นั่งรถไฟไปลำปาง ลวดแอ่วงานรถม้า-รถไฟ ตามประสาคนเจียงใหม่

[jigoong]

ไหนๆ ก็ปิดเทอมแล้ว และก็ดูรูปทริปของคนอื่นๆ มามากมาย วันนี้ก็เลยลองลงรูปที่ตัวเองไปถ่ายมาบ้าง อาจจะน่าสนใจหรือไม่น่าสนใจ จะแนะนำติชมอย่างไรก็ไม่ว่ากันนะครับ ทริปนี้เดินทางโดยขบวนรถเร็ว 102 เชียงใหม่-กรุงเทพฯ ออกเวลา 6.45 น. โดยซื้อตั๋วไปลงลำปาง ราคาค่าโดยสาร 23 บาทครับ (เป็นรถนั่งชั้น 3) เดินทางในวันเสาร์ที่ 29 มี.ค. 2551

ก่อนออกเดินทางก็มีเรื่องครับ จะว่าไปเป็นเรื่องป่วงของผมก็เป็นได้ คือตอนออกจากบ้านผมออกช้าไปหน่อย (ตื่นสาย) ประมาณ 6.37 น. ไปถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ 6.45 พอดิบพอดี เอ้า ตายละวาทำยังไงดี พอจอดรถก็เห็นขบวนรถเคลื่อนที่ออกจาชานชลาที่ 4 ชนิดต่อหน้าต่อตาไปเลย ก็เลยคิดว่าพลาดเสียแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร ผมก็คิดไปว่าจะไปรถท้องถิ่น 408 ดีหรือเปล่าซึ่งออก 9.20 หรือว่าจะมาใหม่พรุ่งนี้ดีระหว่างนั้นก็เลี้ยวรถออกจากสถานี จะกลับบ้านอยู่แล้วเชียว โดยรถแล่นไปทางทิศใต้ เพื่อว่าจะอ้อมออกมาทางสี่แยกทุ่งโฮเต็ล (โลคอลโรด) ก็เห็น รถจักรครับ GEA ดันตู้โดยสารกลับเข้ามาในชานชลาที่ 3

ทันใดนั้นเกิดความรู้ตามสามัญสำนึกขึ้นได้ว่านี่มันรถเร็วนี่หว่า ตายแล้ว สรุปว่าโดนหลอกครับ ก็รีบกุลีกุจรเลี้ยวรถกลับไป และก็ไปซื้อตั๋วโดยสาร โฮ่... นับเป็นความโชคดี จากการตรวจสอบก็พบว่าวันนั้นรถมาถึงเชียงใหม่เลทครับ โดยขบวน 109 มาถึง 6.15 ก็คงใช้เวลาพอสมควรในการจัดทำขบวนใหม่ เลยเป็นอย่างที่ทราบนี่หล่ะครับ

สรุปว่ารถเร็ว 102 วันนั้นรถออกก็ประมาณ 7.10 นาทีครับ นี่เป็นครั้งแรกในปีนี้ที่ผมจะได้สนุกไปกับการเดินทาง ด้วยความตื่นเต้นแกมงุนงง ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปอะไรไว้เลย (อะไรจะลืมปานนี้ก็ไม่รู้) มัวแต่สัมผัสบรรยากาศกลิ่นไอความคลาสสิคของรถไฟ กว่าจะรู้ตัวว่าได้เอากล้องถ่ายรูปไปด้วย ขบวนรถก็วิ่งไปถึงศาลาแม่ทาโน่นแล้ว แต่ระหว่างทาง ก็เข้าหลีกขบวน 1 ที่ลำพูนครับ ผมไม่ได้ดูเวลาไว้ซะด้วย - เข้าใจว่าวันนี้ ขบวน 10 ไม่วิ่ง เพราะไม่ได้หลีกที่ไหนแลย

[jigoong]

เมื่อรู้ตัวได้ว่ามีกล้องถ่ายรูป ก็หยิบมาใช้งานซะ ได้รูปสะพานทาชมภูครับ รู้สึกว่าเดิมจะเรียกว่า สะพาน คสล. สะพานนี้ผมให้เป็นสะพานที่สวยที่สุดในเส้นทางรถไฟในใจผมเลยครับ รูปนี้ถ่ายจากท้ายขบวน แต่ก็ไม่กล้าไปยืนที่ปลายโบกี้ เพราะกลัวจะร่วงลงไป (ผมแอบใจเสาะน่ะครับ) เลยติดขอบๆ ของประตูมาด้วย



ขบวนรถโค้งไปมา เพื่อไต่ระดับขึ้นสู่อุโมงค์ขุนตาน และก็มีป้ายเขียว (เบาทาง) หรือป้ายลดความเร็วด้วย คาดว่าน่าจะเป็นการสร้างสะพานขนาดเล็กครับ



เมื่อเห็นป้ายเขตสถานีแล้วก็ รู้ได้ว่าใกล้ถึงแล้วนั่นเอง แต่เอ๊ะ ได้เสียงรถจักรหึ่งๆ ใกล้เข้ามา แสดงว่ามีรถรออยู่ขุนตานแล้วแน่เลย แต่ขบวนเราเข้ารางประธานนี่นะ (ดูจากประแจที่ชี้ตรงไป) ก็รีบย้ายฟาก ไปอีกฟาก ก็ได้ภาพนี้มา ลุงต้อม คงมาช่วยเพื่อนทำขบวน 13 ขึ้นมายังขุนตานน่ะครับ



จากนั้นก็เข้าอุโมงค์ ข้างนอกรถมืดมิด รถวิ่งข้างในนั้นจับเวลาได้เกือบ 5 นาทีแน่ะ ตอนขาออกไม่ได้ดูนาฬิกา เพราะมัวแต่เล็งกล้องไปถ่ายปากอุโมงค์ตอนรถไฟวิ่งออก จินตนาการภาพไว้อย่างสวยหรูแต่พอถ่ายจริงๆ แทบจะกดชัดเตอร์ไม่ทัน เล็งก็ไม่ทันด้วย เลยได้มาแค่นี้หล่ะครับ ตอนออกนั้นรถค่อนข้างวิ่งเร็วขึ้นและเข้าโค้งในทันทีทันใด

[jigoong]

จากนั้นขบวนรถก็ผ่านสะพานหอสูง และสพานคอมโพสิต ตามลำดับ ซึ่งก็เลือกรูปที่ดูเข้าท่าที่สุดแล้วนะครับ (แห่ะๆ)




ตลอดระยะทางลงเขานั้น จะสังเกตเห็นแนวคันดินที่มีการปรับปรุง เทคอนกรีตและหินเพิ่มขึ้นหลายจุดครับ เห็นแล้วรู้สึกชื่นชมในความสามารถและความตั้งใจทำงานของ ช่างบำรุงทาง และช่างโยธามาครับ ทำให้เรามีทางรถไฟวิ่งได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย



และก็มาถึงทางตรง ซึ่งผมชอบจุดนี้มากครับ รถสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วเต็มพิกัด (เดิมที เมื่อก่อน วิ่งได้ 90 กม./ชม.) ตอนนี้ไม่ทราบครับ เพราะไม่ทันดูป้ายจำกัดความเร็วเมื่อก่อนเข้าสู่ทางตรงนี้



และแล้วก็มาถึงลำปางครับ เวลาประมาณ 9.25 ครับ ล่าช้าไป 10 นาทีเท่านั้นเอง แต่ตอนขบวนรถเข้านั้นถ่ายเป็นคลิปไว้ครับ อาจจะได้เอามาแปะให้ชมกัน แต่ขอไปอัพโหลดก่อนนะครับ พอลงรถเสร็จ ก็ เลยรีบไปถ่ายรถจักรกันก่อน ได้ทราบว่า GEA 4533 เป็นคนทำขบวนให้ผมในวันนี้ครับ ที่ลำปางก็มีการสับเปลี่ยนชุดพนักงานขับรถด้วยครับ

[jigoong]

บรรยากาศงานรถม้า-รถไฟครับ เงียบเหงาดีแท้ครับ แต่ผมก็เห็นหลายๆ คน มีกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาว 4-5 คน และครอบครับ พ่อแม่ลูกหลายครอบครัว ลงจากขบวนรถ ซึ่งทราบภายหลังว่า ก็เป็นพาลูกหลานการนั่งรถไฟเที่ยวในวันหยุด ซึ่งผมก็คิดว่าจะดีไหมหนอ ถ้าการรถไฟฯ จะจัดทัวร์ ลำปาง แบบ เช้าไปเย็นกลับ อาจจะไปนมัสการวัดพระธาตุลปางหลวง ชมน้ำตกสักหน่อย แล้วก็กลับ อะไรทำนองนั้นน่ะครับ (เชียงใหม่- ลำปาง- เชียงใหม่ หรือทางใต้ลงไป เด่นชัย - ลำปาง - เด่นชัย)



อ้อ นอกเรื่องไปโน่น ก็ ในงานมีนิทรรศการ โชว์วัตถุโบราณนิดหน่อย อยู่บริเวณชานชลา ครับ มีเครื่องห่วงทางสะดวก และโทรศัพท์ชนิดมือหมุน และก็มีหุ่นจำลองรถจักไอน้ำ รถจักอัลสตอม และฮิตาชิอยู่ ฝีมือการถ่ายรูปไม่ได้เรื่องเลยครับ ตั้งค่าแสงผิดด้วย เลยมีหลายภาพ ใช้ไม่ได้ครับ (แหะๆ มือใหม่ๆ) มีแผนภาพขนาดใหญ่แสดงโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงครับ และก็ มีแสดงภาพประวัติศาสตร์ สะพานทาชมภู สถานีเก่าๆ พร้อมคำบรรยายครับ อันนี้ก็ถ่ายภาพมาไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะแสงสะท้อนกับกระจกครับ เลยได้มาแค่นี้





อ้อ ทางสถานีจัดโปรเจคเตอร์ฉายวิดีทัศน์รายการตกผลึกด้วยครับ อยากได้มากเลย จากนั้นก็เดินออกไปยังหน้าสถานี มีร้ายรวงมากมายเต็มไปหมดครับ แต่ยังไม่เปิดเลยครับ เห็นพ่อค้า แม่ค้ากำลังทยอยของสินค้าเข้ามาใหม่อยู่ ตอนนี้อากาศก็เริ่มร้อนแล้วครับ จากนั้นก็ได้ไปนั่งรถม้าชมเมืองสักรอบ (รอบเล็กแฮะ 50 บาทอ่ะครับ แต่ก็ถูกดี และฆ่าเวลาได้ดีด้วย) แล้วค่อยตีรถกลับครับ

อ้อ ลืมพูดถึงงานในวันนั้นครับ ช่วงเช้ามีรถม้าแรลลี่ ครับ ผมไปถ่ายรูปไม่ทันครับเค้าปล่อยขบวนรถม้าออกไปกันแล้ว อดเลย ก็เลยเดินไปซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านจากร้านสะดวกซื้อ ก็หนีไม่พ้นข้าวแต๋น เมืองลำปาง ซึ่งผมว่ารสชาดร่อยมาก และที่พลาดไม่ได้ ข้าวแต๋นสมุนไพรธัญพืช ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายครับ เหมาะสำหรับผู้ไม่ต้องการเพิ่มน้ำตาล (ความอ้วนนั่นแล) ครับ ช่วงเที่ยง ก่อนตีรถกลับ ก็แวะทานอาหาร ข้าวมันไก่และเย็นตาโฟ บริเวณด้านนอกสถานีครับ อร่อยทีเดียว แล้ว ก็ไปซื้อตั๋วกลับกับขบวน 407 แต่ทว่ามีปัญหาใหญ่สิครับ ทำให้ไม่รู้ว่าผมจะได้กลับบ้านรึเปล่า หรืออาจะต้องนอนค้างกันที่สนานีลำปางหล่ะเนี่ย (โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

[black_express]

เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมากครับเกี่ยวกับงานนี้ คิดว่า น้อง jigoong อาจตื่นเต้นไปนิดหนึ่ง เพราะเป็นงานแรก และยังไม่ทันตั้งหลักว่ามุมไหนที่น่าเก็บภาพ เลยพลาด shot เด็ดไปไม่น้อย

อุโมงค์ขุนตาน ถ้ารอจังหวะดีๆ พอผนังอุโมงค์เริ่มมองเห็นลางๆ ที่ไม่ใช่แสงไฟจากโบกี้รถ นั่นแหละครับ เตรียม shot เด็ดได้เลย โอกาสมีแค่ไม่ถึง 5 วินาทีเท่านั้น

ที่ท้ายขบวน ถ้าไม่ต้องการติดขอบช่องประตู น่าจะซูมเพิ่มอีกเล็กน้อย พอให้พ้นขอบประตู หรือไม่ก็หักดิบ ใช้ photoshop ตัด crop ภาพได้เลย

มารอชมต่อครับ คราวต่อไปก็ "เป็นงาน" แล้วล่ะครับ

[OLIVE]

งานนี้น่าสนใจมากครับ เเต่ไม่มีโอกาสไปซักทีครับ รีบๆ Post ต่อนะครับ
รอติดตามชมต่อครับคุณ jigoong

[CivilSpice]

ช่วงนี้ยังไม่ได้กลับไปที่ลำปาง กว่าจะกลับไปงานนี้ก็คงจะจบไปแล้ว
ยังไงขอรอชมภาพจากน้องแทนก็แล้วกันนะครับ ขอบคุณมากๆ ที่นำมาฝากกัน

[nutt8]

ภาพสวยดีครับ ตอนนั้นท่าทางแดดจะดีมาก

[jigoong]

ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นมากครับ และคำแนะนำดีๆ จากคุณ black_express

มาต่อกันครับ

สาเหตุของปัญหาใหญ่หลวงนั้นก็มีอยู่ว่า ทางสถานีได้รับแจ้งว่าขบวนรถ 407 นั้นล่าช้ามาก เนื่องจากเครื่องยนต์ขัดข้องครับ จากที่ผมมาซื้อตั๋ว

ประมาณ 12.10 ซึ่งกำหนดรถขบวนดังกล่าวจะออกจากลำปางตามปกติเวลา 12.41 โดยขณะนั้นขบวนรถยังซ่อมอยู่ที่เด่นชัยอยู่เลยครับ ก็เลยสรุปได้

ว่าผมต้องรอ .... อีกนานเลยครับ เค้าคาดว่ารถจะมาถึงลำปางประมาณบ่าย สามโมงเศษครับ ระหว่างนั้นก็เลยซื้อกาฟมานั่งดื่ม และก็ไปย่องๆ มองๆ หา

โอกาสถ่ายภาพมาบ้าง ก็เลยไปสะดุดตากับรถคันหนึ่งครับผมก็ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักเหมือนกัน



ได้ข้อมูลคร่าวๆ ว่าเป็นเพียง บรล. รถโบกี้บรรทุกล้อเลื่อน Bogie Carriage Truck (BCT.) หมายเลข 1 ไม่พบข้อมูลอื่นๆ อีก ท่านใดมีข้อมูล นำ

มาโพสต์ไว้ก็ได้นะครับ



ไอ้เราก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้กลัวจะเป็นเขตหวงห้าม ก็เลยอยู่ซะไกลครับ แถมแดดนี้เปรี้ยงเลย และอากาศร้อนอบอ้าวมากด้วยครับ และก็เห็นรถอีกคันหนึ่ง

ครับ ข้างรถเขียนว่า รปบ. อันนี้ไม่ทราบรายละเอียดเลยครับ เพราะไม่มีข้อมูลครับ รบกวนผู้รู้ แนะนำหรือบอกข้อมูลให้ด้วยนะครับ



นี่ก็ทิวทัศน์ ยามบ่าย พร้อมกับแสงแดดเจิดจ้า แผดเผาหย่อมหญ้าในย่านสถานีครับ



จากนั้นก็สอดส่องมองหา ลุงต้อมที่ช่วยขบวน 13 ขึ้นเขาไป แต่ก็หาไม่เจอครับ สงสัยว่าจะไปแอบหลบร้อนอยู่ที่ไหนซักที่ในโรงรถจักรนั่นแล แต่ก็ไปเจอ

Davenport 500 ประจำแขวงลำปางแทน แต่อยู่เข้าไปลึกมากครับ ซูมแล้วก็เห็นคันเล็กเท่ามด เลยคิดว่าไม่ถ่ายภาพดีกว่าครับ

[jigoong]

ไหนๆ ก็เวิ่นเว้อ (คืออาการที่ไม่มีอะไรทำ) ก็เดินไปๆ มาๆ แก้เมื่อยขาครับ ได้รูปมาบ้าง อันนี้ ไม่ทราบชื่อเป็นทางการครับ เป็นกลไกลทำงานกับลวด

เหล็กกล้า เวลาขึงเส้นลวดเลี้ยวหักมุมต่างๆ ซึ่งในครั้งนี้ก็เป็นที่ปลื้มสำหรับผมครับ เพราะได้จับลวดเหล็กด้วย แข็งแรงมากครับ เป็นเส้นหล็กที่ไม่น่า

จะนำมาทำเป็นลวดได้เลยนะครับเนี่ย



และก็อีกภาพหนึ่งครับ น่าจะรู้จักกันดีนะครับ ผมเลยได้ศึกษาและดูกลไกลการทำงานของมัน น่าอัศจรรย์นะครับของแบบนี้ คนเราคิดมาได้ตั้งแต่โบราณ

นานมาแล้วนะครับเนี่ย



จากนั้นก็กลับมาได้ภาพรถต๊อกที่ใช้เครื่องยนต์เป็นต้นกำลังแทนแรงคนเหมือนแต่ก่อน



กลับมาพักร้อนที่ ที่พักผู้โดยสารเหมือนเดิมครับ ขากลับนี้ก็มีผู้โดยสารมากมายครับ ต่างนั่งรอกัน เอาพัดกระดาษมาพัดบ้าง แก้ร้อนไปพลางครับ
จากนั้นประมาณบ่ายสามโมงแล้วครับ ผมได้ยินเสียงกระดิ่ง ซึ่งคาดคะเนว่าน่าจะเป็นเสียงจากเครื่องตราทางสะดวกที่อยู่บนหอควบคุมสัญญาณ อาจ

จะมาจากสถานีหนองวัวเฒ่าส่งสัญญาณมาขอทางสะดวกกระมังครับ แล้วก็คงจะจริง เพราะสักครู่ต่อมา ทางสถานีก็ประกาศว่ารถขบวน 407 จะแล่น

เข้าเทียนชานชลาที่ 1

และแล้ว เวลาประมาณ 15.15 รถท้องถิ่น 407 ก็มาเทีบยชานชลาครับ ทุกคนกระวีกระวาดขึ้นรถกัน ผมก็พลอยรีบร้อนไปด้วย เพราะกลัวจะไม่มีที่นั่ง

เลยไม่มีโอกาสถ่ายภาพขบวนรถไว้
จากการสังเกต ขบวนรถนั้นเครื่องยนต์ทำงานปกติ ดูทุกอย่างปกติมากๆ ครับ (ด้วยสายตาประชาชนคนธรรมดา)
เหมือนว่าขบวนรถไม่ได้เพิ่งเสียมาเลย ผมก็คิดไปว่า ช่างเครื่องการรถไฟไทยนี่เก่งกล้าสามารถอยู่ทีเดียว สามารถซ่อมรถไฟที่เสียจนใช้งานได้อย่าง

เป็นปกติ

และแล้วขบวนรถเดินทางออกจาสถานีลำปาง ผ่านที่อดีตหยุดรถบ่อแฮ้ว แต่อยู่ๆ ก็หยุดรถฉุกเฉินซะอย่างนั้น เพราะว่า วัวครับ ฝูงวัวกำลังข้ามทาง

รถไฟไปกินหญ้าอีกฟากหนึ่ง ก็ทำใจครับ ถ้าไม่หยุดเกิดชนแล้วตกรางขึ้นมาก็เป็นเรื่องราวกันอีก จากนั้นก็เดินทางต่อตามปกติครับ

บ่ายนี้ผู้โดยสารหนาแน่นมากครับ มีทั้งคนขึ้น ลง ไปตลอดทางทุกๆ สถานี ยกเว้น ที่หยุดรถห้วยเรียน และป่าเส้าครับ ที่ไม่มีคนขึ้น - ลง