GEK. Travel พาทัวร์ จากแดนที่ราบสูงสู่สุดด้ามขวานทอง

[ExtendeD]

ในวันนั้น ขบวนรถท้องถิ่นที่ 446 ต้นทางสถานีชุมทางหาดใหญ่ - ปลายทางสถานีชุมพร ออกจาก สถานีสุราษฎร์ธานี เวลา 13.57 น. ครับ




รถไฟออกไปแล้ว เดินสายเยี่ยมเยือนเจ้าถิ่นครบแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาของภารกิจสำรองตามแผนการที่วางเอาไว้ซะที พอปล่อยให้อยู่ว่าง ๆ น้องปู๊นก็เลยต้องคว้าโทรศัพท์มือถือของใครก็ไม่รู้ไปเปิดเกมส์เล่นเพื่อฆ่าเวลา ส่วนตัวผมเองก็ได้ของเล่นชิ้นใหม่เหมือนกันครับ จะเป็นอะไรก็ลองดูในรูปแล้วกันครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

หลังจากที่ ขบวนรถท้องถิ่นที่ 446 ต้นทางสถานีชุมทางหาดใหญ่ - ปลายทางสถานีชุมพร ออกจาก สถานีสุราษฎร์ธานี ไปไม่นาน 14.21 น. ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่ 39 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีสุราษฎร์ธานี ก็ทำขบวนเข้ามาถึงสถานีปลายทาง และนี่ก็คือภารกิจสำรองที่ผมเตรียมเอาไว้ในกรณีที่ไม่ได้ไปสำรวจสะพานตามที่วางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรกครับ



ผมไม่รู้ว่าภารกิจการเก็บภาพ Sprinter ที่ สถานีสุราษฎร์ธานี จะเทียบได้กับการไปเดินสำรวจสะพานโครงเหล็กทั้ง 3 ที่อยู่ใกล้ ๆ กับ สถานีฉวาง ได้หรือเปล่า แต่อย่างน้อยก็ทำให้ผมสบายใจมากเลยล่ะครับ เพราะว่าถ้าต้องไปสำรวจสะพานตามที่วางแผนเอาไว้จริง ๆ คงจะต้องเดินไปกลับนับระยะทางได้ไม่น้อยกว่า 6 กิโลเมตรแน่ ๆ อากาศในวันนั้นก็ร้อนได้ที่ แดดก็แรงพอควร ผมก็เกรงใจน้องปู๊นอยู่ไม่น้อย ถ้ายังจะพาไปเดินตากแดดเดี๋ยวจะคมเข้มไปมากกว่านี้

ตัวผมเองถึงแม้จะไม่ได้ไปในวันนั้น ก็ไม่ถึงกับผิดหวังมากหรอกครับ เดี๋ยวปิดเทอมใหญ่คราวหน้า ค่อยลงใต้อีกทีก็ได้ แค่เพื่อนร่วมทางมีความสุขก็พอแล้ว รถ Sprinter เองก็ไม่ค่อยโผล่ไปในเส้นทางสายอีสานใต้แถวบ้านน้องปู๊นบ่อยนัก เพราะฉะนั้นน้องเขาก็คงน่าจะสนใจภารกิจสำรองนี้อยู่บ้าง หันไปดูน้องปู๊นดีกว่าครับกำลังทำอะไรอยู่นะ...


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ชุดรถของขบวนที่ 39 ในวันนั้นประกอบด้วย กซข.ป. 2503 + กซม.ป. 2117 + กซข.ป. 2505 มาจอดเทียบชานชาลาในรางที่ 3 ที่ สถานีสุราษฎร์ธานี เมื่อเวลา 14.22 น. มาถึงสถานีปลายทางช้ากว่ากำหนดเวลา 6 ชั่วโมง 11 นาที ( 371 นาที ) ซึ่งก็ช้ามาตั้งแต่ออกจาก สถานีกรุงเทพ ครับ




หลังจากนั้นชุดรถของ ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่ 39 ต้นทางสถานีกรุงเทพ - ปลายทางสถานีสุราษฎร์ธานี ก็จะกลายร่างเป็น ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่ 40 ต้นทางสถานีสุราษฎร์ธานี - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ขบวนที่ 40 ขณะจอดเทียบชานชาลาอยู่ที่ สถานีสุราษฎร์ธานี มุมมองจากบนสะพานข้ามย่านครับ




จากนั้นผมก็เดินไปตามรางรถไฟเพื่อไปดักรอเก็บภาพขบวนที่ 40 ขณะกำลังทำขบวนออกจาก สถานีสุราษฎร์ธานี ในมุมอื่นที่อยู่ห่างจากสถานีรถไฟออกไปบ้าง แต่เดินออกจากบริเวณชานชาลามาได้ไม่ถึง 8 นาที ก็ได้ยินเสียงล้อกระทบรางดังมาจากทางด้านหลัง หันกลับไปดูก็เห็นว่าขบวนที่ 40 วิ่งตามหลังมาแล้ว ผมเกือบจะเก็บภาพเอาไว้ไม่ทัน เพราะไม่ได้ยินเสียงประกาศจากทางสถานีเลยครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

ตอนแรกผมก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงประกาศจากทางสถานี แต่พอเห็นว่าหลังจากที่ขบวนที่ 40 วิ่งผ่านผมไปได้ไม่ไกลก็หยุด หลังจากนั้นก็ถอยเข้าประแจแยกเข้าไปในย่านสถานี ก็เลยเข้าใจว่าขบวนรถต้องยังไม่พร้อมที่จะออกเดินทางกลับกรุงเทพแน่ ๆ ครับ




ที่เห็นในภาพนั้นคือบริเวณที่ขบวนที่ 40 ไปจอดเพื่อแก้ไขปัญหาอะไรสักอย่างที่เกิดขึ้นครับ ขณะเดียวกันน้องปู๊นกับเจ้าตี๋ก็รอเก็บภาพอยู่บนสะพานข้ามย่าน โดยที่มี " คนแก่ขี้น้อยใจ " แอบมองอยู่ข้างล่าง




ขบวนที่ 40 ไปจอดอยู่ในบริเวณที่เห็นอยู่ในรูปข้างบนประมาณ 7 - 8 นาที 15.00 น. ก็ทำขบวนกลับออกมา คราวนี้คงจะพร้อมออกเดินทางกลับกรุงเทพแล้วล่ะครับ ว่าแต่นักศึกษา ปวช. ช่างยนต์ของเรากำลังทำอะไรอยู่เนี่ย...


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

หลังจากที่ขบวนที่ 40 กลับไปเทียบชานชาลาอีกครั้ง ผมก็เดินไปถามคุณพี่ช่างเครื่องถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับขบวนรถ ซึ่งก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า " สายวาล์ว...ของคันท้ายสุดขาด " ตรงที่ผม ... เอาไว้นี่ผมได้ยินไม่ชัดครับ แต่ว่าเกรงใจพี่เขา ไม่อยากถามซ้ำอีก ก็เป็นอันสรุปว่าสายวาล์วของ กซข.ป. 2503 ขาดแล้วกันครับ

15.15 น. เป็นเวลาที่ ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่ 40 ต้นทางสถานีสุราษฏร์ธานี - ปลายทางสถานีกรุงเทพ ออกเดินทางกลับกรุงเทพจริง ๆ ล่ะครับ ดูจากเวลาแล้วก็ช้าตั้งแต่สถานีต้นทาง 4 ชั่วโมง 35 นาที่ ( 275 นาที ) ครับ




น้องปู๊นเองก็ยังคงเกาะติดสถานการณ์อยู่เช่นเดียวกัน ที่เห็นอยู่ในรูปคาดว่าน่าจะกำลังถ่าย Clip อยู่ ผมเองก็ได้แต่หวังว่าน้องคงจะได้ภาพของ Sprinter กลับไปดูเล่นที่บ้านอย่างจุใจเต็มอิ่ม ให้คุ้มกับที่ต้องเดินทางมาซะไกลครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

หลังจากขบวนที่ 40 ทำขบวนกลับกรุงเทพไป ผมก็คิดว่าคงจะได้เวลากลับไปพักเหนื่อยที่ห้องพักในโรงแรมแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคุณปู่ 3015 จะไม่ยอมให้พวกเรากลับครับ พอเสียงเครื่องยนต์ของคุณปู่ดังขึ้น น้องปู๊นก็เดินมาบอกผมว่า Henschel 3015 กำลังจะไปทำหน้าที่สับเปลี่ยนรถสินค้าที่ สถานีชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์ โอกาสดี ๆ ที่จะได้เก็บภาพของคุณปู่ 3015 นอกสถานที่มาถึงแล้ว ผมนึกถึง สะพานจุลจอมเกล้า ขึ้นมาทันที แตกต่างจากน้องปู๊นที่บอกกับผมว่าอยากจะไปเก็บภาพที่ สถานีชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์ มากกว่า แต่ด้วยความสามารถอันน้อยนิด ผมก็จัดให้น้องได้เพียงแค่นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่จอดรออยู่หน้าสถานีมาดักอยู่ที่ สะพานจุลจอมเกล้า เท่านั้นครับ เพราะไม่รู้ว่าจะเดินทางไปที่ สถานีชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์ ได้อย่างไร แล้วถ้าไปได้จริง ๆ จะกลับมาที่ สถานีสุราษฎร์ธานี ได้อย่างไร ( ถ้าจนปัญญาจริง ๆ ก็คงต้องเดินย้อนกลับมาตามทางรถไฟ ) ในตอนนั้นมีเวลาตัดสินใจน้อยครับ แต่ถ้าเป็นพี่ ๆ เทวดาใจดี คงจัดการทุกอย่างได้ดีกว่าผมเป็นแน่...

ลงจากมอเตอร์ไซค์ยังไม่ทันจะหายใจทั่วท้องเลย Henschel 3015 ก็วิ่งเข้าโค้ง ผ่าน " เสาสัญญาณเข้าชนิดหางปลา " สำหรับขบวนรถเที่ยวขึ้น ( ออกจาก สถานีกรุงเทพ ) มาแล้ว




ตอนแรกคิดว่าจะมีเวลาเตรียมตัวมากกว่านี้ แต่คุณปู่วิ่งมาเร็วมาก ผิดคาดจริง ๆ ครับ แล้วก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ไม่สามารถเก็บภาพของ Henschel 3015 คู่กับ สะพานจุลจอมเกล้า แบบไม่ย้อนแสงเอาไว้ได้




น้องปู๊นเองก็คงกำลังเก็บภาพเคลื่อนไหวของคุณปู่อยู่ พี่ ๆ รอดู Clip นี้อยู่นะครับ


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

และการมาดักรอเก็บภาพ Henschel 3015 นีเอง ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสมาเก็บรายละเอียดที่ สะพานจุลจอมเกล้า อีกครั้งหนึ่งตามที่ได้เล่าไปก่อนหน้านี้ 15 นาที หลังจากที่ Henschel 3015 วิ่งผ่านหน้าพวกเราไปทาง สถานีชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์ 15.45 น. คุณปู่ 3015 ก็กลับมาพร้อมกับลาก บทต. 3 คันติดมาด้วยครับ




ถ้าได้มาดักรอเก็บภาพที่มุมนี้ตั้งแต่ตอนที่ Henschel 3015 วิ่งไปที่ สถานีชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์ ก็คงจะดีกว่านี้เยอะเลย แต่ได้แค่นี้ก็พอใจแล้ว เพราะผมไม่คิดว่าจะได้เห็นคุณปู่วิ่งไปมานอกสถานที่แบบนี้เลยครับ




1 Henschel + 3 บทต. มุ่งหน้าไปที่ สถานีสุราษฎร์ธานี แล้วครับ จากทิศทางของแสงจะเห็นว่าช่วงบ่าย ๆ เย็น ๆ ที่มีขบวนรถเที่ยวล่อง ทยอยกันวิ่งผ่าน สถานีสุราษฎร์ธานี หลายขบวน ถ้าได้มาดักรอเก็บภาพอยู่ที่ สะพานจุลจอมเกล้า ก็คงจะได้รูปสวย ๆ กลับไปหลายรูปแน่ ๆ ครับ



รอชมภาพเคลื่อนไหวจาก Clip ของน้องปู๊นนะครับ ได้บรรยากาศมากกว่าภาพนิ่งของผมอีก ผมเองก็รอดูอยู่เหมือนกัน
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

เมื่อเช้าเดินผ่านมาแถวนี้ แต่ไม่ได้เก็บภาพเสาสัญญาณต้นนี้เอาไว้ เพราะว่าย้อนแสง พอได้มีโอกาสผ่านมาอีกครั้งในช่วงบ่าย ก็เลยไม่ยอมปล่อยให้หลุดรอดไปได้ครับ เสาสัญญาณต้นนี้มีทั้ง " สัญญาณเข้า " และ " สัญญาณเตือน " ชนิดหางปลา สำหรับขบวนรถเที่ยวขึ้น ติดตั้งอยู่ แถมยังมี " ป้ายอนุญาตให้ใช้ความเร็วผ่านประแจ " ติดอยู่ด้วยครับ




ก่อนจะรีบทำเวลาเดินฝ่าแดดแรง ๆ ช่วงบ่ายกลับไปที่ สถานีสุราษฎร์ธานี ก็ถ่ายรูปหมู่ และหมู ( ) กันอีกสักครั้ง




วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่พลพรรคชาว RFT.com นัดรวมตัวกันที่โรงรถจักรทุ่งสง หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมน้องปู๊นก็จะต้องแยกทางกับพวกเรา เพื่อกลับบ้านเตรียมตัวไปเข้าค่ายจริยธรรมแล้ว มีโอกาสก็เลยต้องรีบจับขึ้นตะแกรงเอาไว้ก่อน รูปนี้คงไม่ต้องบรรยายเพิ่มเติม ดูคำบรรยายในรูปแล้วกันครับ เหอะ เหอะ...


_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.

[ExtendeD]

น้องปู๊นบอกผมว่าอุปกรณ์ที่เห็นอยู่ในรูปนั้น ทำงานร่วมกับเครื่องกั้นถนนอัตโนมัติครับ




เครื่องกั้นอัตโนมัติที่กำลังพูดถึงนั้น ก็หมายถึงเครื่องกั้นถนนที่ติดตั้งอยู่ที่จุดตัดถนนเสมอระดับทางด้านทิศเหนือของ สถานีสุราษฎร์ธานี ตำแหน่งเดียวกันกับที่ผมเก็บภาพเอาไว้เมื่อเช้าวันนั้น ตามที่ได้เห็นกันไปแล้ว แต่เป็นคนละมุมกับที่เห็นในรูปนี้ครับ



ในรูปทางซ้ายของทางไปสู่ สะพานจุลจอมเกล้า ส่วนทางขวาเป็นทางไปสู่ สถานีสุราษฎร์ธานี ครับ
_________________
Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.