Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน)
View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49570
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 20/11/2025 9:52 am Post subject:
6 ปีที่สูญเปล่า รถไฟไฮสปีด 3 สนามบิน ประเทศไทยสียโอกาสมหาศาล!
20 พ.ย. 2568 07:00 น.
มหาศาล! ค่าเสียโอกาสประเทศไทย รถไฟไฮสปีด 3 สนามบิน 6 ปี ที่สูญเปล่า
การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ลงนามสัญญาก่อสร้างกับกลุ่ม CP ผู้ชนะประมูลร่วมลงทุนสัมปทาน 50 ปี ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค. 2562 ปักธงเปิดบริการปี 2566-2567 ผ่านมาแล้ว 6 ปีเต็มๆ ถึงวันนี้
เสาเข็มสักต้นยังไม่เห็น เพราะยังไม่เริ่มก่อสร้าง สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีด) เชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. มูลค่าลงทุน 224,544 ล้านบาท
ก่อกำเนิดมาจาก โครงการในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก( EEC : Eastern Economic Corridor ) ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อยกระดับภาคตะวันออกให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน ภายใต้การควบคุมของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)
บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด บริษัทลูกของกลุ่ม CP เจ้าของโครงการฯ ยังไม่กระดิกตัวเริ่มงานก่อสร้าง ยกเหตุผลหลัก ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หาแหล่งเงินลงทุนไม่ได้ เป็นที่มาขอแก้ไขสัญญา บอร์ดEEC ไฟเขียวเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณา แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่จบ
เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทยมาเป็นภูมิใจไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ประกาศทันที ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขสัญญา ให้สร้างไป จ่ายไป
. จากเดิมเอกชนต้องหาเงินลงทุนก่อสร้างเองทั้งก้อน กลัวผิดกฎหมาย ประเทศชาติเสียผลประโยชน์
แต่มติกพอ.ผูกพันโครงการตามสัญญา และภายใต้ พ.ร.บ.อีอีซี กฎหมายเฉพาะ หากมีปัญหาโครงการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชนคู่สัญญาต้องหารือกัน นายพิพัฒน์ บอกว่า ต้องเสนอครม.ชี้ขาดว่าจะแก้ไขสัญญาหรือไม่
.จะเร่งหาทางออกภายในรัฐบาลนี้ก่อนยุบสภา
วิเคราะห์ต้นทุนค่าเสียโอกาสของประเทศจากความล่าช้าที่เกิดขึ้น จากข้อมูลตัวเลขผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ตลอดระยะเวลาโครงการ 50 ปี (ก่อสร้าง 5 ปี และดำเนินการ 45 ปี) จะมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจรวมประมาณ 6 7 แสนล้าน ลดต้นทุนโลจิสติกส์และลดเวลาเดินทางด้วยความเร็ว 250 กม.ต่อชม. ระหว่าง 3 สนามบินและพื้นที่ EEC จาก 3 ชม.เหลือ 45 นาที ลดปัญหาอุบัติเหตุ จากการบาดเจบและความสูญเสียชีวิตบนท้องถนน ลดมลภาวะด้านสิ่งแวดล้อม ที่ตีเป็นตัวเงินไม่ได้
เสียโอกาสรายได้จากค่าโดยสารและบริการ คาดการณ์ผู้โดยสาร 15 ล้านคนต่อปีในช่วงเริ่มต้น และเพิ่มขึ้นเป็น 60 ล้านคนภายใน 20 ปี จะสร้างรายได้จากการเดินรถ บริการและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
รายได้จากการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ (TOD) บริเวณสถานีหลัก โดยเฉพาะพื้นที่มักกะสัน พื้นที่รอบสนามบินอู่ตะเภาเป็นเมืองการบินภาคตะวันออก จะสร้างรายได้จากการเช่าพื้นที่และกระตุ้นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์
สำรวจเพิ่มเติม
สูญเสียภาษี และโอกาสนำภาษีไปพัฒนาประเทศ เสียโอกาสกระตุ้นการท่องเที่ยว สูญเสียการสร้างงาน กว่า 19,000 ตำแหน่งระหว่างการก่อสร้าง รวมถึงการจ้างงานในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องอีกกว่า 100,000 ตำแหน่ง สูญเสียโอกาสการดึงดูดการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
และที่สำคัญความสูญเสียชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของประเทศ จากนักลงทุน ภาคเอกชน และประชาชนที่มีต่อความสามารถบริหารโครงการของรัฐบาล กลายเป็นติดลบ อาจส่งผลระยะยาวต่อการระดมเงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ รวมไปถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับโครงการที่เกี่ยวข้อง อาทิ รถไฟไฮสปีดไทย-จีนช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา บางสัญญาที่มีปัญหาพื้นที่ทับซ้อน รวมถึงโครงการเมืองการบินภาคตะวันออก ชะงักไปด้วย
นอกจากนี้หากมีการฟ้องร้องในอนาคต จากโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยยกเรื่องความล่าช้าโครงการไฮสปีด 3 สนามบินมาเป็นสารตั้งต้น ไม่สามารถเคาะตัวเลขความเสียหายได้ เนื่องจากมหาศาล ที่มูลค่าต้นทุนประเทศไทยสูญเสีย ไปกับ 6 ปี ที่สูญเปล่า
ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์
https://www.dailynews.co.th/news/5318418/
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49570
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 25/11/2025 1:48 pm Post subject:
ยุบสภาก่อนรถไฟไฮสปีดไม่จบ
Source - เดลินิวส์
Tuesday, November 25, 2025 at 07:29
'พิพัฒน์'ระเบิดระเบ้ออีก ศูนย์กีฬาEECนานาชาติ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด)นโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) เปิดเผยหลังประชุมหารือร่วมกับเลขาธิการอีอีซี และผู้ว่าการการกีฬา แห่งประเทศไทย (กกท.) เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2568 เกี่ยวกับการสร้าง "ศูนย์กีฬานานาชาติ" ในเขตอีอีซี จ.ชลบุรี
โดยเร่งรัดให้ดำเนินการ เพื่อเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่จะจูงใจเอกชน เร่งลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) เพราะหากศูนย์กีฬา นี้เกิดขึ้น จะสร้างแรงงาน พร้อมโอกาสการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 2-3 แสนคน และเดินทางด้วยรถไฟไฮสปีดเพิ่มมากขึ้น ไม่ได้เฉพาะนักท่องเที่ยว
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) อีอีซี ต้นเดือน ธ.ค. 2568 สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) จะรายงานให้ทราบถึงการ เตรียมเสนอเรื่องการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนโครงการฯ ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาว่าจะแก้ไข หรือไม่แก้ไขสัญญาฯ ซึ่งต้องให้จบภายในรัฐบาลชุดนี้ เพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อได้ สำหรับศูนย์กีฬาฯ จะอยู่ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ประมาณ 1,500 ไร่ รถไฟไฮสปีดวิ่งผ่าน ศูนย์แห่งนี้เบื้องต้นจะมีทุกอย่างครบวงจร นอกจากสนามกีฬาขนาดใหญ่ความจุระดับ 8 หมื่นที่นั่งแล้ว ยังมีสนามกีฬา ในร่ม ความจุไม่น้อยกว่า 5 พันคน สามารถ แปลงสภาพให้เป็นห้องประชุม รองรับการจัดประชุม MICE ได้ด้วย
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะมีสนามแข่งรถ, บ้านพักนักกีฬา, โรงแรมระดับ 5 ดาว และร้านค้าร้านอาหาร หลังจากนี้ อีอีซี และ กกท.จะว่าจ้างศึกษาวงเงิน 2 ล้านบาท พร้อมทั้งจัดทำแผน รายละเอียดต่าง ๆ ของศูนย์กีฬาฯ ว่าจะประกอบด้วยอะไรบ้าง ใช้ระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือน ก่อนเสนอ ครม. พิจารณา เบื้องต้นจะให้เริ่มดำเนินการขั้นตอนต่าง ๆ ในปี 2569 ขณะเดียวกันยังมอบให้อีอีซี จัดซื้อที่ดินเพิ่มอีก 2-3 พันไร่ เพื่อรองรับการพัฒนา และขยายตัวของศูนย์ฯ ในอนาคตอีก 20 ปีข้างหน้าด้วย สำหรับอีอีซีจะเป็นผู้จัดสรรที่ดิน และดูแลพื้นที่ทั้งหมด ส่วนการลงทุนก่อสร้างสิ่งต่าง ๆ ภายในศูนย์ กกท. และเอกชน ในรูปแบบเอกชนร่วมลงทุน (PPP)
นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ต้องทำให้องค์ประกอบต่าง ๆ บนพื้นที่อีอีซี เกิดขึ้นได้พร้อม ๆ กัน ซึ่งจะทำให้ทั้ง ท่าอากาศยานอู่ตะเภา และรถไฟไฮสปีดได้ประโยชน์ด้วย เพราะดึงดูดผู้ใช้บริการทั้งสองส่วนมากขึ้น โดยจะเน้นให้อีอีซี เป็นการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) ดึงดูดคนเดินทางเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน หรือรับชมกิจกรรมการกีฬา ศูนย์กีฬาที่จะเกิดขึ้นนี้ จะได้มาตรฐานระดับโลก รองรับการขยายตัวจากสนามกีฬาราชมังคลาที่กรุงเทพฯ ไม่สามารถขยายพื้นที่เพิ่มเติมได้แล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า ต้นเดือน ธ.ค.2568 จะประชุมบอร์ดอีอีซี เพื่อเตรียมเสนอความเห็นสำนักงานอัยการสูงสุด โดยเฉพาะการดำเนินการตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ซึ่งต้องมีภาระการเงิน ภาระงบประมาณที่ต้องจ่ายคืนค่าร่วมลงทุน รวมทั้งการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนฯ ต่อที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณา โดยต้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากมีการ ส่งสัญญาณแล้วว่ารัฐบาลจะยุบสภาก่อนกำหนดเดิมในปลายเดือน ม.ค. 2569 เร่งรัดหน่วยงานราชการส่งเรื่องเข้าพิจารณา ใน ครม. ต้องดำเนินการให้ทันภายใน วันที่ 9 ธ.ค. 2568.
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 26 พ.ย. 2568 (กรอบบ่าย)
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49570
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45607
Location: NECTEC
Posted: 25/11/2025 8:36 pm Post subject:
อีอีซี ลุ้นครม.อนุทินเคาะปิดดีลแก้สัญญาไฮสปีด 3 สนามบินปมสร้างไป-จ่ายไปเดินหน้าตอกเข็ม ปี 69
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันอาทิตย์ ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เวลา 12:07 น.
ปรับปรุง: วันอาทิตย์ ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เวลา 12:07 น.
อีอีซีแจงปมสำคัญ แก้สัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน รัฐต้องช่วยเพื่อให้โครงการเดินหน้า หลังวิกฤติโควิด- ศก.ดอกเบี้ยกู้พุ่ง 2.5% ค่าก่อสร้างเพิ่ม 5% แบงก์ไม่ปล่อยกู้ คาดพิพัฒนชงครม.เคาะหลักการสร้างไป-จ่ายไป เคลียร์พ.ร.บ.วินัยการเงินฯ ดันเริ่มก่อสร้างปี 69
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือีอีซี เปิดเผยว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา) มูลค่าลงทุน 224,544.36 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการ 3 ฝ่าย คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สกพอ.และบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด (ซี.พี.) เอกชนคู่สัญญา ได้เจรจาได้ข้อสรุปในหลักการ และคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ด อีอีซี) เห็นชอบหลักการไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่เนื่องจาก มีประเด็นการปรับ วิธีชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุน จากเดิม เริ่มจ่ายเมื่อเอกชนเปิดเดินรถ หรือประมาณปีที่ 6 มาเป็นจ่ายในปีที่ 2 เมื่อเริ่มก่อสร้าง ซึ่งเป็นวิธีที่เรียกว่า ก่อสร้างไป จ่ายไป ตามงวดงานที่ตรวจรับ ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดมีความเห็นว่า อาจจะต้องมีกระบวนการตามกฎหมาย โดยเฉพาะการดำเนินการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 ซึ่งจะต้องมีภาระการเงิน ภาระงบประมาณที่จะต้องจ่ายคืนค่าร่วมลงทุน ซึ่งประเด็นนี้ จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบก่อน
เรื่องนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานบอร์ด อีอีซี รับทราบแล้ว คาดว่าจะมีการนำเสนอครม.ในเร็วๆนี้ น่าจะทันภายในรัฐบาลนี้ ซึ่งหลังจากครม.เห็นชอบ ในส่วนของกระบวนการแก้ไขสัญญา จะดำเนินการได้ต่อเนื่อง โดยทางสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ตรวจร่างสัญญาฯแล้ว เหลือเพียงการทำความเข้าใจในประเด็นที่มีข้อสังเกตุ จากนั้น รฟท.จะต้องสรุปเพื่อนำเสนอบอร์ดอีอีซี เห็นชอบร่างสัญญาฯและเสนอครม.เห็นชอบเพื่อลงนามสัญญาต่อไป
ทั้งนี้ คาดว่าจะเป็นช่วงต้นปี 2569 ซึ่งกรณีมีการเปลี่ยนรัฐบาล จะไม่มีผลกระทบแล้วเพราะเรื่องนี้ ครม.ได้เห็นชอบในหลักการและ กระบวนการตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 ไปแล้ว ดังนั้น ภายใน2569 โครงการก็จะเริ่มก่อสร้างได้
การปรับวิธีจ่ายค่าอุดหนุนโครงการในปีที่ 6-16 มาเป็น จ่ายเร็วขึ้น จำเป็นต้องให้ ครม. ผูกพันเงินส่วนนี้ไว้ เพื่อตอนที่จ่ายเงิน รัฐบาลจะได้เอางบประมาณหรือไปขอกู้เงินมาจ่าย โดยจะต้องมีการหารือกับสำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลังด้วย
@แจงปัญหาเศรษฐกิจ -โควิด กระทบหนัก ฉุด ผลตอบแทนลด-ดอกเบี้ยพุ่ง ต้นทุนเพิ่ม
นายจุฬากล่าวว่า ข้อเท็จจริง ที่ต้องมีการเจรจาแก้ไขสัญญาโครงการฯ เหตุผลสำคัญ เริ่มแรก รฟท.ในฐานะเจ้าของโครงการ ส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนล่าช้า แม้ระยะต่อมา รฟท. จะสามารถส่งมอบพื้นที่ได้ครบ 100% แต่เป็นช่วงหลังเกิดโควิด-19 ดังนั้น การก่อสร้างจึงเป็นไปไม่ได้ประกอบกับ โครงการไม่เป็นไปตามผลการศึกษาที่วางไว้ตั้งแต่ปี 2560 เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายอย่างไม่เหมือนเดิม เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้น 2.5% ราคาวัสดุก่อสร้างสูงขึ้นตาม ส่งผลให้ค่าก่อสร้างปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 5% และค่าใช้จ่ายในการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง (O&M) เพิ่มขึ้น 10% ปัจจัยหลัก 3 ตัวนี้ ทำให้ต้นทุนของโครงการ แพงขึ้นมาก
ขณะที่ฝั่งรายได้จากโครงการ มีการปรับวิถีชีวิตหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะพฤติกรรมการเดินทางที่ไม่เหมือนเดิมแล้ว ส่งผลให้รายได้โครงการที่คาดว่าจะได้รับลดตามไปด้วย เป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่มีแหล่งเงินปล่อยเงินกู้ให้ ซี.พี.
จากการการพูดคุยกับองค์กรเช่น JBIC (ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น) หรือ China Development Bank (ธนาคารพัฒนาแห่งประเทศจีน) ที่มักจะปล่อยกู็ให้กับโครงการขนาดใหญ่ของไทย ยังมีความเห็นตรงกันว่า โครงการแทบจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไร้ความช่วยเหลือจากรัฐบาล หรือในแบงก์พาณิชย์ทั่วๆไป เขาก็มองออกว่า รายได้ของโครงการแบบนี้จะมาจากค่าโดยสาร แบงก์บอกกันหมดว่า จากลักษณะต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแบบนี้ ไม่มีที่ไหนเขาให้กู้หรอก พูดง่ายๆคือ เงินที่กู้ไปและลงทุนมาคำนวณกับจำนวนรายได้ที่สามารถเก็บได้นั้น จากผลตอบแทนทางการเงินที่คาดว่าจะสามารถให้กับผู้ถือหุ้นที่คำนวณไว้ 5.5% ตอนนี้เหลือแค่ 1.1% แล้ว จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่รัฐต้องเจรจาให้เอกชนทำโครงการให้เกิดขึ้น ทาง อีอีซี ต้องการให้โครงการเดินหน้า แต่ก็อาจจะถูกมองดูเหมือนว่า การแก้ไขสัญญาเป็นการแก้เพื่อเอกชน
@แก้สัญญา สร้างไป-จ่ายไปรัฐจ่ายเร็วประหยัดดอกเบี้ย 2 หมื่นล้าน
นายจุฬากล่าวว่า การแก้สัญญาเพื่อให้ โครงการเดินต่อไปได้ ในส่วนของการจ่ายเงินอุดหนุนเร็วขึ้น จากปีที่ 6 เป็นปีที่ 2-3 เพื่อให้เม็ดเงินที่คาดกันว่าจะมีในปีที่ 6 ได้มาเร็วขึ้น และลดความเสี่ยง ที่เอกชนต้องไปกู้เงินมาลงทุน ในทางกลับกันถ้ารัฐไม่ทำอะไร โครงการไปต่อไม่ได้ เพราะซี.พี.ไม่ทำ แล้วรัฐเอาไปเร่ขายในตลาด ณ วันนี้ไม่มีใครขอกู้ได้อยู่ดี เพราะโครงการมันไม่คุ้มแล้ว และหากรอไปเรื่อยๆ ส่วนของดอกเบี้ย อาจจะเพิ่มหรือลดลง ก็ได้ แต่ค่าก่อสร้างที่ตอนนี้ขึ้นไปแล้ว 5% จะไม่ลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับ ค่า O&M ก็ไม่ลด
ถ้าปล่อยไป ไม่ทำอะไร การกลับไปเริ่มโครงการใหม่ ค่าก่อสร้าง ค่าอะไรน่าจะสูงกว่านี้ ปัจจุบันมองกันว่า ถ้าต้องทำแบบนี้ กรณีที่รัฐต้องจ่ายในปี 6-20 มูลค่ากว่า 140,000 ล้านบาท พอจ่ายเร็วขึ้น 4 ปี ก็จะทำให้เงินที่ต้องจ่ายลดลง 20,000 ล้านบาท เนื่องจากตัวนี้ทำให้ดอกเบี้ยและอัตราในการทยอยจ่ายค่าอุดหนุนลดลง นายจุฬากล่าว
https://mgronline.com/business/detail/9680000111920
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49570
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 30/11/2025 12:13 pm Post subject:
กดปุ่มเริ่มสร้างแล้ว!รันเวย์ที่ 2 "อู่ตะเภา"1.3 หมื่นล้านบาท ยกเว้นจุดอุโมงค์ไฮสปีด" รอ ซี.พี.สร้าง ใน 24 เดือน
Source - ผู้จัดการออนไลน์
Friday, November 28, 2025 at 23:56
กองทัพเรือ กดปุ่มเริ่มสร้าง ทางวิ่งที่ 2 และทางขับ สนามบินอู่ตะเภาลุย 36 เดือน กำหนดเสร็จ 29 ต.ค. 71 ส่วนช่วงมีอุโมงค์ไฮสปีด ลอด ให้เวลา ซี.พี. 24 เดือน เร่งสร้าง หวัง ยกระดับ เมืองการบินภาคตะวันออก หนุนเศรษฐกิจไทยEEC สู่ศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค
อู่ตะเภา, ระยอง วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 กองทัพเรือ ในฐานะหน่วยเจ้าของโครงการ ได้จัดพิธีเริ่มงานก่อสร้าง (Groundbreaking Ceremony) โครงการทางวิ่งที่ 2 และทางขับ สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา โดยมี พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธาน พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ผู้บริหารจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD) ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ พื้นที่ Isolated Pad สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา จังหวัดระยองพิธีดังกล่าวถือเป็น หมุดหมายสำคัญ ของการเริ่มต้นงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลัก ในการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออก เพื่อผลักดันสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาสู่การเป็น ศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) แห่งใหม่ของไทยและภูมิภาคอาเซียน
นายธาริศร์ อิสสระยั่งยืน รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.หรือ EEC) เปิดเผยภายหลังพิธีว่า โครงการก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 (Runway 2) และทางขับสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างกับบมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 เนื่องจากเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 13,142,868,605.29 บาทจากราคากลาง 15,200,123,971.91 บาท กำหนดเริ่มงานในวันนี้ (28 พ.ย. 2568) มีระยะเวลาก่อสร้าง 1,095 วันหรือประมาณ 36 เดือน (ก่อสร้าง 30 เดือน ทดสอบรันเวย์ 6 เดือน) โดยมีกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 29 ต.ค. 2571
สำหรับรายละเอียดของเนื้องาน ก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ประกอบด้วย ทางวิ่งที่ 2 (Runway 36R/18L) ทางวิ่งที่ 2 (Second Runway) หมายเลข 36R/18L: ความยาว 3,505 เมตร ความกว้าง 60 เมตร และทางขับ (Taxiways) และทางขับออกฉับพลัน (Rapid Exit Taxiways) ความยาวรวม 36,820 เมตร ความกว้าง 23 เมตร รวมถึงระบบประกอบและโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วยงานปรับปรุงคุณภาพชั้นดิน ระบบระบายน้ำ ระบบไฟฟ้าสนามบิน อาคารควบคุม และระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง
สำหรับส่วนของทางวิ่งที่ 2 ช่วงที่มีอุโมงค์ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินลอดอยู่ด้านใต้แล้วเลี้ยวขวาไปเชื่อมต่อกับอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก นั้น เนื่องจากโครงการรถไฟความเร็วสูงยังไม่เริ่มต้นก่อสร้าง ดังนั้น จะมีการเว้นพื้นที่บางส่วนสำหรับรอโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นระยะเวลา 24 เดือน โดยจะเริ่มนับตั้งแต่วันนี้ (28 พ.ย. 2568) โดยทางบริษัทเอเชีย เอราวัน (ซี.พี.) ในฐานะผู้รับสัมปทานของโครงการรถไฟความเร็วสูงจะต้องก่อสร้าง หากการก่อสร้างเสร็จตามแผน ทางอิตาเลียนไทยจะมีเวลาอีก 12 เดือน ในการก่อสร้างส่วนที่กันไว้ให้เสร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับที่ปรึกษาควบคุมงานของโครงการนี้ คือกลุ่มกิจการร่วมค้าที่ประกอบด้วย DOHWA Engineering Co., Ltd. จากประเทศเกาหลีใต้ ร่วมกับ Consulting Engineers Group Ltd. จากประเทศอินเดีย, บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิสและบจ.พีพีเอสวันเวิร์ค ซึ่ง 2 บริษัทหลังมาจากประเทศไทย โดยมีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 194,757,062.30 บาท ซึ่งมีการประกาศตัวผู้ชนะโครงการเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา ระยะเวลาดำเนินการ 37 เดือน
โดยประธานในพิธีได้ประกอบพิธีกดปุ่มปล่อยตุ้ม ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของปฐมฤกษ์การเริ่มต้นก่อสร้างอย่างเป็นทางการ โครงการก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 และทางขับ สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา เป็นหนึ่งในโครงการที่มีความสำคัญมากในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเมื่อ 30 ตุลาคม 2561 ครม.อนุมัติในหลักการโครงการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ในกรอบวงเงินงบประมาณ 17,768 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินการโครงการก่อสร้างทางวิ่ง และทางขับที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา
ต่อมาเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2565 เห็นชอบเปลี่ยนแปลงแหล่งเงินของโครงการฯ จากเดิมใช้เงินงบประมาณ เป็นใช้เงินกู้ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม วงเงิน 16,210 ล้านบาท และอนุมัติเปลี่ยนแปลงหน่วยดำเนินโครงการ (Implementing Agency) จากเดิมสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เป็นให้กองทัพเรือเป็นหน่วยดำเนินโครงการภายใต้แผนบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ดังนั้นโครงการนี้มิใช่เพียงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นใหม่แต่คือการวางรากฐานสำคัญให้กับอนาคตของประเทศ เป็นหัวใจในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และเป็นการยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินแห่งใหม่ ของภูมิภาคอย่างเต็มภาคภูมิ
https://mgronline.com/business/detail/9680000114369
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49570
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 01/12/2025 9:03 am Post subject:
กมธ.รับรายงาน-เปิดไม่ทันปี 72 รถไฟความเร็วสูงกทม.-โคราชget_app
Source - ข่าวสด
Monday, December 01, 2025 04:06
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.นครราชสีมา ถึงความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 1 กรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา ล่าสุด กมธ.ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ได้ยกคณะลงตรวจความคึบหน้าการก่อสร้าง โดย นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ประธานกมธ. พร้อม นายนิกร โสมกลาง สส. เขต 8 จ.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย รองประธานกมธ. และโฆษกกมธ.
ร่วมด้วยสส.พรรคประชาชน ประกอบด้วย เขต 1 นายฉัตร สุภัทรวณิชย์, เขต 2 นายปิยชาติ รุจิพรวศิน และ เขต 3 นายศุทธสิทธิ์ พจน์ฐศักดิ์ ลงพื้นที่ติดตามการบริหารงบประมาณเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านถนนและระบบรางในพื้นที่ จ.นครราชสีมา
โดยมีนายกำพล บุญชม รองวิศวกรใหญ่ด้านโครงการพิเศษ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พร้อมวิศวกร บริษัท กิจการร่วมค้า เอสพีทีเค จำกัด ในฐานะผู้รับจ้างสัญญาที่ 3-5 งานโยธา งานก่อสร้างคันทางระดับดินและโครงสร้างยกระดับช่วงโคกกรวด-นครราชสีมา ระยะทาง 13.38 กิโลเมตร ชี้แจงความคืบหน้าโครงการว่าอยู่ระหว่างรื้อย้ายรางและสิ่งปลูกสร้างที่กีดขวางรางประธานชั่วคราว ส่วนงานคันทางระดับดินและสะพานยกระดับ อยู่ระหว่างก่อสร้างพร้อมขอกรอบวงเงินเพิ่มเติมจากการปรับแบบตามมติ ครม. โดยการก่อสร้างผลงานสะสม 16.34% ช้ากว่าแผน 78.32% จากไทม์ไลน์ต้นปี 2569
นายกำพลกล่าวว่า วันนี้ได้คำตอบชัดเจนในหลายประเด็น โครงการรถไฟความเร็วสูงเสร็จไม่ทันงานมหกรรมพืชสวนโลก อ.คง ปี 2572 ซึ่ง รฟท.ยืนยันรูปแบบก่อสร้างเป็นไปตามมติคณะอนุกรรมการจัดการระบบการจราจรทางบกจังหวัดนครราชสีมา ให้ยกระดับช่วงผ่านเมืองและไม่รื้อถอนสะพานสีมาธานีและสะพานหัวทะเล ขณะนี้ได้เสนอตามขั้นตอนรอ ครม.พิจารณา เห็นชอบกรอบวงเงินเพิ่มเติม ทั้งนี้เปิดใช้งานเต็มรูปแบบรถไฟความเร็วสูงปี 2574 ส่วนรถไฟทางคู่มาบกะเบา- ชุมทางถนนจิระ จะเป็นปี 2575
ที่มา: นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 1 ธ.ค. 2568
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49570
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49570
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
You cannot post new topics in this forum You cannot reply to topics in this forum You cannot edit your posts in this forum You cannot delete your posts in this forum You cannot vote in polls in this forum
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group