RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:316896
ทั่วไป:24268917
ทั้งหมด:24585813
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคตตามนโยบายรัฐบาล
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 297, 298, 299
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45445
Location: NECTEC

PostPosted: 25/09/2025 10:37 pm    Post subject: Reply with quote

“พิพัฒน์” ตอบชัด 1 ต.ค.นี้ “สายสีแดง-ม่วง” เก็บอัตราปกติ รอถกมติ ครม. เดิมสิ้นสุด 30 ก.ย.69

ข่าวนวัตกรรมขนส่ง
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 16:44 น.

"พิพัฒน์" เตรียมถก ครม. หารือมติ ครม. เดิม รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย "สายสีแดง-ม่วง" ถึง 30 ก.ย. 69 จะสิ้นสุดตามรัฐบาลเดิมหรือไม่ คาดได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์หลัง "อนุทิน" แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ช่วงช่องว่างตั้งแต่ 1 ต.ค. จ่ายค่าโดยสารอัตราปกติ...
https://www.dailynews.co.th/news/5145906/

Mongwin wrote:
"พิพัฒน์" พับแผนรถไฟฟ้า 20 บาท เตรียมจัดแพกเกจเดินทางทุกโหมด รอหลังแถลงนโยบาย
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 15:18 น.
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ย. 68)


โดย คคฦ/เสาวลักษณ์ อวยพร/รัชดา คงขุนเทียน


เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 17:50 น.
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49184
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 29/09/2025 5:21 am    Post subject: Reply with quote

พิพัฒน์แย้ม'แพ็กเกจลดค่าครองชีพ'ทดแทนล้มโปรเจกต์รถไฟฟ้า20บาท
Source - กรุงเทพธุรกิจ
Monday, September 29, 2025 at 04:10


ดัน 4 เดือนประมูล โปรเจกต์ค้างท่อ 3.8 หมื่นล้าน

กรุงเทพธุรกิจ "พิพัฒน์" ประกาศ 4 เดือนดันโครงการลงทุนเมกะโปรเจกต์ค้างท่อ ประมูลส่วนต่อขยายสายสีแดง - ทางด่วนภูเก็ต 3.8 หมื่นล้านบาท พร้อมเสนอครม.ไฟเขียวรถไฟทางคู่ภาคใต้ 3 เส้นทาง ขณะที่ "รถไฟฟ้า 20 บาท" ล้มโครงการเตรียมต่อยอดเป็นแพ็กเกจ "ลดค่าครองชีพ" ย้ำข้อพิพาท "เขากระโดง" สั่ง รฟท.เดินหน้า ฟ้องรายบุคคล 995 แปลง

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รอง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลัง เข้าปฏิบัติหน้าที่วันแรก โดยระบุว่า กระทรวงคมนาคมถือเป็นกระทรวงใหญ่เกรด AAA+ ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนา เศรษฐกิจและประเทศอย่างมาก ในช่วงเวลา 4 เดือนก่อนยุบสภาตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้ ตนขอให้ข้าราชการและทุกหน่วยงานในกระทรวงคมนาคมปฏิบัติหน้าที่เต็มความสามารถ

อย่างไรก็ดี ในช่วงงบประมาณปี 2569 ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ขอให้ ข้าราชการและทุกหน่วยงานเดินหน้าโครงการตามแผน ผลักดันการใช้งบประมาณให้ได้มากที่สุด เพราะกระทรวงคมนาคมจะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นการลงทุนและเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นหากโครงการใดมีความพร้อมให้ดำเนินการทันที เพื่อให้ช่วงเวลา 4 เดือนนับจากนี้ กระทรวงคมนาคมต้องเป็นบทบาทสำคัญกระตุ้นเศรษฐกิจ

ลิสต์โปรเจกต์ค้างท่อเร่งทำใน 4 เดือน
สำหรับโครงการที่มีความพร้อม เปิดประมูลในช่วง 4 เดือนนี้ เบื้องต้นมีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา และตลิ่งชัน-ศิริราช วงเงิน 15,176 ล้านบาท และสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต วงเงิน 6,473 ล้านบาท รวมไปถึง โครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้ -ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร วงเงิน 16,757 ล้านบาท รวมวงเงิน 3 โครงการ กว่า 3.8 หมื่นล้านบาท

ส่วนโครงการอื่นที่มีความพร้อมเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเป็นโครงการที่ค้างจากรัฐบาลก่อน ได้มอบหมายให้ ปลัดกระทรวงคมนาคมเร่งรวบรวมข้อมูลเสนอ อาทิ โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ซึ่งปัจจุบันได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย 1.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร วงเงิน 30,422.53 ล้านบาท 2.ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่ - สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร วงเงิน 66,270.51 ล้านบาท และ 3.ช่วงชุมทางหาดใหญ-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร วงเงิน 7,772.90 ล้านบาท

1 ต.ค.สายสีม่วง-แดงใช้ค่าโดยสารปกติ
นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีแดง ตามมติ ครม.ชุดก่อน ได้เห็นชอบขยายอายุมาตรการไปสิ้นสุด 30 ก.ย.2569 แต่เนื่องจากขณะนี้เปลี่ยนรัฐบาล จึงจำเป็นต้องพิจารณามติดังกล่าวด้วยว่าจะยังมีผลหรือไม่ ดังนั้นรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีแดง จะต้องสิ้นสุดกลับไปราคาเดิมเริ่มวันที่ 1 ต.ค.นี้ก่อน หลังจากนั้นรัฐบาลจะพิจารณาจัดทำมาตรการลดค่าครองชีพประชาชนในรูปแบบ แพ็กเกจการเดินทาง ให้ครอบคลุมทั้งมติบก น้ำ ราง จะได้ประโยชน์ไม่เพียงรถไฟฟ้าเท่านั้น
"การที่ไม่สามารถเดินหน้ามาตรการ ลดค่าครองชีพการเดินทางได้ต่อเนื่อง เพราะกรอบเวลาที่รัฐบาลต้องแถลงนโยบาย ต่อรัฐสภาจะมีขึ้นในวันที่ 29-30 ก.ย.นี้ หลังจากนั้นจึงจะมีการเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากแถลงนโยบายแล้วเสร็จ เบื้องต้นก็จะมีการทยอยปรับลดค่าครองชีพ ของประชาชนในระบบขนส่งมวลชนทันที"

ในส่วนของแนวคิดตั๋วร่วมหรือค่าโดยสารราคาเดียว ซึ่งเคยเป็นนโยบายหาเสียง จะถูกพิจารณาเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจใหม่ แต่จะเป็นอัตราในราคาเท่าไหร่นั้น ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมก่อน เพราะต้องคำนึงถึงจุดสมดุลระหว่างภาระงบประมาณรัฐบาลและประโยชน์ของประชาชน โดยจะอ้างอิงบทเรียนจากนโยบาย 20 บาททุกเส้นทางในอดีต พบว่าสร้างภาระชดเชยให้รัฐเกือบ 20,000 ล้านบาท ต่อปี ซึ่งนโยบายนี้ก็อาจไม่เป็นธรรมต่อประชาชนในต่างจังหวัดเพราะดำเนินการเฉพาะส่วน ของรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ

ยันเขากระโดงต้องเป็นไปตามกฎหมาย
นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ประเด็นข้อพิพาทเขากระโดง เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา ตนได้หารือร่วมกับผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยเน้นย้ำว่าเรื่องดังกล่าวต้องดำเนินการตามระเบียบกฎหมาย โดยถือว่าเป็นเรื่องของ รฟท.ที่ต้องไปดำเนินการฟ้องร้องกับผู้บุกรุกในแต่ละราย จำนวน 995 แปลง ดังนั้นเรื่องนี้ตน ขอยืนยันว่าแม้ตนจะมาจากพรรคภูมิใจไทย และทางกระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลโดยนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค แต่ก็ไม่ได้ จะเอื้อประโยชน์ฝ่ายใด เรื่องนี้ต้องทำตามกฎหมาย ขอให้ รฟท.เร่งฟ้องดำเนินคดี

ด้านนางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช กล่าวเสริมว่า ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น จากนี้จะร่วมมือกับ ท่านรองนายกรัฐมนตรีฯ และทีมผู้บริหารผลักดันงานสำคัญของกระทรวงคมนาคม เพื่อให้ระบบการขนส่งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ ยกระดับมาตรฐานและบริการที่ดียิ่งขึ้น ให้ประชาชนเดินทางได้สะดวก ปลอดภัย และทั่วถึง

ทั้งนี้ การเข้ากระทรวงคมนาคมวันแรกของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมรัฐมนตรีช่วยฯ ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน เพื่อให้กระทรวงคมนาคมเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับการเดินทางของประชาชน และสนับสนุนการพัฒนาประเทศต่อไป


ที่มา: นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 29 ก.ย. 2568
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49184
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 29/09/2025 3:45 pm    Post subject: Reply with quote

29 ก.ย. 2568 10:29 น.
ข่าว
การเมือง
ไทยรัฐออนไลน์
"อนุทิน" นำทีมแถลงนโยบายรัฐบาล ยึด 3 หลักสำคัญ หวังแก้ปัญหาเร่งด่วนประเทศ (คลิป)

"นายกฯ อนุทิน" นำทีมแถลงนโยบายรัฐบาล ยึดหลักสำคัญ 3 ประการ หวังแก้ปัญหาเร่งด่วนประเทศ

เมื่อเวลา 09.34 น. วันที่ 29 ก.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นำทีม ครม.เข้าแถลงนโยบายรัฐบาล ระบุว่า ครม.ขอแถลงหลักการบริหารราชการแผ่นดิน และนโยบายสำคัญของรัฐบาล จะยึดหลักสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1.พิทักษ์รักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2.ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 3.ยึดมั่นหลักนิติธรรม บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม บริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานของธรรมาภิบาล


ทั้งนี้ รัฐบาลเข้าบริหารราชการภายใต้สถานการณ์ที่ประเทศไทยเผชิญความไม่แน่นอนรอบด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ด้วยระยะเวลาที่มีจำกัด งบประมาณที่รัฐบาลนี้ไม่ได้จัดทำ และเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จำเป็นต้องเร่งแก้ปัญหาของประเทศ ได้แก่ ภัยเศรษฐกิจ ภัยความมั่นคง ภัยสังคม และภัยสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการวางรากฐานของประเทศ การพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน การสร้างระบบเศรษฐกิจที่โปร่งใส สร้างความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยและสันติสุข รัฐบาลจะสนับสนุนการจัดทำประชามติ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ รับฟังเสียงประชาชน สร้างการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ


นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลกำหนดนโยบายสำคัญแก้ปัญหาเร่งด่วนของประเทศ เพื่อคืนความเชื่อมั่นและความสุขให้คนไทย ดังนี้

1. ด้านเศรษฐกิจ สร้างรายได้ลดรายจ่ายให้ประชาชนในชีวิตประจำวัน อาทิ ค่าพลังงาน ค่าน้ำดื่มสะอาด ค่าโดยสาร ให้มีกำลังจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น จัดทำโครงการคนละครึ่ง บริหารจัดการราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ควบคู่กับการสร้างรายได้ ความสามารถในการแข่งขันแก่ผู้ค้ารายย่อย ผู้ประกอบการ

2. แก้ปัญหาหนี้สินและเพิ่มสภาพคล่องบนพื้นฐานความเสี่ยงที่เป็นธรรมระหว่างสถาบันการเงินและผู้กู้ อาทิ แก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชนรายบุคคลในระบบ รายละไม่เกิน 1 แสนบาท ลดปัญหาการที่คนไทยติดกับดักหนี้ การเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ควบคู่กับการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้ลูกหนี้ที่มีวินัยชำระหนี้สม่ำเสมอ

3. เพิ่มโอกาสการออมของประชาชนรายย่อย

4. ฟื้นความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว สร้างความปลอดภัย และปราบปรามการฉ้อโกงนักท่องเที่ยว

5. เร่งแก้ปัญหาผลกระทบจากสงครามการค้า จัดตั้งทีมไทยแลนด์ยกระดับการค้าเสรีกับคู่ค้าเดิม ดำเนินการเชิงรุกเปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น ดูแลผู้ประกอบการ เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ และสร้างสภาพแวดล้อมในการลงทุนที่เอื้อต่อการแข่งขันในปัจจุบันและอนาคต

สำหรับด้านความมั่นคง เร่งแก้ปัญหาพิพาทไทย-กัมพูชาด้วยแนวทางสันติภาพ นำความมั่นคงปลอดภัยมาสู่ประชาชนตามชายแดนโดยเร็ว รักษาไว้ซึ่งอธิปไตยและเขตแดนที่เป็นของไทยโดยชอบธรรมตามเส้นเขตแดนที่เป็นสากล และยุติความขัดแย้งผ่านกลไกการเจรจาทางการทูตที่เหมาะสมควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง ตลอดจนทำประชามติให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจ ให้ความเห็นในการยกเลิกบันทึกเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา

นอกจากนี้ จะดำเนินการนโยบายต่างประเทศเชิงรุกที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และเร่งแก้ปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างยั่งยืน

ส่วนด้านสังคม ปราบปรามการพนันผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างจริงจัง ไม่สนับสนุนการประกอบธุรกิจพนันทุกชนิดให้เป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ไม่สนับสนุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีธุรกิจพนัน รวมถึงการพนันที่แฝงมาในรูปกีฬา อาทิ โป๊กเกอร์ จะแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน เพื่อควบคุมและลดการอนุญาตให้มีการเล่นการพนันให้มากที่สุด การรักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด ให้ถือว่าการกระทำของเจ้าพนักงานของรัฐในกรณีเหล่านี้เป็นการทำความผิดวินัยร้ายแรง ต้องดำเนินการทางอาญาเด็ดขาด การขจัดทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาด ร่วมมือสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของประชาชนและนานาประเทศ การพิทักษ์คุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ขณะที่ด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัย พัฒนาเครือข่ายเตือนภัยพิบัติในพื้นที่ความเสี่ยงสูง เยียวยาฟื้นฟูผู้ประสบภัยเร่งด่วน เน้นนำข้อมูลส่วนราชการส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปฏิบัติในพื้นที่อย่างจริงจัง การอนุรักษ์ ฟื้นฟู และรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและระบบขนส่งสาธารณะ


สำหรับด้านการบริหารภาครัฐ การปฏิรูปกฎหมาย เร่งรัดการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลเชื่อมโยงกันทั้งระบบ เสนอร่างกฎหมายยกระดับการบริหารงานภาครัฐ และอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจและประชาชน บูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม การเร่งรัดการปฏิรูปกฎหมาย ยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคและสร้างภาระแก่ประชาชนและภาคธุรกิจ

นอกจากนี้ จะผลักดันแนวนโยบายแห่งรัฐและยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน ในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างต่อเนื่อง อาทิ การให้คนไทยทุกช่วงวัย ทุกกลุ่มเข้าถึงสิทธิทางการศึกษา ระบบสาธารณสุขอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม การผลักดันกฎหมายปฏิรูปการศึกษา การพัฒนาบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ การวางรากฐานปรับโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศไปสู่ยุคใหม่ จากเดิมเน้นปริมาณ ไปสู่การสร้างมูลค่า ยกระดับภาคเกษตรกรรมไทยไปสู่เกษตรอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มผลิตภาพ ลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ การวางรากฐานให้ SMEs ก้าวทันโลกควบคู่กับการยกระดับโครงสร้างไปสู่อุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ สนับสนุนผู้ประกอบการเข้าถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสม การผลักดันกฎหมายสำคัญรองรับอุตสาหกรรมยุคใหม่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้รองรับการพัฒนาประเทศควบคู่กับการส่งเสริมให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในโครงการขนาดใหญ่ การสืบสานต่อยอดโครงการพระราชดำริ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีความมุ่งมั่นบริหารราชการแผ่นดิน ขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ควบคู่กับการวางรากฐานของประเทศ และนำพาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและมีคุณธรรม ยึดประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง สร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินนโยบายการคลังให้น่าเชื่อถือ โปร่งใส มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง เน้นการบริหารงบประมาณ
รายจ่ายประจำปี 2569 เป็นหลัก จะใช้จ่ายงบประมาณด้วยความรอบคอบ ในฐานะนายกรัฐมนตรีจะบริหารราชการแผ่นดินให้สามารถแก้ปัญหาของประเทศ พร้อมวางรากฐานการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อความอยู่ดี มีสุขของประชาชน

https://www.thairath.co.th/news/politic/2885786
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49184
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 09/10/2025 6:13 pm    Post subject: Reply with quote

เวลามีน้อย! รมว.คมนาคม เร่งชง พ.ร.บ.SEC เข้าครม.-แลนด์บริดจ์-ตั๋วร่วมรถไฟฟ้าพ่วงรถเมล์
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Thursday, October 09, 2025 at 17:58
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ต.ค. 68)

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ให้นโยบายเร่งด่วน 5 ข้อกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เนื่องจากรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีเวลา 4 เดือน จึงต้องแก้ปัญหาเร่งด่วนของประเทศและผลักดันงานที่จะสามารถเห็นผลได้ ควบคู่กับการวางรากฐานเพื่ออนาคต รวมถึงหาข้อสรุปในประเด็นต่างๆ ให้การดำเนินการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
1. เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งไม่เฉพาะสนข.แต่ทุกหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม ต้องเร่งจัดซื้อจัดจ้างให้ได้มากที่สุด
2. ผลักดันร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (ร่างพ.ร.บ. SEC) เพื่อสร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ เช่นเดียวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในประเทศ
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ. SEC ขณะนี้เหลือประเด็นกองทุนฯ โดยจะหารือกับกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ในสัปดาห์หน้าก่อน จากนั้นจะนำเสนอที่ประชุม ครม.ต่อไป ขณะที่ขั้นตอนของร่าง พ.ร.บ.นั้น หลังจาก ครม.เห็นชอบ ต้องเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และวุฒิสภา (สว.) อีก ซึ่งไม่น่าทัน 4 เดือนนี้ เนื่องจากสมัยการประชุมในชุดนี้จะปิดการประชุมวันที่ 31 ต.ค.นี้ ไปเปิดสมัยการประชุมอีกทีวันที่ 12 ธ.ค.68 ดังนั้นในกรอบ 4 เดือนจะผลักดันเข้า ครม.ให้ได้ก่อน
"เรื่องกองทุนในพ.ร.บ.SEC เพิ่งมีการหารือกันเสร็จ และในสัปดาห์หน้าจะพูดคุยกับกระทรวงการคลังและกรมบัญชีกลาง ก่อนจะนำเสนอที่ประชุมครม.ต่อไป ส่วนจะทัน 4 เดือนในวาระรัฐบาลนี้ ถ้าประกาศใช้ไม่น่าทัน แต่จะผลักดันให้ ครม.เห็นชอบก่อน"นายพิพัฒน์ กล่าว

3. เดินหน้าโครงการ Landbridge ก่อสร้างท่าเรือ 2 ฝั่งทะเล อ่าวไทยและอันดามัน มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ที่มีระบบขนส่ง ทั้งทางถนน ราง และท่อ ระยะทางราว 90 กม.เชื่อมการขนส่ง สินค้า ตู้คอนเทนเนอร์ ระหว่างมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกผ่านท่าเรือ 2 แห่ง ช่วยร่นระยะทางในการขนส่ง
"หากไม่มีระบบแลนด์บริดจ์ โครงการจะไม่น่าสนใจ โดยเฉพาะระบบท่อ คือการส่งน้ำมันดิบและแก๊ส เพราะแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่ ด้านตะวันออกกลางข้ามมาได้ เลย ขณะที่ปัจจุบันการใช้ช่องแคบมะละกาค่อนข้างแออัด โครงการแลนด์บริดจ์จะช่วยลดเวลาขนส่งได้ 5 วัน และจะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น ที่สำคัญ จะเป็นการสร้างอาชีพ สร้างงานให้คนในพื้นที่ด้วย ได้ถึง 280,000 ตำแหน่ง"นายพิพัฒน์ กล่าว

พร้อมกันให้มีการศึกษาเพื่อขยายท่าอากาศยานชุมพรและระนอง เพื่อรองรับการเดินทางและการขนส่งสินค้า ที่เพิ่มขึ้นรองรับแลนด์บริดจ์ และวางแผนการพัฒนาระบบขนส่งให้เชื่อมต่อระบบ ล้อ–ราง–เรือ อย่างไร้รอยต่อ
4. พัฒนาระบบตั๋วร่วม และ ค่าโดยสารร่วม (Commom Ticket System) เพื่อให้ประชาชนใช้บัตรใบเดียวเดินทางได้กับขนส่งทุกระบบ ซึ่งจะส่งผลให้ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน และเมื่อค่าใช้จ่ายลดลงในทางกลับกันก็จะเป็นการเพิ่มรายได้ไปด้วย
5. จัดการจราจรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าจะต้องมีความปลอดภัยสูงสุด และช่วงเทศกาล เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกของประชาชน
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า รัฐบาลมีระยะเวลา 4 เดือน สำหรับเรื่องตั๋วร่วม และค่าโดยสารร่วม จะพยายามให้เกิดการเริ่มต้น เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันและวางกรอบเป็นข้อตกลง (MOU) ร่วมกัน เพื่อให้มีกรอบสำหรับรัฐบาลหน้าเพื่อดำเนินการ โดยจะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และต้องหารือกับผู้ประกอบการเอกชน ได้แก่ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ [BEM], บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง [BTS] ที่จะต้องร่วมมือกับทั้งระบบ
รวมถึงระบบรถเมล์ ที่มีขสมก.และรถเมล์เอกชนด้วย โดยจะวางโครงข่ายรถเมล์ ให้วิ่งแบบก้างปลา เพื่อทำหน้าที่ขนคนไปเข้าสู่ระบบรางที่เป็นระบบหลัก ถ้าทำได้ จะช่วยลดการใช้ระยนต์ส่วนตัว ลดความแออัดและลดปัญหาการจราจร
ส่วนประเด็นรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วงที่เพิ่งมีการทบทวนมติ ครม.เดิม ซึ่งจะทำให้มาตรการสิ้นสุดในวันที่ 30 พ.ย.68 ขณะนี้กระทรวงคมนาคมมีคณะทำงานขึ้นมาเพื่อเร่งหารือกับกระทรวงการคลังในการกำหนดแนวทางและต่ออายุออกไปอย่างไร เพราะต้องนำเรื่องระบบตั๋วร่วม รถไฟฟ้าและรถเมล์เข้าไปพิจารณาร่วมด้วย ซึ่งตั้งเป้าให้ได้ข้อสรุปในวันที่ 15 พ.ย.68 นี้
"ระบบตั๋วร่วมจะต้องรวมทั้งระบบรางและรถเมล์ทั้งหมด เป็นโครงข่ายเดียวกัน ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี เพื่อลดค่าใช้จ่ายประชาชนที่ปัจจุบันต้องจ่ายค่ารถเมล์ที่ 8-25 บาท ส่วนรถไฟฟ้าจะอยู่ที่ 17-45 บาท โดยแต่ละระบบรถไฟฟ้าจะมีค่าแรกเข้า ซึ่งจะใช้ตั๋วร่วมนี้ในการไม่ต้องจ่ายตรงนี้ลงไป โดยปัจจุบันมีผู้ใช้บริการรถเมล์ 6 แสนคน/วัน ขณะที่ผู้โดยสารรถไฟฟ้าอยู่เกือบ 2 ล้านคน/วัน ขณะที่ ภายใน 4 เดือนนี้ ขสมก.จะสรุปการเช่ารถเมล์ EV จำนวน 1,520 คัน และรับมอบในปี 69 จากนั้นจะทยอยปลดระวางรถเมล์ร้อนต่อไป"นายพิพัฒน์ กล่าว


โดย คคฦ/เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร ซิมาภรณ์
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49184
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 14/10/2025 8:31 am    Post subject: Reply with quote

แอปทางรัฐปิดรถไฟฟ้า20บาท
Source - เดลินิวส์
Tuesday, October 14, 2025 at 05:29


เปิดตัวเลข349,615คน ติดตำนานลงทะเบียน
"ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์" รายงานว่า นโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดงและสีม่วงสูงสุดไม่เกิน 20 บาท ตลอดสายที่ขยายเวลาสิ้นสุดในวันที่ 30 พ.ย. 2568 ยังได้รับการตอบรับที่ดีจาก ผู้โดยสารใช้บริการกว่า 1.2 แสนคนต่อวัน สายสีแดงมีผู้ใช้บริการกว่า 4 หมื่นคน เพิ่มขึ้น 79.40% และสายสีม่วงกว่า 8 หมื่นคนเพิ่มขึ้น 19.05% เมื่อเทียบกับการเก็บค่าโดยสารในราคาปกติสูงสุด 2 สายรวมกันประมาณ 84 บาท สายสีแดงมีรายได้มากกว่าที่เคยได้รับ ส่วนสายสีม่วง รายได้ที่เคยได้รับน้อยกว่าเดิมเล็กน้อย และรับสิทธิอัตโนมัติไม่ต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ"
ส่วนที่รัฐบาลชุดก่อน (พรรคเพื่อไทย) และกระทรวงคมนาคม เปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิรถไฟฟ้าทั้ง 8 สายในราคารวมกันไม่เกิน 20 บาท ผ่านแอปทางรัฐ ขณะนี้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือ DGA ผู้พัฒนาระบบ ได้ปิดระบบการลงทะเบียนผ่านแอป "ทางรัฐ" และลบ ฟังก์ชันออกแล้ว อยู่ระหว่างทบทวนแผน และแนวทางการพัฒนาระบบ โดยต้องรอความชัดเจนด้านนโยบายจากรัฐบาลใหม่จากพรรคภูมิใจไทยและกระทรวงคมนาคม
ข้อมูลการเปิดลงทะเบียนรับสิทธิผ่านแอป "ทางรัฐ" ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 25 ส.ค. 2568 จนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2568 ก่อนลบฟังก์ชัน มีผู้ลงทะเบียน สำเร็จ 349,615 คน เป็นบัตร Europay Mastercard and Visa (EMV) Contactless Card EMV 173,278 ใบ และบัตรแรบบิท 222,000 ใบ
ขณะนี้รัฐบาลใหม่ประกาศนโยบาย โครงการคนละครึ่งพลัสให้ประชาชนที่ ได้รับสิทธิสามารถนำเงินที่ได้รับไปใช้จ่ายกับระบบขนส่งมวลชนสาธารณะได้ด้วย ทั้งรถไฟฟ้าในเขตเมือง รถไฟ รถโดยสารประจำทาง เรือโดยสาร แท็กซี่ รถตู้ รถสามล้อ รถสองแถว รถจักรยานยนต์ รถสามล้อถีบ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน แต่ยังไม่กำหนดรายละเอียดวงเงิน.

ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 15 ต.ค. 2568 (กรอบบ่าย)
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49184
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 15/10/2025 7:49 pm    Post subject: Reply with quote

'คมนาคม' ดึงรถไฟฟ้าเพิ่ม 3 สาย ร่วมโครงการ 'คนละครึ่งพลัส'
Source - กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
Wednesday, October 15, 2025 at 15:45

“คมนาคม” เตรียมดึงรถไฟฟ้าเพิ่ม 3 สาย เข้าโครงการ “คนละครึ่งพลัส” หนุนบริการประชาชนเดินทางโครงข่ายรถไฟฟ้า 8 เส้นทางรวม 286.84 กิโลเมตร ขณะที่รถเมล์ - แท็กซี่ - เรือโดยสาร พร้อมให้บริการทันที 29 ต.ค.68 นี้
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ (15 ต.ค.68) เป็นวันแรกที่เปิดให้ผู้ประกอบการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส โดยในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้เตรียมความพร้อมสำหรับบริการขนส่งมวลชนสาธารณะ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ อาทิ ผู้ประกอบการประเภทรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI – METER) รถตู้โดยสารประจำทางที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถสองแถวรับจ้าง และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ต้องมีใบขับขี่รถสาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการประเภทรถไฟฟ้าในเขตเมือง รถไฟ รถโดยสารประจำทางสาธารณะ และเรือโดยสารสาธารณะ ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนในโครงการคนละครึ่งที่ผ่านมาก็สามารถลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ โดยจากข้อมูลที่ผ่านมา พบว่าส่วนของผู้ประกอบการรถไฟฟ้า BTS และ MRT ได้มีการลงทะเบียนเข้าร่วมในโครงการคนละครึ่งมาแล้ว และได้เปิดให้ประชาชนใช้สิทธิซื้อตั๋วโดยสารรถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้า MRT ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังได้ แต่จะเป็นการเดินทางในรูปแบบบัตรโดยสารเที่ยวเดียว (Single Journey Card)
“ที่ผ่านมาผู้ประกอบการรถไฟฟ้าได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งมาแล้ว ซึ่งประชาชนก็ตอบรับใช้บริการเป็นอย่างดี ในส่วนของคนละครึ่งพลัสก็จะมีผู้ประกอบการรถไฟฟ้าที่ยังไม่เคยเข้าร่วมมาลงทะเบียนเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการใหม่ รวมจำนวน 3 เส้นทาง คือ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง รถไฟฟ้าสายสีชมพู และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์”
ทั้งนี้ จะส่งผลให้โครงการคนละครึ่งพลัสสามารถรองรับบริการขนส่งมวลชนสาธารณะประเภทรถไฟฟ้ารวม ทั้งสิ้น 8 สายทาง รวมระยะทาง 286.84 กิโลเมตร ประกอบด้วย
รถไฟฟ้าสายสีแดง คือ สายสีแดงเข้ม ช่วงกรุงเทพอภิวัฒน์ - รังสิต ระยะทาง 26.30 กิโลเมตร และสายสีแดงอ่อน ช่วงกรุงเทพอภิวัฒน์ - ตลิ่งชัน ระยะทาง 15.26 กิโลเมตร
รถไฟฟ้าแอร์ พอร์ต เรล ลิงก์ ช่วงพญาไท - สุวรรณภูมิ ระยะทาง 28.70 กิโลเมตร
รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ - หัวลำโพง ระยะทาง 20 กิโลเมตร ช่วงหัวลำโพง - บางแค (หลักสอง) ระยะทาง 14 กิโลเมตร และสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ - ท่าพระ ระยะทาง 13 กิโลเมตร
รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - เตาปูน ระยะทาง 23 กิโลเมตร
รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง ระยะทาง 30.40 กิโลเมตร
รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี ระยะทาง 34.50 กิโลเมตร
รถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต – สมุทรปราการ ระยะทาง 37.10 กิโลเมตร ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ - คูคต ระยะทาง 18.70 กิโลเมตร และช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ - บางหว้า ระยะทาง 14 กิโลเมตร
รถไฟฟ้าสายสีทอง ช่วงกรุงธนบุรี – คลองสาน ระยะทาง 1.88 กิโลเมตร

รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า กระทรวงฯ มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันให้ผู้ประกอบการขนส่งมวลชนสาธารณะเตรียมความพร้อมให้บริการประชาชนในโครงการคนละครึ่งพลัสที่จะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.68 นี้ ซึ่งนอกจากรถไฟฟ้าแล้ว ยังมีขนส่งประเภทรถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) รถแท็กซี่ และเรือโดยสาร ซึ่งปัจจุบันกระทรวงฯ ได้เรียกทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อเตรียมความพร้อมในการวางระบบรับการจ่ายค่าโดยสารในโครงการนี้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์

https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1203224
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49184
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 15/10/2025 7:50 pm    Post subject: Reply with quote

'พิพัฒน์' ดันระบบขนส่งสาธารณะให้ประชาชนใช้คนละครึ่ง
Source - เว็บไซต์ไทยโพสต์
Wednesday, October 15, 2025 at 17:57

‘พิพัฒน์’ เด้งรับนโยบายคนละครึ่ง ระบบขนส่งสาธารณะหนุนบริการประชาชนลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จ่อใช้ ‘รถเมล์ – แท็กซี่ – เรือโดยสาร’ พร้อมให้บริการทันที 29 ต.ค.นี้
15 ต.ค. 2568 – นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังได้เปิดตัวโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกมิติ โดยเฉพาะในส่วนของการคมนาคมขนส่งสาธารณะ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหมวดสำคัญที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก ประหยัด และเกิดประโยชน์กับผู้ให้บริการขนส่งทุกระดับอย่างทั่วถึง
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมพร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ประชาชนสามารถใช้สิทธิ์ “คนละครึ่ง พลัส” ได้จริง ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการรายย่อย รถโดยสารสาธารณะ และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม โดยเชิญชวนผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะทุกประเภทเข้าร่วมลงทะเบียนเป็นร้านค้าถุงเงินผ่านเว็บไซต์ www.ถุงเงินกรุงไทย.com ได้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้เตรียมความพร้อมสำหรับบริการขนส่งมวลชนสาธารณะ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ อาทิ ผู้ประกอบการประเภทรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI – METER) รถตู้โดยสารประจำทางที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถสองแถวรับจ้าง และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ต้องมีใบขับขี่รถสาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการประเภทรถไฟฟ้าในเขตเมือง รถไฟ รถโดยสารประจำทางสาธารณะ และเรือโดยสารสาธารณะ ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนในโครงการคนละครึ่งที่ผ่านมาก็สามารถลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ โดยจากข้อมูลที่ผ่านมา พบว่าส่วนของผู้ประกอบการรถไฟฟ้า BTS และ MRT ได้มีการลงทะเบียนเข้าร่วมในโครงการคนละครึ่งมาแล้ว และได้เปิดให้ประชาชนใช้สิทธิซื้อตั๋วโดยสารรถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้า MRT ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตังได้ แต่จะเป็นการเดินทางในรูปแบบบัตรโดยสารเที่ยวเดียว (Single Journey Card)
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาผู้ประกอบการรถไฟฟ้าได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งมาแล้ว ซึ่งประชาชนก็ตอบรับใช้บริการเป็นอย่างดี ในส่วนของคนละครึ่งพลัสก็จะมีผู้ประกอบการรถไฟฟ้าที่ยังไม่เคยเข้าร่วมมาลงทะเบียนเพิ่มเติมเนื่องจากเป็นรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการใหม่ รวมจำนวน 3 เส้นทาง คือ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง รถไฟฟ้าสายสีชมพู และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์
ทั้งนี้ จะส่งผลให้โครงการคนละครึ่งพลัสสามารถรองรับบริการขนส่งมวลชนสาธารณะประเภทรถไฟฟ้ารวม ทั้งสิ้น 8 สายทาง ประกอบด้วย
รถไฟฟ้าสายสีแดง คือ สายสีแดงเข้ม ช่วงกรุงเทพอภิวัฒน์ – รังสิต และสายสีแดงอ่อน ช่วงกรุงเทพอภิวัฒน์ – ตลิ่งชัน รถไฟฟ้าแอร์ พอร์ต เรล ลิงก์ ช่วงพญาไท – สุวรรณภูมิ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ – หัวลำโพง ช่วงหัวลำโพง – บางแค (หลักสอง) และสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ – ท่าพระ
รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ – เตาปูน รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรงรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี
รถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต – สมุทรปราการ ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต และช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ – บางหว้ารถไฟฟ้าสายสีทอง ช่วงกรุงธนบุรี – คลองสาน
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันให้ผู้ประกอบการขนส่งมวลชนสาธารณะเตรียมความพร้อมให้บริการประชาชนในโครงการคนละครึ่งพลัสที่จะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.นี้ ซึ่งนอกจากรถไฟฟ้าแล้ว ยังมีขนส่งประเภทรถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) รถแท็กซี่ และเรือโดยสาร ซึ่งปัจจุบันกระทรวงฯ ได้เรียกทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อเตรียมความพร้อมในการวางระบบรับการจ่ายค่าโดยสารในโครงการนี้

https://www.thaipost.net/economy-news/879317/
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 297, 298, 299
Page 299 of 299

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©