RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:318534
ทั่วไป:28047655
ทั้งหมด:28366189
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 419, 420, 421 ... 426, 427, 428  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45533
Location: NECTEC

PostPosted: 02/06/2025 2:08 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
สรุปแล้วแนวรถไฟทางคู่"สุพรรณบุรี-บ้านภาชี" เวนคืน3พันไร่เชื่อมโครงข่ายเอื้อขนส่งสินค้า
Source - ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
วันจันทร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 03:21 น.

เอานี่ก็ได้ครับ
เคาะแนวรถไฟทางคู่สายใหม่”สุพรรณบุรี-บ้านภาชี” เวนคืน 3 พันไร่เชื่อมโครงข่ายเพิ่มศักยภาพขนส่งสินค้า
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 06:09 น.
ปรับปรุง: วันจันทร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 06:09 น.


เคาะแล้วรถไฟทางคู่สายใหม่”สุพรรณบุรี - นครหลวง - ชุมทางบ้านภาชี”แนวที่ 3 เวนคืนกว่า 3 พันไร่ สร้างทางใหม่ 65.5 กม. รฟท. ตั้งงบ 57 ล้านบาทออกแบบรายละเอียด - ศึกษา EIA เริ่มก่อสร้างปี 72 พร้อมดันทางคู่ช่วงสุพรรณบุรี-หนองปลาดุก เชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟทั่วประเทศสะดวก
https://mgronline.com/business/detail/9680000051492


เปิดแนวเวนคืนที่ดิน 3,448 ไร่สร้างทางคู่สายใหม่สุพรรณบุรี-ชุมทางบ้านภาชี อยุธยา73กม.
ข่าวนวัตกรรมขนส่ง
วันจันทร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 08:33 น.

เปิดแนวเวนคืน 3,448 ไร่ สร้างทางคู่สายใหม่ 73 กม. เชื่อมสุพรรณบุรี-ชุมทางบ้านภาชี อยุธยา เร่งศึกษาออกแบบรายละเอียดเสร็จปีหน้า เสนอ ครม. เห็นชอบปี 70 ตอกเข็ม 72 เปิดบริการ 76
“ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์” รายงานจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า ผลการศึกษาความเหมาะสมโครงการก่อสร้างทางรถไฟ ช่วงสุพรรณบุรี-นครหลวง-ชุมทางบ้านภาชี และจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) มีความเหมาะสม และคุ้มค่า ขั้นตอนต่อไป จะเป็นการศึกษาออกแบบรายละเอียดและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อีก 1 ปี แล้วเสร็จในปี 2569 ใช้งบศึกษา 57 ล้านบาท ตามแผนงาน จะขอความเห็นชอบ EIA ในขั้นตอนต่างๆ แล้วเสร็จในปี 2570 จากนั้นเสนอกระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบปี 2571 ออกกฎหมายเวนคืนและเริ่มก่อสร้าง ปี 2572 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี เปิดบริการปี 2576


ขณะนี้ได้คัดเลือกแนวเส้นทางที่เหมาะสมแล้ว มีจุดเริ่มต้นแยกจากแนวทางรถไฟเดิม สายสุพรรณบุรี-หนองปลาดุก (ราชบุรี) บริเวณก่อนถึงสถานีสุพรรณบุรี ประมาณ 4.5 กิโลเมตร (กม.) จากนั้นเบี่ยงขวาออกจากทางรถไฟเดิม ก่อนถึงจุดตัดทางรถไฟกับ ทล.357 มุ่งทิศตะวันออกขนาน ทล.357 ข้ามแม่น้ำท่าจีน ผ่าน ทล.340 ผ่านทุ่งรับน้ำบึงผักไห่ ข้ามแม่น้ำน้อย ผ่านพื้นที่บ่อทรายขนาดใหญ่ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา


ผ่าน ทล.309 ด้านทิศใต้ ห่างตัวเมืองของอำเภอป่าโมก 6 กม. ผ่าน ทล.347 และ ทล.32 ข้ามแม่น้ำลพบุรี แล้วเบี่ยงแนวไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ข้ามแม่น้ำป่าสัก รองรับพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม และท่าเรือ อำเภอนครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ผ่าน ทล.33 แล้วจึงเข้าบรรจบทางรถไฟเดิม ที่บริเวณชุมทางบ้านภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา มีระยะทางตัดใหม่รวม 65.5 กม. และแนวเส้นทางเดิมช่วงต้นและปลายโครงการประมาณ 8 กม. รวมทั้งเส้นทางประมาณ 73 กม.

เส้นทางช่วงตัดใหม่ 65.5 กม. จะต้องใช้พื้นที่แนวเวนคืนประมาณ 3,448 ไร่ สิ่งปลูกสร้าง 161 หลัง โดยออกแบบแนวเส้นทางเป็นรถไฟทางคู่ ขนาดราง 1 เมตร มี 4 สถานี ประกอบด้วย สถานีสะแกย่างหมู, สถานีสุพรรณบุรีใหม่, สถานีบ้านกุ่ม และสถานีบางปะหัน คาดว่าในปีแรกของการเปิดให้บริการ จะมีปริมาณผู้โดยสารประมาณ 5 ล้านคนต่อปี และปริมาณสินค้าประมาณ 11 ล้านตันต่อปี


รถไฟสายนี้เป็น 1 ในโครงการรถไฟสายใหม่ (ทางคู่ระยะที่ 3) ของแผนการพัฒนาโครงข่ายรถไฟให้ครอบคลุม และเชื่อมโยงพื้นที่ทั่วประเทศ และรองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบได้อย่างไร้รอยต่อ (R-Map) ระยะเร่งด่วน (ปี 2566-2570) เมื่อเปิดบริการจะเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟภาคเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือเข้ากับเส้นทางรถไฟสายสุพรรณบุรี-หนองปลาดุก (ราชบุรี) เพื่อรองรับการเดินทาง และการขนส่งระหว่างภาคใต้ ภาคตะวันตกกับภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือได้อย่างสะดวก เดินทางได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องผ่านเข้าไปในพื้นที่กรุงเทพฯ


นอกจากนี้ รฟท. ยังมีแผนพัฒนาทางรถไฟสายสุพรรณบุรี-หนองปลาดุก จากปัจจุบันเป็นทางเดี่ยว ให้เป็นทางคู่ด้วย ซึ่งจะมีการศึกษารายละเอียด และดำเนินโครงการต่อไป...
https://www.dailynews.co.th/news/4770157/?
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/1244811420429423
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49364
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 06/06/2025 8:26 am    Post subject: Reply with quote

ไม่ต้องหลีกอีกต่อไป! รถไฟทางคู่สายเหนือ เปิดขยายต่อจากลพบุรี-ปากน้ำโพ
นิกเกิ้ล พาทัวร์ (Train Thailand)
Jun 5, 2025


https://www.youtube.com/watch?v=SvH0hNEL4hE
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45533
Location: NECTEC

PostPosted: 11/06/2025 8:16 am    Post subject: Reply with quote

อุโมงค์ทางลอดรางรถไฟทางคู่ หมู่ 3 ต.มะค่า อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมขังภายในอุโมงค์ ระดับน้ำลึกประมาณ 40-50 เซนติเมตร ส่งผลให้ชาวบ้านไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ตามปกติ
.
ชาวบ้าน เผยว่า เส้นทางนี้เป็นทางลัดที่ใช้เวลาเพียง 5 นาที ในการเดินทางระหว่างหมู่บ้าน หากต้องใช้เส้นทางอ้อมจะต้องเสียเวลาเดินทางเพิ่มเป็น 30 นาที แต่หลังจากเกิดฝนตกหนัก น้ำได้ไหลเข้าท่วมอุโมงค์ และยังคงมีน้ำซึมเข้าทางผนังอุโมงค์อย่างต่อเนื่อง แม้ในวันที่ไม่มีฝนตกเลยก็ตาม เนื่องจากเครื่องสูบน้ำที่ติดตั้งไว้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
.
ปัญหาน้ำท่วมในอุโมงค์จุดนี้เกิดขึ้นซ้ำซากเป็นเวลานาน แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาแก้ไขอย่างจริงจัง หวังว่าปัญหาดังกล่าวจะได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อให้สามารถใช้เส้นทางนี้ได้อย่างปลอดภัย และสะดวกเหมือนเดิม
https://www.facebook.com/onenews31/posts/727335492993979
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45533
Location: NECTEC

PostPosted: 12/06/2025 1:26 pm    Post subject: Reply with quote

แบบทางรถไฟความเร็วสูงและทางคู่ในอนาคต ของพี่น้องชาวนครราชสีมา จะเป็นทางยกระดับทั้งสองสาย ข้ามสะพานสีมาธานี
รถไฟทางคู่ทางไกล ข้ามสะพานสีมาธานีสูง 5.5 ม.
รถไฟความเร็วสูง ข้ามสะพานสีมาธานีสูง 11 ม.
note: ถ้าทนรอเคลียร์ EIA ให้ผ่านและอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมอีก แปดพันล้านบาทได้ก็ตามสบายครับครับ อยากได้ของดีเพื่ออวดความโก้ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายที่แพงลิบลิ่วแบบนี้แล https://www.facebook.com/maxputtipongchannel/posts/1282421397220523
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49364
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 14/06/2025 3:44 pm    Post subject: Reply with quote

กรมการขนส่งทางรางหารือมาเลเซีย เดินหน้าฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายสุไหงโก-ลก - รันเตาปันยัง ผลักดันโครงข่ายทางคู่เชื่อมโยงภูมิภาค
Source - สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
Friday, June 13, 2025 11:25

กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ลงพื้นที่ ณ ประเทศมาเลเซีย หารือและสำรวจแนวทางการฟื้นฟูเส้นทางรถไฟ สายสุไหงโก-ลก-รันเตาปันยัง ซึ่งในอดีตเป็นเส้นทางเชื่อมโยงสำคัญระหว่างสองประเทศ การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการประชุมหารือทวิภาคีด้านคมนาคมขนส่งระหว่างไทยและมาเลเซีย เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ณ กระทรวงคมนาคม โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของมาเลเซีย เป็นประธานร่วม ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้ผลักดันการรื้อฟื้นเส้นทางดังกล่าว

นายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ขร. ผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม และผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ลงพื้นที่และหารือ ณ สถานี Pasir Mas สถานี Rantau Panjang และสถานี Kota Bharu ของโครงการ ECRL รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย โดยมีคณะผู้แทนจากมาเลเซีย ประกอบด้วย ผู้บริหารจากกระทรวงคมนาคมมาเลเซีย การรถไฟมาเลเซีย (KTMB) บริษัท Malaysia Rail Link (MRL) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมลงพื้นที่

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อหารือและสำรวจสภาพความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟระหว่างไทย-มาเลเซีย ผ่านทางสะพานรถไฟสุไหงโก-ลก ซึ่งเคยเป็นเส้นทางขนส่งผู้โดยสารและสินค้า แต่ได้หยุดให้บริการมานานกว่า 20 ปี โดยทางรถไฟฝั่งมาเลเซียช่วงรันเตาปันยัง-ปาเสมัส ระยะทางประมาณ 18.7 กิโลเมตร ได้หยุดเดินรถมานานเนื่องจากน้ำท่วม

ทั้งสองฝ่ายเห็นว่าการฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายนี้จะเป็นโอกาสสำคัญในการเชื่อมโยงกับโครงการ Eastern Corridor Rail Link (ECRL) ซึ่งเป็นทางรถไฟขนาดทางมาตรฐาน (Standard gauge) 1.435 เมตร ระยะทาง 665 กิโลเมตร โครงการ ECRL มีความคืบหน้าร้อยละ 83 คาดว่าจะเปิดให้บริการระยะที่ 1 ช่วงโกตาบารู-กอมบัค ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2570 และระยะที่ 2 ช่วงกอมบัค-ท่าเรือกลัง (Port Klang) ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2570 นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมมาเลเซียยังได้ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาพัฒนาโครงการ ECRL จากสถานีโกตาบารู ระยะทาง 30.5 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อ ECRL กับโครงข่ายรถไฟเดิมของมาเลเซียและไทยในอนาคต

นอกจากนี้ ได้ลงพื้นที่สถานีสุไหงโก-ลก พบว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานทางรางให้มีความพร้อมใช้งาน เพื่อรองรับการรื้อฟื้นเส้นทางระหว่างไทย-มาเลเซีย ปัจจุบันช่วงชุมทางหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ระยะทาง 216 กิโลเมตร เป็นทางรถไฟทางเดี่ยว ใช้ราง 100 ปอนด์/หลา พร้อมหมอนคอนกรีต ซึ่งมีความมั่นคงแข็งแรง เส้นทางรถไฟสายใต้ช่วงชุมทางหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ปัจจุบันสิ้นสุดที่สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโก-ลก บริเวณพรมแดนไทย-มาเลเซีย

สำหรับการพัฒนาโครงข่ายทางคู่เชื่อมมาเลเซีย ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่ ช่วงนครปฐม-ชุมพร : ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการแล้ว, ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา และช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ อยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการ, ช่วงหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก อยู่ระหว่างขอรับจัดสรรงบประมาณสำหรับการศึกษาความเหมาะสม (FS) ในปีงบประมาณ 2568

การฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายสุไหงโก-ลก-รันเตาปันยัง และการพัฒนาโครงข่ายทางคู่เชื่อมโยงภูมิภาคนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย โดยจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น

https://thainews.prd.go.th/thainews/news/view/1191756/?bid=1
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45533
Location: NECTEC

PostPosted: 14/06/2025 10:26 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
กรมการขนส่งทางรางหารือมาเลเซีย เดินหน้าฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายสุไหงโก-ลก - รันเตาปันยัง ผลักดันโครงข่ายทางคู่เชื่อมโยงภูมิภาค
Source - สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
วันศุกร์ ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 11:25 น.


https://thainews.prd.go.th/thainews/news/view/1191756/?bid=1

กรมการขนส่งทางรางหารือมาเลเซีย เดินหน้าฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายสุไหงโก-ลก – รันเตาปันยัง พร้อมเร่งผลักดันโครงข่ายทางคู่เชื่อมโยงภูมิภาค
วันศุกร์ ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 10:57 น.
กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ได้ลงพื้นที่ ณ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 เพื่อหารือและสำรวจแนวทางการฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายสุไหงโก-ลก – รันเตาปันยัง ซึ่งในอดีตเป็นเส้นทางเชื่อมโยงสำคัญระหว่างสองประเทศ การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการประชุมหารือทวิภาคีด้านคมนาคมขนส่งระหว่างไทยและมาเลเซีย เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ณ กระทรวงคมนาคม โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของมาเลเซีย เป็นประธานร่วม ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้ผลักดันการรื้อฟื้นเส้นทางดังกล่าว
นายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ขร. ผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม และผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ลงพื้นที่และหารือ ณ สถานี Pasir Mas สถานี Rantau Panjang และสถานี Kota Bharu ของโครงการ ECRL รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย โดยมีคณะผู้แทนจากมาเลเซีย ประกอบด้วยผู้บริหารจากกระทรวงคมนาคมมาเลเซีย การรถไฟมาเลเซีย (KTMB) บริษัท Malaysia Rail Link (MRL) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมลงพื้นที่
การลงพื้นที่ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหารือและสำรวจสภาพความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟระหว่างไทย-มาเลเซีย ผ่านทางสะพานรถไฟสุไหงโก-ลก ซึ่งเคยเป็นเส้นทางขนส่งผู้โดยสารและสินค้า แต่ได้หยุดให้บริการมานานกว่า 20 ปี โดยทางรถไฟฝั่งมาเลเซียช่วงรันเตาปันยัง - ปาเสมัส ระยะทางประมาณ 18.7 กิโลเมตร ได้หยุดเดินรถมานานเนื่องจากน้ำท่วม
ทั้งสองฝ่ายเห็นว่าการฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายนี้จะเป็นโอกาสสำคัญในการเชื่อมโยงกับโครงการ Eastern Corridor Rail Link (ECRL) ซึ่งเป็นทางรถไฟขนาดทางมาตรฐาน (Standard gauge) 1.435 เมตร ระยะทาง 665 กิโลเมตร
โครงการ ECRL มีความคืบหน้าร้อยละ 83 คาดว่าจะเปิดให้บริการระยะที่ 1 ช่วงโกตาบารู – กอมบัค ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2570 และระยะที่ 2 ช่วงกอมบัค – ท่าเรือกลัง (Port Klang) ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2570 นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมมาเลเซียยังได้ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาพัฒนาโครงการ ECRL จากสถานีโกตาบารู ระยะทาง 30.5 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อ ECRL กับโครงข่ายรถไฟเดิมของมาเลเซียและไทยในอนาคต
นอกจากนี้ ได้ลงพื้นที่สถานีสุไหงโก-ลก พบว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานทางรางให้มีความพร้อมใช้งาน เพื่อรองรับการรื้อฟื้นเส้นทางระหว่างไทย-มาเลเซีย ปัจจุบันช่วงชุมทางหาดใหญ่ – สุไหงโก-ลก ระยะทาง 216 กิโลเมตร เป็นทางรถไฟทางเดี่ยว ใช้ราง 100 ปอนด์/หลา พร้อมหมอนคอนกรีต ซึ่งมีความมั่นคงแข็งแรง เส้นทางรถไฟสายใต้ช่วงชุมทางหาดใหญ่ – สุไหงโก-ลก ปัจจุบันสิ้นสุดที่สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโก-ลก บริเวณพรมแดนไทย-มาเลเซีย
สำหรับการพัฒนาโครงข่ายทางคู่เชื่อมมาเลเซีย ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่
ช่วงนครปฐม – ชุมพร: ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการแล้ว
ช่วงชุมพร – สุราษฎร์ธานี ช่วงสุราษฎร์ธานี – หาดใหญ่ – สงขลา และ ช่วงหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์อยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการ
ช่วงหาดใหญ่ – สุไหงโก-ลก อยู่ระหว่างขอรับจัดสรรงบประมาณสำหรับการศึกษาความเหมาะสม (FS) ในปีงบประมาณ 2568
การฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายสุไหงโก-ลก – รันเตาปันยัง และการพัฒนาโครงข่ายทางคู่เชื่อมโยงภูมิภาคนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย โดยจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น
https://www.facebook.com/DRT.OfficialFanpage/posts/1018256760498786
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45533
Location: NECTEC

PostPosted: 15/06/2025 10:23 pm    Post subject: Reply with quote

The construction project of the double-track railway on the northern line, from Pak Nam Pho Railway Station, Nakhon Sawan Province to Den Chai Railway Station, Phrae Province,
a distance of 280.5 km, consisting of both ground-level and elevated tracks, and tunnels, passing through 5 provinces: Nakhon Sawan, Phichit, Phitsanulok, Uttaradit, and Phrae,
with 43 stations and halts, with container storage and loading areas at Sila At Station, Wang Kapi Station, and Bang Krathum Station, with an investment budget of 62,859.74 million baht,
with an elevated track from Ban Nam Rit, passing through Ban Dan Station and Pang Ton Phueng Station.

Bueng Boraphet (small station)
Thap Krit (small station)
Khlong Pla Kot (small station)
Chum Saeng (small station)
Wang Krang (small station)
Bang Mun Nak (large station)
Ho Krai (small station)
Dong Takhop (small station)
Taphan Hin (large station - main dropping point to Phetchabun)
Huai Ket (small station)
Hua Dong (small station)
Wang Krot (small station)
Phichit (large provincial station - main dropping point to Kamphaengphet)
Tha Lo (small station)
Bang Krathum (small station)
Mae Thiap (small station)
Ban Mai (small station)
Bueng Phra (small station - oil depot)
Phitsanulok (large provincial station)
Ban Teng Nam (small station)
Ban Tum (small station)
Khwae Noi (small station)
Phrom Phiram (small station)
Nong Tom (small station)
Ban Bung (small station)
Ban Khon (small station)
Phichai (small station)
Rai Oi (small station)
Ban Dara Junction (small station)
Tha Sak (small station)
Tron (small station)
Wang Kaphi (small station - container yard)
Uttaradit (large provincial station)
Sila At (small station - container yard)
Tha Sao (Halt)
Ban Nam Rid (small station) - starting of elevated track
Ban Dan (small elevated station)
Pang Ton Phueng (small elevated station) - the southern end of tunnel
Khao Plueng (Halt)
Huay Rai - (small station at the Northern end of long tunnel)
Rai Kled Dao (Halt)
Mae Phuak (Halt)
Denchai (small station to be junctio to Lampang and Phrae)
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=122131856126732687&id=61571980623234
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49364
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 23/06/2025 8:58 pm    Post subject: Reply with quote

ดันรถไฟทางคู่ เฟส2 จำนวน 6 เส้นทาง มูลค่ากว่า 2.9 แสนล้าน
23/06/2568 10:05

กรุงเทพ 23 มิ.ย.-“สุริยะ” ดันรถไฟทางคู่ เฟส 2 จำนวน 6 เส้นทาง ระยะทาง 1,249 กม. มูลค่ารวมกว่า 2.9 แสนล้าน เร่งชงสภาพัฒน์ฯ พิจารณาอนุมัติ พร้อมจัดลำดับความสำคัญโครงการฯ เปิด 3 เส้นทางอันดับต้นลุยสร้างก่อน เน้นย้ำยกระดับการขนส่งทางราง พลิกโฉมโลจิสติกส์ไทยสู่ศูนย์กลางอาเซียน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,249 กิโลเมตร (กม.) มูลค่ารวมประมาณ 297,924 ล้านบาทว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้นำเสนอโครงการฯ ต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) เพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของโครงการในการยกระดับการขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น และทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อระบบการขนส่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ได้อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ รฟท. ได้จัดลำดับความสำคัญตามคำแนะนำของสภาพัฒน์ฯ โดยพิจารณาจากปัจจัยหลัก 5 ด้าน คือ ความต้องการขนส่งผู้โดยสาร, ความต้องการขนส่งสินค้า, ความจุทาง, เศรษฐศาสตร์และการเงิน, และยุทธศาสตร์และนโยบาย รวมถึงปัจจัยรองอีก 11 ด้าน เช่น ข้อมูลผลการคาดการ์จำนวนผู้โดยสาร, ข้อมูลสถิติผู้โดยสารปัจจุบัน, ข้อมูลผลการคาดการณ์ปริมาณสินค้า, การเชื่อมโยงโครงข่ายภายในประเทศและระหว่างประเทศ, ความพร้อมในการดำเนินโครงการ เป็นต้น

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า รฟท. ได้แบ่งความสำคัญของการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม 1 ความสำคัญอันดับต้น จำนวน 3 เส้นทาง คือ เส้นทางสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 66,270 ล้านบาท, เส้นทางปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 218 กม. วงเงินประมาณ 81,143 ล้านบาท, เส้นทางชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม. วงเงินประมาณ 30,422 ล้านบาท กลุ่ม 2 ความสำคัญอันดับกลาง จำนวน 2 เส้นทาง คือ เส้นทางชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม. วงเงินประมาณ 44,095 ล้านบาท, เส้นทางเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม. วงเงินประมาณ 68,222 ล้านบาท และ กลุ่ม 3 ความสำคัญอันดับท้าย คือ หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงินประมาณ 7,772 ล้านบาท

นอกจากนี้ จากข้อสังเกตของสภาพัฒน์ฯ นั้น รฟท. ยังได้ปรับปรุงข้อมูลและข้อสมมติฐานที่ใช้ในการคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารและสินค้า รวมถึงการวิเคราะห์แผนการเดินรถและความจุทางให้เป็นปัจจุบันเรียบร้อยแล้ว รวมถึงยังได้จัดส่งบัญชีแสดงปริมาณงานและราคา (BOQ) ของทุกโครงการที่สามารถแจกแจงรายละเอียดรายการลงทุนตามการออกแบบโครงสร้างทาง, งานสถานี, จุดตัดทางรถไฟและถนนเสมอระดับ, และสิ่งอำนวยความสะดวก ในส่วนของแนวทางการใช้ประโยชน์สถานีรถไฟขนาดใหญ่และย่านกองเก็บตู้สินค้า รฟท. ได้ชี้แจงแผนการเพิ่มรายได้และแผนธุรกิจที่ชัดเจน ขณะเดียวกัน รฟท. ยังได้ทบทวนแผนการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟและถนนเสมอระดับของแต่ละโครงการให้เป็นปัจจุบัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังได้มีการวิเคราะห์ผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของ รฟท. ทั้งในกรณีมีโครงการและไม่มีโครงการที่สอดคล้องกับการจัดลำดับความสำคัญของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 แล้ว

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 มีเป้าหมายหลักคือการเปลี่ยนการขนส่งสินค้าจากทางถนนมาสู่ทางราง นอกจากนี้ ยังจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางลงได้ถึง 30% เนื่องจากไม่ต้องรอหลีกขบวนรถ ทำให้ขบวนรถตรงต่อเวลามากขึ้น พร้อมทั้งยังช่วยลดอุบัติเหตุ ลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ และเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้กับประชาชน สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีราคาสมเหตุสมผล รวมถึงยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศไทยให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป.-สำนักข่าวไทย

## Deputy PM Suriya Pushes for Dual-Track Railway Phase 2, Valued at Over 290 Billion Baht

**Bangkok, June 23** – Deputy Prime Minister and Minister of Transport, Suriya Jungrungreangkit, is accelerating the Dual-Track Railway Phase 2 project, encompassing six routes spanning 1,249 kilometers with a total value exceeding 290 billion baht. He's urging the National Economic and Social Development Council (NESDC) to expedite approval and prioritize the projects. Three key routes are slated for immediate construction, emphasizing the aim to elevate rail transport and transform Thai logistics into an ASEAN hub.

Suriya Jungrungreangkit revealed updates on the construction of the six dual-track railway lines in Phase 2, totaling 1,249 kilometers and valued at approximately 297,924 million baht. He stated that the State Railway of Thailand (SRT) has submitted the project to the NESDC for approval, emphasizing its crucial role in enhancing the country's transportation and logistics competitiveness. This initiative aims to genuinely establish Thailand as a central hub for transportation systems in Southeast Asia (ASEAN).

Following recommendations from the NESDC, the SRT has prioritized the projects based on five main factors: passenger transport demand, freight transport demand, track capacity, economics and finance, and strategy and policy. Additionally, 11 secondary factors were considered, including projected passenger numbers, current passenger statistics, projected freight volumes, domestic and international network connectivity, and project readiness.

Suriya further elaborated that the SRT has categorized the six dual-track railway Phase 2 projects into three groups:

* **Group 1: Top Priority (3 routes)**
* Surat Thani - Hat Yai - Songkhla: 321 km, 66,270 million baht
* Pak Nam Pho - Den Chai: 218 km, approximately 81,143 million baht
* Chumphon - Surat Thani: 168 km, approximately 30,422 million baht

* **Group 2: Medium Priority (2 routes)**
* Jira Road Junction - Ubon Ratchathani: 308 km, approximately 44,095 million baht
* Den Chai - Chiang Mai: 189 km, approximately 68,222 million baht

* **Group 3: Lowest Priority (1 route)**
* Hat Yai - Padang Besar: 45 km, approximately 7,772 million baht

Furthermore, in response to the NESDC's observations, the SRT has updated data and assumptions used for forecasting passenger and freight volumes, as well as refining the train operation plan and track capacity analysis. The SRT has also submitted the Bill of Quantities (BOQ) for all projects, detailing investment items based on track structure design, station works, at-grade railway-road crossings, and facilities. Regarding the utilization of large railway stations and container yards, the SRT has clarified its revenue enhancement and clear business plans. Concurrently, the SRT has reviewed and updated its plans for resolving at-grade railway-road crossing issues for each project to ensure efficient problem-solving. An analysis of the project's impact on the SRT's financial status, both with and without the dual-track railway Phase 2 construction, aligned with the project prioritization, has also been conducted.

Suriya added that the primary goal of the Dual-Track Railway Phase 2 is to shift freight transport from road to rail. This initiative is also expected to reduce travel times by up to 30% by eliminating the need for trains to wait for opposing traffic, leading to more punctual services. Additionally, it aims to reduce accidents, lower national logistics costs, and provide more convenient, faster, safer, and reasonably priced travel options for the public. Ultimately, the project seeks to modernize and enhance Thailand's transportation infrastructure, driving sustainable economic growth.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45533
Location: NECTEC

PostPosted: 23/06/2025 10:46 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
ดันรถไฟทางคู่ เฟส2 จำนวน 6 เส้นทาง มูลค่ากว่า 2.9 แสนล้าน
23 มิถุนายน 2568 เวลา 10:05 น.

กรุงเทพ 23 มิ.ย.-“สุริยะ” ดันรถไฟทางคู่ เฟส 2 จำนวน 6 เส้นทาง ระยะทาง 1,249 กม. มูลค่ารวมกว่า297,924 ล้านบาท เร่งชงสภาพัฒน์ฯ พิจารณาอนุมัติ พร้อมจัดลำดับความสำคัญโครงการฯ เปิด 3 เส้นทางอันดับต้นลุยสร้างก่อน เน้นย้ำยกระดับการขนส่งทางราง พลิกโฉมโลจิสติกส์ไทยสู่ศูนย์กลางอาเซียน

ความสำคัญอันดับต้น จำนวน 3 เส้นทาง คือ
1. เส้นทางสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กม.
2. วงเงิน 66,270 ล้านบาท, เส้นทางปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 280.5 กม. วงเงินประมาณ 81,143 ล้านบาท,
3. เส้นทางชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม. วงเงินประมาณ 30,422 ล้านบาท


"สุริยะ"เผย”สภาพัฒน์”แนะจัดลำดับรถไฟทางคู่ เฟส 2 จำนวน 6 เส้นทาง แบ่ง 3 กลุ่มมูลค่าลงทุนรวมกว่า 2.9 แสนล้าน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 16:16 น.
ปรับปรุง: วันจันทร์ ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 16:16 น.

รฟท.ส่งการบ้านให้สภาพัฒน์ รถไฟทางคู่เฟส2วงเงิน2.97แสนล้าน
วันอังคาร ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 06.30 น.


นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,249 กิโลเมตร (กม.) มูลค่ารวมประมาณ 297,924 ล้านบาท ว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้นำเสนอโครงการฯ ต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) เพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติ โดยเน้นถึงความสำคัญของโครงการในการยกระดับการขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น และทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อระบบการขนส่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ได้อย่างแท้จริง

"สุริยะ"ดันรถไฟทางคู่ เฟส 2 จำนวน 6 เส้นทาง ระยะทาง 1,249 กม. มูลค่ารวมกว่า 2.9 แสนล้าน รฟท.เร่งปรับปรุงข้อมูล หลังสภาพัฒน์ฯ แนะ จัดลำดับ แบ่ง 3 กลุ่ม เร่งสร้าง 3 เส้นทางก่อนเติมเต็มโครงข่าย ร่นเวลาเดินทาง 30% พลิกโฉมโลจิสติกส์ไทยสู่ศูนย์กลางอาเซียน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,249 กิโลเมตร (กม.) มูลค่ารวมประมาณ 297,924 ล้านบาทว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้นำเสนอโครงการฯ ต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) เพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของโครงการในการยกระดับการขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น และทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อระบบการขนส่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ได้อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ รฟท. ได้จัดลำดับความสำคัญตามคำแนะนำของสภาพัฒน์ฯ โดยพิจารณาจากปัจจัยหลัก 5 ด้าน คือ ความต้องการขนส่งผู้โดยสาร, ความต้องการขนส่งสินค้า, ความจุทาง, เศรษฐศาสตร์และการเงิน, และยุทธศาสตร์และนโยบาย รวมถึงปัจจัยรองอีก 11 ด้าน เช่น ข้อมูลผลการคาดการ์จำนวนผู้โดยสาร, ข้อมูลสถิติผู้โดยสารปัจจุบัน, ข้อมูลผลการคาดการณ์ปริมาณสินค้า, การเชื่อมโยงโครงข่ายภายในประเทศและระหว่างประเทศ, ความพร้อมในการดำเนินโครงการ เป็นต้น

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า รฟท. ได้แบ่งความสำคัญของการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่ม 1 ความสำคัญอันดับต้น จำนวน 3 เส้นทาง คือ
เส้นทางสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 66,270 ล้านบาท,
เส้นทางปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 280.5 กม. วงเงินประมาณ 81,143 ล้านบาท,
เส้นทางชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม. วงเงินประมาณ 30,422 ล้านบาท

กลุ่ม 2 ความสำคัญอันดับกลาง จำนวน 2 เส้นทาง คือ
เส้นทางชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม. วงเงินประมาณ 44,095 ล้านบาท, เส้นทางเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม. วงเงินประมาณ 68,222 ล้านบาท => EIA ไม่ผ่าน

และ กลุ่ม 3 ความสำคัญอันดับท้าย คือ หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงินประมาณ 7,772 ล้านบาท


ซึ่ง จากข้อสังเกตของสภาพัฒน์ฯ นั้น รฟท. ยังได้ปรับปรุงข้อมูลและข้อสมมติฐานที่ใช้ในการคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารและสินค้า รวมถึงการวิเคราะห์แผนการเดินรถและความจุทางให้เป็นปัจจุบันเรียบร้อยแล้ว รวมถึงยังได้จัดส่งบัญชีแสดงปริมาณงานและราคา (BOQ) ของทุกโครงการที่สามารถแจกแจงรายละเอียดรายการลงทุนตามการออกแบบโครงสร้างทาง, งานสถานี, จุดตัดทางรถไฟและถนนเสมอระดับ, และสิ่งอำนวยความสะดวก ในส่วนของแนวทางการใช้ประโยชน์สถานีรถไฟขนาดใหญ่และย่านกองเก็บตู้สินค้า รฟท. ได้ชี้แจงแผนการเพิ่มรายได้และแผนธุรกิจที่ชัดเจน

ขณะเดียวกัน รฟท. ยังได้ทบทวนแผนการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟและถนนเสมอระดับของแต่ละโครงการให้เป็นปัจจุบัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังได้มีการวิเคราะห์ผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของ รฟท. ทั้งในกรณีมีโครงการและไม่มีโครงการที่สอดคล้องกับการจัดลำดับความสำคัญของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 แล้ว

สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 มีเป้าหมายหลักคือการเปลี่ยนการขนส่งสินค้าจากทางถนนมาสู่ทางราง นอกจากนี้ ยังจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางลงได้ถึง 30% เนื่องจากไม่ต้องรอหลีกขบวนรถ ทำให้ขบวนรถตรงต่อเวลามากขึ้น พร้อมทั้งยังช่วยลดอุบัติเหตุ ลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ และเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้กับประชาชน สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีราคาสมเหตุสมผล รวมถึงยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศไทยให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

Deputy PM Suriya Pushes for DOUBLE Track Railway Phase 2, Valued at Over 297 Billion Baht
**Bangkok, 23 June 2025 ** – Deputy Prime Minister and Minister of Transport, Suriya Jungrungreangkit, is accelerating the double Track Railway Phase 2 project, encompassing six routes spanning 1,249 kilometers with a total value exceeding 297 billion baht. He's urging the National Economic and Social Development Board (NESDB) to expedite approval and prioritize the projects. Three key routes are slated for immediate construction, emphasizing the aim to elevate rail transport and transform Thai logistics into an ASEAN hub.
Suriya Jungrungreangkit revealed updates on the construction of the six double-track railway lines in Phase 2, totaling 1,249 kilometers and valued at approximately 297,924 million baht. He stated that the State Railway of Thailand (SRT) has submitted the project to the NESDC for approval, emphasizing its crucial role in enhancing the country's transportation and logistics competitiveness. This initiative aims to genuinely establish Thailand as a central hub for transportation systems in Southeast Asia (ASEAN).
Following recommendations from the NESDB, the SRT has prioritized the projects based on five main factors: passenger transport demand, freight transport demand, track capacity, economics and finance, and strategy and policy. Additionally, 11 secondary factors were considered, including projected passenger numbers, current passenger statistics, projected freight volumes, domestic and international network connectivity, and project readiness.
Suriya further elaborated that the SRT has categorized the six dual-track railway Phase 2 projects into three groups:
Group 1: Top Priority (3 routes)
Surat Thani - Hat Yai - Songkhla: 321 km, 66,270 million baht
Pak Nam Pho - Den Chai: 218 km, approximately 81,143 million baht
Chumphon - Surat Thani: 168 km, approximately 30,422 million baht
Group 2: Medium Priority (2 routes)
Jira Road Junction - Ubon Ratchathani: 308 km, approximately 44,095 million baht
Den Chai - Chiang Mai: 189 km, approximately 68,222 million baht - not getting EIA clearance yet
Group 3: Lowest Priority (1 route)
Hat Yai - Padang Besar: 45 km, approximately 7,772 million baht


Last edited by Wisarut on 29/06/2025 10:32 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49364
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 25/06/2025 8:24 am    Post subject: Reply with quote

โคราช รฟท.แจงรถไฟไฮสปีดเสร็จไม่ทันพืชสวนโลก รถไฟทางคู่เพิ่มงบกว่า 8 พันล้าน เสร็จปี 74
Source - เว็บไซต์สยามรัฐ
Tuesday, June 24, 2025 17:05

โคราช รฟท.แจง รถไฟไฮสปีดเสร็จไม่ทันพืชสวนโลก รถไฟทางคู่เพิ่มงบกว่า 8 พันล้าน เสร็จปี 74

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่ห้องประชุมหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ รอง ผวจ.นครราชสีมา เป็นประธานการประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมการจัดการระบบการจราจรทางบกจังหวัดนครราชสีมา (อจร.นม.) ครั้งที่ 3/2568 โดยมีนายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล นายกเทศมนตรีนคร (ทน.) นครราชสีมา พร้อมนายสุรวุฒิ เชิดชัย อดีตนายก ทน.นครราชสีมา ในฐานะกรรมการ บริษัท รถไฟฟ้า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำกัด และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนรวมทั้งภาคประชาชนเข้าร่วมโดยพร้อมเพียงกัน

ในระเบียบวาระที่ 3 เรื่องสืบเนื่อง (การดำเนินโครงการในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา) ผู้แทน รฟท.ชี้แจงความคืบหน้าโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ระยะที่ 1 กรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา ระยะทาง 251 กิโลเมตร ผลงานสะสมทั้งโครงการ 44.66 % ช้ากว่าแผน 16.03 % ส่วนสัญญา 3-5 โคกกรวด-นครราชสีมา ระยะทาง 12.38 กม. ผลงาน 13.012 % เพิ่มขึ้น 0.49 % เนื่องจากมีประเด็นขอแก้ไขรูปแบบก่อสร้างคันทางระดับดินเป็นทางยกระดับ (Elevated) ตามแนวทางที่ 4 ช่วงโคกกรวด-ภูเขาลาด ยกระดับ 7.85 กิโลเมตร ระยะเวลาก่อสร้างเพิ่ม 350 วัน ล่าสุดมติเห็นชอบการขออนุมัติปรับเพิ่มกรอบวงเงินค่าก่อสร้าง 2,052 ล้านบาท อยู่ระหว่างพิจารณารายงานเสนอคณะกรรมการบริหารการพัฒนา โครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่าง ไทย-จีน และ ครม.พิจารณา กำหนดแล้วเสร็จเฉพาะงานโยธาช่วงเดือนมีนาคม 69 และเปิดใช้งานได้เต็มรูปแบบประมาณปี 2572

ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ เส้นทางผ่านตัวเมืองนครราชสีมา สถานะล่าสุดที่ปรึกษาได้จัดส่งรายละเอียดการปรับรูปแบบให้ รฟท.ดำเนินการพิจารณาและหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นขออนุมัติโครงการรวมทั้งประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องเพิ่มวงเงินกว่า 8 พันล้านบาท หลักการเริ่มยกระดับผ่านสถานีรถไฟโคกกรวดถึงสถานีชุมทางถนนจิระ โดยทางตัดผ่านแยกถนนไชยณรงค์และถนนเบญจรงค์ ระดับความสูงกว่า 5 เมตร แล้วลดระดับก่อนถึงสะพานสูงหัวทะเล

กรณีการประชุม อจร.นครราชสีมา ครั้งที่ 1/2568 มติขอความอนุเคราะห์ รฟท.พิจารณาจัดขบวนรถไฟ เที่ยวพิเศษอำนวยความสะดวกและบริการนำนักท่องเที่ยวและประชาชนมาร่วม "มหกรรมพืชสวนโลก นครราชสีมา พ.ศ 2572 ที่ อ.คง เนื่องจากโครงการเสร็จไม่ทัน ล่าสุดอยู่ระหว่างนำเสนอให้บอร์ด รฟท.พิจารณา เบื้องต้นคาดใช้ขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศให้บริการ กรุงเทพ-ชุมทางบัวใหญ่ ระยะทางประมาณ 365 กิโลเมตร ไป-กลับวันละ 1 เที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง

ทั้งนี้ในระหว่างการประชุมนายสุรพันธ์ จันทรประภา พร้อมพวกในฐานะเจ้าของทรัพย์สินที่ดินเอกชนริมถนนจอมสุรางค์ยาตร์ บริเวณห้าแยกการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โคราช ได้ยื่นหนังสือกับนายสุรพันธ์ รอง ผวจ.นครราชสีมา กรณีที่ดินส่วนใหญ่ในบริเวณดังกล่าว รฟท.ได้รังวัดเวนคืนและจ่ายค่าชดเชย เพื่อดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพ ฯ -นครราชสีมา แต่ยังมีส่วนที่เหลือจำนวนหลายแปลง เนื้อที่รวมกว่า 300 ตารางวา อยู่นอกเขตเวนคืนไม่สามารถใช้ทำประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัยหรือประกอบธุรกิจต่อไปได้ ปัจจุบันจึงมีสภาพเป็นอาคารร้างและที่ว่างเปล่า จึงขอความอนุเคราะห์ให้ รฟท.พิจารณาซื้อที่ดินส่วนที่เหลือนี้ เพื่อใช้ประโยชน์การพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมและทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองรวมทั้งช่วยแก้ปัญหาจราจรแอดอัด ซึ่งมติ อจร.นครราชสีมา เห็นชอบให้ดำเนินการตามความเหมาะสม


Korat: SRT Explains High-Speed Rail Won't Be Ready for Horticultural Expo, Double-Track Budget Increased by Over 8 Billion Baht, Completed in 2031

Source: Siamrath Website
Tuesday, June 24, 2025, 17:05

Korat: The State Railway of Thailand (SRT) has clarified that the high-speed rail project will not be completed in time for the Horticultural Expo. The double-track rail project has seen its budget increase by over 8 billion baht and is expected to be finished in 2031.

On June 24th, at the Luang Por Koon Parisuttho meeting room on the 3rd floor of the Nakhon Ratchasima Provincial Hall, Mr. Suraphan Silpasuwan, Deputy Governor of Nakhon Ratchasima Province, chaired a meeting with the Nakhon Ratchasima Provincial Land Traffic Management Subcommittee (OrJorNor.NorMor.) for the 3rd time in 2025. Dr. Wannarat Channukul, Mayor of Nakhon Ratchasima Municipality, along with Mr. Surawut Cherdchai, former Mayor of Nakhon Ratchasima Municipality and a board member of the SRT Electric Rail Company Limited, and representatives from relevant public and private agencies, as well as the public, were all in attendance.

Under agenda item 3, "Ongoing Matters (Project Implementation in Nakhon Ratchasima Province)," the SRT representative provided an update on the progress of the high-speed rail development project to connect regions, Phase 1: Bangkok-Nakhon Ratchasima, a distance of 251 kilometers. The overall project's accumulated progress is 44.66%, which is 16.03% behind schedule. For Contract 3-5, Khok Kruat-Nakhon Ratchasima, a distance of 12.38 km, the progress is 13.012%, an increase of 0.49%. This is due to a request to amend the construction design from an at-grade embankment to an elevated structure, following alternative 4 for the Khok Kruat-Phu Khao Lad section, which will be elevated for 7.85 kilometers. The construction period has been extended by 350 days. The latest resolution approved an increase in the construction budget by 2,052 million baht. The report is currently under consideration by the committee overseeing the development of the Thai-Chinese railway cooperation project and the Cabinet. The civil works are scheduled to be completed by March 2026, with full operation expected around 2029.

Regarding the progress of the double-track railway project between Map Kabao-Jira Junction, passing through Nakhon Ratchasima city, the latest status is that the consultant has submitted detailed design adjustments for the SRT to review and discuss with relevant agencies. Following this, project approval and environmental impact assessment will be sought, which will require an additional budget of over 8 billion baht. The principle is to elevate the tracks from Khok Kruat Station to Jira Junction, with crossings over Chaiyanarong Road and Benjarong Road at a height of over 5 meters, before descending before the Hua Thale high bridge.

In the case of the Nakhon Ratchasima OrJorNor.NorMor. meeting 1/2025, a resolution was passed to request the SRT to consider providing special train services to facilitate and transport tourists and the public to the "Nakhon Ratchasima International Horticultural Expo 2029" in Khong District, as the project will not be completed in time. The proposal is currently being presented to the SRT board for consideration. Initially, air-conditioned diesel railcars are expected to be used for the Bangkok-Bua Yai Junction route, a distance of approximately 365 kilometers, with one round trip per day, taking about 4-5 hours per journey.

During the meeting, Mr. Suraphan Chanprapha and others, as owners of private land properties along Jomsurangyat Road near the Provincial Electricity Authority (PEA) Korat intersection, submitted a letter to Mr. Suraphan, the Deputy Governor of Nakhon Ratchasima. The letter addressed the issue that most of the land in that area had been surveyed for expropriation and compensated by the SRT for the Phase 1 Bangkok-Nakhon Ratchasima high-speed rail project. However, several remaining plots, totaling over 300 square wa (approximately 1,200 square meters), are outside the expropriated zone and can no longer be used for residential or business purposes. As a result, these properties are currently vacant buildings and empty plots. They requested the SRT to consider purchasing these remaining plots for environmental and aesthetic development of the city, as well as to help alleviate traffic congestion. The Nakhon Ratchasima OrJorNor.NorMor. resolution approved taking appropriate action on this matter.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 419, 420, 421 ... 426, 427, 428  Next
Page 420 of 428

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©