Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45533
Location: NECTEC
Posted: 16/03/2025 10:45 pm Post subject:
คณะอนุกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมหารือผู้แทนกรมการขนส่งทางราง (ขร.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณาแนวทางและความเป็นได้ในการเชื่อมโยงโครงข่ายเส้นทางรถไฟทางคู่ไปยังอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
ข่าว:สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
14 มีนาคม 2568
นางวจิราพร อมาตยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกจังหวัดนครศรีธรรมราย ครั้งที่ 1/2568 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ คณะอนุกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก จังหวัดนครศรีธรรมราช และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม พร้อมกันนี้มีผู้แทนจากกรมขนส่งทางราง และการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมประชุมทางไกลผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ Webex ด้วย
.
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากจังหวัดนครศรีธรรมราชได้จัดประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 6/2567 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในจังหวัดได้ร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัด ซึ่งในคราวประชุมดังกล่าวได้มีการหารือประเด็นโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ซึ่งผู้แทนกองบำรุงทางทุ่งสงได้ให้รายละเอียดในเบื้องต้น ทราบว่าเส้นทางรถไฟทางคู่ จะผ่านจังหวัดนครศรีธรรมราช 7 อำเภอ และไปต่อเข้าพื้นที่จังหวัดพัทลุง โดยไม่เข้าไปยังอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการหารือไปยังสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งจราจร (สนข.) ว่ามีความเป็นได้ที่จะเพิ่มเส้นทางรถไฟทางคู่เข้าไปยังอำเภอเมืองนครศรีธรรมราชหรือไม่ และทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งจราจร (สนข.) ได้ตอบข้อหารือว่า แผนการพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่ที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดนศรศรีธรรมราช บรรจุอยู่ในแผนการพัฒนารถไฟทางคู่ระยะกลาง (พ.ศ. 2571-2575) ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงข่ายรถไฟให้ครอบคลุมและเชื่อมโรงพื้นที่ทั่วประเทศและรองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบได้อย่างไร้รอยต่อ (R-Map) ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมการขนส่งทางราง (ชร.) และทาง สนช. ได้เสนอให้จังหวัดนครศรีธรมราชจัดประชุมคณะอนุกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกจังหวัดนครศรีธรรมราช (อจร.จังหวัดนครศรีธรรมราช) เพื่อพิจารณาแนวทางและความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงโครงข่ายแนวเส้นทางรถไฟทางคู่ไปยังอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
.
ทั้งนี้ผลจากการหารือ และร่วมพิจารณาการจัดสร้างรถไฟทางคู่ เพื่อพิจารณาแนวทางและความเป็นได้ในการเชื่อมโยงโครงข่ายเส้นทารถไฟทางคู่ไปยังอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช โดยผู้แทนกรมการขนส่งทางราง (ขร.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย ระบุโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา มีแนวเส้นทางโครงการระยะทางรวม 321 กิโลเมตร สถานี/ที่หยุดรถไฟ 65 แห่ง (ไม่รวมสถานีสุราษฎร์ธานี) ผ่านพื้นที่ทั้งหมด 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นโครงการ จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุงและจังหวัดสงขลา เป็นจุดสิ้นสุดโครงการ มูลค่าโครงการ 66,270.51 ล้านบาท จะผ่านจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นระยะทาง 119 กิโลเมตร ผ่านพื้นที่ 7 อำเภอ 30 ตำบล แต่ไม่เข้าไปยังอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช และจำนวนสถานี/ป้ายหยุดรถไฟ 23 แห่ง
https://www.facebook.com/NakhonSiThammaratToday/posts/663422859528263
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49363
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 20/03/2025 2:44 pm Post subject:
DMIA มาเลเซีย สนใจร่วมลงทุนรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Thursday, March 20, 2025 14:37
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 มี.ค. 68)
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ร่วมหารือกับ General Tan Sri Datuk Seri Azumi Mohamed ประธานบริษัท Dhaya Maju Infrastructure (Asia) Sdn Bhn (DMIA) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของประเทศมาเลเซีย ที่มีประสบการณ์ และผลงานด้านระบบขนส่งทางรางทั้งระบบ รวมถึงมีความเชี่ยวชาญด้านบุคลากรที่มากประสบการณ์ และอุปกรณ์ที่ทันสมัย มีผลงานการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ในประเทศมาเลเซีย และต่างประเทศ ทั้งโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟขนาดใหญ่ และโครงการรถไฟทางคู่ไฟฟ้า (Electrified Double Tracking : EDT)
โดยการหารือในครั้งนี้ DMIA ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมการลงทุนในรูปแบบ Public Private Partnership (PPP) โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทาง ชุมพร - ปาดังเบซาร์ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับมาเลเซีย
สำหรับความคืบหน้าของโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร - สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร ช่วงสุราษฎร์ธานี - หาดใหญ่ - สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร และช่วงหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 44 กิโลเมตร งานออกแบบแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติงานด้านโครงสร้างพื้นฐานและงานโยธา ส่วนช่วงหาดใหญ่ - สุไหงโกลก ระยะทาง 216 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการว่าจ้างที่ปรึกษา เพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมมีความยินดีที่ DMIA ให้ความสนใจ และหวังว่าจะได้มีความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของทั้ง 2 ประเทศร่วมกันในอนาคต
นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังได้หารือเรื่องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความรู้ในด้านการพัฒนาระบบขนส่งทางรางเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงระบบรางข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืน รวมถึงความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทย-มาเลเซีย อีกด้วย
DMIA Malaysia Interested in Investing in Chumphon-Padang Besar Double-Track Railway
Source: IQ InfoQuest News Agency
Thursday, March 20, 2025, 14:37
InfoQuest News Agency (March 20, 2025)
Deputy Prime Minister and Minister of Transport, Suriya Juangroongruangkit, held discussions with General Tan Sri Datuk Seri Azumi Mohamed, Chairman of Dhaya Maju Infrastructure (Asia) Sdn Bhd (DMIA). DMIA is a leading Malaysian infrastructure development company with extensive experience in rail transport systems, a highly skilled workforce, and modern equipment. The company has undertaken large-scale railway infrastructure and Electrified Double Tracking (EDT) projects both in Malaysia and internationally.
During the meeting, DMIA expressed interest in participating in the Chumphon-Padang Besar Double-Track Railway Project under a Public-Private Partnership (PPP) model. This project will connect Thailand and Malaysia.
Regarding project progress:
- The Chumphon-Surat Thani section (168 km), the Surat Thani-Hat Yai-Songkhla section (321 km), and the Hat Yai-Padang Besar section (44 km) have completed their design phase and are awaiting Cabinet (Cabinet of Ministers) approval for infrastructure and civil works.
- The Hat Yai-Su-ngai Kolok section (216 km) is currently in the feasibility study phase, with consultants being hired for further assessment.
The Ministry of Transport welcomes DMIAs interest and looks forward to potential collaboration in developing infrastructure for both nations in the future.
Additionally, both parties discussed sharing expertise and knowledge in rail transport development to support economic growth, improve sustainable cross-border railway systems, and enhance industrial cooperation between Thailand and Malaysia.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45533
Location: NECTEC
Posted: 21/03/2025 10:38 am Post subject:
บริษัท DMIA มาเลเซียพบสุริยะสนใจร่วมทุน PPP รถไฟทางคู่ชุมพร ปาดังเบซาร์เชื่อม 2 ประเทศ
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 16:32 น.
ปรับปรุง: วันพฤหัสบดี ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 16:32 น.
DMIA บริษัทชั้นนำ มาเลเซีย สนลงทุน PPP รถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์
ข่าวนวัตกรรมขนส่ง
วันพฤหัสบดี ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 15:36 น.
สุริยะ หารือ DMIA มาเลเซีย สนใจร่วมลงรถไฟทางคู่ ชุมพร ปาดังเบซาร์
เศรษฐกิจในประเทศ
วันพฤหัสบดี ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 13:53 น.
KEY POINTS
DMIA สนใจร่วมลงทุนโครงการรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์ แบบ PPP
โครงการนี้จะเชื่อมต่อระบบรถไฟไทย-มาเลเซียอย่างไร้รอยต่อ
คาดหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน
สุริยะหารือผู้บริหาร DMIA มาเลเซีย สนใจร่วมลงทุนแบบ PPP โครงการรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์ เชื่อมไทย-มาเลเซีย ให้ไร้รอยต่อเพื่อร่วมผลักดันเศรษฐกิจ...
DMIA บริษัทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของ มาเลเซีย สนใจร่วมลงทุน PPP รถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์ เชื่อมมาเลเซีย สถานะโครงการยังอยู่ระหว่างรอเข้า ครม.
"สุริยะ" หารือผู้บริหาร DMIA มาเลเซีย สนใจร่วมลงทุน (PPP) รถไฟทางคู่ ชุมพร - ปาดังเบซาร์ เชื่อมไทย - มาเลเซียไร้รอยต่อผลักดันเศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
วันที่ 20 มีนาคม 2568 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หารือกับ General Tan Sri Datuk Seri Azumi Mohamed ประธานบริษัท Dhaya Maju Infrastructure (Asia) Sdn Bhn (DMIA) โดยมี นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กรมการขนส่งทางราง กองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมหารือ ณ กระทรวงคมนาคม
นายสุริยะ กล่าวว่า บริษัท DMIA ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของประเทศมาเลเซีย ที่มีประสบการณ์และผลงานด้านระบบขนส่งทางรางทั้งระบบ รวมถึงมีความเชี่ยวชาญด้านบุคลากรที่มากประสบการณ์ และอุปกรณ์ที่ทันสมัย มีผลงานการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ในประเทศมาเลเซียและต่างประเทศทั้งโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟขนาดใหญ่ และโครงการรถไฟทางคู่ไฟฟ้า (Electrified Double Tracking : EDT)
การหารือในครั้งนี้บริษัท DMIA ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมการลงทุนในรูปแบบ Public Private Partnership (PPP) โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทาง ชุมพร ปาดังเบซาร์ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับมาเลเซีย ซึ่ง กระทรวงคมนาคมมีความยินดีที่ DMIA ให้ความสนใจ และหวังว่าจะได้มีความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของทั้งสองประเทศร่วมกันในอนาคต
สำหรับความคืบหน้าของโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางจาก ชุมพร ปาดังเบซาร์ นั้นแบ่งออกเป็น 3 โครงการ ได้แก่ ช่วงชุมพร - สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร ช่วงสุราษฎร์ธานี - หาดใหญ่ - สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร และช่วงหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 44 กิโลเมตร งานออกแบบแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาอนุมัติงานด้านโครงสร้างพื้นฐานและงานโยธา ส่วนช่วงหาดใหญ่ - สุไหงโกลก ระยะทาง 216 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้
https://www.dailynews.co.th/news/4518146/
https://www.prachachat.net/economy/news-1776798
https://mgronline.com/business/detail/9680000026772
ทั้งนี้ สองฝ่ายยังได้หารือเรื่องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความรู้ในด้านการพัฒนาระบบขนส่งทางรางเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงระบบรางข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืน รวมถึงความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทยและมาเลเซียอีกด้วย
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49363
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49363
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 26/03/2025 12:05 am Post subject:
'ไทย-ลาว-จีน'หารือเตรียม'รถไฟ' รับมือ-ลดอุปสรรคการค้าไร้รอยต่อ
Source - กรุงเทพธุรกิจ
Tuesday, March 25, 2025 04:03
ปราณี หมื่นแผงวารี
กรุงเทพธุรกิจ
รถไฟความเร็วสูง คือสัญลักษณ์ เส้นทางคมนาคมขนส่งแห่งอนาคต ซึ่งไทย ก็กำลังมีอนาคตร่วมกันกับจีน รวมถึงเพื่อนบ้านอย่างสปป.ลาว ผ่านโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพมหานครหนองคายเป็นโครงการเชิงยุทธศาสตร์ในการเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน เป็นเส้นทางที่จะเชื่อมโยงประเทศไทยกับประเทศต่างๆ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนา Belt and Road Initiative (BRI) ของจีน คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2560 ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา)โดยเป็นการร่วมพัฒนาระหว่างประเทศในระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล โดยฝ่ายไทยรับภาระการลงทุนโครงการทั้งหมด และ ดำเนินการก่อสร้างงานโยธา และใช้เทคโนโลยี การก่อสร้างและระบบรถไฟของจีน ซึ่ง ได้ทำพิธีเริ่มการก่อสร้างโครงการเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2560 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการ ใช้งบประมาณ179,412.21 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2570
เมื่อเร็วๆนี้ นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ รถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมหารือกับ นายดาวจินดา สีหาราด ผู้ว่าการรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว(LCR) และ นาย หลิว ฮง ผู้จัดการทั่วไป Lao-China Railway Company ด้านการยกระดับประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้า
การหารือในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาโครงข่ายขนส่งสินค้าทางรางระหว่างไทย-ลาว-จีน ให้เกิดความเชื่อมโยง อย่างไร้รอยต่อและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ใช้ในการขนส่ง รวมถึงการพัฒนาสถานีและเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างกัน พร้อมทั้งหาแนวทางปรับปรุงกระบวนการส่งต่อสินค้าผ่านแดนระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามฝ่ายจะร่วมกันจัดทำแผนและกลไกการบริหารจัดการที่เป็นระบบ เพื่อยกระดับการขนส่ง ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
นายวีริศ กล่าวว่า จากการประชุมในครั้งนี้ ทั้งสามฝ่ายได้ร่วมกันหารือถึงแนวทางการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ครอบคลุมเส้นทาง ไทย - ลาว - จีน และมาเลเซีย พร้อมยังได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาในพื้นที่ย่านขนส่งสินค้า (Transshipment Yard) รวมถึงร่วมกัน
วางแผนรองรับการขนส่งทุเรียนในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมหารือเกี่ยวกับ แผนการขนส่งสินค้าผ่านสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 2 ที่กำลังดำเนินการก่อสร้าง เพื่อเพิ่มศักยภาพโครงข่ายการขนส่งสินค้าทางราง อันจะช่วยให้ระบบโลจิสติกส์สามารถขยายตัวได้อย่าง มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ในโอกาสนี้ นายวีริศ ยังร่วมศึกษาดูงานที่สถานีขนส่งสินค้าเวียงจันทน์ใต้และสถานีท่านาแล้ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางรถไฟระหว่าง ลาว-จีน
โดยปริมาณการขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์ระหว่างประเทศไทย-ลาว ในปี 2566 มีปริมาณการขนส่งอยู่ที่ 4,040 TEU ปัจจุบัน เพิ่มขึ้นเป็น 10,449 TEU ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นข้าว มอลต์ สินค้าอุปโภคบริโภค ผลไม้ และปุ๋ย
"การเติบโตดังกล่าวเป็นผลจากการขยายตัวของการค้าระหว่างสองประเทศ อย่างไรก็ตาม การรถไฟฯ ได้วางแผนเพิ่มขบวนรถสินค้าในเส้นทางสาย ตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 17 ขบวนบรรทุก เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้า ลดระยะเวลาในการขนส่ง รวมถึงลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ให้กับภาคธุรกิจที่ส่งออกสินค้าไปยังประเทศลาวและจีนด้วย"
สำหรับการพัฒนาโครงข่ายการขนส่งทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน ถือเป็น ก้าวสำคัญในการลดต้นทุนโลจิสติกส์ ซึ่งเป็น ภาระสำคัญของเกษตรกรไทย ช่วยให้สามารถ แข่งขันกับประเทศอื่นได้ โดยเฉพาะในการส่งออกผลผลิตทางการเกษตร อาทิ ทุเรียน มังคุด และแป้งมันสำปะหลัง
ในส่วนการขนส่งทางรถไฟเส้นทาง แหลมฉบัง - คุนหมิง จะใช้เวลาเพียง 2 - 3 วัน เมื่อเทียบกับทางเรือที่ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จึงสามารถลดต้นทุนการขนส่งได้อย่างมาก และยังมีกระบวนการศุลกากรที่สะดวก สามารถตรวจสอบและติดตามการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกษตรกรสามารถขยายตลาดการส่งออกและมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ที่มุ่งขับเคลื่อนให้การขนส่งทางรางเป็นเส้นทางการขนส่งหลักของประเทศ "การหารือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบการขนส่งให้ตอบสนองต่อการเติบโตทางการค้าระหว่างประเทศ และเชื่อมโยงโครงข่ายขนส่งสินค้าทางรางระหว่าง ไทย -ลาว -จีน ให้เป็นโครงข่าย โลจิสติกส์ที่ไร้รอยต่อ กระตุ้นการค้า เพิ่มการลงทุน และลดต้นทุนโลจิสติกส์ในภาคธุรกิจ เสริมความแข็งแกร่งให้ไทย ก้าวสู่ศูนย์กลางการขนส่งทางรางระดับภูมิภาคอาเซียน"
'มาเลเซีย' สนลงทุนรถไฟทางคู่เส้นทางช่วงชุมพร-ปาดังเบซาร์
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายก รัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หารือกับ General Tan SriDatuk Seri Azumi Mohamed ประธานบริษัท Dhaya Maju Infrastructure (Asia) Sdn Bhn (DMIA) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของประเทศมาเลเซีย ที่มีประสบการณ์และผลงานด้านระบบขนส่งทางรางทั้งระบบ รวมถึงมีความเชี่ยวชาญด้านบุคลากรที่มากประสบการณ์ และอุปกรณ์ที่ทันสมัย มีผลงานการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ในประเทศมาเลเซียและต่างประเทศทั้งโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟขนาดใหญ่ และโครงการรถไฟทางคู่ไฟฟ้า (Electrified Double Tracking : EDT)
การหารือในครั้งนี้ DMIA ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมการลงทุนในรูปแบบ Public Private Partnership (PPP) โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทาง ชุมพร - ปาดังเบซาร์ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับมาเลเซีย สำหรับความคืบหน้าของโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร - สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร ช่วงสุราษฎร์ธานี - หาดใหญ่ - สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร และช่วงหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 44 กิโลเมตร งานออกแบบแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาอนุมัติงานด้านโครงสร้างพื้นฐาน และงานโยธา
ส่วนช่วงหาดใหญ่ - สุไหงโกลก ระยะทาง 216 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อทำ การศึกษาความเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมมีความยินดีที่ DMIA ให้ความสนใจ และหวังว่าจะได้ มีความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของทั้งสองประเทศร่วมกันในอนาคต
ทั้งนี้ สองฝ่ายยังได้หารือเรื่องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความรู้ในด้านการพัฒนาระบบขนส่งทางรางเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงระบบรางข้ามพรมแดนอย่าง ยั่งยืน รวมถึงความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม ระหว่างไทยและมาเลเซียอีกด้วย
ที่มา: นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 25 มี.ค. 2568
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45533
Location: NECTEC
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49363
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 07/04/2025 12:38 pm Post subject:
เซตระบบสัญญาณเปิดเดินรถพ.ค.
Source - เดลินิวส์
Monday, April 07, 2025 04:48
ทางคู่เหนือลพบุรี-ปากน้ำโพ 22ขบวนไปสถานีลพบุรีใหม่
"ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์" รายงานว่า สัปดาห์นี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะประชุมร่วมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามโครงการรถไฟทางคู่เส้นทางสายเหนือ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม. วงเงิน 2.15 หมื่นล้าน เบื้องต้น รฟท. มีแผนเปิดบริการเดือน พ.ค. 2568 ขยับจากแผนเดิมช่วงต้นปี 2568 โดยใช้ระบบอาณัติสัญญาณเดิมไปพลางก่อน ระหว่างรองานสัญญาที่ 3 ระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม วงเงิน 2.77 พันล้านบาทแล้วเสร็จ ปัจจุบันได้ผลงานประมาณ 55% คาดว่าจะแล้วเสร็จ และให้บริการด้วยระบบอาณัติสัญญาณแบบสมบูรณ์ประมาณปลายปี 2568
ปัจจุบันบางสถานีเริ่มใช้ระบบอาณัติสัญญาณไฟสีแล้ว แต่เป็นทางเดี่ยว ขณะที่บางสถานียังใช้พนักงานขับรถไฟทำหน้าที่โยนห่วง และรับห่วงทุกสถานีอยู่ จึงนำระบบทางสะดวกอิเล็ก ทรอนิกส์ (E-Token) ซึ่งจัดการเดินรถได้ทั้งแบบแมนนวล และอัตโนมัติมาใช้ร่วมกัน ขณะนี้เตรียมระบบฯ อยู่ เพื่อเดินรถไฟทางคู่ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นไปก่อน ระหว่างรอระบบอาณัติสัญญาณใหม่เป็นระบบไฟสีทั้งหมด ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ เป็นการขอทางและให้ทางด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อเปิดบริการจะเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางทางรถไฟมากขึ้น
ขณะนี้งานก่อสร้างทั้ง 2 สัญญา ทั้งโครงสร้างอาคารสถานี ชานชาลา และวางรางแล้วเสร็จ 100% อยู่ระหว่างตรวจรับงาน โดยรถไฟทางคู่สายเหนือ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ มีไฮไลต์อยู่ที่ทางรถไฟยกระดับ ในสัญญาที่ 1 ด้วยความยาว 19 กม. สูง 10-20 เมตร เริ่มตั้งแต่ออกจากสถานีบ้านกลับ จ.สระบุรี และเริ่มลดระดับลงก่อนเข้าสู่บริเวณสถานีโคกกระเทียม จ.ลพบุรี ถือเป็นทางรถไฟยกระดับยาวที่สุดในประเทศไทย
สำหรับแผนการเดินรถสถานีลพบุรีเดิม จะเปิดบริการสำหรับขบวนรถธรรมดา รถชานเมือง และรถท้องถิ่น 8 ขบวน ส่วนขบวนรถด่วน และรถเร็ว 22 ขบวน จะย้ายไปให้บริการที่สถานีลพบุรีแห่งใหม่บนถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี ก่อนถึงแยกสนามไชย ต.โพลาดแก้ว อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ห่างสถานีลพบุรีเดิม ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี ประมาณ 9 กม. ประกอบด้วย ขบวน 7/8 กรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่-กรุงเทพอภิวัฒน์, ขบวน 9/10 กรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่-กรุงเทพอภิวัฒน์
ขบวน 13/14 กรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่-กรุงเทพอภิวัฒน์, ขบวน 51/52 กรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่-กรุงเทพอภิวัฒน์, ขบวน 107/108 กรุงเทพอภิวัฒน์-เด่นชัย-กรุงเทพอภิวัฒน์, ขบวน 109/102 กรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่-กรุงเทพอภิวัฒน์, ขบวน 111/112 กรุงเทพอภิวัฒน์-เด่นชัย-กรุงเทพอภิวัฒน์, ขบวน 201/202 กรุงเทพฯ (หัวลำโพง) พิษณุโลก-กรุงเทพฯ (หัวลำโพง), ขบวน 207/208 กรุงเทพฯ (หัวลำโพง)-นครสวรรค์-กรุงเทพฯ (หัวลำโพง), ขบวน 209/210 กรุงเทพฯ (หัวลำโพง)-บ้านตาคลี-กรุงเทพฯ (หัวลำโพง) และขบวน 211/212 กรุงเทพฯ (หัวลำโพง)-ตะพานหิน-กรุงเทพฯ (หัวลำโพง)
ส่วน 8 ขบวนรถที่จะให้บริการที่สถานีลพบุรีเดิม ขบวน 301/302 กรุงเทพฯ (หัวลำโพง)-ลพบุรี-กรุงเทพฯ (หัวลำโพง), ขบวน 303/304 กรุงเทพฯ (หัวลำโพง)-ลพบุรี-กรุงเทพฯ (หัวลำโพง), ขบวน 317/318 กรุงเทพฯ (หัวลำโพง)-ลพบุรี-กรุงเทพฯ (หัวลำโพง) และขบวน 401/402 ลพบุรี-พิษณุโลก-ลพบุรี
สำนักงานขนส่งจังหวัดลพบุรี จะจัดรถโดยสารสาธารณะ 2 เส้นทาง รถโดยสารประจำทางหมวด 4 สายที่ 6168 ช่วงลพบุรี-บ้านข่อย และรถโดยสารประจำทางหมวด 4 สายที่ 6167 ช่วงลพบุรี-บ้านเบิก อำนวยความสะดวกเชื่อมต่อให้ประชาชน.
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 8 เม.ย. 2568 (กรอบบ่าย)
**Signal System to Be Set Up for Northern Double-Track Railway in May**
*Source: Daily News*
*Monday, April 7, 2025 04:48*
**22 Trains Headed for New Lopburi Station on LopburiPak Nam Pho Northern Line**
The *Daily News Transport Innovation Team* reports that this week, the State Railway of Thailand (SRT) will meet with relevant parties to follow up on the Northern Line double-track railway project between Lopburi and Pak Nam Pho. The 148-kilometer route, with a budget of 21.5 billion baht, is scheduled to begin operations in May 2025 slightly postponed from the original plan in early 2025. Initially, the existing signal system will be used while waiting for the completion of Contract 3, which covers the signaling and telecommunications systems with a budget of 2.77 billion baht. Currently, about 55% of the work is complete, and full signal system deployment is expected by late 2025.
Some stations have already started using the color-light signal system, but only for single tracks. At others, train drivers still manually handle signal loops at every station. To improve safety in the meantime, an Electronic Token (E-Token) system capable of operating in both manual and automatic modes is being implemented. This will enhance the safety of operations on the double-track line while awaiting the fully automated, color-light signaling system that uses computerized route requests and authorizations.
Construction under both contracts covering station buildings, platforms, and track laying is 100% complete and currently undergoing inspection. A highlight of the project is a 19-kilometer elevated section in Contract 1, standing 1020 meters high. It begins at Ban Klap Station in Saraburi Province and gradually descends before reaching Khok Kratiem Station in Lopburi Province. This is the longest elevated railway section in Thailand.
**Train Service Plans**
The old Lopburi Station will continue to serve 8 trains mainly ordinary, suburban, and local services. Meanwhile, 22 express and rapid trains will be relocated to the new Lopburi Station, located on the Lopburi bypass road before the Sanam Chai intersection in Phonladkaew Subdistrict, Tha Wung District, about 9 km from the old station in Tha Hin Subdistrict, Mueang District.
**Trains Moving to the New Lopburi Station:**
- No. 7/8, 9/10, 13/14, 51/52: Krungthep Aphiwat Chiang Mai Krungthep Aphiwat
- No. 107/108, 111/112: Krungthep Aphiwat Den Chai Krungthep Aphiwat
- No. 109/102: Krungthep Aphiwat Chiang Mai Krungthep Aphiwat
- No. 201/202: Bangkok (Hua Lamphong) Phitsanulok Bangkok (Hua Lamphong)
- No. 207/208: Bangkok (Hua Lamphong) Nakhon Sawan Bangkok (Hua Lamphong)
- No. 209/210: Bangkok (Hua Lamphong) Ban Takhli Bangkok (Hua Lamphong)
- No. 211/212: Bangkok (Hua Lamphong) Taphan Hin Bangkok (Hua Lamphong)
**Trains Remaining at the Old Lopburi Station:**
- No. 301/302, 303/304, 317/318: Bangkok (Hua Lamphong) Lopburi Bangkok (Hua Lamphong)
- No. 401/402: Lopburi Phitsanulok Lopburi
To support travel between stations, the Lopburi Provincial Transport Office will provide two public bus routes:
- Route 6168: Lopburi Ban Khoi
- Route 6167: Lopburi Ban Boeak
These will help connect passengers to the new railway station.
**Source: Daily News, April 8, 2025 (Afternoon Edition)**
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49363
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 21/04/2025 8:01 pm Post subject:
รัฐบาลดัน 12 โครงการใหม่ กระสุนสุดท้ายกระตุ้นเศรษฐกิจ 2568
ฐานเศรษฐกิจ
21 เม.ย. 2568 | 14:44 น.
อัปเดตล่าสุด :21 เม.ย. 2568 | 14:54 น.
จับตา รัฐบาลแพทองธารดัน 12 โครงการใหม่ กระสุนสุดท้ายกระตุ้นเศรษฐกิจ โค้งสุดท้ายปี 2568 ครอบคลุมการบริโภค ลงทุน ใช้จ่ายรัฐ ส่งออกสินค้า-บริการ ตุนงบกลางสู้ 1.5 แสนล้าน
เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความท้าทายที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี ท่ามกลางความผันผวนของตลาดโลกและความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ ที่ผ่านมารัฐบาลได้ประกาศเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ 3% นับเป็นเป้าหมายที่ท้าทายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐฯ ประกาศมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าจากหลายประเทศรวมถึงจีนซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว
แนวทางสำคัญเกี่ยวกับการรับมือกับความท้าทายดังกล่าว แน่นอนว่าในระยะแรก รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งเจรจาการค้ากับทางรัฐบาลสหรัฐ เพื่อลดผลกระทบในระยะสั้น แต่ในอีกด้านหนึ่งนั่นคือ การผลักดันมาตรการกกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อประคับประคองตัวเลขให้ไม่หล่นวูบจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศระยะต่อไป
ที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดเตรียมงบประมาณเอาไว้กระตุ้นเศรษฐกิจเพียว ๆ โดยกันไว้ในงบกลาง ปี 2568 รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ 187,700 ล้านบาท ล่าสุดเหลืออยู่ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นกระสุนก๊อกสุดท้ายที่รัฐบาลเตรียมผลักดันลงระบบเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2568
ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้รับทราบแนวทางการจัดกลุ่มโครงการเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจรวม 46 โครงการ รอบคลุมทั้ง 4 กลไกหลักของเศรษฐกิจ ได้แก่ การบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน การใช้จ่ายภาครัฐ และการส่งออกสินค้าและบริการ
ส่วนแรกคือโครงการที่ดำเนินการแล้ว 7 โครงการ โครงการที่ทำไปแล้วแต่ยังไม่จบ อีก 27 โครงการ และส่วนสุดท้ายคือ 12 โครงการที่จะเสนอขึ้นใหม่
สำหรับโครงการที่จะเสนอขึ้นใหม่อีก 12 โครงการ มีวงเงินในการดำเนินโครงการเบื้องต้นประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจแยกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
โครงการด้านการบริโภคภาคเอกชน
1.โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท ระยะที่ 3 วงเงินไม่เกิน 27,000 ล้านบาท โดยจะจ่ายเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ให้กลุ่มผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 16-20 ปี จำนวนไม่เกิน 2.7 ล้านคน ล่าสุดโครงการนี้อยู่ระหว่างการเสนอครม.
2.โครงการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในชุมชน ผ่านการจัดสรรงบประมาณให้เกิดการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยว 76 จังหวัด วงเงินประมาณ 16.7 ล้านบาท
3.โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงินประมาณ 3,550 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่าางการพิจารณารายละเอียด
โครงการด้านการลงทุนภาคเอกชน
4. เร่งรัดการลงทุนที่ได้รับการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนแล้ว โดยมีโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2566-2567 และออกบัตรส่งเสริมแล้วคิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนกว่า 1.34 ล้านล้านบาท คาดว่าจะลงทุนได้จริง 75,000 ล้านบาท
โครงการด้านการใช้จ่ายภาครัฐ
5.โครงการรถไฟทางคู่สายใต้ อยู่ระหว่างการนำเสนอ
6.โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว (หนองคาย-เวียงจันทน์) แห่งที่ 2 อยู่ระหว่างการนำเสนอ
7.โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและย่านกองเก็บตู้สินค้าเพื่อรองรับการขนส่งทางรางจังหวัดหนองคาย อยู่ระหว่างการนำเสนอ
8.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและเชื่อมต่อกับระบบขนส่งของเขตเศรษฐกิจำคัญในประเทศ ซึ่งจะครอบคลุมไปถึงโครงการแลนด์บริดจ์ (Landbridge) อยู่ระหว่างการพิจารณา
9.โครงการจ้างแรงงานชลประทาน เพื่อเข้าไปชวยเหลือกลุ่มเกษตรกรในปี 2568 วงเงินประมาณ 5,553 ล้านบาท
10.โครงการขับเคลื่อนแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ วงเงินประมาณ 17 ล้านบาท
โครงการด้านการส่งออกสินค้าและบริการ
11.Amazing Thailand Grand Tourism & Sport Year 2025 ซึ่งททท.ได้ประกาศเอาไว้แล้ว ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น จัดงานเทศกาลตลอดทั้งปี
12.โครงการส่งเสริม Soft Power ด้านการท่องเที่ยว โดยเบื้องต้นกำหนดการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในระดับพื้นที่ 76 จังหวัดทั่วประเทศ วงเงินประมาณ 15.5 ล้านบาท
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45533
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45533
Location: NECTEC
Posted: 23/04/2025 10:30 am Post subject:
คืบหน้าการก่อสร้างรถไฟทางคู่ของไทย
- เปิดใช้แล้ว 713 กม.
- กำลังก่อสร้าง 957 กม. (ทางเดิม 280 กม. และทางใหม่ 677 กม.)
- กำลังเตรียมก่อสร้าง 167 กม. ประกอบด้วยสายอีสาน (ช่วงขอนแก่น - หนองคาย)
- กำลังจะให้ ครม. อนุมัติ เพื่อก่อสร้างภายในปีนี้ 1,312 กม. ประกอบด้วยสายเหนือ
(ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย 281 กม. และช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ 189 กม.)
สายอีสาน (ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลฯ 308 กม.)
สายใต้ (ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ฯ 168 กม. ช่วงสุราษฎร์ฯ-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา 321 กม. และช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 45 กม.)
- ทางคู่สายใหม่ที่จะเริ่มสร้างปี 2571 เป็นต้นไป 1,399 กม.
ซึ่งจะทำให้ไทยมีรถไฟทางคู่รวมกว่า 4,548 กม. (ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก รฟท.)
https://www.facebook.com/ThailandUpdateFanPage/posts/653667174208970
Back to top
You cannot post new topics in this forum You cannot reply to topics in this forum You cannot edit your posts in this forum You cannot delete your posts in this forum You cannot vote in polls in this forum
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group