Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:312199
ทั่วไป:13806507
ทั้งหมด:14118706
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟฟ้าสีเขียวเข้ม(หมอชิต-สะพานใหม่) และเขียวอ่อน(แบริ่ง-ปากน้ำ)
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวรถไฟฟ้าสีเขียวเข้ม(หมอชิต-สะพานใหม่) และเขียวอ่อน(แบริ่ง-ปากน้ำ)
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 102, 103, 104
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> รถไฟฟ้า (BTS) และรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT)
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 48080
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 23/11/2024 12:54 pm    Post subject: Reply with quote

ธ.ค.นี้ ปิดตำนานทวงหนี้ ‘รถไฟฟ้า’ กทม.จ่ายค่าจ้าง BTS ก้อนแรก 1.4 หมื่นล้าน
Source - กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
Saturday, November 23, 2024 06:47

เตรียมปิดตำนานหนี้จ้างเดินรถและซ่อมบำรุง “รถไฟฟ้าสายสีเขียว” สะสมแตะ 4 หมื่นล้านบาท หลัง สภา กทม.ไฟเขียวรับร่างงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2568 เตรียมจ่ายก้อนแรก 1.4 หมื่นล้านบาท ภายใน ธ.ค.นี้ ด้าน “บีทีเอส” ระบุเป็นสัญญาณบวกปิดคดีหนี้ส่วนที่เหลือ

มหากาพย์หนี้ “รถไฟฟ้าสายสีเขียว” เป็นข้อพิพาทระหว่างรัฐและเอกชน โดยมีมูลค่าหนี้สินสูงระดับแสนล้านบาท ซึ่งมีจุดเริ่มต้นในปี 2559 ซึ่งเป็นภาระหนี้สินทั้งในส่วนของค่าจ้างงานติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M Electrical and Mechanical) ประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท

รวมถึงหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรักษา (O&M Operation and Maintenance) แตะ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2560 จากการว่าจ้างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC เข้ามาบริหารงานเดินรถส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีสำโรง – สถานีปู่เจ้าสมิงพราย และขยายต่อเนื่องจากสถานีปู่เจ้าสมิงพราย-สถานีเคหะสมุทรปราการ ตามด้วยสถานีหมอชิต-สถานีห้าแยกลาดพร้าว และห้าแยกลาดพร้าว-สถานีคูคต

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2567 กรุงเทพมหานคร ได้ชำระค่าติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล ส่วนต่อขยายที่ 1 อ่อนนุช-แบริ่ง , สะพานตากสิน-บางหว้า ส่วนต่อขยายที่ 2 แบริ่ง-สมุทรปราการ , หมอชิต-คูคต วงเงิน จำนวน 23,091 ล้านบาท ให้แก่ BTSC โดยใช้เงินจากรายจ่ายพิเศษจากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร ซึ่งอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 97 และมาตรา 103 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528

ปัจจุบันจึงเหลือภาระหนี้คงค้างเฉพาะในส่วนของ “ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรักษา” รวมกว่า 3.9 หมื่นล้านบาท แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย

หนี้ศาลปกครองสูงสุดพิพากษา ฟ้องครั้งที่ 1

โดยจำนวนเงินที่คำนวณล่าสุดกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น เงินต้น 11,755 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นดอกเบี้ยอีกกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุง ส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่-บางหว้า และช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ที่เกิดขึ้นในระหว่างเดือน พ.ค. 2562 - พ.ค.2564

หนี้ที่ฟ้องอยู่ในศาลชั้นต้น ฟ้องครั้งที่ 2

โดยเป็นค่าจ้างเดินรถที่ BTSC ได้ยื่นฟ้องเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2565 ปัจจุบันอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำนวน 11,811 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดหนี้ค่าจ้างงานเดินรถ และซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือนมิ.ย.2564 - ต.ค.2565

หนี้ที่ยังไม่ได้ฟ้อง

ซึ่งเป็นยอดหนี้ค่าจ้างงานเดินรถ และซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือน พ.ย.2565 - มิ.ย.2567 ประมาณ 13,513 ล้านบาท

ค่าจ้างตามสัญญาในอนาคต

โดยเป็นค่าจ้างงานเดินรถ และซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 จนสิ้นสุดสัญญาจ้างปี 2585

ขณะที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เสนอที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2567 ร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 พ.ศ.... เนื่องจากกรุงเทพมหานคร มีความประสงค์ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุงตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด

ทั้งนี้ปัจจุบัน กทม. มีเงินสะสมอยู่ประมาณ 50,000 ล้านบาท จึงมีเงินพอจ่ายหนี้ก้อนดังกล่าว 14,549,503,800 บาท โดยจ่ายจากเงินสะสมจ่ายขาดของ กทม.เนื่องจาก กทม. มีความประสงค์ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุงตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งคาดว่าน่าจะจ่ายหนี้ก้อนดังกล่าวได้ภายในปีนี้ ก่อนกำหนดที่ศาลปกครองสูงสุดตั้งไว้ตามคำพิพากษา คือ กทม. ต้องชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถฯ ภายใน 180 วัน ก่อนวันที่ 21 ม.ค. 2568 ซึ่งการพิจารณาชำระหนี้ก้อนดังกล่าวได้พิจารณาอย่างรอบคอบทุกด้านแล้ว

รายงานข่าวจากบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) หรือ BTSC เผยว่า จากการประเมินขั้นตอนดำเนินงานต่างๆ ของ กทม. คาดว่าบริษัทจะได้รับชำระเงินค่าจ้างประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาทภายในเดือน ธ.ค.นี้ โดยหากบริษัทได้รับชำระเงินค่าจ้างส่วนนี้ จะนำเงินบางส่วนไปจ่ายหนี้ที่ครบกำหนดชำระ รวมทั้งนำมาเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ

อีกทั้งยังคาดหวังว่าการชำระค่าจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุงในครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณบวกที่จะมีผลต่อการชำระค่าจ้างส่วนที่เหลืออีกกว่า 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าจ้างที่เกิดขึ้นระหว่างเดือน มิ.ย.2564 - ต.ค.2565 จำนวน 11,811 ล้านบาท และค่าจ้างที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนพ.ย.2565 - มิ.ย.2567 จำนวนกว่า 13,513 ล้านบาท


This December: End of the "Green Line" Debt Saga as Bangkok Makes First Payment of 14 Billion Baht to BTS

Source - Krungthep Turakij Online
Saturday, November 23, 2024 06:47

The long-running debt saga surrounding the operation and maintenance of the "Green Line" electric train, which has accumulated to 40 billion baht, is coming to an end. The Bangkok Metropolitan Council has approved the draft supplementary budget for 2025, paving the way for the first payment of 14 billion baht to be made by December. BTS sees this as a positive sign for the resolution of the remaining debt.

The "Green Line" debt saga has been a major dispute between the state and the private sector, with liabilities exceeding 100 billion baht. It originated in 2016 with the debt for the installation of electrical and mechanical systems (E&M) amounting to approximately 23 billion baht.

This was compounded by the debt for operation and maintenance (O&M) services, reaching 40 billion baht. This debt began accumulating in 2017 when Bangkok Mass Transit System Public Company Limited (BTSC) was contracted to operate the Green Line extensions from Samrong Station to Pu Chao Saming Phrai Station, and further extensions from Pu Chao Saming Phrai Station to Kheha Samut Prakan Station, Mo Chit Station to Ha Yaek Lat Phrao Station, and Ha Yaek Lat Phrao Station to Khu Khot Station.

On April 2, 2024, the Bangkok Metropolitan Administration (BMA) paid BTSC 23.091 billion baht for the installation of electrical and mechanical systems for the extensions. This payment covered On Nut-Bearing, Saphan Taksin-Bang Wa, Bearing-Samut Prakan, and Mo Chit-Khu Khot sections. The funds were sourced from the BMA's special expenditure reserve fund, authorized under Sections 97 and 103 of the Bangkok Metropolitan Administration Act, B.E. 2528.

Currently, the outstanding debt is solely for "operation and maintenance" and totals over 39 billion baht. This is divided into four parts:

1. Debt adjudicated by the Supreme Administrative Court (first lawsuit): The latest calculated amount exceeds 14 billion baht, comprising 11.755 billion baht in principal and over 2 billion baht in interest. This covers operation and maintenance of the extensions from Saphan Taksin to Wongwian Yai-Bang Wa, On Nut-Bearing, and Bearing-Samut Prakan from May 2019 to May 2021.

2. Debt under consideration in the Court of First Instance (second lawsuit): BTSC filed an additional lawsuit on November 22, 2022, for 11.811 billion baht, representing operation and maintenance costs for the Green Line extensions from June 2021 to October 2022. This case is currently under review.

3. Debt not yet filed: This amounts to approximately 13.513 billion baht for operation and maintenance of the Green Line extensions from November 2022 to June 2024.

4. Future contractual payments: This covers operation and maintenance costs for the Green Line extensions until the contract ends in 2085.

On November 22, 2024, Bangkok Governor Chadchart Sittipunt proposed a draft regulation to the Bangkok Metropolitan Council for supplementary budget expenditures for the fiscal year 2025. This is to facilitate the payment of the 14,549,503,800 baht debt for operation and maintenance, as ordered by the Supreme Administrative Court.

The BMA currently has approximately 50 billion baht in reserve funds, sufficient to cover this payment. The payment will be sourced from the BMA's reserve fund and is expected to be made within this year, ahead of the Supreme Administrative Court's deadline of January 21, 2025.

According to a source from BTSC, based on the BMA's procedures, the company expects to receive the payment of approximately 14 billion baht within December. Upon receiving this payment, BTSC plans to allocate a portion to repay maturing debts and enhance its business liquidity.

BTSC hopes that this payment signals a positive step towards settling the remaining debt of over 20 billion baht, including the 11.811 billion baht incurred between June 2021 and October 2022, and the over 13.513 billion baht incurred between November 2022 and June 2024.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 44432
Location: NECTEC

PostPosted: 29/11/2024 12:02 pm    Post subject: Reply with quote

"สันติสุข" เปิดภาพ "บีทีเอส" แบกรับความเสี่ยงสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว แต่ กทม. ไม่จ่ายค่าเดินรถ

TOP NEWS LIVE
วันอาทิตย์ ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

"สันติสุข" เปิดภาพ "บีทีเอส" แบกรับความเสี่ยงสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว แต่ กทม. ไม่จ่ายค่าเดินรถ ชี้ช่องหลังปี 2572 กทม. กำหนดค่าโดยสารเองได้หมด แต่ต้องเคลียร์หนี้ให้เกลี้ยง
https://www.youtube.com/watch?v=P0j-7t5G1l4

ผ่านฉลุย สภากทม.ไฟเขียวจ่ายหนี้ "รถไฟฟ้าสายสีเขียว" 1.4 หมื่นล้าน
ฐานเศรษฐกิจ
วันศุกร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 13:42 น.
อัปเดตล่าสุด : วันศุกร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 13:49 น.

สภากทม.เคาะรับร่างข้อบัญญัติจ่ายหนี้ "รถไฟฟ้าสายสีเขียว" 1.4 หมื่นล้านบาท หลังศาลปกครองสั่งจ่ายให้บีทีเอสซี ลุยตั้งคณะกรรมการไฟเขียวภายใน 45 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 พ.ย.67) ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการ กทม.ดินแดง นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 1) ประจำปี 2567

ทั้งนี้ในการประชุมมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายจักกพันธุ์ ผิวงาม นายวิศณุ ทรัพย์สมพล นายศานนท์ หวังสร้างบุญ นางสาวทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหาร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เข้าร่วม

นายชัชชาติ ได้เสนอญัตติร่างข้อบัญญัติ กรุงเทพมหานคร เรื่องงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปี พ.ศ.2568 พ.ศ. … โดย กทม.เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พ.ศ. ... จำนวน 14,549,503,800 บาท จากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร

สำหรับการเสนอร่างดังกล่าวนั้น เนื่องจาก กทม.มีความประสงค์ชำระหนี้ให้กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด หรือ บีทีเอสซี ในส่วนค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด

ขณะที่สถานะการเงินการคลังของ กทม. ณ วันที่ 1 พ.ย. 67 กทม.มีเงินฝากธนาคารเป็นเงิน 96,010.04 ล้านบาท แบ่งเป็น รายรับหักรายจ่ายสุทธิ 4,326.23 บาท เงินนอกงบประมาณที่มีภาระผูกพัน 1,602.12 ล้านบาท

ส่วนเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีที่ยังไม่เบิก 1,696.22 ล้านบาท เงินสะสมกรุงเทพมหานครคงเหลือ 64,019.05 ล้านบาท ทุนสำรองเงินคงคลังกรุงเทพมหานคร 9,366.42 ล้านบาท

สำหรับภาระหนี้ตามโครงการต่อเนื่องที่ได้ก่อหนี้ผูกพันแล้ว ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย.67 มีรายละเอียดคือวงเงินสูงกว่า 1,000 ล้านบาท มี 5 หน่วยงาน 32 โครงการ มีภาระผูกพันตามสัญญาจำนวนคงเหลือ 61,659.69 ล้านบาท


นอกจากนี้ยังมีโครงการที่มีวงเงินตั้งแต่ 500-1,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 6 หน่วยงาน 29 โครงการ มีภาระผูกพันตามสัญญาคงเหลือจำนวน 11,516.85 ล้านบาท ด้านโครงการที่มีวงเงินต่ำกว่า 500 ล้านบาท จำนวน 21 หน่วย 117 โครงการ มีภาระผูกพันตามสัญญาคงเหลือจำนวน 7,348.13 ล้านบาท

ทั้งนี้สถานะเงินสะสมประจำปีงบประมาณ 2568 ณ วันที่ 1 พ.ย.67 จำนวน 81,436.90 ล้านบาท แบ่งเป็น เป็นเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี 17,198.31 ล้านบาท ภาระผูกพันและการสำรองเงินที่ทำให้ยอดสะสมเงินลดลง จำนวน 3,399.63 ล้านบาท

สำหรับเงินสำรองสะสมกรุงเทพมหานคร ตามกฎหมาย จำนวน 6,500 ล้านบาท กันไว้สำหรับจ่ายกรณีสาธารณภัย 5,433.89 ล้านบาท คาดการณ์การใช้จ่ายในปี 2568 กรณีจัดเก็บรายได้ไม่เพียงพอ 10,600 ล้านบาท เงินสะสมที่ปลอดภาระผูกพัน 38,305.07 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามจึงอาศัยความในมาตรา 97 และมาตรา 103 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 เสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อ งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 พ.ศ. … จำนวน 14,549,503,800 บาท โดยจ่ายจากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร

นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า เรื่องสำคัญคือการยื่นเรื่องให้ศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่อีกครั้ง ศาลปกครองสูงสุดได้แจ้งว่า เรื่องการชี้มูลจาก ป.ป.ช.ได้พิจารณาอยู่ในหลักฐานการพิจารณาคดีเรียบร้อยแล้ว

" กทม.จึงไม่มีเหตุผลที่จะยื่นให้ศาลพิจารณาใหม่อีกครั้ง ส่วนเรื่องเอกสารชี้มูลจาก ป.ป.ช.ได้แจ้งขอเปิดเผยขอข้อมูลจาก ป.ป.ช.แล้ว แต่ ป.ป.ช.ไม่อนุญาตให้เปิดเผย" นายชัชชาติ กล่าว



ขณะเดียวกันการชี้แจงจากศาลปกครองสูงสุด ทำให้ กทม.มีความสบายใจที่จะชำระหนี้อย่างถูกต้อง ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด เพราะได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้องแล้ว

"กทม.ไม่ได้กังวลเรื่องดอกเบี้ย แต่ให้ความสำคัญกับการดำเนินการอย่างถูกต้องมากกว่า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง" นายชัชชาติ กล่าว

สำหรับที่ประชุมสภา กทม. มีมติเห็นชอบร่างญัตติดังกล่าว จำนวน 37 คน พร้อมตั้งคณะกรรมการวิสามัญร่างข้อบัญญัติ กรุงเทพมหานคร เรื่องงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปี พ.ศ.2568 พ.ศ. … จำนวน 24 คน โดยใช้เวลาพิจารณา 45 วัน และกำหนดแปรญัตติ 10 วัน

นายนภาพล จีระกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตบางกอกน้อย กล่าวว่า นอกจากส่วนดังกล่าวแล้ว ยังมีส่วนอื่นอีกรวมประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ที่ กทม.ต้องชำระ รวมดอกเบี้ยกว่าวันละ 7 ล้านบาท

ทั้งนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่สภา กทม.ควรเห็นชอบในการอนุมัติวงเงินเพื่อให้ กทม.นำไปชำระหนี้ เพราะผู้ว่าฯกทม.ไม่มีอำนาจนำเงินไปใช้

"หากเรื่องนี้ยังดำเนินการช้า กทม.จะยิ่งเสียดอกเบี้ยมากขึ้น แต่หากเร่งชำระหนี้จำนวนดังกล่าวในวันนี้ จะช่วยประหยัดเงินกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำไปใช้อย่างอื่นได้" นายนภาพล กล่าว
https://www.thansettakij.com/business/economy/612577
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 48080
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 24/12/2024 9:52 am    Post subject: Reply with quote

'ชัชชาติ' เซ็นเช็ค 1.4 หมื่นล. จ่ายหนี้สีเขียวสัปดาห์นี้! ปี'68 รับเงิน O&M อีก 3 หมื่นล้าน BTS หารือขายสัมปทานรถไฟฟ้า
Source - ข่าวหุ้น
Tuesday, December 24, 2024 05:20

ผู้ว่าฯกทม. เซ็นเช็ค 1.45 หมื่นล้านบาท! จ่ายหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงสายสีเขียวให้ BTS ภายในสัปดาห์นี้ ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ลั่นพร้อมเจรจาหนี้ O&M ที่เหลืออีก 3 หมื่นล้านบาท เร็ว ๆ นี้ ก่อนนำเข้าหารือในสภากรุงเทพมหานครช่วงเดือน ม.ค. 68 ผู้บริหารบีทีเอสมั่นใจหลังได้รับเงิน D/E ลดฮวบต่ำกว่า 2 เท่า นัดถก “ชัชชาติ” เคลียร์หนี้ที่เหลือ ส่วนสัมปทานสายสีเขียว ชมพู และเหลือง หากได้ราคาดีพร้อมขายให้รัฐ หนุนนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ผู้อำนวยการใหญ่สายธุรกิจ MOVE และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ในเครือบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า บริษัทได้รับแจ้งจากกรุงเทพมหานครแล้วว่า กทม.ได้เตรียมชำระเงินชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งสภากรุงเทพมหานครได้ให้ความเห็นชอบจ่ายขาดเงินสะสมจำนวนไม่เกิน 14,549,503,800 บาท ได้ภายในสัปดาห์นี้

“ล่าสุดกทม.บอกว่าจะจ่ายหนี้เราภายใน 24-27 ธ.ค.นี้ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทำเช็คอยู่ หลังผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเซ็นแล้ว จากนั้นจะไปยื่นที่สำนักบังคับคดีและส่งให้ผู้พิพากษา ต่อจากนั้นก็เรียกบีทีเอสมารับเช็ค อย่างเร็วที่สุดคือวันที่ 24 ธ.ค.นี้” นายสุรพงษ์ กล่าว

สำหรับหนี้ที่ได้รับการชำระในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปชำระหนี้ที่ครบกำหนดก่อน ส่วนที่เหลือจะเก็บเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ไว้สำหรับจ่ายหนี้ที่เหลือต่อไป ผลจากการได้รับการชำระหนี้ จะทำให้หนี้สินต่อทุนหรือ D/E ลดลงเหลือต่ำกว่า 2 เท่า

นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนหนี้ O&M โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เหลืออีก 3 หมื่นล้านบาท จะมีการเจรจากับกรุงเทพมหานครเร็ว ๆ นี้ หลังจากได้รับเงิน 1.45 หมื่นล้านบาท เรียบร้อยแล้ว

ส่วนกรณีบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ KT ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ไม่รับพิจารณาคดีใหม่ กรณีอัยการสูงสุดเคยยื่นอุทธรณ์ เนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแจ้งข้อกล่าวหากับผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 12 ราย ที่ทำสัญญาจ้าง BTSC เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 3 เส้นทางไปจนถึงปี 2585 โดยมิชอบนั้น กรุงเทพมหานครไม่ได้นำมาพิจารณาในการชำระหนี้ครั้งนี้

พร้อมเจรจาขายสัมปทาน

นอกจากนี้ BTS พร้อมเจรจากับภาครัฐกรณีซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีชมพู และสายสีเหลือง หากได้ราคาที่เหมาะสม ตามนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย อย่างไรก็ตามแม้จะขายส้มปทานไปแล้ว บริษัทก็ยังคงรับจ้างเดินรถอยู่ ที่มีรายได้ที่แน่นอนสม่ำเสมอ

ปัจจุบันสายสีเขียวหลักคือ สายสุขุมวิท หมอชิต-อ่อนนุช ระยะทาง 17 กิโลเมตร (กม.) และสายสีลม สนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ระยะทาง 6.5 กม. เหลือสัญญาอีกประมาณ 5 ปี จะสิ้นสุดสัมปทานในวันที่ 4 ธันวาคม 2572 จากนั้นกทม.จะเปลี่ยนเป็นสัญญาจ้าง BTS เดินรถจนถึงปี 2585 ขณะที่สายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง และสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ยังมีอายุสัมปทานเหลืออีกกว่า 20 ปี

ก่อนหน้านี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รัฐเตรียมตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าคืนจากบริษัทเอกชนที่รับสัมปทานอยู่ในปัจจุบัน เช่น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีชมพู สายสีเหลือง และสายสีส้ม ที่ยังมีอายุสัมปทานเหลืออีกกว่า 20 ปี ยกเว้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ยังเหลืออายุอีกประมาณ 5 ปีเท่านั้น

โดยเมื่อรัฐซื้อคืนสัมปทานกลับมาแล้ว จะปรับรูปแบบสัญญาจากสัมปทาน PPP Net Cost เป็นการจ้างเดินรถ หรือ PPP Gross Cost โดยจะจ้างเอกชนรายเดิมที่ยังไม่หมดสัมปทานเดินรถต่อไปจนหมดสัญญา ดังนั้นเอกชนจะไม่ได้รับผลกระทบ หรือมีความเสี่ยงในการเดินรถจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบสัญญาจ้างดังกล่าว

ชงหนี้ 3 หมื่นล้านเข้าสภาฯ ม.ค.นี้

นายนภาพล จีระกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตบางกอกน้อย ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ได้หารือกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับแนวทางการชำระหนี้ O&M โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนที่เหลือ โดยคาดว่าจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในสภากรุงเทพมหานครสมัยสามัญ ในเดือนมกราคม ปี 2568 นี้

“ที่ประชุมบอร์ดวิสามัญฯ ได้มอบหมายให้ผู้ว่าชัชชาติไปเจรจากับ BTS เพื่อขอลดดอกเบี้ยก่อนจะสรุปแนวทางชำระหนี้กันอีกครั้ง เพื่อลดภาะดอกเบี้ยที่มีวันละ 7 ล้านบาท”

โดยเป็นค่าจ้างเดินรถที่ BTSC ได้ยื่นฟ้องเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2565 ปัจจุบันอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำนวน 11,811 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดหนี้ค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2564-ต.ค. 2565

รวมทั้งยอดหนี้ค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2565-มิ.ย. 2567 ประมาณ 13,513 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้ฟ้องศาล

นอกจากนี้ บอร์ดวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ยังแนะนำให้กรุงเทพมหานครนำเงินที่ได้รับจากค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย มาชำระหนี้ที่ค้างชำระให้กับ BTS ทุกเดือน จากเดิมที่มีการค้างชำระหรือจ่ายไม่ครบตามสัญญา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (23 ธ.ค. 2567) ราคาหุ้น BTS ปิดที่ 5.55 บาท ลดลง 0.89% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 806 ล้านบาท

ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 24 ธ.ค. 2567


## Chadchart Signs 14 Billion Baht Check to Pay Green Line Debt This Week! 30 Billion Baht More for O&M in 2025, BTS Discusses Selling Rail Concession

**Source - Khao Hoon**
**Tuesday, December 24, 2024 05:20**

Bangkok Governor Chadchart Sittipunt will sign a 14.5 billion baht check this week to pay BTS for the Green Line's operation and maintenance (O&M) costs, as ordered by the Supreme Administrative Court. He asserts his readiness to negotiate the remaining 30 billion baht O&M debt soon, before bringing it to the Bangkok Metropolitan Council in January 2025. BTS executives are confident that after receiving this payment, their debt-to-equity ratio will drop below 2. They have scheduled a meeting with Chadchart to discuss the remaining debt. If the price is right, BTS is open to selling the Green, Pink, and Yellow Line concessions to the government to support the 20 baht flat fare policy.

Mr. Surapong Laoha-Unya, Chief Operating Officer of MOVE and President of Bangkok Mass Transit System Public Company Limited (BTSC), a subsidiary of BTS Group Holdings Public Company Limited (BTS), revealed to "Khao Hoon Business" that the Bangkok Metropolitan Administration (BMA) has informed BTSC that they are prepared to pay the outstanding O&M debt for the Green Line this week. The Bangkok Metropolitan Council has approved a lump sum payment of no more than 14,549,503,800 baht from the city's accumulated funds.

"The BMA has informed us that they will pay the debt between December 24-27. They are currently in the process of preparing the check after the Governor signs it. Then, they will submit it to the Legal Execution Department and the judge. After that, BTS will be called to receive the check. The earliest date is December 24," said Mr. Surapong.

BTS will use this payment to settle maturing debts first, with the remainder used as working capital for future debt payments. This payment will reduce the company's debt-to-equity ratio to below 2.

Mr. Surapong added that the remaining 30 billion baht Green Line O&M debt will be negotiated with the BMA soon after receiving the 14.5 billion baht payment.

Regarding Krungthep Thanakom Company Limited (KT)'s appeal of the Supreme Administrative Court's decision not to reconsider the case, where the Attorney General had previously appealed due to the National Anti-Corruption Commission (NACC) indicting 12 individuals involved in the allegedly illegal contract with BTSC to operate the Green Line extensions until 2032, the BMA has not considered this in the current payment.

**Ready to Negotiate Concession Sale**

BTS is ready to negotiate with the government regarding the buyback of the Green, Pink, and Yellow Line concessions if the price is right, in line with the 20 baht flat fare policy. However, even if the concessions are sold, BTS will continue to operate the lines under a service contract, ensuring a steady income stream.

Currently, the main Green Line (Sukhumvit Line: Mo Chit - On Nut, 17 km) and Silom Line (National Stadium - Saphan Taksin, 6.5 km) have about 5 years remaining on their concession, expiring on December 4, 2029. After that, the BMA will switch to a service contract with BTS until 2032. The Yellow Line (Lat Phrao - Samrong) and Pink Line (Khae Rai - Min Buri) still have over 20 years remaining on their concessions.

Previously, Deputy Prime Minister and Minister of Transport, Mr. Suriya Jungrungreangkit, stated that the government is preparing to establish an infrastructure fund to buy back rail concessions from private companies, including the Blue, Pink, Yellow, and Orange Lines, which have more than 20 years remaining on their concessions. The exception is the Green Line, which has only about 5 years left.

Once the government buys back the concessions, it will change the contract model from PPP Net Cost to a service contract (PPP Gross Cost), hiring the same private operators to continue operating the lines until the end of their contracts. Therefore, private companies will not be affected or face any risks from this change.

**30 Billion Baht Debt to be Presented to the Council in January**

Mr. Naphapol Jeerakul, Bangkok Metropolitan Council member for Bangkok Noi district and chairman of the Extraordinary Committee to study the problems of the Green Line project, revealed to "Khao Hoon Business" that he has discussed with Governor Chadchart about the payment of the remaining Green Line O&M debt. It is expected that this matter will be brought to the Bangkok Metropolitan Council's ordinary session in January 2025.

"The Extraordinary Committee has assigned Governor Chadchart to negotiate with BTS to reduce interest rates before finalizing the payment method to reduce the interest burden of 7 million baht per day."

This includes the additional O&M debt that BTSC filed a lawsuit for on November 22, 2022, currently under consideration by the Court of First Instance, amounting to 11.811 billion baht. This covers the Green Line extensions from June 2021 to October 2022.

It also includes the O&M debt for the Green Line extensions from November 2022 to June 2024, approximately 13.513 billion baht, which has not yet been filed with the court.

The Extraordinary Committee also recommended that the BMA use revenue collected from Green Line extension fares to pay off the outstanding debt to BTS monthly, instead of the current practice of delayed or incomplete payments.

Yesterday (December 23, 2024), BTS shares closed at 5.55 baht, down 0.89%, with a trading value of 806 million baht.

Source: Khao Hoon newspaper, December 24, 2027
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 48080
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 14/02/2025 6:01 pm    Post subject: Reply with quote

รมช.คมนาคม เปิดท่าเทียบเรือวุฒากาศ ศูนย์กลางเชื่อมต่อล้อรางเรือ
On February 14, 2025

“กรมเจ้าท่า”ได้ฤกษ์เปิดท่าเทียบเรือวุฒากาศ ยกระดับมาตรฐานโครงสรางพื้นฐานคมนาคมทางน้ำ เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ เรือโดยสาร – รถประจำทาง – รถไฟฟ้า รองรับการสัญจรทางน้ำที่ขยายตัวต่อเนื่อง

14 กุมภาพันธ์ 2568 – นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดท่าเทียบเรือวุฒากาศ เพื่อยกระดับมาตรฐานของโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมทางน้ำ และการให้บริการด้านคมนาคมทางน้ำในการเปลี่ยนผ่านระบบขนส่งสาธารณะระหว่างล้อ ราง เรือ ตามนโยบายของของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ในการพัฒนาท่าเทียบเรือทั่วประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมเมืองและการดำเนินชีวิตของคนกรุงเทพฯ ที่มีความเร่งรีบในการเดินทาง

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้ มอบหมายให้กรมเจ้าท่า ดำเนินการพัฒนาท่าเรือเป็นสถานีเรือโดยสารอัจฉริยะ โดยโฉพาะโครงการพัฒนาระบบขนส่งโดยสารทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองสำคัญ ที่ใช้ในการเดินทางในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยเฉพาะการคมนาคมทางน้ำและการให้บริการของกรมเจ้าท่าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อรองรับกับการสัญจรทางน้ำที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือวุฒากาศ เป็นหนึ่งของโครงการก่อสร้างโป๊ะเทียบเรือในคลองบางขุนเทียนเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม(สายสีลม) เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางในการเดินทางระบบขนส่งสาธารณะให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยสามารถเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างเรือโดยสาร รถโดยประจำทาง และรถไฟฟ้า ช่วยอำนวยความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ

“ปัจจุบันพื้นที่บริเวณใต้สะพานสถานีรถไฟฟ้าวุฒากาศ ริมคลองบางขุนเทียน ยังไม่มีท่าเรือหรือโป๊ะเทียบเรือที่ได้มาตรฐาน ซึ่งมองว่าโครงการนี้จะรองรับผู้โดยสารที่ต้องการเชื่อมโยงระบบล้อ ราง เรือ ซึ่งจะช่วยลดทั้งเวลาและประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้อีกด้วย” นายกริชเพชร กล่าว

สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือวุฒากาศ ตั้งอยู่บริเวณใต้สะพานสถานีรถไฟฟ้าวุฒากาศ ริมคลองบางขุนเทียน เขตธนบุรี กรุงเทพฯ ประกอบด้วย การก่อสร้างชานพักสำหรับเป็นทางขึ้น-ลง ขนาด 2.40 X 3.20 เมตร จำนวน 1 ชุด การก่อสร้างโป๊ะ ขนาด 3.00 x 6.00 x 1.20 เมตร จำนวน 1 โป๊ะ และการก่อสร้างสะพานปรับระดับ 1.20 x 8.00 เมตร จำนวน 1 สะพาน ภายใต้งบประมาณการก่อสร้าง จำนวน 1,750,000 บาท ปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 รวมระยะเวลาการก่อสร้าง 150 วัน โดยมีบริษัท สกาย มารีน จำกัด เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างโดยมีคณะกรรมการตรวจรับพัสดุรับมอบงานงวดสุดท้ายไปแล้วเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2567

Deputy Transport Minister Opens Wutthakat Pier as a Central Hub Connecting Road, Rail, and Water
February 14, 2025

The Marine Department has officially opened Wutthakat Pier, elevating the standards of water transport infrastructure to serve as a central hub integrating public transportation—passenger boats, buses, and electric trains—to meet the continuously growing demand for water-based travel.

On February 14, 2025, Ms. Manaporn Charoensri, Deputy Minister of Transport, presided over the opening ceremony of Wutthakat Pier. The event aimed to enhance the standards of water transport infrastructure and services during the transition to a public transport system that seamlessly connects road, rail, and water. This initiative aligns with the policy of Prime Minister Ms. Paetongtarn Shinawatra and Minister of Transport Mr. Suriya Juangroongruangkit, who are focused on developing piers nationwide to fit the urban context and the fast-paced lifestyle of Bangkok residents.

Ms. Manaporn stated that she has entrusted the Marine Department to develop piers into “smart passenger boat stations,” particularly through projects that expand water transport on the Chao Phraya River and key canals in Bangkok and its surrounding areas. This effort aims to strengthen the country’s infrastructure—especially water transport and related services under the Marine Department—so they can efficiently support the rapidly rising volume of waterway travel.

Mr. Kritchphet Chaichuay, Director-General of the Marine Department, added that the construction of Wutthakat Pier is part of a larger initiative to build floating pontoons along Bang Khun Thian Canal, connecting to the Dark Green (Silom) BTS Line. The pier will serve as a central hub for more efficient public transportation, meeting the needs of both commuters and tourists. Passengers can conveniently connect between passenger boats, buses, and electric trains, offering greater ease, speed, safety, and cost savings through an effective public transport network.

“Currently, there is no standardized pier or pontoon under the Wutthakat BTS Station Bridge along Bang Khun Thian Canal. We believe this project will accommodate passengers wishing to link road, rail, and water travel, thereby reducing both travel time and costs,” Mr. Kritchphet said.

The Wutthakat Pier construction site is located beneath the Wutthakat BTS Station Bridge, alongside Bang Khun Thian Canal in Bangkok’s Thonburi District. The project consists of building a 2.40 x 3.20 meter landing platform, one floating pontoon measuring 3.00 x 6.00 x 1.20 meters, and a 1.20 x 8.00 meter adjustable bridge, with a total construction budget of 1,750,000 baht. Construction was completed on November 30, 2024, taking 150 days in total. Sky Marine Co., Ltd. carried out the construction, with the final handover accepted by the procurement inspection committee on December 2, 2024.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> รถไฟฟ้า (BTS) และรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 102, 103, 104
Page 104 of 104

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©