Rotfaithai.Com :: View topic - ฟุดฟิดฟอไฟ ด่วนพิเศษ ENGLISH & SPANISH ภาษาพาเพลินมาแล้ว
View previous topic :: View next topic
Author
Message
Aishwarya
1st Class Pass (Air) Joined: 11/01/2007 Posts: 1721
Location: นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
Posted: 16/09/2008 4:19 pm Post subject: ฟุดฟิดฟอไฟ ด่วนพิเศษ ENGLISH & SPANISH ภาษาพาเพลินมาแล้ว
Buenas tardes [Espanol], Boa tarde [Portugues], Buongiorno [Italiano], Bonjour [Francais], Magandang Tanghali [Tagalog (Philippine)], Good afternoon [English], และสวัสดี [ภาษาไทย] เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ RFT ทุกคนนะคะ เมื่อซักครู่ Cherie ได้คุยกับ "พี่ห่าน" ค่ะ เราคุยกันเรื่องสัพเพเหระกันทั่วไป และในที่สุด ก็คุยกันถึงเรื่อง "ภาษาและความจำเป็นในโลกปัจจุบัน" พี่ห่านเล่าว่า ที่ Office กำลังต้องมีการติวเข้ม และหนักในเรื่องของภาษาต่างประเทศ เพราะจำเป็นจะต้องนำมาใช้ในการทดสอบวัด efficiency หาคะแนนสำหรับ TOEIC ทั้งนี้ ก็จะใช้ในการ promotion ขึ้นทำงานในระดับ Executive Officers รวมทั้ง job opportunity ในสายงานต่างๆ ด้วยล่ะค่ะ ... ฉะนั้น แล้ว ดูเหมือนว่า "English" จะเป็นภาษาที่มีความจำเป็นมาก ถึงมากที่สุด และยิ่งทวีความจำเป็นสูงยิ่งขึ้น เมื่อโลกปัจจุบันของเรา ต้องมีการติดต่อสื่อสารกับคนมากมายจากหลายเชื้อชาติ หลายประเทศจนเราปฎิเสธไม่ได้จริงๆ ค่ะว่า "ประเทศไทยหาใช่เป็นชาติเดียวที่อยู่บนแผนที่โลกไม่ [Not only the Kingdom of Thailand is Sealed on the World Map]" ... English จึงกลายเป็น "lingua-franca (ภาษากลาง และหลัก)" โดยแท้จริงค่ะ.
พี่ห่านได้ให้คำแนะนำกับ Cherie ว่า น่าจะมีการเปิดกระทู้ขึ้นมาซัก ๑ กระทู้หลัก ไว้เพื่อแนะนำ ให้คำปรึกษา พูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้ attitudes, viewpoints, perspectives ต่างๆ รวมทั้งใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการไข doubts ต่างๆ เกี่ยวกับหลักภาษา English ขึ้นมา เผื่อว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คนไหน มีข้อสงสัยใดๆ จะได้มาแลกเปลี่ยน พูดคุยกัน ถึง doubt ในแต่ละข้อสงสัยต่างๆ นั้นๆ ไปเป็นเรื่องๆ ค่ะ ...
Cherie เองอาจจะต้องขอออกตัวก่อนว่า Cherie ก็ไม่ได้ทราบหลักภาษา English ทั้งหมดหรอกค่ะ เพราะไม่ใช่ "English Native Speaker" แต่ Cherie จะพยายามทำอย่างดีที่สุด และต้องขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่มีความสนใจ มาร่วมด้วยช่วยกันด้วยนะคะ ใครที่ทราบถึงประเด็นไขข้อข้องใจต่างๆ ก็สามารถที่จะเข้ามาร่วมเป็น "กุญแจแห่งภาษา" ไข doubts ต่างๆ ไปด้วยกันได้ค่ะ ... งานนี้เนี๊ยะ Cherie ขอให้ถือเอาว่า กระทู้นี้ เป็นกระทู้แห่ง "การแบ่งปัน [share]" และ "ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน [mutual assistance]" นะคะ ... จะไม่มีคำว่าใครเป็น "ครู" เป็น "ศิษย์" ใคร "ด้อยกว่า" "เด่นกว่า" "แย่กว่า" หรือ "เก่งกว่า" แต่จะมีแค่คำว่า "พูดคุยกันในเรื่องหลักภาษา และข้อสงสัยกันอย่างพี่อย่างน้อง [Fraternal Discussion]" เท่านั้นค่ะ
นอกจากนี้ Cherie ยังมีของแถมด้วยนะคะ ... เนื่องจาก Cherie รู้ และใช้ "Spanish" เป็นภาษาหลักอีกภาษานึงมาตั้งแต่เด็ก หากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คนไหนสนใจ เรื่องภาษา Spanish แล้วล่ะก็ Cherie ยินดีไข doubts เพิ่มให้เป็นกรณีพิเศษอีกด้วยค่ะ ... จริงอยู่ Spanish อาจจะยังไม่ popular มากพอในประเทศไทย ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะเรื่องราวของประวัติศาสตร์ ความเป็นมา ที่ทางประเทศไทยเราไม่ได้ผูกพันกับ Spain มาครั้งโบราณ เหมือน the Philippines เหมือน Latin America แต่เราก็ปฎิเสธไม่ได้เช่นกันค่ะ ว่า ภาษาที่มีผู้คนใช้กันมากๆ รองจาก English และ Mandarin ก็คือ Spanish นี่ล่ะค่ะ แม้แต่ "French" ซึ่งหลายคนมองว่า ดูจะมี popularity มากกว่า ที่คนใช้กันมากกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว Spanish มีผู้คนใช้มากกว่า French อีกค่ะ ... มากไปกว่านั้น Spanish ได้รับการ combined ให้เป็น ๑ ใน official languages ที่ใช้กันใน the United Nations ... ฉะนั้น จะเห็นว่า Spanish ก็ถือเป็น "๑ ในตองอูแห่งโลกการสื่อสาร" เช่นเดียวกันค่ะ ... คนไทยเราอาจจะนิยม ภาษา Japanese, Mandarin, French, German, และ ล่าสุด ที่กำลังมาแรง แรงสุดๆ คือ Korean แต่หลักความนิยมในโลกสากลแล้ว Spanish นั้น ไม่ได้ด้อยความสำคัญเลยล่ะค่ะ.
เอาเป็นว่า ... เรามาเริ่มกันเลยนะคะ ปัญหา doubts, hints, troubles ใดๆ ทางด้าน English และ Spanish หากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ พบเจอ หรือนึกสงสัยขึ้นมา เราสามารถมา discuss และพูดคุย แลกเปลี่ยนกันได้ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปได้เลยค่ะ.
Cherie คิดว่า กระทู้นี้ ต้อง enjoyable สุดๆ แน่ๆ เลยค่ะ เพราะจะมีการแลกเปลี่ยนความรู้กัน พูดคุยกันอย่างพี่ๆ น้องๆ ไร้ซึ่งความเครียด ... ขอ emphasize นะคะ ว่า "ทุกคน" เป็นได้ทั้ง "ผู้สอน" "ผู้ชี้แนะ" และในขณะเดียวกัน ก็เป็น "ผู้เรียนรู้" ไปพร้อมๆ กันในตัวคนๆ เดียวกันค่ะ.
พี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ คะ พร้อมจะเดินทางไปพร้อมกับ "ขบวนรถไฟแห่งภาษาอันหรรษา [Enjoyable Language Express]" กันรึยังคะ ถ้าพร้อมแล้ว ... LET'S GO! !!
Back to top
Aishwarya
1st Class Pass (Air) Joined: 11/01/2007 Posts: 1721
Location: นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
Posted: 16/09/2008 5:00 pm Post subject:
OH ! จบบทนำด้วยคำว่า "LET'S GO" Cherie ก็ไม่รอช้าค่ะ คิดขึ้นมาได้ทันที ว่าคำว่า "LET'S GO" เนี๊ยะ มีความเป็นมา และมีหลักสำคัญให้จับประเด็นนะคะ.
ว่าแล้ว ก็มาพูดถึงเรื่องการใช้ "Let's ..." กันเถอะค่ะ.
เคยสงสัยกันมั๊ยคะ ว่า let ทำไมจะต้องมี " 's " พ่วงมาด้วย แล้วมันแปลว่า "...กันเถอะ" ได้ยังไง ... Cherie มีคำตอบให้ค่ะ.
"let" เป็น verb (กริยา) ตัวนึงค่ะ หากอยู่โดดๆ ตัวเดียวแล้ว แปลออกมาได้ว่า "ขอให้ ..." นะคะ เช่น "Let me be the one. (ขอให้ชั้นเป็นที่ ๑ เถอะ)" หรือ "Let it be. (ให้มันเป็นไป, ช่างมันเหอะ!) แต่ทีนี้ let's ที่เราๆ เห็นกันบ่อยๆ ไม่ได้มาจาก Let is หรอกนะคะ ผิดค่ะ! ... 's ตัวนั้น ย่อมาจาก us (เรา) นั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้น หากจะเขียนกันเต็มๆ แล้ว Let's go! จะมาจากคำว่า Let us go! ซึ่งถ้าแปลตรงตัว ก็จะได้ว่า "ให้พวกเราไปกัน"
คำว่า "ให้พวกเราไปกัน" นั้น อยู่ในสำนวนในเชิง "ชักชวน" ค่ะ เพราะการ "ให้เรา.." อะไรซักอย่างนึง ก็เท่ากับเป็นการเรียกร้องให้ทำสิ่งใดสิ่งนึงไปพร้อมๆ กันใช่มั๊ยคะ นั่นล่ะค่ะ "Let us ..." หรือ "Let's ..." จึงกลายเป็นที่มาของสำนวนที่ใช้เพื่อการชักชวนว่า "...กันเถอะ"
เช่น "Let's talk about natural problems facing our world.
(มาพูดคุยกันถึงเรื่องปัญหาธรรมชาติที่โลกของเรากำลังเผชิญกันเถอะ)"
"Say, don't leave me handle with this matter, but let's do it together.
(นี่ อย่าปล่อยให้ชั้นจัดการกับเรื่องนี้คนเดียวสิ มาร่วมด้วยช่วยกันดีกว่าเหอะ)" ... เป็นต้นค่ะ.
ปล. อย่าลืมนะคะ ว่า English เป็นภาษาที่เมื่อพูดสิ้นสุดประโยคหนึ่งๆ แล้ว เราจะต้องมี "." หรือที่เราเรียกกันติดปากแบบ Bristish English [ภาษา English ที่ใช้ในเครือจักรภพสหราชอาณาจักร] ว่า "Full Stop" และแบบ American English [ภาษา English ที่ใช้ในสหรัฐ America] ว่า "Period" นั่นเองค่ะ.
Back to top
KaittipsBOT
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 4150
Posted: 16/09/2008 5:37 pm Post subject:
แล้วสมาชิกของเราจะ Go Inter........กันทุกคน
ขอบคุณน้อง เชอรี่ มากๆ ที่ร่วมแชร์ความรู้เรื่องภาษา เอาแบบเบื้องต้น เป็นระดับๆ แรกเริ่มก็ดี รวมถึงเทคนิคต่างๆ ในการสนทนาที่เป็นสากล ถือว่าเป็นการทบทวน เพื่อการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
Back to top
KTTA-50-L
1st Class Pass (Air) Joined: 02/04/2006 Posts: 4367
Location: Freight Division , SRT
Posted: 16/09/2008 5:41 pm Post subject:
ต่อเลยจ๊ะหนู _________________The Guardian of Rotfaithai.Com
Back to top
CivilSpice
1st Class Pass (Air) Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
Posted: 16/09/2008 6:31 pm Post subject:
มาสมัครเรียนภาษาอังกฤษ กับคุณครูเชรี่ครับ ....... อิอิอิ
ว่าแต่ว่าจะมีใครอยากมาสมัครเรียนภาษาไทยกับ คุณครูเลเล่ บ้างเนี่ย
โดยเฉพาะพวกต้องการบำบัดภาษาใน MSN หรือ Hi5 .... หุหุหุ
Back to top
Aishwarya
1st Class Pass (Air) Joined: 11/01/2007 Posts: 1721
Location: นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
Posted: 16/09/2008 7:40 pm Post subject:
อุ๊ยตาย ... Oh La La! !! เสียงตอบรับมากันบ้างแล้ว รู้สึกมีกำลังมากขึ้นเป็นกองเชียวล่ะ ขอบพระคุณทั้งพี่ห่าน พี่ Bomb และพี่ Jeff ค่ะ.
สำหรับที่ "พี่ห่าน" แนะนำให้ Cherie เริ่มบรรยายตั้งแต่ Fundamental English นั้น Cherie จะพยายามมองหาประเด็นนะคะ ว่าควรจะเริ่มจากจุดไหนดี อาจจะต้องใช้เวลาหน่อยนึง แต่อันที่จริงมันกว้างมากเลยนะคะ ที่จะอธิบายเป็นจุดๆ ได้ ว่าเราจะเริ่มจาก issue ง่ายๆ จุดไหนดี เอาเป็นว่าตรงจุดนี้ Cherie อยากจะขอให้มีคำถามกันเข้ามา แล้ว Cherie ก็เฉลยเป็นข้อๆ ไปละกันนะคะ ... แต่ก็ไม่ต้องห่วงค่ะ Cherie คิดอะไรออก ก็จะนำสิ่งนั้นๆ ข้อสงสัยนั้นๆ มาไขโดยทันทีตาม motto ที่ว่ากันว่า "อย่าปล่อยความสงสัยให้ค้างคาในใจเกิน ๒๔ ชั่วโมง [Don't let any trouble threathen you more than 24 hours.]" ค่ะ.
เอาล่ะค่ะ พล่ามไปได้ซักนิด ก็นึกถึง ประเด็นเรื่อง "กาล" หรือ verb ในกลุ่มต่างๆ มานำเสนอแล้วล่ะค่ะ อันที่จริง "กาล" นั้น ถือเป็นเรื่องปราบเซียนสำหรับคนไทยมากๆ นะคะ เพราะโดยธรรมชาติของภาษาไทย "กาล" ในภาษาไทย มีไม่มาก "ปัจจุบันกาล (Present Tense)" ก็พูดออกมาได้ง่ายๆ เลย เช่น "เขาดื่มน้ำ" "คุณแม่ไปทำผม" "ฉันหิวข้าว" หรือถ้าเป็น "อดีตกาล (Past Tense)" ก็เพียงแค่เติม "ได้" นำหน้ากิริยาดังกล่าว ก็จะกลายเป็นอดีตกาลไปแล้ว เช่น "เขาได้ซื้อ apple มาให้ฉัน" "รถไฟขบวนนี้ได้ชนสุนัขตายหลายตัว" เป็นต้น และถ้าเป็น "อนาคตกาล" ก็จะเติมคำว่า "จะ" เข้าไปข้างหน้ากิริยาดังกล่าว เช่น "Anna จะเดินทางไป Singapore วันพรุ่งนี้" "ฉันจะบอกเรื่องนี้แก่เขา"
จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นว่า "กาล" ในภาษาไทยไม่ซับซ้อนมากนัก และนี่เองเป็นเหตุผลที่ว่าคนไทยส่วนมาก มักจะ "ตกม้าตาย" กับการใช้ "กาล (Tense)" ต่างๆ ก็เพราะว่า tense ใน English มีมากมายเหลือเกินค่ะ ได้แก่
Present Simple Tense, Present Continuous Tense, Present Perfect Tense, Present Perfect Continuous Tense.
Past Simple Tense, Past Continuous Tense, Past Perfect Tense, Past Perfect Continuous Tense.
Future Simple Tense, Future Continuous Tense, Future Perfect Tense, และ Future Perfect Continuous Tense.
เอาล่ะสิ ... เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ อย่าเพิ่งท้อนะคะ ของเหล่านี้ หัดกันได้ค่ะ งานนี้ Cherie ขอเริ่มต้นสิ่งที่ง่ายๆ ก่อนค่ะ ... "Present Simple Tense" นั่นเองค่ะ.
"Present Simple Tense" ถือเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดแล้ว ในเรื่อง "กาล" เพราะเราสามารถพบเห็นได้ทั่วไป หนังสือพิมพ์, Magazines, Journals ต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีประโยค ข้อความต่างๆ เป็น Present Simple Tense อยู่อย่างแน่นอนค่ะ ... "กาล" นี้ เราจะใช้เมื่อแสดงถึง "ปัจจุบันกาล" ---เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอๆ เหตุการณ์ที่เป็นความจริง ตลอดจนเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งการบอกเล่า การตั้งคำถาม การกล่าวปฏิเสธที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน โดยโครงสร้างของการเขียน Present Simple Tense อย่างง่ายๆ คือ
Noun + Verb 1 + Object ----- "คำนาม/ประธาน + กริยารูปที่ ๑ + กรรม (แล้วแต่ว่ากริยาแต่ละตัวนั้น เป็น Transitive Verb [สกรรมกริยา] --- กริยาที่จำเป็นต้องมีกรรมมารองรับ เช่น eat, drink, hit หรือ Intransitive Verb [อกรรมกริยา] --- กริยาที่ไม่จำเป็นต้องมีกรรมมารองรับ เช่น walk, smile, sleep) นะคะ
สิ่งนึงที่ Cherie สังเกตเห็น และพบว่า คนไทยใช้กันผิดเหลือเกิน ก็คือว่า คนไทยมักจะ ใช้ verb to be + กริยา เช่น I am talk, He is sing, We are sleep ... ... ... ซึ่งจริงๆ ผิดอย่างแรงนะคะ ... Verb to be เราไม่จำเป็นต้องเอามาใช้พร่ำเพรื่ออย่างนั้น หากจะพูดกริยาตัวใดตัวนึง ก็สามารถพูดออกได้เลย โดยไม่ต้องผ่านการใช้ Verb to be ค่ะ เช่น
I walk down the street, and happen to see a friend of mine.
"ฉันเดินอยู่ริมถนน และบังเอิญได้เจอเพื่อนคนนึง"
Catherine hopes she can finish her homework before this night is over.
"Catherrine หวังว่า เธอะทำการบ้านให้เสร็จทันภายในคืนนี้"
เห็นมั๊ยคะ เราจะเห็นว่า "I walk..." "Catherine hopes..." ใช้ได้เลยทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาเป็น "I am walk..." "Catherine is hope..."
หลักของการใช้ Present Simple Tense ก็ง่ายๆ ค่ะ เพียงแค่ ประธาน + กริยา ได้เลย เช่น
I, We, They ประธาน ๓ ตัวนี้ เราถือเป็น "พหูพจน์ (plural)" นะคะ เพราะฉะนั้น เมื่อจะนำไปใช้กับ Present Simple Tense สามารถใช้ กริยาดังกล่าวง่ายๆ ได้เลย โดยไม่มีการแปลงรูปใดๆ เช่น I go, We go, They go
แต่เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ต้องใช้ กริยา ร่วมกับ He, She, It ซึ่งประธานทั้ง ๓ ตัวแสดงถึง "เอกพจน์ (singular)" กริยาดังกล่าง จะต้องมีการเติม "s" เสมอๆ ค่ะ เช่น He talks, She loves, It barks ... เป็นต้น
เรื่องนี้ Cherie ขอฝากไว้เป็นประเด็นสำคัญหลักเลยนะคะ เพราะ Cherie คิดว่า ถึงจะเป็นสิ่งที่มองกันว่าง่ายๆ แต่ก็ถือเป็นจุดง่ายๆ ที่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ควรใส่ใจค่ะ เพราะถ้าเราใช้อย่างถูกต้องนับตั้งแต่เบื้องต้นแรกเริ่ม การใช้ Present Simple Tense จะเกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ อย่างถูกต้องทันที ... เวลาเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เขียนอะไรซักอย่างเป็น English ก็จะเกิดการตระหนักทันทีว่า เรากำลังใช้ I นะ ใช้ He นะ ใช้ They นะ แล้วกริยาตัวต่อไป เราจะเติม s หรือ ไม่เติม s กันแน่ ... ทั้งนี้ ขอให้ลืมไปได้เลยนะคะ เรื่องการใช้ Verb to be ควบกับ Verb 1 เพราะนั่นไม่เกิดขึ้นในหลัก English อย่างแน่นอนค่ะ.
ต่อจากนี้ไป เตรียมพบกับ เรื่องการใช้ "อดีตกาล" และ "อนาคตกาล" อย่างถูกต้อง ในครั้งต่อไปด้วยนะคะ.
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 47119
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 16/09/2008 7:55 pm Post subject:
ติดตามอ่านอยู่ครับ
มีความรู้สึกว่านิสิตนักศึกษายุคใหม่
ภาษาแย่ลงมากๆ
ไม่ว่าภาษาไทยหรือภาษาต่างประเทศ
นิสิตใช้ You is, I are ก็มีครับ
Back to top
Bradycardia
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 1565
Location: พระธาตุเด่น พระรอดขลัง ลำไยดัง กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวี ศรีหริภุญชัย(แต่ตอนนี้อยู่พน.ครับ)
Posted: 16/09/2008 8:09 pm Post subject:
เข้ามาเก็บความรู้จากน้องเชรี่ครับ เจ๋งจริงๆ
My English has Passed away from my memory.Especially Tense.It's too bad.
เขียนไปข้างบนนี้ก็ไม่รูว่าจะถูกหลักไวยากรณ์ หรือเปล่า น้องเชรี่ช่วยท้วงติงด้วยครับ _________________ I'm a Third Officer.
Last edited by Bradycardia on 16/09/2008 8:21 pm; edited 1 time in total
Back to top
Adithepc20
1st Class Pass (Air) Joined: 05/07/2006 Posts: 3403
Location: ลาดพร้าว 71 หรือ ชานเมือง 9
Posted: 16/09/2008 8:19 pm Post subject:
ขอเป็นลูกศิษย์ด้วยคนครับ อ.เชอรี่ _________________ ฮิตาชิ 4506 ขณะทำขบวนรถสินค้าที่ 879 ออกจากสถานีชุมทางศรีราชา วันที่ 20 เม.ย. 2553 เวลา 16.50 น.
Back to top
Aishwarya
1st Class Pass (Air) Joined: 11/01/2007 Posts: 1721
Location: นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
Posted: 16/09/2008 9:10 pm Post subject:
ขอบคุณทุกคนมากๆ ค่ะ สำหรับกำลังใจที่อบอุ่น ... แต่ ... Cherie ยังยืนยันคำเดิมนะคะ ว่า กระทู้นี้ เราร่วมด้วยช่วยกันนะคะ มาเป็น "ผู้สอน" และ "ผู้เรียน" ไปพร้อมๆ กันเถอะค่ะ.
สำหรับ "อ้าย Art ป้อเลี้ยง" นะคะ ... ภาษาที่เขียนมา น่ารักมากๆ ค่ะ
"ภาษา English โดยเฉพาะเรื่อง Tense ของฉัน ได้หายอออกไปจากความทรงจำเรียบร้อยแล้ว แย่เนอะ" ใช้ตามแบบที่ "พี่ Art" ใช้ ก็ถูกต้องนะคะ อ่านแล้วเข้าใจเลยค่ะ แต่ Cherie จะปรับให้สวยๆ อีกนิดนะคะ ... "My English, especially the matter of "TENSE," has gone away from my memory." จะเป๊ะกว่าค่ะ
ไหนๆ ก็มี สำนวน "pass away" โผล่มาแล้ว ก็ขอสาธยายเรื่อง กริยาตัวนี้ให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ฟังกันเลยนะคะ
Pass away ----- จัดเป็น Phrasal Verb หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่า "two-word-verb" นั่นล่ะค่ะ สำนวน "pass away" แปลว่า "เสียชีวิต" นะคะ เป็นคำที่สุภาพสุดๆ เลยค่ะ เหมือนกับภาษาไทยเรา ที่คำว่า ตาย (die) เป็นคำพื้นๆ แต่คำว่า pass away แปลว่า "เสียชีวิต, อสัญกรรม" และอื่น ของคำสุภาพที่หมายถึง "ตาย" นั่นล่ะค่ะ ... ฉะนั้น "ภาษา English เสียชีวิตจากความทรงจำ" อาจจะดูทะแม่งๆ นิดหน่อย ใช้ V. go away จะดีกว่าค่ะ.
Back to top
You cannot post new topics in this forum You cannot reply to topics in this forum You cannot edit your posts in this forum You cannot delete your posts in this forum You cannot vote in polls in this forum
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group