รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล

[Wisarut]

ส่องงานก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สาย “ชมพูต่อขยาย” คืบหน้าแล้ว 82.71%
ข่าวนวัตกรรมขนส่ง
วันพฤหัสบดี ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 9:47 น.

รฟม. อัปเดตความคืบหน้างานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า 3 สาย “ชมพูต่อขยาย-ม่วง-ส้ม” เดินหน้าต่อเนื่อง สายสีชมพูต่อขยาย ใกล้แล้วเสร็จ คืบแล้ว 82.71% ขณะที่ “ม่วง” 47.95% “ส้ม” 4.04%
เมื่อวันที่ 9 ม.ค. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งความก้าวหน้างานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของ รฟม. ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 67 มีดังนี้


โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช–เมืองทองธานี ความก้าวหน้าโดยรวม 82.71% โดยงานโยธา มีความก้าวหน้า 84.97% และงานระบบรถไฟฟ้า มีความก้าวหน้า 78.24%


โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ความก้าวหน้างานโยธา 47.95% ได้https://www.dailynews.co.th/news/4270797/ที่ :

[Mongwin]

เปิดนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-รถเมล์ ฟรี 7 วัน ลดฝุ่น PM 2.5 | ข่าวเที่ยงช่องวัน | สำนักข่าววันนิวส์
ข่าวช่องวัน
Jan 24, 2025

"สุริยะ" เผย จัดงบกลาง 140 ล้านชดเชยผู้ประกอบการ หลังเปิดให้ ประชาชน ขึ้นรถไฟฟ้าทุกสาย-รถเมล์ ขสมก.ฟรี 7 วัน


https://www.youtube.com/watch?v=JaCetoVTMfg

Free Rides on All Electric Trains and Buses for 7 Days to Reduce PM 2.5 Pollution | One Noon News | One News Agency
One31 News
Jan 24, 2025

"Suriya" announced a budget allocation of 140 million baht to compensate operators after allowing the public to ride all electric train lines and BMTA buses for free for 7 days.

[Mongwin]

คน กทม.ใช้บริการรถไฟฟ้าฟรี ท่องเที่ยววันหยุด | ข่าวค่ำ | 26 ม.ค. 68
Thai PBS
Jan 26, 2025

ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส ลงพื้นที่สำรวจย่านจตุจักร ยามค่ำคืน หลังรัฐบาลให้นั่งรถไฟฟ้าฟรี 7 วัน


https://www.youtube.com/watch?v=ccmEgIAOFzc

[Wisarut]

ฟาดแรง "ดร.สามารถ" ถาม คิดได้ไง? สู้ "PM2.5" ใช้ 140 ล้านขึ้นรถไฟฟ้า-รถเมล์ ฟรี
การเมือง

NationTV
25 มกราคม 2568

"ดร.สามารถ" ฟาดแรง ถามตรงถึงรัฐบาล "คิดได้ยังไง? รถไฟฟ้า-รถเมล์ ฟรี 7 วัน สู้ฝุ่นพิษ PM2.5" เชื่อมาตรการนี้ไม่ได้ผล ควรนำเงิน 140 ล้าน ไปควบคุมไม่ให้มีการเผาไหม้จะดีกว่า
ฟาดแรง \"ดร.สามารถ\" ถาม คิดได้ไง? สู้ \"PM2.5\" ใช้ 140 ล้านขึ้นรถไฟฟ้า-รถเมล์ ฟรี

25 มกราคม 2568 สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 วิกฤต ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก "ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ - Dr.Samart Ratchapolsitte" ไม่เห็นด้วยกับมาตรการของรัฐบาลในการให้ขึ้นรถเมล์และรถไฟฟ้าฟรี 7 วัน เพื่อบรรเทาปัญหา "PM2.5" มีรายละเอียดดังนี้..


เป็นความพยายามที่น่าทึ่งของรัฐบาลที่จะสู้กับฝุ่นพิษ PM2.5 ด้วยการให้พี่น้องประชาชนใช้รถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรีทุกสายเป็นเวลา 7 วัน ในช่วงระหว่างวันที่ 25-31 มกราคม 2568 หวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลจะลดลง เป็นผลให้ฝุ่น PM 2.5 ลดลงด้วย แต่มาตรการนี้จะใช้ได้ผล หรือเสียเงินฟรี 140 ล้าน ?

1. จะมีคนจอดรถยนต์ส่วนบุคคลมาขึ้นรถไฟฟ้าหรือไม่ ?
มีแต่น้อยมาก พูดได้ว่าไม่มีนัยสำคัญ พิสูจน์ได้โดยเปรียบเทียบปริมาณรถยนต์ส่วนบุคคลบนถนนที่มีรถไฟฟ้าวิ่ง เช่น ถนนสุขุมวิท ถนนสีลม ถนนพญาไท ถนนรัชดาภิเษก และถนนลาดพร้าว เป็นต้น ในช่วง 7 วัน ก่อนและหลังการใช้รถไฟฟ้าฟรี นั่นคือระหว่างวันที่ 18-24 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นช่วง 7 วัน ที่ไม่ให้ใช้รถไฟฟ้าฟรี กับวันที่ 25-31 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นช่วง 7 วัน ที่ให้ใช้รถไฟฟ้าฟรี ผมคาดว่าปริมาณรถยนต์ส่วนบุคคลใน 2 ช่วงเวลาดังกล่าวจะไม่ต่างกันมาก

ที่สำคัญ อย่านำปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าระหว่าง 2 ช่วงเวลาดังกล่าวมาเปรียบเทียบ เพราะปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าในช่วงให้ใช้รถไฟฟ้าฟรีอาจจะเพิ่มขึ้น แต่ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนั้นอาจไม่ได้มาจากผู้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เพราะผู้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลส่วนใหญ่รักความสะดวกสบาย คงไม่ยอมเปลี่ยนใจมาขึ้นรถไฟฟ้า ผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอาจมาจากผู้โดยสารรถเมล์ หรือนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ หรือผู้ที่ไม่เคยใช้รถไฟฟ้า หรือไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้รถไฟฟ้า อาจถือโอกาสนี้นั่งรถไฟฟ้าไปเยี่ยมญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง พบปะสังสรรค์ หาอาหารอร่อยๆ รับประทาน ชอปปิง และ/หรือ กินลมชมวิวกรุงเทพฯ และปริมณฑลก็ได้
ฟาดแรง \"ดร.สามารถ\" ถาม คิดได้ไง? สู้ \"PM2.5\" ใช้ 140 ล้านขึ้นรถไฟฟ้า-รถเมล์ ฟรี

2. จะมีคนจอดรถยนต์ส่วนบุคคลมาขึ้นรถเมล์หรือไม่ ?
คำตอบคือ ยากครับ ! เพราะไม่สะดวกสบายเหมือนใช้รถยนต์ส่วนบุคคล

3. สรุป
มาตรการให้ใช้รถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน ระหว่างวันที่ 25-31 มกราคม 2568 จะไม่ทำให้ปริมาณการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลลดลง ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของรัฐบาล แต่จะทำให้รถไฟฟ้าในช่วงเวลาเร่งด่วนซึ่งมีผู้โดยสารแน่นแออัดอยู่แล้วแน่นยิ่งขึ้น

ด้วยเหตุนี้ เงินชดเชยให้เอกชนผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าช่วง 7 วัน ประมาณ 140 ล้านบาท ก็จะไม่เกิดประโยชน์ตามความประสงค์ของรัฐบาล นำเงินดังกล่าวไปใช้ในการควบคุมไม่ให้มีการเผาไหม้จะได้ผลดีกว่า

ทั้งหมดนี้ ด้วยความหวังดีที่ไม่อยากเห็นกรุงเทพฯ เป็น "มหานครจมฝุ่น"

หมายเหตุ: ข้อสงสัยดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้อกังขาที่ผมและประชาชนทุกคนชอบที่จะต้องขอคำชี้แจงให้สิ้นสงสัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้อย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้นเอง
https://www.youtube.com/watch?v=XW_bBdtUV_M


ทัวร์ลง ! รถไฟฟ้าฟรี-รถเมล์ฟรี แก้ฝุ่นไม่ตรงจุด | เจาะประเด็นข่าว 7HD
Ch7HDNews
26 ม.ค. 2025

เจาะประเด็นข่าว 7HD - ไปดูมาตรการรถไฟ-รถเมล์ฟรี แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ทำหลายคนใช้บริการ จนยอดใช้รถไฟฟ้าปังมากทุกสาย

ไปตามผลของการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 หลังรัฐ เคาะมาตรการรถไฟฟ้าฟรี ทุกเส้นทาง ตั้งแต่วันที่ 25-31 มกราคมนี้ หวังลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ปรากฏว่า ประชาชนตอบรับดีมาก ไม่เคยใช้บริการก็ออกมาทดลองใช้บริการรถไฟฟ้า ใช้บริการกันหนาแน่นทุกเส้นทางรวมกว่า 1.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 45.29 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในสัปดาห์ที่ผ่านมา

เรื่องนี้ชาวเน็ตไม่ทน แสดงความคิดกันรัว ๆ ส่วนใหญ่ค่อยไปทางดรามา มองการแก้ปัญหายังไม่ตรงจุด เพราะที่เห็นกลายเป็นมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวแทน ก็เล่นแน่นทุกขบวนเลยทีเดียว นี่แค่วันหยุด ไม่อยากจะนึกถึงเช้าวันจันทร์ วันทำงานปกติ คนจะใช้เยอะมาก ๆ

บางก็คิดมุมบวกว่าแค่แนวทางทดลอง 7 วัน ปัญหาฝุ่นแก้ไขได้ให้เริ่มที่ตัวเองก่อน เพราะรัฐบาลมีเครื่องไม้เครื่องมือและความสามารถจำกัด จะได้ไม่ต้องคาดหวังว่ารัฐบาลจะทำได้ทุกเรื่อง

คอมเมนต์กันสนั่นแบบนี้ ทีมข่าวก็เลยลองไปสอบถามแต่ละคน ยังไหวกันอยู่ไหม เจอฝุ่นทั่วเมืองแบบนี้ ไปเจอคนหนึ่งเพิ่งกลับมาเที่ยวประเทศไทย เจอฝุ่นเข้าไปแทบช็อก

ขณะที่ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย มองว่า นโยบายนี้เป็นนโยบายที่ดี แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าการนำเงิน 140 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่มาจากภาษีของประชาชน จ่ายให้เอกชนเต็มจำนวน รายได้ที่พึงได้รับ ทั้ง ๆ ที่จำนวนผู้โดยสารลดลง ดังนั้นจึงอดตั้งข้อสังเกตไม่ได้ว่า จริง ๆ แล้วนโยบายนี้ตกลงแล้วประชาชน หรือ เอกชนที่ได้รับประโยชน์ไปเต็ม ๆ
https://www.youtube.com/watch?v=EWeNsqyMcRc

[Wisarut]

[Mongwin]

'เจแปนเวย์' แผนรถไฟทั่วประเทศไร้รอยต่อ คาดแล้วเสร็จปี 2575
UpFuture Channel
Jan 28, 2025


https://www.youtube.com/watch?v=qJxZZdMA4ms

[Mongwin]

เปลี่ยนตั๋วใครตั๋วมัน เป็น 'ตั๋วร่วม' 'ชนินทร์'มั่นใจสำเร็จในรัฐบาลเพื่อไทย
Source - เว็บไซต์แนวหน้า
Wednesday, January 29, 2025 14:28

เปลี่ยนตั๋วใครตั๋วมัน เป็น "ตั๋วร่วม" "ชนินทร์" มั่นใจ สำเร็จในรัฐบาลเพื่อไทย ชี้ "20 บาทตลอดสาย" แก้รถติด pm2.5 ให้คนเข้าถึงรถไฟฟ้าอย่างเท่าเทียม

วันที่ 29 มกราคม 2568 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. … (พ.ร.บ.ตั๋วร่วม) ว่า ระบบตั๋วร่วมเป็นการเปลี่ยนการชำระค่าโดยสารในระบบขนส่งสาธารณะ เป็นหนึ่งในวิธีการลดความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชน ต่อไปนี้การเดินทางด้วย รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ทางด่วน รถเมล์ เรือ หรือการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการฟีดเดอร์ (feeder) ของเอกชนอื่นๆ เช่น รถตู้โดยสาร รถสองแถว วินมอไซต์ เข้าด้วยกัน ให้สามารถจ่ายค่าโดยสารทุกระบบด้วยบัตรใบเดียว เพิ่มความสะดวกสบายให้พี่น้องประชาชนมากขึ้น และรวบรวมเอาฐานข้อมูลการเดินทางทั้งหมดมาเก็บไว้จุดเดียว เป็นกลไกสำคัญให้การทำระบบค่าโดยสารร่วมที่ผู้โดยสารไม่ต้องเสียค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน และนโยบาย "20 บาทตลอดสาย" ที่แม้ฝ่ายค้านจะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้หรือไม่ควรทำ แต่รัฐบาลเพื่อไทยพร้อมพิสูจน์ว่าเราทำได้

นายชนินทร์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย มีแนวคิดเรื่องการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานในระบบรถไฟฟ้า เพื่อทำให้ขนส่งสาธารณะระบบนี้เป็นบริการที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างแท้จริง ผ่านนโยบายหลายอย่าง อาทิ การเพิ่มความสะดวกด้วยระบบตั๋วร่วม การลดค่าโดยสารเหลือ 20 บาทต่อการเดินทางแต่ละครั้ง และการส่งเสริมการอยู่อาศัยโดยรอบสถานีรถไฟผ่านนโยบาย "บ้านเพื่อคนไทย" เพราะนโยบายเหล่านี้ นอกเหนือจากการช่วยเฉลี่ยต้นทุนให้งบประมาณที่ต้องใช้ชดเชยค่าโดยสารลดลงแล้ว ยังส่งเสริมการพัฒนาที่ดินโดยรอบสถานี ส่งเสริมการลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ลดปัญหารถติด และ pm2.5 อย่างยั่งยืน และที่สำคัญที่สุดคือ การช่วยเหลือให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยสามารถมีต้นทุนค่าครองชีพที่ลดลงได้อย่างมาก ให้มีเงินเหลือเก็บเหลือใช้ และสามารถตั้งตัวหรือพัฒนาคุณภาพชีวิตตัวเองได้เร็วขึ้น

"การทำตั๋วร่วม หรือที่หลายคนเคยมีความหวังกับบัตรแมงมุม เป็นเรื่องที่พูดกันมานานในสังคมไทย แต่ไม่เคยมีใครทำสำเร็จ ซึ่งการเสนอ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ในครั้งนี้ จะเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้การเปลี่ยนผ่านจากระบบตั๋วใครตั๋วมัน เป็นระบบตั๋วร่วม สำเร็จได้จริงภายใต้รัฐบาลเพื่อไทย" นายชนินทร์ กล่าว


Switching from Separate Tickets to a Unified System: "Chanin" Confident in Pheu Thai Government's Success

Source: Naew Na Website
Wednesday, January 29, 2025, 14:28

The transition from individual transport tickets to a unified ticketing system is underway, with MP Chanin Rungthanakiat expressing confidence in its success under the Pheu Thai government. He emphasized that the "20 Baht Flat Fare" policy would help alleviate traffic congestion, reduce PM2.5 pollution, and ensure equitable access to public transportation.

On January 29, 2025, Chanin Rungthanakiat, a party-list MP and Deputy Spokesperson for the Pheu Thai Party, discussed the draft Bill on Unified Ticketing System Management. He highlighted that the unified ticketing system would integrate fare payments across public transport modes, including electric trains, subways, expressways, buses, boats, and private feeder services like vans, songthaews, and motorcycle taxis. Commuters would be able to pay for all these services with a single card, making travel more convenient while consolidating travel data into a central system. This initiative aims to eliminate redundant entry fees and implement the "20 Baht Flat Fare" policy, which, despite opposition claims of infeasibility, the Pheu Thai government is determined to prove achievable.

Chanin explained that Pheu Thai aims to increase ridership in the electric rail system, ensuring it becomes a truly accessible public service. This will be achieved through various policies, including the unified ticketing system, the 20 Baht fare cap per trip, and the "Housing for Thais" initiative to promote residential development around transit stations. These measures not only help balance the budget required to subsidize fares but also encourage land development near stations, reduce private vehicle use, alleviate traffic congestion, and mitigate PM2.5 pollution sustainably. Most importantly, they will ease the financial burden on low-income citizens, allowing them to save more and improve their quality of life more quickly.

"The idea of a unified ticketing system—something many people once hoped for with the 'Mangmoom Card'—has been discussed for years in Thai society but never realized. The proposal of the Unified Ticketing Bill will be a crucial mechanism to successfully transition from separate ticketing systems to a truly integrated fare system under the Pheu Thai government," Chanin stated.

[Wisarut]

สภาเอกฉันท์ รับหลักการ ร่าง "พ.ร.บ.ตั๋วร่วม" บัตรใบเดียว ใช้ได้ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ เรือ
การเมือง
วันพุธ ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 15:37 น.

สภาเอกฉันท์ รับหลักการ ร่าง “พ.ร.บ.ตั๋วร่วม” บัตรใบเดียว ใช้ได้ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ เรือ เดินทางได้ทุกระบบขนส่งสาธารณะ หนุนลดใช้ยานพาหนะส่วนบุคคล

วันที่ 29 ม.ค. 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง เป็นประธานในที่ประชุม วาระพิจารณาเรื่องด่วน ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ….ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ และร่างที่นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนและคณะ เป็นผู้เสนอ

นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ชี้แจงหลักการและเหตุผล เพื่อสนับสนุนการให้บริการขนส่งสาธารณะทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า รถเมล์ และเรือโดยสาร โดยในสถานการณ์ปัจจุบันการขนส่งสาธารณะและการบริการมีความหลากหลาย ผู้บริการแต่ละรายมีต้นทุนในการจัดการและบริหาร รวมทั้งการจัดเก็บค่าโดยสาร หรือค่าธรรมเนียมของตนเอง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญทำให้ต้นทุนของการให้บริการขนส่งสาธารณะอยู่ในอัตราสูง และผู้ใช้บริการต้องรับผิดชอบต้นทุนดังกล่าว และยังทำให้เกิดความไม่สะดวกในการใช้บริการขนส่งสาธารณะ

ดังนั้น เพื่ออำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนผู้ใช้บริการ โดยใช้บัตรโดยสารใบเดียว เดินทางได้ทุกระบบของการบริการขนส่งสาธารณะ ซึ่งจะทำให้ประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมจากขนส่งส่วนบุคคลมาเป็นขนส่งสาธารณะ ช่วยลดค่าใช้จ่าย ลดภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาล

นางมนพร กล่าวต่อว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้มีหลักการสำคัญ 5 ประการ คือ

1.การจัดทำมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วมเพื่อให้เป็นมาตรฐานกลาง โดยมีสำนักงานนโยบายและแผนและการขนส่งการจราจร หรือ สนข. และใช้เป็นมาตรฐานกลางสำหรับตั๋วร่วมในอนาคต

2.เป็นการกำหนดอัตราโดยสารร่วม โดยให้อำนาจ รมว.คมนาคมในการออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วม และเป็นการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐจะต้องนำอัตราค่าโดยสารร่วม ไปใช้บังคับในการทำสัญญาสัมปทานขนส่งสาธารณะในอนาคต

3.จัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม

4.ผู้ประกอบการที่จะมีสิทธิ์ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายฉบับนี้

5.ในกรณีมีความจำเป็นให้ตราพระราชกฤษฎีกา กำหนดให้มีการประกอบกิจการขนส่งสาธารณะใดเป็นกิจการที่ต้องใช้ระบบตั๋วร่วม และต้องได้ใบรับอนุญาตตามกฎหมายฉบับนี้ เพื่อรักษาการให้บริการระบบตั๋วร่วม หรือเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดในการส่งเสริมระบบตั๋วร่วมเพื่อป้องกันการเสียหายต่อสาธารณะ

“ภาพรวมทั้งหมดของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้มีทั้งหมด 7 หมวด 54 มาตรา เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายและอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ด้วยการใช้บัตรโดยสารใบเดียวเดินทางได้ทุกระบบของการบริการขนส่งสาธารณะ ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางจากขนส่งส่วนบุคคล มาเป็นการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาล” นางมนพรกล่าว

ด้าน นายสุรเชษฐ์ กล่าวเสนอหลักการและเหตุผลของร่างกฎหมายที่เสนอ โดยสรุปถึงข้อแตกต่างระหว่างร่างของร่างรัฐบาล กับร่างของพรรคประชาชน เพื่อชี้ให้เห็นว่าเหตุใดถึงต้องใช้ร่างของพรรคประชาชนเป็นร่างหลักว่า โดยหลักการเราสนับสนุนให้มีระบบตั๋วร่วม แต่เราต้องการให้เอาประชาชนเป็นตัวตั้ง ระบบสาธารณะที่ดีไม่ใช่มีเฉพาะร่าง ต้องทำให้รถเมล์กับรถไฟฟ้าทำงานร่วมกันได้ ไม่ใช่สร้างโลกคู่ขนานอุดหนุนแต่รถไฟฟ้า แล้วละเลยรถเมล์

นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า มีหลายประเด็นที่ร่างพ.ร.บ.ของ ครม.และพรรคประชาชนแตกต่างกัน เช่น คำว่าตั๋วร่วม กับค่าโดยสารร่วม ซึ่งคำว่า “ค่าโดยสารร่วม” จะส่งผลโดยตรงต่อชีวิตประชาชนจริงๆ หรือ กรณีตั๋วร่วม 20 บาทตลอดทางของพรรคเพื่อไทย ซึ่งหมายถึงเฉพาะรถไฟ รถไฟฟ้า แต่ค่าโดยสารร่วมตามข้อเสนอของพรรคประชาชนมีราคา 8-45 บาทตลอดทาง ที่รวมถึงทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า รถเมล์ เรือ ดังนั้น จะต้องเขียนกฎหมายให้ครอบคลุมกับการบริการขนส่งสาธารณะทั้งหมดของประเทศ

“พ.ร.บ.ตั๋วร่วมอาจจะไม่ได้ตอบนโยบาย 20 บาทโดยตรง แต่อย่างน้อยให้กรอบอำนาจที่จะไปทำ แม้เราจะมีนโยบายที่แตกต่างกัน แต่เราต้องการ พ.ร.บ.เดียวกัน ดังนั้น จะต้องคิดว่าจะเขียน พ.ร.บ.อย่างไรให้ครอบคลุม และไม่ว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนไปอย่างไร พ.ร.บ.ฉบับนี้จะต้องยังอยู่

นายสุรเชษฐ์ ​กล่าวต่อว่า ร่างของพรรคประชาชนมีนิยามชัดเจน ครอบคลุมและไม่สับสน โดยเพิ่มสัดส่วนผู้แทนประชาชนในคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม เพิ่มความชัดเจนและกลไกโดยคำนึงถึงความชัดเจนและการบังคับใช้จริง เพิ่มหน้าที่ผู้ประกอบการระบบร่วมให้เปิดเผยสถานะทางการเงิน เพิ่มความชัดเจนในการใช้เงินกองทุน โดยมุ่งหวังสร้างสมดุลย์การอุดหนุนบริการขนส่งสาธารณะ พร้อมคำนึงถึงภาระทางการคลังระยะยาว

จากนั้นสมาชิกได้อภิปรายแสดงความเห็นที่หลากหลายกว้างขวาง และเห็นด้วยกับการมีร่างพ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม โดยที่ประชุมลงมติเห็นด้วยรับหลักการ 367 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 3 ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ. การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ…. จำนวน 31 คน ระยะเวลาแปรญัตติ 15 วัน

โดยทั้งครม.และพรรคประชาชน ต่างเสนอให้ใช้ร่างที่ตนเสนอเป็นร่างหลัก แต่เมื่อลงมติที่ประชุมเห็นชอบให้ใช้ร่าง ครม.เป็นหลักในการพิจารณา ด้วยคะแนน 226 ต่อ 142 เสียง งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 2 จึงถือว่าใช้ร่างของ ครม.เป็นร่างหลักในการพิจารณา

https://www.khaosod.co.th/politics/news_9611433

[Wisarut]