sector organizations have already expressed interest in using this location for cargo transfer. When the project is finished, especially the people of Kanchanaburi will receive enormous benefits. Both public and private sectors will be able to use the route for more convenient cargo transportation, saving time and transport costs.

The Wang Yen Station rail cargo terminal will connect goods to various countries such as Laos, Myanmar, China, Vietnam, Malaysia, and Singapore. Under the operational framework towards the vision of the 20th Governor of the State Railway of Thailand, six visions have been highlighted to drive the railway towards becoming a regional rail transport hub: "Increase opportunities, add value, reduce state burden, develop personnel" in six areas:
1. Operate to increase revenue
2. Develop services
3. Reduce expenses
4. Personnel management
5. Support, coordinate, monitor, and expedite important infrastructure projects according to government policy
6. Implement environmental and social projects
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 47077
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 08/10/2024 10:03 am    Post subject: Reply with quote

ผู้ว่าฯ รฟท.ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและรับฟังความก้าวหน้าโครงการในเส้นทางสายอีสาน
Source - ผู้จัดการออนไลน์
Tuesday, October 08, 2024 09:42

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและรับฟังความก้าวหน้าการดำเนินงานต่างๆ รวมถึงปัญหาของผู้ปฏิบัติงานในเส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (กรุงเทพฯ นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย) พร้อมด้วย คณะผู้บริหารฯ โดยได้รับฟังการบรรยายแผนการดำเนินโครงการสำคัญต่าง ๆ ของการรถไฟฯ อาทิ โครงการรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง), โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพ - หนองคาย, โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ และโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงบ้านไผ่ - นครพนม / ขอนแก่น - หนองคาย

สำหรับภาพรวมโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ปัจจุบันมีความคืบหน้าโครงการ 36% ส่วนประเด็นสถานีอยุธยานัั้น ได้นำส่งรายงาน HIA ให้คณะอนุกรรมการมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อพิจารณาตามลำดับและขั้นตอนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ บริเวณอุโมงค์ผาเสด็จที่มีปัญหาฝุ่นควันนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานกับกรมควบคุมมลพิษ เพื่อตรวจวัดเกณฑ์มาตรฐาน คาดว่าจะเปิดให้บริการอีกครั้งช่วงปลาย พ.ย. 2567

นายวีริศ กล่าวด้วยว่า การเดินทางลงพื้นที่สถานีขอนแก่นครั้งนี้ ยังได้รับฟังบรรยายเกี่ยวกับระบบควบคุมการเดินรถจากศูนย์กลาง (Centralized traffic control หรือ CTC) ที่ตั้งอยู่ที่อาคารสถานีขอนแก่น ทำหน้าที่ควบคุมระบบอาณัติสัญญาณ ที่ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่สถานีชุมทางถนนจิระ ถึงสถานีขอนแก่น ซึ่งระบบนี้ ยังสามารถจัดตารางการเดินรถ (Time table) และ การเตรียมทางอัตโนมัติ (Automatic route setting) เพื่อทดแทนผังควบคุมการเดินรถแบบเดิมของการรถไฟฯ โดยปัจจุบันการรถไฟฯ มีระบบ CTC นี้ อยู่ที่อาคารศูนย์ควบคุมบางซื่อ และอาคารสถานีขอนแก่น ซึ่งในอนาคต จะมีการก่อสร้างเพิ่มเติมให้ครอบคลุมพื้นที่การเดินรถทั่วประเทศต่อไป

ขณะที่แผนการพัฒนาตลาดรถไฟขอนแก่น ได้รับฟังการบรรยายโครงการพัฒนาที่ดินเชิงธุรกิจบริเวณย่านสถานีรถไฟขอนแก่น ซึ่งมีเป้าหมายในการนำพื้นที่มาสร้างรายได้ให้กับองค์กร นอกจากนี้ ยังลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ย่านกองเก็บ สถานีหนองตะไก้ เป็นจุดสำคัญในการขนส่งสินค้าภายในประเทศของนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งในอนาคตจะเป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ตอนบน) ด้วย ทั้งนี้ การลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ จะนำทุกความคิดเห็นจากคนรถไฟมาปรับใช้ในการปฏิบัติงานร่วมกัน ตลอดจนดูแลด้านสวัสดิการต่าง ๆ ให้พนักงานการรถไฟฯ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค

ทั้งนี้ ยังมอบหมายให้ผู้บริหารช่วยกันวางแผนการใช้ประโยชน์จากโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ที่จะดำเนินการแล้วเสร็จในระยะเวลาอันใกล้นี้ ให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุด พร้อมทั้งขอบคุณและขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานที่ร่วมกันทำงานด้วยความมุ่งมั่น ตลอดจนดูแลความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ

“เราจะพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางของไทยให้เติบโตต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางในภูมิภาคอาเซียนให้ได้โดยเร็ว เพราะรถไฟ เป็นเส้นเลือดใหญ่ในการเดินทางคมนาคมที่สำคัญของพี่น้องประชาชน” นายวีริศ กล่าว


SRT Governor Inspects and Listens to Progress of Projects in the Northeast

Source - Manager Online
Tuesday, October 08, 2024 09:42


Mr. Veeris Ammarapala, Governor of the State Railway of Thailand (SRT), revealed that on October 7th, he visited and listened to the progress of various projects and challenges faced by operators in the northeastern region (Bangkok, Nakhon Ratchasima, Khon Kaen, Udon Thani, and Nong Khai), along with the SRT management team. He received briefings on the plans for various key SRT projects, such as:

* The Red Line Commuter Train Project
* The Thai-Chinese High-Speed Rail Project linking Bangkok to Nong Khai
* The Maeb Krabeau - Chum Tang Thanon Chira Double-Track Railway Project (Phase 1)
* The Ban Phai - Nakhon Phanom / Khon Kaen - Nong Khai Double-Track Railway Project (Phase 2)

**High-Speed Rail and Double-Track Updates**

Regarding the high-speed rail project, overall progress has reached 36%. Concerning the Ayutthaya station, the Heritage Impact Assessment (HIA) report has been submitted to the Cultural Heritage Subcommittee for consideration. It is currently being proposed to the National Committee on the World Heritage Convention.

For the Maeb Krabeau - Chum Tang Thanon Chira double-track project, the issue of dust and smoke at the Pha Sadet Tunnel is being addressed in coordination with the Pollution Control Department to assess compliance with standards. It is expected that this section will be operational by the end of November 2027.

**CTC System and Khon Kaen Railway Market Development**

Mr. Veeris also visited Khon Kaen Station and received a briefing on the Centralized Traffic Control (CTC) system. Located in the Khon Kaen Station building, this system controls the signaling system covering the area from Chum Tang Thanon Chira Station to Khon Kaen Station. The CTC system can also generate train schedules and perform automatic route setting, replacing the SRT's traditional train control system. Currently, the SRT has CTC systems at the Bang Sue Grand Station and Khon Kaen Station, with plans to expand coverage nationwide in the future.

In addition, Mr. Veeris listened to a presentation on the Khon Kaen Railway Market Development Plan, which aims to generate revenue for the organization by utilizing land for commercial purposes.

**Udon Thani Freight Hub and Gathering Feedback**

The visit also included a stop in Udon Thani province, specifically the Nong Takai Station yard, a crucial point for domestic freight transport for the Udon Thani Industrial Estate and surrounding areas. This location is poised to become a major freight hub in the upper northeastern region in the future.

Mr. Veeris emphasized that the feedback gathered during this trip will be used to improve operations and employee welfare, both at the central and regional levels, to boost morale.

**Maximizing Project Benefits and Looking Ahead**

He assigned management to formulate plans for maximizing the benefits of various projects, especially the Phase 1 double-track railway project, which is nearing completion. He also expressed gratitude and encouragement to the dedicated staff and emphasized the importance of ensuring passenger safety.

"We will continue to develop Thailand's rail industry to become a regional rail transport hub in ASEAN as quickly as possible. Railways are a vital transportation artery for our citizens," Mr. Veeris concluded.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 47077
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 09/10/2024 5:16 pm    Post subject: Reply with quote

ไทยจับมือ 'สปป.ลาว' เชื่อมขนส่งสินค้าทางรางอย่างไร้รอยต่อ
ไทยโพสต์ 9 ตุลาคม 2567 เวลา 16:30 น.

นายกฯ เยือนลาว เป็นประธานลงนามความร่วมมือขนส่งสินค้าทางรางอย่างไร้รอยต่อ คาดเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจได้กว่า 26 ล้านบาทต่อปี ตั้งเป้าปี68 จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 30 ล้านบาท หวังกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบขนส่งร่วมกันระหว่างสองประเทศ

9 ต.ค. 2567 -นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เป็นประธานในพิธีลงนาม “บันทึกการดำเนินการด้านเทคนิคสำหรับการขนส่งสินค้าทางรถไฟ” ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กระทรวงคมนาคม และรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว สปป.ลาว กระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบขนส่งร่วมกันระหว่างสองประเทศ เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมทางรางให้ไทยก้าวสู่ศูนย์กลางการขนส่งทางรางในภูมิภาคอาเซียน เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ณ สำนักงานนายกรัฐมนตรี เวียงจันทน์ สปป.ลาว

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบราง ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งหลักของประเทศ จึงมอบหมายให้ รฟท. เร่งดำเนินการผลักดันและพัฒนาการขนส่งทางราง โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าระหว่างไทย – ลาว – จีน ซึ่งเป็นเส้นทางที่สามารถเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมทางรางให้เกิดการเจริญเติบโตสู่ภูมิภาค ส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจ สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ

“รฟท. เเละรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว ได้บังคับใช้ความตกลงว่าด้วยการเดินรถไฟร่วมกันระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2551 ซึ่งการลงนามในครั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าทางรถไฟและการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างไทย – สปป.ลาว อาทิ เส้นทางขนส่ง จุดเข้า – ออกประเทศ การจัดขบวนรถและตารางเดินรถ กฎข้อบังคับเเละเอกสารการขนส่งสินค้า กฎข้อบังคับการเดินรถ การให้ความช่วยเหลือในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ การชำระบัญชี ซึ่งจะสามารถขนส่งสินค้าร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ”นายวีริศ กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันการขนส่งสินค้าจากประเทศไทย ไปยัง สปป.ลาว และ จีน มีหลากหลายชนิด อาทิ ข้าวมอลต์ ปุ๋ย อะไหล่รถยนต์ สินค้าอีคอมเมิร์ช สินค้าอุปโภคบริโภค และผลไม้ เฉลี่ยวันละ 4 – 6 ขบวน ไป/กลับ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร (ทุเรียน) และสินค้าที่มาจากแหลมฉบัง ผ่านสถานีนาทาฝั่งประเทศไทย ไปยังสถานีขนถ่ายสินค้าท่านาแล้ง สปป.ลาว เพื่อกระจายสินค้าไปยัง สปป. ลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น โดยในช่วงปี 2566 มีรายได้จากการขนส่งสินค้าระหว่างไทย – สปป.ลาว จำนวน 11,361,000 บาท และช่วงเดือนตุลาคม 2566 – สิงหาคม 2667 มีรายได้เพิ่มขึ้น จำนวน 26,749,500 บาท อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2568 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท“เชื่อมั่นว่า การลงนามในบันทึกความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่จะช่วยขยายโครงข่ายคมนาคมทางราง ยกระดับการขนส่งสินค้าทางรางทั้งสองประเทศ ก่อให้เกิดการเจริญเติบโตทางการค้าระหว่างประเทศที่สำคัญ ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางในภูมิภาคอาเซียนได้ตามนโยบายของรัฐบาล” นายวีริศ กล่าว


Thailand and Laos Join Hands for Seamless Rail Freight Transport

Thailand Post, October 9, 2024, 4:30 PM

Prime Minister Paetongtarn Shinawatra and Lao Prime Minister Sonexay Siphandone presided over the signing of a "Memorandum of Understanding on Technical Operations for Rail Freight Transport" between the State Railway of Thailand (SRT) and the Lao National Railway State Enterprise. This agreement aims to stimulate economic growth and strengthen the joint transportation system between the two countries, linking rail networks and positioning Thailand as a central rail transport hub in ASEAN. The signing ceremony took place on October 8, 2024, at the Prime Minister's Office in Vientiane, Laos.

Veeris Ammarapala, Governor of the State Railway of Thailand, revealed that the government prioritizes rail system development as a key infrastructure for the country's transportation. The SRT has been tasked with expediting the development of rail transport, particularly freight transport between Thailand, Laos, and China. This route has the potential to link rail networks, promote regional growth, stimulate the economy, and align with the country's logistics development strategy.

"The SRT and the Lao National Railway State Enterprise have enforced a joint railway operation agreement between the governments of the Kingdom of Thailand and the Lao People's Democratic Republic since March 30, 2008. This new memorandum aims to facilitate rail freight transport and services between Thailand and Laos," said Veeris. "It covers aspects like transport routes, border entry and exit points, train formations and schedules, freight regulations and documentation, operational regulations, accident assistance, and account settlements, all contributing to efficient joint freight transport."

Currently, various goods are transported from Thailand to Laos and China, including malt rice, fertilizers, auto parts, e-commerce products, consumer goods, and fruits. An average of 4-6 trains travel back and forth daily, particularly carrying agricultural products (durian) and goods from Laem Chabang. These goods pass through Nata station in Thailand to Thanaleng station in Laos for distribution within Laos and to China. This has generated increased revenue. In 2023, revenue from freight transport between Thailand and Laos amounted to 11,361,000 baht. Between October 2023 and August 2024, revenue increased to 26,749,500 baht. It is estimated that revenue will exceed 30 million baht in 2025.

"We are confident that this memorandum will be a significant turning point in expanding rail networks, enhancing rail freight transport in both countries, and driving international trade growth. This will enable Thailand to become a central rail transport hub in ASEAN, in line with the government's policy," Veeris stated.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43880
Location: NECTEC

PostPosted: 11/10/2024 12:22 pm    Post subject: Reply with quote

ยังไม่จบ! สคร.ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ รฟท.เร่งตรวจสอบ-ชี้แจง ปมถูกร้องการสรรหาฯ ผู้มีคุณสมบัติต้องห้าม
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันอังคาร ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2567 เวลา 06:48 น.
ปรับปรุง: วันอังคาร ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2567 เวลา 14:35 น.

KEY POINTS
• สคร. (คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง) ส่งหนังสือถึงผู้ว่าฯ รฟท. ให้ตรวจสอบกรณีการสรรหา คัดเลือก และเห็นชอบผู้ว่าฯ รฟท. ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการดำเนินการโดยมิชอบ
• ข้อกล่าวหาคือ ผู้สมัครบางรายมีคุณสมบัติต้องห้าม
• สคร. สั่งให้ผู้ว่าฯ รฟท. ชี้แจงกลับโดยเร็ว
• จุดที่น่าสนใจคือ สคร. สั่งให้ผู้ถูกร้องตรวจสอบตัวเอง ซึ่งดูแปลกประหลาด
สรุปเป็นข้อๆ:
1. สคร. ส่งหนังสือถึงผู้ว่าฯ รฟท. เรื่องตรวจสอบการสรรหา คัดเลือก ผู้ว่าฯ รฟท.
2. ข้อกล่าวหาคือมีการดำเนินการโดยมิชอบ และผู้สมัครบางรายมีคุณสมบัติต้องห้าม
3. สคร. สั่งให้ผู้ว่าฯ รฟท. ชี้แจงกลับโดยเร็ว
4. สคร. สั่งให้ผู้ถูกร้องตรวจสอบตัวเอง




ยังไม่จบ สคร.ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ รฟท.ให้ตรวจสอบกรณีปฏิบัติและดำเนินการโดยมิชอบ การสรรหา คัดเลือก และเห็นชอบผู้ว่าฯ รฟท. ปมถูกร้องเรียนผู้สมัครมีคุณสมบัติต้องห้าม และให้ชี้แจงกลับโดยเร็ว สุดงง สคร.สั่งให้ผู้ถูกร้องเรียนตรวจสอบตัวเอง ด้าน รฟท.ยังเงียบ

รายงานข่าวเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) โดยนายพลจักร นิ่มวัฒนา รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ได้มีหนังสือ ที่ กค 0817.1/ ล.1381 ถึงผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เรื่อง ขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติและดำเนินการโดยมิชอบของหน่วยงานรัฐ กรณีสรรหา คัดเลือก และเห็นชอบผู้สมัครผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย

ad

เนื่องด้วยนายอาคม อุปแก้ว (ผู้ร้อง) รองประธานเครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่งชาติ ได้มีหนังสือลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ถึงปลัดกระทรวงการคลัง ร้องเรียนและขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติและดำเนินการโดยมิชอบของหน่วยงานรัฐ กรณีสรรหา คัดเลือกและเห็นชอบผู้สมัครผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่มีคุณสมบัติต้องห้าม ซึ่งได้มีรายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) โดยได้รับมอบหมายจากกระทรวงการคลังขอเรียนว่า เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกระบวนการสรรหาผู้บริหารของ รฟท.ซึ่งเป็นการบริหารจัดการภายในโดยอยู่ภายใต้หน้าที่และอำนาจของ รฟท. ดังนั้น จึงขอให้ รฟท.พิจารณาดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ร้องทราบโดยตรง พร้อมทั้งแจ้งผลการพิจารณาให้ สคร.ทราบโดยเร็วต่อไปด้วย

ทั้งนี้ โปรดพิจารณาให้ความคุ้มครองผู้ร้อง ผู้ให้ข้อมูล และผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่าให้ต้องรับภัย หรือความไม่ชอบธรรมอันเนื่องมาจากการร้องเรียนครั้งนี้ด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจาก สคร.แล้ว เครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่งชาติ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย เพื่อขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ และดำเนินการโดยมิชอบของคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (การรถไฟฯ) และคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการการรถไฟฯ ในการดำเนินการสรรหาผู้ว่าฯ รฟท. มีปัญหาด้านคุณสมบัติที่ขัดกับประกาศ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายหลายฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.ว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.การรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม กรณีการสรรหาผู้ว่าฯรฟท.นั้น เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. ที่มีนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เป็นประธาน ได้เห็นชอบผลการสรรหาตามที่คณะกรรมการสรรหา ที่มีนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย เป็นประธานกรรมการสรรหาฯ เสนอชื่อ นายวีริศ อัมระปาล ซึ่งในขณะที่เข้ารับการสรรหา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ว่าเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ว่าฯ รฟท.คนใหม่ และผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 โดยบอร์ดรฟท.มีการลงนามสัญญาว่าจ้าง นายวีริศ อัมระปาล เป็นผู้ว่าฯ รฟท.คนที่ 20 ไปเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 และเริ่มทำงานทันที

รายงานข่าวระบุว่า ขณะนี้ผู้ว่าฯ รฟท.รับทราบหนังสือ สคร.แล้ว ซึ่งต้องติดตามกันต่อไป เพราะกรณีที่ สคร.ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ รฟท. ซึ่งปัจจุบันคือ นายวีริศ อัมระปาล ที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงกับข้อร้องเรียนให้เป็นผู้ตอบชี้แจง จะมีการดำเนินการอย่างไร รฟท.จะตอบกลับสคร.อย่างไร และเมื่อใด และจะมีผลกระทบต่อตำแหน่งผู้ว่าฯ รฟท.ในปัจจุบันหรือไม่
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 485, 486, 487, 488, 489  Next
Page 486 of 489

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©