Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311918
ทั่วไป:13582395
ทั้งหมด:13894313
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ไปลำปาง ดูทางทำใหม่ กับ 101
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ไปลำปาง ดูทางทำใหม่ กับ 101
Goto page 1, 2, 3  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ทริปตะลอนทัวร์สไตล์รถไฟไทยดอทคอม
View previous topic :: View next topic  
Author Message
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 30/03/2006
Posts: 3642
Location: Thailand

PostPosted: 14/07/2006 11:40 pm    Post subject: ไปลำปาง ดูทางทำใหม่ กับ 101 Reply with quote

ความจริงการเดินทางในครั้งนี้ ผมเดินทางมาหลายวันแล้ว แต่เห็นว่าไม่มีสมาชิกคนใด นำภาพเส้นทางสายเหนือช่วง ศิลาอาสน์ - ปางต้นผึ้ง ที่เพิ่งซ่อมแซมใหม่มาให้ชม ประกอบกับมีความเห็นว่า การได้ชมรีวิว นั้น ก็รู้สึกเหมือนว่าได้เที่ยวมาด้วยเหมือนกัน เลยขออนุญาตนำมาเสนอสมาชิกทุกท่านครับ

ตามที่เมื่อประมาณวันที่ 22 พฤษภาคม 2549 ได้มีเหตุน้ำท่วมทางรถไฟ สายเหนือ อย่างหนัก จนทำให้ทางรถไฟบางช่วงเสียหายมาก รางขาด ไม้หมอนกระจายกลาดเกลื่อน ตอม่อสะพานโยก ทำให้การรถไฟ ต้องประกาศหยุดเดือนรถทุกขบวน ในช่วงสถานี ศิลาอาสน์ - เด่นชัย และหยุดเดินรถขบวนด่วนพืเศษนครพิงค์ 1,2 ด่วนพิเศษ 13,14 ด่วน 51,52 ส่วน 9, 10 , 11, 12 จัดให้มีเดินปกติ แต่ช่วงสถานี อุตรดิตถ์ - เด่นชัย นั้น จะเปลี่ยนมานั่ง รถยนต์โดยสาร แทน ส่วนขบวนรถ 101, 102 , 107 , 108, 109 , 110, 111, 108 และ 112 จัดให้เดิน เฉพาะ กรุงเทพ - อุตรดิตถ์ - ศิลาอาสน์ เท่านั้น ซึ่งเรื่องดังกล่าว สมาชิกหลายท่านน่าจะได้ทราบข่าวนี้มาแล้ว

โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น เดิมได้มีการประมาณการเบื้องต้นว่า น่าจะต้องใช้ระยะเวลาซ่อมแซมเส้นทาง ประมาณ 2 - 3 วัน แต่ จากการที่ การรถไฟ ได้ไปตรวจสอบเส้นทางและความเสียหาย แล้ว ปรากฎว่า ต้องใช้เวลามากกว่านั้น อย่างแน่นอน จึงได้มีการเลื่อนการเปิดใช้เส้นทางออกไปอีกเรื่อยๆ พร้อมกับระดมเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อมาซ่อมแซม เพื่อให้เส้นทางสายเศรษฐกิจเส้นนี้กลับมาใช้งานโดยเร็วที่สุด
จนกระทั่งในวันที่ 12 มิถุนายน 2548 ขบวนรถสายเหนือ เที่ยวไป ทุกขบวน จึงได้เริ่มเดินทางได้ตามปกติ จากกรุงเทพ จนถึง เชียงใหม่ แล้ว

แน่นอนครับว่า เรื่องนี้ อยู่ในความสนใจของผมโดยตลอด เพราะจากการติดตามข่าว เห็นว่า ทางเสียหายอย่างมากๆ คันทางหายไปเลย ดังนั้น ผมจึงเกิดความสนใจว่า ทางที่ซ่อมแซมหรือเหมือนว่าสร้างขึ้นมาใหม่นั้น จะเป็นยังไง

พอทราบข่าวว่า รถไฟสามารถไปถึงเชียงใหม่ได้ในวันที่ 12 มิถุนายน 2549 ผมก็ดีใจ และเช็คเวลางาน พบว่า วันที่ 13 มิถุนายน ว่างเวร และไม่มีงานใดรีบเร่ง จึงนำตารางเดินรถ ( เก่า ) มากางดู พบว่าหากนั่ง ข. 101 ไป แล้วลงที่ลำปาง จะพอมีเวลาเล็กน้อยเผื่อรถช้าด้วย และสามารถ นั่ง ข. 2 กลับ กรุงเทพ ได้ และ เมื่อ ข. 2 กลับมาถึงตอนเช้า ตอนสายๆ วันนั้น ก็สามารถกลับไปทำงานได้ เมื่อคิดได้ดังนั้น ก็ตั้งเวลาปลุก ที่ 05.30 น. ครับ แต่ปรากฎว่า เช้าวันที่ 13 มิถุนายน 49 ตื่นสายไปหน่อย ประมาณ 05.45 น. เลยต้องอาบน้ำ แต่งตัวอย่างเร็วรี่ ขึ้นแท็กซี่มาที่ สถานีสามเสน 06.00 น. รถยังไม่มาครับ แต่ไปซื้อตั๋วขากลับก่อนดีกว่า แต่ช่องจำหน่ายตั๋วล่วงหน้ายังไม่เปิด จึงต้องซื้อที่ช่องตั๋วเดินทางวันนี้

" ซื้อตั๋ว นครพิงค์ ลำปาง - กรุงเทพ ชั้น 2 เตียงล่าง 1 ที่ วันที่ 13 มิถุนา ครับ " เจ้าหน้าที่ขาย อะไรนะ วันที่ 13 ก็วันนี้นะ " ครับพี่ " แกงงไปนานเหมือนกัน ก่อนจะคีย์ข้อมูลและส่งตั๋วมาให้ผม

Click on the image for full size

จากนั้น ผมก็นั่งรถแท็กซี่ต่อครับ มาที่ สถานีบางซื่อ และซื้อตั๋ว 101 บางซื่อ - นครลำปาง จากนั้นก็รอ

ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมผมไม่ซื้อตั๋ว 101 ที่ สามเสน และขึ้น 101 ที่นี่ คงพอเดาออกครับ Razz


Last edited by CENTENNIAL on 14/07/2006 11:48 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
KTTA-50-L
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 02/04/2006
Posts: 4367
Location: Freight Division , SRT

PostPosted: 14/07/2006 11:47 pm    Post subject: Reply with quote

เป็นผมผมก็งงเหมือนกันนะพี่ เหอๆๆ ถามพี่ผมที่เป็นเสมียนอยู่ลพบุรี พี่ผมแกก็อึ้งเล็กน้อย 8) เล่นซื้อ นครลำปาง - กรุงเทพ วันซะวันนั้นเลย ทั้งๆที่ยังอยู่ กทม. Laughing ขบวน กรอก 2 กด tab เลือกต้นทาง นครลำปาง กด tab เลือกปลายทาง กรุงเทพ กด tab เลือกเตียงล่าง กด page down 2 ดอก ปรืดๆพิมพ์ตั๋ว Laughing

Last edited by KTTA-50-L on 16/07/2006 3:13 am; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message MSN Messenger
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 30/03/2006
Posts: 3642
Location: Thailand

PostPosted: 15/07/2006 12:42 am    Post subject: Reply with quote

ครับ เป็นอย่างนี้ หลายครั้งเหมือนกัน ที่พี่เจ้าหน้าที่ขายตั๋วถึงกับงง เฮ้อ งานผมเวลามันไม่ค่อยแน่นอนครับ บทจะว่างก็ว่าง แต่บางทีนอนๆ อยู่ หรือไปเที่ยวชายทะเล ระยอง ก็ถูกเรียกตัวกลับด่วน ก็มีมาแล้ว Wink

บอกเหตุผลเลยดีกว่าครับว่า หากผมดันซื้อตั๋ว 101 สามเสน - นครลำปาง กับเจ้าหน้าที่คนเดิมอีก ผมก็กลัวแกจะงงไปอีกนาน รวมแล้วเป็นงง 2 นาน ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี Laughing Laughing

จากนั้น ข. 101 ก็เข้ามาเทียบ ที่บางซื่อ ในเวลา 06.23 หัวจักร GEA 45XX ตัดหัวออกแล้วแล่นออกไป มาได้ลุงคนเก่า อัลสธอม คนเดิม เบอร์ 4223 มาประจำการแทน พร้อมกับ รถในขบวนวันนี้ มีเพียง 9 คัน เท่านั้นครับ 1บพห.+ 4บชส.+ 1บกข.+1บชท.+2บชท. รวมเป็น 9 คัน 2 คันท้าย ตัดศิลาอาสน์ เวลา 06.32 จึงได้เวลาเดินทาง
ผมก็เดินหาที่นั่งครับ และคงไม่มีที่ใด จะดีไปกว่าตู้สุดท้าย จึงเดินไป และขออนุญาต พี่พนักงานห้ามล้อ นั่งอยู่ที่ตู้สุดท้ายก่อน เพราะอยากถ่ายภาพ แกก็ไม่ว่าอะไร
รถแล่นมาเรื่อยๆ บรรยากาศดีครับ แดดจ้า ท้องฟ้าใส ไม่มีทีท่าว่าฝนจะตกเลย

ขบวนรถก็แล่นเกาะตาม เวลามาเรื่อยๆ จนมาถึงอยุธยาเวลา 07.38 และตามเวลาต้องออก 07.44 ต้องจอดรอเวลาครับ นึกถึงแล้ว หากสามารถออกก่อนเวลาได้ สงสัยว่ารถบางขบวนเช่น ด่วนแดวูทั้งหลาย อาจจะถึงก่อนเวลาเป็น ชั่วโมง ก็อาจเป็นได้
แต่แค่ตรงเวลาได้ ก็โอเคแล้วครับ

มาถึงบ้านภาชี 08.02 แต่ต้องออก 08.10 ต้องรอเวลาอีกแล้วครับ
มาถึงลพบุรี 08.48 ต้องออก 08.59 รอเวลาออกอีกแล้ว เฮ้อ นับแล้ว ต้องรอเวลาออกตั้ง 30 นาทีได้ และเนื่องจากทราบในกฎเรื่องนี้ดี ผมจึงลงมาถ่ายภาพดีกว่า
Click on the image for full size
ลิงลพบุรีครับ นักถ่ายทุกคนแทบไม่พลาด
มาดูขบวนรถ 101 ในมุมด้านหลังบ้างครับ
Click on the image for full size
ท้องฟ้าใส ไม่มีวี่แววของฝนเลย
ได้มานั่งรถไฟทีไร ผมจะรู้สึก สุขใจทุกที กับธรรรมชาติดีๆ ที่ นั่งรถยนต์ไม่เคยรู้สึกได้เลย


Last edited by CENTENNIAL on 16/07/2006 8:20 am; edited 2 times in total
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 30/03/2006
Posts: 3642
Location: Thailand

PostPosted: 15/07/2006 1:38 am    Post subject: Reply with quote

พอได้เวลาออก 08.59 ผมก็รีบขึ้นมานั่งบนรถ จากนี้ไป ตั้งแต่ กม. ที่ 132 ของสถานีลพบุรี ไปแล้ว จะเริ่มเป็นทางเดี่ยว ซึ่งจะว่าไปแล้ว หากเป็นทางคู่ คงทำให้รถแล่นได้สะดวกและเร็วกว่านี้ขึ้นเยอะ แต่ทางเดี่ยวก็มีเสน่ห์นะ และทุกครั้งที่รถผ่านสถานีลพบุรี มาแล้ว ผมจะรู้สึกอยากนั่งทางด้านขวาของรถทุกครั้งเลย ที่เป็นเช่นนั้น เพราะผมต้องการจะดูว่า สัญญาณไฟ ด้านหน้าจะเป็นยังไง จะไฟแดง หรือเขียว หรือส้ม หรือส้ม และยังมีไฟเรียงเป็นแถวด้วย ไหม ลุ้นดีครับ ดีกว่า ปล่อยเวลาไปเปล่า
ปรากฎว่า ยังไม่ทันไปถึงไหน แค่สถานีแรก ไฟส้ม ก็นำมาก่อน รถก็ค่อยๆ ลดความเร็วลงแล้ว ตามด้วยไฟแดง อีก ต้องจอดตามระเบียบ ( จริงๆ ) รู้ทันทีว่า ต้องมีการหลีกที่สถานีท่าแค แน่ๆ แต่ขบวนเราจะรอหรือไม่ ต้องรอดูไฟก่อน
ปรากฎว่า ไฟส้มขึ้น พร้อมกับ ไฟดวงเล็ก เรียงเป็นตับในแนวเฉียงขึ้น แสดงว่า เข้ารางหลีกแน่นอน เฮ้อ
ถึง สถานีท่าแค 09.05 และต้องรอ ๆ ๆ
สถานีท่าแค นั้น เป็นสถานีรถไฟในเขตตำบลท่าแค อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี
ส่วนประวัติความเป็นมา ที่มาชื่อ ท่าแคได้ นั้น กล่าวคือ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ช่วง ปลายรัชกาลที่ 1 นครเวียงจันทร์ได้พ่ายศึก พ่อขุนทิพย์ชาวนครเวียงจันทร์ได้พาราษฎรกลุ่มหนึ่งหนีออกจากนครเวียงจันทร์ข้ามแม่น้ำโขงสู่ประเทศไทย เข้าเขตภาคอีสาน และได้ย้ายเข้าเขตภาคกลางเรื่อยลงมาจนถึงจังหวัดลพบุรีและได้มองเห็นที่ดินแห่งหนึ่งเป็นที่สูงเหมาะที่จะตั้งเมืองได้ จึงพากันตัดต้นแคออกแล้วพากันสร้างบ้านตรงนั้นและตั้งชื่อว่า "บ้านโคกแค" ในบ้านโคกแคนี้ มีต้นแคใหญ่ต้นหนึ่งเรียกว่า แคทราย อยู่บริเวณท่าน้ำซึ่งเป็นท่าจอดเรือ บรรดาชาวเรือทั้งหลายจะนำเรือมาพักร่มอยู่ใต้ต้นแคนี้เป็นประจำ ในขณะเดียวกันประชาชนที่จะคอยลงเรือเดินทางไปมาจะมาพักร่มอยู่ใต้ต้นแคใหญ่นี้ นอกจากนี้เวลามีประเพณีต่างๆ พ่อขุนทิพย์ก็จะพาราษฎรมาจัดงานประเพณีบริเวณต้นแคใหญ่เสมอมา ด้วยเหตุนี้ พ่อขุนทิพย์จึงเห็นว่าต้นแคใหญ่นี้มีบุญคุณต่อราษฎรของท่านจึงพากันทำบุญและประกอบพิธีตั้งชื่อบ้านใหม่ว่า "บ้านท่าแค" จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้

ท่าแคยังเป็นตำบลซึ่งเป็นที่ตั้งของ กองพลทหารปืนใหญ่ รักษาพระองค์ด้วย shoot

รออยู่นาน 2 นาน ในที่สุด ขบวนรถที่เดินสวนทางมา ก็มาถึงท่าแค เป็น ข. 212 ตะพานหิน - พหลโยธิน
Click on the image for full size

ภาพมืดไปครับ เพราะเงารถบังอยู่ แต่ก็พอจะเห็นว่า อัลสธอมได้พ่วงพหุ กันมา 2 คัน ด้วย โดยไม่ทันจะสังเกตเสียงเครื่องยนต์ว่า ทำงานทั้ง 2 คัน หรือไม่ เพราะ 212 มาถึงท่าแค และจอดประมาณ 1 นาที ก็เดินทางไปทันที ส่วนผมมัวแต่เล็งมุมถ่ายภาพอยู่ครับ
จนกระทั่ง 09.11 รถจึงได้ออกจากท่าแคอีกครั้ง
ขบวนรถก็แล่นไปเรื่อย ผมก็เพลิดเพลินกับการชมวิวไปเรื่อยเช่นกัน ตอนนี้ สายตาของผมจะเริ่มหันมามองทางด้านซ้ายบ้าง เพื่อมองหาภูเขาก่อนถึงสถานีบ้านหมี่
Click on the image for full size
ซึ่งภูเขานี้ นับเป็นภูเขาที่เอื้อประโยชน์คณูปการแก่การรถไฟ เพราะเป็นแหล่งหินถมรางสำหรับเส้นทางสายเหนือ หรือ BALLAST ในภาษาอังกฤษ ครับ ความหมายชัดเจน
รถมาถึงสถานีบ้านหมี่ 09.30 น. และจอดอยู่ 1 นาที ก็ออกเดินทางต่อ แต่เมื่อรถเคลื่อนออกจากสถานี จนรถคันสุดท้ายผ่านหน้าสถานีไปประมาณ 50 เมตร ก็ต้องจอดอีกครั้ง
เพราะมีผู้โดยสาร 1 คน ยังนอนหลับอยู่ที่สถานี เลยขึ้นรถไม่ทัน ครับ แต่พอดี เจ้าหน้าที่สถานีเห็นก็เลยมาปลุก และยกธงแดง ทันที รถจึงต้องหยุด แกก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบ มาขึ้นรถคันท้าย และมานั่งในล็อคเดียวกับที่ผมนั่งอยู่ จึงได้คุยกัน ได้ความว่า แกจะไปลงอุตรดิตถ์ ครับ จึงได้ถามลึกไปอีกนิดว่า ทำไมถึงนั่งรถไฟ ได้คำตอบว่า ราคาไม่แพง และสะดวกกว่า รถยนต์ เนืองจากแกมาทำงานก่อสร้างที่บ้านหมี่ หากจะขึ้นรถยนต์ประจำทาง กลับอุตรดิตถ์ จะไปขึ้นที่ไหน รถสายอะไรยังไม่รู้เลย
คงจะจริงมั้งครับ รถไฟยังเป็นพาหนะ ที่ดี สำหรับหลายๆ คน เสมอ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ประวัติท่าแค จาก http://www.thaitambon.com/ มีอะไรๆ ที่น่าสนใจในนี้ เยอะเลยครับ


Last edited by CENTENNIAL on 15/07/2006 1:49 am; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
KTTA-50-L
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 02/04/2006
Posts: 4367
Location: Freight Division , SRT

PostPosted: 15/07/2006 1:43 am    Post subject: Reply with quote

ประวัติตำบลท่าแค คุ้นๆนะครับ ไทยตำบลดอทคอมหรือเปล่าหว่า Click on the image for full size

ว่าแต่แอบมา ไม่ยอมบอกกันเลยนะครับ จะได้ส่งเสบียงให้ 8)
Back to top
View user's profile Send private message MSN Messenger
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 30/03/2006
Posts: 3642
Location: Thailand

PostPosted: 15/07/2006 1:47 am    Post subject: Reply with quote

KTTA-50-L wrote:
ประวัติตำบลท่าแค คุ้นๆนะครับ ไทยตำบลดอทคอมหรือเปล่าหว่า Click on the image for full size

ว่าแต่แอบมา ไม่ยอมบอกกันเลยนะครับ จะได้ส่งเสบียงให้ 8)


ใช่แล้วครับ ลืมเขียนที่มาที่ไป ต้องให้เครดิตเขาด้วยนะ Very Happy Very Happy


เรื่องเสบียงนั้น โอกาสหน้า จะใช้บริการแน่นอนครับ
ส่วนในครั้งนี้ แฟนก็ยังไม่รู้เลย แถมโทรศัพท์ก็ยังไม่พร้อมด้วย แบตเหลือขีดเดียว slap
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 30/03/2006
Posts: 3642
Location: Thailand

PostPosted: 15/07/2006 3:14 am    Post subject: Reply with quote

สุดท้าย รถขบวน 101 ได้ออกจากบ้านหมี่ จริงๆ ก็ 09.32 ช้าไป 6 นาที แล้ว รู้สึกเสียดายเวลาที่ต้องมาจอดรอเวลาเฉยๆ เกือบ 30 นาที จริงๆ
หลังจากที่ผมได้พูดคุย กับ น้าผู้ชาย ที่มานั่งข้างๆ ซึ่ง ได้ความอีกว่า ไม่ว่าแกจะไปไหน จะต้องเลือกนั่งรถไฟเสมอ จากนั้น แกก็เริ่ม ไปเฝ้าพระอินทร์ อีกครั้ง หลังจากที่หลับซะเพลินจนกระทั่งเจ้าหน้าที่สถานีบ้านหมี่มาปลุก แต่สงสัยพระอินทร์ อาจยังไม่มา แกจึงใช้หัวโขกกับฝารถไปหลายครั้ง เพื่อให้สัญญาณเรียกพระอินทร์ก็ได้ wall
และดูเหมือนแกจะไม่เจ็บนะ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็แล้วแต่แกเถอะ แต่เมื่อถึง อุตรดิตถ์แล้ว ผมจะปลุกเองครับ
ปรากฎว่า ถัดจากบ้านหมี่มา ได้ไฟส้มอีกแล้ว และมาเจอไฟส้มที่ 2 พร้อมไฟเรียงเป็นตับ เข้าทางหลีกเป็นครั้งที่ 2 ที่สถานีห้วยแก้ว รถยิ่งช้าอยู่แล้ว ต้องมาช้าเพิ่มอีก ขบวนรถก็ค่อยๆ ไหลเข้าราง 2 แล้วก็จอดสนิท ในเวลา 09.38 น.
สถานีห้วยแก้ว อยู่ใน ต. สายห้วยแก้ว อ. บ้านหมี่ จ. ลพบุรี

Click on the image for full size

จอดอยู่ในรางหลีก ประมาณ 4 นาที ขบวน 110 เชียงใหม่ - กรุงเทพ ก็แล่นสวนทางมาในทางประธาน ทำขบวนมาด้วยลุง อัลสธอม 4201 จากนั้น 09.43 นายสถานีห้วยแก้วก็ให้สัญญาณไฟเขียว และโบกธงเขียว ขบวน 101 จึงออกจากสถานีห้วยแก้ว มุ่งหน้าขึ้นเหนือต่อไป
ออกจาก สถานีห้วยแก้วไม่ไกล นัก เจอป้ายเขียว พร้อมกับ ต. 40 ติดไว้ แสดงว่า ในเส้นทางด้านหน้า รถจะต้องถูกจำกัดความเร็ว เหลือเพียง 40 กม./ชม. ซึ่งไม่รู้ว่าจะจำกัดเป็นระยะทางเท่าใด ซึ่งต่อมา ก็เจอป้ายเขียว 40 และไม่ได้บอกระยะทางไว้ หมายความว่า จะสิ้นสุดการจำกัดเมื่อใด ก็จะมีป้าย ปกติ ติดไว้นั่นเอง
ป้าย 40 กินระยะทางไกลพอสมควรเลยครับ จนเกือบจะถึงสถานีจันเสน ถึงได้เจอป้ายปกติ ซึ่งแบบนี้ รถจะต้องช้าเพิ่มขึ้นอีกแน่ๆ ซึ่งต่อมาในเวลา 09.58 มาถึงสถานีช่องแค ซึ่งเป็นเขต อ. ตาคลี จ. นครสวรรค์ แล้ว สายตาด้านซ้ายสังเกตเห็นรถสินค้า ขบวนหนึ่ง จอดรอในรางที่ 2 มาทางด้านซ้ายจากทางประธาน ขบวนนี้ ทำขบวนมาด้วย ปู่ GEK ผู้ยิ่งใหญ่ ในขบวนรถมีรถพ่วง ต.ญ. และ บ.ต.ญ. เยอะแยะมากมายเลยครับ นับไม่ถ้วนว่ามีกี่คัน ทั้งในขบวนยังมี รถ บขน. หรือ รถโบกี้ข้างต่ำสำหรับบรรทุกยานขนาดหนัก ( Bogie Heavy Flat Wagon BFH.) มาด้วยครับ จำนวนหลายคัน พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ครบครัน shoot
รถแล่นเร็ว เพราะไม่ได้จอดช่องแค เลยถ่ายภาพได้ไม่ทันครับ แล้วรถก็มาจอดอีกครั้งที่ สถานีบ้านตาคลี ในเวลา 10.06 น. ซึ่งเป็นสถานีประจำ อำเภอตาคลี จังหวัด นครสวรรค์
และที่ตาคลีนี้ ยังเป็นบ้านของเครื่องบินขับไล่ที่มีสมรรถภาพดีที่สุดของประเทศ หรือ F16 นั่น เอง ซึ่งประจำการอยู่ที่ กองบิน 4 ต.ตาคลี อ.ตาคลี ครับ หากบางครั้งเรานั่งรถไฟผ่านแถบนี้ อาจได้ยินเสียงเครื่องบินขับไล่ กำลังซ้อมบินอยู่ เห็นแล้วก็น่าอิจฉาในเรื่องความเร็วของมันครับ เพราะว่าหากทำความเร็วสูงสุดแล้ว จากดอนเมือง มาตาคลี จะใช้เวลาประมาณ 10 นาที เท่านั้น Shocked Shocked เทียบกับ 101 ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่เครื่องบินก็ใช้พลังงานมหาศาลครับ บินครั้งนึง เอาน้ำมันมาเติมหัวรถจักรได้หลายวันเลย
ที่สถานีบ้านตาคลีนี้ ได้หลีกกับ รถอีกขบวน ซึ่ง เป็น ขบวน 202 พิษณุโลก - พหลโยธิน ทำขบวนด้วย อัลสธอม 4105
Click on the image for full size

ภาพมืดเหมือนเดิม เพราะมันเป็นเงาของรถไฟ ประกอบกับแดดแรงจ้า สรุปก็คือ มุมถ่ายมันไม่ดี แต่ทำไงได้ ล่ะ เพราะหากจะลงไปถ่ายมุมดีๆ ก็กลัวจะขึ้นรถไม่ทัน เพราะมีอีกขบวนคั่นกลางอยู่ กว่าขบวนที่คั่นจะผ่านจนหมด สงสัย 101 ก็ผ่านบ้านตาคลีไปไกลแล้วเช่นกัน
จนกระทั่ง 10.08 น. รถจึงได้เคลือนตัว อีกครั้ง ช้าจากเวลามา 13 นาทีแล้ว
ผมมีโควต้า ให้ช้าได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ไม่งั้นแย่แน่ เพราะจะทำให้ขึ้น ข. 2 ไม่ทัน ที่ลำปาง Mad
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
Gunnersaurus
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 29/03/2006
Posts: 1574
Location: เมืองช้าง

PostPosted: 15/07/2006 8:17 am    Post subject: Reply with quote

คุณเอ็มโชคดีจริงๆ ที่ได้เจอท้องฟ้าใสๆ อย่างนี้ ผมไม่ได้เจอท้องฟ้าสีนี้มานานมากแล้ว ช่วงนี้ฝนชุกกล้องผมไม่ค่อยถูกกับสภาพแสงน้อยๆ ภาพที่ออกมาค่อนข้างมืดสนิททำให้ต้องงดออกไปหาที่ถ่ายรูปโดยปริยาย

เครื่อง F - 16 นี้เคยทำให้สมัยเด็กเคยฝันอยากไปสอบเข้าโรงเรียนนายเรืออากาศ แต่แม่ผมกลัวเครื่องบินตกประกอบกับเคยอยู่บ้านใกล้โรงพักก็เลยไล่ผมไปสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยสามพราน ด้วยความที่มีความฉลาดและความขยันเป็นเลิศผลคือ สอบตก งานนี้โดนด่ากระจายไปหลายเพลาเลยทีเดียวเชียวครับ

ขอบคุณคุณเอ็มครับที่เอาเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟัง

bike
Back to top
View user's profile Send private message
tongchit
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 28/03/2006
Posts: 1164
Location: ทับยาว เขต.ลาดกระบัง

PostPosted: 15/07/2006 9:08 am    Post subject: Reply with quote

Quote:
แต่สงสัยพระอินทร์ อาจยังไม่มา แกจึงใช้หัวโขกกับฝารถไปหลายครั้ง เพื่อให้สัญญาณเรียกพระอินทร์ก็ได้ wall
และดูเหมือนแกจะไม่เจ็บนะ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็แล้วแต่แกเถอะ แต่เมื่อถึง อุตรดิตถ์แล้ว ผมจะปลุกเองครับ

น้องเอ็ม บรรยายแบบมองเห็นภาพเลย วันที่ไปอากาศร้อนมากหรือเปล่าครับ เห็นแดดดีจังเลย Razz
Back to top
View user's profile Send private message
black_express
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006
Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ

PostPosted: 15/07/2006 11:21 am    Post subject: Reply with quote

เหอๆๆๆ กะว่าจะไปเก็บภาพหลังน้ำท่วมตอนปลายเดือนนี้ ต้องรอดูคุณเอ็มบอกเล่าเก้าสิบไปก่อนล่ะครับ ก่อนวางแผนไปเก็บภาพมาเสริมอีกที Laughing

ไปกับ ข.101 ต้องทำใจเรื่องแดดครับ กว่าจะเข้าที่เข้าทางต้องช่วงบ่าย เลยนครสวรรค์นั่นแหละ ถึงจะได้มุมแสงสวยๆ มั่ง

บ้านหมี่ ไม่มีรถประจำทางมาอุตรดิตถ์หรอกครับ ต้องไปรอขึ้น นครชัยแอร์ ระยอง - เชียงใหม่ หรือ พัทยา - แม่สาย ที่ อ.โคกสำโรง โน่น... แต่เห็นคุณเอ็มบอกว่าลุงแกไม่รู้ว่าไปยังไง ? มายังไง ? แล้ว ขึ้นรถไฟ ดีที่สุด Very Happy

แต่ถึงขั้นนอนรอรถจนนายสถานีเข้ามาปลุกล่ะก็ อาการน่าเป็นห่วงซะแล้ว Smile
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ทริปตะลอนทัวร์สไตล์รถไฟไทยดอทคอม All times are GMT + 7 Hours
Goto page 1, 2, 3  Next
Page 1 of 3

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©