Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311913
ทั่วไป:13577438
ทั้งหมด:13889351
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - มาทำรถไฟไทยเพื่อชาติ
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

มาทำรถไฟไทยเพื่อชาติ
Goto page Previous  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Dahlia
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 17/02/2007
Posts: 1030
Location: BKK / NST

PostPosted: 15/02/2008 12:22 am    Post subject: Reply with quote

black_express wrote:
ท่านนายกสมัครน่ะ พูดง่าย แต่ทำยากชะมัดเลย เพราะลืมนึกถึงสะพานทั้งหมดบนเส้นทางด้วย


พี่ตึ๋งครับ
ผมอ่านกระทู้ในพันทิป เรื่องเปลี่ยนรางนี่.. อ่านแล้ว ด้วยความเคารพครับ
พูดง่ายแต่ทำยากมาก ถ้าจะเปลี่ยนจริงๆ เหมือนเริ่มต้นทุกอย่างใหม่หมดเลย
เพราะไม่ใช่เปลี่ยนแค่ราง แคร่ล้อ รถจักร
ที่สำคัญ เปลี่ยนแล้วความเร็วจะเพิ่มขึ้นจริงเหรอ?

ปรับปรุง บางทีก็ดีกว่า เปลี่ยนแปลง นะครับ

อยากรอดู ว่าจะเป็นรูปธรรมได้ในกี่ปี
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail MSN Messenger
therock
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 25/09/2007
Posts: 1575
Location: อดีตเด็กมหาชัย

PostPosted: 15/02/2008 12:47 am    Post subject: Reply with quote

^
ท่านขุนกัดได้ดีมากเลย emot174

++คนดูจะล้านแล้วครับ ช่วยกันกด F5 หน่อย
^
^
กดให้ตาย ก็ไม่ขึ้น เพราะไม่ใช่ Pageview Very Happy



เกิดจะมีจิตสำนึกกันอะไรตอนนี่ก็ไม่อาจทราบได้
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43722
Location: NECTEC

PostPosted: 06/03/2008 5:59 pm    Post subject: Reply with quote

จี้รัฐเร่งพัฒนาข้าวหอมมะลิส่งออก ชูร้อยเอ็ดศูนย์กลางแปรรูปส่งออก

โดย ผู้จัดการรายวัน 6 มีนาคม 2551 16:58 น.


Click on the image for full size
สถาพร มงคลศรีสวัสดิ์ ประธานหอการค้าจังหวัดร้อยเอ็ด


ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ประธานหอการค้าร้อยเอ็ด วอนรัฐบาล “สมัคร” หนุนยุทธศาสตร์ผลิต/แปรรูปข้าวหอมมะลิคุณภาพเพื่อการส่งออก” ในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ หลังราคาข้าวเปลือกหอมมะลิพุ่งถึงตันละ 13,000 บาท ชูแผนพัฒนาจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นฐานผลิตเพื่อการส่งออก ขอรัฐทุ่มงบสร้างทางรถไฟบัวใหญ่-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร หวังเป็นเส้นทางลัดส่งออกตลาดโลกที่เวียดนาม มั่นใจเกิดกระตุ้นเศรษฐกิจจังหวัดอีสานตอนกลางให้รุดหน้า

นายสถาพร มงคลศรีสวัสดิ์ ประธานหอการค้าจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผย “ผู้จัดการรายวัน” ถึงสถานการณ์การค้าข้าวหอมมะลิปี 2551 ว่า การค้าข้าวหอมมะลิในจังหวัดร้อยเอ็ดปีนี้ ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ล่าสุดราคาข้าวเปลือกหอมมะลิปรับขึ้นถึงตันละ 13,000 บาท ถือเป็นราคาสูงที่สุดของการค้าข้าวหอมมะลิ

ถือเป็นปีทองของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิในจังหวัดร้อยเอ็ดและหลายจังหวัด ในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ เนื่องจาก เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวหอมมะลิที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเกษตรกรในเขตทุ่งกุลาร้องไห้มีสัดส่วนการเพาะปลูกข้าวหอมมะลิมากกว่า 80%

ปี 50 ที่ผ่านมา สถานการณ์การค้าของไทยในตลาดโลกดีมาก ตลาดโลกต้องการสูง ทำให้ไทยสามารถส่งออกข้าวเปลือกทุกชนิดรวมกันมากกว่า 9.55 ล้านตัน หรือคิดเป็นมูลค่าส่งออกข้าวสูงถึง 134,000 ล้านบาท จากเดิมที่เคยส่งออกมากที่สุดไม่เกิน 8 ล้านตัน ส่งผลดีต่อกลไกราคารับซื้อข้าวหอมมะลิล่าสุดปรับขึ้นไปถึง 13,000 บาท/ตัน สูงกว่าราคาประกันข้าวเปลือกของรัฐที่ตั้งไว้ 9,300 บาท/ตัน

อย่างไรก็ตาม ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เกษตรกรในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ ไม่ได้รับประโยชน์จากการเพาะปลูกมากนัก เนื่องจาก มีข้อจำกัดด้านการจัดเก็บข้าว ทำให้ต้องเร่งขายผลผลิตให้แก่พ่อค้าคนกลาง มากกว่า 50% ข้าวเปลือกหอมมะลิขายให้แก่พ่อค้า นำไปแปรรูปในพื้นที่เขตภาคกลาง สต๊อกรอการส่งออก หรือบรรจุภัณฑ์เป็นข้าวถุง ผลประโยชน์ส่วนใหญ่จึงตกอยู่กับพ่อค้าคนกลาง

การนำข้าวเปลือกหอมมะลิจากแหล่งผลิตทุ่งกุลาร้องไห้ ไปแปรรูปพื้นที่อื่น ทำให้เกิดปัญหาต่อเนื่องตามมา เปิดโอกาสให้เกิดการปลอมปนข้าวหอมชนิดอื่น ที่ราคาต่ำกว่าข้าวหอมมะลิจากแหล่งผลิตทุ่งกุลาร้องไห้ เช่น ข้าวหอมปทุมธานี เพื่อหวังผลกำไรส่วนต่างด้านราคา จนกระทบต่อภาพลักษณ์ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ในตลาดโลกเสียหาย

“ปัญหาดังกล่าวรัฐบาล ควรให้ความสำคัญเข้ามาแก้ปัญหาและพัฒนาการค้าข้าวหอมมะลิเพื่อการส่งออกในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้อย่างจริงจัง จังหวัดร้อยเอ็ดซึ่งตั้งอยู่จุดกลางของภาคอีสาน ควรพัฒนาให้เป็นแหล่งผลิตและส่งออกข้าวหอมมะลิคุณภาพในตลาดโลกโดยตรง ซึ่งผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น ย่อมเกิดกับคนในพื้นที่เต็มที่และสร้างเศรษฐกิจจังหวัดร้อยเอ็ดทัดเทียมจังหวัดอื่นๆ”นายสถาพรกล่าวและว่า


Click on the image for full size
ปีนี้เกษตรกรชาวนาหน้าชื่น เพราะราคาข้าวเปลือกหอมมะลิพุ่งสูงถึงตันละ 13,000 บาท


แนวทางการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว จะต้องเกิดการลงทุนแปรรูปข้าวหอมมะลิ ณ แหล่งผลิต ซึ่งรัฐควรมีมาตรการจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาลงทุน ควรจะมีการลงทุนสร้างไซโลเก็บข้าวขนาดใหญ่ และโรงสีที่ทันสมัยแปรรูป ตั้งอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อเก็บผลผลิตข้าวเปลือกและแปรรูปข้าว ณ แหล่งผลิต เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ข้าวหอมมะลิบรรจุถุง

ขณะเดียวกันควรได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ลงทุนพัฒนาด้านลอจิสติกส์เชื่อมเส้นทางรถไฟสายใหม่จากอ.บัวใหญ่ นครราชสีมา-มาที่จ.มหาสารคาม-จ.ร้อยเอ็ด-และจ.มุกดาหาร ระยะทางประมาณ 370 กิโลเมตร

สำหรับประโยชน์จากเส้นทางรถไฟสายดังกล่าว นอกจากการคมนาคมขนส่งของประชาชนในแถบอีสานตอนกลางแล้ว เส้นทางรถไฟดังกล่าว จะเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสูงมาก ในการขนส่งสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิจากแหล่งผลิตทุ่งกุลาร้องไห้ไปสู่ตลาดโลก จากจังหวัดร้อยเอ็ดไปสู่ท่าเรือด่าหนัง ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกขนถ่ายสินค้าสู่ตลาดโลกที่สำคัญอีกแห่ง

แม้ว่าระยะทางการขนส่งผลผลิตเกษตรไปสู่ท่าเรือด่าหนัง ประเทศเวียดนาม จะมีระยะทางไม่ต่างจากท่าเรือแหลมฉบังของไทยนัก แต่จุดขนถ่ายสินค้า ณ ท่าเรือด่าหนัง ไปสู่กลุ่มประเทศเป้าหมายที่นำเข้าข้าวหอมมะลิ ทั้งสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ มีระยะทางขนส่งทางเรือที่ใกล้กว่าฝั่งอ่าวไทยมาก

นอกจากนี้ ภาครัฐ ควรให้การสนับสนุนจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนที่จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่ออำนวยความสะดวก ในด้านเอกสารส่งออกสินค้าเกษตร อนุมัติได้โดยตรงที่จังหวัดร้อยเอ็ด เสริมศักยภาพในด้านการส่งออก

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาจังหวัดร้อยเอ็ด ให้เป็นแหล่งผลิต และส่งออกข้าวหอมมะลิคุณภาพสู่ตลาดโลก จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้งในแง่นโยบาย การจัดสรรงบประมาณเข้ามาพัฒนา กลไกขับเคลื่อนของหน่วยงานในพื้นที่ ฯลฯ ต้องอาศัยการตัดสินใจจากผู้นำประเทศและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนอย่างจริงจัง จึงจะเกิดผลเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ ถือเป็นโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ในเขตจังหวัดอีสานตอนกลางมาก หากภาครัฐมีการดำเนินการตามยุทธศาสตร์การพัฒนาดังกล่าว เชื่อมั่นว่าจะเป็นกุญแจสำคัญ ในการพลิกฟื้นและพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดร้อยเอ็ดและหลายจังหวัดอีสานตอนกลางดีขึ้น

สำหรับจังหวัดร้อยเอ็ด มีพื้นที่อยู่ในเขตทุ่งกุลาร้องไห้มากที่สุดถึงร้อยละ 46 หรือประมาณ 9 แสนไร่ จากพื้นที่ทั้งหมดของทุ่งกุลาร้องไห้ 2.1 ล้านไร่ เป็นจังหวัดหลักที่ปลูกข้าวหอมมะลิส่งออกตลาดต่างประเทศ แต่ละปีมีผลผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิโดยเฉลี่ยประมาณ 6 แสนตัน/ปี คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับระดับราคาผลผลิตในปีนั้น


// ---------------------------------------------------------------
งานนี้เปิดศึกแย่งชิงเส้นทาง ไป ออกปากทางนครพนมระหว่า ขอนแก่น - กาฬสินธุ์ - มุกดาหาร - นครพนม กะ บัวใหญ่ - ร้อยเอ็ด - มุกดาหาร - นครพนม
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43722
Location: NECTEC

PostPosted: 12/03/2008 10:32 am    Post subject: Reply with quote

ศึกแย่งชิงเส้นทางภาคอีสานไม่มีทีท่าว่าจะยุติ โดยดูข่าวจากนี้เปนพยาน
// ----------------------------------------------------------------------------------------

อสังหาฯขอนแก่น-โคราชส่อแววบูม + จี้รัฐดันเมกะโปรเจ็กต์หนุนเผยตลาดกลุ่มชาวต่างชาติกำลังมาแรง
ฐานเศรษฐกิจ 9-12 มีนาคม 2551

ธอส.-ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์โคราช-ขอนแก่นฟันธง ปีนี้จะดีกว่าปีที่ผ่านมา พร้อมร้องรัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุน โดยเฉพาะเมกะโปรเจ็กต์ ชี้ควรปัดฝุ่นโครงการไฮสปีดเทรนทำให้เป็นรูปธรรมเสียที เผยตลาดกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติแนวโน้มสดใส


นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด คือ นครราชสีมาและขอนแก่นมีแนวโน้มสดใส เนื่องจากนครราชสีมาและขอนแก่นเป็นจังหวัดทางผ่านของภาคอีสานที่จะเชื่อมต่อไปยังแนวทางตะวันออก-ตะวันตก ที่จะเข้าไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านได้ เพียงแต่ว่าจะต้องมีสาธารณูปโภครองรับมากกว่านี้ เช่น ถนนไฮเวย์ หรือไฮสปีดเทรน โครงการรถไฟความเร็วสูงที่คิดว่าน่าจะนำขึ้นมาปัดฝุ่นทำให้เป็นรูปธรรม หากมีการขนส่งเกิดขึ้น ก็จะทำให้เศรษฐกิจดี หากทำโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่เป็นเรื่องการขนส่งจะช่วยได้มาก แต่หากไม่เกิดก็จะเป็นไปแบบช้าๆ ไปได้เรื่อย ๆ


ตลอดปี 2551 คาดว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะดีกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อยอย่างมากไม่เกิน 5% เนื่องจากเมื่อดูตัวเลขการจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมและโรงแรม พบว่า มีการขอใบอนุญาตก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้นค่อนข้างมาก จึงคาดการณ์ว่าน่าจะมีแรงงานเข้ามาอยู่ในจังหวัดนครราชสีมาและขอนแก่นเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการสามารถรองรับได้ เพียงแต่แรงงานส่วนนี้ไม่ได้เข้ามาซื้อบ้าน แต่จะเข้ามาเช่า ดังนั้นตลาดเช่ายังดีอยู่ แต่ตลาดซื้อขาย อาจจะช้าบ้าง สำหรับปัจจัยลบที่จะส่งผลต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คือ ราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น ปัจจัยบวก คือ ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง รวมถึงต่างชาติให้ความสนใจมาซื้อบ้านในแถบอีสานมากขึ้น


ด้านนายกฤช หิรัญกิจ ประธานชมรมธุรกิจบ้านจัดสรรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดนครราชสีมาว่า ขณะนี้ต้องดูที่ความมั่นคงและทิศทางของรัฐบาลชุดใหม่ โดยรวมคาดว่า น่าจะดีขึ้น และคิดว่ารัฐบาลน่าจะส่งเสริมภาคเอกชน ฟังจากนโยบายรัฐบาลที่จะมีโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ทั้งรถไฟรางคู่ ที่จะเข้ามา น่าจะทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ กระเตื้องขึ้นมาได้


สำหรับช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ยอดขายบ้านของผู้ประกอบการชะลอตัวลงมากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเมือง ไม่นิ่งไม่มีเสถียรภาพ ยังไม่มีรัฐบาลและเพิ่งจะเริ่มมีรัฐบาลใหม่ กว่ารัฐบาลจะทำงานเข้าที่ ต้องให้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน ดังนั้นในปีนี้คาดว่า ไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา ในช่วงไตรมาส 3 น่าจะดีขึ้นมาบ้าง โครงการที่ขายได้ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและเป็นกลุ่มใหม่ที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญ


"ชาวต่างชาติที่เป็นลูกค้าส่วนใหญ่จะมาแต่งงานกับคนไทย หรือสาวชาวโคราช และมาซื้อบ้านอยู่ที่โคราช เขาอยากจะมาอยู่ที่เมืองไทย เนื่องจากค่าครองชีพต่ำ ทางชมรม มีนโยบายที่จะทำตลาดเชิงรุกเข้าไปยังกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งจากการสำรวจพบว่า โครงการบ้านจัดสรรที่ขายได้กว่า 10% เป็นลูกค้าชาวต่างชาติและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ " นายกฤช กล่าวและว่า


ธุรกิจบ้านจัดสรรในโคราชปีนี้ ยังเป็นผู้ประกอบการรายเดิมที่ขยายโครงการเพิ่มไป ส่วนผู้ประกอบการรายเล็กที่เข้ามาลงทุนใหม่ อาจจะมีเป็นส่วนน้อย เพราะตอนนี้โครงการสร้างเสร็จและรอขายยังมีเหลืออยู่อีกมาก ขณะนี้มีโครงการทั้งที่จัดสรรและไม่จัดสรร มากกว่า 80 โครงการ จำนวนกว่า 2,000 ยูนิต ด้านการแข่งขันของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดนครราชสีมา ยังมีการแข่งขันกันสูง เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างใหม่ขึ้นมาก


"อยากเสนอแนะให้รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการผลักดันโครงการเมกะโปรเจ็กต์เข้ามาในโคราชให้มาก เพื่อช่วยเหลือเอกชน"


นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล ประธานชมรมธุรกิจบ้านจัดสรรจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดขอนแก่น ส่วนใหญ่เป็นหอพักและบ้านจัดสรร ในปีนี้มีแนวโน้มสดใส หลายโครงการปิดการขายไปแล้วและทยอยเปิด โครงการใหม่ขึ้นมาเพิ่มอีกหลายยูนิต หากการเมืองนิ่งและมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนคาดว่าจะส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดีขึ้นด้วย


"สิ่งที่อยากฝากรัฐบาล คือ ต้องแก้ไปทีละเปราะ เริ่มจากการทำให้การเมืองมีเสถียรภาพ มีความน่าเชื่อถือจากประชาชนในประเทศและต่างประเทศ จากนั้นจึงออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมออกมา จากนั้นค่อยซอยย่อยเป็นภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ถ้าเศรษฐกิจดี ธุรกิจที่เหลือก็จะดีตามกันไปเอง" นายชาญณรงค์ กล่าว
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43722
Location: NECTEC

PostPosted: 23/03/2008 8:10 pm    Post subject: Reply with quote

หออีสานชงเมกะโปรเจ็กต์บูมศก. + จี้ทบทวนโครงการผันน้ำโขงแก้อีสานแล้ง-ขอรถไฟรางคู่ถึงหนองคาย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2307 23 มี.ค. - 26 มี.ค. 2551

หอการค้าภาคอีสานชงเมกะโปรเจ็กต์บูมศก.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เสนอให้ทบทวนโครงการผันน้ำโขงแก้อีสานแล้ง ยกเครื่องระบบโลจิสติกส์ ทำรถไฟรางคู่ถึงหนองคาย แถมด้วยรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-โคราช พัฒนาถนนเลียบแม่น้ำโขงเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ และทำถนน 4 เลนเส้นทางสำคัญๆ


นายสมชัย ไกรครุฑรี ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากการประชุมคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์และเป็นการแก้ปัญหาให้กับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ปัญหาด้านระบบโลจิสติกส์ ซึ่งในที่ประชุมเห็นว่า จะต้องมีการผลักดันการขนส่งระบบรางให้เกิดขึ้นในภาคตะวันออกฉียงเหนือให้ได้ โดยเฉพาะระบบรางคู่จากกรุงเทพฯมาสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะมีต้นทุนการขนส่งต่ำและการขนส่งได้ครั้งละมากๆ เช่น โครงการเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อจากนครราชสีมา ผ่านอีสานตอนกลาง ผ่านมหาสารคาม ร้อยเอ็ด ไปสิ้นสุดที่จังหวัดมุกดาหาร โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ-นครราชสีมา


นอกจากนี้ก็ยังให้มีการทบทวนโครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขง 5 เส้นทาง โดยเริ่มต้นที่จังหวัดเลย ไปยังจังหวัดต่างๆในภาคอีสาน และอีกโครงการหนึ่ง คือ การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลทางการท่องเที่ยวที่จังหวัดชัยภูมิ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวของภาคอีสาน ต่อไปนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกสามารถหาข้อมูลการท่องเที่ยวของภาคอีสานได้ทางเว็บไซต์


โครงการที่หอการค้าจังหวัดต่างๆนำเสนอต่อที่ประชุมของ คณะกรรมการพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทางคณะกรรมการ ได้พิจารณาเห็นชอบให้มีการผลักดันไปยังรัฐบาลผ่านทางหอการค้าไทย คือ โครงการแรก คือ ปัญหาของทรัพยากรน้ำและการบริหารจัดการน้ำของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หอการค้าจังหวัดหนองบัวลำภู เสนอให้มีการทบทวนโครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขง เริ่มที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย มาลงที่เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นผลการศึกษาของกรมทรัพยากรน้ำ กรมชลประทาน และมูลนิธิน้ำและคุณภาพชีวิต ที่ได้ทำการศึกษารายละเอียดต่างๆของโครงการเอาไว้ โดยเมื่อผันน้ำจากจังหวัดเลยมาลงที่เขื่อนอุบลรัตน์ ที่จังหวัดขอนแก่นแล้วนั้น ก็จะให้กระจายส่งไปตามคลองส่งน้ำต่าง 5 เส้นทาง ระยะทาง 1,540 กิโลเมตร จะสามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรของภาคอีสานได้ไม่น้อยกว่า 45 ล้านไร่


อีกโครงการหนึ่งที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงกันมาก คือ โครงการระบบโล


จิสติกส์ ทางคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีโครงการที่จะพยายามผลักดันให้มีการสร้างระบบการขนส่งระบบราง เพราะการขนส่งระบบรางนั้น มีต้นทุนถูกและต่ำและการขนส่งแต่ละครั้งนั้นสามารถทำได้ครั้งละมากๆ ทั้งนี้โครงการดังกล่าวนั้นทางคณะกรรมการ อยากให้มีการขนส่งระบบรางจากกรุงเทพฯไปจนถึงจังหวัดหนองคาย โดยเฉพาะระบบรางคู่ ซึ่งก็เป็นการสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะจัดให้มีการส่งเสริมการก่อสร้างรถไฟรางคู่


นอกจากนี้คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ยังมีความเห็นต่อไปอีกว่า น่าจะมีการก่อสร้างเส้นทางรถไฟที่เชื่อมโยงจังหวัดต่างๆในภาคอีสาน คือ จากจังหวัดนครราชสีมา ผ่านภาคอีสานตอนกลาง ไปยังจังหวัดมหาสารคาม- ร้อยเอ็ด และไปสิ้นสุดที่มุกดาหาร ซึ่งจะทำให้เกิดการขนส่ง การเดินทางในระบบรางมากขึ้น และยังที่จะสามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน คือ ทางภาคกลางสปป.ลาวที่จังหวัดหนองคาย ภาคใต้ที่จังหวัดมุกดาหาร แล้วเชื่อมต่อไปยังประเทศเวียดนาม


ทางจังหวัดนครราชสีมา ก็ได้เสนอโครงการรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ซึ่งหากโครงการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ จะได้ประโยชน์หลายทาง คือ การเดินทาง การท่องเที่ยวของภาคอีสาน และเชื่อมโยงไปยังจังหวัดหนองคาย และเวียงจันทน์


ทางด้านจังหวัดหนองคายเอง ก็ได้นำเสนอโครงการการก่อสร้างปรับปรุงเส้นทางเรียบแม่น้ำโขงจากจังหวัดหนองคาย ผ่านอำเภอท่าบ่อ สังคม เชียงคาน จังหวัดเลย ซึ่งเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ที่สามารถปรับเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวได้ เพราะมีสภาพภูมิทัศน์ที่มีความสวยงามมากแห่งหนึ่งของภาคอีสานตอนบน นอกจากนี้ก็จะเสนอให้รัฐบาลได้เข้ามาทำการปรับปรุงขยายเส้นทางที่สำคัญๆ คือ ทำเส้นทาง 4 เลน จากจังหวัดชัยภูมิ- หนองบัวลำภู-หนองคาย และในอีกหลายเส้นทางที่เชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่จังหวัดหนองคาย มุกดาหาร และ ในอนาคตที่จังหวัดนครพนม ไปยังแขวงคำม่วน ไปยังเมืองวิงห์และเมืองแงห์อาน
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43722
Location: NECTEC

PostPosted: 23/03/2008 8:13 pm    Post subject: Reply with quote

ระนองศูนย์กลางขนส่งอันดามัน + บิ๊กสอท.ชี้ทำเลที่ตั้งเหมาะสมแต่ต้องผลักดันอย่างเป็นระบบ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2307 23 มี.ค. - 26 มี.ค. 2551

สอท.ชำแหละยุทธศาสตร์การก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางทะเลฝั่งอันดามันของ จ.ระนอง จี้ต้องเร่งเชื่อมโยงเครือข่ายเส้นทางการขนส่ง โครงการพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญ เพื่อให้สอดรับกับยุทธศาสตร์การขนส่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก่อนเชื่อมสู่เครือข่ายท่าเรือในภูมิภาค ยันมีศักยภาพจากทำเลที่ตั้งที่เป็นประตูสู่อันดามันและมหาสมุทรอินเดีย

นายธนิต โสรัตน์ รองเลขาธิการ สายงานเศรษฐกิจ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ระหว่างการเดินทางมาร่วมงานดินเนอร์ทอล์กครบรอบ 10 ปี สภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนองว่า ระนองมีทำเลที่ตั้งเป็นประตูสู่ทะเลอันดามัน และมหาสมุทรอินเดีย สามารถใช้เป็นจุดเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างทะเลตะวันตก(อันดามัน)กับทะเลฝั่งตะวันออก(อ่าวไทย) เพราะมีระยะถึงกันสั้นที่สุด จึงเหมาะแก่การขนถ่ายสินค้าระหว่างสองฝั่ง และขนถ่ายไปยังประเทศริมฝั่งทะเลอันดามันและมหาสมุทรอินเดีย ดังนั้นระนองจึงมีความเป็นไปได้ในการเป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้าทางทะเลฝั่งอันดามัน


จากการที่สายการเดินเรือของโลกจะผ่านประเทศไทยทางด้านทะเลอันดามัน เป็นเหตุให้ประเทศในภูมิภาคนี้ก่อสร้างท่าเรือขนาดใหญ่เพื่อรองรับเส้นทางเศรษฐกิจทางทะเล ท่าเรือสิงคโปร์กลายเป็นท่าเรือสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ท่าเรือปีนังและท่าเรือคลัง (Klang Port) ของประเทศมาเลเซีย ก่อสร้างในปี ค.ศ.1996-1997 และขยายตัวอย่างรวดเร็วในโครงการ Malaysia 2010 ( Super Highway Corridor Project) แม้แต่ท่าเรืออินโดนีเซียในช่องแคบมะละกาก็ยังพัฒนาเพื่อกลายเป็นท่าเรือระดับโลกในอนาคตอันใกล้ ในขณะที่ท่าเรือสำคัญของไทยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ด้านอ่าวไทยทั้งสิ้น ประกอบด้วยท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด และท่าเรือสงขลา


นายธนิต กล่าวต่อว่า ประเทศไทยจึงเริ่มหาแนวพื้นที่ที่เหมาะสมในการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกหลักในฝั่งทะเลอันดามัน (Main Western Sea Port) เพื่อเป็นประตูการค้า การลงทุน-อุตสาหกรรมด้านตะวันตก ได้แก่ ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา รวมถึงการรองรับโครงการเซาเทิร์นซีบอร์ด( Southern Sea Board) ในอนาคต รับโครงการแลนด์บริดจ์(Land Bridge) และระบบการขนส่งต่อเนื่อง (Intermodal Shift) จึงได้มีการดำเนินการก่อสร้างท่าเรือในเขตพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันตกขึ้น 4 ท่าเรือในปัจจุบัน ประกอบด้วย


1.ท่าเรือภูเก็ต (เปิดทำการปี 1899) เป็นท่าเรือประมงเดิม แต่มุ่งเน้นทางด้านเรือท่องเที่ยวมากกว่า มีการขนส่งสินค้าเทกองเป็นหลัก
2. ท่าเรือระนอง (เปิดทำการปี 2003) เป็นท่าเรือประมงเดิมและเริ่มปรับปรุงเป็นท่าเรือสินค้า และกำลังขยายพื้นที่พัฒนาเป็นลานตู้คอนเทนเนอร์ รวมทั้งก่อสร้างระบบขนส่งต่อเนื่อง ทางรถไฟเข้าในเขตท่าเรือ โดยประกาศเป็นท่าเรือนานาชาติในระบบท่าเรือโลกในปี 2005
3. ท่าเรือสตูล (เปิดทำการเดือน พ.ค. 51) หน้าท่ากว้าง 300 ม.
4. ท่าเรือทับละมุ จ.พังงา เป็นท่าเรือเฟอร์รี่เพื่อการท่องเที่ยว


สำหรับในส่วนของท่าเรือระนองตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดถูกกำหนดให้เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้าทางทะเลฝั่งอันดามัน ซึ่งใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่การดำเนินงานผลักดันท่าเรือระนองต้องมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ ที่สำคัญต้องยอมรับถึงจุดอ่อนของท่าเรือระนอง คือ เป็นท่าเรือที่ไม่มีท่าเรือหลังท่า(บริเวณที่พักสินค้า) และฐานอุตสาหกรรมรองรับ รวมถึงปัญหาที่พบในตอนนี้ คือ การจัดทำแผนการขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศที่ตนเป็นคณะกรรมการอยู่นั้นไม่มีท่าเรือระนองอยู่ในเส้นทางดังกล่าว


ดังนั้นสิ่งเร่งด่วนที่ท่าเรือระนองต้องเร่งดำเนินการคือการหาจุดเชื่อมโยงเข้าสู่เส้นทางการค้า การขนส่งทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ได้ หากไม่สามารถดำเนินการได้โดยลำพังก็อาจจะหาท่าเรือใกล้เคียงเพื่อเป็นคู่บัดดี้ อย่างเช่นที่หลายๆ ท่าเรือดำเนินการในตอนนี้ เพื่ออย่างน้อยให้ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเดินเรือก่อน อาทิการจับคู่กันระหว่าง

1. ท่าเรือบางสะพาน- ท่าเรือปกเปี้ยน ,
2. ท่าเรือบ้านน้ำพุร้อน - ท่าเรือทวาย ,
3. ท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือสงขลา - ปากบารา(สตูล),
4. ท่าเรือสิชล-ท่าเรือท้ายเหมือง(พังงา)
5. ซึ่งท่าเรือของระนองสามารถจับคู่ได้เช่นท่าเรือดอนสัก(สุราษฎร์ธานี) หรือ ท่าเรือสิชล

การเชื่อมโยงกับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้ โดยเฉพาะโครงการเซาเทิร์นซีบอร์ด (Southern Sea Bord ) ซึ่งจุดนี้เป็นจุดสำคัญที่จะต้องช่วยกันผลักดัน รวมถึงการมีฐานอุตสาหกรรม เพราะท่าเรือทั่วโลกที่จะประสบความสำเร็จพิสูจน์แล้วว่า หากปราศจากฐานอุตสาหกรรมรองรับยากที่จะมีท่าเรือใดประสบความสำเร็จ


ในส่วนของเส้นทางสาย 3 R ก็เป็นอีกเส้นทางที่น่าสนใจ เพราะเป็นเส้นทางสั้นที่สุดที่จะใช้เป็นเส้นทางในการขยายฐานตลาดเข้าสู่ประเทศจีน ผ่านคุนหมิง ดังนั้น ระนองจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาจุดเชื่อมโยงเส้นทางการค้าเหล่านี้ให้ได้ ซึ่งในอนาคตก็จะสามารถพัฒนาเป็นจุดเชื่อมโยงกับเครือข่ายท่าเรือในภูมิภาค (Global Link) โดยเฉพาะเครือข่ายระเบียง North-South East - West Economic Corridor โดยโอกาสที่ท่าเรือระนองจะสามารถเชื่อมโยงกับเครือข่ายการขนส่งประกอบด้วย

1. การเชื่อมโยงการขนส่งทางถนนเส้นทาง R3E (เชียงของ-คุนหมิง) ขณะที่จีนมีทางเลือกในการขนส่งไปสู่ท่าเรือซิตเว่ห์ในประเทศพม่า
2. การเชื่อมโยงกับประเทศเวียดนาม ซึ่งทั้งประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียเข้าไปลงทุนทำท่าเรือในประเทศเวียดนาม
3. การเชื่อมโยงกับภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งมีสินค้าปีละ 3,000 ตู้ ขนส่ง เข้าไปในท่าเรือปีนัง 4. เชื่อมโยงกับท่าเรือปีนัง ที่มีแผนการขยายท่าเรือ NBCT ทำให้เพิ่มขีดความสามารถเป็น 2.4 ล้าน TEU ต่อปี
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46884
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 26/03/2008 10:44 am    Post subject: Reply with quote

เมื่อคืนวันที่ 17 มี.ค. 51 เวลาประมาณ 22.00 น.เห็น Thai PBS ก็มีข่าวเกี่ยวกับโครงการทางรถไฟเชื่อมภูมิภาคอินโดจีนนะครับ ถ่ายรูปจากหน้าจอทีวีมาได้นิดหน่อยครับ

Click on the image for full size
Click on the image for full size

ดูรูปข้างบนนี้แล้ว ผมฝันเห็นขบวนรถตู้คอนเทนเนอร์จากทวาย วิ่งผ่านสถานีรถไฟสะแกย่างหมู มุ่งหน้าชุมทางบ้านภาชีไปมาบตาพุด เสียงดังกึง กึง กึง เลยครับ Very Happy
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43722
Location: NECTEC

PostPosted: 17/01/2011 9:29 pm    Post subject: Reply with quote

วันนี้เจอ กระทู้จาก สส. ภูมิพัฒน์ (สส. ภูมิใจไทย) ตั้งกระทู้ถามท่านนายกฯ ว่าจะสร้างทางรถไฟไปนครพนมหรือไม่

คุณมาร์กตอบว่า:

1. รัฐบาลมีนโยบาย ทำทางรถไฟไปนคตรพนม โดยให้ รฟท. ทำแผน ขึ้นเปรียบเทียบ เช่น พร้อมกับ เปรียบเทียบกับเส้นทางอื่นๆ ได้แก่

๑. เส้นทางสายบัวใหญ่ - ร้อยเอ็ด - มุกดาหาร - นครพนม เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๘ หลังจากที่ค้างเรื่องมาแต่ปี ๒๕๑๔

๒. สายขอนแก่น - เชียงยืน - ยางตลาด - โพนทอง - มุกดาหาร - นครพนม ตามที่ สส. เพื่อไทยจากกาฬสินธุ์-ขอนแก่น ขอมา

๓. สายอุดรธานี - สกลนคร - นครพนม ตามที่ สส. เพื่อไทยจาก อุดรธานี - สกลนคร ขอมาและ

๔. สายจัตุรัส - ชัยภูมิ - บ้านไผ่ - ร้อยเอ็ด - มุกดาหาร - นครพนม ตามที่ สส. เพื่อไทยจากลพบุรีขอมา

จากการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๑๖/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ได้ผลออกมาว่า

1. ให้ กระทรวงคมนาคมได้เลือกศึกษา เส้นทางบัวใหญ่- มุกดาหาร - นครพนม ระยะทาง ๓๙๘ กิโลเมตร และได้คำนวณมูลค่า ๒๘๙๐๔ ล้านบาท และ

2. ให้ กระทรวงการคลังพิจารณา ความเหมาะสมของแหล่งเงินทุน โดยอาจระดมทุนจากกองทุนโครงสร้างพื้นฐานและแหล่งเงินทุน จากต่างประเทศและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุปในการเชื่อมโยงระบบรถไฟ กับประเทศเพื่อนบ้านต่อไป

ทั้งเนื่องจาก ครม. ได้เล็งเห็นว่า เส้นทาง สายบัวใหญ่ - มุกดาหาร - นครพนม เป็นเส้นทางที่ได้รับการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน ในระยะเวลา ๕ ปี ตามแผนแม่บทการพัฒนาระบบรถไฟ เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงข่ายให้เชื่อมโยงกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

นอกจากนี้ ครม. ได้เล็งเห็นความสำคัญ ทางรถไฟสาย เด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ เพื่อเชื่อมประเทศจีนตอนใต้ เป็นการเชื่อมโยงต่อระบบรถไฟกับภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ และจะได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรร่วมกับการรถไฟ
แห่งประเทศไทย เร่งศึกษาและออกแบบเส้นทางดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย อย่างครบถ้วนให้แล้วเสร็จในปีงบประมาณ ๒๕๕๔ เพื่อเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จเป็นรูปธรรม โดยเร็ว


Last edited by Wisarut on 21/01/2011 11:32 am; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
kikoo
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 01/02/2010
Posts: 1667
Location: มอ.ตรัง และ สถานีตรัง

PostPosted: 18/01/2011 7:54 pm    Post subject: Reply with quote

ความเห็นของผมคงเหมือนๆกับหลายๆคนนั้นแหล่ะครับ นั้นก็คือเรื่องการพัฒนาสิ่งต่างๆบนระบบรางกว้าง1เมตร(ก็เรื่องราง1เมตร เราเดินมาไกลมากแล้ว เกินกว่าที่จะเปลี่ยนเป็นราง1.435เมตรทั้งประเทศ)

แต่ไม่ว่ายังไง สายทุ่งสง-กันตัง ได้ราง80กับหมอนดูโอบล็อกมือสอง ผมก็ดีใจแล้วครับ Crying or Very sad
_________________
ความคืบหน้าโครงการปรับปรุงทางช่วงที่วัง-กันตัง
http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=5618
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43722
Location: NECTEC

PostPosted: 18/01/2011 8:20 pm    Post subject: Reply with quote

^^^
ภายในปีนี้ก็คงจะได้ rehab ทางสายกันตัง กันจริงๆ ซะแล้วหละ เพราะ ตอนนี้ ทางสายกันตังถึง จุดคราก รางแบะ เร็วเหลือ 30 kph แล้ว
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  Next
Page 5 of 8

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©