RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:312102
ทั่วไป:13705114
ทั้งหมด:14017216
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
Goto page Previous  1, 2, 3 ... , 412, 413, 414  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 47679
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 17/01/2025 5:33 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
นายกฯ นำทีมกระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯลงพื้นที่ จ.นราธิวาสเร่งรัดติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่

Note:
1. ชุมพร-สุราษฎร์ธานี 168 กม. มูลค่า 24,294 ล้านบาท EIA เห็นชอบแล้วอยู่ระหว่างขออนุมัติโครงการรออนุมัติงบสำหรับโครงการและประมูลหาผู้รับเหมาโดยหวังว่าเริ่มโครงการปลายปี 2569 หวังว่าจะเสร็จปลายปี 2572
2. สุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา 321 กม. มูลค่า 57,375ล้านบาท EIA เห็นชอบแล้วอยู่ระหว่างขออนุมัติโครงการรออนุมัติงบสำหรับโครงการและประมูลหาผู้รับเหมาโดยหวังว่าเริ่มโครงการปลายปี 2569 หวังว่าจะเสร็จปลายปี 2573
3. ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 45 กม. มูลค่า 7,942 ล้านบาท EIA เห็นชอบแล้วอยู่ระหว่างขออนุมัติโครงการรออนุมัติงบสำหรับโครงการและประมูลหาผู้รับเหมาโดยหวังว่าเริ่มโครงการปลายปี 2569 หวังว่าจะเสร็จปลายปี 2573
4. ชุมทางหาดใหญ่-สุไหงโกลก 216 กม. มูลค่า 34,590 ล้านบาท ยังไม่เริ่มโครงการหวังว่าเริ่มโครงการปลายปี 2580 หวังว่าจะเสร็จปลายปี 2584 แต่ถ้าภาคใต้สงบอาจเริ่มโครงการปลายปี 2578 หวังว่าจะเสร็จปลายปี 2582
https://www.drt.go.th/wp-content/uploads/2025/01/Final-Report_R-MAP_.pdf?

"นายกฯ" ขออภัย "ชาวปัตตานี" ไม่ได้ไปพบ สภาพอากาศไม่เอื้อ สั่งเตรียมข้อมูลรถไฟทางคู่ภาคใต้ ถกครม.สัญจร สงขลา
Source - เว็บไซต์สยามรัฐ
Friday, January 17, 2025 13:43

วันที่ 17 ม.ค.2568 ที่ทําเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจําสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ม.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามวาระปกติ โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกําหนดการเดินทางไปประชุม World Economic Forum ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จึงมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม

ส่วนการประชุม ครม.สัญจร มีกำหนดการวันที่ 16-18 ก.พ. ที่จังหวัดสงขลา ได้มีการเตรียมการให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ไปดูข้อมูลต่างๆ เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ครม. เช่นเรื่องรถไฟรางคู่ ตั้งแต่จังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุมทางหาดใหญ่ สุไหงโกลก ปาดังเดซาร์ เข้าสู่ชายแดนมาเลเซีย นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการบริหารจัดการน้ำ กรณีน้ำท่วมน้ำแล้ง รวมถึงเรื่องของการศึกษา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทุกกระทรวง เตรียมข้อมูลเพื่อพิจารณาในที่ประชุม ครม.

นายจิรายุ กล่าวว่า ส่วนการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ นายกฯ ได้ของคุณพี่น้องจังหวัดนราธิวาสและยะลา และขออภัยชาวจังหวัดปัตตานี ที่ไม่ได้เดินทางไปทั้งที่มีกำหนดการ เนื่องจากทาง ศอ.บต. วิทยุการบิน รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แจ้งว่ามีฝนตกหนัก ส่วนที่จังหวัดยะลาและนราธิวาส มีฝนตกหนักเช่นกัน แต่นายกฯ ยืนยันว่าจะไม่ทิ้งกำหนดการเดิม จึงไปพบปะประชาชน เพราะฉะนั้น การประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดสงขลา ก็จะมีการพิจารณาในการพบปะประชาชนอีกครั้ง

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า ขอบคุณประชาชนในทุกจังหวัดภาคใต้ ไปแล้วก็อบอุ่น ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ คนมาเลเซียก็ข้ามมาเที่ยวที่สุไหงโกลก เบตง ยะลา ไม่ลดน้อยถอยลง


เปิดลายแทง”คมนาคม”ปี 68 กำงบกว่า 1.1 แสนล้าน ลุย 63 โครงการลงทุนเกิน 1,000 ล้านกระตุ้นเศรษฐกิจ
ผู้จัดการออนไลน์ 20 ม.ค. 2568 06:09

KEY POINTS
• ต้องจับตาการลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคม
• โครงการคมนาคมขนาดใหญ่จะเป็นตัวขับเคลื่อนการลงทุนของประเทศ


เดือนมกราคม 2568 ถือได้ว่าเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2568 กันแล้ว จึงต้องจับตาเรื่องการลงทุนต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคม เนื่องจากมีโปรเจ็กต์ก่อสร้างงานโครงการขนาดใหญ่ ที่จะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนการลงทุนของประเทศได้อย่างมาก ซึ่งหลายโครงการเริ่มขยับ ผ่านขั้นตอนการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เตรียมการประมูลคัดเลือกผู้รับเหมา แต่ก็ยังมีอีกหลายโครงการที่รอ ครม.อนุมัติ ซึ่ง”สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ”รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คงต้องออกแรงเข็นอย่างต่อเนื่อง

“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ”รัฐมนตรีว่าการฯคมนาคม และรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ นางมนพร เจริญศรีและนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ ได้จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “ขับเคลื่อนนโยบายคมนาคม เพื่อโอกาสประเทศไทย” ติวเข้ม…ทุกหน่วยงาน เพื่อวางแผน การขับเคลื่อนการดำเนินโครงการในปีงบประมาณ 2568 และการดำเนินงานโครงการใหม่ที่สำคัญในปี 2569 ให้เป็นรูปธรรม มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เพื่อส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัย ลดต้นทุนโลจิสติกส์ กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และยกระดับให้บริการระบบขนส่งสาธารณะและเป็นการสร้างโอกาสให้กับประเทศไทย

ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้วางแผนการดำเนินโครงการด้านคมนาคม ในปี 2568 จำนวนทั้งสิ้น 223 โครงการ วงเงินลงทุน 136,492.43 ล้านบาท เป็นโครงการต่อเนื่อง 107 โครงการ วงเงินลงทุน 53,622.78 ล้านบาท และโครงการใหม่ 116 โครงการ วงเงินลงทุน 82,869.65 ล้านบาท

@ขับเคลื่อน 63 โปรเจ็กต์งบเกิน 1,000 ล้านบาท

จากจำนวน 223 โครงการ หากดูเฉพาะโครงการที่มีงบลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาทขึ้นไป แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มโครงการใหม่ ที่จะเริ่มดำเนินการในปี 2568 มีจำนวน 29 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 893,735.91 ล้านบาท โดยจะเบิกจ่ายงบปี 2568 จำนวน 57,140.08 ล้านบาท และกลุ่มโครงการต่อเนื่อง จำนวน 34 โครงการ วงเงินรวม 1,794,574.65 ล้านบาท เบิกจ่ายงบปี 2568 จำนวน 53,673.06 ล้านบาท

รวมทั้งสิ้นจำนวน 63 โครงการ งบประมาณรวม 2,688,310.56 ล้านบาท โดยตั้งเบิกจ่ายงบปี 2568 จำนวน 110,813.14 ล้านบาท

“ถือเป็นเม็ดเงินก้อนใหญ่ ที่จะอัดเข้าสู่ระบบ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ไม่มากก็น้อย”

@คิกออฟ 29 โครงการใหม่ เบิกจ่ายปี 68 กว่า 5.7 หมื่นล้านบาท

ส่วนไฮไลต์ น่าจะอยู่โครงการใหม่จำนวน 29 โครงการ ที่จะเริ่มต้นในปี 2568 เพราะมีมูลค่าลงทุนรวมกว่า 1.1 แสนล้านบาท ซึ่งมีทั้ง ถนนแนวใหม่ และ มอเตอร์เวย์ ของกรมทางหลวง (ทล.) ทางด่วน ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) รถไฟทางคู่ ,ไฮสปีด,รถไฟสายสีแดง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ,ขยายสนามบินภูมิภาค ของกรมท่าอากาศยานยาน (ทย.)​และการจัดหารถโดยสารไฟฟ้า ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)

@ดันตอกเข็มทางด่วน 'Double Deck เปิดประมูล มอเตอร์เวย์ M9,ต่อขยายโทลล์เวย์

ซึ่งตามแผนงานกระทรวงคมนาคม แบ่งออกเป็น การขนส่งทางถนน จำนวน 10 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 203,027.65 ล้านบาท เบิกจ่ายในปี 2568 จำนวน 20,597.11 ล้านบาท โดยเป็น โครงการของกทพ. 2 โครงการ ได้แก่ ทางพิเศษ Double Deck เป็นการก่อสร้างทางด่วน 2 ชั้น ระยะทาง 17 กม. มูลค่าทั้งโครงการ 34,800 ล้านบาท เบิกจ่ายปี 68 จำนวน 7,250 ล้านบาท ดำเนินการตามขั้นตอน พ.ร.บ.การร่วมลงทุนฯ 2562 โดยเจรจากับ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ให้เป็นผู้ลงทุน

และ ทางพิเศษฉลองรัฐส่วนต่อขยาย (ช่วงจตุโชติ-ถนนลำลูกกา) ระยะทาง 16.21 กม. มูลค่าทั้งโครงการ 23,987.75 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่ายงบปี 68 จำนวน 2,131.32 ล้านบาท ลงนามสัญญากับ บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ หรือ ITD แล้ว อยู่ระหว่างนำร่าง พ.ร.ฎ.เวนคืนฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ ก่อสร้างปี 68-70 เปิดบริการปี 71

โครงการของกรมทางหลวง 8 โครงการ ได้แก่ ก่อสร้างสายพัฒนาคูน้ำ ริมถนนวิภาวดีรังสิต (ระยะที่ 3) มูลค่าทั้งโครงการ 2,610 ล้านบาท เบิกจ่ายงบปี 68 จำนวน 1,566 ล้านบาท , มอเตอร์เวย์ สาย M7 ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา ระยะทาง 1.920 กม. มูลค่า 3,092.90 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่ายงบปี 68 จำนวน 814.39 ล้านบาท

มอเตอร์เวย์ M5 สายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต -บางปะอิน (ส่วนต่อขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ ) ระยะทาง 22 กม. มูลค่า 31,358 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่ายงบปี 68 จำนวน 78 ล้านบาท
ครม.อนุมัติแล้วอยูอยู่ในขั้นตอนประมูลคัดเลือกให้เอกชนร่วมลงทุน ( PPP Gross Cost ) เปิดให้บริการปี 73

มอเตอร์เวย์ M9 สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯด้านตะวันตก ช่วงทางยกระดับบางขุนเทียน -บางบัวทอง ระยะทาง 35.85 กม. มูลค่า 56,035 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่ายงบปี 68 จำนวน 2,126.50 ล้านบาท ครม.อนุมัติแล้วอยูอยู่ในขั้นตอนประมูลคัดเลือกให้เอกชนร่วมลงทุน( PPP Net Cost) ครม.อนุมัติแล้วอยูอยู่ในขั้นตอนประมูลคัดเลือกให้เอกชนร่วมลงทุน

มอเตอร์เวย์ M9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯด้านตะวันตกช่วงบางบัวทอง-บางปะอินใน ส่วนของงานโยธา ระยะทาง 34.1 กม. มูลค่า 15,862 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่ายงบ ปี 68 จำนวน 967.4 ล้านบาท อยู่ระหว่างนำเสนอครม. เพื่อขออนุมัติโครงการกำหนดเปิดให้บริการปี 73

มอเตอร์เวย์ M9 เชื่อมวงแหวนตะวันตก-ตะวันออก มูลค่า 4,101 ล้านบาทตั้งเบิกจ่ายงบ ปี 68 จำนวน 250.50 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมี โครงการก่อสร้างทางแนวใหม่เชื่อมมอเตอร์เวย์ M6 -ทล. 32 มูลค่าทั้งโครงการ 5,495 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่ายงบ ปี 68 จำนวน 275 ล้านบาท อยู่ระหว่างนำเสนอครม. เพื่อขออนุมัติโครงการกำหนดเปิดให้บริการปี 72 และ โครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายทางยกระดับบนทล. 338 มูลค่าทางโครงการ 25,690 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่ายงบ ปี 68 จำนวน 5,138 ล้านบาท

ด้านขนส่งทางบก มี 1 โครงการ ของขสมก. คือการจัดหารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) จำนวน 1,520 คัน มูลค่า 15,355.60 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่ายงบ ปี 68 จำนวน 368.4 ล้านบาท อยู่ระหว่างจัดทำร่างขอบเขตของทีโออาร์ เพื่อนำเสนอครม. ขอความเห็นชอบและเข้าสู่กระบวนการประมูลในช่วงเดือนมี.ค. 68. กำหนดรับมอบรถ3 งวด โดยงวดแรก เดือนต.ค. 68 จำนวน 500 คัน งวด2 เดือน พ.ย. 68 จำนวน 500 คัน งวด3 เดือน ธ.ค. 68 จำนวน 520 คัน

ส่วนขนส่งทางอากาศ 1 โครงการ คือ ก่อสร้างต่อความยาวทางวิ่ง ขยายทางขับ ลานจอดเครื่องบิน พร้อมระบบไฟฟ้าสนามบินชุมพร มูลค่า1,500 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่ายปี ปี 68 จำนวน 300 ล้านบาท

@ลงทุน”รถไฟ-รถไฟฟ้า” 17 โครงการใหม่

สำหรับการขนส่งทางรางในปี 68 มีโครงการใหม่จำนวน 17 โครงการ วงเงินรวม 673,852 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่ายงบ ปี 68 จำนวน 35,874 ล้านบาท โดยมีรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของ รฟม. 3 โครงการคือ รถไฟฟ้าสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) มูลค่า 41,811.72 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่าย ปี 68 จำนวน 14.70 ล้านบาท , ระบบบขนส่งมวลชน จ.ภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-ห้ามแยกฉลอง มูลค่า 35,350.20 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่าย ปี 68 จำนวน 7.70 ล้านบาท อยู่ระหว่างทบทวนการออกแบบหารือแนวทางและรูปแบบการดำเนินโครงการค่ายเปิดให้บริการเดือนธ.ค. ปี 74

และ ระบบขนส่งมวลชนจ.เชียงใหม่ สายสีแดง ช่วงโรงพยาบาลนครพิงค์- แยกแม่เหียะสมานสามัคคี มูลค่า 31,122.63 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่าย งบปี 68 จำนวน 60 ล้านบาท เปิดให้บริการเดือนพ.ค.ปี75

@เทกระจาดประมูลทางคู่เฟส 2 กว่า 3 แสนล้านบาท

ด้านรฟท. ถือว่ามีการลงทุนมากที่สุด โดยมีรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ช่วง รังสิต-มธ.ธรรมศาสตร์ มูลค่า 6,473 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่าย งบปี 68 จำนวน 179 ล้านบาท และสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช-ศาลายา มูลค่า 15,176 ล้านบาท ครม.เห็นชอบแล้วเตรียมขั้นตอนประมูลก่อสร้าง

ส่วนรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 7 เส้นทาง ประมูลไปแล้ว 1 เส้นทางคือ ขอนแก่น-หนองคาย มูลค่า 29,748 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่าย งบปี 68 จำนวน 6,267.87 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ อีก 6 เส้นทางได้แก่ ช่วง ชุมทางถนนจิระ-อุบล มูลค่า 44,095.36 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่าย งบปี 68 จำนวน 4,482.17 ล้านบาท, ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย มูลค่า 81,143.24 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่าย งบปี 68 จำนวน 7,967.47 ล้านบาท ,ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ มูลค่า 7,77290 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่าย งบปี 68 จำนวน 887.09 ล้านบาท, ช่วง ชุมพร-สุราษฏร์ธานี มูลค่า 30,422.53 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่าย งบปี 68 จำนวน 2,937.67 ล้านบาท, ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา มูลค่า 66,270.51 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่าย งบปี 68 จำนวน 6,513.16 ล้านบาท , ช่วงคู่เด่นชัย-เชียงใหม่ มูลค่า 68,222.14 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่าย งบปี 68 จำนวน 6,404.37 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีการจัดหารถสินค้าบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ (บทต.) พร้อมอะไหล่ จำนวน 946 คัน มูลค่า 2,460 ล้านบาท อยู่ระหว่างเสนอครม. เพื่อดำเนินการจะซื้อจะจ้างโดยคาดว่าจะได้รับมอบรถในปี 71 และโครงการ ออกแบบผลิตรถไฟต้นแบบโดยเทคโนโลยีต่างประเทศ มูลค่า 2,270.40 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่าย งบปี 68 จำนวน 113 ล้านบาท

และมีรถไฟสายใหม่ เชื่อม 2 สนามบินฝั่งอันดามัน MR 9 ช่วงท่านุ่น -ท่าอากาศยานภูเก็ต มูลค่า 14,712 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่าย งบปี 68 จำนวน 17.67 ล้านบาท ,รถไฟสายใหม่ เชื่อม 2 สนามบินฝั่งอันดามัน MR9 ช่วง ทับปุด-กระบี่ มูลค่า 17,201 ล้านบาท ตั้งเบิกจ่ายงบปี 68 จำนวน 22.70 ล้านบาท

@สภาพัฒน์ ติง ทางคู่เฟส2 ลงทุนเยอะ แต่ใช้ไม่คุ้มค่า

การลงทุนรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเสนอสภาพัฒน์ฯ​พิจารณา ก่อนเสนอครม. ซึ่งคณะอนุกรรมการสภาพัฒน์ฯมีข้อคิดเห็นหลายประเด็น ทั้ง ความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการระยะแรก ที่พบว่า ทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-ชุมพร ล่าช้าถึง 5 ปี ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ ยังอยู่ระหว่างปรับแบบ ประเมินความ ล่าช้าถึง 8 ปี อีกทั้งและช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ พบล่าช้า 4 ปี

ส่วนการใช้ประโยชน์ทางคู่ ยังไม่เต็มประสิทธิภาพ โดย ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ใช้งานเพียง 48.8% ช่วงชุมทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ใช้งานที่ 75.6% เท่านั้น เนื่องจากมีข้อจำกัดที่ยังไม่จูงใจให้เอกชนเปลี่ยนมาขนส่งทางราง

“ดังนั้น คมนาคมและรฟท.ควรพิจารณาปรับกรอบแนวคิดการพัฒนาทางคู่ที่ใช้ Infrastrcture-Led Development เป็น Market-Leg Development และพิจารณาการจัดหารถจักรและล้อเลื่อน บริหารCY และถึงมีแผนการซ่อมบำรุง รวมไปถึงแผนด้านการตลาด เพื่อให้การลงทุนมีความคุ้มค่าและใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานเต็มประสิทธิภาพ”

“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ”ยอมรับ การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ มีผลต่อภาระงบประมาณ ซึ่งได้ให้หน่วยงาน จัดเรียงลำดับความสำคัญโครงการที่จำเป็นและช่วยเพิ่มขีดความสามารถการขนส่ง ลดต้นทุนโลจิสติกส์ และเพิ่มความสะดวกปลอดภัยในการเดินทาง

ส่วนรถไฟทางคู่เฟส 2 ขณะนี้ขั้นตอนรอเสนอบอร์ดสภาพัฒน์ ซึ่งกรมขนส่งทางราง ได้อธิบายต่อสภาพัฒน์ฯแล้ว ส่วนตัวได้พูดคุยกับทางเลขาฯสภาพัฒน์แล้ว คาดว่าจะได้รับการอนุมัติและเสนอครม.เร็วนี้ ส่วนการจัดกลุ่มประมูลให้รฟท.พิจารณา

“รถไฟทางคู่ มีความจำเป็น เพราะทางเดี่ยว รถเสียเวลาจอดรถหลีกส่วนเมื่อสร้างทางคู่เสร็จแล้ว เพื่อใช้รางได้คุ้มค่าต้องให้เอกชนเข้ามาร่วมเดินรถ โดยมี พ.ร.บ.ขนส่งทางราง เป็นเครื่องมือ”

หลังจากนี้ คงต้องติดตามว่า สารพัดโปรเจ็กต์คมนาคม”ครม. อิ๊งค์”จะกดปุ่มเดินหน้าในปีนี้ ได้ตามเป้าหรือไม่!!!
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 47679
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 21/01/2025 7:44 am    Post subject: Reply with quote

คอลัมน์ Big Data Analysis: 'ต้นทุนขนส่งไทย' ปี 68 ลดลงเป็นปีที่ 2
Source - กรุงเทพธุรกิจ
Tuesday, January 21, 2025 04:04

สถานการณ์ "ต้นทุนโลจิสติกส์" ต่อ"จีดีพีไทย" ปี 2566 จากการเปิดเผยของ สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) ชี้ว่า "ไทย" มีต้นทุนค่าขนส่งต่อจีดีพีปรับเพิ่มขึ้นเป็น 14.1% ขยับตัวขึ้นต่อเนื่องจากที่สูงอยู่แล้วในปี 2565 ที่ระดับ 14.0%

ดังนั้น ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินสัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ต่อจีดีพีปี 2567 เหลือ 13.6% จากระยะทางของรถไฟทางคู่ที่เพิ่มขึ้น 18.5% ส่งผลให้ทิศทางการเปลี่ยนโหมดขนส่งจากรถสู่รางซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าเกือบ 3 เท่า มีความชัดเจนขึ้น

ทั้งนี้ คาดปี 2568 ต้นทุนโลจิสติกส์ต่อจีดีพีไทยมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันแตะระดับ 12.8% ตามแผนพัฒนารถไฟทางคู่และรถไฟสายใหม่ แนะเร่งเพิ่มประสิทธิภาพด้านการขนส่ง พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ต่อจีดีพีในอัตราเร่ง

อย่างไรก็ตาม ผลสัมฤทธิ์ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐเริ่มแสดงให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นจากการพัฒนาระบบการขนส่งทางราง ส่งผลให้สัดส่วนปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2.21% ในปี 2566 จากที่เคยอยู่ระดับ 1.68% ในปี 2562

ที่มา: นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 21 ม.ค. 2568

## Big Data Analysis Column: Thai Transportation Costs to Decrease for the Second Consecutive Year in 2025

Source - Krungthep Thurakij
Tuesday, January 21, 2025 04:04

The National Economic and Social Development Council (NESDC) has revealed that Thailand's logistics costs relative to GDP rose to 14.1% in 2023, continuing an upward trend from the already high level of 14.0% in 2022.

However, ttb analytics estimates that the logistics cost to GDP ratio will decrease to 13.6% in 2024 due to an 18.5% increase in double-track railway distance. This shift towards rail transport, which is almost three times cheaper than road transport, is becoming increasingly clear.

It is expected that in 2025, Thailand's logistics costs to GDP will continue to decline for the second consecutive year, reaching 12.8%. This is in line with the plan to develop double-track railways and new railway lines. The report recommends accelerating transportation efficiency, developing infrastructure to support multimodal transport, and adding value to goods to accelerate the reduction of logistics costs relative to GDP.

The success of government infrastructure investments is becoming more evident with the development of the rail transport system. This has resulted in an increase in the proportion of rail freight transport to 2.21% in 2023, up from 1.68% in 2022.

**Source: Krungthep Thurakij Newspaper, 21 January 2025**
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 47679
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 21/01/2025 1:29 pm    Post subject: Reply with quote

ครม.เพิ่มเงินเวนคืนที่ดินรถไฟทางคู่ มาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ เป็น 29,763.57 ล้าน
Source - เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ
Tuesday, January 21, 2025 13:04

ครม.อนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติม เวนคืนที่ดิน-อสังหาฯ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ เป็น 29,763.57 ล้านบาท เพิ่มจากเดิม อีก 314 ล้าน

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.มีมติอนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ ดังนี้ 1. อนุมัติปรับกรอบวงเงินรวมของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ (โครงการฯ) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็น 29,763.57 ล้านบาท

และ 2. เห็นชอบให้ รฟท. ดำเนินการด้วยวิธีปรองดอง จำนวน 197.37 ล้านบาท ตามนัยมาตรา 39 (5) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 เพื่อใช้ในการจ่ายเงินค่าทดแทนพื้นที่เวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในโครงการฯ สัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา - คลองขนานจิตร และสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟ ต่อไป

สาระสำคัญของเรื่อง 1.เดิมคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559 อนุมัติในหลักการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ (โครงการฯ) ในกรอบวงเงิน 29,449.31 ล้านบาท ประกอบด้วย (1) ค่าเวนคืนที่ดิน วงเงิน 56 ล้านบาท (2) ค่าก่อสร้าง วงเงิน 28,598.86 ล้านบาท และ (3) ค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการประกวดราคาและควบคุมงาน วงเงิน 794.45 ล้านบาท

และต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายการค่าก่อสร้างและค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อบริหารโครงการและควบคุมงานก่อสร้างของโครงการฯ และอนุมัติรายการค่าจ้างที่ปรึกษาเพิ่มเติมอีก 2 รายการ ได้แก่ ค่าจ้างที่ปรึกษาทบทวน จัดทำเอกสารประกวดราคา และดำเนินการประกวดราคาโดยวิธีการประกวดราคานานาชาติ (International Bidding) และค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อปรับแบบรายละเอียด อำเภอสีคิ้วและตัวเมืองนครราชสีมา ส่งผลให้กรอบวงเงินรวมของโครงการฯ เพิ่มเป็น 31,129.22 ล้านบาท ทั้งนี้ ในส่วนของค่าเวนคืนที่ดินยังคงมีกรอบวงเงิน 56 ล้านบาท คงเดิม

2. เมื่อเริ่มดำเนินโครงการฯ รฟท. จะต้องดำเนินการเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เพื่อก่อสร้างทางและสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงขั้นตอนการกำหนดเงินค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนพบว่า ค่าทดแทนดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่ากรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบไว้

เนื่องจากที่ดินมีมูลค่าสูงขึ้นประกอบกับมีพื้นที่บางส่วนที่ตกสำรวจและไม่ได้มีการประมาณราคาค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้างและต้นไม้ไว้ในขั้นตอนขออนุมัติกรอบวงเงินของโครงการฯ ส่งผลให้กรอบวงเงินค่าเวนคืนที่ดินเพิ่มขึ้น โดยที่ในส่วนของสัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร - ชุมทางถนนจิระ ยังมีความไม่ชัดเจนในการปรับแบบก่อสร้างเนื่องจากข้อร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่

ดังนั้น เพื่อไม่ให้โครงการฯ เกิดความล่าช้า และ รฟท. สามารถส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับจ้างได้โดยเร็ว กระทรวงคมนาคม (คค.) จึงขอเสนอปรับเพิ่มกรอบวงเงินเฉพาะในส่วนของค่าเวนคืนที่ดินของสัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา - คลองขนานจิตร และสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟอีกจำนวน 197.37 ล้านบาท ส่งผลให้กรอบวงเงินค่าเวนคืนของโครงการฯ เพิ่มขึ้นจากเติม 56 ล้านบาท เป็น 253.37 ล้านบาท ทั้งนี้ ในส่วนของสัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร - ชุมทางถนนจิระ คค. จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายหลังต่อไป

3. ที่ผ่านมา รฟท. ได้ลงนามตามสัญญาค่าก่อสร้างเพื่อดำเนินโครงการฯ ไปแล้วบางส่วน ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำหรับเวนคืนที่ดินมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้วงเงินรวมโครงการฯ ในปัจจุบันแตกต่างไปจากที่คณะรัฐมนตรีได้เคยให้ความเห็นชอบไว้เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559 และเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 ดังนั้น คค. จึงขอปรับกรอบวงเงินรวมของโครงการฯ ให้มีความเป็นปัจจุบันและสอดคล้องกับข้อเท็จจริงสรุปได้ ดังนี้

4.กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วเห็นชอบ/ไม่ขัดข้อง


## Cabinet Increases Land Expropriation Budget for Mab Kabae - Chum Tang Thanon Jira Double-Track Railway to 29,763.57 Million Baht

**Source - Prachachat Business Website**
**Tuesday, January 21, 2025 13:04**

The Cabinet has approved an additional budget for land and property expropriation for the Mab Kabae - Chum Tang Thanon Jira double-track railway construction project, increasing it to 29,763.57 million baht, an increase of 314 million baht from the original budget.

Mr. Karam Phonphongklang, Deputy Spokesperson for the Prime Minister's Office, revealed that the Cabinet has approved the following proposals from the Ministry of Transport:

1. **Approval of the adjusted total budget** for the Mab Kabae - Chum Tang Thanon Jira double-track railway construction project of the State Railway of Thailand (SRT) to 29,763.57 million baht.

2. **Approval for SRT to proceed with amicable acquisition** worth 197.37 million baht, according to Section 39 (5) of the State Railway of Thailand Act, B.E. 2494. This will be used to pay compensation for expropriated land and properties within Contract 1 (Mab Kabae - Khlong Khanan Chit section) and Contract 3 (Railway Tunnel) of the project.

**Key details:**

1. **Previous approval:** The Cabinet initially approved the project on September 27, 2016, with a budget of 29,449.31 million baht, comprising:
* Land expropriation: 56 million baht
* Construction costs: 28,598.86 million baht
* Consultant fees for bidding and supervision: 794.45 million baht

On December 19, 2017, the Cabinet approved changes to construction costs and consultant fees for project management and construction supervision. They also approved two additional consultant fees: one for reviewing, preparing bidding documents, and conducting international bidding; and another for adjusting detailed designs in Sikhiu District and Nakhon Ratchasima city. This increased the total project budget to 31,129.22 million baht, but the land expropriation budget remained at 56 million baht.

2. **Land expropriation challenges:** During project implementation, SRT needed to expropriate land and properties for railway construction. However, the actual compensation costs exceeded the approved budget due to increased land value, some areas being overlooked during the initial survey, and the omission of compensation estimates for buildings and trees in the initial budget request. This led to an increase in the land expropriation budget. Additionally, there is uncertainty regarding design adjustments for Contract 2 (Khlong Khanan Chit - Chum Tang Thanon Jira section) due to complaints from local residents.

To avoid project delays and ensure timely land delivery to contractors, the Ministry of Transport proposed increasing the land expropriation budget for Contract 1 and Contract 3 by 197.37 million baht. This brings the total expropriation budget from 56 million baht to 253.37 million baht. The budget for Contract 2 will be proposed to the Cabinet later.

3. **Budget adjustments:** SRT has already signed some construction contracts, and the increased land expropriation costs have changed the total project budget from the initial approvals in 2016 and 2017. Therefore, the Ministry of Transport has adjusted the total project budget to reflect the current situation and facts.

4. **Approval from relevant agencies:** The Ministry of Finance, Ministry of Natural Resources and Environment, Bureau of the Budget, Office of the National Economic and Social Development Council, and the Council of State have reviewed and approved/have no objections to the proposal.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 47679
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 22/01/2025 4:59 am    Post subject: Reply with quote

โครงการรถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ มีความคืบหน้าดังนี้:

## ภาพรวมโครงการ

- ระยะทางรวม 148 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 2.15 หมื่นล้านบาท[6]
- แบ่งเป็น 3 สัญญาก่อสร้าง
- เริ่มก่อสร้างตั้งแต่กลางปี 2561 ใช้เวลาก่อสร้างมาแล้ว 6 ปี[6]
- ความคืบหน้าภาพรวมล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 91.3% ล่าช้ากว่าแผนงานประมาณ 7.9%[6]

## ความคืบหน้าแต่ละสัญญา

**สัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกระเทียม**
- ระยะทาง 29 กม. (ทางยกระดับ 19 กม. ระดับพื้น 10 กม.)
- ความคืบหน้า 94.97% ล่าช้ากว่าแผน 4.71%[8]
- ก่อสร้างสถานีใหม่ 1 แห่ง คือ สถานีลพบุรี 2[6]

**สัญญาที่ 2 ช่วงท่าแค-ปากน้ำโพ**
- ระยะทาง 116 กม. เป็นโครงสร้างระดับพื้นทั้งหมด
- ความคืบหน้า 88.56% ล่าช้ากว่าแผน 10.49%[6]
- ก่อสร้างสถานีใหม่ 6 สถานี ทดแทนสถานีเดิม 11 สถานี[6]

**สัญญาที่ 3 งานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม**
- ความคืบหน้า 45.81% ล่าช้า 54.19%[6]

## กำหนดการแล้วเสร็จ

- คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จตามกำหนดสัญญาในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. 2567[6]
- วางแผนเปิดบริการรถไฟทางคู่ได้ตลอดทั้งเส้นทางภายในปลายปี 2567[6]
- การเปิดบริการเต็มระบบโดยใช้ระบบอาณัติสัญญาณใหม่คาดว่าจะเป็นปลายปี 2568 ไม่เกินต้นปี 2569[6]

## ไฮไลท์ของโครงการ

- ทางรถไฟยกระดับยาวที่สุดในไทย 19 กม. สูง 10-20 เมตร[6]
- สถานีลพบุรี 2 เป็นสถานียกระดับรองรับรถไฟทางไกลและรถสินค้า[6]
- สถานีลพบุรีเดิมยังเปิดบริการสำหรับรถไฟชานเมืองและรถไฟท้องถิ่น[6]

โครงการนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางและขนส่งสินค้าระหว่างภาคกลางและภาคเหนือ รวมถึงสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางด้วยรถไฟยกระดับที่ยาวที่สุดในประเทศไทย

Citations:
[1] https://www.youtube.com/watch?v=T4KyerJ98Wc
[2] https://www.railway.co.th/RailwayMiddleFile/NewsAndActImg/6414/132997326553250108_SRT_3_65%20lo.pdf
[3] https://www.drt.go.th/media/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87
[4] https://mgronline.com/business/detail/9670000119132
[5] https://www.ryt9.com/s/iq03/3391316
[6] https://www.dailynews.co.th/articles/3746344/
[7] https://www.facebook.com/ProgressiveThailand/posts/%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88-%E0%B8%A5%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5-%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%82%E0%B8%9E-%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A/1000740192076887/
[8] https://www.facebook.com/lopburipaknampho/
[9] https://www.drt.go.th/public-relations/%E0%B8%82%E0%B8%A3-%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87
[10] https://www.nakhonsawan.go.th/joomla/index.php?option=com_content&view=article&id=7503%3A2566-4&catid=26&Itemid=217
[11] https://www.thansettakij.com/business/economy/554909
[12] https://www.facebook.com/permalink.php/?story_fbid=836470061991516&id=100068855904744&locale=th_TH
[13] https://www.youtube.com/watch?v=jSXfLzf3xYY
[14] https://www.youtube.com/watch?v=cbq-w5VyEss
[15] https://www.dailynews.co.th/news/3278597/



ครม.เพิ่มวงเงินทางคู่"มาบกะเบา-จิระ"เป็น2.97หมื่นล.
Source - ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
Wednesday, January 22, 2025 03:39

หลังรฟท.ขอปรับค่าเวนคืนเพิ่มอีก56ล้าน

ผู้จัดการรายวัน360 - ครม.อนุมัติกรอบวงเงินรวมโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระเป็น 29,763.57 ล้านบาท และเพิ่มเติมสำหรับงานเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ อีก 56 ล้านบาททำให้ค่าเวนคืนเพิ่มเป็น 253.37 ล้านบาท

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 ม.ค.68 มีมติอนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอปรับกรอบวงเงินรวมของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ (โครงการฯ) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็น 29,763.57 ล้านบาท และเห็นชอบให้ รฟท. ดำเนินการด้วยวิธีปรองดอง จำนวน 197.37 ล้านบาท ตามนัยมาตรา 39 (5) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 เพื่อใช้ในการจ่ายเงินค่าทดแทนพื้นที่เวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในโครงการฯ สัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตร และสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟ ต่อไป

ทั้งนี้ เดิมคณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559 อนุมัติในหลักการให้ รฟท. ดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ (โครงการฯ) ในกรอบวงเงิน 29,449.31 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. ค่าเวนคืนที่ดิน วงเงิน 56 ล้านบาท 2. ค่าก่อสร้าง วงเงิน 28,598.86 ล้านบาท และ 3. ค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการประกวดราคาและควบคุมงาน วงเงิน 794.45 ล้านบาท และต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายการค่าก่อสร้างและค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อบริหารโครงการและควบคุมงานก่อสร้างของโครงการฯ และอนุมัติรายการค่าจ้างที่ปรึกษาเพิ่มเติมอีก 2 รายการ ได้แก่ ค่าจ้างที่ปรึกษาทบทวน จัดทำเอกสารประกวดราคา และดำเนินการประกวดราคาโดยวิธีการประกวดราคานานาชาติ (International Bidding) และค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อปรับแบบรายละเอียด อำเภอสีคิ้วและตัวเมืองนครราชสีมา ส่งผลให้กรอบวงเงินรวมของโครงการฯ เพิ่มเป็น 31,129.22 ล้านบาท ทั้งนี้ ในส่วนของค่าเวนคืนที่ดินยังคงมีกรอบวงเงิน 56 ล้านบาท คงเดิม

เมื่อเริ่มดำเนินโครงการฯ รฟท. จะต้องดำเนินการเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เพื่อก่อสร้างทางและสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงขั้นตอนการกำหนดเงินค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนพบว่า ค่าทดแทนดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่ากรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบไว้ เนื่องจากที่ดินมีมูลค่าสูงขึ้นประกอบกับมีพื้นที่บางส่วนที่ตกสำรวจและไม่ได้มีการประมาณราคาค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้างและต้นไม้ไว้ในขั้นตอน ขออนุมัติกรอบวงเงินของโครงการฯ ส่งผลให้กรอบวงเงินค่าเวนคืนที่ดินเพิ่มขึ้น โดยที่ในส่วนของสัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ ยังมีความไม่ชัดเจนในการปรับแบบก่อสร้างเนื่องจากข้อร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ ดังนั้น เพื่อไม่ให้โครงการฯ เกิดความล่าช้า และ รฟท. สามารถส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับจ้างได้โดยเร็ว กระทรวงคมนาคม จึงขอเสนอปรับเพิ่มกรอบวงเงินเฉพาะในส่วนของค่าเวนคืนที่ดินของสัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบาคลองขนานจิตร และสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟอีกจำนวน 197.37 ล้านบาท ส่งผลให้กรอบวงเงินค่าเวนคืนของโครงการฯ เพิ่มขึ้นจากเติม 56 ล้านบาท เป็น 253.37 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในส่วนของสัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายหลังต่อไป

ที่ผ่านมา รฟท. ได้ลงนามตามสัญญาค่าก่อสร้างเพื่อดำเนินโครงการฯ ไปแล้วบางส่วน ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำหรับเวนคืนที่ดินมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้วงเงินรวมโครงการฯ ในปัจจุบันแตกต่างไปจากที่คณะรัฐมนตรีได้เคยให้ความเห็นชอบไว้เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559 และเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงขอปรับกรอบวงเงินรวมของโครงการฯ ให้มีความเป็นปัจจุบันและสอดคล้องกับข้อเท็จจริง.

ที่มา: นสพ.ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 22 ม.ค. 2568

ครม. ไฟเขียวเพิ่มงบเวนคืนที่ดินรถไฟทางคู่ มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ
ข่าวทั่วไป 21 ม.ค. 68 17:13น.

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติและเห็นชอบปรับกรอบวงเงินรวมของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ (โครงการฯ) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็น 29,763.57 ล้านบาท จากกรอบวงเงินเดิม 29,449.31 ล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่อเริ่มดำเนินโครงการฯ รฟท. จะต้องดำเนินการเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เพื่อก่อสร้างทางและสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงขั้นตอนการกำหนดเงินค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนพบว่า ค่าทดแทนดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่ากรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบไว้ เนื่องจากที่ดินมีมูลค่าสูงขึ้นประกอบกับมีพื้นที่บางส่วนที่ตกสำรวจและไม่ได้มีการประมาณราคาค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้างและต้นไม้ไว้ในขั้นตอนขออนุมัติกรอบวงเงินของโครงการฯ ส่งผลให้กรอบวงเงินค่าเวนคืนที่ดินเพิ่มขึ้น

ดังนั้น เพื่อไม่ให้โครงการฯ เกิดความล่าช้า และ รฟท. สามารถส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับจ้างได้โดยเร็ว กระทรวงคมนาคม จึงขอเสนอปรับเพิ่มกรอบวงเงินเฉพาะในส่วนของค่าเวนคืนที่ดินของสัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา – คลองขนานจิตร และสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟอีกจำนวน 197.37 ล้านบาท ส่งผลให้กรอบวงเงินค่าเวนคืนของโครงการฯ เพิ่มขึ้นจากเติม 56 ล้านบาท เป็น 253.37 ล้านบาท ทั้งนี้ ในส่วนของสัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร – ชุมทางถนนจิระ คค. จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายหลังต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ม.ค. 68)

https://www.infoquest.co.th/2025/463197


## Thai Cabinet Approves Increased Budget for Mab Kabae-Jira Double-Track Railway

Source: Manager Daily 360 degrees
Wednesday, January 22, 2025, 03:39

Following the State Railway of Thailand's request for an additional 56 million baht for land expropriation.

Manager Daily 360 – The Cabinet has approved a total budget of 29,763.57 million baht for the Mab Kabae-Thanon Chira Junction double-track railway construction project. An additional 56 million baht has also been approved for land and property expropriation, bringing the total expropriation cost to 253.37 million baht.

Mr. Karam Phonphongklang, Deputy Spokesperson for the Prime Minister's Office, revealed that the Cabinet meeting on January 21, 2025, approved the Ministry of Transport's proposal to adjust the total budget for the State Railway of Thailand (SRT) project to 29,763.57 million baht. The Cabinet also approved the SRT's use of reconciliation methods, amounting to 197.37 million baht, under Section 39 (5) of the State Railway of Thailand Act, B.E. 2494, for compensation payments for land and property expropriation in Contract 1 (Mab Kabae-Khlong Khanan Chit section) and Contract 3 (Railway Tunnel).

The Cabinet had previously approved the SRT's double-track railway construction project between Mab Kabae and Thanon Chira Junction on September 27, 2016, with a budget of 29,449.31 million baht. This included 56 million baht for land expropriation, 28,598.86 million baht for construction costs, and 794.45 million baht for consultant fees for bidding and supervision. On December 19, 2017, the Cabinet approved changes to construction and consultant fees and added two more consultant categories: consultants for review, bidding document preparation, and international bidding; and consultants for detailed design adjustments in Si Khiu district and Nakhon Ratchasima city. This increased the total project budget to 31,129.22 million baht, while the land expropriation budget remained at 56 million baht.

However, upon commencing the project, the SRT found that the actual compensation value for land and properties was higher than the approved budget due to increased land value and some areas being overlooked during the initial survey and appraisal. This resulted in a higher land expropriation budget.

Furthermore, Contract 2 (Khlong Khanan Chit-Thanon Chira Junction section) faced uncertainties due to public complaints and required design adjustments. To avoid project delays and ensure timely land delivery to contractors, the Ministry of Transport proposed an additional 197.37 million baht for land expropriation for Contract 1 and Contract 3, increasing the total expropriation budget from 56 million baht to 253.37 million baht.

Contract 2 will be presented to the Cabinet for consideration later.

Due to signed construction contracts and increased land expropriation costs, the current total project cost differs from the initial approval. Therefore, the Ministry of Transport has adjusted the total budget to reflect the current situation.


Source: Manager Daily 360 degrees, January 22, 2025


โครงการรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีรายละเอียดดังนี้:

## ภาพรวมโครงการ

โครงการนี้มีระยะทางรวม 135 กิโลเมตร ประกอบด้วย 20 สถานี เริ่มต้นที่สถานีมาบกะเบา จังหวัดสระบุรี และสิ้นสุดที่สถานีชุมทางถนนจิระ จังหวัดนครราชสีมา ด้วยวงเงินลงทุนประมาณ 29,968 ล้านบาท[1][9]

## ความคืบหน้าการก่อสร้าง

โครงการแบ่งออกเป็น 4 สัญญาหลัก:

1. สัญญาที่ 1 (มาบกะเบา-คลองขนานจิตร): มีความคืบหน้า 96.36% ช้ากว่าแผนงาน 3.64%[7]
2. สัญญาที่ 2 (คลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ): อยู่ระหว่างการปรับแบบร่วมกับโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน[9]
3. สัญญาที่ 3 (งานอุโมงค์): มีความคืบหน้า 95.36% ช้ากว่าแผนงาน 4.64%[7]
4. สัญญาที่ 4 (งานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม): อยู่ระหว่างการดำเนินการ[11]

## จุดเด่นของโครงการ

- อุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ยาว 5.85 กิโลเมตร[9]
- ทางรถไฟยกระดับที่สูงที่สุดในประเทศไทย สูง 48-50 เมตรจากระดับพื้นดิน[9]
- การปรับปรุงเส้นทางเพื่อลดโค้งและความชัน ทำให้รถไฟสามารถวิ่งได้เร็วขึ้น[10]

## ความคืบหน้าล่าสุด

- ส่วนของสัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตร ระยะทาง 42.9 กิโลเมตร พร้อมเปิดให้บริการในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567[8]
- มีการขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม 197.38 ล้านบาท สำหรับการเวนคืนที่ดิน[4]

## ผลกระทบและประโยชน์

เมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเดินรถ โดย:

- รถโดยสารจะสามารถทำความเร็วสูงสุดเฉลี่ย 100-120 กม./ชม. จากเดิม 50 กม./ชม.[9]
- รถสินค้าจะสามารถทำความเร็วสูงสุดเฉลี่ย 60 กม./ชม. จากเดิม 29 กม./ชม.[9]
- ลดระยะเวลาการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ-นครราชสีมา เหลือเพียง 3-4 ชั่วโมง[10]

โครงการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2571[7] ซึ่งจะช่วยพัฒนาระบบขนส่งทางรางของประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ

Citations:
[1] https://www.thansettakij.com/business/589716
[2] https://www.srt-csmj.com/16924873/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3
[3] https://www.thairath.co.th/news/politic/2837419
[4] https://mgronline.com/business/detail/9670000056052
[5] https://www.youtube.com/watch?v=FH-aL1HtRDU
[6] https://www.matichon.co.th/economy/news_4704475
[7] https://www.thansettakij.com/business/economy/600635
[8] https://www.bangkokbiznews.com/news/news-update/1137399
[9] https://www.prachachat.net/general/news-1372771
[10] https://readthecloud.co/double-track-railway/
[11] https://www.facebook.com/MapkabaoChira/?locale=th_TH
[12] https://www.srt-csmj.com
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44162
Location: NECTEC

PostPosted: 22/01/2025 10:50 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
ครม.เพิ่มเงินเวนคืนที่ดินรถไฟทางคู่ มาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ เป็น 29,763.57 ล้าน
Source - เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ
วันอังคาร ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 13:04 น.

ครม.ปรับวงเงินรถไฟทางคู่ มาบกะเบา จ่ายเวนคืนที่ดินพุ่ง 4.5 เท่า
ฐานเศรษฐกิจ
เผยแพร่: วันอังคาร ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 15:18 น.
อัปเดตล่าสุด :วันอังคาร ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 15:20 น.

ครม. ไฟเขียว เพิ่มเงินเวนคืนที่ดินรถไฟทางคู่ มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ
วันอังคาร ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 13:52 น.

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 21 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ ดังนี้ 1.อนุมัติปรับกรอบวงเงินรวมของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ (โครงการฯ) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็น 29,763.57 ล้านบาท.

ครม.อนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติม งานเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ จากเดิม 56 ล้านบาท เป็น 253.37 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 4.5 เท่า

วันนี้ (21 มกราคม 2568) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติปรับกรอบวงเงินรวมของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็น 29,763.57 ล้านบาท

โดยเพิ่มกรอบวงเงินเฉพาะในส่วนของค่าเวนคืนที่ดินของสัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา - คลองขนานจิตร และสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟอีกจำนวน 197.37 ล้านบาท ส่งผลให้กรอบวงเงินค่าเวนคืนของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ เพิ่มขึ้นจากเดิม 56 ล้านบาท เป็น 253.37 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 4.5 เท่า

พร้อมกันนี้ที่ประชุมครม. ยังเห็นชอบให้ รฟท. ดำเนินการด้วยวิธีปรองดอง จำนวน 197.37 ล้านบาท ตามนัยมาตรา 39 (5) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 เพื่อใช้ในการจ่ายเงินค่าทดแทนพื้นที่เวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในโครงการฯ สัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา - คลองขนานจิตร และสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟ ต่อไป


สำหรับเหตุผลความจำเป็นของเรื่อง รฟท. แจ้งว่า เมื่อเริ่มดำเนินโครงการฯ รฟท. จะต้องดำเนินการเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เพื่อก่อสร้างทางและสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง เมื่อถึงขั้นตอนการกำหนดเงินค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนพบว่า ค่าทดแทนดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่ากรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบไว้ เนื่องจากที่ดินมีมูลค่าสูงขึ้น

ประกอบกับมีพื้นที่บางส่วนที่ตกสำรวจและไม่ได้มีการประมาณราคาค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้างและต้นไม้ไว้ในขั้นตอนขออนุมัติกรอบวงเงินของโครงการฯ ส่งผลให้กรอบวงเงินค่าเวนคืนที่ดินเพิ่มขึ้น โดยที่ในส่วนของสัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร - ชุมทางถนนจิระ ยังมีความไม่ชัดเจนในการปรับแบบก่อสร้างเนื่องจากข้อร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่

ดังนั้น เพื่อไม่ให้โครงการฯ เกิดความล่าช้า และ รฟท. สามารถส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับจ้างได้โดยเร็ว กระทรวงคมนาคม จึงขอเสนอปรับเพิ่มกรอบวงเงินเฉพาะในส่วนของค่าเวนคืนที่ดินของสัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา - คลองขนานจิตร และสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟอีกจำนวน 197.37 ล้านบาท ส่งผลให้กรอบวงเงินค่าเวนคืนของโครงการฯ เพิ่มขึ้นจากเติม 56 ล้านบาท เป็น 253.37 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในส่วนของสัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร - ชุมทางถนนจิระ กระทรวงคมนาคม จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายหลังต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44162
Location: NECTEC

PostPosted: 22/01/2025 10:54 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:


ครม.เพิ่มวงเงินทางคู่"มาบกะเบา-จิระ"เป็น2.97หมื่นล.
Source - ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
Wednesday, January 22, 2025 03:39

หลังรฟท.ขอปรับค่าเวนคืนเพิ่มอีก56ล้าน

ผู้จัดการรายวัน360 - ครม.อนุมัติกรอบวงเงินรวมโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระเป็น 29,763.57 ล้านบาท และเพิ่มเติมสำหรับงานเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ อีก 56 ล้านบาททำให้ค่าเวนคืนเพิ่มเป็น 253.37 ล้านบาท

ที่มา: นสพ.ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 22 ม.ค. 2568


ลิงก์มาแล้วครับ
ครม.ไฟเขียววงเงินเพิ่มเติมเวนคืนที่ดินรถไฟทางคู่มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ
โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เผยแพร่: วันอังคาร ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 13:40 น.
ปรับปรุง: วันอังคาร ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 18:47 น.

ครม.อนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติมสำหรับงานเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
https://mgronline.com/politics/detail/9680000006385

จบปัญหาเวนคืน ทางยกระดับ ทางคู่มวกเหล็ก ครม. อนุมัติวงเงินเวนคืนเพิ่ม ร่วม 200 ล้านบาท
เจรจาตรง เจ้าของที่ดิน ปิดจ๊อบเดินหน้าก่อสร้างเพื่อเปิดยกระดับมวกเหล็ก
วันนี้เอาข่าวดีของโครงการทางคู่สายอีสาน ที่มีปัญหาคาราคาซัง เรื่องพื้นที่เวนคืนที่ขาดอยู่บริเวณด้านเหนือของทางยกระดับมวกเหล็ก เพื่อจะไปต่อกับทางรถไฟเดิม
ซึ่งเกิดจากการประเมินมูลค่าที่ดินผิด และมีการใช้ที่ดินนอกเขตเวนคืน เลยติดปัญหาก่อสร้างต่อไม่ได้ เราเลยยังเปิดใช้งานทางยกระดับข้ามหุบเขามวกเหล็กยังไม่ได้
แต่ จากมติ ครม. วันนี้ ได้อนุมัติให้มีการเจรจาตรงกับเจ้าของที่ดิน ในการเวนคืนพื้นที่เพิ่ม พร้อมกับเพิ่มวงเงินในการเวนคืนที่ดินอีก 197 ล้านบาท เพื่อชดเชย
โดยถ้ากระบวนการเวนคืนแล้วเสร็จ ส่งมอบพื้นที่ได้ น่าจะก่อสร้างเสร็จภายใน 1 ปี แล้วเราจะได้เปิดใช้บริการทางรถไฟช่วง มาบกะเบา-คลองขนานจิตร ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยซักที!!!
แต่!!! ช่วงคลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ ตอนนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ที่ถูกชะลอ จากปัญหาจุดตัด โรงแรมสีมาธานี นะครับ ตอนนี้น่าจะจบกับได้แล้ว…..
https://www.facebook.com/Thailand.Infra/posts/977745011167753
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 47679
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 22/01/2025 7:26 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท.แจง ไทม์ไลน์รถไฟทางคู่-ไฮสปีดเทรน เสร็จไม่ทันพืชสวนโลก ชาวโคราช ขอจัดขบวนพิเศษรองรับนทท.
Source - มติชนออนไลน์
Wednesday, January 22, 2025 16:58

เมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่ห้องประชุมหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ รอง ผวจ.นครราชสีมา เป็นประธานการประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมการจัดการระบบการจราจรทางบกจังหวัดนครราชสีมา (อจร.นม.) ครั้งที่ 1/2568 โดยมีผู้แทนหน่วยงานรัฐและภาคประชาชนเข้าร่วม

ในระเบียบวาระที่ 3 เรื่องสืบเนื่อง (การดำเนินโครงการในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา) 3.1 คืบหน้าโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ระยะที่ 1 กรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา ระยะทาง 251 กิโลเมตร ผลงานสะสมถึงสิ้นปี 2567 ทั้งโครงการ 39.476 % เพิ่มขึ้นจากการประชุมครั้งที่แล้วหรือเมื่อช่วงเดือนตุลาคม 67 ที่ผ่านมา 2.535 % ภาพรวมช้ากว่าแผนงาน 41.427 % ส่วนสัญญา 3-5 โคกกรวด-นครราชสีมา ระยะทาง 12.36 กม. ผลงาน 12.132 % ช้ากว่าแผนงาน 66.70 % เนื่องจากมีประเด็นขอแก้ไขรูปแบบก่อสร้างคันทางระดับดินเป็นทางยกระดับ (Elevated) ตามแนวทางที่ 4 ช่วงโคกกรวด-ภูเขาลาด วงเงินเพิ่มเติม 2,052 ล้านบาท มีระยะเวลาก่อสร้างเพิ่มขึ้น 36 เดือน ล่าสุดอยู่ระหว่าง รมว.คมนาคม พิจารณาให้ความเห็นชอบและให้ปลัดคมนาคมลงนามสอบถามคิดเห็นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง สภาพัฒน์ ฯ และนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติต่อไป คาดแล้วเสร็จประมาณปี 2571

3.2 ความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ช่วงเส้นทางผ่านตัวเมือง นครราชสีมา สถานะที่ปรึกษาได้จัดส่งรายละเอียดการปรับรูปแบบให้ รฟท.ดำเนินการพิจารณาและหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นขออนุมัติโครงการรวมทั้งประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หลักการเริ่มยกระดับผ่านสถานีรถไฟโคกกรวด ระยะทาง 1.62 กม. จากนั้นยกระดับความสูง 5 เมตร ยกข้ามสะพานเลี่ยงเมือง สะพานสีมาธานีก่อนที่จะลดระดับลงสู่สถานีรถไฟนครราชสีมาและสถานีรถไฟชุมทางถนนจิระ โดยลดลงก่อนถึงสะพานหัวทะเล

ทั้งนี้การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ซึ่งเป็นเส้นทางผ่านสถานีรถไฟชุมทางบัวใหญ่ เพื่อใช้เดินทางไปร่วม "มหกรรมพืชสวนโลก นครราชสีมา ที่ อ.คง เสร็จไม่ทัน ส่วนรถไฟทางคู่ สัญญาที่ 2 คลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ ตามไทม์ไลน์คาดแล้วเสร็จ ปี 2574 ที่ประชุมจึงขอให้ รฟท. จัดขบวนรถไฟ เที่ยวพิเศษ นครราชสีมา-คง ระยะทางประมาณ 70 กม. เพื่อเชื่อมต่อกับขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีแผนเชื่อมต่อรถโดยสารสาธารณะ รองรับนักท่องเที่ยววันละ 20,000 คน รฟท.ได้นำไปพิจารณาเห็นชอบและจะแจ้งความคืบหน้าในการประชุมครั้งต่อไป


SRT Confirms High-Speed Train and Double-Track Railway Will Not Be Completed in Time for the Horticultural Expo; Korat Residents Request Special Trains to Accommodate Tourists

Source - Matichon Online
Wednesday, January 22, 2025, 16:58

On January 22nd, at the Luang Por Khun Parisutho Meeting Room on the 3rd floor of the Nakhon Ratchasima City Hall, Mr. Suraphan Sinsuwan, Deputy Governor of Nakhon Ratchasima Province, presided over a meeting with the Subcommittee on Land Traffic Management of Nakhon Ratchasima Province (Ojor.Nm.) No. 1/2568, with representatives from government agencies and the public in attendance.

In agenda item 3, regarding follow-up (project implementation in Nakhon Ratchasima Province):

3.1 Progress of the High-Speed Train Project to connect regions, Phase 1, Bangkok-Nakhon Ratchasima, a distance of 251 kilometers:

Cumulative progress by the end of 2024 for the entire project is at 39.476%, an increase of 2.535% from the previous meeting in October 2024.
Overall progress is behind schedule by 41.427%.
For Contract 3-5, Kok Kruat-Nakhon Ratchasima, a distance of 12.36 km, progress is at 12.132%, behind schedule by 66.70%. This is due to a request to change the construction format from ground level to elevated (Elevated) according to Route 4, Kok Kruat-Phu Khao Lat section, with an additional budget of 2,052 million baht and an extended construction period of 36 months.
Currently, the Minister of Transport is considering approval and has instructed the Permanent Secretary of Transport to sign and inquire about opinions from relevant agencies, the Bureau of Budget, the Ministry of Finance, the National Economic and Social Development Council, and to propose it to the Cabinet (Cabinet) for approval.
It is expected to be completed around 2028.

3.2 Progress of the Double-Track Railway Project, Mab Krabeau-Thanon Chira Junction section, the route through Nakhon Ratchasima city:

The consultant has submitted details of the format adjustment to the SRT for consideration and discussion with relevant agencies.
After that, project approval will be sought, including an environmental impact assessment.
The principle is to start elevating the track after Kok Kruat Station for a distance of 1.62 km, then elevate it to a height of 5 meters, crossing the city bypass bridge and the Simathanee bridge before lowering it to Nakhon Ratchasima Railway Station and Thanon Chira Junction Railway Station. The track will be lowered before reaching Hua Thale Bridge.

Regarding the construction of the high-speed train, Phase 2, Nakhon Ratchasima-Nong Khai section, which is the route through Bua Yai Junction Railway Station, to be used to travel to the "Horticultural Expo Nakhon Ratchasima" in Khon Kaen Province:

It will not be completed in time for the Expo.
As for the double-track railway, Contract 2, Khlong Khanan Chit-Thanon Chira Junction, according to the timeline, it is expected to be completed in 2031.

Therefore, the meeting requested the SRT to arrange special train services, Nakhon Ratchasima-Khon Kaen, a distance of approximately 70 km, to connect with Nakhon Ratchasima's transportation system.

The province has a plan to connect public transport to accommodate 20,000 tourists per day.
The SRT has taken this into consideration and agreed, and will report progress at the next meeting.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 47679
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 28/01/2025 4:15 pm    Post subject: Reply with quote

นายกฯ สั่งเร่งศึกษา รถไฟความเร็วสูง-รถไฟรางคู่ ย้ำทุกกระทรวงทำงบประมาณ ปี 69 อย่างมีประสิทธิภาพ
การเงินธนาคาร
28 มกราคม 2025 14:55 น.

นายกฯ สั่งเร่งศึกษา รถไฟความเร็วสูง ภาคใต้ และรถไฟรางคู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ย้ำทุกกระทรวงทำงบประมาณ ปี 69 อย่างมีประสิทธิภาพ

วันที่ 28 มกราคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุม คณะรัฐมนตรีครั้งที่ 4 ประจำปี 2568 นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุม ดังนี้

นายกรัฐมนตรี ได้สรุปผลของประเทศไทยจากการร่วมประชุม World Economic Forum 2025 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถือว่าเป็นการนำเอาศักยภาพของไทยในด้านต่าง ๆ ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวัฒนธรรม ไปโชว์ในเวทีโลกครั้งนี้

ซึ่งคณะรัฐบาล และผู้แทนประเทศไทยในทุกภาคส่วนได้มีโอกาสพบผู้นำระดับประเทศหลายประเทศ เช่น บังกลาเทศ ภูฏาน มอนเตเนโกร สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ อาร์เมเนีย รวมถึงผู้นำภาคเอกชน เช่น Google, Bayer, DP world, Coca-Cola, AstraZeneca และ AWS รวมๆ แล้วกว่า 20 รายการตลอดการประชุม 3 วัน

ซึ่งประเทศไทยได้แสดงถึง ศักยภาพของไทย 3 ด้าน คือ
Logistic hub of Asia โดยเชิญชวนนักลงทุนว่าประเทศไทยมีที่ตั้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ได้เปรียบ มีความมั่นคง และเป็นกลางทางการเมือง รัฐบาลจึงได้สานต่อโครงการ LandBridge รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ รวมถึง Aviation hub ที่จะมีการสร้างสนามบินขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากนโยบายในรัฐบาลนายกฯ นายเศรษฐา ทวีสิน โดยขอให้กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนและเร่งรัดกระบวนการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ Landbridge เพื่อให้เกิดความชัดเจน ทั้งในเรื่องแผนงาน และกรอบระยะเวลาของโครงการต่อไป
Kitchen of the World รัฐบาลได้มุ่งเน้นที่จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหาร หรือ Food Security สู่การเป็น World Food storage เพราะไทยมีผลผลิตทางการเกษตรที่เพียงพอและมั่นคง ซึ่งจะเป็น soft power ที่สำคัญของไทย ขอให้ ประทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ จัดทำแผนร่วมกันเพื่อให้เกิดการส่งออกสินค้าเกษตรไทย และวัตถุดิบอาหารไทย ไปยังตลาดโลกเพิ่มมากขึ้นทั้งในแง่ปริมาณ และมูลค่าการส่งออก
Green energy resources ประเทศไทยพร้อมในการผลักดันด้านพลังงานสะอาด รองรับการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เช่น AWS, Google, Microsoft โดยพลังงานสะอาดถือเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจลงทุน ขอให้ กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งจัดทำแผน และแนวทางในการสร้างพลังงานสะอาด ที่เพียงพอต่อความต้องการของนักลงทุนจากต่างชาติ
นอกจากนั้น การเดินทางไปครั้งนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสธุรกิจใหม่ๆ นายกรัฐมนตรีได้แนะนำให้ประเทศต่าง ๆ เห็นถึงศักยภาพที่มีอยู่ของประเทศไทย โดยได้มีการทำ Business Matching ที่จะให้บริษัทของไทย และต่างประเทศได้มีการร่วมทำธุรกิจ ตลอดจนหาแนวทางที่จะยกระดับศักยภาพของคนไทย Upskill / Reskill เพื่อรองรับ Future Industry ที่จะเกิดการลงทุนในไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุมว่าผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมในการประชุมสำคัญระดับโลกครั้งนี้ คือ การลงนาม FTA Thai-EFTA ได้สำเร็จลุล่วงโดย กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะทำให้การค้าการลงทุนของประเทศไทยกับประเทศอื่น ๆ มีศักยภาพที่เพิ่มขึ้น ขอให้ กระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงการต่างประเทศ เร่งรัดการเจรจา FTA ในเขตการค้าอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ETA Thai-EU ให้สำเร็จโดยเร็ว

สำหรับข้อสั่งการที่ 2 เป็นเรื่องครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน ขอให้ทุกกระทรวงดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามภารกิจของกระทรวง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศให้แนบแน่นยิ่งขึ้น เช่น

ให้ กระทรวงมหาดไทยพิจารณาสถาปนาความสัมพันธ์แบบเมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดของไทยกับเมืองหรือมณฑลกับประเทศจีน ที่ปัจจุบันมีอยู่แล้วถึง 38 คู่ความสัมพันธ์ โดยเพิ่มเป็น 50 คู่ความสัมพันธ์
ให้ กระทรวงคมนาคม พิจารณาเร่งรัดกรณีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างไทยและ สปป. ลาว ซึ่งเป็นประเด็นที่ประเทศจีนได้ร้องขอให้ดำเนินการมาเป็นระยะเวลานานแล้ว
ให้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัด Promotion ส่งเสริมการท่องเที่ยว ไทย-จีน
ข้อสั่งการที่ 3 เรื่อง ปัญหา PM 2.5 ขอให้แต่ละกระทรวง นำเสนอว่ามีมาตรการอะไรบ้าง และขอย้ำกับทาง กระทรวงอุตสาหกรรม ในเรื่องอ้อย ซึ่งยังเห็นการเผาไร่อ้อยในบางพื้นที่ ขอให้ทาง กระทรวงอุตสาหกรรมกวดขันเรื่องนี้ และหามาตรการเพิ่มเติมเพื่อลดการเผา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของ PM 2.5
    ข้อสั่งการเรื่องที่ 4 ให้ดำเนินการศึกษาเส้นทางรถไฟทางคู่ ช่วง อ.หาดใหญ่ไปยัง อ.สุไหงโกลก จากการที่นายกรัฐมนตรี ไปตรวจราชการ และมีการประชุมที่จังหวัดยะลา การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เสนอเส้นทางรถไฟทางคู่ ระยะที่สอง ซึ่งเป็นการดำเนินการ ต่อจากระยะที่หนึ่ง เพื่อเป็นการลดต้นทุนโลจิสติกส์ ทั้งในด้านการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร

    ซึ่งโครงการรถไฟทางคู่ระยะสองนั้น ขอให้การรถไฟฯ ดำเนินการศึกษาเพิ่มเติมในเส้นทางรถไฟทางคู่ ช่วงหาดใหญ่ไปยังสุไหงโกลก โดยขอให้สำนักงบประมาณช่วยสนับสนุนงบประมาณในการศึกษา และออกแบบเบื้องต้นตามที่จำเป็น และเหมาะสม เป็นไปตามกฎหมาย
ข้อสั่งการเรื่องที่ 5 เรื่อง การเสนอคำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ในวันนี้มีหน่วยรับงบประมาณที่เสนอคำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีที่มีวงเงินตั้งแต่ 1000 ล้านบาทขึ้นไปเป็นจำนวนมาก ในขณะที่วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 มีอยู่อย่างจำกัด และมีภาระหนี้ที่เกือบชนเพดาน ตลอดจนเกิดภาระหนี้ผูกพันข้ามปีเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณมีประสิทธิภาพ และสามารถขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลได้อย่างเป็นรูปธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนตามนโยบายที่ได้ให้ไว้ขอมอบหมาย ดังนี้

ให้รัฐมนตรี เจ้าสังกัดทุกท่านกำกับดูแลหน่วยรับงบประมาณให้จัดทำคำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สุงสุดแก่ประชาชน รวมทั้ง พิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้สอดคล้องกับนโยบายสำคัญของรัฐบาลตลอดจนให้หน่วยรับงบประมาณที่มีเงินนอกงบประมาณ พิจารณานำเงินนอกงบประมาณ เงินรายได้ และเงินสะสม มาใช้ในการดำเนินภารกิจเป็นลำดับแรก
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยให้ความสำคัญกับโครงการที่ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล มีความจำเป็นเร่งด่วน สามารถแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชน และสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวของประเทศต่อไป

The Prime Minister has ordered a feasibility study for a high-speed train in the South and a double-track railway in the Northeast. They emphasized that all ministries must prepare their budgets for the year 2025 effectively.

January 28th, 2025

Government Spokesperson, Mr. Jiravu Houngsup, revealed the Prime Minister's directives from the 4th Cabinet meeting of 2025:

1. World Economic Forum 2025:

The Prime Minister summarized Thailand's participation in the World Economic Forum 2025 in Davos, Switzerland, highlighting how it showcased the country's potential in various aspects, including economics, politics, society, and culture. The Thai delegation met with leaders from several countries like Bangladesh, Bhutan, Montenegro, Sweden, Switzerland, and Armenia, and also with leaders from the private sector, such as Google, Bayer, DP World, Coca-Cola, AstraZeneca, and AWS.

Thailand presented its potential in three areas:

Logistics Hub of Asia: Thailand's strategic geographical location, political stability, and neutrality were emphasized to attract investors. The government will continue projects like the Land Bridge, high-speed rail, double-track rail, and the development of an aviation hub with a new large-scale airport. This builds on the policies of the previous administration. The Ministry of Transport and related agencies were instructed to expedite the feasibility study for the Land Bridge project.
Kitchen of the World: The government aims to make Thailand a source of food security and a world food storage hub. Thailand's abundant agricultural production will be a key soft power. The Ministries of Agriculture and Cooperatives, Commerce, and Foreign Affairs were asked to collaborate on a plan to increase the export of Thai agricultural products and food ingredients to the global market.
Green Energy Resources: Thailand is ready to promote clean energy and support investment from global technology companies like AWS, Google, and Microsoft. Clean energy is a major factor in investment decisions. The Ministry of Energy and related agencies were instructed to expedite plans for generating sufficient clean energy to meet the demands of foreign investors.

In addition to promoting Thailand, the Prime Minister encouraged business matching between Thai and foreign companies and explored ways to upskill and reskill the Thai workforce for future industries.

A significant outcome of this meeting was the successful signing of the Thai-EFTA free trade agreement by the Ministry of Commerce. The Prime Minister urged the Ministries of Commerce and Foreign Affairs to expedite FTA negotiations with other trading blocs, especially the Thai-EU ETA.

2. 50th Anniversary of Thai-Chinese Diplomatic Relations:

All ministries were instructed to strengthen the relationship between the two countries through various initiatives:

The Ministry of Interior was asked to increase the number of sister city relationships between Thai provinces and Chinese cities or provinces from 38 to 50.
The Ministry of Transport was asked to expedite the high-speed rail link between Thailand and Laos, a long-standing request from China.
The Ministry of Tourism and Sports was asked to organize promotions to boost Thai-Chinese tourism.

3. PM 2.5 Problem:

Each ministry was asked to present their mitigation measures. The Ministry of Industry was specifically asked to address the issue of sugarcane burning, a major contributor to PM 2.5, and to find additional measures to reduce this practice.

4. Double-Track Railway from Hat Yai to Sungai Kolok:

Following the Prime Minister's visit to Yala province, the State Railway of Thailand proposed a second phase of the double-track railway project to reduce logistics costs for both freight and passengers. The Prime Minister requested the State Railway to conduct further studies on the Hat Yai to Sungai Kolok route and asked the Budget Bureau to provide necessary funding for the study and preliminary design.

5. Budget Allocation for Fiscal Year 2025:

Due to limited budget and increasing liabilities, the Prime Minister emphasized the need for efficient budget allocation for the 2025 fiscal year. To ensure that the budget effectively supports government policies and benefits the public, the Prime Minister gave the following directives:

Each minister must supervise their respective agencies to ensure that budget requests are efficient, cost-effective, and prioritize projects aligned with key government policies. Agencies with off-budget funds should utilize those funds, revenue, and reserves first.
The Budget Bureau must prioritize budget allocation to projects that drive key government policies, address urgent needs, improve people's livelihoods, and enhance the country's long-term competitiveness.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 47679
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 03/02/2025 8:31 am    Post subject: Reply with quote

คมนาคมเร่งเครื่องทางคู่สายใต้ใหม่
Source - ไทยโพสต์
Monday, February 03, 2025 04:38

เล็งของบ80ล้านโยนรฟท.ลุยศึกษา!

ราชดำเนิน * "สุริยะ" ขานรับข้อสั่งการ "นายกฯ" จ่อของบ กลาง 80 ล้าน มอบ รฟท.ศึกษารถไฟทางคู่ "ช่วงชุมทางหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก" วงเงิน 3.4 หมื่นล้าน ปักหมุดสร้างปี 72 เสร็จปี 77

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จากข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการพัฒนารถไฟทางคู่ โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟทางคู่ในเส้นทางสายใต้ "ช่วงชุมทางหาดใหญ่สุไหงโก-ลก" ใช้งบประมาณค่าก่อสร้างรวม 34,590 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งทางราง เชื่อมโยงการเดินทางครอบคลุมทั่วประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งยังสนับสนุนความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทยมาเลเซีย การค้าชายแดน การท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้การ รถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งดำเนินการศึกษาความเหมาะสมของโครงการในทุกๆ ด้านอย่างละเอียด โดยเตรียมเสนอของบ กลาง วงเงินประมาณ 80 ล้านบาท เพื่อนำมาดำเนินการศึกษา ซึ่งหากได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว รฟท.จะดำเนินการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษามาศึกษาโครงการ โดยจะใช้ระยะเวลาศึกษา 1 ปี หรือศึกษาแล้วเสร็จภายในปี 2569 ก่อนเข้าสู่กระบวนการออก แบบรายละเอียดในปี 2569-2570

นายสุริยะกล่าวต่อว่า จากนั้นในช่วงปี 2570-2571 จะ ดำเนินการจัดทำรายงานและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ก่อนเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติโครงการภายในปี 2571 และจะดำเนินการขอออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เวนคืนและเวนคืนที่ดินในปี 2571-2573 ซึ่งระหว่างนั้นจะดำเนินการจัดทำเอกสารประกวดราคา (TOR) ราคากลาง และจัดประ กวดราคาควบคู่ไปด้วย ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการก่อสร้างในปี 2572 คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้บริการในปี 2577.

ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 3 ก.พ. 2568


Ministry of Transport Accelerates the New Southern Double Track Railway
Source - Thai Post
Monday, February 03, 2025 04:38

Seeking 80 Million Baht Budget, Assigning the State Railway of Thailand (SRT) to Conduct Studies!

Ratchadamnoen * "Suriya" Responds to the Prime Minister's Order, Preparing to Request a Central Budget of 80 Million Baht, Assigning the SRT to Study the Double Track Railway Project "Hat Yai Junction - Su-ngai Kolok Section," with a Budget of 34 Billion Baht, Setting Construction to Begin in 2029 and Completion in 2034.

Mr. Suriya Jungrungreangkit, Deputy Prime Minister and Minister of Transport, revealed that following the order of Ms. Phaethongthan Shinawatra, Prime Minister, which assigned the Ministry of Transport to proceed with the development of double-track railways, particularly the double-track railway route in the southern line, "Hat Yai Junction - Su-ngai Kolok Section," with a total construction budget of 34,590 million baht, to enhance the efficiency of rail transport, connecting travel throughout Thailand and neighboring countries. It also supports cooperation in developing the Thai-Malaysian border areas, cross-border trade, and tourism to stimulate the economy and improve the livelihoods of people in the three southern border provinces.

In this regard, the State Railway of Thailand (SRT) has been assigned to expedite the study of the project's feasibility in all aspects thoroughly. The ministry is preparing to request a central budget of approximately 80 million baht for the study. If the budget is approved, the SRT will proceed to hire a consulting company to conduct the study, which will take one year or be completed within 2026, before entering the detailed design process in 2026-2027.

Mr. Suriya continued that during the years 2027-2028, the Environmental Impact Assessment (EIA) report will be prepared and analyzed before being submitted to the Cabinet for consideration and project approval within 2028. Subsequently, the process of issuing the Royal Decree for Expropriation and Land Acquisition will take place in 2028-2030. During this period, the Terms of Reference (TOR), median price, and bidding documents will be prepared concurrently before entering the construction process in 2029, which is expected to be completed and ready for service in 2034.

Source: Thai Post Newspaper, February 3, 2025 Issue.


6เส้นทางคู่เฟส2เจอด่านสภาพัฒน์
Source - เดลินิวส์
Monday, February 03, 2025 04:31

หากผ่านได้จะเข้าสู่ครม.อนุมัติ สุริยะเร่งศึกษาหาดใหญ่-โก-ลก

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เร่งศึกษาความเหมาะสมโครงการรถไฟทางคู่เส้นทางสายใต้ ช่วงชุมทางหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ตามนโยบาย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางราง เชื่อมโยงการเดินทางครอบคลุมทั่วประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน สนับสนุนความร่วมมือการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย การค้าชายแดน การท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย

รฟท. เตรียมเสนอของบกลาง วงเงินประมาณ 80 ล้านบาท เพื่อใช้ศึกษาหากได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว รฟท. จะว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษามาศึกษาโครงการฯ ใช้เวลาศึกษา 1 ปี แล้วเสร็จภายในปี 2569 ก่อนเข้าสู่กระบวนการออกแบบรายละเอียดปี 2569-2570 จากนั้นช่วงปี 2570-2571 จะจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติก่อสร้างโครงการภายในปี 2571 และขอออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เวนคืนที่ดินและเวนคืนปี 2571-2573 ระหว่างนั้นจะจัดทำเอกสารประกวดราคา (TOR) ราคากลาง และจัดประกวดราคาควบคู่ด้วย ก่อนเข้าสู่กระบวนการก่อสร้างปี 2572 คาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดบริการปี 2577

เบื้องต้นโครงการรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก มีระยะทางประมาณ 216 กม. ใช้งบประมาณก่อสร้าง 34,590 ล้านบาท มี 27 สถานี ที่หยุดรถไฟ 8 แห่ง และย่านเก็บกองและขนถ่ายสินค้า 2 แห่ง จะช่วยรองรับการเชื่อมต่อระบบรางระหว่างประเทศไทย กับประเทศมาเลเซีย โดยมีเส้นทางจากกรุงเทพฯ ไปถึงสถานีสุไหงโก-ลก และสิ้นสุดที่สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโก-ลก บริเวณพรมแดนไทย-มาเลเซีย

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโก-ลก ได้รับการปรับปรุงให้พร้อมใช้งานแต่เส้นทางรถไฟเชื่อมต่อในฝั่งมาเลเซีย ช่วงรันเตาปันจัง-ปาซีร์มัซ ถูกปิดใช้งานไปตั้งแต่ปี 2548 ปัจจุบันมีสภาพชำรุดใช้การไม่ได้ หากมาเลเซียปรับปรุงเส้นทางให้กลับมาเปิดบริการได้ จะเชื่อมต่อโครงข่ายระบบรางและเปิดเดินขบวนรถผ่านพรมแดนได้ทันที

ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ขณะนี้ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลังแล้ว อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือบอร์ดสภาพัฒน์ชุดใหม่ ก่อนเสนอที่ประชุม ครม. พิจารณาอนุมัติโครงการฯ ต่อไป

สำหรับรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ระยะทาง 1,312 กม. วงเงินรวมประมาณ 2.8 แสนล้านบาท ประกอบด้วย 1.ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย 281 กม. วงเงิน 7.7 หมื่นล้านบาท 2.ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี 308 กม. 4.29 หมื่นล้านบาท 3.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี 168 กม. 2.9 หมื่นล้านบาท 4.ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา 321 กม. 6.45 หมื่นล้านบาท 5.ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 45 กม. 7.7 พันล้านบาทและ 6.ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ 189 กม. 6.3 หมื่นล้านบาท.

ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 4 ก.พ. 2568 (กรอบบ่าย)

https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/1160002768910289
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1164916
https://www.thansettakij.com/economy/megaproject/618638
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44162
Location: NECTEC

PostPosted: 03/02/2025 9:39 pm    Post subject: Reply with quote

ปี 68 เจาะงบลงทุน 4.5 แสนล้าน “คมนาคม” ดัน “ 7 รถไฟทางคู่ เฟส 2-แทรมภูมิภาค”
ฐานเศรษฐกิจ
วันอาทิตย์ ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เวลา 05:30 น.

“คมนาคม” ผ่างบลงทุนผูกพันข้ามปี 68 ปลุก 7 รถไฟทางคู่ เฟส 2-แทรมภูเก็ต-เชียงใหม่ แตะ 4.5 แสนล้านบาท เปิดแผนคืบหน้าสารพัดบิ๊กโปรเจ็กต์ระบบราง
ล่าสุดนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สำหรับการจัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายคมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทยเพื่อวางแผนการขับเคลื่อนการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม และเร่งขับเคลื่อนการดำเนินโครงการในปีงบประมาณ 2568

ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมได้วางแผนการดำเนินโครงการด้านคมนาคม ในปี 2568 จำนวนทั้งสิ้น 223 โครงการ วงเงินลงทุน 136,492.43 ล้านบาท เป็นโครงการต่อเนื่อง 107 โครงการ วงเงินลงทุน 53,622.78 ล้านบาท

ขณะที่โครงการใหม่ 116 โครงการ วงเงินลงทุน 82,869.65 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งระบบขนส่งทั้ง 4 มิติ ประกอบด้วย ระบบขนส่งทางบก ระบบขนส่งทางน้ำ ระบบขนส่งทางราง และระบบขนส่งทางอากาศ

“ฐานเศรษฐกิจ” ได้รวบรวมข้อมูล พบว่า สำหรับโครงการลงทุนในปีงบประมาณ 2568 ของกระทรวงคมนาคมในส่วนของการพัฒนาระบบราง วงเงินรวม 53,104 ล้านบาท แบ่งเป็น งบประมาณแผ่นดิน 5,404 ล้านบาท นอกงบประมาณ 47,700 ล้านบาท โดยมีโครงการรวม 69 โครงการ แบ่งเป็น โครงการที่มีงบผูกพัน 36 โครงการ และโครงการใหม่ 33 โครงการ


สำหรับโครงการลงทุนใหม่โดยเป็นการใช้งบผูกพันในปีงบประมาณ 2568 รวมวงเงิน 459,433 ล้านบาท ดังนี้

1.รถไฟส่วนต่อขยายสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กิโลเมตร วงเงิน 6,473 ล้านบาท

2.รถไฟส่วนต่อขยายสายสีแดงช่วงศิริราช – ตลิ่งชัน - ศาลายา ระยะทาง 20.5 กิโลเมตร วงเงิน 15,176 ล้านบาท

3.โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ –พญาไท - มักกะสัน - หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ – หัวลำโพง (Missing Link) ระยะทาง 25.9 กิโลเมตร วงเงิน 44,573.85 ล้านบาท

ทั้งนี้ตามแผนทั้ง 3 โครงการจะเริ่มเปิดให้บริการภายในปี 2571 ส่วนเส้นทาง Missing Link จะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2573

4.รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงปากน้ำโพ - เด่นชัย ระยะทาง 281 กิโลเมตร วงเงิน 81,143 ล้านบาท

5.รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงชุมทางถนนจิระ - อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กิโลเมตร วงเงิน 44,103 ล้านบาท

6.รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร วงเงิน 30,422 ล้านบาท

7. รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงสุราษฎร์ธานี – หาดใหญ่ - สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร วงเงิน 66,270 ล้านบาท

8.รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร วงเงิน 7,900 ล้านบาท

9.รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงเด่นชัย - เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กิโลเมตร วงเงิน 68,222 ล้านบาท

10.รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น – หนองคาย ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 28,679 ล้านบาท



อย่างไรก็ตามปัจจุบันช่วงขอนแก่น-หนองคาย อยู่ระหว่างก่อสร้าง ส่วนอีก 6 โครงการอยู่ระหว่างการขออนุมัติ คาดว่าจะทยอยเปิดให้บริการได้ตั้งแต่ปี 2570-2574

11.โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต – ห้าแยกฉลอง (แทรมภูเก็ต) วงเงินลงทุน 35,350 ล้านบาท

ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทบทวนการออกแบบ หารือแนวทาง และรูปแบบการดำเนินโครงการตามข้อสั่งการของกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2574

12.โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ สายสีแดง ช่วงโรงพยาบาลนครพิงค์ – แยกแม่เหียะสมานสามัคคี วงเงินลงทุน 31,122 ล้านบาท

ขณะนี้เตรียมเสนอคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เพื่อพิจารณารูปแบบการดำเนินงานที่เหมาะสมก่อนดำเนินการต่อไป ตามแผนเปิดให้บริการปี 2575
https://www.thansettakij.com/economy/megaproject/618489

“สุริยะ” ลุยศึกษาสร้าง “รถไฟทางคู่ ช่วงหาดใหญ่ – สุไหงโกลก” 3.4 หมื่นล้าน
ฐานเศรษฐกิจ
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เวลา 12:24 น.
อัปเดตล่าสุด : วันจันทร์ ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เวลา 12:29 น.
"สุริยะ" เดินหน้าของบกลาง 80 ล้านบาท สั่ง รฟท. ศึกษารถไฟทางคู่ "ช่วงชุมทางหาดใหญ่ – สุไหงโกลก" วงเงิน 3.4 หมื่นล้าน เล็งตอกเสาเข็มปี 72 รับการค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย ฟากรถไฟทางคู่ เฟส 2 อีก 6 เส้นทาง ลุ้นรอสภาพัฒน์ฯ ชุดใหม่อนุมัติ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งดำเนินการศึกษาความเหมาะสมของโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงหาดใหญ่ – สุไหงโกลก ในทุกๆ ด้านอย่างละเอียด โดยเตรียมเสนอของบกลาง วงเงินประมาณ 80 ล้านบาท เพื่อนำมาดำเนินการศึกษา

อย่างไรก็ตามหากได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว รฟท. จะดำเนินการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษามาศึกษาโครงการฯ โดยจะใช้ระยะเวลาศึกษา 1 ปี หรือศึกษาแล้วเสร็จภายในปี 2569 ก่อนเข้าสู่กระบวนการออกแบบรายละเอียดในปี 2569 - 2570

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า จากนั้นในช่วงปี 2570 - 2571 จะดำเนินการจัดทำรายงานและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ก่อนเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติโครงการภายในปี 2571 และจะดำเนินการขอออกพระราชกฤษฎีกา (พรฎ.) เวนคืนและเวนคืนที่ดินในปี 2571 - 2573

ขณะเดียวกันระหว่างนั้นจะดำเนินการจัดทำเอกสารประกวดราคา (TOR) ราคากลาง และจัดประกวดราคาควบคู่ไปด้วย ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการก่อสร้างในปี 2572 คาดว่าแล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้บริการในปี 2577


สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางหาดใหญ่ – สุไหงโกลก จะมีระยะทางรวม 216 กิโลเมตร (กม.) ใช้งบประมาณค่าก่อสร้างรวม 34,590 ล้านบาท มีจำนวน 27 สถานี ที่หยุดรถไฟ 8 แห่ง และย่านเก็บกองและขนถ่ายสินค้า 2 แห่ง

ทั้งนี้ เมื่อโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะช่วยรองรับการเชื่อมต่อระบบรางระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย โดยมีเส้นทางจากกรุงเทพฯ ไปถึงสถานีสุไหงโก-ลก และสิ้นสุดที่สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโกลก บริเวณพรมแดนไทย –มาเลเซีย

นอกจากนี้สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโกลก ได้รับการปรับปรุงให้มีความพร้อมในการใช้งาน แต่เส้นทางรถไฟเชื่อมต่อในฝั่งมาเลเซีย ช่วงรันเตาปันจัง – ปาซีร์มัซ ถูกปิดใช้งานไปตั้งแต่ปี 2548 ปัจจุบันมีสภาพชำรุดใช้การไม่ได้

“ดังนั้นหากมาเลเซียปรับปรุงเส้นทางช่วงดังกล่าว ให้กลับมาเปิดให้บริการได้ จะสามารถเชื่อมต่อโครงข่ายระบบรางและสามารถเปิดเดินขบวนรถผ่านพรมแดนได้ทันที” นายสุริยะ กล่าว

ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการพัฒนารถไฟทางคู่ โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟทางคู่ในเส้นทางสายใต้ ช่วงชุมทางหาดใหญ่ – สุไหงโกลก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งทางราง



นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงการเดินทางครอบคลุมทั่วประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งยังสนับสนุนความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย – มาเลเซีย การค้าชายแดน การท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ขณะที่ความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,488 กม. วงเงินรวมประมาณ 2.8 แสนล้านบาท โดยผ่านความเห็นชอบจากสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือบอร์ดสภาพัฒน์ชุดใหม่ ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติโครงการฯ ต่อไป

สำหรับรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง วงเงินรวม 293,121 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.ช่วงปากน้ำโพ – เด่นชัย ระยะทาง 281 กม. วงเงิน 81,143 ล้านบาท 2.ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม. วงเงิน 44,103 ล้านบาท

3.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม. วงเงิน 24,294 ล้านบาท 4.ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 67,459 ล้านบาท 5. ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 7,900 ล้านบาท และ 6.ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม. วงเงิน 68,222 ล้านบาท
https://www.thansettakij.com/economy/megaproject/618638
Mongwin wrote:
คมนาคมเร่งเครื่องทางคู่สายใต้ใหม่
Source - ไทยโพสต์
Monday, February 03, 2025 04:38

เล็งของบ80ล้านโยนรฟท.ลุยศึกษา!

ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 3 ก.พ. 2568



6เส้นทางคู่เฟส2เจอด่านสภาพัฒน์
Source - เดลินิวส์
Monday, February 03, 2025 04:31

หากผ่านได้จะเข้าสู่ครม.อนุมัติ สุริยะเร่งศึกษาหาดใหญ่-โก-ลก

ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 4 ก.พ. 2568 (กรอบบ่าย)

https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/1160002768910289
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1164916
https://www.thansettakij.com/economy/megaproject/618638
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... , 412, 413, 414  Next
Page 413 of 414

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©