View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 30/08/2006 9:59 pm Post subject: |
|
|
เล่าต่อนะครับ
เท่าที่ผมนึกออกก็มีสามกรณีข้างต้นที่เจ้าหน้าที่จำหน่ายเป็นตั๋วบางทั่วไป ชนิดตั๋วบางเที่ยวเดียวให้ผู้โดยสาร โดยไม่ออกตั๋วแข็งให้ ถ้าเป็นสมัยนี้อาจจะมีเพิ่มเติมได้ในอีกกรณีหนึ่งก็คือ กรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์จำหน่ายตั๋วของสถานีรถไฟขัดข้อง ตั๋วแข็งก็ไม่มีจำหน่ายทดแทนให้ เจ้าหน้าที่ก็อาจจะจำหน่ายเป็นตั๋วบางให้ หรือถ้าไม่ทันจริงๆเจ้าหน้าที่สถานีก็อาจประสานงานให้ผู้โดยสารไปซื้อตั๋วบางเอาบนขบวนรถก็ได้ครับ
ย้อนกลับไปดูรายละเอียดของตั๋วบางเที่ยวเดียวตามภาพสักนิดนะครับ ตั๋วบางแบบนี้พิมพ์เป็นเล่ม ภายในเล่มแบ่งออกเป็นชุด ชุดละสามใบ แต่ละใบมีแบบฟอร์มเหมือนกัน สองใบแรกเป็นกระดาษบางๆสีขาว ส่วนใบที่สามเป็นกระดาษสีน้ำตาลตามภาพข้างต้น เวลาเจ้าหน้าที่เขียนตั๋วจะต้องเอากระดาษคาร์บอนสอดในเล่มระหว่างใบแรกกับใบที่สอง และระหว่างใบที่สองกับใบที่สาม แล้วเขียนกรอกข้อความตามแบบฟอร์ม ลายเส้นในแบบฟอร์มตั๋วตามภาพข้างต้นจึงเป็นสีของกระดาษคาร์บอน ไม่ใช่สีหมึกของปากกาที่ใช้เขียนโดยตรง ตามแบบฟอร์มระบุรายละเอียดที่จำเป็นในการเดินทางไว้ ได้แก่ หมายเลขขบวนรถ วันเดินทาง จากสถานีใดถึงสถานีใด ราคาค่าโดยสาร ค่าธรรมเนียมประเภทต่างๆ หากสังเกตด้านบนขวาของตั๋วจะเห็นได้ว่า ตั๋วบางเที่ยวเดียวนี้สามารถใช้ได้หลายกรณี ได้แก่ ตั๋วผู้ใหญ่เต็มราคา ตั๋วผู้ใหญ่ลดราคา ตั๋วเด็ก ตั๋วผู้ใหญ่/เด็กเลื่อนชั้น ตามแต่จะวงข้อความและรหัสที่ใช้เอาไว้
ถ้าท่านสังเกตบริเวณตอนกลางด้านบนของตั๋วให้ดีๆ จะเห็นรอยตราประทับนูนรูปครุฑ หากเห็นไม่ชัดลองชมจากภาพขยายทั้งด้านหน้าและด้านหลังตั๋วนี้ก็ได้ครับ
พลิกไปดูด้านหลังกันครับ
นอกจากตราครุฑแล้ว ยังมีข้อความล้อมรอบวงกลมของรอยตราประทับว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย ฝ่ายการบัญชี อีกด้วย การที่มีตราครุฑเป็นรอยตราประทับอยู่บนตั๋วนั้น ผมเห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนใจนะครับ เพราะตามปกติเครื่องหมายครุฑจะใช้ในเอกสารของส่วนราชการ(กระทรวง ทบวง กรมหรือเทียบเท่า) แทบจะไม่มีรัฐวิสาหกิจ หรือองค์การภาครัฐในรูปแบบอื่นที่มิใช่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจใดใช้เครื่องหมายครุฑในเอกสารขององค์การนั้นๆเลย โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่มีเครื่องหมายเฉพาะขององค์การอยู่แล้ว ก็จะใช้เครื่องหมายนั้นๆในเอกสารของหน่วยงานตนโดยไม่ได้ใช้ตราครุฑ แม้ว่ารัฐวิสาหกิจนั้นๆอย่างเช่นกิจการไปรษณีย์ ไฟฟ้า ประปา จะเป็นกิจการเก่าแก่มีรากเหง้าจากการเป็นส่วนราชการมาก่อนเหมือนๆกับการรถไฟฯ ที่เคยเป็นส่วนราชการระดับกรม ชื่อว่า กรมรถไฟหลวง มาก่อนก็ตาม ส่วนองค์การภาคเอกชน เช่น ธนาคาร(ที่ไม่ได้มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ) บริษัท ห้างร้านต่างๆ หากไม่ได้รับพระบรมราชานุญาตเป็นพิเศษแล้ว จะประดับเครื่องหมายครุฑหน้าที่ทำการ หรือใช้เครื่องหมายครุฑในกิจการมิได้
นอกจากการประทับรอยตรานูนรูปครุฑในตั๋วบางดังกล่าวแล้ว ยังมีการประทับรอยตราครุฑอีกแบบหนึ่งเป็นหมึกสีน้ำเงินตามภาพนี้ครับ หากเทียบรอยตราครุฑทั้งสองแบบแล้ว ผมชอบแบบรอยนูนมากกว่าเพราะดูย้อนยุคดี ไม่ค่อยจะเห็นองค์การสมัยใหม่ใช้การประทับรอยตรานูนแบบนี้แล้ว แม้แต่ส่วนราชการก็ตาม
โปรดติดตามชมตอนต่อไปนะครับ |
|
Back to top |
|
|
narita_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 28/03/2006 Posts: 1170
Location: PSU. Original Campus
|
Posted: 31/08/2006 8:28 am Post subject: |
|
|
แอบมาอ่านแต่ไม่เคยโพสต์อะไรเลยนะครับ อ่านแล้วเพลินมากๆ ได้รับความรู้อะไรต่อมิอะไรเยอะแยะเลยครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับเรื่องราวดีๆที่ย้อนรอยมาฝากกันครับ |
|
Back to top |
|
|
nathapong
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 3515
Location: Ayuthaya - Lamlukka - Navanakhon - Silom
|
Posted: 31/08/2006 12:39 pm Post subject: |
|
|
มีประเด็นครับ คุณ tuie
คือในตั๋วเขียนที่เป็นสามแผ่น ตามความเข้าใจของผมคือ
1.แผ่นที่ 1 เป็นต้นขั้วเพื่อส่งคืนฝ่ายบัญชี เมื่อจำหน่ายตั๋วหมดและเบิกเล่มใหม่
2.แผ่นที่ 2 ประกอบรายงานการจำหน่ายตั๋วของ พรร เพื่อสรุปรายได้ในแต่ละเที่ยว
3.แผ่นที่ 3 ให้กับผู้โดยสาร
ส่วน รอยปั๊มนูน หรือรอยตรายาง ไม่แน่ใจว่าปั๊มทุกแผ่นหรือ เฉพาะแผ่นที่ 3
ต้องรบกวนให้น้องเจฟ ลองถามๆ พี่ๆที่อยู่ในฝ่ายเดินรถ เพื่อมาขยายความในเรื่องนี้ ครับ |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 31/08/2006 9:39 pm Post subject: |
|
|
ขอบคุณ คุณnarita_express ที่กรุณาให้ความสนใจติดตามชมครับ ถ้าผมเล่าช้าไปบ้าง บ่นมากไปในบางครั้งก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
สำหรับที่พี่ณัฐตั้งข้อสังเกตว่า
Quote: | ส่วน รอยปั๊มนูน หรือรอยตรายาง ไม่แน่ใจว่าปั๊มทุกแผ่นหรือ เฉพาะแผ่นที่ 3 |
ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีรอยตราครุฑที่ตั๋วบางแผ่นที่ ๑และ๒ หรือไม่ เนื่องจากตอนนั้นไม่เคยขอเจ้าหน้าที่มาดูใกล้ๆสักที คงต้องรบกวนท่านผู้รู้ให้ข้อมูลเรื่องนี้เพิ่มเติม หรือรบกวนน้องเจฟช่วยสอบถามอย่างที่พี่ณัฐว่ามาละครับ |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 01/09/2006 9:36 pm Post subject: |
|
|
เล่าต่อนะครับ
ชมตั๋วบางเที่ยวเดียวทั้งด้านหน้าและด้านหลังตั๋วมาแล้ว แม้ว่าเนื้อที่ที่สามารถใช้แสดงข้อมูลในตั๋วจะมีมากกว่าตั๋วแข็ง และมีการลงข้อมูลในเรื่องต่างๆไว้ค่อนข้างจะละเอียดถึงขั้นลงรหัสสถานีต้นทาง รหัสสถานีปลายทาง รหัสช่องขายตั๋วหรือขบวนรถ แต่ก็มีลักษณะเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่มากกว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้โดยสาร เนื่องจากยังไม่มีการระบุเวลารถออกจากสถานีต้นทาง รถคันที่ เลขที่นั่ง/นอน และเงื่อนไขในการเดินทางไว้ในแบบฟอร์มตั๋วบาง ทั้งๆที่ด้านหลังก็มีเนื้อที่เหลืออยู่มาก เลยต้องมีการทำตรายางประทับเพื่อให้เจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วกรอกข้อมูลหมายเลขรถคันที่ เลขที่นั่ง/นอนไว้ด้านหลังตั๋วตามภาพ สำหรับข้อมูลเวลารถออกนั้นโดยทั่วไปเจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วล่วงหน้าจะเขียนไว้ที่ซองตั๋ว แต่ถ้าเป็นการจำหน่ายตั๋วในวันเดินทางประเภทซื้อตั๋วแล้วรอขึ้นรถเลย ผมมักจะไม่ค่อยเห็นเจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วเขียนข้อมูลหน้าซองตั๋วให้ผู้โดยสารเลยครับ อาจเป็นเพราะใกล้เวลารถออกอยู่แล้วผู้โดยสารน่าจะทราบ หรือสามารถตรวจสอบได้ง่ายจากตารางเดินรถที่ประกาศไว้ในสถานีก็เป็นได้
กรณีที่ผู้โดยสารเป็นชาวต่างชาติ เจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วก็จะเขียนข้อมูลการเดินทางลงบนซองตั๋วเป็นภาษาอังกฤษ และประทับตรายางรถคันที่ เลขที่นั่ง/นอนแบบที่มีภาษาอังกฤษกำกับไว้ด้านหลังตั๋วดังภาพข้างต้น แต่ผมไม่เคยเห็นเจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วเขียนกรอกแบบฟอร์มตั๋วบางเป็นภาษาอังกฤษแล้วจำหน่ายตั๋วให้แก่ชาวต่างชาติเลยครับ ต่อมาพอถึงยุคตั๋วคอมพิวเตอร์ จุดอ่อนในเรื่องดังกล่าวของตั๋วบางซึ่งเป็นไปในทำนองเดียวกันกับตั๋วแข็ง ก็ได้รับการแก้ไขเรียบร้อย เนื่องจากหน้าตั๋วคอมพิวเตอร์มีข้อมูลที่จำเป็นในการเดินทางไม่ว่าจะเป็นเวลารถออก รถคันที่ เลขที่นั่ง/นอน ซึ่งไม่มีในแบบฟอร์มของตั๋วบางพิมพ์ไว้ครบถ้วนทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ยิ่งถ้าเป็นช่องจำหน่ายตั๋วให้แก่ชาวต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างในสถานีกรุงเทพแล้ว ผมเคยเห็นเจ้าหน้าที่สั่งพิมพ์ตั๋วคอมพิวเตอร์ออกจากเครื่องพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆเลยครับ นับว่าเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารชาวต่างประเทศยิ่งนัก
ชมภาพตั๋วบางเที่ยวเดียวมาพอสมควรแล้ว มาชมภาพตั๋วบางทั่วไปอีกประเภทหนึ่ง คือ ตั๋วบางไปกลับกันครับ
ตั๋วบางไปกลับในยุคก่อนจะแยกออกเป็นแบบฟอร์มเฉพาะ และมีสีสันต่างจากตั๋วบางเที่ยวเดียว ตั๋วบางไปกลับนี้เท่าที่ผมเห็นมีอยู่สามสี คือ สีแสด สีแดงและสีชมพู ซึ่งตามภาพข้างต้นนั้นเป็นภาพตั๋วบางไปกลับสีแสด แบบฟอร์มที่พิมพ์ไว้หน้าตั๋วยังคล้ายๆกับแบบฟอร์มของตั๋วบางเที่ยวเดียวดังที่เคยนำเสนอไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลหมายเลขขบวนรถ วันที่เดินทาง ชั้นที่โดยสาร ชื่อสถานีต้นทางและสถานีปลายทางพร้อมช่องกรอกรหัสสถานี ค่าโดยสาร ค่าธรรมเนียมต่างๆ รหัสสถานีที่จำหน่ายฯลฯ นอกจากสีสันที่ต่างจากตั๋วบางเที่ยวเดียวแล้ว ยังมีข้อแตกต่างที่สำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับตั๋วบางเที่ยวเดียวก็คือ ข้อความที่ระบุไว้ว่าเป็นตั๋วบางไปกลับ และข้อความที่ระบุว่า ใช้เที่ยวกลับได้ภายใน....วัน นับจากวันถัดวันตั้งต้นเดินทางเที่ยวไป แหม!รู้สึกว่าภาษาจะย้อนยุคไปหน่อยนะครับ สมัยนี้ใครพูดถึง วันเดินทาง โดยใช้คำแบบในตั๋วว่า วันตั้งต้นเดินทาง คงดูแปลกๆ ทั้งนี้ยังมีข้อความภาษาอังกฤษในเรื่องกำหนดการใช้ตั๋วเที่ยวกลับกำกับไว้ด้วย
เล่าถึงตรงนี้อยากจะตั้งข้อสังเกตว่า ถ้ามองในแง่มุมของการใช้ข้อความตามตั๋วสื่อสารกับผู้โดยสารชาวต่างชาติแล้ว ก็ดูจะพิกลๆอยู่นะครับ ในเมื่อผู้โดยสารชาวต่างยังไม่สามารถอ่านข้อความตามตั๋วซึ่งพิมพ์/เขียนเป็นภาษาไทยได้เลยว่าใช้เดินทางด้วยขบวนรถขบวนใด เดินทางวันใด จากสถานีไหนถึงสถานีไหนฯลฯ แต่กลับพิมพ์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษให้เขาทราบเพียงว่าต้องใช้ตั๋วนี้เดินทางเที่ยวกลับภายใน....วัน ส่วนการกำหนดวันเดินทางเที่ยวกลับนั้น เป็นไปตามที่การรถไฟฯกำหนดไว้เป็นสัดส่วนตามระยะทาง กล่าวคือ ระยะทาง ๑-๑๐๐ กม. ให้กลับภายในวันเดียวกัน ๑๐๑-๒๐๐ กม. ให้กลับภายใน ๓ วัน ๒๐๑-๕๐๐ กม. ให้กลับภายใน ๗ วัน ๕๐๑ กม. ขึ้นไป ให้กลับภายใน ๒๐ วัน ตั๋วตามภาพเป็นตั๋วจากกรุงเทพ-ศรีสะเกษ ระยะทาง ๕๑๕ ก.ม. จึงต้องใช้เที่ยวกลับภายใน ๒๐ วัน
โปรดติดตามชมตอนต่อไปนะครับ |
|
Back to top |
|
|
Cummins
2nd Class Pass
Joined: 28/03/2006 Posts: 719
Location: มหาวิทยาลัยราชมงคลอิสาน วิทยาเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา
|
Posted: 02/09/2006 12:28 pm Post subject: แว๊บ ๆ อีกแล้ว |
|
|
นั่งอ่านไปอ่านมา ปรากฎว่าเหลือบไปเห็นวัน เดือน ปี ที่ปรากฎบนหน้าตั๋วในกระทู้ข้างบน ใช่เลยครับมันเป็นช่วงเวลาที่ผมกำลังโลดแล่นอยู่บนรางในฐานะโชเฟอร์ อารมณ์ และความรู้สึกในช่วงนั้นมันสุดที่พรรณาเป็นตัวอักษรได้จริง ๆ เลยครับ คุณตุ้ยทำให้ผมต้องเสียเวลาทำงานนั่งระลึกถึงความหลังอีกแล้ว ฮ่ะ ๆ ๆ _________________ อดีตโชเฟอร์ล้อเหล็ก |
|
Back to top |
|
|
Mahachai
3rd Class Pass (Air)
Joined: 05/07/2006 Posts: 407
Location: ชั.
|
Posted: 02/09/2006 1:04 pm Post subject: |
|
|
สวัสดีครับ พี่ตุ้ย ผมหายไปนานเลย กลับมาแว้ว เดี๋ยวจะขออ่านบทความของพี่ตุ้ยย้อนหลังครับผม แหะๆ ช่วงนี้งานเยอะไปหน่อย |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 02/09/2006 4:26 pm Post subject: |
|
|
Cummins wrote: | นั่งอ่านไปอ่านมา ปรากฎว่าเหลือบไปเห็นวัน เดือน ปี ที่ปรากฎบนหน้าตั๋วในกระทู้ข้างบน ใช่เลยครับมันเป็นช่วงเวลาที่ผมกำลังโลดแล่นอยู่บนรางในฐานะโชเฟอร์ อารมณ์ และความรู้สึกในช่วงนั้นมันสุดที่พรรณาเป็นตัวอักษรได้จริง ๆ เลยครับ |
อย่างไร ก็ขอความกรุณาอาจารย์เล่าประสบการณ์ในช่วงนั้น ให้พี่ๆน้องๆฟังต่อไปนะครับ แม้ตอนล่าสุดจะสยองขวัญอยู่บ้าง ผมก็ชอบมากเลยครับ
ผมเห็นตั๋วปี ๒๕๒๙ แล้วก็มีอาการรำลึกถึงความหลังเช่นเดียวกับอาจารย์เลยครับ ผมนึกถึงความสุขสมัยเด็กๆในปี พ.ศ.ดังกล่าว ที่ตอนนั้นผมกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.๓ ที่โรงเรียนสาธิตปทุมวัน(ติดกับโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและจุฬาฯด้านถนนอังรีดูนังต์น่ะครับ)พอผมเลิกเรียน ๑๕.๒๐ น. แล้ว แทบทุกวันก่อนกลับบ้านจะต้องรีบนั่งรถเมล์ไปสถานีกรุงเทพเดินดูขบวนรถต่างๆ โดยเฉพาะขบวนรถด่วนที่ ๑๑/๑๕ กรุงเทพ-บัตเตอร์เวอร์ธ/สุไหงโกลก ที่ยุคนั้นมีเดินสลับวันกัน ออกเวลา ๑๖.๑๐ น. ได้ขึ้นไปเดินเล่นบนโบกี้รุ่นโปรด เช่นรถ บนท.ป. รุ่นเก่า ๓๒ ที่ รถบนอ. บนอ.ป. รุ่นเก่าที่กลายเป็นอดีตไปแล้วในปัจจุบัน แล้วนั่งรถธรรมดา กรุงเทพ-ลพบุรี ออกเวลา ๑๖.๐๕ น. มาลงสามเสน ดักรอดูขบวน ๑๑/๑๕ แล่นเข้าสถานีสามเสนอีกครั้ง ฟังเสียงรถจักร เสียงล้อกระทบราง เสียงเครื่องยนต์เครื่องกำเนิดไฟฟ้ารถ บนท.ป. เสียงห้ามล้อฯลฯ จนกระทั่งขบวนรถออกจากสามเสนลับตาไปจึงกลับบ้านด้วยความเบิกบาน สุขใจ อารมณ์ดี กินข้าวอร่อยและนอนหลับฝันดี ถ้าวันไหนไม่ได้กลับบ้านด้วยวิธีดังกล่าวซึ่งความจริงแล้วอ้อมและใช้เวลามากกว่าเส้นทางถนน เพราะเหตุขัดข้องประการต่างๆ จำได้ว่ารู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยแจ่มใสเลยครับ
พอโตแล้วมีเวลาว่างน้อยลง ไม่ค่อยจะมีโอกาสไปนั่งรถไฟผมก็ยังมีความสุขทุกครั้งที่เวลาขับรถแล้วเห็นรถไฟวิ่งผ่านทางตัด แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าจะนั่งดูรถไฟนานๆตามสถานีไม่ค่อยสะดวกเสียแล้ว อย่างเมื่อกลางเดือน สิงหาคม ผมไปชุมพรกลับขบวน ๘๖ ผมก็ไปนั่งเล่นที่สถานีตั้งแต่ ๑๘ น. เพราะจะคอยดูขบวน ๑๗๔,๑๖๘ ฯลฯ เข้าเทียบสถานีและออกไป รปภ.และตำรวจนอกเครื่องแบบเขาคงแปลกใจว่าผมมานั่งตบยุงอยู่หลายชั่วโมงแล้วทำไมไม่ไปสักขบวนหนึ่ง แรกๆเขาก็มองผมบ่อยๆ(คงดูว่าตาคนนี้มันจะมาวางระเบิดหรือไม่)จนผมรู้สึกอึดอัด ในที่สุดเจ้าหน้าที่ดังกล่าวอดไม่ได้ก็เข้ามาถามผมว่าจะไปไหน ขบวนไหน คันที่เท่าไร พอตอบเขาว่ากลับขบวน ๘๖ คันที่ ๑๙ (รถ บนท.ป.คันนี้ตัดไว้ที่ชุมพร) ด้วยความหวังดีเขาก็แนะนำให้ไปขึ้นรถคันดังกล่าวที่จอดรออยู่ที่รางสาม จะได้ไม่ต้องนั่งตบยุงตรงเก้าอี้นั่งบนชานชาลาอีกต่อไป
แหม! ผมจะบอกความจริงว่าผมจะนั่งรอดูขบวน ๘๖ เข้าเทียบสถานี แบบเห็นตั้งแต่ไฟหน้ารถจักรค่อยๆสว่างรำไรจากด้านสถานีแสงแดดแล้วสว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆ จนขบวนรถเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้า ดูเจ้าหน้าที่สับเปลี่ยนรถคันที่ ๑๙ มาต่อท้ายขบวน ดูสัญญาณไฟแดงดวงคู่ท้ายขบวนจนพอใจแล้วค่อยขึ้นรถ ก็กลัวเจ้าหน้าที่พวกนี้จะว่าผมเพี้ยน(เกือบจะ)แก่แล้วยังชอบดูรถไฟแบบเด็กๆอีก เลยตอบเลี่ยงๆไปว่าผมจะนั่งเล่นรับลมชมวิวก่อนยังขี้เกียจขึ้นรถ ผมว่าตั้งแต่เกิดสถานการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว รู้สึกว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณสถานีนี่เข้มงวดกว่าเดิมมาก สมัยก่อนผมเคยนั่งที่สถานีชุมพร หรือสถานีอื่นๆทางภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ ชุมทางทุ่งสง ชุมทางหาดใหญ่นานกว่านี้ ยังไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่คนใดสนใจคอยสังเกตการณ์ และถามไถ่อย่างนี้เลยครับ 8)
ออกจะบ่นไปไกลจากเรื่องตั๋วบางมากไปหน่อยนะครับ ถือเสียว่าเป็นเครื่องเคียง ผมว่ารีบกลับไปเตรียมต้นฉบับตอนต่อไปดีกว่า ขอบคุณ อาจารย์กิตติ น้อง Mahachai และทุกท่านที่ติดตามชมตลอดจนร่วมรำลึกความหลังกันครับ |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 04/09/2006 5:54 pm Post subject: |
|
|
เล่าต่อเลยนะครับ
เห็นหมายเลขขบวนรถตามตั๋วบางไปกลับสีแสดข้างต้นเป็นขบวน ๑ แล้ว ไม่ต้องแปลกใจนะครับ เพราะเมื่อปี ๒๕๒๙ รถด่วนกรุงเทพ-อุบลราชธานี คือขบวน ๑ ซึ่งก็คือขบวน ๖๗ ในปัจจุบัน ส่วนขบวน ๑ ในปัจจุบัน(รถด่วนพิเศษนครพิงค์)ตอนนั้นยังไม่เกิดครับ เพราะเพิ่งเริ่มเปิดเดินรถในปี ๒๕๓๐ ตอนที่การรถไฟนำเข้ารถ บนท. ๓๖ ที่ (บนท.ป. ๓๖ ที่ ในปัจจุบัน)เข้ามาใหม่ๆ ซึ่งในช่วงแรกๆก็เป็นรถด่วนขบวน ๕/๖ ก่อน ต่อมาถึงปรับขึ้นเป็นรถด่วนพิเศษโดยตั้งชื่อเสร็จสรรพว่า นครพิงค์ ถ้าท่านสังเกตมุมขวาล่างของภาพให้ดีๆ จะเห็นรอยตราประทับด้วยหมึกสีน้ำเงินใกล้ๆช่องรหัสช่องขายตั๋วหรือขบวนรถ เป็นตราของบริษัทแอร์บุ๊คกิ้งเซนเตอร์ฯ ตั๋วแทนจำหน่ายตั๋วรายหนึ่งของการรถไฟฯ แสดงว่าตั๋วใบนี้จำหน่ายโดยตัวแทนจำหน่ายตั๋วรายดังกล่าว ส่วนราคาค่าโดยสาร ค่าธรรมเนียมต่างๆในตั๋วนั้น เป็นราคารวมเบ็ดเสร็จทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ มีข้อสังเกตเพิ่มเติมจากที่ผมเห็นการจำหน่ายตั๋วประเภทนี้ว่า การออกตั๋วบางไปกลับนั้น เจ้าหน้าที่จะออกให้สำหรับการโดยสารชั้นเดียวกันทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ เช่น ไปชั้นสองก็ต้องกลับชั้นสองถึงจะออกตั๋วบางไปกลับให้ได้
หากเดินทางเที่ยวไปกับเที่ยวกลับต่างชั้นกัน เช่น ไปชั้นหนึ่งกลับชั้นสอง เจ้าหน้าที่จะออกตั๋วเป็นตั๋วบางเที่ยวเดียวให้สองใบสำหรับเที่ยวไปหนึ่งใบ เที่ยวกลับอีกหนึ่งใบ อย่างไรก็ดี การเดินทางชั้นเดียวกันทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับนั้นไม่ถึงขั้นที่ว่า ราคาค่าโดยสารรวมค่าธรรมเนียมเที่ยวไป กับราคาค่าโดยสารเที่ยวกลับรวมค่าธรรมเนียมจะต้องเท่ากันทุกประการ(ทำนองเดียวกับเรื่องแกนสมมาตรในทางคณิตศาสตร์)ถึงจะออกตั๋วบางไปกลับให้ได้ กล่าวคือ แม้จะมีข้อแตกต่างกันบ้างในเรื่องอัตราค่าธรรมเนียมระหว่างเที่ยวไปกับเที่ยวกลับ เช่น เที่ยวไปโดยสารรถ บนท.ป. เตียงบน เที่ยวกลับโดยสารรถ บนท.ป. เตียงล่าง ซึ่งคิดค่าธรรมเนียมรถนอนในราคาที่ต่างกัน แต่เมื่อยังเป็นการโดยสารรถชั้นสองเหมือนกันในระยะทางเดียวกันทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ ก็สามารถออกตั๋วบางไปกลับให้ได้ตามภาพตั๋วบางไปกลับข้างต้น ซึ่งเที่ยวไปเป็นการโดยสารรถ บนท.ป. เตียงบน ส่วนเที่ยวกลับเป็นรถ บนท.ป. เตียงล่าง
ชมภาพด้านหน้าของตั๋วบางไปกลับแล้ว ก็ควรจะพลิกดูด้านหลังตามธรรมเนียม(ของผม)สักนิดนะครับ
ตั๋วบางไปกลับนั้น หากเป็นตั๋วสำหรับขบวนรถที่มีการสำรองที่นั่งซึ่งต้องเดินทางด้วยขบวนรถที่สำรองที่นั่งไว้ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับแล้ว ถ้าดูแต่ข้อความตามหน้าตั๋วก็จะไม่ทราบเลยว่าจะต้องเดินทางเที่ยวกลับด้วยขบวนรถขบวนใด รถคันที่ หมายเลขที่นั่ง/นอนที่เท่าใด เนื่องจากตามแบบฟอร์มด้านหน้าตั๋วมีแต่ข้อมูลการเดินทางเที่ยวไปเป็นหลัก นอกจากการระบุที่หน้าตั๋วว่าใช้เที่ยวกลับได้ภายใน ๒๐ วันแล้ว ไม่ปรากฏข้อมูลการเดินทางเที่ยวกลับอีกเลย ด้วยเหตุนี้จึงมีการประทับรอยตราระบุข้อมูลการเดินทางเที่ยวกลับไว้ด้านหลังตั๋วบางไปกลับตามภาพข้างต้น ซึ่งรอยตรายางด้านบนที่ระบุว่า รถคันที่ ๑๗ นั่ง/นอนเลขที่ ๑๑ เป็นข้อมูลหมายเลขรถคันที่และหมายเลขที่นั่ง/นอนเที่ยวไป ส่วนรอยตรายางด้านล่างเป็นข้อมูลวันเดินทาง หมายเลขขบวนรถ รถคันที่และหมายเลขที่นั่ง/นอนเที่ยวกลับ
ผู้โดยสารที่ไม่ใช่ แฟนรถไฟ อาจต้องใช้ความสังเกตสักนิดจึงจะทราบว่ารอยตรายางด้านบนเป็นข้อมูลรถคันที่และเลขที่นั่ง/นอนเที่ยวไป เพราะว่าไม่มีข้อความกำกับไว้ว่าเป็นข้อมูลของเที่ยวไป แต่เมื่อดูรอยตรายางด้านล่างที่ระบุชัดว่าเป็นเที่ยวกลับแล้ว รอยตรายางด้านบนก็ต้องเป็นเรื่องของเที่ยวไปแน่ๆ ถือว่าเป็นการทดสอบไหวพริบของผู้โดยสารไปในตัว มีข้อสังเกตเพิ่มเติมอีกว่า ตั๋วบางไปกลับนี้ยังขาดข้อมูลสำคัญอีกประการหนึ่งที่ผู้โดยสารจะต้องทราบมิฉะนั้นอาจตกรถได้ นั่นก็คือเวลาที่ขบวนรถออกจากสถานีต้นทางตามตั๋วทั้งเที่ยวไปและกลับอยู่เช่นเดิม แต่ในทางปฏิบัติส่วนมากเจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วจะระบุข้อมูลดังกล่าวไว้ที่ซองตั๋วครับ
โปรดติดตามชมตอนต่อไปนะครับ |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 06/09/2006 9:36 pm Post subject: |
|
|
เล่าต่อนะครับ
นอกจากตั๋วบางไปกลับสีแสดตามที่นำเสนอไปแล้ว เท่าที่ผมเห็นและมีเก็บสะสมเอาไว้ ก็ยังมีตั๋วบางไปกลับอีกสองแบบ คือ ตั๋วบางไปกลับสีแดงและตั๋วบางไปกลับสีชมพู ตามภาพนี้ครับ
การจัดวางข้อความตามแบบฟอร์มตั๋วบางไปกลับสีแดงและสีชมพู ยังเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับตั๋วบางไปกลับสีแสดที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้ ตั๋วบางไปกลับสีแดงนั้น เป็นตั๋วโดยสารขบวนรถพิเศษรถจักรไอน้ำ กรุงเทพ-อยุธยา ขบวน ๕๐๐๑ เดินทางวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๒๙ รู้สึกว่าจะเป็นช่วงแรกๆที่มีการนำรถจักรไอน้ำกลับมาให้บริการในโอกาสพิเศษอีกครั้งหลังจากที่ไม่นำมาใช้ทำขบวนรถตามปกติมานับสิบปี หน้าตั๋วดังกล่าวจึงมีการเขียนข้อความเพิ่มเติมว่า พ.อยุธยา หมายถึงขบวนรถพิเศษรถจักรไอน้ำฯ และข้อความในช่องหมายเหตุว่า ไม่รับคืน ผมจำได้ว่าตอนที่ได้นั่งรถขบวนนี้รู้สึกตื่นเต้นมาก นอกจากไม่เคยโดยสารขบวนรถที่มีรถจักรไอน้ำทำขบวนแล้ว ยังกลัวว่ารถจักรไอน้ำจะมีแรงไม่พอลากจูงขบวนรถพิเศษฯดังกล่าวซึ่งพ่วงรถ บชส. จำนวน ๑๐ โบกี้ เอาเข้าจริงก็ไปได้ตลอดรอดฝั่งรถจักรไอน้ำไม่ตายกลางทาง แม้จะแล่นด้วยความเร็วประมาณ ๕๐ กม./ชม. อีกทั้งตอนนั้นทางสามช่วงรังสิต-ชุมทางบ้านภาชีก็ยังไม่มี ต้องจอดรอให้ขบวนอื่นแซงบ้างก็ไม่เป็นไร
ตั๋วบางทั่วไปไม่ว่าจะเป็นตั๋วบางเที่ยวเดียวหรือตั๋วบางไปกลับนั้น มีคุณประโยชน์ที่เห็นเด่นชัดอยู่หลายประการ หากมองในมุมมองของผู้โดยสารก็คือ เป็นการให้ความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่เดินทางหลายคนเป็นกลุ่มเดียวกัน วันเดินทาง ขบวนรถ ระยะทางและชั้นที่โดยสารเหมือนกัน สามารถถือตั๋วใบเดียวกันได้ ไม่ต้องถือตั๋วแข็งหลายๆใบเสี่ยงต่อการสูญหาย ไม่ต้องคอยติดต่อซื้อตั๋วเที่ยวกลับอีกครั้งหนึ่ง ถ้ามองในแง่มุมของการรถไฟฯก็เป็นการสร้างความแน่นอนในการเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการจากเที่ยวเดียวเป็นสองเที่ยวทั้งไปและกลับ ยิ่งในยุคก่อนซึ่งมีการลดราคาค่าโดยสารให้แก่ผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วไปกลับ คิดเป็นราคาที่ถูกกว่าค่าโดยสารเที่ยวเดียวรวมกันสองเที่ยวแล้ว(ผมจะนำตารางราคาค่าโดยสารไปกลับ ข้อมูลปี ๒๕๒๓ ซึ่งมีการลดราคาให้ถูกกว่าราคาค่าโดยสารเที่ยวเดียวสองเที่ยวมาให้ชมในโอกาสต่อไป ที่ผมว่าจะนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจจากตารางเดินรถแบบสวยๆในอดีตนะครับ) ยิ่งเป็นการจูงใจให้ผู้โดยสารทั่วๆไปผู้ไม่ใช่แฟนรถไฟให้ใช้บริการเที่ยวกลับโดยซื้อตั๋วไปกลับไว้เลยอีกด้วย (หากเป็นแฟนรถไฟถึงอย่างไรก็ไป-กลับรถไฟอยู่แล้ว ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงได้) เจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วก็สะดวกในการทำงานมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องออกตั๋วแข็งหลายใบให้แก่ผู้โดยสารคนเดียวในกรณีที่ต้องใช้ตั๋วแข็งเป็นตั๋วค่าโดยสาร ตั๋วค่าธรรมเนียมต่างๆ หรือให้แก่ผู้โดยสารหลายคนตามแต่กรณี คงมีผู้โดยสารน้อยคนมากที่ไม่ชอบตั๋วแบบนี้เช่นเดียวกับผม ซึ่งอยากสะสมตั๋วแข็งมากกว่า เวลาเจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วยืนยันจะออกตั๋วบางให้แทนตั๋วแข็งเมื่อไร รู้สึกเซ็งเลยครับ เล่นมาดับฝัน(ที่จะได้ตั๋วแข็งหลายๆใบ)ของเราง่ายๆแบบนี้
โปรดติดตามชมตอนต่อไปนะครับ |
|
Back to top |
|
|
|