ของฝากจาก Switzerland, 2007

[tuie]

โรงแรมที่ผมพักอยู่ติดกับย่านสถานีรถไฟลูเซินเลยครับ แต่ย่านสถานีนี้กว้างใหญ่มากหากเดินจากโรงแรมไปบริเวณอาคารสถานีก็ประมาณ ๕๐๐-๖๐๐ เมตร เชียวละครับ



ด้านหน้าโรงแรมติดถนน ส่วนด้านหลังติดกับย่านสถานีเลย เสียดายที่ห้องพักของผมอยู่ด้านติดถนน ไม่อย่างนั้นคงแทบไม่ได้หลับได้นอนแน่ ไม่ใช่ว่ารถไฟสวิสเสียงดังรบกวนการนอนนะครับ รถไฟของเขาออกจะเงียบมากๆ แต่ต้องมีเด็กโค่งแถวๆนี้ตื่นมาคอยดูรถไฟน่ะครับ



บรรยากาศริมทะเลสาบลูเซินยามเช้า พออากาศเริ่มจะดีอีกครั้งก็ถึงวันเดินทางกลับบ้านเราแล้วละครับ



บริเวณสวนสาธารณะซึ่งอยู่ริมทะเลสาบลูเซินใกล้ๆโรงแรมครับ

[tuie]

ข้างๆโรงแรมมีสะพานจากริมทะเลสาบลูเซินข้ามถนนและย่านสถานีไปเชื่อมต่อกับอาคารสถานีลูเซิน ขึ้นไปเดินเล่นกันบนสะพานนี้กันดีกว่าครับ



มองไปฝั่งตรงข้ามก็มีสะพานอีกแนวหนึ่งทอดตัวเป็นเหมือนกับสามเหลี่ยม มีอาคารสถานีอยู่ตรงยอดบน ส่วนอาคารโรงแรมเป็นเหมือนฐานสามเหลี่ยม



รางในย่านมีเยอะมาก ไม่ได้ลงมือนับอย่างละเอียด กะประมาณว่าน่าจะเกิน ๒๐-๓๐ นะครับ(ไม่นับรางที่ชานชาลาอีก ๑๔ ราง)



มองไปตามทางเดินสุดแนวสะพานนี้ เป็นทางเข้าอาคารสถานีลูเซินครับ

[tuie]

เล็งมองรถที่จอดอยู่ในย่าน มีที่น่าสนใจ เช่น รถที่มีเครนติดตั้งอยู่ ส่วนปลายดูเหมือนจะเป็นกระเช้านะครับ



มีโครงประธานพร้อมแคร่รถบรรทุกจอดอยู่หลายคัน แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นโครงประธานของรถบรรทุกประเภทใดครับ



ผมเดินข้ามสะพานลอยมาอีกด้านหนึ่ง สุดทางเลยอาคารโรงแรมไปอีกนิด เห็นมีรถบรรทุกหินจอดอยู่สามคัน คันสุดท้ายจอดชิดยันติดแป้นปะทะตามเคย



ขอพ่วงรถบรรทุกหินของ SBB มีรูปแบบเดียวกับของพ่วงรถโดยสาร(ส่วนใหญ่)ครับ



ปีนเนินด้านหลังแป้นปะทะขึ้นไปถ่ายภาพอีกสักภาพ แต่ความสูงไม่พอเลยไม่เห็นส่วนรองรับหินที่บรรทุกครับ

[tuie]

ก่อนจะเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ซูริค มีเวลาเดินเที่ยวแถวๆเมืองเก่าอีกเล็กน้อย ได้แวะชมอนุสาวรีย์สิงโตเศร้าครับ (Leowendenkmal)



อนุสาวรีย์นี้แกะสลักจากหน้าผาหินเป็นรูปสิงโตถูกคมหอกแทงด้วยความเจ็บปวด เพื่อเป็นการรำลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญ และความซื่อสัตย์ของทหารชาวสวิสที่ทำหน้าที่ถวายการอารักขาพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๖ แห่งฝรั่งเศส แล้วถูกประชาชนผู้โกรธแค้นพระเจ้าหลุยส์ฯฆ่าตายทั้งหมดในการปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ. ๑๗๘๙ โดยทหารชาวสวิสไม่มีโอกาสได้ต่อสู้ หรือตอบโต้ประชาชนเพราะปฏิบัติตามคำสั่งของพระเจ้าหลุยส์ฯอย่างเคร่งครัด



ระหว่างเดินชมเมืองเห็นรถประจำทางไฟฟ้าจอดริมทางเท้าในระยะห่างจากแนวสายไฟฟ้ามากพอสมควร สังเกตได้จากแนวแขนรับไฟฟ้าด้านบนหลังคาที่เฉียงออกไปมากครับ



มีเก้าอี้พักผ่อนทำด้วยกระดาษตั้งแสดงหน้าร้านเฟอร์นิเจอร์ด้วยครับ

[tuie]

[tuie]

ค้นภาพสะพานไม้ Kapellbrucke แบบดั้งเดิมอายุ ๖๐๐ ปีเศษ ซึ่งถ่ายไว้เมื่อปี ๒๕๓๔ มาได้แล้วครับ



สะพานไม้ดั้งเดิมนี้ไม่มีดอกไม้ประดับสวยงามแบบสะพานไม้ที่สร้างใหม่นะครับ แต่รูปลักษณ์ดูเหมือนกันมาก

[black_express]

แรกสุดที่ผมเห็นภาพสะพานไม้แห่งนี้ ตัดจากปฏิทิน ติดในร้านตัดผมขาประจำสมัยเด็กๆ ยังทึ่งอยู่ในใจว่า มีสะพานสวยๆ ข้ามแม่น้ำที่สวิสเซอร์แลนด์ด้วยแฮะ

แล้วมาเห็นข่าวว่าสะพานไม้แห่งนี้ถูกไฟไหม้เสียหายเกือบหมด ยังคิดว่า คงรื้อทิ้งไปหมดแล้ว

ภาพถ่ายจาก อ.ตุ้ยนี่แหละครับ ที่ยืนยันว่า ชาวเมืองลูเซิร์น และประเทศสวิสเซอร์แลนด์ คงทุ่มเททั้งกำลังกาย กำลังใจบูรณะขึ้นมาใหม่ จนแทบมองไม่ออกว่าเป็นสะพานใหม่ แถมประดับดอกไม้สวยๆ ด้วยสิ

ขอบคุณ อ.ตุ้ย มากๆ ครับ สำหรับภาพสวยๆ ของสะพานไม้แห่งนี้ และก็มีโอกาสไปสัมผัสเผื่อพวกเราด้วยตั้งสองหนแน่ะ

[tuie]

ผมก็ชอบสะพานไม้ Kapellbrucke เหมือนกันครับพี่ตึ๋ง ยิ่งพอทราบสาเหตุที่สะพานถูกเพลิงไหม้แล้วยิ่งรู้สึกเสียดายเข้าไปใหญ่ กล่าวคือ ในคืนวันเกิดเหตุนั้น มีคนสูบบุหรี่เดินข้ามสะพานแล้วทิ้งก้นบุหรี่ซึ่งยังติดไฟอยู่ลงไปในแม่น้ำ แต่ไปหล่นโดนหลังคาผ้าใบของเรือลำหนึ่งที่จอดอยู่ใต้สะพานไม้ เป็นเหตุให้ไฟไหม้เรือและลามมาที่สะพานไม้อย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่นาทีสะพานไม้เก่าแก่ก็เป็นอันวอดวายไปเกือบหมด แต่ผมไม่ทราบข้อมูลว่าทางการสวิสสามารถติดตามจับตัวผู้ก่อเหตุกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้มาดำเนินคดีได้หรือไม่นะครับ

ทราบว่าพอชาวสวิสโดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่ที่เห็นสะพานนี้มาตั้งแต่เกิดทราบข่าว ก็ถึงกับร้องไห้เสียดายกันเป็นแถวๆ ปัจจุบันเลยมีการคุมเข้มเรื่องการจอดเรือ การห้ามสูบบุหรี่บริเวณสะพานแล้วครับ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

รีบเดิน “ทำเวลา” มาเก็บภาพด้านหน้าอาคารสถานีลูเซินต่อครับ กลางภาพเป็นทางลงไป Rail City ซึ่งนำชมไปแล้ว



ซุ้มประตูทางเข้าอาคารสถานีลูเซินหลังเดิมก็ยังได้รับการอนุรักษ์ไว้ โดยตั้งแสดงอยู่ด้านหน้าอาคารสถานีอาคารปัจจุบัน นาฬิกาที่อยู่ช่วงกลางซุ้มประตูนี้ยังใช้ได้ และเดินเที่ยงตรงสมกับเป็นนาฬิกาสวิสอยู่นะครับ



ด้านบนสุดของซุ้มประตูฯมีประติมากรรม ดูเหมือนจะเป็นเทพเจ้านั่งอยู่บนล้อมีปีก แต่ล้อนั้นยังคงตั้งอยู่บนราง มีคน หรือเทพ(ไม่แน่ใจนะครับ)กำลังบำรุงทางอยู่สองข้างทางรถไฟซึ่งไม่น่าจะกว้างถึง ๑.๔๓๕ เมตร

[tuie]

มีภาพเก่าซุ้มประตูทางเข้าอาคารสถานีลูเซินหลังเดิมที่ถ่ายไว้เมื่อปี ๒๕๓๔ มาฝากหนึ่งภาพครับ



เห็นซุ้มประตูทรงโค้งแบบนี้แล้วอดนึกถึงอาคารสถานีกรุงเทพ(หัวลำโพง)ไม่ได้นะครับ และก็ต้องไม่ลืมนึกถึงอาคารต้นแบบของหัวลำโพง นั่นก็คือ อาคารสถานีรถไฟแฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมนี พอดีมีภาพด้านหน้าสถานีแฟรงเฟิร์ตที่ถ่ายไว้เมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน เลยขอนำมาให้ชมด้วยครับ



ดูๆไปเหมือนเอาหัวลำโพงหลายๆอาคารมาตั้งต่อๆกันเลยนะครับ ซุ้มประตูที่อยู่ตรงกลางมีนาฬิกาและป้ายสัญลักษณ์การรถไฟแห่งสหพันธรัฐเยอรมนี (DB) ติดอยู่



ถ้ามีโอกาสได้ไปแฟรงเฟิร์ตคราวหน้า(ไม่รู้เมื่อใด) จะถ่ายภาพสถานีนี้มาให้ชมกันใหม่นะครับ

[black_express]

เสียดายนะครับ ที่อาคารสถานีกรุงเทพ สั้นไปหน่อย น่าจะต่อความยาวอีกสักเท่าหนึ่ง และมีสองอาคาร รับรองได้ว่า โก้หรูแน่นอน