Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน)
View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49306
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49306
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 08/11/2025 7:19 pm Post subject:
เปิดออปชันดึง'ซีพี' ขยาย'ไฮสปีด'ถึงตราด
Source - ฐานเศรษฐกิจ
Saturday, November 08, 2025 at 07:31
ขีดเส้น4เดือน เจรจาจบ
'พิพัฒน์' กลับลำ หลังบอร์ดอีอีซี สั่งรฟท.ถกเอกชน เคลียร์ปมอัยการตอบกลับ 18 ข้อ แก้สัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน เพิ่มออปชัน ลากไฮสปีดยาวถึงตราด จูงใจเอกชน เผยผลศึกษาแบ่งก่อสร้าง 4 เฟส
การเจรจาแก้ไขสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อม3สนามบิน(ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระหว่าง การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัทเอเชีย เอราวัน จำกัด เครือซีพี คู่สัญญา ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง ภายหลัง การประชุม คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(บอร์ดอีอีซี) ที่มีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ฐานะประธาน ขีดเส้นให้ผลการเจรจาต้องจบลงภายใน 4 เดือน
ทั้งนี้ตามกระบวนการหลังจากรฟท. และเอกชนได้ข้อตกลงร่วมกันได้ข้อยุติแล้ว จะต้องนำร่างสัญญาใหม่พร้อมการชี้แจงส่งกลับไปให้อัยการสูงสุดอีกครั้ง คาดว่ากระบวนการพิจารณาของอัยการสูงสุดจะใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 เดือน หากอัยการสูงสุดเห็นชอบร่างสัญญาที่ผ่านความเห็นชอบร่วมกันแล้วจึงจะเสนอกลับมาที่บอร์ดอีอีซีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
ขณะที่ความเห็นของอัยการสูงสุดก่อนหน้านี้ระบุว่ามีประเด็นหลักที่ต้องทำความเข้าใจตามข้อสังเกต 18 ประเด็น ซึ่งเป็นเพียงคำแนะนำที่ รฟท. สามารถชี้แจงเหตุผลและแนวทางการปฏิบัติได้ ส่วนข้อสัญญาที่อัยการสูงสุดได้แก้ไข จำนวน 6 ประเด็น ที่มีผลผูกพันหากจะมีการลงนามในสัญญาที่แก้ไข โดยปัญหาหลักเป็นเรื่องหลักประกันความซ้ำซ้อน 120,000 ล้านบาท เนื่องจากประเด็นที่เอกชนและธนาคารผู้ค้ำประกันกังวลมากที่สุด คือการแก้ไขข้อสัญญาที่เกี่ยวข้องกับหลักประกันความสำเร็จของโครงการ (Bank Guarantee) มูลค่าประมาณ 120,000 ล้านบาท ซึ่งเอกชนต้องนำมาวางเพิ่มเติม จากเดิมที่สัญญาได้เปลี่ยนรูปแบบการจ่ายเงินจาก สร้างเสร็จแล้วทยอยจ่ายเป็นการสร้างไปจ่ายไป
ทั้งนี้การแก้ไขของอัยการสูงสุดกำหนดให้หลักประกัน 120,000 ล้านบาท มีสถานะเหมือนกับหลักประกันสัญญาเดิมที่มีอยู่แล้ว 4,500 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่า รฟท. สามารถดึงหลักประกันนี้ไปหักชดเชยความเสียหายได้แม้ในกรณีที่เอกชนทำผิดสัญญาเล็กน้อยที่ไม่ได้ถึงขั้นทิ้งงาน เช่น การส่งงานล่าช้า
อย่างไรก็ดีตามขั้นตอนหลังจากนี้เอกชนและรฟท.ต้องชี้แจงเหตุผลเชิงการเงินการลงทุน (PPP) ต่ออัยการสูงสุดว่าควรให้หลักประกันนี้ใช้เฉพาะกรณีทิ้งงานเท่านั้น เพื่อให้ธนาคารยอมรับความเสี่ยงและสามารถออกหลักประกันทางการเงินได้ ซึ่งจะมีการหารือร่วมกัน ประกอบด้วย รฟท. และเอกชน โดยจะมีการนัดประชุมอย่างเป็นทางการร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อหาข้อยุติภายใน 2-3 สัปดาห์
พร้อมกันนี้ที่ประชุมบอร์ดอีอีซีได้มี ออปชันเสริม ให้กับเอกชน โดยขยายเส้นทาง โครงการไฮสปีด เชื่อม3สนามบิน ไปถึงจังหวัดตราด ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายใหม่ จากเดิมที่สิ้นสุดลงบริเวณ สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน จังหวัดระยอง มองว่ามีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น
แนวคิดดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพและความคุ้มค่าของโครงการ หลังพบว่าโครงการไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน อาจมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและการเงินไม่เพียงพอ เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารอาจไม่ถึงเป้าหมาย รวมถึงเอกชนผู้รับสัมปทานประสบปัญหาด้านเงินทุนในการดำเนินโครงการ
สอดคล้องกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรืออีอีซี มีแนวคิดเพิ่มทางเลือก ให้กับเอกชนในการขยายเส้นทางไฮสปีดเชื่อมต่อระยอง-ตราด ซึ่งเป็นช่วงที่ รฟท. มีการศึกษาความคุ้มค่าไว้แล้ว
ทั้งนี้หากต้องการขยายเส้นทางนี้จะเป็นสัญญาที่แยกจากสัญญาเดิม ซึ่งต้องผ่านการเห็นชอบรูปแบบการลงทุนจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน โดยอาจจะเสนอให้เอกชนรายเดิม (บริษัทเอเชีย เอรา วัน) ได้สิทธิ์ในการพิจารณา (First Right) ดำเนินโครงการ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการเดินรถด้วยผู้เดินรถรายเดียวโดยบอร์ดอีอีซี มีกำหนดให้แล้วเสร็จ ภายใน 4เดือน ย้อนไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2564 พบว่ารฟท.ได้มีการจัดประชุมเพื่อประเมินความสนใจเบื้องต้นของภาคเอกชน (Market sounding) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระยะที่ 2 ส่วนต่อขยายจังหวัดระยอง-จันทบุรี-ตราด โดย รฟท.ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรมเศรษฐกิจ สังคม การเงิน แนวทางการลงทุนที่เหมาะสม ออกแบบและประมาณราคาค่าก่อสร้างเบื้องต้น และการมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการดังกล่าว เพื่อรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
จากการเปิดรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน (market sounding) พบว่า มีเอกชนที่เข้าร่วมหลายราย เช่น กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์, บริษัทยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่มเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี,บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN, บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน), บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM, บริษัทราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ขณะที่เอกชนต่างประเทศ เช่น ฮิตาชิ เอเชีย (ญี่ปุ่น), ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่น เอ็นจิเนียริ่ง คอร์ป (จีน) ฯลฯ สำหรับผลการศึกษาของโครงการไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน ระยะที่ 2 ส่วนต่อขยายจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด ระยะทางรวม 190 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 122,238 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเวนคืนที่ดิน 14,836 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษา 3,300 ล้านบาท ค่างานโยธา 82,339 ล้านบาท งานระบบ 14,113 ล้านบาท และซื้อขบวนรถ 6,996 ล้านบาท
นอกจากนี้การก่อสร้างของไฮสปีดส่วนต่อขยายจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 จะเริ่มจากสนามบินอู่ตะเภา-ระยอง ระยะทางประมาณ 20 กม. วงเงินลงทุน 20,510 ล้านบาท แยกเป็นค่าเวนคืนที่ดิน 1,837 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษา 471 ล้านบาท ค่างานโยธา 13,845 ล้านบาท ค่างานระบบ 2,025 ล้านบาท ซื้อขบวนรถ 2,332 ล้านบาท , ระยะที่ 2 ช่วงระยอง-แกลง วงเงินลงทุน 40,951 ล้านบาท ระยะที่ 3 ช่วงระยอง-จันทบุรี วงเงินลงทุน 71,013 ล้านบาท และระยะที่ 4 ช่วงจันทบุรี-ตราด วงเงินลงทุน 101,728 ล้านบาท
ด้านการก่อสร้างสถานีระยองแกลง จันทบุรีและตราด พบว่า มีผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ (EIRR) 5.39% ส่วนรูปแบบการลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนนั้น เบื้องต้นจะเสนอรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนแบบ PPP Net cost ระยะเวลาสัมปทาน 30-50 ปี โดยเสนอเป็น 3 แนวทางเลือกคือ
แบบที่ 1 ประชาชนเป็นผู้ลงทุนทั้งหมดทั้งงานโยธางานระบบขบวนรถและงาน (Operation&Maintenance) โดยภาครัฐเป็นผู้จัดหาที่ดิน แบบที่ 2 เอกชนเป็นผู้ดำเนินงานเฉพาะงานระบบและตัวรถ (Operation&Maintenance) โดยภาครัฐเป็นผู้จัดหาที่ดินและงานโยธา และแบบที่ 3 เอกชนเป็นผู้ดำเนินการเฉพาะงาน (Operation &Maintenance) โดยภาครัฐเป็นผู้จัดหาที่ดิน งานโยธา งานระบบ และขบวนรถ ซึ่งมีอัตราค่าโดยสาร อยู่ที่ 95 บาท (ค่าแรกเข้า) +2.1 บาทต่อกิโลเมตร
นอกจากนี้แนวเส้นทางโครงการฯ มีจุดเริ่มต้นของการเชื่อมต่อจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระยะที่ 1 ฝั่งตะวันออกของสนามบินอู่ตะเภาผ่านสถานีรถไฟบ้านฉาง เข้าสู่สถานีระยอง ตั้งอยู่บนถนนทางหลวงหมายเลข 3574 (ระยอง-บ้านค่าย) ห่างจากสี่แยกเกาะกลอยประมาณ 3 กิโลเมตร
จากนั้นแนวเส้นทางจะมุ่งหน้าสู่อำเภอแกลงเข้าสู่สถานีเกลงซึ่งตั้งอยู่บนถนนทางหลวงหมายเลข 344 (ชลบุรี-แกลง) ห่างจากสามแยกแกลงประมาณ 2 กิโลเมตร วิ่งตามแนวเส้นทางรถไฟทางคู่บางช่วง ผ่านอำเภอนายายอาม อำเภอท่าใหม่ เข้าสู่สถานีจันทบุรี ซึ่งตั้งอยู่ บริเวณแยกเขาไร่ยา อำเภอเมืองจันทบุรี อำเภอมะขาม อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เข้าอำเภอเขาสมิง และมาสิ้นสุดโครงการบริเวณสถานีตราด ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคบนทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) ห่างจากสามแยกตราดประมาณ 2 กิโลเมตร
ที่มา: นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 9 - 12 พ.ย. 2568
Back to top
You cannot post new topics in this forum You cannot reply to topics in this forum You cannot edit your posts in this forum You cannot delete your posts in this forum You cannot vote in polls in this forum
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group