Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45533
Location: NECTEC
Posted: 13/02/2025 9:39 am Post subject:
กรมรางลงพื้นที่ติดตามงานก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ และตรวจความพร้อมก่อนเปิดเดินรถทางคู่ภายในกลางปีนี้
กรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 20:58 น.
เมื่อวันที่ 10 - 11 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางราง ลงพื้นที่ติดตามงานก่อสร้างและตรวจความพร้อมการเปิดให้บริการรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ ที่สถานีลพบุรี 2 สถานีจันเสน สถานีนครสวรรค์ อาคารควบคุมการเดินรถ (CTC) และสถานีปากน้ำโพ โดยมีผู้แทนจากฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง ฝ่ายการอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ ฝ่ายบริการโดยสาร และฝ่ายบริการสินค้า ของการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยบริษัทที่ปรึกษาควบคุมงานและบริษัทผู้รับจ้างให้การต้อนรับ โดยมีนางสาวอารีย์ ธัญญเจริญ ขนส่งจังหวัดลพบุรีร่วมลงพื้นที่หารือเพื่อเตรียมความพร้อมจัดระบบขนส่งสาธารณะ (Feeder) เชื่อมต่อระหว่างสถานีลพบุรีเดิมและสถานีลพบุรี 2 ด้วย
สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร แบ่งเป็น 3 สัญญา ได้แก่
สัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ - โคกกระเทียม 32 กิโลเมตร (ทางรถไฟยกระดับ 19 กิโลเมตร และระดับพื้น 13 กิโลเมตร) มีการก่อสร้างสถานีใหม่ 1 แห่ง คือ สถานีลพบุรี 2 ซึ่งเป็นโครงสร้างทางรถไฟยกระดับที่ยาวที่สุดในประเทศไทย บนทางหลวงหมายเลข 366 เพื่อเบี่ยงแนวเส้นทางเดิมบริเวณพื้นที่ที่ผ่านเข้าตัวเมืองลพบุรี เนื่องจากข้อจำกัดด้านพื้นที่แหล่งประวัติศาสตร์และโบราณคดี
สัญญาที่ 2 ช่วงท่าแค - ปากน้ำโพ 116 กิโลเมตร เป็นโครงสร้างระดับพื้นทั้งหมด โดยก่อสร้างสถานีใหม่ 6 สถานี และก่อสร้างทดแทนสถานีเดิม 11 สถานี
สัญญาที่ 3 งานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม อยู่ระหว่างติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณฯ มีความคืบหน้า ร้อยละ 54.88
ปัจจุบันก่อสร้างโครงสร้างอาคารสถานี ชานชาลา และวางรางเรียบร้อยแล้ว กำหนดทดสอบเดินรถทางคู่ โดยใช้ระบบทางสะดวกอิเล็กทรอนิกส์ (E-Token) ร่วมกับระบบอาณัติสัญญาณไฟสีสำหรับช่วงที่ยังติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณฯ ยังไม่แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2568
สำหรับสถานีลพบุรี 2 เป็นสถานียกระดับ แบ่งเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นระดับดิน ชั้นจำหน่ายตั๋วโดยสาร และชั้นชานชาลา รองรับรถไฟทางไกล ได้แก่ รถด่วนพิเศษ รถด่วน รถเร็ว และรถสินค้า ส่วนสถานีลพบุรีเดิมยังคงเปิดให้บริการสำหรับขบวนรถธรรมดา รถชานเมือง และรถท้องถิ่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนจังหวัดลพบุรี ซึ่งเมื่อเปิดให้บริการสถานีลพบุรี 2 แล้ว สำนักงานขนส่งจังหวัดลพบุรีมีแผนนำร่องจัดรถโดยสารสาธารณะอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนใน 2 เส้นทาง ได้แก่
รถโดยสารประจำทางหมวด 4 สายที่ 6168
ช่วงลพบุรี - บ้านข่อย และรถโดยสารประจำทางหมวด 4 สายที่ 6167 ช่วงลพบุรี - บ้านเบิก
ทั้งนี้ จะจัดให้มีจุดพักคอยผู้โดยสารพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกให้เพียงพอ เช่น ที่นั่ง ไฟส่องสว่าง เป็นต้น
สถานีจันเสนเป็นสถานีสร้างใหม่ มีพื้นที่บริเวณสถานีเป็นลานขนถ่ายตู้สินค้า รองรับขบวนรถสินค้า จำนวน 16 แคร่ ซึ่งมีต้นทางจากสถานีมาบตาพุดมาสถานีจันเสน
สถานีนครสวรรค์เป็นสถานีสร้างใหม่ขนาดใหญ่ มีการปรับปรุงตัวอาคารสถานีเดิมเป็นสำนักงานของฝ่ายปฏิบัติการเดินรถและมีอาคารควบคุมการเดินรถ (CTC) สำหรับควบคุมการเดินรถจากลพบุรีถึงพิจิตร ซึ่งปัจจุบันก่อสร้างโครงสร้างอาคารแล้วเสร็จ โดยในอนาคตมีแผนจะใช้สำหรับควบคุมการเดินรถจากนครสวรรค์ถึงแม่สอดและนครสวรรค์ถึงบ้านไผ่ด้วย
และสถานีปากน้ำโพเป็นจุดสิ้นสุดของรถไฟทางคู่ช่วงนี้ มีการก่อสร้างสถานีใหม่ทดแทนสถานีเดิม เป็นสถานีอนุรักษ์ (Renovate Station) ซึ่งมีการปรับปรุงอาคารสถานีใหม่แต่ยังคงรูปแบบสถานีเดิมไว้
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางรางจะกำกับติดตามให้โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ สามารถเปิดให้บริการเดินรถทางคู่ได้ภายในกลางปี 2568 เพื่อลดระยะเวลาเดินทาง เพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชนโดยการลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางเสมอระดับรถไฟและรถยนต์ อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมต่อระบบการขนส่งเส้นทางท่องเที่ยวสู่ภาคเหนือต่อไป
#กรมการขนส่งทางราง #ขนส่งทาง
https://www.facebook.com/DRT.OfficialFanpage/posts/928867602771036
พ.ค.เริ่มทดสอบเดินรถไฟทางคู่ ลพบุรี-ปากน้ำโพ
*ใช้เวลา 1 เดือนก่อนเปิดบริการประชาชนกลางปี
*สถานีลพบุรี2รับรถทางไกล/สถานีเดิมรถท้องถิ่น
*ขนส่งลพบุรีพร้อมจัดรถโดยสารเชื่อมต่อ2เส้นทาง
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/1165546095022623
ตัวอาคารสถานีนครสวรรค์(แห่งใหม่)โครงการรถไฟทางคู่ลพบุรี-ปากน้ำโพ
https://www.facebook.com/james.nitinai/posts/2109035486262116
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45533
Location: NECTEC
Posted: 13/02/2025 11:23 am Post subject:
เช้าวันนี้ แบบสถานีรถไฟ #น้ำพอง และสถานี #เขาสวนกวางของ #รถไฟทางคู่ ซึ่งสถานีน้ำพอง ตัวสถานีเดิมจะมีการรีโนเวท ส่วนชานชลาจะมีการยกระดับเป็นสองชั้น จุดที่เริ่มยกระดับรางเป็นสองชั้นจะเริ่มจากบริเวณช่วงหลังวัดป่ามหาวันยาวไปจนถึงเลยถนนสี่เลน 2039
ทางเข้าของสถานีน้ำพองจะเป็นฝั่งของสนามกีฬาโดยจะมีการทำถนนขนานกับทางรถไฟเข้าสถานี มีไฟส่องสว่าง ส่วนฝั่งไปรษณีย์จะถูกปิดไม่สามารถเข้าได้
ส่วนสถานีเขาสวนกวางจะเป็นสถานีชั้นเดียว ตัวสถานีจะมีการทำใหม่
 รถไฟทางคู่จะไม่ได้วิ่งผ่านไปยังสถานี #โนนพยอม แต่จะมีการทำเป็นรางยกระดับลอยฟ้าความยาวประมาณ 4 กิโลเมตร เพื่อรักษาระดับความเร็วของรถไฟ โดยสถานีโนนพยอมจะยังมีตัวสถานีต่อไปและจะมีการรีโนเวท เพื่อรองรับ Dry Port หรือท่าเรือบกในอนาคต
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1181344833993787&id=100063548447967
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49361
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 16/02/2025 5:18 pm Post subject:
รองโฆษกรัฐบาลลงพื้นที่ปาดังเบซาร์ หนุนรถไฟรางคู่ กระตุ้นท่องเที่ยวไทย-มาเลเซีย
Source - สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
Sunday, February 16, 2025 16:41
(16 ก.พ.68) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกรัฐบาลนำคณะสื่อลงพื้นที่ปาดังเบซาร์ ศึกษาแนวทางพัฒนารถไฟรางคู่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างไทย-มาเลเซีย พร้อมติดตามสถานการณ์นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยทางรถไฟ นายอนุกูล ระบุว่า จังหวัดสงขลามีศักยภาพสูงในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากมาเลเซีย ซึ่งนิยมเดินทางด้วยรถไฟ เส้นทางกัวลาลัมเปอร์-หาดใหญ่ ที่มีแผนเพิ่มเที่ยวเดินรถในปีนี้
นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมักเดินทางผ่านบริษัททัวร์และนิยมแวะเที่ยวในสงขลาก่อนกลับประเทศ โดยแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ได้แก่ ย่านเมืองเก่าสงขลา หาดสมิหลา ตลาดกิมหยง และตลาดน้ำคลองแห ทั้งนี้ ในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเดินทางเข้าไทยกว่า 2.47 ล้านคน ขณะที่เดือนมกราคม 2568 เพียงเดือนเดียวมีจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 2.2 แสนคน สะท้อนศักยภาพของการท่องเที่ยวทางรางที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
ด้านมูลค่าการค้าชายแดน ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์มีมูลค่าการค้ารวมในปีงบประมาณ 2567 กว่า 154,741 ล้านบาท สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ยางพารา ไม้แปรรูป และชิ้นส่วนยานยนต์ ขณะที่รายได้ศุลกากรในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2568 จัดเก็บได้แล้วประมาณ 530 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของด่านชายแดนนี้ต่อเศรษฐกิจภาคใต้
Government Spokesperson Visits Padang Besar, Supports Double-Track Railway to Boost Thai-Malaysian Tourism
Source - Public Relations Department
Sunday, February 16, 2025 16:41
(16 Feb 2025) Mr. Anukul Prukkanunusak, Deputy Government Spokesperson, led a media team to Padang Besar to study the development of a double-track railway linking tourism between Thailand and Malaysia. They also monitored the situation of tourists entering Thailand by rail. Mr. Anukul stated that Songkhla Province has high potential to accommodate foreign tourists, especially from Malaysia, who prefer to travel by train on the Kuala Lumpur-Hat Yai route, which has plans to increase train services this year.
Malaysian tourists often travel through tour companies and like to visit Songkhla before returning home. Popular tourist destinations include Songkhla Old Town, Samila Beach, Kim Yong Market, and Khlong Hae Floating Market. In 2024, more than 2.47 million Malaysian tourists traveled to Thailand, while in January 2025 alone, there were over 220,000 tourists, reflecting the potential of rail tourism to stimulate the local economy.
In terms of border trade value, the Padang Besar Customs checkpoint had a total trade value of over 154,741 million baht in fiscal year 2024. Key exports include rubber, processed wood, and auto parts. Customs revenue in the first quarter of fiscal year 2025 has already reached approximately 530 million baht, demonstrating the importance of this border crossing to the southern economy.
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49361
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 17/02/2025 7:40 am Post subject:
รัฐบาลตีปี๊บรถไฟทางคู่ปาดังเบซาร์ ดันเศรษฐกิจภาคใต้
Source - เว็บไซต์ไทยโพสต์
Sunday, February 16, 2025 15:38
รองโฆษกอนุกูล ลงพื้นที่ตรวจด่านปาดังเบซาร์ ติดตามความคืบหน้ารถไฟรางคู่ เชื่อมโยงท่องเที่ยวไทย มาเลเซีย กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่สร้างเงินหมุนเวียนภาคใต้
16 ก.พ.2568 เมื่อเวลา 13.00 น.นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ ณ ด่านปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อศึกษาข้อมูลแนวทางรองรับรถไฟรางคู่ จาก ปาดังเบซาร์ หาดใหญ่ และติดตามสถานการณ์การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียและชาติอื่น ๆ เข้าไทยโดยการท่องเที่ยวทางราง
โดยนายอนุกูล กล่าวว่า จังหวัดสงขลามีศักยภาพสูงในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางด้วยรถไฟ โดยเฉพาะจากประเทศมาเลเซีย KTM Berhad (การรถไฟมาลายา) ได้เปิดให้บริการรถไฟขบวนพิเศษ MY Sawasdee ตั้งแต่ปี 2565 บนเส้นทาง กัวลาลัมเปอร์-หาดใหญ่-กัวลาลัมเปอร์ ได้รับความนิยมสูงจากนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา KTM Berhad ได้จัดเดินรถขบวนพิเศษดังกล่าวจำนวน 16 เที่ยว รองรับผู้โดยสารกว่า 6,000 คน และในปี 2568 นี้ มีแผนเพิ่มจำนวนเที่ยวเป็น 28 เที่ยว แบ่งเป็น เส้นทางกัวลาลัมเปอร์-หาดใหญ่-กัวลาลัมเปอร์ 25 เที่ยว และ เส้นทางกัวลาลัมเปอร์-สุราษฎร์ธานี-กัวลาลัมเปอร์ 3 เที่ยว ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่สงขลาและจังหวัดใกล้เคียง
นายอนุกูล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซียที่เดินทางผ่านบริษัททัวร์ โดยนิยมแวะเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลาก่อนเดินทางกลับ เช่น ย่านเมืองเก่าสงขลา หาดสมิหลา เจดีย์สแตนเลส ตลาดน้ำคลองแห ตลาดกิมหยง และแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังอื่น ๆ ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่และสร้างเงินหมุนเวียน จากข้อมูลของด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา มาเลเซีย เป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไทยมากที่สุด ในปี 2567 มีจำนวนสูงถึง 2,479,427 คน ขณะที่เดือนม.ค. 2568 เพียงเดือนเดียว มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามาถึง 222,988 คน
นายอนุกูล กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ มูลค่าทางการค้า ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รวม 154,741.88 ล้านบาท โดยสินค้า 5 อันดับแรกที่ส่งออกมากที่สุด ได้แก่ 1.ยางธรรมชาติ 2.ยางสังเคราะห์ 3.ไม้ที่เลื่อยหรือถากตามยาว ฝานหรือลอก 4.ส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบของยานยนต์ และ 5.เครื่องประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติและหน่วยต่าง ๆ สำหรับสถิติจัดเก็บรายได้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รายได้ศุลกากรจัดเก็บรวมทั้งหมด จำนวน 2,943 ล้านบาท และขัอมูลล่าสุดในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 (1 ตุลาคม 2567-13 กุมภาพันธ์ 2568) จัดเก็บได้แล้วประมาณ 530 ล้านบาท.
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49361
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 17/02/2025 3:12 pm Post subject:
เทศบาลนครสงขลา - Songkhla City
✨นายกเทศมนตรีนครสงขลาเป็นประธานในการประชุมคณะทำงานพัฒนาที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิต เทศบาลนครสงขลา กรณีมีผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางระหว่าง หาดใหญ่ สงขลา
.
วันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 2568) ณ ห้องประชุมสารภี 2 เทศบาลนครสงขลา นายวันชัย ปริญญาศิริ นายกเทศมนตรีนครสงขลาเป็นประธานในการประชุมคณะทำงานพัฒนาที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิต เทศบาลนครสงขลา กรณีมีผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางระหว่าง หาดใหญ่ สงขลา โดยมี นายวิชากร บัวหอม รองนายกเทศมนตรีนครสงขลา ผู้แทนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) พอช. ผู้แทนจากสำนักพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมทาง ผู้แทนจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตสงขลา หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนที่อาศัยอยู่ในที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบรางเข้าร่วมการประชุมฯ
.
สำหรับการประชุมฯ ครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อพิจารณาโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมราง จำนวน 4 ชุมชน ได้แก่ชุมชนบ่อนวัวเก่า ชุมชนมิตรเมืองลุง ชุมชนภราดร และชุมชนศาลาหัวยาง ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อยที่อาศัยอยู่ในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง เป็นการสร้างความมั่นคงในเรื่องที่อยู่อาศัยและพัฒนาคุณภาพทุกมิติให้สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ นอกจากนี้ยังเป็นการวางแผนพัฒนาชุมชน โดยเชื่อมโยงชุมชน ท้องที่ ท้องถิ่น และหน่วยงานต่างๆ ให้มีบทบาทในการร่วมกันพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาของตนเอง ด้วยทรัพยากรที่มีในท้องถิ่น
.
ข่าว : วัลลียา พรมสาร
ภาพ : ศิรินาถ สิทธิการ
Mayor of Nakhon Songkhla presides over the meeting of the Working Group for Housing and Quality of Life Development, Nakhon Songkhla Municipality, regarding those affected by the Hat Yai - Songkhla double-track railway construction project.
Today (February 17, 2025) at the Saraphi 2 meeting room, Nakhon Songkhla Municipality, Mr. Wanchai Prinya Siri, Mayor of Nakhon Songkhla, presided over the meeting of the Working Group for Housing and Quality of Life Development, Nakhon Songkhla Municipality, regarding those affected by the Hat Yai - Songkhla double-track railway construction project. Also present were Mr. Wichakorn Bua Hom, Deputy Mayor of Nakhon Songkhla, representatives from the Community Organizations Development Institute (Public Organization) - CODI, representatives from the Office of Community Housing Development along the way, representatives from Rajamangala University of Technology Srivijaya, Songkhla Campus, heads of government agencies and people living on the land of the State Railway of Thailand who were affected by the rail system development.
This meeting was held to consider the community housing development project along the railway line, covering 4 communities, namely the old Bon Wua community, the Mit Muang Lung community, the Phradon community and the Sala Hua Yang community, in order to solve problems and develop housing for low-income people living on the land of the State Railway of Thailand. This is to create security in housing and develop all aspects of quality of life in accordance with the area context. It also includes planning community development by connecting communities, localities and agencies to play a role in jointly developing to solve their own problems with the resources available in the area.
https://www.facebook.com/SongkhlaMunicipality/posts/1058868262940499
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49361
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 17/02/2025 4:20 pm Post subject:
รองนายกฯ สุริยะ ประชุมแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง สนับสนุนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน จ.สงขลา
Source - สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
Monday, February 17, 2025 15:38
รองนายกฯ สุริยะ ประชุมแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง สนับสนุนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน จ.สงขลา
17กพ.68 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย ดร. มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางไปยังห้องประชุมท่าอากาศยานหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.ยะลา เพื่อเข้าร่วมประชุมแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการค้าชายแดน โดยมีปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารกระทรวงคมนาคมตลอดจนหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดเข้าร่วม
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของจังหวัด
สงขลา ในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย จึงได้กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2568 ณ จังหวัดสงขลา และให้มีการตรวจราชการในพื้นที่ โดยหนึ่งในประเด็นการตรวจราชการที่สำคัญ คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลา เพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง
ทั้งนี้ ตนเองจึงได้กำหนดการประชุมเพื่อรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานโครงการพัฒนาที่สำคัญ ๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายอำเภอหาดใหญ่ - ชายแดนไทย - มาเลเซีย ของกรมทางหลวงโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ของกรมทางหลวงชนบทโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ในเส้นทางภาคใต้ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โครงการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำชายฝั่งทะเลภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยที่สำคัญ ของกรมเจ้าท่า และแผนแม่บทท่าอากาศยานหาดใหญ่ ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) เพื่อตนจะได้รับทราบข้อมูล และช่วยผลักดันโครงการให้บรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ต่อไป
ครม.สัญจร จ่อเคาะงบฯฟื้นฟูน้ำท่วมใต้ เร่งรถไฟทางคู่-ตามโปรเจ็กต์แลนด์บริดจ์
ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 - 14:39 น.
โฆษกรัฐบาลเผย ครม.สัญจร สงขลา เตรียมพิจารณางบฯ ฟื้นฟูสาธารณูปโภคน้ำท่วม 3 จังหวัดชายแดนใต้ 302 ล้านบาท พร้อมเร่งรถไฟทางคู่เชื่อมการค้าไทย-มาเลเซีย รับทราบความคืบหน้าโครงการแลนด์บริดจ์
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่จัดคณะรัฐมนตรีสัญจร จังหวัดสงขลา วันที่ 18 ก.พ.นี้ มีหลากหลายประเด็นที่จะพิจารณา โดยเฉพาะการอนุมัติงบประมาณในพื้นที่ภาคใต้ทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย
โดยจะมีงบที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูสาธารณูปโภค ที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วมเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา วงเงินประมาณ 302 ล้านบาท แบ่งเป็นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ประมาณจังหวัดละ 100 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นการพัฒนาพื้นที่ พัฒนาเส้นทางถนน สร้างเขื่อนริมคลองต่าง ๆ ที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรมเสียหาย
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะพิจารณาเรื่องของการส่งนักศึกษา หรือนักเรียนที่จบ ม. 6 ไปเรียนต่อตามมหาวิทยาลัย ตามโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน หรือโอดอส เบื้องต้น 30,000 บาทต่อคนต่อปี
ส่วนเรื่องสำคัญของจังหวัดสงขลาที่น่าสนใจคือ การสนับสนุนเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว หรือการอนุรักษ์ทางธรรมชาติ ซึ่งจะมีการพิจารณางบประมาณ 402 ล้านบาท ในการดูแลโลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลาเป็นแผนระยะ 5 ปี เพื่อวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ ถือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและร่วมกันอนุรักษ์พันธุ์ปลาสำคัญ
ด้านการท่องเที่ยว ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้รายงานว่าปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียจำนวนมากเดินทางเข้ามายังด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์ ซึ่งตนได้เดินทางไปที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ตนไม่เคยไปมาก่อนเป็นครั้งแรกในชีวิตตื่นเต้นมาก เพราะดูแล้วเป็นเมืองที่มีความคึกคัก นักท่องเที่ยว 95% เป็นชาวมาเลเซีย เรียกว่าตลาดทั้งคืนตั้งแต่หัวค่ำยันตี 2 ถึงตี 3 อย่างคึกคัก
ฉะนั้น ที่เบตงจะเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่ง ขณะเดียวกัน จะมีการส่งข้อมูลให้กับคณะรัฐมนตรีได้ไปพิจารณา เนื่องจากที่เบตงมีการสร้างสนามบินแห่งใหม่ใหญ่มาก แต่เครื่องบินพาณิชย์เคยมาลงครั้งสุดท้ายประมาณเดือนพฤศจิกายนปี 2566 ผ่านมาแล้ว 1 ปี แต่หยุดบริการไป ซึ่งอำเภอเบตง จังหวัดยะลา เป็นจุดท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่ง
ส่วนที่สงขลา ขณะนี้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งทางคณะทำงานได้ไปดูเพื่อพิจารณาสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวต่อไป และในวันพรุ่งนี้ (18 ก.พ.) เวลา 15.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปที่ด่านสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา
ซึ่งตรงนั้นเป็นด่านที่ใช้บริการจำนวนมาก เป็นจุดที่รถผ่านเข้าออก วิ่งจากสะเดาผ่านไปปีนัง หรือวิ่งลงไปทางใต้และกัวลาลัมเปอร์ จะมีการพัฒนาตรงนั้น แต่ด่านสะเดาแห่งใหม่ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เนื่องจากมีรอยต่อเส้นทางไทย-มาเลเซียประมาณ 300 เมตร ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียทำถนนมาจ่อไว้แล้ว โดยจะต้องทำถนนต่อเนื่องไปอีก 300 เมตร หลังจากผ่านด่านศุลกากรของเราไป
ฉะนั้น คงจะมีการพูดคุยกัน และองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาได้เคยเสนองบฯ ไว้เพียง 28 ล้าน หากรัฐบาลพิจารณาแล้วจะสามารถใช้ได้หรือไม่ แบบไหน อย่างไร ก็จะเร่งเปิดให้บริการ เพื่อลดความแออัดของด่านสะเดาเดิม แยกสินค้าไปด่านแห่งใหม่
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่นิยมการขับรถ ทั้งมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ ซึ่งขณะนี้ชาวมาเลเซียสามารถขับรถจากประเทศเพื่อนบ้านเรายาวไปถึงจังหวัดเชียงใหม่ และไปได้ทั่วไทยถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง
เมื่อถามว่า การยกระดับรถไฟรางคู่ ที่ปาดังเบซาร์ มีความคืบหน้าอย่างไร นายจิรายุกล่าวว่าระเบียบวาระการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรีจะเป็นวาระจร
ซึ่งนายกรัฐมนตรีเคยเดินทางไปที่จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส ก็ได้มีการพูดถึงรถไฟทางคู่ เมื่อมาถึงชุมทางหาดใหญ่จะไป 2 จุดซ้าย ขวา ไปด่านปาดังเบซาร์ ซึ่งทั้ง 2 จุดนี้ถือเป็น 2 จุดสำคัญที่จะพัฒนาด้านการขนส่งสินค้า และเป็นการเชื่อมต่อกรุงเทพฯ-ภาคใต้ ถือเป็นการพัฒนาที่นายกรัฐมนตรีได้ดำริเอาไว้แล้ว ส่วนตรวจสินค้าของด่านศุลกากรขณะนี้ ด่านสะเดาใช้เครื่องเอกซเรย์รุ่นใหม่ไม่ต้องเปิดตู้สามารถมองจากในห้องจะเห็นได้ว่าสินค้าต่าง ๆ เป็นอะไร แบบไหน
ฉะนั้น เรื่องของรถไฟทางคู่มาภาคใต้ นายกรัฐมนตรีดำริชัดเจนต้องเร่งดำเนินการเพื่อทำการค้าขายระหว่างภาคใต้ ตั้งแต่ชายแดนสิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ ปาดังเบซาร์ เข้าสู่ประเทศไทยผ่านไปยังประเทศในอินโดจีน
ส่วนความคืบหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ หลังจากนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนนักธุรกิจจีนที่ได้ประชุมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่กรุงปักกิ่ง นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาเพิ่มเติม และถอดแบบออกมาให้ชัดเจนว่า หลังจากที่รัฐบาลนายเศรษฐี ทวีสิน อดีตนายกฯ ได้พิจารณาโครงการนี้ไปแล้วปัจจุบันเราจะเสนออย่างไร ซึ่งจะมีการรายงานตัวที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรครั้งนี้
ด้านนายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ชาวสงขลารู้สึกยินดีที่นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเยือนเป็นครั้งแรกของปีนี้ หวังว่าสิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้นกับพี่น้องชาวสงขลาและในอนาคต
ส่วน น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แหลงภาษาใต้ ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ถือเป็นครั้งแรกของปี 2568 และคณะรัฐมนตรีได้มาประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดสงขลา
พร้อมเชิญชวนชาวใต้ทุกคนมาฟังว่าคณะรัฐมนตรีจะมีอะไรมาให้ชาวใต้บ้างในฐานะของชาวใต้ และในฐานะรองโฆษกรัฐบาล รู้สึกเป็นเกียรติที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีสัญจรได้มาประชุมเป็นครั้งแรกในปี 2568 ชาวใต้ทุกคนหวังว่าจะมีสิ่งดี ๆ มีการพัฒนาหลายอย่างตามมาแน่นอน... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/politics/news-1755949
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49361
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 17/02/2025 7:51 pm Post subject:
คมนาคม ลุยลงทุนรถไฟทางคู่เฟส 2-มอเตอร์เวย์ เชื่อมหาดใหญ่-มาเลเซีย พร้อมแผนขยายสนามบิน
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Monday, February 17, 2025 18:11
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.พ. 68)
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบโครงข่ายคมนาคมใน จ.สงขลา ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ ให้มีประสิทธิภาพเชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ ส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยทางถนน และลดต้นทุนระบบโลจิสติกส์ เพื่อให้เกิดการกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เร่งก่อสร้างโครงข่ายรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการขนส่งทางรางรองรับการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพและสนับสนุนการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า สอดคล้องตามนโยบายการพัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์ของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่ต้องการลดต้นทุนการขนส่งสินค้า และสามารถประหยัดการใช้พลังงานของประเทศ
โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ในพื้นที่ภาคใต้ มี 3 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงชุมพร - สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 30,422 ล้านบาท ช่วงสุราษฎร์ธานี - หาดใหญ่ - สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 66,270 ล้านบาท ช่วงหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 7,772 ล้านบาท
ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการ นอกจากนี้ รฟท. เตรียมขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 งบกลาง เพื่อดำเนินงานศึกษาความเหมาะสมโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางชุมทางหาดใหญ่ - สุไหงโก-ลก ระยะทาง 216 กม. เพื่อสนับสนุนความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย - มาเลเชีย การค้าชายแดน การท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีแผนเปิดให้บริการในปี 2577
สำหรับโครงการทางถน นมีแผนก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สาย อ.หาดใหญ่ - ชายแดนไทย-มาเลเซีย (มอเตอร์เวย์ M84) เชื่อมต่อเมืองหาดใหญ่ กับด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ 2 วงเงิน 40,787 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดของรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อขออนุมัติโครงการ โดยมีแผนก่อสร้างในปี 2570 - 2573
โครงการแก้ไขปัญหาจราจร ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ (ดานตะวันออก) ทล.425 ตอน บ.พรุ - ทางเข้าสนามบินหาดใหญ่ กม. 24+148.450 - 31+331.426 ด้านซ้ายทาง ผลงาน 23.973% และ กม.24+148.450 - 31+331.426 ด้านขวาทาง ผลงาน 0.511% และมีแผนขอรับงบประมาณในปี 2569 สำหรับด้านตะวันออก กม.0+000 - 24+151 ระยะทาง 24.15 กม. วงเงิน 9,380 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอขอพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน และด้านตะวันตก กม.31+331 - กม.65+530 ระยะทาง 34.20 กม. วงเงิน 9,500 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมรายงาน EIA เสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ(กก.วล.)
สำหรับโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา - อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง มีจุดเริ่มต้นโครงการที่ แยกออกจากถนนทางหลวงชนบท พท.4004 ประมาณ กม. 3+300 บริเวณบ้านแหลมจองถนน ต. จองถนน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และสิ้นสุดโครงการที่ถนน อบจ. สงขลา (ถนนรอบเกาะใหญ่) บ้านแหลมยาง ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา ระยะทาง 7 กม. วงเงิน 4,825.423 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างนำเสนอ ครม. เพื่อเห็นชอบแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดี ทะเลสาบสงขลา ก่อนที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จะเจรจาเงินกู้กับธนาคารโลก ทั้งนี้ มีแผนก่อสร้างปลายปี 2568 - 2571
ด้านการเพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานหาดใหญ่ ที่ปัจจุบันมีขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 2.5 ล้านคนต่อปี รองรับเที่ยวบิน 12 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ทั้งนี้ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. มีแผนเพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานระยะสั้น (1 - 2 ปี) โดยปรับปรุงอาคารผู้โดยสารชั้น 2 และปรับปรุงถนนระบบภายใน และแผนระยะกลาง (3 - 5 ปี) ก่อสร้างอาคารบริการผู้โดยสารและปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร ก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาความคุ้มค่าการลงทุน)
สำหรับแผนระยะยาว ทอท. มีการจัดทำแผนแม่บทเพื่อให้ท่าอากาศยานหาดใหญ่สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 10.5 ล้านคนต่อปี และรองรับปริมาณเที่ยวบินได้ 21 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ประกอบด้วย การก่อสร้างทางขับขนาน และขยายลานจอดอากาศยาน การขยายและปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร การก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์และคลังสินค้า การปรับปรุงอาคารอเนกประสงค์ และระบบสาธารณูปโภค โดยมีวงเงินจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดทำแผนแม่บท จำนวน 19.995 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ ปี 2568 - 2569
นอกจากนี้ ได้ติดตามโครงการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำชายฝั่งทะเลที่สำคัญ พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สงขลา ปัตตานี นราธิวาส) ระหว่างปี 2566 -2569 มีปริมาณวัสดุขุดลอก 18.724 ลบ.ม. วงเงินงบประมาณ 1,833.664 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายสุริยะ ได้สั่งการให้หน่วยงานขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการ โดยให้กรมทางหลวง กำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด สำหรับโครงการที่มีความล่าช้าในการดำเนินงาน เช่น ติดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ให้เร่งดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามแผนโดยเร็ว ทางด้านกรมทางหลวงชนบท ให้กำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด
สำหรับโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เมื่อ ครม. เห็นชอบแผนอนุรักษ์โลมาอิระวดีแล้ว ให้ประสานการดำเนินงานร่วมกับ สบน. อย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถลงนามในสัญญาและเริ่มก่อสร้างได้ตามแผนในปี 2568 สำหรับ รฟท. ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมนำเสนอ ครม. พิจารณาอนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 เร่งจัดทำข้อมูลตามข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นประกอบการประมวลเรื่องนำเสนอ ครม. ตามขั้นตอนโดยเร็ว และให้เตรียมความพร้อมสำหรับงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและการจัดทำเอกสารประกวดราคางานก่อสร้าง เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ทันที เมื่อ ครม. มีมติอนุมัติโครงการ ด้านกรมเจ้าท่าให้ดำเนินการขุดลอกร่องน้ำสำคัญให้เป็นไปตามที่ออกแบบไว้ โดยเฉพาะร่องน้ำสงขลา (ร่องนอก) ให้มีความลึก 9 เมตร จากระดับน้ำลงต่ำสุด ตามมติ ครม. ภายในปี 2570 เพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้าชายฝั่ง
นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานดำเนินการตามมาตรการลดมลพิษทางอากาศ และรับมือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ภายใต้แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 และได้มอบนโยบายสำหรับการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามแผนงานและเปิดให้บริการตามเวลาที่กำหนด สำหรับการก่อสร้างโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพการให้บริการและมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่สามารถทำได้ทันทีและใช้งบประมาณไม่สูง ด้านการลงทุนและก่อสร้างโครงการที่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง และการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ในแผนแม่บท ซึ่งมีขั้นตอนในช่วงเตรียมการตามระเบียบหลายขั้นตอนให้สามารถเริ่มก่อสร้างได้ เพื่อเป็นรากฐานการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ
โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/รัชดา คงขุนเทียน
สุริยะ เปิดแผนพัฒนาคมนาคมเชื่อมหาดใหญ่ - มาเลเซีย ทั้งมอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ เตรียมของบกลาง ปี 68 ศึกษารถไฟทางคู่ชุมทางหาดใหญ่ -สุไหงโก-ลก หวังกระตุ้นการลงทุนและการค้าชายแดน
Source - สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
Monday, February 17, 2025 18:41
(17 ก.พ. 68) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบโครงข่ายคมนาคมใน จ.สงขลา ณ ห้องประชุมท่าอากาศยานหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
นายสุริยะ กล่าวว่า วันนี้ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการสำคัญต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่เดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ ให้มีประสิทธิภาพเชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ ส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยทางถนน และลดต้นทุนระบบโลจิสติกส์ เพื่อให้เกิดการกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้
ทั้งนี้ จากการที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีกำหนดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม. สัญจร) ณ จ.สงขลา ระหว่างวันที่ 17 - 18 ก.พ. 68 ซึ่ง จ.สงขลา โดยเฉพาะหาดใหญ่เป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีการหมุนเวียนของเม็ดเงินจากการค้า การลงทุน และกระทรวงคมนาคม มีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งสำคัญ ๆ หลายโครงการทั้งในพื้นที่ และการเชื่อมต่อการเดินทาง ขนส่งสินค้ากับมาเลเซีย เมื่อโครงการเหล่านี้ก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยผลักดันให้ภาคใต้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด
นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เร่งก่อสร้างโครงข่ายรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการขนส่งทางรางรองรับการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพและสนับสนุนการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า สอดคล้องตามนโยบายการพัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์ของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่ต้องการลดต้นทุนการขนส่งสินค้า และสามารถประหยัดการใช้พลังงานของประเทศ
สำหรับความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ในพื้นที่ภาคใต้ มี 3 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงชุมพร - สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 30,422 ล้านบาท , ช่วงสุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ - สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 66,270 ล้านบาท , ช่วงหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 7,772 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนเตรียมนำเสนอ ครม. อนุมัติโครงการ
นอกจากนี้ รฟท. ยังเตรียมขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง เพื่อดําเนินงานศึกษาความเหมาะสมโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางชุมทางหาดใหญ่ - สุไหงโก-ลก ระยะทาง 216 กม. เพื่อสนับสนุนความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย - มาเลเชีย การค้าชายแดน การท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีแผนเปิดให้บริการในปี 2577
สำหรับโครงการทางถนนมีแผนก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สาย อ.หาดใหญ่ - ชายแดนไทย-มาเลเซีย (มอเตอร์เวย์ M84) เชื่อมต่อเมืองหาดใหญ่ กับด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ 2 วงเงิน 40,787 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดของรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อขออนุมัติโครงการ โดยมีแผนก่อสร้างในปี 2570 - 2573
โครงการแก้ไขปัญหาจราจร ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ (ด้านตะวันออก) ปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอขอพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน และด้านตะวันตก ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมรายงาน EIA เสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.)
สำหรับโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา - อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง มีจุดเริ่มต้นโครงการที่ แยกออกจากถนนทางหลวงชนบท พท.4004 ประมาณ กม. 3+300 บริเวณบ้านแหลมจองถนน ต. จองถนน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และสิ้นสุดโครงการที่ถนน อบจ. สงขลา (ถนนรอบเกาะใหญ่) บ้านแหลมยาง ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา ระยะทาง 7 กม. วงเงิน 4,825.423 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างนำเสนอ ครม. เพื่อเห็นชอบแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดี ทะเลสาบสงขลา ก่อนที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จะเจรจาเงินกู้กับธนาคารโลก มีแผนก่อสร้างปลายปี 2568 2571
ด้านการเพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานหาดใหญ่ ที่ปัจจุบันมีขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 2.5 ล้านคนต่อปี รองรับเที่ยวบิน 12 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ทั้งนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) มีแผนเพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานระยะสั้น (1 - 2 ปี) โดยปรับปรุงอาคารผู้โดยสารชั้น 2 และปรับปรุงถนนระบบภายใน และแผนระยะกลาง (3 - 5 ปี) ก่อสร้างอาคารบริการผู้โดยสารและปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร ก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาความคุ้มค่าการลงทุน
สำหรับแผนระยะยาว ทอท. มีการจัดทำแผนแม่บทเพื่อให้ท่าอากาศยานหาดใหญ่สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 10.5 ล้านคนต่อปี และรองรับปริมาณเที่ยวบินได้ 21 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ประกอบด้วย การก่อสร้างทางขับขนาน และขยายลานจอดอากาศยาน การขยายและปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร การก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์และคลังสินค้า การปรับปรุงอาคารอเนกประสงค์ และระบบสาธารณูปโภค โดยมีวงเงินจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดทำแผนแม่บท จำนวน 19.995 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ ปี 2568 - 2569
นอกจากนี้ ได้ติดตามโครงการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำชายฝั่งทะเลที่สำคัญ พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สงขลา ปัตตานี นราธิวาส) ระหว่างปี 2566 -2569 มีปริมาณวัสดุขุดลอก 18.724 ลบ.ม. วงเงินงบประมาณ 1,833.664 ล้านบาท
นายสุริยะ ได้สั่งการให้หน่วยงานขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการ โดยให้กรมทางหลวง กำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด สำหรับโครงการที่มีความล่าช้าในการดำเนินงาน เช่น ติดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ให้เร่งดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามแผนโดยเร็ว ทางด้านกรมทางหลวงชนบท ให้กำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด
สำหรับโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เมื่อ ครม. เห็นชอบแผนอนุรักษ์โลมาอิระวดีแล้ว ให้ประสานการดำเนินงานร่วมกับ สบน. อย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถลงนามในสัญญาและเริ่มก่อสร้างได้ตามแผนในปี 2568
สำหรับ รฟท. ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมนำเสนอ ครม. พิจารณาอนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 เร่งจัดทำข้อมูลตามข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นประกอบการประมวลเรื่องนำเสนอ ครม. ตามขั้นตอนโดยเร็ว และให้เตรียมความพร้อมสำหรับงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและการจัดทำเอกสารประกวดราคางานก่อสร้าง เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ทันที เมื่อ ครม. มีมติอนุมัติโครงการ
ด้านกรมเจ้าท่า ให้ดำเนินการขุดลอกร่องน้ำสำคัญให้เป็นไปตามที่ออกแบบไว้ โดยเฉพาะร่องน้ำสงขลา (ร่องนอก) ให้มีความลึก 9 เมตร จากระดับน้ำลงต่ำสุด ตามมติ ครม. ภายในปี 2570 เพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้าชายฝั่ง
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ ทอท. ดำเนินการทบทวนแผนแม่บทท่าอากาศยานหาดใหญ่ให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด เพื่อให้ท่าอากาศยานหาดใหญ่สามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่อง มีความปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว ได้มาตรฐานสากล และเป็นศูนย์กลางการบินในท้องถิ่น
"สุริยะ" เช็กสถานะโครงการ "สงขลา" สั่งเร่งเติมข้อมูล "ทางคู่เฟส 2" ชง ครม. | เดลินิวส์
Source - เว็บไซต์เดลินิวส์
Monday, February 17, 2025 20:41
สุริยะ ลงพื้นที่เช็กสถานะสารพัดโปรเจกต์พื้นที่ สงขลา สั่ง รฟท. เพิ่มเติมข้อมูลรถไฟทางคู่ เฟส 2 ตามข้อเสนอแนะ สภาพัฒน์ เร่งชง ครม. กำชับทำ TOR-งานเวนคืนให้พร้อมเปิดประมูลทันที จี้ประสาน สบน. ใกล้ชิด สร้าง สะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ปลายปีนี้
เมื่อวันที่ 17 ก.พ. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบโครงข่ายคมนาคมในจังหวัดสงขลา สำหรับความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ระยะ (เฟส) ที่ 2 ในพื้นที่ภาคใต้ มี 3 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 30,422 ล้านบาท, ช่วงสุราษฎร์ธานีหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 66,270 ล้านบาท และช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 7,772 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา
นอกจากนี้ รฟท. เตรียมขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ 2568 งบกลาง เพื่อดําเนินงานศึกษาความเหมาะสมโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางชุมทางหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ระยะทาง 216 กม. เพื่อสนับสนุนความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย การค้าชายแดน การท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีแผนเปิดให้บริการปี 2577
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ส่วนโครงการทางถนน มีแผนก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สาย อ.หาดใหญ่-ชายแดนไทย-มาเลเซีย (มอเตอร์เวย์ M84) เชื่อมต่อเมืองหาดใหญ่ กับด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ 2 วงเงิน 40,787 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อขออนุมัติโครงการ โดยมีแผนก่อสร้างในปี 25702573 ขณะเดียวกันยังมีโครงการแก้ไขปัญหาจราจร ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ (ด้านตะวันออก) ทล.425 ตอน บ้านพรุ-ทางเข้าสนามบินหาดใหญ่ กม. 24+148.450-31+331.426 ด้านซ้ายทาง มีความคืบหน้า 23.973% และ กม.24+148.450-31+331.426 ด้านขวาทาง คืบหน้า 0.511%
นอกจากนี้มีแผนขอรับงบประมาณในปี 2569 สำหรับด้านตะวันออก กม.0+000-24+151 ระยะทาง 24.15 กม. วงเงิน 9,380 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอขอพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน และด้านตะวันตก กม.31+331-กม.65+530 ระยะทาง 34.20 กม. วงเงิน 9,500 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) สำหรับโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา-อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ระยะทาง 7 กม. วงเงิน 4,825.423 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างนำเสนอ ครม. เพื่อเห็นชอบแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดี ทะเลสาบสงขลา ก่อนที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จะเจรจาเงินกู้กับธนาคารโลก ทั้งนี้มีแผนก่อสร้างปลายปี 25682571
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการด้านอากาศ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. มีแผนเพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานหาดใหญ่ ระยะสั้น (1-2 ปี) โดยปรับปรุงอาคารผู้โดยสารชั้น 2 และปรับปรุงถนนระบบภายใน และแผนระยะกลาง (3-5 ปี) ก่อสร้างอาคารบริการผู้โดยสาร และปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร ก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาความคุ้มค่าการลงทุน
ส่วนแผนระยะยาว ได้จัดทำแผนแม่บทเพื่อให้ท่าอากาศยานหาดใหญ่ รองรับผู้โดยสารได้ 10.5 ล้านคนต่อปี และรองรับปริมาณเที่ยวบินได้ 21 เที่ยวบินต่อชั่วโมง (ชม.) ได้แก่ การก่อสร้างทางขับขนาน และขยายลานจอดอากาศยาน การขยายและปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร การก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์และคลังสินค้า การปรับปรุงอาคารอเนกประสงค์ และระบบสาธารณูปโภค โดยมีวงเงินจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดทำแผนแม่บท 19.995 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ ปี 25682569 ทั้งนี้ปัจจุบันมีขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 2.5 ล้านคนต่อปี 12 เที่ยวบินต่อ ชม.
นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด ทั้งนี้ในส่วนของโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เมื่อ ครม. เห็นชอบแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีแล้วให้ประสานการดำเนินงานร่วมกับ สบน. อย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถลงนามในสัญญา และเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2568 พร้อมทั้งให้ รฟท. เร่งจัดทำข้อมูลรถไฟทางคู่ เฟสที่ 2 ตามข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นประกอบการประมวลเรื่องนำเสนอ ครม. ตามขั้นตอนโดยเร็ว
และให้เตรียมพร้อมสำหรับงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และจัดทำเอกสารประกวดราคางานก่อสร้าง เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ทันที เมื่อ ครม. มีมติอนุมัติโครงการ ขณะเดียวกันได้มอบให้กรมเจ้าท่า (จท.) ดำเนินการขุดลอกร่องน้ำสำคัญให้เป็นไปตามที่ออกแบบไว้ โดยเฉพาะร่องน้ำสงขลา (ร่องนอก) ให้มีความลึก 9 เมตร จากระดับน้ำลงต่ำสุด ตามมติ ครม. ภายในปี 2570 เพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้าชายฝั่ง และได้สั่งการให้ ทอท. เร่งพัฒนาท่าอากาศยานหาดใหญ่ ให้เป็นศูนย์กลางการบินในท้องถิ่น.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45533
Location: NECTEC
Posted: 18/02/2025 9:07 am Post subject:
สุริยะ ของบกลางปี 68 ปลุก มอเตอร์เวย์-รถไฟทางคู่หาดใหญ่ เชื่อมมาเลเซีย
ฐานเศรษฐกิจ
วันจันทร์ ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เวลา 17:33 น.
อัปเดตล่าสุด :วันจันทร์ ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เวลา 17:52 น.
"สุริยะ" ลงพื้นที่สงขลา เตรียมของบกลางปี 68 หนุน มอเตอร์เวย์-รถไฟทางคู่หาดใหญ่ เชื่อมขนส่งสินค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย ดัน 3 รถไฟทางคู่สายใต้ เฟส 2 ชงครม.ไฟเขียว
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบโครงข่ายคมนาคมใน จ.สงขลา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ห้องประชุมท่าอากาศยานหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ได้ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการสำคัญต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่เดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อให้เกิดการกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้
ทั้งนี้จากการที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีกำหนดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม. สัญจร) ณ จ.สงขลา ระหว่างวันที่ 17 - 18 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่ง จ.สงขลา โดยเฉพาะหาดใหญ่เป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีการหมุนเวียนของเม็ดเงินจากการค้า การลงทุน และกระทรวงคมนาคม มีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งสำคัญ ๆ หลายโครงการทั้งในพื้นที่ และการเชื่อมต่อการเดินทาง ขนส่งสินค้ากับมาเลเซีย
เมื่อโครงการเหล่านี้ก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยผลักดันให้ภาคใต้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เร่งก่อสร้างโครงข่ายรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการขนส่งทางรางรองรับการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพและสนับสนุนการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า สอดคล้องตามนโยบายการพัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์ของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่ต้องการลดต้นทุนการขนส่งสินค้า และสามารถประหยัดการใช้พลังงานของประเทศ
สำหรับความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ในพื้นที่ภาคใต้ มี 3 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงชุมพร - สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 30,422 ล้านบาท ช่วงสุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ - สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 66,270 ล้านบาท ช่วงหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 7,772 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนเตรียมนำเสนอ ครม. อนุมัติโครงการ
นอกจากนี้ รฟท. เตรียมขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง เพื่อดําเนินงานศึกษาความเหมาะสมโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางชุมทางหาดใหญ่ - สุไหงโก-ลก ระยะทาง 216 กม. เพื่อสนับสนุนความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย - มาเลเชีย การค้าชายแดน การท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีแผนเปิดให้บริการในปี 2577
ส่วนโครงการทางถนนมีแผนก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สาย อ.หาดใหญ่ - ชายแดนไทย-มาเลเซีย (มอเตอร์เวย์ M84) เชื่อมต่อเมืองหาดใหญ่ กับด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ 2 วงเงิน 40,787 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดของรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อขออนุมัติโครงการ โดยมีแผนก่อสร้างในปี 2570 - 2573
นอกจากนี้โครงการแก้ไขปัญหาจราจร ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ (ดานตะวันออก) ทล.425 ตอน บ.พรุ - ทางเข้าสนามบินหาดใหญ่ กม. 24+148.450 - 31+331.426 ด้านซ้ายทาง ผลงาน 23.973% และ กม.24+148.450 - 31+331.426 ด้านขวาทาง ผลงาน 0.511% โดยมีแผนขอรับงบประมาณในปี 2569
ด้านตะวันออก กม.0+000 - 24+151 ระยะทาง 24.15 กม. วงเงิน 9,380 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอขอพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน และด้านตะวันตก กม.31+331 - กม.65+530 ระยะทาง 34.20 กม. วงเงิน 9,500 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมรายงาน EIA เสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.)
ขณะที่ความคืบหน้าโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา - อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ระยะทาง 7 กม. วงเงิน 4,825.423 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างนำเสนอ ครม. เพื่อเห็นชอบแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดี ทะเลสาบสงขลา ก่อนที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จะเจรจาเงินกู้กับธนาคารโลก ทั้งนี้ มีแผนก่อสร้างปลายปี 2568 - 2571
ทั้งนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. มีแผนเพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานหาดใหญ่ระยะสั้น (1 - 2 ปี) โดยปรับปรุงอาคารผู้โดยสารชั้น 2 และปรับปรุงถนนระบบภายใน และแผนระยะกลาง (3 - 5 ปี) ก่อสร้างอาคารบริการผู้โดยสารและปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร ก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาความคุ้มค่าการลงทุน)
สำหรับแผนระยะยาว ทอท. มีการจัดทำแผนแม่บทเพื่อให้ท่าอากาศยานหาดใหญ่สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 10.5 ล้านคนต่อปี และรองรับปริมาณเที่ยวบินได้ 21 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ประกอบด้วย การก่อสร้างทางขับขนาน และขยายลานจอดอากาศยาน
การขยายและปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร การก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์และคลังสินค้า การปรับปรุงอาคารอเนกประสงค์ และระบบสาธารณูปโภค โดยมีวงเงินจ้างที่ปรึกษาเพื่อจัดทำแผนแม่บท จำนวน 19.995 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ ปี 2568 - 2569
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้ ทอท. ดำเนินการทบทวนแผนแม่บทท่าอากาศยานหาดใหญ่ให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด เพื่อให้ท่าอากาศยานหาดใหญ่สามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่อง มีความปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว ได้มาตรฐานสากล และเป็นศูนย์กลางการบินในท้องถิ่น
ได้สั่งการให้หน่วยงานขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการ โดยให้กรมทางหลวง กำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด สำหรับโครงการที่มีความล่าช้าในการดำเนินงาน เช่น ติดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ให้เร่งดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามแผนโดยเร็ว ทางด้านกรมทางหลวงชนบท ให้กำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด นายสุริยะ กล่าว
สุริยะ นั่งหัวโต๊ะประชุมติดตามการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ก่อนประชุม ครม.สัญจร ที่สงขลา ขณะที่ วีริศ ผู้ว่าการรถไฟฯ แจง โครงการรถไฟทางคู่สายใต้ เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาชายแดนไทย มาเลเซีย ทั้งการค้าและท่องเที่ยว ชี้ตอบโจทย์การเดินทางของประชาชน
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมติดตามการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการค้าขายชายแดน ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานนั้น เป็นการตรวจราชการในพื้นที่ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ที่จังหวัดสงขลา ในวันที่ 18 ก.พ. ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รายงานโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 2 เส้นทาง คือ 1.เส้นทางช่วงชุมทางหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร ระยะเวลาการพัฒนา 2569 2572 และ 2.ช่วงชุมทางหาดใหญ่ - สุไหงโกลก ระยะทาง 216 กิโลเมตร ระยะเวลาการพัฒนา 2572 2577
นายวีริศ กล่าวด้วยว่า การรถไฟฯ มองเห็นโอกาสในการพัฒนารถไฟทางคู่ และเชื่อมั่นว่าจะเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายแดนไทย - มาเลเซีย ทั้งการค้าชายแดน และการท่องเที่ยว ถือเป็นการเสริมสร้างระบบขนส่งทางรางให้มีประสิทธิภาพ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มศักยภาพของการขนส่งสินค้า ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าการขนส่งทางถนนถึง 2 เท่า เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าในอนาคตที่คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้น ตอบโจทย์การเดินทางของประชาชน เพราะถือเป็นทางเลือกที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
https://www.facebook.com/pr.railway/posts/1059430112881646
Last edited by Wisarut on 18/02/2025 4:46 pm; edited 1 time in total
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49361
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 18/02/2025 12:04 pm Post subject:
Wisarut wrote: สุริยะ นั่งหัวโต๊ะประชุมติดตามการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ก่อนประชุม ครม.สัญจร ที่สงขลา ขณะที่ วีริศ ผู้ว่าการรถไฟฯ แจง โครงการรถไฟทางคู่สายใต้ เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาชายแดนไทย มาเลเซีย ทั้งการค้าและท่องเที่ยว ชี้ตอบโจทย์การเดินทางของประชาชน
https://www.facebook.com/pr.railway/posts/1059430112881646
ชง ครม.สัญจร 12 โครงการ กลุ่มภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย 300 ลบ./งบฟื้นฟูน้ำท่วมชายแดนใต้
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Tuesday, February 18, 2025 11:55
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.พ. 68)
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่ จ.สงขลา ในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย 5 จังหวัด ประกอบด้วย ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และสงขลา
วาระเพื่อพิจารณาที่สำคัญ
โดยที่ประชุม ครม.สัญจร จะพิจารณาโครงการที่ผ่านการพิจารณาจากที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ที่เสนอมา 12 โครงการ วงเงิน 300 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย เสนอ 2 โครงการ วงเงิน 50 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการพัฒนา Soft Power ยกระดับขีดความสามารถอาหารใต้สู่การส่งเสริมการท่องเที่ยว ขอกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วงเงิน 5.07 ล้านบาท และ 2.โครงการกำจัดวัชพืชและพืชต่างถิ่นรุกราน ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย วงเงิน 44.9 ล้านบาท
ส่วนที่เหลืออีก 10 โครงการ เป็นโครงการของ 5 จังหวัด คือ ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และสงขลา ซึ่งเสนอขอโครงการจังหวัดละ 50 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 250 ล้านบาท อาทิ โครงการพัฒนาระบบ Soft Power เพื่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โครงการปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ตลาดท่องเที่ยว มหกรรมอาหาร และสตรีทฟู้ด และโครงการพัฒนาศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารภาคใต้ ครัวใต้สู่ครัวโลก
วาระเพื่อพิจารณาอื่น ๆ
- กระทรวงการคลัง ขอความเห็นชอบกรอบค่าใช้จ่ายสำหรับแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดี ทะเลสาบสงขลา (พ.ศ. 2567-2571) วงเงิน 402 ล้านบาท
- กระทรวงมหาดไทย เสนอขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการจัดเที่ยวบินขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์
- กระทรวงมหาดไทย เสนอขออนุมัติขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการจัดส่งนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย ระยะที่ 11 (พ.ศ. 2567-2571) วงเงิน 32 ล้านบาท
- สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เสนองบฟื้นฟูสาธารณูปโภคน้ำท่วม 3 จังหวัดชายแดนใต้ วงเงิน 302 ล้านบาท
นอกจานี้ ครม.สัญจร จะมีการพิจารณาความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เชื่อมไทย-มาเลเซีย รวมทั้งความคืบหน้าโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (Southern Economic Corridor : SEC) หรือโครงการแลนบริดจ์
วาระเพื่อทราบ
- กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พ.ศ.
และขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
- กระทรวงพาณิชย์ ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญ
- กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ปภัสสร องค์พิเชฐเมธา/กษมาพร กิตติสัมพันธ์
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49361
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 18/02/2025 12:09 pm Post subject:
ชุมชนประชาสรรค์ ชื่นมื่นได้รับสัญญาเช่าที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมงบในการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมราง
สงขลา: วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ร่วมกับ เทศบาลเมืองคลองแห ร่วมแสดงความยินดีกับชุมชนประชาสรรค์ (ตะวันออก) ที่ได้รับสัญญาเช่าที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทย และได้รับงบประมาณสนับสนุนในการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมราง ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง ณ ชุมชนบ้านมั่นคง ริมรางรถไฟประชาสรรค์ (ตะวันออก) เทศบาลเมืองคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีผู้เข้าร่วม 300 คน
สมาชิกจากชุมชนบ้านมั่นคงริมรางรถไฟประชาสรรค์ (ตะวันออก) ร่วมรับมอบสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ในนามผู้แทนของรัฐบาล ที่ได้มาเยี่ยมชม ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ชุมชนริมรางรถไฟและได้รับฟังข้อมูลรวมถึงสภาพปัญหา ผลกระทบที่ชุมชนได้รับ และผลการดำเนินโครงการที่ พอช. สนับสนุนงานในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง โดยมี สส.ศาสตรา ศรีปาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายสันติ เหมมันต์ นายกเทศมนตรีเมืองคลองแห นายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) คณะผู้บริหาร พอช.คณะอนุกรรมการบ้านมั่นคงและการจัดการที่ดิน หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนขบวนองค์กรชุมชน ผู้แทนเครือข่ายชุมชน สมาชิกชุมชน รวม 300 คนให้การต้อนรับ
ในการดำเนินงานของสถาบันฯได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2566 ให้ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง เพื่อสร้างความมั่นคงในการอยู่อาศัย มีโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค สิ่งแวดล้อมที่ดี มีรูปแบบการพัฒนาที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและพัฒนาคุณภาพชีวิตทุกมิติ ในพื้นที่เป้าหมาย 300 ชุมชน 27,084 หลังคาเรือน ครอบคลุม 35 จังหวัดทั่วประเทศ โดยจังหวัดสงขลาถือเป็นจังหวัดอันดับ 1 ที่มีปริมาณผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด ถึง 8,716 หลังคาเรือน (32%) 76 ชุมชน เนื่องจากอยู่ในช่วงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ (ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา และช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์) และการพัฒนาย่านสถานีรถไฟ โดยสถาบันฯ เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น และมีกระบวนการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาร่วมกับเครือข่ายชุมชนเทศบาลเมืองคลองแห หน่วยงาน ภาคีมาโดยตลอด
ซึ่งในเทศบาลเมืองคลองแห มีชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบรางรวม 9 ชุมชน 973 ครัวเรือน ชุมชนประชาสรรค์ (ตะวันออก) เป็น 1 ในชุมชนนำร่อง ที่พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยชุมชนริมรางในพื้นที่เทศบาลเมืองคลองแห ที่ตั้งอยู่บนที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ที่ทราบถึงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง จึงรวมกลุ่มกันในเฟสแรกรวม 35 ครัวเรือน เพื่อดำเนินการเช่าที่ดินกับการรถไฟแห่งประเทศไทยให้ถูกต้องตามกฎหมายในบริเวณพื้นที่เดิม โดยได้รับสัญญาเช่าที่ดินเป็นระยะเวลา 3 ปี / สัญญา ขนาดพื้นที่เช่า 2,540.76 ตารางเมตร และชำระค่าเช่าปีละ 61,131 บาท ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา และได้รับงบประมาณจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จำนวน 4,760,699 บาท เพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัยให้เป็นระเบียบ สวยงามมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย
ซึ่งในงานหลังจากชาวชุมชนได้รับมอบสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยแล้ว ยังได้รับมอบงบประมาณเพื่อ kick off การดำเนินงานในทันที พร้อมทั้งยังได้รับกำลังใจ และแรงสนับสนุนจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์) ที่จะให้การสนับสนุนให้การดำเนินงานของชุมชนบ้านมั่นคงริมรางรถไฟประชาสรรค์ (ตะวันออก) กลายเป็นโมเดลของการพัฒนาชุมชนริมรางรถไฟในอนาคตสำหรับแห่งอื่นๆอีกด้วยหลังจากนั้นชุมชนได้มอบของที่ระลึก และถ่ายภาพร่วมกับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ก่อนจะเดินทางกลับ
สำนักพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมราง : รายงาน
Back to top
You cannot post new topics in this forum You cannot reply to topics in this forum You cannot edit your posts in this forum You cannot delete your posts in this forum You cannot vote in polls in this forum
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group