View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
pak_nampho
1st Class Pass (Air)
Joined: 25/06/2007 Posts: 2371
Location: คนสี่แควพลัดถิ่น ทำมาหากิน ที่เกาะภูเก็ต
|
Posted: 27/02/2008 5:05 pm Post subject: |
|
|
mahachai_drc wrote: | Rakpong wrote: |
เรียนถาม ช. ว่า ใครเป็นคน design ครับเนี่ย |
เนื่องจากรถขบวนนี้ต้องอวดสายตาชาวโลกอยู่ทุกวัน เนื่องจากตอนเช้าขบวน 4381 เข้าแม่กลองจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมาดักรอถ่ายภาพเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังออกทีวีอยู่บ่อยๆ ...ซึ่ง ส.สุวัฒน์ เห็นว่าจะรอมักกะสันมาทำคงไม่ไหวแล้ว ก็เลยตัดสินใจทำศัลยกรรมไปก่อน...งานนี้ก็ต้องขอขอบคุณ คุณพี่วิเชียร พขร.อาวุโสที่ทำหน้าที่เป็นช.ซ่อมบำรุง ผู้ควบคุมการทำศัลยกรรมตบแต่งในครั้งนี้ครับ |
ช.โกวิท...ดีครับคิดว่าแขวง ฯ อื่นคงนำวิธีการซ่อมนี้ไปเป็นแบบอย่างแน่ครับ... _________________ +++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++
....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ................... |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 27/02/2008 5:16 pm Post subject: |
|
|
KaittipsBOT wrote: | แบบว่า...รูปหล่อเอาออกมาตากแดด เมื่อแห้งแล้วเข็นไปเก็บไว้ที่รางตันนะ ขอรับ........ |
เหมือนจริงๆ เหมือนจริงๆ สงสัยนายช่างใหญ่กรมศิลปากรจะรังสรรค์ขึ้นมาเป็นแน่ |
|
Back to top |
|
|
mahachai_drc
VIP Member
Joined: 06/11/2006 Posts: 758
Location: เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์
|
Posted: 27/02/2008 6:13 pm Post subject: |
|
|
tuie wrote: | KaittipsBOT wrote: | แบบว่า...รูปหล่อเอาออกมาตากแดด เมื่อแห้งแล้วเข็นไปเก็บไว้ที่รางตันนะ ขอรับ........ |
เหมือนจริงๆ เหมือนจริงๆ สงสัยนายช่างใหญ่กรมศิลปากรจะรังสรรค์ขึ้นมาเป็นแน่ |
แล้วจะนำไปตั้งไว้ที่ไหนล่ะครับ... |
|
Back to top |
|
|
therock
1st Class Pass (Air)
Joined: 25/09/2007 Posts: 1575
Location: อดีตเด็กมหาชัย
|
Posted: 27/02/2008 6:16 pm Post subject: |
|
|
anusorn wrote: |
ต่อข้อซักถามที่ว่า ทำไมถึงไม่เอา RTS ไปวิ่งที่อื่น อยากจะให้แนวคิดดังนี้ครับว่า นานมาแล้วจนถึงปัจจุบัน รถรุ่นนี้ได้ถูกปรับปรุงให้ไม่มีห้องน้ำสำหรับผู้โดยสารทุกคันไปแล้ว เพื่อเพิ่มที่นั่ง จึงไม่เหมาะสมที่จะนำไปวิ่งทางไกล เนื่องจากผู้โดยสารจะไม่ได้รับความสะดวกสบาย จึงวิ่งได้แค่ช่วงสั้นๆ ประมาณไม่ควรจะเกิน 2 ชั่วโมง
ส่วนเรื่องของความเร็วรถ 70 km/h นั้นไม่น่าเป็นปัญหาเท่าไรเพราะบางสายก็ยังถูกจำกัดความเร็วไว้ที่ประมาณ 60-70 km/h แต่ปัญหาหลักคือรถรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ Cummins NHH220B1 6 สูบ 220 แรงม้าที่ปัจจุบัน รฟท.ไม่ได้ใช้งานแล้ว น่าจะมีปัญหาในเรื่องการจัดหาอะหลั่ยแน่นอน และข้อสำคัญคือไม่สามารถดัดแปลงติดตั้งเครื่องยนต์ 235 แรงม้าที่ใช้กับ THN/NKF ได้ เนื่องจากลักษณะตำแหน่ง การจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ใต้ท้องรถต่างกัน ทั้งยังมีระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์ที่อยู่ใต้ท้องรถอีก และชุดเกียร์ที่อัตราทดต่างกับ NKF และประการสุดท้ายโครงประธานมันเป็นเหล็ก ไม่ใช่สเตนเลส เพราะฉนั้นถ้าจะนำมาวิ่งต้องน่าจะซ่อมแซมวาระหนักโครงประธานแน่นอน |
ไม่มีห้องน้ำแล้วหรือครับเพราะเดิมจะมีห้องน้ำเฉพาะรถกำลังเท่านั้นรถบรรทุกจะไม่มีห้องน้ำเลยเหมือนกับTHN/NKFทุกประการในเรื่องห้องน้ำ |
|
Back to top |
|
|
tong_sanam
1st Class Pass (Air)
Joined: 15/05/2007 Posts: 1550
Location: พิกัดที่ 385.593
|
Posted: 27/02/2008 10:01 pm Post subject: |
|
|
เสื้อของ พี่ ช. ห่าน สวยดีครับ
"หัวรถจักรในเงามืด" _________________
"ที่นี่สถานีชุมทางสนามชัยเขต
ท่านที่จะเดินทางไป จันทบุรี ตราด
โปรดข้ามไปรอการโดยสารในชานชาลาที่ 2"
|
|
Back to top |
|
|
anusorn
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/09/2006 Posts: 1642
Location: มณฑลอาคเนย์
|
Posted: 27/02/2008 11:41 pm Post subject: |
|
|
therock wrote: |
ไม่มีห้องน้ำแล้วหรือครับเพราะเดิมจะมีห้องน้ำเฉพาะรถกำลังเท่านั้นรถบรรทุกจะไม่มีห้องน้ำเลยเหมือนกับTHN/NKFทุกประการในเรื่องห้องน้ำ |
เดิมทีนั้นถ้าดูผิวเผิน RTS จะดูเหมือนว่ามีอยู่แค่ 2 แบบคือรถกำลังและรถพ่วงที่มีห้องสัมพาระ แต่จริงๆ แล้วเฉพาะรถกำลังนั้นยังแบ่งตามลักษณะภายในได้อีก 2 แบบคือ รถกำลังที่มีห้องทำงานสำหรับ พรร. แต่ไม่มีห้องน้ำ และรถกำลังที่มีห้องน้ำ แต่ไม่มีห้องทำงาน พรร. ซึ่งการพ่วงชุดรถที่ถูกต้อง ใน ชุดจะมี 3 คัน คันละ 1 แบบคือ
รถกำลังที่มีห้องทำงานสำหรับ พรร. แต่ไม่มีห้องน้ำ + รถพ่วงที่มีห้องสัมพาระ + รถกำลังที่มีห้องน้ำ แต่ไม่มีห้องทำงาน พรร.
แต่ภายหลังได้ถูกดัดแปลงนำห้องน้ำออกไปและเพิ่มเบาะนั่งขึ้นมาอีกหนึ่งชุด ซึ่งคาดว่าคงเป็นเพราะวิ่งสายมหาชัยที่ใช้เวลาเพียง 50 นาทีจึงไม่ค่อยมีความจำเป็นสักเท่าไรครับ |
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 28/02/2008 12:03 pm Post subject: |
|
|
แวะมาหยอดก่อนรับประทานอาหารกลางวันกันครับ หลังจากที่ชาวคณะแอ็คชั่นบนรถถ่อ คนละ 2-3 ท่า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็กระจายตัวกันออกไปเดินเล่น ตามอัธยาศัย โดยกลุ่มหนึ่งแวะเข้าไปนมัสการ "หลวงพ่อบ้านแหลม" ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ "วัดเพชรสมุทรวรวิหาร" หรือเรียกกันทั่ว ๆ ไปว่า "วัดบ้านแหลม" ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางตลาดแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ติดกับสถานีรถไฟแม่กลองนั่นเอง
ส่วนอีกกลุ่มนึง นำโดย ช.ห่าน ผม และอาจารย์อนุสรณ์ เดินลัดเลาะเข้าไปตลาด เพื่อชมสวนสัตว์น้ำ หรือ ตลาดสด โดย ช.ห่าน มีวัตถุประสงค์หลัก ในการตามล่าหาปลาทูแม่กลอง ที่ร้านประจำ เพื่อนำกลับมาทำเป็นอาหารเย็นที่บ้าน ส่วนผมเนื่องจากไม่ค่อยได้ทำกับข้าว ก็เลยได้แต่มองดูอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งเท่าที่เห็นในตลาด ก็มีผู้คน เดินเลือกซื้อลาทูแม่กลอง อย่างมากหน้าหลายตาเลยทีเดียว โดยปลาทูแม่กลองของแท้นั้น ต้องเป็นประเภทที่เขาเรียกกันว่า "หน้างอ คอหัก" ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น ของปลาทูแม่กลอง
ทำไม ปลาทูแม่กลองถึงต้องหน้างอ และคอหัก แล้วทำไม ใครๆ ก็กล่าวกันว่า ที่นี่คือสุดยอดของปลาทู ในประเทศ ก็ลองอ่านดูจากบทความต่อไปนี้ได้ครับ ซึ่งผมคัดลอกมาจากบทความของคุณสุรจิต ชิรเวทย์ จากเว็บไซต์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
================
มารู้จักกับปลาทูแม่กลอง
================
โดย สุรจิต ชิรเวทย์
บุคลิกภาพของปลาทูแม่กลอง
คนทั้งประเทศรู้จัก ปลาทูแม่กลอง ในรูปของปลาทูนึ่งในเข่งเล็ก หน้างอ คอพับ เนื้อขุ่น มัน หอม และมีรสชาติความอร่อยอันโดดเด่น เป็นที่ยอมรับว่าเป็นสุดยอดปลาทูไทยหนึ่งเดียว เช่นเดียวกับของดีแม่กลองอื่น ๆ อาทิ ลิ้นจี่ พริก หมาก พลู และปลากัดจากบางช้าง น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลสด ชมพู่สาแหรก ส้มโอขาวใหญ่ ฯลฯ แม่ค้าขายปลาในทุกตลาดต่างก็ร้องบอกต่อลูกค้าของตนว่า ปลาทูโป๊ะแม่กลอง อันเป็นชื่อยี่ห้อ (BRAND NAME) ที่การันตีถึงคุณภาพและถิ่นกำเนิด โดยมิต้องการคำอธิบายประกอบ เหมือนเครื่องเบญจรงค์ ปิ่นสุวรรณ จากอัมพวา หรือสัญญลักษณ์ดาวสามแฉกของรถยนต์เมอร์ซิเดส เบ็นซ์ จาก เยอรมนี
ปลาทูแม่กลอง มิใช่สักแต่ว่าเป็นปลาทู ศักดิ์ศรีของปลาทูแม่กลองคือความอร่อย มิใช่ฉายาที่จะมาหลอกลวงกันได้ หรือเข้าถึงแก่นแท้โดยรสนิยมหรือความรู้อย่างผิวเผินในระดับแมวบ้าน มันย่อมมีเหตุปัจจัยมีที่มาที่ไป ปลาทูแม่กลอง ที่คนไทยต่างถิ่นรู้จักและชื่นชมนั้น มิใช่เพราะบุคลิกภาพภายนอก ที่เป็นปลาทูสั้น ท้องไม่แตก หากเป็นปลานึ่งก็อยู่ในเข่งเล็ก หน้างอ คอพับ และหากเป็นปลาทูสดตาจะดำสนิท ผิวพรรณสีสันสดใสแวววาว แต่นี่ก็เป็นแต่บุคลิกภาพภายนอก งามภายนอก ซึ่งก็ดีอยู่แต่ยังไม่เลิศ ความเลิศประเสริฐนั้น อยู่ที่ความดีงามภายใน คือ เนื้อขุ่นมัน หอม หวานด้วยตัวเอง
ธรรมชาติของอ่าวแม่กลอง
ปลาทูธรรมดาตัวหนึ่งจะกลายมาเป็นปลาทูแม่กลองได้ ก็ต่อเมื่อได้เข้ามาอยู่ในอ่าวแม่กลอง ภายในแนวน้ำชนระหว่างน้ำจืดจากปากน้ำแม่กลอง ที่พุ่งออกไปปะทะกับน้ำทะเลบริเวณก้นอ่าวในรัศมีประมาณ 25 กิโลเมตรจากชายฝั่ง ซึ่งมีความลึกเฉลี่ยไม่เกิน 15 เมตร เกิดเป็นระบบนิเวศน้ำกร่อย ปากแม่น้ำที่มีตะกอนเลน มีสารอาหาร คือ แพลงตอน ไรน้ำ อุดมในทุกอณูของหยดน้ำ ซึ่งระบบนิเวศสามน้ำหรือระบบนิเวศน้ำกร่อยนี้จะมีสารอาหารมาเติมความสมบูรณ์ให้ในช่วงน้ำหลากระหว่างเดือน 8 ถึงเดือน 11 แม่น้ำแม่กลองเป็นแม่น้ำที่มีตะกอนมากกว่าแม่น้ำทุกสายในประเทศไทย ทำให้บริเวณปากแม่น้ำเกิดเป็นดินดอนชายฝั่งมากมาย รวมทั้งดอนหอยหลอดที่มีอยู่หนึ่งเดียว เป็นทำเลเป็นสภาพทางภูมิศาสตร์จำเพาะที่ ที่ไม่มีแห่งใดเสมอเหมือน
ปลาทู และสัตว์ทะเลทุกชนิดก้นอ่าวแม่กลอง จะเปล่งศักยภาพความอร่อยขึ้นตามลำดับไม่ว่าปลา กุ้ง หอย ปู และเคยตาดำ จากปลายเดือนกันยายนไปจนสิ้นหนาวเข้าฤดูวางไข่ (ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงปลาทูวางไข่) ปลาทูสั้นเหล่านี้มิใช่ทัวริสต์นักท่องเที่ยวหากถูกความสมบูรณ์ของอาหารที่ระบบนิเวศน้ำกร่อยปากแม่น้ำสร้างสรรค์ขึ้น ดึงดูดให้เข้ามาไม่ว่าปลาทูเล็กหรือใหญ่ เมื่อได้เข้ามาอาศัยในก้นอ่าวแม่กลองเป็นช่วงเวลาหนึ่งแล้ว ได้ธาตุอาหารที่สมบูรณ์สุดขีดในช่วงนี้แล้ว ปลาทูสั้นเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนสภาพเนื้อที่ใสเป็นเส้นเป็นริ้ว ให้กลายเป็นเนื้อขุ่น มัน หอม และหวาน
วิธีการจับปลาที่ปราศจากความรุนแรง
จากนั้นเครื่องมือประมงประจำที่ ที่เรียกว่า โป๊ะ ที่บรรพชนชาวแม่กลองผู้เข้าใจธรรมะของน้ำและลม และสัญชาตญาณของปลา ผู้คำนวณทิศทางกระแสไหลของน้ำ สภาพพื้นก้นอ่าวว่าตรงไหนเป็นดอน ตรงไหนเป็นหล่ม แล้วทำการกำหนดตำแหน่ง (การโคนโป๊ะ) ที่จะวางแนวปีกโป๊ะ ทิศทางที่ปลาทูสาว และเต็มสาวทั้งหลายได้ว่ายเลาะปีกเข้ามาให้ชาวประมงจับโดยละม่อม มิใช่ละม่อมโดยตำรวจ ทำให้สามารถจับได้โดยไม่ผิดตัว และปราศจากความรุนแรงในการจับ ทำให้ปลาไม่เครียด เนื้อหวานไม่แปรเปลี่ยน
ด้วยเหตุปัจจัย อันมาประชุมกันโดยพร้อมเพรียงสามัคคีเช่นนี้ ปลาทูที่ได้เข้ามาพำนักอาศัยในอาณาบริเวณนี้ได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว จึงจะมีคุณสมบัติและรสชาติ และจึงจะใช้ชื่อและนามสกุลว่าเป็น ปลาทูแม่กลอง ได้ด้วยเหตุฉะนี้
วิธีการกินปลาทูแม่กลอง
แม้ว่าในเทศกาลหน้าหนาวทะเลจะมีคลื่นลมจัดขึ้นเพราะลมอุกาพัดจัด (ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ) ทำให้จับปลายากขึ้น และราคาปลาสูงขึ้น แต่เพื่อให้ท่านลิ้มรสปลาทูในช่วงที่อร่อยที่สุดเป็น บุญลิ้น จังหวัดและหอการค้าจึงจำต้องจัดงานเทศกาลกินปลาทูในฤดูนี้ของทุกปี และส่วนหนึ่งของงบประมาณรายจ่ายในการจัดงาน ก็ต้องตั้งให้เป็นค่าใช้จ่ายในการบนบานต่อเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรและอาม้า อันเป็นพระบิดาและเทพเจ้าที่เคารพนับถือของชาวประมง ได้โปรดดลบันดาลให้คลื่นลมสงบลงบ้าง พอให้ชาวประมง เมืองแม่กลองได้ปันเนื้อปลามาจัดงานเทศกาลกินปลาทู เพื่อรักษาชื่อเสียงของปลาทูแม่กลอง และอาหารทะเลก้นอ่าวนี้ไว้ให้ลูกหลานได้ดำรงอาชีพนี้ไว้สืบไป เราต้องตั้งอกตั้งใจถึงเพียงนี้
จึงขอให้พากันเข้าใจ และขอให้กินปลาทูแม่กลองในเทศกาลหน้าหนาวทั้งตัว ทั้งหัว ขอย้ำว่ากินทั้งตัวทั้งหัวไม่ใช่เฉพาะแต่ปลาทอด แม้ว่าเป็นปลาทูต้มก็ต้องรู้จักกินหัวด้วย โดยเคี้ยวหัวให้แหลกแล้วดูดซับความมันให้หมดจึงค่อยคาย นี่ก็คือต้องรู้ให้ครบถ้วน รู้จักจังหวะลีลาของธรรมชาติ รู้จักช่วงเวลาที่เหมาะสม รู้จักวิธีจับที่สอดคล้อง รู้จักวิธีปรุงโดยไม่ใส่เครื่องเครามากเกิน จนไปบดบังรสชาติที่แท้จริงของเนื้อปลา รู้จักวิธีการกินอย่างเข้าถึง ไม่ตกหล่น
กินอย่างรู้คุณค่า
กินปลาทูแม่กลองให้แมวอาย
|
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 28/02/2008 12:52 pm Post subject: |
|
|
เดินเล่นที่ตลาดแม่กลองได้สักพัก ก็ได้เวลาที่ขบวนรถไฟดีเซลรางที่ 4386 จะออกเดินทางจากสถานีแม่กลอง มุ่งหน้ากลับไปยังสถานีบ้านแหลม โดยจะออกจากสถานีในเวลา 15.30 น. ครับ โดยขบวนรถเที่ยวนี้ ผู้โดยสารก็ยังคงคึกคัก อีกทั้งยังมีคณะนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี เดินทางพร้อมกับรถขบวนนี้ เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศของตลาดร่มหุบ อันลือชื่อ แต่ก็ขึ้นลงแค่สถานีเดียวเท่านั้น ก็คือ ที่หยุดรถลาดใหญ่ ซึ่งที่นั่นจะมีรถตู้ของคณะทัวร์มารอรับ ดังที่อาจารย์อนุสรณ์ได้กล่าวไว้แล้วนั่นเอง
มาดูบรรยากาศบนขบวนรถในเที่ยวกลับกันครับ คึกคักดีจัง
|
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 28/02/2008 12:53 pm Post subject: |
|
|
ช.ห่าน แห่งเว็บไซต์รถไฟไทยดอท ได้มีโอกาสลงปกหนังสือโครตดัง "Low Batt" อีกแล้วครับท่าน (บก.น้ำจืด โปรดติดต่อขอรูปไปลงโดยด่วน)
|
|
Back to top |
|
|
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 28/02/2008 12:58 pm Post subject: |
|
|
ส่งท้ายกับบรรยากาศ Amazing ข้างทางรถไฟ แถวๆ "ที่หยุดรถบ้านกาหลง" กับคณะลูกสมุน ของท่านผู้ตรวจการเว็บ เจฟ ท่าเรือ .... ซึ่งเมื่อเวลารถไฟแล่นผ่าน ก็จะวิ่งกันออกมาจากป่าแสมข้างทาง เพื่อดูว่าจะมีผู้โดยสารใจดีคนไหน ที่นำหอบหิ้วถุงผลไม้ มาฝากพวกมันบ้าง ....
มากันตรึม
อิ่มไปอีกมื้อล่ะ สำหรับวันนี้
|
|
Back to top |
|
|
|