ของฝากจาก GERMANY ตอนที่ 3

[tuie]

รีบตามไปเก็บภาพแฝดคล้ายของ “ลุงเฮนฯ” ดีกว่าครับ



รถขบวนนี้พอเทียบชานชาลาที่ ๖ โซน A,B,C แล้ว ก็รอทำขบวนกลับโดยไม่ต้องสับเปลี่ยนรถจักรไปอยู่ด้านหน้า แต่ใช้รถจักรดีเซลคันนี้ดันท้ายทำขบวนเหมือนขบวนรถโดยสารที่ใช้รถจักรไฟฟ้าดันเลยละครับ

[tuie]

ขึ้นไปชมวิวในมุม “โคปเตอร์” บ้างนะครับ

ความจริงแล้วที่ตั้งสถานีฮัมบูร์กนั้นอยู่บนเนินเขา มีการเจาะช่องเขาทำทางรถไฟและชานชาลาทำให้เวลาเดินจากชานชาลาออกไปหน้าสถานีต้องเดินขึ้นมาหนึ่งชั้นจึงจะถึงระดับพื้นดินซึ่งเป็นยอดเนินครับ



สถานีนี้ดูเก่าแก่และคับคั่งมากแม้ว่าจะไม่ใช่ช่วงเทศกาลก็ตาม อาจเป็นเพราะเมืองฮัมบูร์กเป็นเมืองใหญ่ เมืองท่าสำคัญซึ่งมีความเจริญทางเศรษฐกิจผู้คนก็เลยเยอะตามไปด้วย



รถไฟก็เข้าออกคับคั่งตลอดเวลาภายใน ๑-๓ นาที จะต้องมีขบวนรถเข้าหรือออกอยู่เรื่อยเลยครับ ขนาดบางชานชาลาเช่น ชานชาลาที่ ๖ ซึ่งแฝดคล้ายของ “ลุงเฮนฯ” จอดเทียบอยู่ในโซน A,B,C (ทางขวาของภาพ) ยังต้องให้ขบวนรถ RE จอดเข้าเทียบชานชาลาเดียวกันในโซน D,E,F เลย แถมรถทั้งสองขบวนต่างแล่นเข้าเทียบชานชาลาที่ ๖ ในเวลาไล่เลี่ยกัน หากเกิดเหตุขบวนใดขบวนหนึ่งห้ามล้อมีปัญหาขึ้นมาละก็...ผมละเสียวไส้แทนจริงๆ

[tuie]

เดินต่อมาชมทางด้านตะวันตกแถวๆชานชาลาที่ ๑๐-๑๑ บ้างครับ มีขบวนรถสีสันแปลกๆผิดไปจากรถโดยสารของ DB จอดอยู่สองขบวน



มองย้อนกลับไปทางทิศตะวันออกครับ



สังเกตว่าที่แถวๆขอบล่างซ้ายของภาพข้างต้นมีสัญญาณรูปร่างคล้ายๆของบ้านเราด้วยนะครับ เพียงแต่ของเขาติดตั้งบนเสามิได้ตั้งข้างๆทางแบบบ้านเรา

[tuie]

หันกลับขึ้นไปมองทางด้านขวาเป็นทางเดินสู่ทางเข้า-ออกสถานีด้านทิศตะวันออกครับ



มองไปอีกด้านหนึ่งเป็นทางเดินสู่ทางเข้า-ออกสถานีด้านทิศตะวันตกครับ

[tuie]

ตรงหน้าที่ผมยืนหลบๆผู้คนที่เดินสัญจรไปมานั้น เป็น “หน่วยบริการเดินทาง” ของ DB เจ้าหน้าที่ที่ประจำหน่วยฯ รวมทั้งเจ้าหน้าที่บนรถไฟส่วนมากพูดภาษาอังกฤษได้ดี เข้าไปสอบถามข้อมูลได้สบายๆครับ



ข้างๆหน่วยบริการเดินทางมีร้านสะดวกซื้อ ซึ่งมีอาหารแบบ “รับประทานด่วน” นานาชนิดจำหน่าย ใครหิวแล้วต้องการอาหารราคาประหยัด(แบบบ้านเขา)แวะมาที่สถานีรถไฟแล้วจะไม่ผิดหวังครับ

[tuie]

ออกมาชมด้านนอกอาคารสถานีฮัมบูร์กบ้างนะครับ เริ่มจากฝั่งตะวันออกซึ่งมีลานจอดรถอยู่ข้างๆ แท่งกลมๆทางซ้ายภาพนี้ใช้สำหรับติดแผ่นป้ายโฆษณาครับ จำได้ว่าสมัยเด็กๆ(หลายสิบปีแล้ว)เคยเห็นแท่งกลมๆสำหรับติดแผ่นป้ายโฆษณาแบบนี้ในกรุงเทพอยู่เหมือนกัน ดูเหมือนแถวๆถนนราชดำเนินนอกก็เคยมี ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้หายไปไหนหมดแล้วนะครับ



เดินลัดเลาะลานจอดรถขึ้นไปทางทิศเหนือของอาคารสถานีมีหอนาฬิกาเก่าแก่สูงเด่นเป็นสง่าครับ

[tuie]

เก็บตกภาพยานยนต์แถวๆลานจอดรถมาฝากสักเล็กน้อยครับ เริ่มจากรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ BMW แบบมีกระจกบังลมหน้าและหลังคากระจก จะเรียกว่ามีซันรูฟ/มูนรูฟ ก็คงจะพอไหวนะครับ



ฝูงรถยนต์แท็กซี่ยี่ห้อ MERCEDES-BENZ หรือที่บ้านเรานิยมเรียกสั้นๆว่า “เบนซ์” ครับ จะเลือกนั่งรุ่นไหนดี B-class หรือ E-class รุ่นเก่าตัวถัง W 210



ถ้ายังไม่ถูกใจจะนั่ง E-class รุ่นใหม่ล่าสุดก็มีให้เลือกเพียบเลย แต่ E 500 ไม่มีนะครับ



สนนราคาแท็กซี่บ้านเขาคิดเป็นเงินไทย แค่กดมิเตอร์ก็เริ่มต้นประมาณ ๔๐๐-๕๐๐ บาท แล้วละครับ

[pattharachai]

พูดถึงแทกซี่นี่นึกถึงตอนที่เคยเรียกในราคาเหมาแต่เช้าตรู่(2คน)จากที่พัก(ทางทิศใต้ของลอนดอน) ไปสนามบินฮีทโทรว์(ทางตะวันตกของลอนดอน) ประมาณ 40 เองครับ (แต่เป็นปอนด์ คิดเป็นเงินไทยร่วมสองพันกว่าบาท )

แทกซี่มิเตอร์ 35 บาท เมืองไทยคงถูกที่สุดในโลกแล้วมั้งครับ

[tuie]

^
เห็นค่าแท็กซี่บ้านเขาแล้วพี่แทบจะเป็นลมทุกทีเลยละครับน้องบอย ถ้าไม่จำเป็นจริงๆจะไม่ใช้บริการโดยเด็ดขาด

-------------------------------------------------------------------------------------

เดินเข้าไปชมอาคารสถานีฮัมบูร์กทางด้านทิศเหนือบ้างครับ วันนั้นดวงอาทิตย์ค่อนไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้อาคารด้านนี้เลยเป็นเงามืดสักนิด



มองไปที่ทางรถไฟและชานชาลาด้านนี้จะเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการเจาะช่องเนินเขาแล้ววางราง ทำเป็นชานชาลาสถานีครับ



ใกล้ๆจุดที่ผมยืนมีรถยนต์ตำรวจเยอรมนีจอดอยู่หนึ่งคัน สังเกตว่าสัญญาณไฟวาบวับบนหลังคาเป็นสีน้ำเงินนะครับ

[Mongwin]