ความจุทาง

[Wisarut]

ทางสายเหนือช่วง ชุมทางบ้านภาชี-ลพบุรี สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 212 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 212 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 35 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 14 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 14 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 63 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 149 แสดงว่าใช้ไป 29.7% - สมควรเดินรถชานเมืองเพิ่มได้แล้ว

ทางสายเหนือช่วง ลพบุรี-ปากน้ำโพ สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 80 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 198 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 28 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 14 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 14 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 56 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 24 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 70% => เร่งรัดการติดตั้ง E-Token เพื่อเปิดการเดินรถทางคู่ ภายในกุมภาพันธ์ 2568

ทางสายเหนือช่วง ปากน้ำโพ-เด่นชัย สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 64 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 180 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 16 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 2 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 8 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 26 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 38 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 40.6% => สมควรฟื้นฟูการเดินรถชานเมืองถึงบ้านหมี่ และ เดินรถสายสวรรคโลกไป พิษณุโลกและศิลาอาศน์

ทางสายเหนือช่วง เด่นชัย-เชียงใหม่ สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 47 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 130 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 12 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 2 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 8 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 22 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 25 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 46.8% => สมควรฟื้นฟูการเดินรถท้องถิ่นสาย ลำปาง - เชียงใหม่ และ พิษณุโลก - ลำปาง

ทางสายตะวันออกเฉียงเหนือช่วง อยุธยา-ชุมทางบ้านภาชี สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 511 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 511 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 67 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 12 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 6 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 85 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 426 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 16.6% => สมควรฟื้นฟูการเดินรถชานเมือง กะ รถท้องถิ่น และ เร่งขยายสายแดงไปถึงบ้านภาชีโดยเร็วที่สุด

ทางสายตะวันออกเฉียงเหนือช่วง ชุมทางบ้านภาชี-ชุมทางแก่งคอย สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 263 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 263 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 40 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 18 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 38 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 96 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 167 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 36.5% => สมควรฟื้นฟูการเดินรถชานเมือง กะ รถท้องถิ่น และ เร่งขยายสายแดงไปถึงแก่งคอยโดยเร็วที่สุด

ทางสายตะวันออกเฉียงเหนือช่วง ชุมทางแก่งคอย-ชุมทางจิระ สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 95 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 236 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 24 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 0 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 28 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 52 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 43 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 54.7% ตอนนี้ต้องเร่งเคลียร์ปัญหาการเวนคืนที่ดิน เพื่อให้section 1 และ section 3 เปิดเต็มที่ และ เร่งเคลียร์ EIA ใหม่ เพื่อเริ่ม สร้าง section 2 เสียที

ทางสายตะวันออกเฉียงเหนือช่วง ชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 84 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 116 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 14 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 2 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 25 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 41 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 43 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 48.8% => สมควรขยายการเดินรถท้องถิ่น นครราชสีมา - ฃุมทางบัวใหญ่ - ขอนแก่นให้เต็มความจุทาง

ทางสายตะวันออกเฉียงเหนือช่วง ขอนแก่น-หนองคาย สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 36 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 127 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 14 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 2 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 10 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 26 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 10 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 72.2% => สมควรเริ่มการก่อสร้างทางคู่เพื่อจะได้ขนสินค้าข้ามแดนไปฝั่งลาวเพิ่ม

ทางสายตะวันออกเฉียงเหนือช่วง ชุมทางถนนจิระ - อุบลราชธานี สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 58 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 164 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 26 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 0 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 10 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 36 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 22 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 62.1% => ให้เร่งฟื้นฟูการเดินรถสินค้าแบบประจำได้แล้ว

ทางสายใต้ช่วง นครปฐม-หัวหิน สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 67 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 182 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 38 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 2 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 10 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 50 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 17 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 74.6% => เร่งรัดการติดตั้ง ECTS-1 ให้สำเร็จโดยเร็ว ก่อนเพิ่มการเดินรถชานเมืองให้ไปถึงเพชรบุรี / หัวหิน และ พื้นฟูรถท้องถิ่นสาย เพชรบุรี - ชุมพรด้วย

ทางสายใต้ช่วง หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 72 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 192 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 28 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 2 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 8 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 38 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 34 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 52.8% => เร่งรัดการติดตั้ง ECTS-1 ให้สำเร็จโดยเร็ว ก่อนเพิ่มการเดินรถชานเมืองให้ไปถึงเพชรบุรี / หัวหิน และ พื้นฟูรถท้องถิ่นสาย เพชรบุรี - ชุมพรด้วย

ทางสายใต้ช่วง ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 59 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 158 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 26 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 2 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 8 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 36 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 23 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 61.0% => เร่งรัดการติดตั้ง ECTS-1 ให้สำเร็จโดยเร็ว ก่อนขยายการเดินรถที่หมดระยะประจวบคีรีขันธ์ไปชุมพร และ พื้นฟูรถท้องถิ่นสาย เพชรบุรี - ชุมพรด้วย

ทางสายใต้ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 63 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 168 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 26 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 2 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 10 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 38 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 25 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 60.3% เริ่มการก่อสร้างทางคู่ ชุมพร ไป สุราษฎร์ธานี

ทางสายใต้ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่ สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 51 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 130 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 30 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 6 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 10 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 46 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 5 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 90.2% เริ่มการก่อสร้างทางคู่ สุราษฎร์ธานี ไปหาดใหญ่และสงขลา

ทางสายใต้ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 36 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 92 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 8 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 4 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 2 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 14 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 22 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 38.9% จัดตั้งหน่วยดูแลรถดีเซลรางที่หาดใหญ่ เพิ่มการดินรถท้องถิ่น หาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ และ ปาดังเบซาร์ - สุไหงโกลก

ทางสายใต้ช่วงชุมทางหาดใหญ่-สุไหงโกลก สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 48 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 130 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 20 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 2 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 0 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 22 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 26 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 45.8% - เพิ่มการเดินรถสินค้าไปสุไหงโกลก

ทางสายตะวันออกช่วง หัวตะเข้-ชุมทางฉะเชิงเทรา สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 374 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 374 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 24 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 22 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ12 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 58 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 316 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 15.5% - เพิ่มการเดินรถสินค้า ICD ไปท่าเรือแหลมฉบัง และเร่งทำรถไฟฟ้าสายแดงไปฉะเชิงเทรา
ทางสายตะวันออกช่วง ชุมทางฉะเชิงเทรา-ศรีราชา สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 170 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 170 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 4 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 44 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ25 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 73 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 97 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 42.9% - เพิ่มรถโดยสารไปพัทยาให้มากกว่านี้ และุ ถ้าเร่งทำรถไฟฟ้าสายสีแดงไปพัทยาด้วยก็ดี

ทางสายตะวันออกช่วง ชุมทางฉะเชิงเทรา-แก่งคอย สถานะปัจจุบันมีความจุทาง 78 ขบวน ถ้าเป็นทางคู่มีความจุทาง 78 ขบวน
ขณะนี้ใช้ทำขบวนรถโดยสารเดินบนทาง 10 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินประจำ 20 ขบวน
ใช้ทำขบวนรถสินค้าเดินเมื่อต้องการ 29 ขบวน
ใช้ไปแล้ว 59 ขบวน
คงเหลือสุทธิ 19 ขบวน แสดงว่าใช้ไป 75.6% เพิ่มรถโดยสารไปอรัญประเทศอีกหน่อย และ รถโดยสาร นครราชสีมา ไป พัทยาด้วย ถ้าขยายสายแดงไปปราจีนบุรีด้วยก็ดี

[Wisarut]

จาก แผนปฏิบัติการการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าทางราง-ปี-66-70 ทำให้ทราบว่า:
2 ปัญหาความสามารถในกำรรับน้ำหนัก U20 ของสะพำนทางรถไฟ
การเดินรถไฟขนส่งสินค้าของประเทศไทยมีอัตราความเร็วของการเดินรถเฉลี่ยอยู่ที่ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีความสามารถในการรองรับได้ 20 ตัน/เพลา อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเดินรถผ่านบริเวณสะพานรถไฟ จะทำให้ความเร็วในการเดินรถลดลงเหลือ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเนื่องจากสะพานรถไฟมีความสามารถในการรองรับน้ำหนักได้ 16 ตัน/เพลา
ดังนั้นการปรับปรุงสะพานรถไฟจะสามารถช่วยเพิ่มความเร็วในการเดินรถให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 20 อย่างไรก็ตามการปรับปรุงสะพานรถไฟในแต่ละพื้นที่จำเป็นต้องพิจารณาถึงลำดับความสำคัญ ของโครงการโดยพิจารณาถึงความหนาแน่นของขบวนเดินรถในแต่ละเส้นทาง เพื่อให้การปรับปรุงสะพานสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของการขนส่งและการเดินรถ รฟท. มีแผนการปรับปรุงสะพานเดิมเพื่อให้รองรับน้ำหนักบรรทุกสินค้าเพิ่ม โดยเมื่อปรับปรุงแล้วเสร็จจะทำให้ความสามารถรองรับน้ำหนักได้20 ตัน/เพลา เช่นเดียวกับรางในเส้นทางประธานที่ได้ปรับปรุงให้รองรับน้ำหนักได้ 20 ตัน/เพลา
ดังนั้นรฟท. จึงได้วางแผนปรับปรุงทางรถไฟเดิม ให้สามารถรับน้ำหนัก U20 เปลี่ยนหมอน เปลี่ยนรางปรับปรุงสะพานเดิม และปรับปรุงระบบระบายน้ำ บริเวณทางวิ่งและสถานีรถไฟ เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะส่งผลให้ความเร็ววิ่งผ่านบริเวณสะพานจาก 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้การขนส่งสินค้ารองรับปริมาณขนส่งสินค้าต่อเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากเดิมขบวนละ 2,100 ตันเพิ่มขึ้นเป็น 2,500 ตัน โดยได้ข้อสรุปตามรายงานของ ขร. และ รฟท. เมื่อ 27 กันยายน 2565 ได้ความดั่งนี้:

1 สายตะวันออกเฉียงเหนือ
สระบุรี - นครราชสีมา - ขอนแก่น - หนองคาย
ปรับปรุงแล้วเสร็จ 8 แห่ง รอกำรปรับปรุง 0 แห่ง รวม 8 แห่ง

2 สายตะวันออก
กรุงเทพ - ฉะเชิงเทรา – แหลมฉบัง - มาบตาพุด
ปรับปรุงแล้วเสร็จ 16 แห่ง รอกำรปรับปรุง 0 แห่ง รวม 16 แห่ง

3 สายเหนือ
กรุงเทพ - นครสวรรค์ - ลำปาง - เชียงใหม่
ปรับปรุงแล้วเสร็จ 63 แห่ง รอกำรปรับปรุง 2 แห่ง รวม 65 แห่ง

4 สายใต้
กรุงเทพ - ประจวบ - ชุมพร - สุราษฎร์ธานี - สุไหงโกลก
ปรับปรุงแล้วเสร็จ 28 แห่ง รอกำรปรับปรุง 798 แห่ง รวม 826 แห่ง