View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45291
Location: NECTEC
Posted: 02/05/2025 10:39 am Post subject:
สภาอุตฯ-หอฯชุมพรหนุน SEC ดันร่างกฎหมายเทียบ EEC
เศรษฐกิจภูมิภาค
วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 เวลา 07:45 น.
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ได้ลงพื้นที่บริเวณที่จะก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกฝั่งอ่าวไทย ณ ท่าเรือแหลมริ่ว อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร และสุราษฎร์ธานี เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (Southern Economic Corridor : SEC) เชื่อมการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์)
โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระนอง ชุมพร และนครศรีธรรมราช เข้าร่วม
ดันผุดท่าเรือรับส่งสินค้า
นายกิตติ กิตติชนม์ธวัช ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชุมพร กล่าวว่า พ.ร.บ. SEC จะเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่มีแลนด์บริดจ์ แต่หากมีการตั้งนิคมอุตสาหกรรมควรมีการสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก เพื่อกักเก็บน้ำที่ไหลมาจากซอกเขาสูง เพื่อไว้ใช้ด้านเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม
ขณะที่ นายกมล เรืองตระกูล ประธานหอการค้าจังหวัดชุมพร กล่าวว่า เห็นด้วยกับการผลักดันร่าง พ.ร.บ. SEC เป็นอย่างยิ่ง ที่จะทำให้พื้นที่ภาคใต้ และประเทศไทยได้รับประโยชน์ โดยโครงการแลนด์บริดจ์จะกลายเป็น 4 แยกใหญ่ของภูมิภาค จะทำให้ระบบโลจิสติกส์มีความสำคัญสูง จึงขอเสนอ 4 แนวทางเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าต่อการลงทุน ได้แก่ 1) การมีท่าเรือทั้ง 2 ฝั่งถูกดีไซน์ต่างกัน โดยฝั่งชุมพรมีความลึก 17-18 เมตร ส่วนฝั่งระนอง มีความลึก 21 เมตร โดยฝั่งระนองอาจมีสินค้ากว่า 20,000 ตู้ ส่วนฝั่งชุมพรเป็นลักษณะฟีดเดอร์ ประมาณ 8,000 ตู้
2) อุตสาหกรรมหลังท่า ควรเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามนโยบาย ESG เพื่อรองรับการแปรรูปสินค้าเกษตรในอนาคต และ 3) พื้นที่สงวนไว้ทำแท็งก์ส่งน้ำมัน ควรทำแท็งก์ฟาร์ม 2 ฝั่งเพื่อขนส่งน้ำมันดิบ แบบที่ผ่านช่องแคบมะละกากว่า 17-20 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในส่วนแลนด์บริดจ์อาจทำเป็นรูปแบบน้ำมันสำเร็จรูป เพื่อใช้แท็งก์ฟาร์มแทนการใช้เรือขนาดใหญ่ 2 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ได้เสนอแนะเพิ่มเติมโดยให้เกิดการเร่งพัฒนาฝีมือทักษะแรงงานให้ทันการเปิดใช้แลนด์บริดจ์ปี 2573 และการวางแผนบริหารจัดการน้ำ เนื่องจากชุมพร-ระนอง ไม่มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เมื่อเปรียบเทียบกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ถึง 6 แหล่ง รวมถึงการเริ่มต้นวางแผนการใช้พลังงานสะอาด ทั้งนี้ควรเร่งผลักดันด้วย เพราะประเทศมาเลเซียมีโครงการรถไฟความเร็วสูง 650 กม. ที่ปัจจุบันมีความคืบหน้ากว่า 78% ซึ่งปี 2027 คาดว่าจะเสร็จสิ้น หากสามารถทำการเชื่อมต่อระบบรางเราได้ อาจกลายเป็นคู่แข่งของไทย
พ.ร.บ. SEC เข้า ครม. พ.ค.นี้
ขณะที่ นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กล่าวว่า ทาง สนข.ได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development Model) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 เดือน กระทรวงได้มีการกำหนดกรอบระยะเวลาของโครงการแลนด์บริดจ์ คาดว่า พ.ร.บ. SEC จะนำเข้า ครม.ได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
นอกจากนี้ยังได้นำเสนอถึงจุดเด่นของการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกที่บริเวณท่าเรือแหลมริ่ว มีเกาะเล็ก ๆ หลายเกาะ ที่ช่วยบังคลื่นลมทะเล เหมาะสำหรับการให้เป็นพื้นที่จอดเรือพัก จะทำการขุดลอกร่องน้ำให้เรือขนาดใหญ่สามารถเข้าได้ ระยะทาง 9.7 กม. มีความลึก 17 กม. และจะนำดินที่ได้จากการขุดลอกร่องน้ำลึกมาถมเพื่อทำการก่อสร้างสะพานให้ชาวประมงสามารถเดินได้ปกติ
ส่วนความก้าวหน้าโครงการ แลนด์บริดจ์ ระยะทาง 89.35 กม. ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำร่างเอกสารการประกาศประกวดราคาเพื่อคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน ภายในปลายปี 2569 ในระหว่างนี้จะดำเนินการออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน ภายในปี 2569 และลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนที่ชนะการประกวดราคาเฟสที่ 1 มูลค่า 5 แสนล้านล้านบาทในช่วงกลางปี 2569 จากนั้นปี 2570 จะเริ่มก่อสร้างในระยะที่ 1 ทันที และจะเปิดให้บริการภายในปี 2573
กำหนดให้การลงทุนพัฒนาแบ่งออกเป็น 4 ระยะ โดยเฟส 1/1 มูลค่าลงทุน 5.22 แสนล้านบาท ประกอบด้วย ท่าเรือฝั่งชุมพรและฝั่งระนอง วงเงิน 2.60 แสนล้านบาท, พื้นที่เปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า SRTO ทั้งฝั่งชุมพรและฝั่งระนอง วงเงิน 6.08 หมื่นล้านบาท และเส้นทางเชื่อมโยงท่าเรือ อาทิ เส้นทางมอเตอร์เวย์ รถไฟ วงเงิน 2.01 แสนล้านบาท
ด้านนางมนพรกล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีศักยภาพทั้งด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมทั้งมีความได้เปรียบในเชิงภูมิศาสตร์ที่อยู่ระหว่างสองฝั่งทะเลที่สามารถเชื่อมโยงไทยไปสู่ภูมิภาคเอเชีย และเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศในการพลิกโฉมการพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวม ทั้งนี้ การเปิดรับฟังความเห็นครั้งนี้
โดยภาพรวมทุกคนเห็นดีด้วยอยากให้ร่าง พ.ร.บ.นี้ เป็นกฎหมายมีผลบังคับใช้ แต่มีข้อเสนอแนะว่า ควรให้มีลักษณะการบริหารคล้ายอีอีซี และมีความเป็นห่วงด้านการบริหารจัดการน้ำอาจไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม มีความมั่นใจโครงการจะต้องเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนี้ โดยจะเริ่มต้นโครงการปี 2570 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี แล้วเสร็จประมาณปี 2573.
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1802090
แลนด์บริดจ์..ไทยไปต่อ..เจาะลึกที่ไม่เคยมีใครบอก ใกล้กว่าแต่แพง!!
https://www.youtube.com/watch?v=Jy74JEGYCgo
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45291
Location: NECTEC
Posted: 02/05/2025 12:30 pm Post subject:
ทางรถไฟในแลนด์บริดจ์ คือ "โครงการก่อสร้างทางรถไฟ ช่วงชุมพร-ท่าเรือน้ำลึกระนอง" โดยเป็นทางรถไฟขนาด 4 ทาง ควบคู่กับมอเตอร์เวย์ (MR8) ระยะทางกว่า 91 กม. มี 5 สถานี คือ สถานีท่าเรือชุมพร สถานีวังตะกอ สถานีพะโต๊ะ สถานีราชกรูด และสถานีท่าเรือระนอง ซึ่งทำการสำรวจ ออกแบบ และทำ EIA แล้ว คาดว่าจะก่อสร้างปี 2569 และแล้วเสร็จปี 2573 (ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก รฟท.)
https://www.facebook.com/ThailandUpdateFanPage/posts/662005953375092
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45291
Location: NECTEC
Posted: 07/05/2025 12:24 pm Post subject:
ไทยจีบเกาหลีใต้ลงทุนแลนด์บริดจ์ หยอดคำหวานเชื่อใจทุนโสมขาวมากกว่าจีน
วันพุธ ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 เวลา 11.17 น.
7 พ.ค. 2568 นสพ.The Korea Herald ของเกาหลีใต้ เสนอรายงานพิเศษ $100 billion Land Bridge project aims to attract Korean firms across finance, shipbuilding, port operations and civil engineering ว่าด้วยประเทศไทยได้ชักชวนให้เกาหลีใต้ร่วมลงทุนในโครงการ แลนด์บริดจ์ (Land Bridge) ซึ่งเชื่อมการขนส่งสินค้าระหว่าง 2 ฟากฝั่งทะเล คืออ่าวไทยฝั่ง จ.ชุมพร และทะเลอันดามันฝั่ง จ.ระนอง โดยจะมีท่าเรือน้ำลึกใน 2 จังหวัดข้างต้น และเชื่อมต่อกันด้วยเส้นทางรถไฟและถนน
โครงการดังกล่าวซึ่งมีเม็ดเงินลงทุน 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1 ล้านล้านบาท คาดหวังว่าจะช่วยลดเวลาการขนส่งได้ 4 วัน เมื่อเทียบกับการไปใช้เส้นทางช่องแคบมะละกา ทำให้ต้นทุนด้านโลจิสติกส์ลดลงได้ร้อยละ 15 ทั้งนี้ สื่อแดนโสมขาว อ้างคำกล่าวของ ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ (Suksit Srichomkwan) รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีของไทย ที่ให้สัมภาษณ์กับทาง Korea Herald ในช่วงที่มาร่วมงาน Ignite Thailand-Korea Business Forum เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2568 ที่ระบุว่า เรือมากกว่า 85,000 ลำผ่านช่องแคบมะละกาทุกปี และจำนวนดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ทุกปี ทำให้มีความเสี่ยงต่อความแออัด อุบัติเหตุ และความล่าช้า
ด้วยการคาดการณ์ว่าช่องแคบจะเต็มความจุภายในปี 2573 ศึกษิษฏ์ กล่าวว่า แลนด์บริดจ์ไม่ใช่แค่ทางเลือกแต่เป็นสิ่งจำเป็น แต่ก็ย้ำว่าโครงการนี้ไม่ได้มุ่งหวังที่จะแข่งขันกับสิงคโปร์และมะละกา โดยเปลี่ยนเส้นทางการจราจรติดขัดและรองรับระบบขนส่งและเรือขนาดเล็ก ซึ่งนอกจากจะช่วยบรรเทาการจราจรทางทะเลแล้ว ยังอาจเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวของไทยได้ด้วย โดยอาจดึงดูดการลงทุนได้มากถึง 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3.4 ล้านล้านบาท และกระตุ้น GDP ของไทยได้ร้อยละ 1 2 1 ขึ้นอยู่กับประเภทของความร่วมมือที่เกิดขึ้น
สำหรับประเทศไทย โครงการแลนด์บริดจ์สามารถกระตุ้นการพัฒนาในจังหวัดภาคใต้ได้ด้วยการขยายเส้นทางการส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและอาหารทะเล ขณะเดียวกันก็เพิ่มการไหลเวียนของการค้าผ่านเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจที่ครอบคลุม 3 จังหวัดภาคตะวันออก (ฉะเชิงเทรา ชลบุรีและระยอง)
ความร่วมมือข้ามพรมแดนถือเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามของไทยในการดึงดูดการลงทุนจากภาครัฐและเอกชน โดยมีการเจรจาเชิงบวกกับทั้งจีนและมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างหนึ่งคือการที่โครงการต้องพึ่งพาสินค้าจากจีนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานเบื้องต้น ในเรื่องนี้ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีของไทย คาดหวังว่า จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และไทย ซึ่งแต่เดิมก็มีความแข็งแกร่งอยู่แล้วในภาคการท่องเที่ยว ให้กลายเป็นความสัมพันธ์ทางธุรกิจและการลงทุนที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ศึกษิษฏ์ กล่าวถึงรูปแบบธุรกิจของเกาหลีใต้ที่มีศักยภาพในการขยายขนาดในประเทศไทยว่า ไทยนั้นให้ความสำคัญกับนักลงทุนที่นำห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดมาสู่ประเทศ ไม่ใช่แค่การประกอบขั้นสุดท้ายเท่านั้น โดยเน้นย้ำถึงจุดแข็งของเกาหลีใต้ในด้านการต่อเรือ โลจิสติกส์ การดำเนินงานท่าเรือ และงานวิศวกรรมโยธา ซึ่งทำให้บริษัทต่างๆ ของเกาหลีใต้เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะคว้าโอกาสนี้
เมื่อเทียบกับปัญหาในอดีตกับผู้รับเหมาชาวจีนแล้ว ประเทศไทยมีความไว้วางใจในบริษัทของเกาหลีใต้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อถือได้มากกว่า นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเปิดกว้างมากต่อสถาบันการเงินของเกาหลีใต้ที่สนับสนุนโครงการที่นำโดยเกาหลีใต้ ศึกษิษฏ์ กล่าว
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีของไทย ขยายความเพิ่มเติมว่า สถาบันการเงินและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเกาหลีใต้ สามารถได้รับประโยชน์จากโอกาสการลงทุนในระดับขั้นพื้นฐาน (Ground-floor Investment) เนื่องจากพื้นที่โครงการส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการพัฒนา ดังตัวอย่างหนึ่งที่อยู่ระหว่างดำเนินการแล้ว คือ SK Bioscience บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของเกาหลีใต้ สนใจที่จะผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งชีวการแพทย์และอุตสาหกรรมแห่งอนาคตเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญสำหรับความร่วมมือทวิภาคี
ทั้งนี้ โอกาสในอนาคตคาดว่าจะเติบโตขึ้น เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวจะได้รับการกำหนดให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีกฎระเบียบที่รัดกุมขึ้นและมีแรงจูงใจเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมหลัก ซึ่ง ศึกษิษฏ์ ระบุว่า จะมีแรงจูงใจทางภาษีสูงสุด 8 ปี เงินอุดหนุน และตัวเลือกการลงทุนร่วม อีกทั้งจะปรับแต่งผลประโยชน์เหล่านี้ตามความเหมาะสมเชิงกลยุทธ์และความต้องการของนักลงทุนแต่ละราย
ศึกษิษฏ์ ยังกล่าวอีกว่า โครงการนี้คาดว่าจะแยกตัวออกจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในขณะที่ดำเนินไป โดยเน้นย้ำว่าเป็นความพยายามในระยะยาว มีการร่างกฎหมายเฉพาะสำหรับเขตนี้ โดยทำให้การสนับสนุนของรัฐบาลมีผลผูกพันทางกฎหมายไม่ว่าในอนาคตพรรคการเมืองใดจะเข้ามามีอำนาจก็ตาม อนึ่ง เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยกำลังวางแผนจัดฟอรัมเศรษฐกิจระดับภูมิภาคในกรุงเทพฯ ซึ่งอาจจัดขึ้นในเดือน ธ.ค. 2568 โดยหวังว่าจะเชิญนายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้เข้าร่วมด้วย
นอกจากนี้ ยังหวังว่าจะมีการเจรจาหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (EPA) ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และรูปแบบความร่วมมือทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีใต้และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีของไทย กล่าว
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.koreaherald.com/article/10481664
Note: ไปๆ มาๆ ผู้รับเหมาเกาหลี ท่าจะเค็มพอๆ กะผู้รับเหมาจีนและยังมีคดีเขื่อนแตกที่ลาว คดีตึก wawoon ที่ล้มครืนและโรงแรมไฟไหม้ช่วงคริสต์มาสอีฟที่เกาหลีสมัยประธานาธิบดีปักจุนฮี จะหนีเสือปะจระเข้หรือเปล่าหนอ
https://www.naewna.com/inter/882369?
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45291
Location: NECTEC
Posted: 21/05/2025 10:54 pm Post subject:
Video โครงการศึกษาทางรถไฟ สายใหม่ ชุมพร-ระนอง แนวเส้นทาง Landbridge
มาทำความรู้จัก เส้นทางรถไฟ Land Bridge ชุมพร-ระนอง ซึ่งเป็นเส้นทางหลักเชื่อมท่าเรือ ทั้ง 2 ฝั่งทะเลกับแนวทางรถไฟไทย ที่ขนาดราง 1 เมตร
โดยโครงการนี้ จะเป็นเส้นเลือดหลักที่จะสนับสนุนทั้งการให้บริการ Landbridge และ การเชื่อมต่อทางรถไฟไทย เข้ามาใช้ท่าเรือทั้ง 2 ฝั่งทะเลอีกด้วย จุดเริ่มต้นโครงการจากแหลมริ่ว ตำบลบางน้ำจืด อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร
แนวเส้นทางมุ่งไปทางทิศตะวันตก ตัดผ่านทางรถไฟสายใต้ ทางหลวงหมายเลข 41 และขนานไปกับทางหลวงหมายเลข
4006 ผ่านพื้นที่ตำบลนาขา ตำบลวังตะกอ ตำบลหาดยาย อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ตำบลปังหวาน ตำบลพระรักษ์
ตำบลพะโต๊ะ ตำบลปากทรง อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร และไปสิ้นสุดที่บริเวณที่มีแผนจะก่อสร้างเป็นท่าเรือระนองใน
อนาคต บริเวณอ่าวอ่าง ตำบลราชกรูด อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง ระยะทางรวมประมาณ 87.5 กิโลเมตร มีการ
กำหนดตำแหน่งสถานีรถไฟเบื้องต้นทั้งหมด 5 สถานี ได้แก่ สถานีท่าเรือชุมพร สถานีวังตะกอ สถานีพะโต๊ะ สถานีราชกรูด
และสถานีท่าเรือระนอง โดยมีอุโมงค์ 3 แห่ง ความยาวรวม 15 กิโลเมตร ทางรถไฟขนาด 4 ทาง เป็นรางขนาด1 เมตร 2 ทาง และ รางมาตรฐาน 2 ทาง
อีกหนึ่งความน่าสนใจของโครงการ คือการวางแผน Spur line แยกจากสถานีราชกรูด เพื่อมุ่งหน้าไปสนามบิน และเมืองระนอง เพื่อรองรับการเดินทางเข้าสู่เขตเมืองรองรับการโดยสารอีกด้วยหลังจากที่ชาวเมืองระนองบ่นว่าไม่มีรถไฟเข้าตัวเมืองระนอง
https://www.srt-cprn.com/?
https://www.facebook.com/Thailand.Infra/videos/1194297775242794
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 48794
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 28/05/2025 7:25 pm Post subject:
ไฟเขียวทุ่มงบ 50 ล้านบาท หนุนระนองสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของกลุ่มจังหวัดอันดามัน | เดลินิวส์
Source - เว็บไซต์เดลินิวส์
Wednesday, May 28, 2025 16:51
ที่ประชุมคณะ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน มีมติทุ่มงบประมาณ 50,000,000 ล้านบาท ลงจ.ระนอง ผลักดันโครงการพัฒนาศูนย์ธาราบำบัดน้ำแร่ร้อนธรรมชาติ ยกระดับสู่ศูนย์วัฒนธรรมเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ของกลุ่มจังหวัดอันดามัน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 .พ.ค. ที่ห้องประชุมรัตนรังสรรค์ ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดระนอง นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมด้วย นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หัวหน้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ หอการค้าไทย และนายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐ และเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ครั้งที่ 4/2568 โดยมีนายสมโชค วงศ์ภิวัฒนา ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดระนอง และนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง ผู้แทน ผู้ว่าฯกระบี่ สตูล และตรัง ฝ่ายเลขานุการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน คณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน 86 คน ผู้แทนจากส่วนราชการและภาคเอกชน เข้าร่วม
โดยที่ประชุมได้ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามความต้องการของพื้นที่ นโยบายเร่งด่วนและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เมื่อคราวประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน 2 เรื่อง ดังนี้ 1. เรื่องความก้าวหน้าการทบทวนโครงการการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมเส้นทางรถไฟชุมพร ท่าเรือน้ำลึกระนอง พ.ศ.2561 และะ2. เรื่องการขุดลอกร่องน้ำในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
นอกจากนี้ที่ประชุมได้ มีมติเห็นชอบ เรื่องการขอความเห็นชอบในการผลักดันโครงการพัฒนาศูนย์ธาราบำบัดน้ำแร่ร้อนธรรมชาติ ยกระดับสู่ศูนย์วัฒนธรรมเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ของกลุ่มจังหวัดอันดามัน งบประมาณ 50,000,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีเรื่อง เพื่อพิจารณา ในการผลักดันโครงการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและการขนส่งทางทะเล (Maritime Hub) และพัฒนาท่าเรือชุมชน ในพื้นที่จ.ระนอง รวมถึงเรื่องการขอความเห็นชอบให้ผลักดันการจัดลำดับความสำคัญต่อการพัฒนาพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ภาคใต้โครงการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและการขนส่งทางทะเล (Maritime Hub)
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45291
Location: NECTEC
Posted: 20/06/2025 1:14 pm Post subject:
อัปเดต! ร่าง พ.ร.บ. SEC รอกรมบัญชีกลางเช็กแหล่งเงินกองทุน "แลนด์บริดจ์" คาด 1 เดือนสรุป ชง ครม.
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันอังคาร ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 07:01 น.
ปรับปรุง: วันอังคาร ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 20:41 น.
มนพร เผย สคร.แนะส่งร่าง พ.ร.บ. SEC ให้กรมบัญชีกลางตรวจสอบแหล่งเงิน "กองทุนแลนด์บริดจ์" คาดเสร็จใน 1 เดือน ก่อนส่งต่อ ครม. ไม่กระทบไทม์ไลน์ ประกาศใช้ในปีนี้ ตั้ง สนง.และเปิด PPP ต้นปี 69
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (Southern Economic Corridor : SEC) เพื่อเชื่อมการขนส่งระหว่างอ่าวไทย-อันดามัน (แลนด์บริดจ์) และการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ พ.ศ. .... ว่า จากที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้จัดรับฟังความเห็นจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระนอง ชุมพร และนครศรีธรรมราช ครบถ้วนและสรุปร่างพ.ร.บ. SEC แล้วนั้น ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้เสนอร่าง พ.ร.บ. SEC ไปที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) แล้ว โดย สคร.มีความเห็นว่า เนื่องจากพ.ร.บ. SEC เป็นกฎหมายที่นอกจากจะมีการจัดตั้งสำนักงาน SEC ในลักษณะเดียวกัน พ.ร.บ. EEC แล้วจะเงินกองทุนด้วย จึงให้ส่งร่าง พ.ร.บ. SEC ให้กรมบัญชีกลางช่วยตรวจสอบ แหล่งเงินของกองทุนแลนด์บริดจ์ก่อน โดยคาดว่าขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
ทั้งนี้ เงินกองทุนแลนด์บริดจ์มีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาใช้สำหรับชดเชยเป็นค่าเวนคืน หรือค่าชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในพื้นที่แลนด์บริดจ์ ซึ่งขณะนี้ได้ส่งไปที่กรมบัญชีกลางแล้ว เมื่อตรวจสอบเรียบร้อย จะส่งร่างฯกลับมาที่กระทรวงคมนาคม เพื่อส่งไปที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
แม้จะมีขั้นตอนให้กรมบัญชีกลางตรวจสอบเรื่องกองทุนแลนด์บริดจ์ที่คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ซึ่งตามแผนงานขั้นตอนต่างๆ ขณะนี้ยังอยู่ในไทม์ไลน์ที่วางไว้ เนื่องจากผลการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่แลนด์บริดจ์ทั้ง 3 จังหวัด มีความเห็นเป็นความเห็นเชิงบวก และได้นำมาดำเนินการในร่างพ.ร.บ. SEC แล้ว โดยคาดว่า.ภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2568 ร่างพ.ร.บ. SEC จะแล้วเสร็จ ประกาศใช้ และจะเปิดประมูลคัดเลือก PPP โคงการแลนด์บริดจ์ได้ตามเป้าหมาย ที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม ตามแผนงาน สนข.ได้สรุปร่าง พ.ร.บ. SEC โดยประมวลความเห็นต่างๆ ในพื้นที่ จ.ชุมพร, ระนอง, สุราษฎร์ธานี มาปรับปรุงให้เหมาะสม และประชุมสรุปครั้งสุดท้าย เดิมคาดนำเสนอครม.ได้ภายในเดือน พ.ค. 2568 และคาดว่า จะเสนอร่าง พ.ร.บ. SEC ต่อสภาผู้แทนราษฎรได้ในการประชุมสามัญที่จะเปิดสมัยประชุมวันที่ 3 ก.ค. 2568 ซึ่งจากที่ประเมินเวลา ผ่านเข้าสภาวาระ 1, 2, 3 ประมาณเดือน ก.ย. 2568 จากนั้นจะเสนอวุฒิสภา ใช้เวลาอีกประมาณ 2 เดือน หรือในเดือน ต.ค.-พ.ย. 2568 จะแล้วเสร็จและนำร่างทูลเกล้าฯ เพื่อจัดตั้งสำนักงานSEC และคณะกรรมการ SEC ภายในปลายปี 2568 เพื่อให้ดำเนินการประกาศประมูล PPP โครงการแลนด์บริดจ์ในปี 2569
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45291
Location: NECTEC
Posted: 07/08/2025 9:43 am Post subject:
สนข.ฟังเสียงประชาชน พัฒนาท่าเรืออ่าวอ่างแลนด์บริดจ์ยันมาตรการดูแลสิ่งแวดล้อมเข้มข้น
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพุธ ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2568 เวลา 17:22 น.
ปรับปรุง: วันพุธ ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2568 เวลา 17:22 น.
สนข. ลงพื้นที่ระนองรับฟังความคิดเห็นของคนในพื้นที่ ครั้งที่ 3 ในการพัฒนาท่าเรือบริเวณแหลมอ่าวอ่าง ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและโมเดลการลงทุนแลนด์บริดจ์ยันนำข้อกังวล กำหนดเป็นมาตรการกำกับและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
นายจิรโรจน์ ศุกลรัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า สนข.ได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 3 โครงการพัฒนาท่าเรือบริเวณแหลมอ่าวอ่าง อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง ภายใต้โครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development Model) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ณ ห้องราชาวดี ชั้น 3 เฮอริเทจ แกรนด์ คอนเวนชั่น อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนองโดยมีนายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานการประชุม ฯ มีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง สถาบันการศึกษา ผู้นำชุมชนผู้แทนกลุ่มอาชีพ เครือข่ายภาคประชาสังคม นักวิชาการและผู้ที่อาจได้รับผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบจากการพัฒนาโครงการ สื่อมวลชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภาคส่วนต่าง ๆ เข้าร่วมการประชุมรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
นายจิรโรจน์ กล่าวว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีข้อสั่งการให้ สนข. เร่งรัดผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้เพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ และเน้นย้ำต่อกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ทุกขั้นตอนของการดำเนินงาน เพื่อกำหนดร่างมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปได้ในทางปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การพัฒนาท่าเรือฝั่งอันดามันในพื้นที่จังหวัดระนอง และท่าเรือฝั่งอ่าวไทยในพื้นที่จังหวัดชุมพร เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Green Port ตามนโยบายที่มอบให้ไว้กับ สนข.
สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์ ใช้หลักการท่าเรือเดียวเชื่อมสองฝั่ง (One Port Two Sides) ที่จะต้องก่อสร้างและบริหารงานพร้อมกันทั้งโครงการ ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นท่าเรือน้ำลึกที่ทันสมัย โดยได้มีการศึกษาความเหมาะสมการบริหารจัดการท่าเรือ ด้วยระบบ Automation มาใช้ในการขนย้ายสินค้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางถนน และทางรถไฟเชื่อมโยงท่าเรือทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อสนับสนุนนโยบายด้านการขนส่งของปะเทศไทยจากการได้เปรียบทางที่ตั้งและภูมิศาสตร์ในภาคใต้ที่มีลักษณะทางกายภาพสามารถเปิดสู่ทะเลทั้งสองด้าน จึงเป็นโอกาสที่จะได้ใช้ประโยชน์จากทำเลที่ตั้งดังกล่าว เพื่อนำมาพัฒนาเป็นเส้นทางทางเลือกในการขนส่งสินค้าทางทะเล เพื่อเชื่อมโยงฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน นอกเหนือจากการขนส่งสินค้าผ่านช่องแคบมะละกาในปัจจุบัน
เป็นการสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและศักยภาพทางการค้าของประเทศไทยกับกลุ่มประเทศที่อยู่ทางด้านมหาสมุทรอินเดีย สอดคล้องต่อยุทธศาสตร์ นโยบาย และผลการศึกษาของโครงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา Landbridge ต่าง ๆ ในภูมิภาคภาคใต้ของประเทศไทย เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าสองฝั่งทะเล (อ่าวไทย - อันดามัน) ต่อไป
สำหรับการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 3 โครงการพัฒนาท่าเรือบริเวณแหลมอ่าวอ่าง อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนองตรั้งนี้ มีผู้สนใจเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนมาก เช่น ผู้นำชุมชนในพื้นที่ ผู้แทนกลุ่มอาชีพ เครือข่ายภาคประชาสังคม นักวิชาการและผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากการพัฒนาโครงการ ได้ร่วมกันเสนอความคิดเห็นที่หลากหลาย ทั้งที่เห็นด้วยและเห็นต่าง
โดยผู้เห็นต่างได้เสนอข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินโครงการ โดย สนข. จะนำเอาข้อเสนอแนะ และข้อคิดเห็นต่าง ๆ มากำหนดร่างมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปได้ในทางปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่เห็นด้วยต่อการดำเนินโครงการและให้ สนข. รีบดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการดำเนินรงานที่กำหนดไว้ ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสที่ดี ที่จะทำให้ประเทศไทย ก้าวสู่การเป็นเส้นทางเดินเรือใหม่ของโลก และเป็นศูนย์กลางการขนส่งและเศรษฐกิจใหม่ทางทะเล ที่จะสร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และสร้างเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างแท้จริง
https://mgronline.com/business/detail/9680000074619
Back to top