View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Gunnersaurus
1st Class Pass (Air)
Joined: 29/03/2006 Posts: 1574
Location: เมืองช้าง
|
Posted: 14/11/2007 11:04 pm Post subject: |
|
|
ตอนทำงานที่ศรีสะเกษอยู่บ้านพักแล้วกลัวผีอ่ะครับ เลยได้พรหมพิมานนี่แหละเป็นที่ซุกหัวนอนหลายๆ คืน
รอรับชมต่อครับ |
|
Back to top |
|
|
iammai
3rd Class Pass
Joined: 03/07/2006 Posts: 50
Location: Sisaket & Ubon Rajathanee
|
Posted: 15/11/2007 12:00 am Post subject: |
|
|
แค่เริ่มวันแรกไม่ถึงครึ่งวันก็ลุยขนาดนี้แล้ว ถึงว่าพี่เต้ยอยากนอนพักตอนบ่ายๆ
รอติดตามชมตลอดครับ กำลังสนุกเลย ได้ทั้งสาระและความรู้ ขนาดผมอยู่ที่นี่ยังไม่รู้เท่าพี่เลย
สุดท้าย...ฝากโปรโมทร้านด้วยนะครับพี่ ! อิอิ |
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 15/11/2007 7:06 am Post subject: |
|
|
Gunnersaurus wrote: | ตอนทำงานที่ศรีสะเกษอยู่บ้านพักแล้วกลัวผีอ่ะครับ เลยได้พรหมพิมานนี่แหละเป็นที่ซุกหัวนอนหลายๆ คืน
รอรับชมต่อครับ |
ขอบคุณครับพี่แจน เดี๋ยวจะพาไปรื้อฟื้นความหลังตามร้านอาหารที่พี่แจนแนะนำมาครับ
iammai wrote: | แค่เริ่มวันแรกไม่ถึงครึ่งวันก็ลุยขนาดนี้แล้ว ถึงว่าพี่เต้ยอยากนอนพักตอนบ่ายๆ
รอติดตามชมตลอดครับ กำลังสนุกเลย ได้ทั้งสาระและความรู้ ขนาดผมอยู่ที่นี่ยังไม่รู้เท่าพี่เลย
สุดท้าย...ฝากโปรโมทร้านด้วยนะครับพี่ ! อิอิ |
พี่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากมายอย่างที่น้องใหม่ว่ามาหรอกครับ ส่วนเรื่องที่ร้านอันนี้ก็ต้องแล้วแต่ผู้รับสื่อล่ะครับ ว่าจะคล้อยตามมาแค่ไหน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Edit wrote: | พอเข้าไปที่โรงแรมผมยังไม่ได้นอนพักครับ แค่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ออกมาที่นี่ครับ " สะพานข้ามห้วยสำราญ " |
ครั้งที่แล้วที่มาสำรวจกับพี่อ้น Nai_SapaN เป็นช่วงบ่าย รูปที่ถ่ายออกมาจากมุมนี้ก็เลยย้อนแสงหน่อย ๆ กลับมาอีกครั้งผมก็เลยคิดว่าจะต้องมาถึงที่สะพานนี้ก่อนเที่ยงครับ แต่วันนั้นฟ้าก็ไม่สวยอีก เฮ้อ... เยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าพอหอมปากหอมคอแล้วก็คงต้องถึงเวลาลากันสักที ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้มีโอกาสเดินกลับมาที่นี่อีกครั้ง จาก " สะพานข้ามห้วยสำราญ " ผมก็เดินมาตามทางรถไฟครับ พอมาถึงบริเวณจุดตัดถนนหลักเมือง เครื่องกั้นถนนก็ทำงาน ให้มันได้อย่างนี้ เดินไปเดินมาอยู่ที่สะพานตั้งนานไม่มา
11.04 น. รถจักรดีเซลไฟฟ้า Hitachi หมายเลข 4519 ทำ ขบวนรถเร็วที่ 143 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีอุบลราชธานี ผ่านมาครับ
Hitachi 4519 คันนี้เป็น Hitachi คันที่ 3 ที่เจอในทริปนี้แล้วล่ะครับ ดีจริง ๆ เลย _________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
Last edited by ExtendeD on 15/11/2007 7:36 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
iammai
3rd Class Pass
Joined: 03/07/2006 Posts: 50
Location: Sisaket & Ubon Rajathanee
|
Posted: 15/11/2007 7:34 am Post subject: |
|
|
เ่อ่อ...พี่เต้ยครับ
รูปสะพานใน Reply ด้านบน คือสะพานข้ามห้วยสำราญไม่ใช่เหรอครับ
สะพานนี้แหล่ะครับพี่ ตอนผมยังดื้อๆ อยู่ ไปกระโดดน้ำเล่นกับเพื่อนบ่อยๆ ตอนโดดลงนะเสียว
แต่พอถึงผิวน้ำ...จุกเลยครับ
Last edited by iammai on 15/11/2007 8:21 am; edited 3 times in total |
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 15/11/2007 7:49 am Post subject: |
|
|
iammai wrote: | เอ่อ...พี่เต้ยครับ
รูปสะพานใน Reply ด้านบน คือสะพานข้ามห้วยสำราญไม่ใช่เหรอครับ |
สับสนเล็กน้อยครับน้องใหม่ สะพานหน้าตาเหมือนกัน แถมแถวนั้นมีหลายห้วยก็เลยสับสนครับ แก้ไขตามนั้นแล้วครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พอขบวนที่ 143 ผ่านไป ผมก็เดินมาตามถนนหลักเมืองครับ มาจนถึงสี่แยกที่ตัดกับถนนเทพา บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของ " ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง " ครับ
เสาหลักเมืองศรีสะเกษที่อยู่ในวิหาร
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของ " ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง " แห่งนี้ผมไปหาเจอใน thai-tour.com ครับ
thai-tour.com wrote: | " ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง " ตั้งอยู่ที่สี่แยกถนนเทพาตัดกับถนนหลักเมือง ห่างจากศาลากลางจังหวัดเพียงเล็กน้อย เดิมมีสภาพชำรุดทรุดโทรมไม่เหมาะแก่การประกอบพิธีกรรม ต่อมาในปี พ.ศ. 2529 ทางจังหวัดจึงได้ก่อสร้างศาลหลักเมืองขึ้นใหม่ ลักษณะเป็นแบบจตุรมุข ประดับด้วยหินอ่อนและกระจกสีอย่างงดงามเสาหลักเมืองทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ ลักษณะเสาหัวเม็ดทรงมัณฑ์ นับเป็นศาลหลักเมืองที่สวยงามแห่งหนึ่งในประเทศไทย |
จากข้อมูลที่พี่แจน ( Gunnersaurus ) ได้ให้เอาไว้ในกระทู้ " พาชมสถานีรถไฟศรีสะเกษและสะพานข้ามห้วยสำราญ " ช่วงเวลาใกล้เที่ยงแบบนี้ก็คงต้องไปฝากท้องที่ " ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดเพิ่มผล " หรือ " ร้านข้าวมันไก่ฟาร์มทอง " ล่ะครับ
จากบริเวณด้านหน้าศาลหลักเมือง ถ้าเดินไปตามถนนเทพาก็จะมาถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดเพิ่มผลก่อนครับ คงถูกใจเจ้าตี๋ที่ชอบกินก๋วยเตี๋ยวมากเป็นพิเศษ ส่วนผมจะร้านไหนก็ได้ ขอแค่ไม่ใช่เนื้อวัว กับเครื่องใน ก็พอ อย่ารอช้าครับ เพราะหิวมากแล้ว เดินเข้าไปในร้านกันเลย ช่วงที่ไปถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดนี้ก็คือเวลาประมาณ 11.25 น. ยังไม่ถึงช่วงมื้อเที่ยง ก็เลยยังไม่ค่อยได้เห็นลูกค้ามากนัก
มื้อนั้นผมสั่งบะหมี่น้ำชามนี้มากินครับ
รสชาติอร่อยมาก ๆ เลยครับ โดยเฉพาะน้ำซุปผมกินแบบไม่ต้องปรุงเลยครับ ตอนแรกผมคิดว่าจะกินอย่างอื่นต่อ แต่เปลี่ยนใจแล้วครับ สั่งบะหมี่น้ำมาเบิ้ลอีกชาม ส่วนเจ้าตี๋ก็ซัดไป 2 เหมือนกันครับ อร่อยสมกับที่พี่แจนแนะนำเลย นึกถึงแล้วหิวอีกแล้วเนี่ย _________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
Last edited by ExtendeD on 15/11/2007 9:32 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 15/11/2007 8:37 am Post subject: |
|
|
กินอิ่มแล้วคราวนี้ก็ออกเดินกันต่อครับ จากร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดเพิ่มผล เดินไปตามถนนเทพา ไม่ไกลก็เจอ " ร้านข้าวมันไก่ฟาร์มทอง " ครับ แต่ผมกับเจ้าตี๋อิ่มแล้วล่ะครับ ก็เลยคิดเอาไว้ว่าพรุ่งนี้ก่อนเดินทางออกจากศรีสะเกษจะลองแวะมาชิม
เดินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงสี่แยกที่ถนนเทพาตัดกับถนนขุขันธ์ ผมเดินเลี้ยวขวาไปตามถนนขุขันธ์ ไม่ไกลนักก็จะมาถึง " วัดมหาพุทธาราม " ครับ
website ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลเอาไว้ว่า
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย wrote: | " วัดมหาพุทธาราม " ตั้งอยู่ใจกลางเมืองศรีสะเกษ มีวิหารซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองและเป็นที่เคารพสักการะของชาวศรีสะเกษ " หลวงพ่อโต " เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางมารวิชัย มีความสูงจากฐานถึงยอดเกศ 6.85 เมตร หน้าตักกว้าง 3.50 เมตร |
ได้รู้ข้อมูลคร่าว ๆ ของ " วัดมหาพุทธาราม " กันไปแล้ว ก็เดินเข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ เท่าที่ผมเห็นข้างในบริเวณวัดนี้ร่มรื่นมากเลยครับ มีการปลูกต้นไม้ใหญ่ ๆ หลายต้นเลย เดินไปตามทางเดินเรื่อย ๆ ก็จะถึงวิหารหลวงพ่อโตครับ
วิหารแห่งนี้มีประตู 2 ชั้นครับ องค์หลวงพ่อโต ที่เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ตามข้อมูลที่ได้จาก website ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นั้นจะประดิษฐานอยู่ด้านในสุดครับ
หลังจากกราบหลวงพ่อโตแล้ว ผ่านประตูชั้นในออกมาก็เจอกับเจ้าสิ่งนี้ครับ
ตอนที่ผมเดินออกมานั้น เห็นว่ามีพี่ชายกับพี่สาวคู่หนึ่งกำลังนั่งแล้วใช้มือลูบ ๆ ปุ่มนูน ๆ ตรงกลางอยู่ ผมก็เลยคิดว่าสงสัยคงจะเป็นความเชื่อว่าถ้าอยากได้ลูกให้ใช้มือลูบ ๆ ถู ๆ แต่พอพี่ ๆ เขาเดินออกมาผมก็เลยเข้าไปถาม ความที่ได้จากพี่ ๆ เขาไม่เหมือนกับที่ผมเดาเลยครับ ส่วนความเชื่อเกี่ยวกับการลูบ ๆ ถู ๆ นี้ให้พี่ ๆ น้อง ๆ เจ้าถิ่นอย่างพี่แจน ( Gunnersaurus ) หรือน้องใหม่ ( iammai ) มาเล่าดีกว่าครับ เพราะคงให้รายละเอียดได้ถูกต้อง และละเอียดมากกว่าผม
ผมลองให้เจ้าตี๋ไปลองลูบ ๆ ถู ๆ อย่างที่พี่ ๆ เขาทำเมื่อสักครู่นี้ ผลปรากฏว่า...
_________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
iammai
3rd Class Pass
Joined: 03/07/2006 Posts: 50
Location: Sisaket & Ubon Rajathanee
|
Posted: 15/11/2007 8:55 am Post subject: |
|
|
ขออนุญาตปาดหน้าขบวนนิดนะครับ...
สิ่งที่พี่เต้ยเห็นเค้าลูบๆ คลำๆ นั้น เรียกว่า"ฆ้อง"ครับ ซึ่งฆ้องลักษณะนี้มีกระจายอยู่ทั่วไปตามวัดต่างๆ ในจังหวัดศรีสะเกษ(แต่ไม่มีทุกวัดนะครับ เป็นบางส่วนเท่านั้น) ส่วนมีที่มาจากไหน ยังไงนั้นผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน (แล้วผมจะไปถามหลวงปู่ให้ครับ)
โดยให้เราอธิษฐานขอพรอะไรก็ได้ เสร็จแล้วให้เราเอามือไปลูบบริเวณส่วนนูนๆ ตรงกลางของฆ้องดังในรูปที่พี่เต้ยถ่ายมานั่นแหล่ะครับ ถ้าเราลูบไปเรื่อยๆ แล้วฆ้องเกิดเสียงดังกังวานขึ้นมาเรื่อยๆ และจะดังขึ้นเรื่อยๆ (จนหนวกหู) แสดงว่าสิ่งที่เราขอไปนั้นมีโอกาสเป็นจริงตามที่ขอ แต่ถ้าไม่ดัง...ความหมายก็ตรงกันข้ามครับ (ใช้มือลูบอย่างเดียวนะครับ ห้ามทุบหรือเคาะ !)
ทั้งนี้ทั้งนั้น มันขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคลครับ...
ส่วนตัวผม... ครั้งแรกไม่มีเสียงครับ แต่หลังจากนั้นก็ตั้งจิตอธิษฐานใหม่ ที่นี่ดังเลยครับ |
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 15/11/2007 9:44 am Post subject: |
|
|
ออกจากประตู " วัดมหาพุทธาราม " มาทางอีกด้านหนึ่งครับ ใกล้ ๆ กับประตูวัดผมเห็นมีป้ายเขียนเอาไว้ ( แล้วผมแกะลายมือตัวเองจากกระดาษที่จดบันทึกไว้ไม่ผิด ) ว่า " วงกลมพระนางศรีษะผม " มีลูกศรชี้ออกมานอกประตูวัด พอเดินตามมาก็เห็นวงเวียนนี้ครับ
ตอนนี้ผมกลับมายืนอยู่บนถนนที่อยู่ข้างหน้าสถานีรถไฟแล้วครับ หันไปทางขวาก็เจอ " วงกลมพระนางศรีษะผม " ถ้าหันไปทางซ้ายก็จะเจอ " สถานีศรีสะเกษ " อ้าว วันนั้นเปิดน้ำพุด้วยครับ
สถานีศรีสะเกษ ในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ ( ปลายทางสถานีอุบลราชธานี )
เป็นสถานีระดับที่ 1 อักษรย่อ เก. รหัสสถานี 2273
ตั้งอยู่ในตำบลเมืองเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ
ระยะทางจากสถานีกรุงเทพ 515.09 กิโลเมตร
ระบบสัญญาณที่ใช้ : ประแจกลเดี่ยว ( ประแจมือ ) พร้อมสัญญาณหางปลา ข. *
* อ้างอิงจาก file station_northeast.pdf ที่ download มาจาก http://portal.rotfaithai.com
รายละเอียดเกี่ยวกับตำบลเมืองเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ สามารถหาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaitambon.com
มาดูแผนที่จาก Pointasia กันสักหน่อย ไม่ค่อยชัดนะครับ เพราะมีกลุ่มเมฆบังอยู่เยอะเลย " สถานีศรีสะเกษ " นั้นจะอยู่กลางเมืองศรีสะเกษเลยครับ ห่างออกไปทางทิศตะวันตกประมาณ 938 เมตร เป็นที่ตั้งของ " สะพานข้ามห้วยสำราญ "
ข้อมูลทั่วไป และข้อมูลการท่องเที่ยวของจังหวัดศรีสะเกษ สามารถหาเพิ่มเติมได้จาก
1. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
2. สำนักงานจังหวัดศรีสะเกษ
3. thaitambon.com
4. moohin.com
5. thai-tour.com
6. relaxzy.com
7. lakkai.com
8. hamanan.com _________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 15/11/2007 10:42 am Post subject: |
|
|
มาถึงที่ " สถานีศรีสะเกษ " อีกครั้ง ผมก็อยากจะไปเก็บตกเพิ่มเติมจากเมื่อครั้งที่ปีที่แล้วได้มาเดินเล่นที่นี่ แต่คงไม่ไหวครับ เดินไปหาวไปทุก ๆ 10 - 20 เมตรเลย ก็เลยขอกลับไปนอนพักที่โรงแรมก่อนดีกว่า
17.00 น. เสียงโทรศัพท์มือถือที่ตั้งเป็นนาฬิกาปลุกเอาไว้ดังขึ้น ก็ได้เวลาล้างหน้าล้างตาออกไปหาดีเซลมื้อเย็นเทลงถังน้ำมันแล้วล่ะครับ ตื่นมาก็หาเรื่องกินเลยว่าอย่างนั้นเถอะ เย็นวันนั้นผมนัดกับน้องใหม่ ( iammai ) เอาไว้ตั้งแต่ก่อนออกเดินทางครับ ว่าจะแวะไปลองชิมอาหารที่ร้านสักหน่อย จากโรงแรมพรหมพิมานไปที่ร้านน้องใหม่ จริง ๆ แล้วก็ไม่ไกล แต่ก็ไม่ใกล้ นั่งมอเตอร์ไซค์วินหน้าโรงแรมไปดีกว่าครับ ราคาไม่แพงด้วย แถมหาไม่ยากอีกต่างหาก ผมไปครั้งแรกยังไม่หลงเลย เดี๋ยวน้องใหม่คงจะมาแนะนำสถานที่ตั้งของร้านครับ
ตอนผมไปถึงน้องใหม่ก็ยืนอยู่หน้าร้านใส่เสื้อยืดสีดำ ยี่ห้อ RFT ใหม่เอี่ยม ผมเองก็ใส่เสื้อคอโปโล RFT ไป ถึงจะเป็นการเจอหน้ากันครั้งแรก ก็ไม่ต้องแนะนำตัวอะไรมากมายครับ เลือดสีเดียวกันอยู่แล้ว คุณพ่อกับคุณแม่ของน้องใหม่ก็อยู่ที่หน้าร้านด้วยครับ ต้อนรับผมอย่างอบอุ่นมากเลยทีเดียว ก้าวแรกที่เดินเข้าไปในร้านก็รู้สึกแปลกตาครับ เพราะผนังทั้ง 2 ฝั่งของร้านเป็นชั้นวางม้วน VDO นับร้อย ๆ ม้วนเลยครับ ระหว่างที่นั่งรอก๋วยเตี๋ยวอยู่ผมก็ลองมองไล่ดูม้วน VDO ที่อยู่ที่ร้านน้องใหม่ดู ไม่ได้เห็นหลายปีแล้วครับ ม้วน VDO แบบนี้ น่าเสียดายที่ผมไม่ได้เก็บภาพบรรยากาศภายในร้านติดกล้องมาด้วย
แต่มาดูอาหารจานเด็ดที่ร้านน้องใหม่ดีกว่าครับ จานแรกเป็นสุดยอดเมนูที่คุณแม่ของน้องใหม่บอกว่าใครไปใครมาก็ต้องสั่ง นั่นคือ " ก๋วยเตี๋ยวน่องไก่ตุ๋นยาจีน " ครับ ชามนี้บะหมี่น้ำเป็นของเจ้าตี๋ครับ
ผมเห็นเจ้าตี๋กินก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นยาจีนไปแล้ว ผมก็เลยสั่ง " เส้นเล็กน้ำลูกชิ้นหมู " ชามที่เห็นนี้มาครับ รสชาติไม่เป็นรองก๋วยเตี๋ยวไก่ของเจ้าตี๋หรอกครับ ลูกชิ้นตั้ง 8 ลูกแบบนี้ไปหาที่ไหนได้
พอผมกินชามแรกเสร็จคุณแม่ของน้องใหม่ก็ทำบะหมี่น่องไก่ตุ๋นยาจีนให้ผมอีก 1 ชาม เพราะผมยังไม่ได้ลองเมนูเด็ดนี้เลย เนื้อไก่นุ่ม ๆ ตุ๋นจนแทบไม่ต้องเคี้ยวเลยครับ น้ำซุปก็อร่อย ไม่ได้มาอวยคนกันเองหรืออะไรหรอกนะครับ ต้องมาลองกินเองถึงจะรู้ เห็นน้องใหม่เล่าว่าน้องปาล์มก็เคยพาสาวมากินแล้วด้วยนี่นา งานนี้มีแฉครับ
นอกจากก๋วยเตี๋ยวรสเด็ดแล้วยังมีอีก 1 เมนูที่ผมได้ลองชิมในเย็นวันนั้นครับ นั่นก็คือ " หมูสะเต๊ะ " นั่นเอง คุณแม่ของน้องใหม่บอกว่า หมูสะเต๊ะของที่ร้านจะมีทั้งหมูติดมันหน่อย ๆ ( ไม้ที่เห็นอยู่ทางซ้าย ) กับแบบเนื้อล้วน ๆ ( ไม้ที่เห็นวางอยู่ทางขวา ) แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็อร่อยครับ เพราะหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ กลับมาถึงที่บ้านพอ ส.แขวง เห็นรูปนี้ยังบอกว่าน่ากินกว่าหมูสะเต๊ะแถวบ้านผมเยอะเลยครับ พูดถึงแล้วหิว
ผมนั่งกินก๋วยเตี๋ยว แล้วก็นั่งคุยอยู่ที่ร้านของน้องใหม่ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งครับ คุณแม่ของน้องใหม่ก็ใจดีเป็นเจ้าภาพเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวผมอีก มื้อนั้นผมกินอิ่มแบบที่ไม่เสียเงินสักบาทเลยครับ ขอบคุณครอบครัวของน้องใหม่จริง ๆ ที่ต้อนรับผมกับเจ้าตี๋เป็นอย่างดี ขอบคุณครับ พี่ ๆ น้อง ๆ ถ้ามีโอกาสได้แวะไปที่ศรีสะเกษ ลองแวะมากินก๋วยเตี๋ยว กับหมูสะเต๊ะที่ร้านน้องใหม่ เป็นมื้อเย็นก่อนออกท่องราตรีก็ได้นะครับ ส่วนผมถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ศรีสะเกษอีก ก็จะไปแวะไปที่ร้านน้องใหม่อีกแน่ ๆ ครับ คราวนี้คงไปในฐานะลูกค้าคนหนึ่ง ไปกินฟรีบ่อย ๆ คงไม่ดี
ตอนจะกลับโรงแรมน้องใหม่ก็อาสาขี่มอเตอร์ไซค์มาส่ง แต่ก่อนหน้านั้นก็ไม่ลืมที่จะแวะซื้อ ไอติมร้าน " กุ้งไอศกรีม " ที่ก่อนหน้านี้ทั้งพี่แจน น้องปาล์ม และน้องใหม่เคยชมว่าอร่อยนักอร่อยหนามาลองชิม หน้าตาของไอติมร้านนี้ก็เป็นแบบนี้ครับ
ไอติมที่ร้านนี้มี ไอติมกะทิ ไอติมสตอเบอรี่ ไอติมช็อกโกแลต แต่วันนั้นช็อกโกแลตหมดครับ เจ้าตี๋ที่ไม่ชอบไอติมกะทิ ก็ดันปล่อยมุขสั่งไอติมสตอเบอรี่ไป เล่นเอาน้องใหม่เกิดความสงสัยในความแมนของเจ้าตี๋ไม่น้อย
ก็ปิดท้ายค่ำคืนนั้นด้วยไอติมกะทิจากร้านกุ้งไอศกรีมนี่ล่ะครับ ขอบคุณน้องใหม่และครอบครัวอีกครั้งที่ต้อนรับผมกับเจ้าตี๋เป็นอย่างดีครับ แล้วก็ขออภัยที่กว่าจะนำเสนอเรื่องราวของที่ร้าน ก็ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานแรมเดือนแบบนี้ครับ _________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
palm_gea
1st Class Pass (Air)
Joined: 03/07/2006 Posts: 1321
Location: ธ.ก.ส.
|
Posted: 15/11/2007 11:26 am Post subject: |
|
|
พี่เต้ยตะลอนทัวร์ wrote: | เห็นน้องใหม่เล่าว่าน้องปาล์มก็เคยพาสาวมากินแล้วด้วยนี่นา งานนี้มีแฉครับ |
แหะๆใช่ครับ ไม่ได้โฆษณานะครับ แต่เห็นแฟนผมบอกว่าร้าน" น้องใหม่ " นี่คนรู้จักทั่วศรีสะเกษเลยครับ แฟนผมเป็นขาประจำตอนเด็กๆ ไม่รู้ว่าพี่ใหม่จะจำได้รึเปล่าแก๊งค์เด็กนักกีฬาว่ายน้ำน่ะครับ แฟนผมคนศรีสะเกษครับ
ปล.เจ้าหอยโข่งสีเหลืองที่ห้วยขยุง เรียกอีกชื่อว่า" วิ๊นซ์สลิงไฟฟ้า" ก็ได้ครับ กว๊านไฟฟ้านี่เรียกแบบชาวบ้านๆน่ะครับ _________________
|
|
Back to top |
|
|
|