View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
beer45
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/06/2007 Posts: 4249
Location: ประเทศสยาม
|
Posted: 07/05/2008 12:57 am Post subject: |
|
|
|
|
Back to top |
|
|
beer45
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/06/2007 Posts: 4249
Location: ประเทศสยาม
|
Posted: 07/05/2008 12:57 am Post subject: |
|
|
|
|
Back to top |
|
|
beer45
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/06/2007 Posts: 4249
Location: ประเทศสยาม
|
Posted: 07/05/2008 12:58 am Post subject: |
|
|
|
|
Back to top |
|
|
beer45
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/06/2007 Posts: 4249
Location: ประเทศสยาม
|
Posted: 07/05/2008 12:58 am Post subject: |
|
|
|
|
Back to top |
|
|
beer45
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/06/2007 Posts: 4249
Location: ประเทศสยาม
|
Posted: 07/05/2008 12:59 am Post subject: |
|
|
|
|
Back to top |
|
|
beer45
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/06/2007 Posts: 4249
Location: ประเทศสยาม
|
Posted: 07/05/2008 1:00 am Post subject: |
|
|
|
|
Back to top |
|
|
beer45
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/06/2007 Posts: 4249
Location: ประเทศสยาม
|
Posted: 07/05/2008 1:00 am Post subject: |
|
|
|
|
Back to top |
|
|
beer45
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/06/2007 Posts: 4249
Location: ประเทศสยาม
|
Posted: 07/05/2008 9:27 am Post subject: |
|
|
วันนี้มีการนำเสนอการใช้งานรถจักร GEA มาฝากกันครับมาลองดูว่า ช่างเครื่องจะต้องทำการอย่างไรบ้าง
ตรวจส่วนล่างรถจักร
1. ตรวจระดับน้ำมันเชื้อเพลิงให้พอมีใช้การ เต็มถัง 4,540 ลิตร
2. ตรวจล้อ , บังใบล้อ . พื้นล้อ ,ปลอกล้อ ,ตะแกรงหน้ารถจักรและอุปปกรณ์ส่วนเคลื่อนไหวต่าง ๆ เท่าที่จะตรวจได้
3. ตรวจขอพ่วงและทดลองปิดเปิด
4. ตรวจก๊อกลมหน้ารถจักรต้องอยู่ในท่าปิด
5. สับแบตเตอรี่สวิทช์ อยู่ข้างรถข้างถังเชื้อเพลิง
ตรวจส่วนบน
1. ไขลานและตั้งนาฬิกาให้ถูกต้อง
2. ตรวจระดับน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ทั้ง 2 เครื่อง
3. ตรวจระดับน้ำระบายความร้อนที่หลอดแก้วในห้องเครื่องทั้ง 2 เครื่องให้มีประมาณ ¾ ของหลอดแก้ว ตรวจสอบวาล์วระบายทิ้งน้ำปิดสนิท การสังเกตน้ำระบายความร้อนว่าอยู่ในพิกัดใช้งาน คือ เมื่อสับเมนสวิทช์แล้ว
สังเกตสวิทช์ระดับน้ำ มีหลอดไฟสีแดงกระพริบช้า ๆ แต่ถ้าน้ำน้อยเกินไป ไฟสีแดงจะติดนิ่งไม่กระพริบ
4. ตรวจระดับน้ำมันคอมเพรสเซอร์ทั้ง 2 เครื่อง
5. ตรวจที่แผงควบคุมเครื่องยนต์ ENGINE SEVER ( LEC ) ซึ่งเป็นอุปกรณ์อีเล็คโทรนิคควบคุมตรวจสอบระบบ SAFETY ต่าง ๆ แล้วจะสั่งการให้แสดงเหตุปกติที่หน้าห้องขับและที่แผง LEC ดังกล่าว พ.รถจักรต้องตรวจสอบที่แผง
5.1 ถ้ามีหลอดสัญญาณผิดปกติสีแดงติดอยู่ให้กดปุ่มรีเซ็ทที่แผงก่อน ตามปกติจะมีหลอดสีเขียวติดหนึ่งหลอด มิฉะนั้นเครื่องยนต์จะไม่ติด
5.2 ตรวจสอบสวิทช์เลือกที่แผงว่าจะให้สตาร์ทที่ใด ถ้าต้องการ
กดปุ่มสตาร์ทที่แผง ก็ให้โยกสวิทช์ไปท่า LOCAL จะเป็นการสตาร์ทเครื่องยนต์เครื่องนั้น แต่ถ้าต้องการกดปุ่มสตาร์ทที่ห้องขับ พขร. ก็ให้โยกสวิทช์ไปท่า REMOTE
จะเป็นการติดเครื่องยนต์เครื่องนั้นเช่นกัน ต้องโยกสวิทช์ให้ตรงตำแหน่ง มิฉะนั้นจะสตาร์ทไม่ติด
หมายเหตุ แผง ENGINE SEVER ติดตั้งอยู่ในห้องเครื่องบริเวณเหนือ PT.
PUMP มีทั้งสองเครื่อง
6. ตรวจที่ห้องขับทั้งสองห้องขับดังนี้
6.1 คันบังคับการห้ามล้อรถจักร ( IBV ) ต้องไว้ท่า RELEASE หรือท่าคลายทั้งสองห้องขับ
6.2 คันบังคับการห้ามล้อขบวน ( ABV ) ห้องขับทำการให้ไว้ท่าคลาย ( RELEASE ) ส่วนห้องขับไม่ใช้การให้ไว้ท่า HO หรือท่าถอดมือห้ามล้อออก
6.3 CUT OFF VALVE ห้องขับทำการ ไว้ท่า IN ส่วนห้องขับไม่ใช้การให้ไว้ท่า OUT
6.4 MU - SET UP VALVE มีอยู่ที่ห้องขับ 1 ที่เดียว ต้องไว้ท่า IN
6.5 ตรวจแรงดันแบตเตอรี่ที่เกจ อยู่ด้านหลัง พขร. ว่ามีไฟอยู่ในพิกัดใช้การ ( 62 74 V )
6.6 ยกเบรคเกอร์ทุกตัวทั้งสองห้องขับไว้ท่า ON
6.7 บิดสวิทช์ควบคุมเครื่องยนต์ ENGINE CONTROL ( EC ) ไปท่า RUN ห้ามไว้ท่า ISOLATE ติดเครื่องยนต์ได้แต่จะทำให้รอบเครื่องยนต์ไม่เปลี่ยนและไฟไม่ลง
การติดเครื่องยนต์
ติดเครื่องยนต์ทีละเครื่อง โดยการกดปุ่มสตาร์ทที่ห้องขับ
หรือในห้องเครื่องยนต์ แต่ต้องให้สวิทช์เลือกสตาร์ทที่แผง
LEC หรือแผง ENGINE SAVER ถูกตำแหน่งด้วย
1. เมื่อกดปุ่มสตาร์ท มอเตอร์สตาร์ทจะทำหน้าที่เป็นปั๊ม
น้ำมันหล่อลื่นล่วงหน้า เมื่อแรงดันได้ มอเตอร์จะหยุด
หน่วงเวลา 3 วินาที มอเตอร์สตาร์ททำงานพุ่งขบเฟือง
เครื่องยนต์ให้หมุน พ.รถจักรต้องกดปุ่มสตาร์ทแช่ไว้จนกระทั่งเครื่องยนต์ติด
เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว
1. ให้เข้าไปตรวจสภาพเครื่องยนต์ทุกระบบอีกครั้งว่าทำงาน
ปกติหรือไม่
2. ทดลองหวีดรถจักร, ปัดน้ำฝน,โรยทราย และไฟส่องทาง
ทั้งสองห้องขับว่าใช้การได้ดีหรือไม่
การดับเครื่องยนต์
1. กดปุ่มดับเครื่องยนต์ที่ห้องขับแต่ละเครื่องได้ที่แผงบังคับ
การหน้า พขร.
2. กดปุ่มดับเครื่องยนต์ข้างรถจักรใกล้บริเวณแคร่ทั้งสองแคร่
ทั้งด้านซ้ายและขวา กดด้านใดก็ได้
ข้อควรจำ
เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้วห้ามมิให้ทิ้งรถจักรไปในขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่ นอกเสียจากมี พขร. หรือ พนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องเช่น นายตรวจกล เป็นต้น หรือมิฉะนั้น ถ้าจำเป็นก็ให้ดับเครื่องยนต์และป้องกันมิให้มีการเลื่อนไหลด้วย |
|
Back to top |
|
|
beer45
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/06/2007 Posts: 4249
Location: ประเทศสยาม
|
Posted: 07/05/2008 9:56 am Post subject: |
|
|
เมื่อรถจักรที่เราใช้งานเกิดความชำรุด ต้องมีการพ่วงไปกับขบวนรถนั้นมีวิธีการพ่วงแต่ละรถอย่างไร เพื่อนๆๆคงเคยเห็นขบวนรถที่มีรถจักรพ่วงท้ายไปกันบ้างแล้ว หรือมีการนำมาต่อพหุข้างหน้าก็ตามลองรับชมดูครับว่ามีวิธีการพ่วงอย่างไร
การปฎิบัติเมื่อรถจักรดีเซลไฟฟ้า รุ่นเลขที่ 4523 - 4560 พ่วงเป็นรถจักรตายท้ายขบวน
การพ่วงเป็นรถจักรตายท้ายขบวนรถห้ามล้อลมอัด
1. สวิตซ์แบตเตอรี่อยู่ในท่า OFF
2 . CUT OFF VALVE อยู่ในตำแหน่ง OUT
3. ABV. อยู่ในตำแหน่ง HANDLE OFF
4. IBV อยู่ในตำแหน่ง RELEASE
5. MU.SET UP VALVE อยู่ในตำแหน่ง OUT
6. ระบายลม MR ที่ AUTOMATIC DRAIN VALVE ที่ CENTRIFUGAL AIR FILTER ที่ข้างรถจักร สังเกตเข็มแสดงแรงลม MR ตกลง 0 แล้วปิดก๊อกนี้ไว้ตามเดิม
7. คลายห้ามล้อ PARKING BRAKE โดยดึงห่วง MANUAL RELEASE ที่ล้อ 1 L , 3 R , 4L , 6R แล้วสังเกตดูว่าแท่งห้ามล้อถอยห่างจากพื้นล้อแล้ว
8. ปิดก๊อก SCCC ( SAFETY CONTROL CUT OUT COCK ) ซึ่งอยู่ใกล้กับ SCMV ( SAFETY CONTROL MAGNET VALVE ) ทั้ง CAB 1 และ CAB 2
( อุปกรณ์นี้อยู่ที่ตู้ด้านหน้าติดขาซ้ายของ พขร. มีแผงปิดไว้ ต้องถอดแผงออก )
9. เปิดก๊อก DEAD ENGINE ลักษณะเป็นก๊อกหางตัด ติดตั้งอยู่ที่อุปกรณ์ลม
( AIR BRAKE COMPARTMENT ) ใกล้กับถังเชื้อเพลิงอยู่ด้านขวาของรถจักร
10. ต่อท่อลม ABP พร้อมเปิด ANGLE COCK
11. ทดสอบห้ามล้อขบวนรถ ห้ามล้อรถจักรทำการและคลายตามการควบคุมของรถจักรทำขบวน
12. ก๊อก PARKING BRAKE ที่แคร่ 1 , 2 ให้เปิดไว้ตามปกติ
หมายเหตุ ถ้าปิดก๊อก PARKING BRAKE เมื่อรถจักรทำการใช้ห้ามล้อขบวนรถจะทำให้ PARKING BRAKE รถจักรพ่วงท้ายขบวนทำการห้ามล้อด้วย แล้วไม่คลาย ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียต่อล้อที่มี PARKING BRAKE ได้ |
|
Back to top |
|
|
beer45
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/06/2007 Posts: 4249
Location: ประเทศสยาม
|
Posted: 07/05/2008 10:04 am Post subject: |
|
|
รถจักรเมื่อมีการใช้งานแล้วเกิดไฟไหม้ เราลองมาชมดูว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้เกิดไฟไหม้รถจักรได้บ้าง
1 ) สาเหตุล้อดิ้น และออกขบวนรถเกิดประกายไฟไปถูกคราบน้ำมันที่อยู่ส่วนล่างของรถจักร จึงเกิดไฟไหม้ การแก้ไข เมื่อออกขบวนรถต้องไม่ให้ล้อดิ้น และหน่วยซ่อมต้องทำความสะอาดส่วนล่างของรถจักรอย่าให้มีคราบน้ำมัน
2 ) มีการรั่วไหลของท่อน้ำมันเชื้อเพลิงถูก Turbo หรือ ท่อไอเสีย หรือน้ำมันหล่อลื่นรั่วหยดใส่ Turbo หรือท่อไอเสียจึงเกิดการลุกไหม้ การแก้ไขพยายามตรวจสอบอย่าให้มีน้ำมันไหลถูกท่อไอเสีย หรือ Turbo และหน่วยซ่อมต้องทำความสะอาดเครื่องยนต์อย่าให้มีน้ำมันไหลนองหรือสกปรก และจะต้องไม่ใช้รอบ Idle นานเกินควร
3 ) เครื่องยนต์ทำงานร้อนเกินพิกัด ทำให้ภายในห้องเครื่องยนต์ร้อนด้วย โดย Safety Device
ไม่ทำงานตามพิกัดที่ตั้งไว้ การแก้ไข ช่างเครื่องต้องหมั่นเข้าห้องเครื่องยนต์ และใช้ความสังเกตอุณหภูมิของเครื่องยนต์ว่าร้อนผิดปกติหรือไม่ หากร้อนผิดปกติต้องรีบดับเครื่องยนต์ทันที และตรวจสอบระบบ Safety Device ก่อนนำรถจักรออกจากโรง ต้องตรวจสอบเครื่องดับเพลิงใช้การได้ดี และมีอยู่ครบตามจำนวนที่กำหนด |
|
Back to top |
|
|
|