Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:318534
ทั่วไป:28230775
ทั้งหมด:28549309
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 218, 219, 220
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49376
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 15/10/2025 1:22 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท.ฟ้องเพิกถอนโฉนด “ศิลาชัย–กรุณา ชิดชอบ” รุกที่เขากระโดง
Source - เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์
Wednesday, October 15, 2025 at 10:17

## การรถไฟฯ ยื่นฟ้องศาลแพ่งบุรีรัมย์ เพิกถอนโฉนด 2 แปลงของบริษัทศิลาชัยบุรีรัมย์และนางกรุณา ชิดชอบ หลังศาลฎีกาชี้ออกเอกสารสิทธิ์ทับที่รัฐโดยมิชอบ
KEY
POINTS
การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยื่นฟ้องบริษัท ศิลาชัยบุรีรัมย์ (1991) จำกัด และนางกรุณา ชิดชอบ เพื่อขอให้ศาลเพิกถอนโฉนดที่ดิน 2 แปลง บริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์
รฟท. อ้างว่าโฉนดดังกล่าวออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายทับที่ดินของการรถไฟฯ โดยอ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาและคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช. ที่ยืนยันว่าที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ
การฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการรื้อคดีที่ยืดเยื้อมานาน โดย รฟท. ตัดสินใจดำเนินการเองเพื่อยืนยันสิทธิ์และป้องกันไม่ให้คดีหมดอายุความ


การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เดินหน้ายืนยันสิทธิ์ในที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งบุรีรัมย์ เพื่อขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนโฉนดที่ดิน 2 แปลง ได้แก่ โฉนดเลขที่ 3466 และ 8564 ซึ่งออกโดยมิชอบทับที่ราชพัสดุของการรถไฟฯ
ผู้ถูกฟ้องในคดีนี้คือ บริษัท ศิลาชัยบุรีรัมย์ (1991) จำกัด และนางกรุณา ชิดชอบ ภรรยานายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อดีตนักการเมืองชื่อดัง โดยการดำเนินคดีดังกล่าวเป็นผลจากคำวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ระบุว่า การออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากอยู่ในเขตที่สงวนห้ามออกโฉนด
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟฯ ลงนามอนุมัติเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ให้สำนักงานอาณาบาลของ รฟท. ฟ้องเพิกถอนหรือขับไล่ผู้ครอบครองที่ดิน หลังได้รับข้อสั่งการจากกระทรวงคมนาคมในช่วงเดือนกรกฎาคม–สิงหาคม ให้เร่งดำเนินการทางกฎหมายและเรียกค่าเสียหายจากผู้บุกรุก
รฟท. ระบุว่า คดีนี้อ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลปกครองสูงสุด ที่วินิจฉัยชัดเจนว่าที่ดินบริเวณเขากระโดงเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ ซึ่งเป็นที่ราชการเพื่อใช้ประโยชน์สาธารณะ ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ให้เอกชนได้
ทั้งนี้ ศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 เคยสั่งให้อธิบดีกรมที่ดินร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนตรวจสอบแนวเขตตามคำพิพากษาศาลฎีกา เพื่อยืนยันขอบเขตพื้นที่ของการรถไฟฯ อีกครั้ง
ก่อนยื่นฟ้อง รฟท. เคยทำหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 ขอให้รับดำเนินคดีแทน แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ จึงตัดสินใจดำเนินการเอง เพื่อไม่ให้คดีหมดอายุความ
รฟท. ยังโต้แย้งคำกล่าวของกรมที่ดินที่ระบุว่า หน่วยงานไม่ได้ใช้สิทธิ์ฟ้องคดี โดยยืนยันว่าอธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ในการเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิ์ได้เอง หากพบว่าการออกเอกสารดังกล่าวคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การยื่นฟ้องครั้งนี้จึงถือเป็นการ “รื้อคดีเขากระโดง” อีกครั้ง หลังยืดเยื้อมานานกว่าสองทศวรรษ และอาจกลายเป็นหมุดหมายสำคัญในการยืนยันสิทธิ์ของรัฐเหนือที่ดินเขากระโดงอย่างเป็นทางการ

https://www.posttoday.com/politics/731860
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45533
Location: NECTEC

PostPosted: 17/10/2025 9:08 am    Post subject: Reply with quote

ลุยขับไล่!รฟท.ยื่นเพิกถอน"เขากระโดง"อีก 9 แปลง กลุ่มเชิงพาณิชย์รอบสนามช้าง ย้ำทำตามกฎหมาย-ประโยชน์รัฐ
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันศุกร์ ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เวลา 13:11 น.
ปรับปรุง: วันศุกร์ ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เวลา 13:34 น.


การรถไฟฯ ยื่นฟ้องเพิกถอนหรือขับไล่ผู้ครอบครอง"ที่ดินเขากระโดง"เพิ่มอีก 9 แปลง ชี้เป็นกลุ่มที่ใช้เชิงพาณิชย์ หากชนะคดีจะดึงรายได้คืนกลับให้การรถไฟฯ ย้ำดำเนินการภายใต้อำนาจตามกฏหมาย เชื่อศาลให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย



รายงานข่าวจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า กรณีที่การรถไฟฯ ยื่นฟ้องเพิกถอน หรือฟ้องขับไล่ ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 บริเวณแยกเขากระโดงเอง ที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น เป็นการดำเนินการตามกฎหมายด้วยความถูกต้อง ยึดมั่นในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้พิจารณาสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริง โดยมีมติให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และเลขที่ 8564 เนื่องจากออกทับที่ดินของการรถไฟฯ และแจ้งให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณดังกล่าว ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น จึงถือว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนที่สุด

ส่วนคำพิพากษาศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 ว่า ที่ดินเขากระโดงเป็นเขตทางรถไฟอันเป็นทรัพย์สินสาธารณะเพื่อกิจการรถไฟ การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน น.ส. 3 และโฉนดทับแนวเขตทางรถไฟ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยให้กรมที่ดินตรวจสอบแนวเขตและเพิกถอน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มีมติไม่เพิกถอน ส่งผลให้การรถไฟฯ จำเป็นต้องใช้สิทธิฟ้องเพิกถอนหรือฟ้องขับไล่ผู้ครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ด้วยตนเอง ตามอำนาจสิทธิที่พึงมี และไม่ใช่การฟ้องเพื่อประวิงเวลาแต่อย่างใด ทั้งนี้ คาดว่าศาลชั้นต้นจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 2 ปี และในชั้นอุทธรณ์อีกประมาณ 1 ปี ซึ่งถือว่าใช้เวลาสั้นกว่าการดำเนินคดีในที่ดินแปลงอื่นจากจำนวนทั้งหมด 995 แปลง และเพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการดำเนินการกับที่ดินรายอื่นๆ ต่อไปด้วย

ขณะเดียวกัน ในวันที่ 17 ตุลาคม 2568 การรถไฟฯ ยื่นฟ้องศาลจังหวัดบุรีรัมย์เพิ่มเติมอีก โดยเป็นกลุ่มคดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนิติบุคคลและผู้ครอบครองที่ดินแปลงใหญ่ที่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ประกอบด้วย ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3477, 24091, 3476, 3742, 3743, 115572, 9160, 3285 และ 30222 โดยการยื่นฟ้องในกลุ่มนี้เนื่องจากเป็นกลุ่มที่จะไม่กระทบต่อประชาชนทั่วไป ที่สำคัญ หากการรถไฟฯ ชนะคดี จะทำให้การรถไฟฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการนำที่ดินตรงนี้ไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์อีกด้วย



การรถไฟฯ ยืนยันว่า ดำเนินการทุกขั้นตอนตามกฎหมาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ แต่เมื่อข้อพิพาทยังค้างคาอยู่ จึงต้องขอไปพิสูจน์สิทธิกันในศาล เพราะเชื่อว่าศาลยุติธรรมจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะทยอยฟ้องในแปลงต่างๆ ต่อไปจนครบ โดยดูจากประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับการรถไฟฯ เป็นหลัก ขณะเดียวกัน คดีที่อยู่ในศาลปกครองที่การรถไฟฯ ยื่นเป็นคดีใหม่ เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินที่สั่งให้ยุติเรื่อง และขอให้ศาลมีคำสั่งให้อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนด้วยนั้น ก็ยังดำเนินการอยู่คู่ขนานกันไป เพื่อประโยชน์สูงสุดของการรถไฟฯ

รายงานข่าวจาหรฟท.ระบุว่า ที่ดินทั้ง 9 แปลง เป็นที่ดินที่เป็นของนายทุนในจังหวัด ที่โดยส่วนใหญ่เป็นที่ดินรอบๆสนามกีฬาช้างอารีน่าและหจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยที่ดินที่ระบุไว้ปัจจุบันกลายเป็นทั้งโรงแรม ตลาดนัด และรีสอร์ต เป็นต้น

https://mgronline.com/business/detail/9680000099238

การรถไฟฯ ยื่นฟ้องเพิกถอนหรือขับไล่ผู้ครอบครองที่ดินเขากระโดงเพิ่มอีก 9 แปลง ชี้เป็นกลุ่มที่ใช้เชิงพาณิชย์ หากชนะคดีจะดึงรายได้คืนกลับให้การรถไฟฯ ย้ำดำเนินการภายใต้อำนาจตามกฏหมาย เชื่อศาลให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า กรณีที่การรถไฟฯ ยื่นฟ้องเพิกถอน หรือฟ้องขับไล่ ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 บริเวณแยกเขากระโดงเอง ที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น เป็นการดำเนินการตามกฎหมายด้วยความถูกต้อง ยึดมั่นในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้พิจารณาสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริง โดยมีมติให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และเลขที่ 8564 เนื่องจากออกทับที่ดินของการรถไฟฯ และแจ้งให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณดังกล่าว ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น จึงถือว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนที่สุด
ส่วนคำพิพากษาศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 ว่า ที่ดินเขากระโดงเป็นเขตทางรถไฟอันเป็นทรัพย์สินสาธารณะเพื่อกิจการรถไฟ การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน น.ส. 3 และโฉนดทับแนวเขตทางรถไฟ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยให้กรมที่ดินตรวจสอบแนวเขตและเพิกถอน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มีมติไม่เพิกถอน ส่งผลให้การรถไฟฯ จำเป็นต้องใช้สิทธิฟ้องเพิกถอนหรือฟ้องขับไล่ผู้ครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ด้วยตนเอง ตามอำนาจสิทธิที่พึงมี และไม่ใช่การฟ้องเพื่อประวิงเวลาแต่อย่างใด ทั้งนี้ คาดว่าศาลชั้นต้นจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 2 ปี และในชั้นอุทธรณ์อีกประมาณ 1 ปี ซึ่งถือว่าใช้เวลาสั้นกว่าการดำเนินคดีในที่ดินแปลงอื่นจากจำนวนทั้งหมด 995 แปลง และเพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการดำเนินการกับที่ดินรายอื่นๆ ต่อไปด้วย
ขณะเดียวกัน ในวันที่ 17 ตุลาคม 2568 การรถไฟฯ ยื่นฟ้องศาลจังหวัดบุรีรัมย์เพิ่มเติมอีก โดยเป็นกลุ่มคดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนิติบุคคลและผู้ครอบครองที่ดินแปลงใหญ่ที่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ประกอบด้วย ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3477, 24091, 3476, 3742, 3743, 115572, 9160, 3285 และ 30222 โดยการยื่นฟ้องในกลุ่มนี้เนื่องจากเป็นกลุ่มที่จะไม่กระทบต่อประชาชนทั่วไป ที่สำคัญ หากการรถไฟฯ ชนะคดี จะทำให้การรถไฟฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการนำที่ดินตรงนี้ไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์อีกด้วย
การรถไฟฯ ยืนยันว่า ดำเนินการทุกขั้นตอนตามกฎหมาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ แต่เมื่อข้อพิพาทยังค้างคาอยู่ จึงต้องขอไปพิสูจน์สิทธิกันในศาล เพราะเชื่อว่าศาลยุติธรรมจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะทยอยฟ้องในแปลงต่างๆ ต่อไปจนครบ โดยดูจากประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับการรถไฟฯ เป็นหลัก ขณะเดียวกัน คดีที่อยู่ในศาลปกครองที่การรถไฟฯ ยื่นเป็นคดีใหม่ เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินที่สั่งให้ยุติเรื่อง และขอให้ศาลมีคำสั่งให้อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนด้วยนั้น ก็ยังดำเนินการอยู่คู่ขนานกันไป เพื่อประโยชน์สูงสุดของการรถไฟฯ

https://www.facebook.com/pr.railway/posts/1270130681811587

Mongwin wrote:
รฟท.ฟ้องเพิกถอนโฉนด “ศิลาชัย–กรุณา ชิดชอบ” รุกที่เขากระโดง
Source - เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์
Wednesday, October 15, 2025 at 10:17


https://www.posttoday.com/politics/731860


Last edited by Wisarut on 20/10/2025 1:20 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45533
Location: NECTEC

PostPosted: 20/10/2025 8:40 am    Post subject: Reply with quote

“มัลลิกา” ลั่นไม่มีนโยบายย้าย “หมอชิต 2” เตรียมรีโนเวทพลิกโฉม 3,600 ล้าน อยู่ที่เดิม
ข่าวนวัตกรรมขนส่ง
วันจันทร์ ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เวลา 08:07 น.




“มัลลิกา”เบรกย้าย”สถานีหมอชิต 2” ชี้จุดเดิมดีแล้ว บขส.เทงบ 3 พันลบ.ปรับปรุงพลิกโฉมศูนย์ขนส่งสาธารณะ
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เวลา 05:59 น.
ปรับปรุง: วันจันทร์ ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เวลา 08:05 น.

“บขส.” ชง “คมนาคม” รีโนเวทพลิกโฉม สถานีขนส่งฯ “หมอชิต 2” ครั้งใหญ่ 3,600 ล้าน พื้นที่ 100 ไร่ หลังเปิดตั้งแต่ปี 41 ผุดคอมมูนิตี้ ย้ายสถานีรถตู้กลับมา คาดเริ่มพัฒนาปี 70 แล้วเสร็จ ได้ใช้งานปี 72 “มัลลิกา” ลั่นไม่มีนโยบายย้ายไปรวมที่ “สถานีกลางฯ” ชี้กระจุกที่เดียวทำให้แออัด ควรอยู่ที่เดิม แต่พัฒนาฟีดเดอร์ให้ดีขึ้น


“มัลลิกา”เบรกแผนย้ายสถานีหมอชิต 2 ไปใกล้ ”กรุงเทพอภิวัฒน์ฯ”ชี้จุดเดิมดีแล้ว เร่งปรับปรุงระบบฟีดเดอร์เชื่อมต่อสะดวก ด้านบขส.เผยศึกษาปรับปรุงสถานีโฉมใหม่เสร็จแล้ว ชงของบ 3,000 ล้านบาท เริ่มปี 70 เชื่อมพื้นที่บขส.-ขสมก.กว่า 100 ไร่ รวมศูนย์บริการขนส่งสาธารณะ

นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) พัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสาร (จตุจักร) หรือสถานีหมอชิต 2 เพื่อให้บริการผู้โดยสารมีความสะดวก สบาย และจัดการระบบฟีดเดอร์ เชื่อมต่อเข้าสู่สถานีด้วยความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ขณะที่ปัจจุบันไม่มีแนวคิดในการ ย้ายสถานีขนส่งหมอชิต 2 ไปอยู่ใกล้กับยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์แต่อย่างใด โดยเห็นว่า สถานีขนส่งหมอชิต 2 ควรอยู่ที่เดิมมีความเหมาะสมแล้ว




ทั้งนี้ บขส. ได้มีการศึกษา แผนการพัฒนาสถานีหมอชิต 2 โดยจะมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้ กระทรวงคมนาคมยังไม่เห็นข้อมูล คงต้องรอให้นำเสนอมาตามขั้นตอนก่อน หลักการ คือ ข้อมูลการศึกษา เอกสารประกอบต้องครบถ้วน และต้องผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากหน่วยงานเช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงบประมาณ ด้วย ซึ่งคาดว่า คงต้องรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ เพราะรัฐบาลนี้คงพิจารณาอนุมัติไม่ทัน



ด้านนายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า บขส.ได้ศึกษาแผนการพัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสาร (จตุจักร) หรือสถานีหมอชิต 2 เสร็จแล้ว และผ่านความเห็นชอบของบอร์ดบขส. แล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรวบรวมข้อมูล เพื่อนำเสนอกระทรวงคมนาคม



โดยโครงการพัฒนาสถานีหมอชิต 2 นี้ บขส.จะขอรับจัดสรรงบประมาณปี 2570 ในการดำเนินการปรับปรุงทั้งหมด เป็นสถานีหมอชิต 2 โฉมใหม่ โดยมีวงเงินลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (3 เฟส) ซึ่งจะแบ่งการพัฒนาเป็นเฟส ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง

สำหรับการพัฒนาครั้งนี้ จะเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยจะรวมพื้นที่ สถานีขนส่ง สถานีของรถตู้โดยสารสาธารณะด้านตรงข้ามสถานีเข้ามาทั้งหมด มีพื้นที่พักคอยสำหรับผู้โดยสาร มีสิ่งอำนวยความสะดวกบริการครบครัน มีพื้นที่จอดรถ บขส. รถตู้โดยสาร และจะรวมพื้นที่อู่จอดรถ ขสมก. ที่อยู่ด้านข้างอีกประมาณ 20 ไร่ เข้ามาด้วย โดยทำทางเชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ จะทำให้เป็นสถานีขนส่ง มีพื้นที่กว่า 100 กว่าไร่

“ครั้งแรกใน 95 ปี ที่บขส.ไม่เคยได้รับงบประมาณในการดำเนินงาน ลงทุน ปรับปรุงจากรัฐาล เพราะเคยได้รับงบประมาณจากรัฐบาลครั้งแรกนับจาการก่อสร้างสถานีหมอชิต 2 ขึ้นมา ส่วนเอกมัย เป็นสถานีเดินรถเหมือนเดิม เพราะยังไม่เปลี่ยนผังสี ส่วนจะมีการจะย้ายหรือไม่ ขึ้นกับนโยบาย ”



รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ กระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ดำเนินการพิจารณาและศึกษาแนวทางการย้ายสถานีขนส่งหมอชิต 2, สถานีขนส่งเอกมัย และสถานีขนส่งสายใต้ภายใต้การรับผิดชอบของบริษัท ขนส่ง จำกัด ไปอยู่ใกล้กับสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยมีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ผู้ใช้บริการ และนักท่องเที่ยว สามารถเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะด้วยรถไฟไทย รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีน้ำเงิน ที่สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายอื่นๆ ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถโดยสารในอัตรา 20 บาทตลอดสาย แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลไปก่อน



ส่วนการพัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสาร (จตุจักร) หรือสถานีหมอชิต 2 นั้นบขส.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา ในกรอบ วงเงิน 39 ล้านบาท (งบประมาณ ปี2568) โดยการพัฒนาจะครอบคลุม พื้นที่ 90 ไร่ ของบขส. (พื้นที่เช่าของการรถไฟแห่งประเทศไทย) และมีพื้นที่ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ด้านทิศใต้ ประมาณ 16 ไร่ พัฒนาเป็นศูนย์รวมการขนส่งสาธารณะโดยมีการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย ปลอดภัย ให้บริการสำหรับคนทุกกลุ่ม ตามหลักการออกแบบเพื่อคนทุกวัย (Universal Design หรือ UD) จัดระบบบริการขาเข้า ขาออก จัดระบบการจราจรภายในสถานีให้มีความคล่องตัว

โดยมีกรอบเวลาพัฒนาไม่ต่ำกว่า 3 ปี เนื่องจากจะต้องดำเนินการปรับปรุงในขณะที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 ยังคงเปิดให้บริการตามปกติจึงต้องแบ่งพื้นที่ดำเนินการ สำหรับ สถานีขนส่งผู้โดยสาร (จตุจักร) หรือสถานีหมอชิต 2 นั้นเปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 2541
https://www.dailynews.co.th/news/5220006/
https://mgronline.com/business/detail/9680000099909
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/1355109702732927
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45533
Location: NECTEC

PostPosted: 28/10/2025 2:01 pm    Post subject: Reply with quote

'การรถไฟฯ' ฟ้องเพิกถอนอีก 15 แปลง รุก 'ที่ดินเขากระโดง'
ฐานเศรษฐกิจ
ออนไลน์เมื่อ: วันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เวลา 11:27 น.
อัปเดตล่าสุด : วันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เวลา 11:32 น.


การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ยื่นฟ้องศาลจังหวัดบุรีรัมย์เพิ่มเติม เพื่อเพิกถอนเอกสารสิทธิ์และขับไล่ผู้บุกรุกที่ดินบริเวณเขากระโดง
การฟ้องร้องล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม เป็นการฟ้องผู้ครอบครองที่ดินรายใหญ่จำนวน 15 แปลง หลังจากก่อนหน้านี้ได้ฟ้องกลุ่มบริษัทและผู้ใช้ที่ดินเชิงพาณิชย์ไปแล้ว
สำหรับกลุ่มชาวบ้าน 35 รายที่ศาลเคยมีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิ์แล้ว รฟท. กำลังเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อจัดทำสัญญาให้เช่าที่ดิน
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่การรถไฟฯ ได้ยื่นฟ้องเพิกถอน หรือฟ้องขับไล่ ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 บริเวณแยกเขากระโดงเอง ที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น

ทั้งนี้ได้ยื่นฟ้องศาลจังหวัดบุรีรัมย์เพิ่มเติมอีก โดยเป็นกลุ่มคดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนิติบุคคลและผู้ครอบครองที่ดินแปลงใหญ่ที่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ประกอบด้วย

ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3477, 24091, 3476, 3742, 3743, 115572, 9160, 3285 และ 30222 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมาแล้วนั้น

รายงานข่าวจากรฟท.กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 การรถไฟฯ ได้ยื่นฟ้องศาลจังหวัดบุรีรัมย์เพิ่มเติมอีก

โดยเป็นกลุ่มคดีส่วนใหญ่ซึ่งเป็นผู้ที่ครอบครองที่ดินไว้จำนวนมาก ประกอบด้วย ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 600, 601, 602, 1095, 1096, 2767, 2869, 3188, 3195, 3863, 8626, 8662, 8811, 9235 และ 25091

ส่วนกรณีที่ศาลฎีกาที่ 842-876/2560 รวมทั้งศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำพิพากษายืนตามศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ของชาวบ้านจำนวน 35 รายในเขตพื้นที่ ต.เสม็ด และ ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์นั้น

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา การรถไฟฯ ได้ร่วมกับสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อทำการไกล่เกลี่ยคดีกับชาวบ้านทั้ง 35 ราย

ขณะนี้อยู่ระหว่างให้บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของการรถไฟฯ ทำสัญญาให้เช่าแล้ว


อย่างไรก็ดีการรถไฟฯ ขอยืนยันว่า พื้นที่พิพาทกรณีเขากระโดงเป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อให้ข้อพิพาทที่เป็นความสับสนในสังคมได้ข้อยุติ

"การรถไฟฯ จึงขอนำพิสูจน์สิทธิกันในศาล เชื่อมั่นว่าศาลยุติธรรมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ การฟ้องร้องครั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาทรัพย์สินของทางราชการ และเพื่อประโยชน์สูงสุดของการรถไฟฯ" รายงานข่าวจากรฟท.กล่าว
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49376
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 29/10/2025 12:37 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟยื่นฟ้องขับไล่ที่ดินเขากระโดง เพิ่มล็อตใหญ่ อีก 90 แปลง
Source - ผู้จัดการออนไลน์
Wednesday, October 29, 2025 at 12:03

การรถไฟฯ เผย 29 ต.ค. 68 ยื่นฟ้องเพิกถอนหรือขับไล่ผู้ครอบครองที่ดินเขากระโดงเพิ่มอีก 90 แปลง ชี้เป็นกลุ่มที่ครอบครองที่ดินไว้เป็นจำนวนมาก โดยเป็นการยื่นขับไล่ ขุดที่ 4 แล้ว ย้ำเพื่อรักษาทรัพย์สินราชการ และประโยชน์สูงสุดของการรถไฟฯ
การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า วันที่ 29 ตุลาคม 2568 การรถไฟฯ ได้ยื่นฟ้องเพิกถอน หรือฟ้องขับไล่ ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินบริเวณแยกเขากระโดง ที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ เพิ่มเติม อีกในกลุ่มซึ่งเป็นผู้ที่ครอบครองที่ดินไว้จำนวนมาก ประกอบด้วย ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 2360, 2546, 2665, 2670, 2671, 2684, 2685, 2765, 2767, 2869, 3128, 3129, 3189, 3286, 3375, 3376, 3377, 3378, 3379, 3380, 3381, 3416, 3417, 3863, 8692, 8916, 9167, 11315, 11447, 15351, 15970, 15971, 16441, 17397, 19160, 19161, 22364, 22365, 22367, 22368, 22462, 22529, 22990, 22991, 22992, 22993, 22995, 24448, 24452, 25952, 25953, 25955, 28654, 37640, 53530, 53895, 59724, 112017, 112018, 112019, 112020, 112021, 112022, 115904, 121449, 121450, 122887, 122888, 122889, 122890, 122891, 122892, 122893, 125978, 127403, 127404, 127405, 127406, 127407, 127408, 127409, 127410, 133688, 133689, 136046, 136047, 136048, 152353, 152354 และ 152355
การรถไฟฯ ขอยืนยันว่า พื้นที่พิพาทกรณีเขากระโดงเป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย การรถไฟฯ จะร่วมกับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย ดำเนินการให้ข้อพิพาทที่เป็นความสับสนในสังคมได้ข้อยุติโดยเร็ว จึงขอนำพิสูจน์สิทธิกันในศาล และเชื่อมั่นว่าศาลจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ การฟ้องร้องครั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาทรัพย์สินของทางราชการ และเพื่อประโยชน์สูงสุดของการรถไฟฯ
โดยก่อนหน้านี้ การรถไฟฯ ได้ยื่นฟ้องเพิกถอน หรือฟ้องขับไล่ ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินไปแล้ว 3 ชุด ได้แก่ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ยื่นฟ้องเพิกถอน หรือฟ้องขับไล่ ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 บริเวณแยกเขากระโดงเอง ที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์
วันที่ 17 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ในกลุ่มคดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนิติบุคคลและผู้ครอบครองที่ดินแปลงใหญ่ที่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ประกอบด้วย ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3477, 24091, 3476, 3742, 3743, 115572, 9160, 3285 และ 30222
และยื่นฟ้องเพิ่มเติมอีก ในกลุ่มคดีส่วนใหญ่ซึ่งเป็นผู้ที่ครอบครองที่ดินไว้จำนวนมาก ประกอบด้วย ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 600, 601, 602, 1095, 1096, 2767, 2869, 3188, 3195, 3863, 8626, 8662, 8811, 9235 และ 25091 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 แล้วนั้น

https://mgronline.com/business/detail/9680000103195
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49376
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 04/11/2025 8:57 am    Post subject: Reply with quote

SRTAร่างแผนใช้ที่ดิน'รฟท.' ตั้งเป้าสร้างเมืองนาอยู่อัจฉริยะ-New CBD
Source - เว็บไซต์แนวหน้า
Tuesday, November 04, 2025 at 07:46

นายกษพล บวรศรีการ รองกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจ ปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (อทส.) หรือ SRTA เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการที่สำคัญของ อทส. รัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทลูกของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่ง อทส. มีพันธกิจในการเพิ่มประสิทธิภาพการหารายได้เชิงพาณิชย์จากที่ดินที่ไม่ได้ใช้ในการประกอบกิจการรถไฟ (Non-Core Asset) ทั้งด้านการบริหารสัญญาเช่า การจัดหาผู้ลงทุน และการเช่าพื้นที่ เพื่อพัฒนาโครงการบนที่ดินของ รฟท. รวมทั้งพัฒนาด้วยตนเอง การซื้อหรือเช่าที่ดินจากบุคคลภายนอก เพื่อพัฒนาหรือร่วมทุน เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวให้แก่ รฟท. อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ปัจจุบัน อทส. อยู่ระหว่างจัดทำแผนวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 - 2570 เพื่อกำหนดทิศทางกลยุทธ์ที่ชัดเจน และเหมาะสม สามารถรองรับ และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของบริบททางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว จนนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ทั้งนี้ การจัดทำแผนวิสาหกิจของ อทส. ดังกล่าว ยังมุ่งเน้นให้มีความเชื่อมโยงกับแผนปฏิบัติการและแผนวิสาหกิจของ รฟท. โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของ อทส. ภายใต้กรอบแผนของ รฟท. ซึ่งคาดว่าแผนดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในต้นปี 2569
นอกจากนี้ การดำเนินการโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบสถานีรถไฟที่มีศักยภาพ ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 (งบกลาง) วงเงิน 151 ล้านบาท และรับทราบแนวทางการดำเนินงานโครงการฯ โดย อทส. ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อออกแบบรายละเอียดงานสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม และจัดทำรายงาน EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) โครงการนำร่องระยะที่ 1 จำนวน 4 พื้นที่ รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study), งานออกแบบทางแนวคิด (Conceptual Design) และรายงาน IEE (ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น) จำนวน 21 พื้นที่ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการตามแผน สำหรับแผนปฏิบัติด้านการพัฒนาพื้นที่บริเวณบางซื่อ ในระยะ 14 ปี (พ.ศ. 2569 - 2582)
อย่างไรก็ดีปัจจุบัน อทส. ได้จัดทำแผนปฏิบัติการฯ เสร็จสิ้นแล้ว ภาพรวมโครงการฯ ตั้งเป้าหมายหลักในการพัฒนาพื้นที่ให้เป็น "เมืองน่าอยู่อัจฉริยะ (Livable Smart City)" ต้นแบบ และเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ (New CBD) ซึ่งแผนฉบับนี้อยู่ระหว่างนำเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณาในลำดับต่อไป หากได้รับการอนุมัติเชื่อว่าจะสร้างประโยชน์ในทุกมิติ และสร้างรายได้มหาศาลต่อ รฟท. ในอนาคต
ขณะเดียวกันภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ระยะที่ 1 อทส. ได้เดินหน้าดำเนินโครงการสำคัญในพื้นที่บริเวณบางซื่ออย่างต่อเนื่อง อาทิ การขอเช่าพื้นที่แปลง E1 เพื่อก่อสร้างที่ทำการกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ การขอเช่าพื้นที่แปลง G9 เพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในพื้นที่ ตลอดจนการประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคส่วนกลาง (District Utility System) ซึ่ง อทส. มีแผนจะดำเนินการเพื่อรองรับการพัฒนาตามแผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าว
นอกจากนี้ อทส. ยังเดินหน้าพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) โดยร่วมมือกับองค์กรพัฒนาและฟื้นฟูเมืองแห่งประเทศญี่ปุ่น (UR) เพื่อพัฒนาให้สถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์กลางการเดินทางระบบรางที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและอาเซียน และพัฒนาพื้นที่บริเวณบางซื่อให้เป็น "เมืองอัจฉริยะบางซื่อ" ตามแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพื้นที่บริเวณบางซื่อ และคาดว่าจะเริ่มลงนามสัญญาเพื่อดำเนินงานร่วมกันได้ในช่วงต้นปี 2569

https://www.naewna.com/business/925181
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45533
Location: NECTEC

PostPosted: 06/11/2025 12:51 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
SRTAร่างแผนใช้ที่ดิน'รฟท.' ตั้งเป้าสร้างเมืองนาอยู่อัจฉริยะ-New CBD
Source - เว็บไซต์แนวหน้า
วันอังคาร ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เวลา 06.00 น.

https://www.naewna.com/business/925181




“SRTA” ยังลุยต่อ “ที่อยู่อาศัย” รอบสถานีรถไฟ 4 พื้นที่ ต้นปีหน้าจับมือญี่ปุ่นพัฒนารอบ “สถานีกลางฯ”
ข่าวนวัตกรรมขนส่ง
วันจันทร์ ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เวลา 13:36 น.

"SRTA" ชงแผนพัฒนาพื้นที่บริเวณบางซื่อ ระยะ 14 ปีให้ “คมนาคม” เคาะ ดันเป็นเมืองน่าอยู่อัจฉริยะต้นแบบ ศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ สร้างรายได้มหาศาลให้ รฟท. เฟส 1 ลุยสร้างกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ ต้นปีหน้าลงนามญี่ปุ่นพัฒนาพื้นที่รอบสถานีกลางฯ ปั้นฮับเดินทางระบบรางใหญ่สุดอาเซียน ยังเดินหน้าต่อพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบสถานีรถไฟ
นายกษพล บวรศรีการ รองกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจ ปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (อทส.) หรือ SRTA เปิดเผยว่า ปัจจุบัน อทส. อยู่ระหว่างจัดทำแผนวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569–2570 เพื่อกำหนดทิศทางกลยุทธ์ที่ชัดเจน และเหมาะสม สามารถรองรับ และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของบริบททางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว จนนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ทั้งนี้การจัดทำแผนวิสาหกิจของ อทส. ยังมุ่งเน้นให้มีความเชื่อมโยงกับแผนปฏิบัติการ และแผนวิสาหกิจของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในฐานะที่ อทส. เป็นบริษัทลูก โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของ อทส. ภายใต้กรอบแผนของ รฟท. คาดว่าแผนดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในต้นปี 2569


นายกษพล กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบสถานีรถไฟที่มีศักยภาพ ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 (งบกลาง) วงเงิน 151 ล้านบาท และรับทราบแนวทางการดำเนินงานโครงการฯ โดย อทส. ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อออกแบบรายละเอียดงานสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม และจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการนำร่องระยะที่ 1 จำนวน 4 พื้นที่ รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study), งานออกแบบทางแนวคิด (Conceptual Design) และรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) จำนวน 21 พื้นที่ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการตามแผน

สำหรับแผนปฏิบัติด้านการพัฒนาพื้นที่บริเวณบางซื่อ ในระยะ 14 ปี (พ.ศ. 2569-2582) ปัจจุบัน อทส. ได้จัดทำแผนปฏิบัติการฯ เสร็จสิ้นแล้ว ภาพรวมโครงการฯ ตั้งเป้าหมายหลักในการพัฒนาพื้นที่ให้เป็น “เมืองน่าอยู่อัจฉริยะ (Livable Smart City)” ต้นแบบ และเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ (New CBD) ซึ่งแผนฉบับนี้อยู่ระหว่างนำเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณาต่อไป หากได้รับการอนุมัติ เชื่อว่าจะสร้างประโยชน์ในทุกมิติ และสร้างรายได้มหาศาลต่อ รฟท. ในอนาคต


นายกษพล กล่าวอีกว่า ภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ระยะที่ 1 อทส. ได้เดินหน้าดำเนินโครงการสำคัญในพื้นที่บริเวณบางซื่ออย่างต่อเนื่อง อาทิ การขอเช่าพื้นที่แปลง E1 เพื่อก่อสร้างที่ทำการกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ การขอเช่าพื้นที่แปลง G9 เพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในพื้นที่ ตลอดจนการประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคส่วนกลาง (District Utility System) ซึ่ง อทส. มีแผนดำเนินการเพื่อรองรับการพัฒนาตามแผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าว

นอกจากนี้ อทส. ยังเดินหน้าพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) โดยร่วมมือกับองค์กรพัฒนาและฟื้นฟูเมืองแห่งประเทศญี่ปุ่น (UR) เพื่อพัฒนาให้สถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์กลางการเดินทางระบบรางที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และอาเซียน และพัฒนาพื้นที่บริเวณบางซื่อให้เป็น “เมืองอัจฉริยะบางซื่อ” ตามแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพื้นที่บริเวณบางซื่อ และคาดว่าจะเริ่มลงนามสัญญา เพื่อดำเนินงานร่วมกันได้ในช่วงต้นปี 2569

อย่างไรก็ตาม อทส. เป็นบริษัทลูกของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีพันธกิจในการเพิ่มประสิทธิภาพการหารายได้เชิงพาณิชย์จากที่ดินที่ไม่ได้ใช้ในการประกอบกิจการรถไฟ (Non-Core Asset) ทั้งด้านการบริหารสัญญาเช่า การจัดหาผู้ลงทุน และการเช่าพื้นที่ เพื่อพัฒนาโครงการบนที่ดินของ รฟท. รวมทั้งพัฒนาด้วยตนเอง การซื้อหรือเช่าที่ดินจากบุคคลภายนอก เพื่อพัฒนาหรือร่วมทุน เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวให้แก่ รฟท. อย่างยั่งยืน....
https://www.dailynews.co.th/news/5264795/
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49376
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 17/11/2025 8:30 am    Post subject: Reply with quote

รฟท.เตรียมชงบอร์ดอนุมัติ SRTA เช่าที่ดิน 10 แปลงใหญ่ “บางซื่อ-แม่น้ำ-หัวมุมอตก.-มักกะสัน”เร่งปั๊มรายได้ทรัพย์สิน
Source - ผู้จัดการออนไลน์
Monday, November 17, 2025 at 06:18

รฟท.เตรียมชงบอร์ด 25 พ.ย.นี้ อนุมัติ SRTA เช่าที่ดิน 10 แปลงใหญ่ มูลค่าเกิน 500 ล้านบาท”บางซื่อ -แม่น้ำ -หัวมุมอตก.-มักกะสัน-หัวหิน-หาดใหญ่”หวังพัฒนาเชิงพาณิชย์สร้างรายได้เพิ่ม ส่วนบ้านเพื่อคนไทยเลื่อนจับฉลาก รอออกแบบเสร็จต้นปี 69
นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า
รฟท.ยังคงเดินหน้าในการเพิ่มสัดส่วนรายได้ด้านที่ดินและทรัพย์สิน โดยหลังจากตั้งบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (อสท.) หรือ SRTA เป็นบริษัทลูกได้ทยอย ให้เช่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัว ในการบริหารสัญญาเชิงพาณิชย์ไปแล้ว และล่าสุด ทาง SRTA ได้ทำเรื่องมายังรฟท. เพื่อขอเช่าที่ดิน 10 แปลงใหญ่ ไปบริหารเชิงพาณิชย์ โดยจะนำเสนอที่ประชุมบอร์ดรฟท.ในวันที่ 25 พ.ย. 2568 ขออนุมัติให้ SRTA เช่าเนื่องจาก แต่ละแปลงมีมูลค่าเกิน500 ล้านบาท เช่น ที่ดินแปลงแม่น้ำ ,หาดใหญ่ ,หัวมุมอตก. เป็นต้น
“ตามหลักการการให้ SRTA เช่าที่ดินรถไฟนั้น กำหนดว่า ที่ดินที่มีมูลค่าการพัฒนาต่ำกว่า 500 ล้านบาท อยู่ในอำนาจผู้ว่าฯรฟท. ที่จะอนุมัติให้ SRTA เช่าบริหาร หากประเมินมูลค่าการพัฒนาเกิน 500 ล้านบาท ต้องเสนอบอร์ดรฟท.ขออนุมัติ “
@รายได้”ทรัพย์สิน”เพิ่ม หวังรฟท.มีกำไร
นายอนันต์กล่าวว่า ปัจจุบันรถไฟมีรายได้จาก 3 ส่วน ได้แก่ รายได้จากการขนส่งสินค้า ประมาณ 2,100 ล้านบาท/ปี ตั้งเป้าเติบโตปีละ 10%, รายได้จากบริหารทรัพย์สิน ประมาณ 3,900 ล้านบาท/ปี และรายได้จากการโดยสารและท่องเที่ยว ประมาณ 3,900 ล้านบาท/ปี ซึ่งจะเห็นว่า รายได้ด้านโดยสารและทรัพย์สิน มีสัดส่วนใกล้เคียงกัน แต่ในข้อเท็จจริง ในด้านการโดยสารและท่องเที่ยว มีต้นทุนดำเนินงานมากกว่า ทั้ง ค่าเชื้อเพลิงค่าซ่อมบำรุง บุคลากร ดังนั้นรฟท.ต้องทำสมดุลย์รายได้ให้เหมาะสม ทั้งรายได้และรายจ่ายด้วย
“ต้องเร่งรัดเพิ่มรายได้ทุกด้าน แต่ด้านทรัพย์สิน หากสามารถเพิ่มได้มากเท่าไร ก็จะทำให้มีผลต่อผลประกอบการและทำให้รฟท.มีกำไรได้ เพราะถือว่าเป็นส่วนที่มีต้นทุนน้อยกว่า ส่วนด้านขนส่งสินค้า ล่าสุด ครม.อนุมัติให้จัดซื้อรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต.) จำนวน 946 คัน วงเงิน กว่า 2,459 ล้านบาท แต่ต้องใช้เวลาในการจัดหา ขณะที่ปัจจุบัน มีแคร่สินค้าประมาณกว่า 1,000 คัน จะมีการปรับการบริหารจัดการจัดตารางการเดินรถที่มีคอขวดให้มีศักยภาพในการขนส่งเพิ่มขึ้น

รายงานข่าวเปิดเผยว่า สำหรับที่ดินที่มีมูลค่าเกิน 500 ล้านบาท ที่ SRTA มีการศึกษาและเตรียมเสนอรฟท. ขอเช่าพัฒนา ได้แก่ 1. บริเวณพหลโยธิน (แปลงหัวมุมอตก.) 2. บริเวณบางซื่อ แปลง A 3. บริเวณบางซื่อ แปลง C 4. บริเวณบางซื่อ แปลง E 5. บริเวณบางซื่อ แปลง G 6. บริเวณสถานีศิลาอาสน์ 7. สนามกอล์ฟหัวหินและโรงแรมกอล์ฟอิน หัวหิน 8. บริเวณสถานีหาดใหญ่ แปลง B 9. บริเวณสถานีแม่น้ำ 10. บริเวณย่านมักกะสัน แปลง C
นายอนันต์กล่าวอีกว่า ในการประชุม บอร์ด รฟท . เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2568 ที่ผ่านมา ได้มีมติมีมติเห็นชอบรายชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (อสท.) เพิ่มเติม อีก 4 คน หลังจากที่มีกรรมการ SRTA พ้นตำแหน่งเนื่องจากการลาออกและครบวาระ ทำให้เหลือกรรมการเพียง 3 คน โดยก่อนหน้านี้มีผู้แทนกระทรวงคมนาคม ผู้แทนกระทรวงการคลัง ที่บอร์ดรฟท.เคยเห็นชอบไปแล้ว หลังจากนี้เป็นขั้นตอน SRTA เรียประชุมผู้ถือหุ้นภายในเดือนพ.ย. นี้ และเลือกประธานบอร์ด SRTA ต่อไป

@“บ้านเพื่อคนไทย”เลื่อนจับฉลาก รอออกแบบเสร็จต้นปี 69
นายอนันต์กล่าวถึง โครงการ”บ้านเพื่อคนไทย”ว่า ขณะนี้ SRTA อยู่ระหว่าง ศึกษาออกแบบรายละเอียด และจัดทำรายงาน EIA ใช้เวลา 6 เดือน คาดว่าจะแล้วเสร็จในต้นปี 2569 ส่วนที่กำหรดโครงการนำร่อง 4 พื้นที่แรก โดยให้ประชาชนลงทะเบียนตรวจสอบคุณสมบัติไว้แล้ว และกำหนดว่าจะมีการจับฉลาก ในเดือนพ.ย. 2568 คงต้องเลื่อนออกไปก่อนจนกว่าการออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จ เพราะจะเห็นความชัดเจน ทั้งโครงสร้างของแบบและจำนวนห้อง และเกี่ยวข้องกับวงเงินในการลงทุนทั้งหมด จากนั้นจะประกาศเรื่องการจับฉลากต่อไป
“งบลงทุนบ้านเพื่อคนไทยทาง SRTA ใช้การบริหารทางการเงิน มาลงทุน ไม่ได้กระทบเงินลงทุนของรฟท.และแม้จะเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่โครงการจะยังเดินหน้าเพราะเป็นโครงการที่ประชาชนได้ประโยชน์ และมีการใช้ที่ดินรถไฟได้คุ้มค่า มีการศึกษาไปแล้ว เพียงแต่ รอการออกแบบละเอียดเพื่อดูตัวเลขการลงทุนจริง และประเด็นความคุ้มค่าในการลงทุนของ SRTA จากเดิมที่คาดการณ์ตัวเลขไว้”นายอนันต์กล่าว
@ตั้งบอร์ด SRTA ใหม่ “ไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล”คัมแบ็ก
รายงานข่าวแจ้งว่า รายชื่อกรรมการ SRTA ที่บอร์ดรฟท.เห็นชอบ
ได้แก่ 1. นายชวเจตน์ สุนทรวิทย์ กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง 2. นายกษิดิศ อัชนันท์​ กรรมการอิสระ 3. นายนิทัศน์ มณีศิลาสันต์ กรรมการอิสระ 4. นางสาวไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 5. นายรณัชย์ ประทุมสุวรรณ กรรมการอิสระ

https://mgronline.com/business/detail/9680000109530
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 218, 219, 220
Page 220 of 220

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©