Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311549
ทั่วไป:13344300
ทั้งหมด:13655849
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
Goto page Previous  1, 2, 3 ... , 200, 201, 202  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 45614
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 28/05/2024 7:47 am    Post subject: Reply with quote

ทุ่ม24ล.ศึกษาพัฒนาพื้นที่ลาดกระบัง สร้าง'ศูนย์ชุมชนชานเมือง'รองรับเติบโต
Source - แนวหน้า
Tuesday, May 28, 2024 06:16

กทม.ศึกษาพัฒนาพื้นที่เขตลาดกระบัง สร้าง "ศูนย์ชุมชนชานเมือง" วางผังพัฒนาตามศักยภาพ เชื่อมระบบขนส่งแก้จราจร สร้างแหล่งงานใกล้บ้าน

นายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการ สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง เปิดเผยถึง โครงการพัฒนาศูนย์ชุมชนชานเมืองลาดกระบัง และพื้นที่ต่อเนื่องว่า กทม.มีแนวทางพัฒนา พื้นที่เขตลาดกระบังเป็นศูนย์ชุมชนเมือง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการขยายตัวสูง และ เป็นที่ตั้งโครงการสำคัญที่เป็นทั้งแหล่งงาน และที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ มีกิจกรรมการใช้ที่ดินหลากหลาย แต่ไม่เต็มศักยภาพ รวมถึงโครงข่ายการขนส่งสาธารณะยังขาด การเชื่อมต่ออย่างเป็นระบบ ไม่ครอบคลุมพื้นที่ เกิดการพัฒนากระจุกตัวตามแนวถนนสายหลัก สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง (สวพ.) จึงว่าจ้าง บริษัท ซิตี้ แพลน โปรเฟสชันนอล จำกัด และ บริษัท พีเอสเค คอนซัลแทนส์ จำกัด เป็นที่ปรึกษา เพื่อดำเนินการศึกษาโครงการดังกล่าวตาม วงเงิน 24,860,000 บาท วัตถุประสงค์เพื่อวางผังแม่บท กำหนดบทบาทพื้นที่ลาดกระบัง และส่งเสริมการพัฒนาด้วยมาตรการทางกฎหมายและผังเมือง พร้อมประสานความร่วมมือ ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ในการส่งเสริมศูนย์ชุมชน ชานเมืองลาดกระบัง ให้สามารถดำเนินการ พัฒนาตามศักยภาพของพื้นที่ โดยการเชื่อมโยงระบบขนส่งสาธารณะและการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเป็นระบบ รวมทั้ง แก้ไขปัญหาจราจร เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมดี ในการยกระดับคุณภาพชีวิต ตลอดจนสร้างสมดุลระหว่างแหล่งงานและที่อยู่อาศัย ลดการเดินทางเข้าสู่พื้นที่

ทั้งนี้ ได้มีการประชุมสัมมนา รับฟังความเห็นต่อการกำหนดแนวทางผังแม่บทฯ เพื่อจัดทำผังแม่บทการพัฒนาศูนย์ชุมชนชานเมืองลาดกระบังและพื้นที่ต่อเนื่องไปแล้ว ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนประชุมสัมมนารับฟังความเห็นต่อการจัดทำผังพัฒนาพื้นที่ ที่มีศักยภาพในการพัฒนาตามผังแม่บทฯ โดย สวพ.ได้ประชุมร่วมกับกรมทางหลวง และการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อขอใช้พื้นที่ โดยเฉพาะกรมทางหลวง มีการหารือออกแบบโครงการพัฒนาพื้นที่จุดเปลี่ยนถ่ายการสัญจรสถานีแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ลาดกระบัง สอบถามแผนพัฒนาพื้นที่ อาคารจอดแล้วจร การขอใช้พื้นที่เพื่อออกแบบรายละเอียดและแบบก่อสร้าง เงื่อนไขการออกแบบพื้นที่ รวมถึงโครงการพัฒนาพื้นที่ใต้ถนนยกระดับเป็นจุดจอดรถโดยสารและรถขนส่งสาธารณะ และพัฒนาจุดจอดรถโดยสารสาธารณะบริเวณถนนสุวรรณภูมิ 4 โครงการพัฒนาที่จอดรถบัสรองรับนักท่องเที่ยว จุดขายของพื้นที่นันทนาการและท่าเรือสัญจรทางน้ำริมคลองประเวศบุรีรมย์ และทางยกระดับ บริเวณสำนักงานเขตลาดกระบังชั่วคราว

ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย มีการหารือออกแบบ รายละเอียดโครงการพัฒนาพื้นที่จุดเปลี่ยนถ่ายการสัญจรสถานีแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ลาดกระบัง โครงการพัฒนาพื้นที่จุดเปลี่ยนถ่ายการสัญจรขนาดย่อม (mini TOD) จากจุดจอดสู่สถานีรถไฟพระจอมเกล้า เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศชุมชน วิจัย พัฒนาและสร้างสรรค์เชื่อมโยงองค์ความรู้ระดับชุมชนสู่ระดับ นานาชาติ โครงการพัฒนาพื้นที่สัญจรและสวนสาธารณะแนวยาว บริเวณสถานีรถไฟหัวตะเข้ โรงเรียนพรตพิทยพยัต สถาบันเทคโนโลยี เจ้าคุณทหารลาดกระบัง และซอยลาดกระบัง 15 โรงพยาบาลลาดกระบัง และโครงการพัฒนาพื้นที่สถานีแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ บ้านทับช้าง

โดยทั้งสองหน่วยงานอนุญาตให้ สวพ.ออกแบบได้ จากนั้น จึงจะจัดทำผังพื้นที่เฉพาะ ศูนย์ชุมชนชานเมืองลาดกระบังและพื้นที่ต่อเนื่อง ก่อนจัดทำแผนงานและแผนปฏิบัติการ เพื่อ ออกแบบรายละเอียดและจัดทำแบบก่อสร้างของบริเวณที่เสนอแนะ คาดว่าภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะมีการนำเสนอผลการศึกษา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาต่อไป

ที่มา: นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 28 พ.ค. 2567


Bangkok Invests 24 Million Baht to Study and Develop Lat Krabang as a Suburban Community Center

Bangkok is investing 24 million baht to study the development of the Lat Krabang area into a "suburban community center." The project aims to plan development in accordance with the area's potential, improve transportation connectivity, and address traffic congestion by creating employment opportunities closer to residential areas.

Mr. Thaiwut Khankaew, Director of the Urban Planning and Development Office, revealed that Lat Krabang has been identified as a high-growth area with significant projects that serve as both employment hubs and large residential areas. However, the area's full potential has not been realized due to inadequate public transportation and a lack of systematic development, which is currently concentrated along main roads.

To address these challenges, the Office of Urban Planning and Development (OPDO) has engaged City Plan Professional Co., Ltd. and PSK Consultants Co., Ltd. to conduct a study and develop a master plan for the Lat Krabang area. The study will define the area's role, promote development with legal and urban planning measures, and foster collaboration between the public and private sectors.

The project will focus on improving public transportation systems, land use, and traffic management to enhance the quality of life and create a balance between work and living spaces. This will reduce the need for commuting into the city center.

The OPDO has held seminars to gather input on the master plan guidelines and is currently conducting further seminars on developing areas with high potential. Additionally, the Department of Highways and the State Railway of Thailand have been consulted on the project, particularly regarding the development of transit areas around the Airport Rail Link Lat Krabang Station and the mini-transfer point at Phra Chom Klao Railway Station.

Both agencies have agreed to allow SWED to design specific area plans for the Lat Krabang Suburban Community Center and adjacent areas. The study results are expected to be presented in November and will serve as a guideline for future development.

Source: Naew Na newspaper, May 28, 2024
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43040
Location: NECTEC

PostPosted: 28/05/2024 10:25 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
ทุ่ม24ล.ศึกษาพัฒนาพื้นที่ลาดกระบัง สร้าง'ศูนย์ชุมชนชานเมือง'รองรับเติบโต
Source - แนวหน้า
วันอังคาร ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลา 06:16 น.

กทม.ศึกษาพัฒนาพื้นที่เขตลาดกระบัง สร้าง "ศูนย์ชุมชนชานเมือง" วางผังพัฒนาตามศักยภาพ เชื่อมระบบขนส่งแก้จราจร สร้างแหล่งงานใกล้บ้าน


ที่มา: นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 28 พ.ค. 2567


เออ ไงๆ ก็ขยายมาที่ทับยาว จะได้เปิดที่หยุดรถทับยาวที่สร้างให้คนรถไฟแล้ว แต่ ปัญหาที่ไม่ได้เปิด เพราะ แฟลต สำหรับคนรถไฟนั้นโดนผู้รับเหมาทิ้งงาน

ตอนนี้ลิงก์มาแล้ว

ทุ่ม24ล.ศึกษาพัฒนาพื้นที่ลาดกระบัง สร้าง‘ศูนย์ชุมชนชานเมือง’รองรับเติบโต
วันอังคาร ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลา 06.00 น.

กทม.ศึกษาพัฒนาพื้นที่เขตลาดกระบัง สร้าง “ศูนย์ชุมชนชานเมือง” วางผังพัฒนาตามศักยภาพ เชื่อมระบบขนส่ง-แก้จราจร สร้างแหล่งงานใกล้บ้าน
https://www.naewna.com/local/807025
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43040
Location: NECTEC

PostPosted: 28/05/2024 1:26 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท.เร่งแก้ไขถนนไฟส่องสว่าง "กำแพงเพชร 6" เสร็จทุกจุด ก.ค.นี้
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันเสาร์ ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลา 15:54 น.
ปรับปรุง: วันเสาร์ ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลา 15:54 น.


การรถไฟฯ ชี้แจงกรณีถนนและระบบไฟส่องสว่างชำรุด บริเวณถนนกำแพงเพชร 6 เหตุเกิดจากการขโมยตัดสายไฟ โดยอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการแก้ไข ก.ค.นี้ เสร็จทุกจุด เตรียมส่งมอบพื้นที่ให้กทม.เข้าดูแล

นายเอกรัช ศรีอารยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ตามที่มีข้อร้องเรียนกรณีถนนกำแพงเพชร 6 หรือถนนเลียบทางรถไฟช่วงจตุจักร-รังสิตใต้ ซึ่งอยู่แนวรถไฟฟ้าสายสีแดงมีการชำรุด และพบปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างบางช่วงไม่ทำงานนั้น ล่าสุด การรถไฟฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขโดยทันที ซึ่งมีการดำเนินตามรายละเอียด ดังนี้



1. ถนนชำรุดเป็นหลุมบ่อ จำนวน 7 แห่ง ประกอบด้วย

พื้นที่ในเขตปทุมธานี จำนวน 2 จุด คือ จุดที่ 1 ช่วงสถานีรังสิต- คลองรังสิตประยูรศักดิ์ จุดที่ 2 ช่วงสถานีหลักหก โดยผู้รับผิดชอบก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต) ซึ่งได้ดำเนินการซ่อมแซมจุดที่ 1 เสร็จเมื่อเดือนมกราคม 2567 และจุดที่ 2 เสร็จเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2567

พื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 5 จุด คือ จุดที่ 1 ช่วงดอนเมือง จากแยกนายใช้-บมจ. ท่าอากาศยาน จุดที่ 2 ช่วงก่อนเข้าสถานีดอนเมืองฝั่งขาเข้า กทม. P347 จุดที่ 3 ช่วงก่อนเข้าสถานีทุ่งสองห้องฝั่งมาจากหลักสี่ จุดที่ 4 ช่วงก่อนเข้าสถานีบางเขนฝั่งมาจากทุ่งสองห้อง และจุดที่ 5 ช่วงวัดเสมียนนารีจนถึงแยกถนนงามวงศ์วานฝั่งขาออกกรุงเทพฯ ซึ่งทั้งหมดการรถไฟฯ อยู่ระหว่างเตรียมเข้าพื้นที่ และมีแผนจะทยอยซ่อมแซมแล้วเสร็จครบทุกจุด ภายในเดือนกรกฎาคม 2567



นอกจากนี้ เพื่อเป็นการดูแลบำรุงถนนกำแพงเพชร 6 ให้มีสภาพเรียบร้อยพร้อมใช้งานในระยะยาว การรถไฟฯ ได้มีการหารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมส่งมอบถนนกำแพงเพชร 6 พร้อมระบบสาธารณูปโภคให้กับกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นหน่วยงานมีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ดูแลบำรุงรักษา โดยปัจจุบันการรถไฟฯ ได้ทำหนังสือส่งมอบถนนกำแพงเพชร 6 พร้อมระบบสาธารณูปโภคให้กับกรุงเทพมหานคร ไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา พร้อมกับได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพถนนเบื้องต้นร่วมกัน เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 และในเดือนมิถุนายน 2567 การรถไฟฯ จะนำคณะกรรมการรับมอบถนนกรุงเทพมหานคร เข้าตรวจสอบความสมบูรณ์ของถนนอีกครั้ง ตามเงื่อนไขที่กรุงเทพมหานครกำหนด และหากดำเนินการเรียบร้อยแล้ว จะสามารถส่งมอบถนนกำแพงเพชรให้กรุงเทพมหานครได้ในเดือนสิงหาคม 2567



2. ปัญหาระบบไฟส่องสว่างถนนกำแพงเพชร 6 จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบสาเหตุเกิดจากการถูกลักลอบตัดสายไฟ และตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์หลายจุด จนทำให้ระบบไฟบริเวณถนนกำแพงเพชร 6 ไม่สามารถทำงาน ซึ่งการรถไฟฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น โดยได้ทำหนังสือแจ้งการไฟฟ้านครหลวงในการเร่งรัดแก้ไขเป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยดำเนินการแล้วเสร็จและกลับมาเปิดใช้ระบบไฟส่องสว่างได้เป็นปกติแล้วจำนวน 3 จุด ได้แก่ 1. สถานีจตุจักร-วัดเสมียนนารี 2. สถานีวัดเสมียนนารี-บางเขน 3. สถานีบางเขน-ทุ่งสองห้อง ส่วนที่สถานีทุ่งสองห้อง-รังสิต อยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุมัติงบประมาณในการซ่อมบำรุง ทั้งนี้ หากได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว การรถไฟฯ จะประสานให้การไฟฟ้านครหลวง เร่งปรับปรุงให้เสร็จโดยเร็วที่สุด

“ปัญหาการลักลอบตัดสายไฟ และขโมยทรัพย์สินการรถไฟฯ ที่ถนนกำแพงเพชร 6 เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ในพื้นที่ดังกล่าวได้เคยเกิดเหตุมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งการรถไฟฯ ได้ให้ผู้รับจ้างดำเนินการแก้ไข ด้วยการเดินสายเมนไฟฟ้าใหม่ จนสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ แต่ต่อมาก็ยังมีการลักลอบตัดสายไฟ และตู้ระบบไฟฟ้าแสงสว่างพร้อมอุปกรณ์อยู่บ่อย ๆ จนเป็นเหตุให้เกิดปัญหาดังกล่าวซ้ำ”



นอกจากนี้ ที่ผ่านมาการรถไฟฯ ยังได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง สน.ประชาชื่น และ สน.ดอนเมือง ให้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดมาโดยตลอด เพราะตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน พบการลักลอบตัดสายไฟบนถนนกำแพงเพชรแล้วมากกว่า 25 ครั้ง แต่กระนั้นยังพบการลักลอบการกระทำผิดมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อเป็นการดูแลป้องกันปัญหาระยะยาว การรถไฟฯ ได้ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการช่วยสอดส่องดูแลพื้นที่จุดเสี่ยง และขอให้ดำเนินการคดีกับผู้กระทำความผิดโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากเป็นการทำให้ทรัพย์สินราชการเสียหายแล้ว ยังก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนผู้ใช้ทางสัญจรไปมาอีกด้วย



ขณะเดียวกัน การรถไฟฯ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ช่วยกันสอดส่องดูแลทรัพย์สินของทางราชการ หากพบเห็นเหตุผิดปกติ โปรดแจ้งที่ Call Center การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 หรือโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งขอเตือนว่า พฤติกรรมลักขโมยสายไฟ รวมถึง ครอบครอง ซื้อขายอุปกรณ์ส่วนควบ เครื่องยึดเหนี่ยวทางรถไฟ อุปกรณ์ต่าง ๆ ของการรถไฟฯ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายฐานลักทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ถือว่ามีความผิด โทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงผู้รับซื้อทรัพย์สินของทางราชการต่าง ๆ จะมีความผิด ฐานรับของโจร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“รฟท.” แจงเหตุระบบไฟชำรุด ย่านถนนกำแพงเพชร 6
ฐานเศรษฐกิจ
วันอาทิตย์ ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลา 11:51 น.

“รฟท.” แจงกรณีถนน-ระบบไฟส่องสว่างชำรุด ย่านถนนกำแพงเพชร 6 พบเหตุขโมยตัดสายไฟ เร่งส่งมอบพื้นที่ให้กทม.สานต่อภายในเดือนส.ค.นี้

นายเอกรัช ศรีอารยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ตามที่มีข้อร้องเรียนกรณีถนนกำแพงเพชร 6 หรือถนนเลียบทางรถไฟช่วงจตุจักร-รังสิตใต้ ซึ่งอยู่แนวรถไฟฟ้าสายสีแดงมีการชำรุด และพบปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างบางช่วงไม่ทำงานนั้น



ล่าสุดการรถไฟฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขโดยทันที ซึ่งมีการดำเนินตามรายละเอียด ดังนี้ 1. ถนนชำรุดเป็นหลุมบ่อ จำนวน 7 แห่ง ประกอบด้วย พื้นที่ในเขตปทุมธานี จำนวน 2 จุด คือ จุดที่ 1 ช่วงสถานีรังสิต- คลองรังสิตประยูรศักดิ์ จุดที่ 2ช่วงสถานีหลักหก โดยผู้รับผิดชอบก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต) ซึ่งได้ดำเนินการซ่อมแซมจุดที่ 1 เสร็จเมื่อเดือนมกราคม 2567 และจุดที่ 2 เสร็จเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2567



ส่วนพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 5 จุด คือ
จุดที่ 1 ช่วงดอนเมือง จากแยกนายใช้-บมจ. ท่าอากาศยาน
จุดที่ 2 ช่วงก่อนเข้าสถานีดอนเมืองฝั่งขาเข้า กทม. P347
จุดที่ 3 ช่วงก่อนเข้าสถานีทุ่งสองห้องฝั่งมาจากหลักสี่
จุดที่ 4 ช่วงก่อนเข้าสถานีบางเขนฝั่งมาจากทุ่งสองห้อง และ
จุดที่ 5 ช่วงวัดเสมียนนารีจนถึงแยกถนนงามวงศ์วานฝั่งขาออกกรุงเทพฯ ซึ่งทั้งหมดการรถไฟฯ อยู่ระหว่างเตรียมเข้าพื้นที่ และมีแผนจะทยอยซ่อมแซมแล้วเสร็จครบทุกจุด ภายในเดือนกรกฎาคม 2567


ขณะเดียวกันการรถไฟฯ ได้มีการหารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมส่งมอบถนนกำแพงเพชร 6 พร้อมระบบสาธารณูปโภคให้กับกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นหน่วยงานมีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ดูแลบำรุงรักษาเพื่อเป็นการดูแลบำรุงถนนกำแพงเพชร 6 ให้มีสภาพเรียบร้อยพร้อมใช้งานในระยะยาว


ทั้งนี้ในปัจจุบันการรถไฟฯ ได้ทำหนังสือส่งมอบถนนกำแพงเพชร 6 พร้อมระบบสาธารณูปโภคให้กับกรุงเทพมหานคร ไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา พร้อมกับได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพถนนเบื้องต้นร่วมกัน เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 และในเดือนมิถุนายน 2567 การรถไฟฯ จะนำคณะกรรมการรับมอบถนนกรุงเทพมหานคร เข้าตรวจสอบความสมบูรณ์ของถนนอีกครั้ง ตามเงื่อนไขที่กรุงเทพมหานครกำหนด และหากดำเนินการเรียบร้อยแล้ว จะสามารถส่งมอบถนนกำแพงเพชรให้กรุงเทพมหานครได้ในเดือนสิงหาคม 2567



2. ปัญหาระบบไฟส่องสว่างถนนกำแพงเพชร 6 จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบสาเหตุเกิดจากการถูกลักลอบตัดสายไฟ และตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์หลายจุด จนทำให้ระบบไฟบริเวณถนนกำแพงเพชร 6 ไม่สามารถทำงาน ซึ่งการรถไฟฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น โดยได้ทำหนังสือแจ้งการไฟฟ้านครหลวงในการเร่งรัดแก้ไขเป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยดำเนินการแล้วเสร็จและกลับมาเปิดใช้ระบบไฟส่องสว่างได้เป็นปกติแล้วจำนวน 3 จุด ได้แก่

1. สถานีจตุจักร-วัดเสมียนนารี
2. สถานีวัดเสมียนนารี-บางเขน
3. สถานีบางเขน-ทุ่งสองห้อง

ส่วนที่สถานีทุ่งสองห้อง-รังสิต อยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุมัติงบประมาณในการซ่อมบำรุง ทั้งนี้ หากได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว การรถไฟฯ จะประสานให้การไฟฟ้านครหลวง เร่งปรับปรุงให้เสร็จโดยเร็วที่สุด



“ปัญหาการลักลอบตัดสายไฟ และขโมยทรัพย์สินการรถไฟฯ ที่ถนนกำแพงเพชร 6 เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ในพื้นที่ดังกล่าวได้เคยเกิดเหตุมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งการรถไฟฯ ได้ให้ผู้รับจ้างดำเนินการแก้ไข ด้วยการเดินสายเมนไฟฟ้าใหม่ จนสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ แต่ต่อมาก็ยังมีการลักลอบตัดสายไฟ และตู้ระบบไฟฟ้าแสงสว่างพร้อมอุปกรณ์อยู่บ่อย ๆ จนเป็นเหตุให้เกิดปัญหาดังกล่าวซ้ำ”

“รฟท.” แจงเหตุระบบไฟชำรุด ย่านถนนกำแพงเพชร 6

ที่ผ่านมาการรถไฟฯ ยังได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง สน.ประชาชื่น และ สน.ดอนเมือง ให้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดมาโดยตลอด เพราะตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน พบการลักลอบตัดสายไฟบนถนนกำแพงเพชรแล้วมากกว่า 25 ครั้ง แต่ยังพบการลักลอบการกระทำผิดมาอย่างต่อเนื่อง



ดังนั้นเพื่อเป็นการดูแลป้องกันปัญหาระยะยาว การรถไฟฯ ได้ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการช่วยสอดส่องดูแลพื้นที่จุดเสี่ยง และขอให้ดำเนินการคดีกับผู้กระทำความผิดโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากเป็นการทำให้ทรัพย์สินราชการเสียหายแล้ว ยังก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนผู้ใช้ทางสัญจรไปมาอีกด้วย


อย่างไรก็ตามการรถไฟฯขอเตือนว่า พฤติกรรมลักขโมยสายไฟ รวมถึง ครอบครอง ซื้อขายอุปกรณ์ส่วนควบ เครื่องยึดเหนี่ยวทางรถไฟ อุปกรณ์ต่าง ๆ ของการรถไฟฯ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายฐานลักทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ถือว่ามีความผิด โทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงผู้รับซื้อทรัพย์สินของทางราชการต่าง ๆ จะมีความผิด ฐานรับของโจร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 45614
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 29/05/2024 11:25 am    Post subject: Reply with quote

สำรวจผู้ได้รับผลกระทบถึงสิ้นปีรถไฟทางคู่ หาดใหญ่-สงขลา-สะเดา
Songkhla_Focus

พอช. ขอขยายเวลาสำรวจข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่“หาดใหญ่-สงขลา และ หาดใหญ่-สะเดา” ถึงสิ้นปีนี้ เผยนำเข้าฐานข้อมูลในระบบแล้ว 4,183 ครัวเรือน จาก 8,716 ครัวเรือน

7 พฤษภาคม 2567 ณ ห้องประชุม สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสงขลา นายอำนวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเป็นประธานการประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาของรัฐกรณีรถไฟทางคู่ในชุมชนพื้นที่รถไฟ และคณะทำงานลงสำรวจพื้นที่ผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางหาดใหญ่-สงขลา และเส้นทาง หาดใหญ่-สะเดา จ.สงขลา ครั้งที่ 1/2567
นายอำนวย กล่าวว่า สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(พอช.) ร่วมกับภาคเอกชนที่เป็นองค์กรเอกชนในพื้นที่ ซึ่งมีเครือข่าย 4 ภาค มาร่วมกันแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนที่มีความเดือดร้อนในพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
“เป็นเรื่องระหว่างพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่การรถไฟฯ โดยพอช. เข้าร่วมแก้ไขปัญหา เป็นการมารายงานผลการดำเนินการในภาพรวมทั่วประเทศ”
ในจังหวัดสงขลา ซึ่งอยู่ในภาพรวมของประเทศ
ด้วย ดำเนินการมานานพอสมควรแล้ว และกำหนดเวลาว่าจะต้องสำรวจเพื่อจัดส่งให้กับรฟท. เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาภายในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ โดยในพื้นที่จังหวัดสงขลาได้ดำเนินการไปแล้ว 8,000 กว่าราย
“เป็นการสำรวจข้อมูลลงพื้นที่ไปได้ประมาณ 4,000 กว่าราย ยังขาดอีก 3,000 กว่าราย ที่ประชุมจึง
ได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ”
โดยทางจังหวัดจะเข้าไปมีส่วนร่วมตั้งคณะทำงานสำรวจข้อมูล ซึ่งจะอาศัยผ่านทางนายอำเภอ ผู้
ปกครองท้องที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึง รฟท. เพื่อร่วมกันสำรวจข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน นำไปสู่การแก้ไขปัญหาคือ การเช่าที่ รฟท.
เพราะรฟท. มีนโยบายสำหรับที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ให้ชาวบ้าน ซึ่งอาศัยอยู่แล้ว จัดระเบียบเพื่อให้อาศัยโดยถูกต้องด้วยการให้เช่า ซึ่งมีหลักเกณฑ์อยู่ว่าพื้นที่ประเภทไหนบ้าง ที่เข้าไปอยู่อาศัยได้
“จังหวัดในฐานะเจ้าของพื้นที่ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ก็เข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ด้วย เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส”
ล่าสุด ได้ขอขยายเวลาในการสำรวจข้อมูลจากวันที่ 17 พฤษภาคม ออกไปจนถึงสิ้นปี 2567 ซึ่งก็
สอดคล้องกับของจังหวัดสงขลา ที่ยังไม่แล้วเสร็จสำรวจไปได้แค่ 4,000 กว่าราย จาก 8,000 กว่าราย
นายไชยา พลขาง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมราง พอช. กล่าวว่า จากข้อมูลล่าสุด
จำนวนผู้ได้รับผลกระทบ 8,716 ครัวเรือน ในพื้นที่ 7
อำเภอ 18 ตำบล 76 ชุมชน ซึ่งความคืบหน้าในการดำเนินการได้จัดเวทีเพื่อสร้างความเข้าใจให้พี่น้องชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ รวมไปถึงการจัดเวทีในระดับจังหวัดหรือเวทีในระดับพื้นที่
โดยได้มีกระบวนการในการลงไปชี้แจงนโยบาย ชี้แจงข้อมูลข่าวสาร รวมไปถึงการแจ้งเงื่อนไข และแผนต่างๆ ที่ชุมชนต้องเตรียมตัว
“ในรอบเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เราจัดเวทีร่วมกันวันที่ 18-19 มีนาคม ที่เทศบาลตำบลพะตง และที่
เทศบาลนครหาดใหญ่ หลังจากนั้น ก็ลงไปจัดในระดับ
พื้นที่ ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ทั่วถึง”
โครงการนี้มีความเร่งด่วนคือ มีระยะเวลา 5 ปี จนไปถึงปี 2570 แต่เงื่อนไข ต้องรวบรวมข้อมูล ยืนยันข้อมูลผู้เดือดร้อนภายในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ จึงเป็น
ที่มาของการกระจายจัดเวที เพื่อนำข้อมูลข่าวสารให้
พี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ บัตรประจำตัว
ประชาชน และที่อยู่ เพื่อรวมรวมรายชื่อที่จะลงทะเบียนภายวันที่ 17 พฤษภาคม และพอยืนยันไปแล้วแผนก็ไปอยู่ที่ รฟท.ในการแก้ไขปัญหาไปจนถึงปี 2570
ล่าสุดพบว่า ในช่วงการรวบรวมข้อมูลก็มีปัญหาติดขัด เช่น การลงไปบางจุด บางพื้นที่ ทางเจ้าหน้าที่ของรฟท.ไม่ได้ไปร่วมด้วย หรือแม้กระทั่งชุมชนก็ไม่เชื่อมั่นว่า โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางหาดใหญ่-สงขลา และหาดใหญ่-สะเดา จะมีจริงหรือไม่ จะสร้างจริงมั๊ย จะไล่จริงมั๊ย จะรื้อจริงมั๊ย ในลักษณะแบบนี้
หรือบางทีก็เป็นเรื่องการเมืองในพื้นที่ด้วย ทำให้เป็นอุปสรรคในการดำเนินการ ซึ่งยังเป็นปัญหาอยู่ เราจึงเสนอว่าขอขยายเวลาในการรวบรวมรายชื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบไปจนถึงสิ้นปี 2567
“ที่ประชุมก็เห็นชอบในหลักการ ฉะนั้น วิธีการดำเนินการก็คงต้องมาคุยกับทาง รฟท.อีกรอบหนึ่ง”
สำหรับภาพรวมการดำเนินการของจังหวัดสงขลา มีผู้ได้รับผลกระทบ 8,716 ครัวเรือน 76 ชุมชน มี
ความคืบหน้า ณ วันที่ 30 เมษายน 2567 มีการนำเข้าฐานข้อมูลในระบบแล้ว 4,183 ครัวเรือน อยู่ระหว่างนำเข้าฐานข้อมูลในระบบ 3,455 ครัวเรือน และอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลอีก 1,078 ครัวเรือน
“จังหวัดสงขลาอยากให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมนี้เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามแผนเดิมก่อน และใช้ช่วงเวลาที่เหลือไปจนถึงสิ้นปี 2567 ในการค้นหารูปแบบการพัฒนาและการจัดหาที่ดินรองรับ” นายไชยา กล่าว และว่า
มีข้อเสนอในที่ประชุมเพื่อพิจารณาเป็นแนวทางดำเนินการคือ

1.จากการที่ลงพื้นที่ชุมชนพบว่าจำนวนครัวเรือนเกินจากที่ระบุไว้ในทะเบียน ยกตัวอย่าง เช่น ชุมชน ก. ลงไว้ 50 ครัวเรือน แต่พอไปสำรวจจริงพบว่ามี 70-100 ครัวเรือน เนื่องจากการยืนยันข้อมูลเป็นการสำรวจเชิงกายภาพ เพราะไม่สามารถลงชุมชนรายหลังได้
จึงใช้วิธีการประมาณการณ์ แต่พอลงพื้นที่กลายเป็นว่าจะมีจำนวนครัวเรือนที่อยู่จริงงอกมาจากจำนวนที่ระบุไว้ จึงฝากให้คณะทำงานในระดับจังหวัด

2.พบว่ารายชื่อชุมชนไม่ตรงกับรายชื่อที่ท้องถิ่นมี เช่น รายชื่อที่ยื่นไปกับรฟท.ที่มีกับรายชื่อที่มีในท้องถิ่นพบว่าชื่อไม่ตรงกัน โดยพบในพื้นที่พะตงกับคอหงส์

และ 3. พบรายชื่อตกหล่น อย่างเช่นที่ เทศบาลตำบลบ้านไร่ รายชื่อตกหล่นทุกชุมชน อันนี้คือสิ่งที่พบจากการลงพื้นที่ชุมชน ซึ่งถ้ามีคณะกรรมการแก้ไขในระดับท้องถิ่นจะเป็นกลไกที่สำคัญในการช่วยเหลือหรือสร้างความเข้าใจกับชุมชน ลดความขัดแย้งในพื้นที่ และการที่ท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทจะทำให้ความเชื่อมั่นกับพี่น้องประชาชนได้มากกว่าที่จะเป็นคนนอกพื้นที่


Survey of Double-Track Railway Impact Extended to End of Year
Songkhla Focus

The Community Organizations Development Institute (CODI) has requested an extension until the end of the year to complete its survey of residents affected by the Hat Yai-Songkhla and Hat Yai-Sadao double-track railway construction project. To date, data from 4,183 out of 8,716 affected households have been entered into the system.

On May 7, 2024, a meeting of the working group addressing housing issues related to the project was held at the Songkhla Province Office of Social Development and Human Security. Chaired by Deputy Governor Amnuay Pinsuwan, the meeting included representatives from CODI, the State Railway of Thailand (SRT), and local community organizations.

Deputy Governor Amnuay emphasized the collaborative effort between community organizations and government agencies to address the concerns of residents affected by the railway construction. He noted that over 8,000 cases have been processed in Songkhla Province, with approximately 4,000 households surveyed so far.

To expedite the remaining surveys, the province will establish a working group consisting of district chiefs, local government organizations, and SRT representatives. The goal is to ensure accurate and complete data collection, facilitating the SRT's housing solutions for affected residents.

The SRT's policy allows villagers living on unused land to rent it, providing a secure living situation. The province, as the area's owner, is committed to finding equitable and transparent solutions for its residents.

Chaiya Phonkhang, Director of the Rim Rang Community Housing Development Office (CODI), stated that forums have been held to inform residents about the project and its potential impact. However, challenges such as inconsistencies between community lists and local lists, as well as missing names, have hindered progress.

CODI has proposed extending the data collection deadline to the end of 2024 to address these issues and ensure accurate data for the project, which is scheduled for completion in 2027.

The meeting participants agreed in principle to the extension, with further discussions planned with the SRT to finalize the operational details.

As of April 30, 2024, data from 4,183 households have been entered into the system, with 3,455 households in the process of being added. Data collection is ongoing for the remaining 1,078 households.

Songkhla Province aims to complete the initial data collection by May 2024, using the remaining time until the end of the year to develop housing models and secure land for affected residents.

Additional action items proposed at the meeting include addressing discrepancies in household numbers, resolving inconsistencies between community lists and local lists, and establishing a local corrections committee to build trust and reduce conflicts with the community.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43040
Location: NECTEC

PostPosted: 29/05/2024 4:48 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
สำรวจผู้ได้รับผลกระทบถึงสิ้นปีรถไฟทางคู่ หาดใหญ่-สงขลา-สะเดา
Songkhla_Focus
.


ลิงก์มาแล้วครับ
สำรวจผู้ได้รับผลกระทบถึงสิ้นปีรถไฟทางคู่ หาดใหญ่-สงขลา-สะเดา
วันพุธ ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลา 10.03 น.

พอช. ขอขยายเวลาสำรวจข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่“หาดใหญ่-สงขลา และ หาดใหญ่-สะเดา” ถึงสิ้นปีนี้ เผยนำเข้าฐานข้อมูลในระบบแล้ว 4,183 ครัวเรือน จาก 8,716 ครัวเรือน
สำรวจผู้ได้รับผลกระทบถึงสิ้นปีรถไฟทางคู่ หาดใหญ่-สงขลา-สะเดา

ม.อ.หนุนพันธกิจชุมชนจันทร์วิโรจน์สำรวจคนไทยตกหล่น-ไร้สิทธิริมทางรถไฟ
Songkhla_Focus
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.)​ โดย สำนักพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และพันธกิจสังคม ได้ขับเคลื่อนงานเชิงพื้นที่ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทุกช่วงวัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมทรัพยากรมนุษย์ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเมืองเศรษฐกิจภาคใต้ ทำให้เกิดแกนนำชุมชนที่สามารถสร้างสรรค์ริเริ่มงานพันธกิจสังคมด้วยตนเองได้

โดยวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 แกนนำชุมชนจันทร์วิโรจน์ ตำบลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นำโดยคุณสุภาภรณ์ แสงจันทร์ ประธานชุมชน และคณะ เข้าพบคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นำโดย ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี ผศ. ดร.จุมพล ชื่นจิตต์ศิริ รองอธิการบดีฝ่ายกฎหมายและบริการวิชาการ ผศ. ดร.นิเวศน์ อรุณเบิกฟ้า ผู้อำนวยการ สำนักพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และพันธกิจสังคม และ อ.ดร.ณัฐพนธ์ อุทัยพันธุ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริการวิชาการและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อหารือถึงแนวทางขับเคลื่อนงานพันธกิจชุมชน ช่วยเหลือคนไทยตกหล่นหรือคนไทยไร้สิทธิและผลักดันสู่บุคคลที่มีสัญชาติไทย ซึ่งเป็นสถานการณ์ปัญหาที่เป็นความทุกข์ของคนในชุมชนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้ถึงที่สุด


คุณสุภาภรณ์ แสงจันทร์ ประธานชุมชนจันทร์วิโรจน์ กล่าวถึงสถานการณ์คนไทยตกหล่นหรือคนไทยไร้สิทธิในชุมชนริมทางรถไฟในพื้นที่จันทร์วิโรจน์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตนได้รับการร้องเรียนขอให้ช่วยแก้ไขมาตั้งแต่เริ่มมารับตำแหน่งประธานชุมชน ซึ่งตนได้ดำเนินการหาวิธีการช่วยเหลือหลากหลายวิธี แต่ยังไม่ได้เกิดผลสำเร็จ แต่เมื่อได้มีโอกาสมาเรียนรู้ผ่านการทำงานพัฒนาร่วมกับทีมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทั้งงานพันธกิจสังคมของทีมสำนักพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และพันธกิจสังคม งานอาสาสมัคร ของศูนย์อาสาสมัคร ม.อ. และนักวิจัยจากคณะหน่วยงานอื่น ๆ ในมหาวิทยาลัย ตนจึงเห็นแนวทางการดำเนินงานพัฒนาช่วยเหลือคนในชุมชนประกอบกับได้รู้จักเครือข่ายหน่วยงานพัฒนาในพื้นที่เป็นกลไกทางสังคมมาร่วมสนับสนุนหนุนเสริมให้งานพันธกิจของชุมชนมีทิศทางมากขึ้น สามารถพาเคส เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบสิทธิได้ แต่ยังมีอีกหลายขั้นตอนที่ชุมชนอยู่ระหว่างเรียนรู้หาวิธีและเทคนิคการทำงานที่นำสู่ความสำเร็จได้


ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกชุมชน จำนวน 3 รายที่มาแจ้งขอรับการช่วยเหลือ แต่คิดว่าถ้าสำรวจอย่างเป็นระบบคาดว่าจะมีคนไทยตกหล่นหรือคนไทยไร้สิทธิอีกเป็นจำนวนมาก ที่ยังตกอยู่ในสถานการณ์รอรับการกำหนดสถานะบุคคลที่ถูกต้อง ทำให้ไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานและสิทธิพลเมือง ซึ่งปัญหาการเข้าไม่ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานและสิทธิพลเมืองนี้ ทำให้คนไทยไร้สิทธิและครอบครัวต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหรือขอความอนุเคราะห์ค่ารักษาจากสถานพยาบาล หลายรายเลือกที่จะไม่เข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลแต่อย่างใด


ด้าน ผศ. ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี กล่าวถึงงานพัฒนาแก้ไขผลักดันคนไทยตกหล่นหรือคนไทยไร้สิทธิสู่บุคคลที่มีสัญชาติไทย เป็นสถานการณ์ที่มีกระบวนการที่ซับซ้อน จำเป็นต้องได้รับการหนุนเสริมจากหลายองคาพยพในสังคม

โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในฐานะที่เป็นสถาบันวิชาการในพื้นที่จะเป็นแรงหนุนอีกแรงให้แก่ชุมชนโดยจะนำกระบวนการวิจัยและพันธกิจสังคมและความเป็นเครือข่ายของมหาวิทยาลัยเป็นทุนในการร่วมพันธกิจของชุมชนในครั้งนี้
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 45614
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 05/06/2024 4:44 pm    Post subject: Reply with quote

วิถีคน ชุมชนเข้มแข็ง Ep.6 l วิถีริมรางรถไฟกันตัง สุดปลายทางรถไฟสายอันดามัน
วิถีคน ชุมชนเข้มแข็ง
May 31, 2024


https://www.youtube.com/watch?v=przZvyuOxZk

Way of Life: Strong Community Ep.6 | Life by the Railway Tracks of Kantang, the End of the Andaman Railway Line
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 45614
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 05/06/2024 7:26 pm    Post subject: Reply with quote

‘ภูมิธรรม’ตรวจความคืบหน้าโครงการพัฒนาชายแดนใต้ | เดลินิวส์
Source - เว็บไซต์เดลินิวส์
Wednesday, June 05, 2024 18:22

‘ภูมิธรรม’นำคณะเยือนชายแดนใต้ ตรวจความคืบหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่ ชูเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้าเพื่อสร้างสันติสุข

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) พร้อมคณะ อาทิ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ลงพื้นที่ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และประชุมติดตามความคืบหน้าการยกระดับ พัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยกับรัฐติดชายแดนของมาเลเซีย สู่การเป็นเมืองคู่แฝด

ทั้งนี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า การเดินทางลงมาพื้นที่ครั้งนี้ ตนตั้งใจมารับฟังทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชน เยาวชน และผู้นำศาสนา ทั้งความยากลำบากและความสำเร็จในการทำงาน เพื่อให้เข้าใจพื้นที่นี้มากขึ้น รวมถึงสามารถนำไปมอบนโยบายการทำงานและขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด ทั้งนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า เพื่อสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ อาทิ การพัฒนาเมืองคู่แฝด การพัฒนาด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก แห่งที่ 2 ซึ่งคาดว่าน่าจะเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นในปี 2569 อย่างไรก็ตาม ทุกเรื่องที่นำเสนอเป็นการขับเคลื่อนและทำงานของ ศอ.บต. จึงขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน เพื่อชายแดนใต้และประเทศชาติ

จากนั้น นายภูมิธรรม และคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามรับฟังความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก หรือ สะพานสุไหงโก-ลก แห่งที่ 2 ที่มีลักษณะโครงสร้างเป็นรูปเรือ มาจากการออกแบบของฝั่งประเทศมาเลเซีย ซึ่งสะท้อนภูมิปัญญาของทั้ง 2 ประเทศ สำหรับความคืบหน้าการดำเนินโครงการดังกล่าวนั้น ได้มีการจัดประชุมด้านเทคนิคร่วมไทย-มาเลเซีย เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหารือการสำรวจพื้นที่ในฝั่งไทย การปรับแบบ รายละเอียด การออกแบบ และกรอบระยะเวลาโครงการ นอกจากนี้ กรมทางหลวงอยู่ระหว่างศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เนื่องจากบริเวณก่อสร้างสะพานดังกล่าว เป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นเวลานาน ดังนั้นต้องมีการหารือกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบมากที่สุด


"Phumitham Inspects Progress of Southern Border Development Projects" | Daily News Website

Source: Daily News Website
Wednesday, June 05, 2024, 18:22

Phumitham Vejjayachai, Deputy Prime Minister and Minister of Commerce, along with a delegation, visited the southern border to inspect the progress of regional development projects, emphasizing the transformation of conflict zones into commercial areas to foster peace.

On June 5, Phumitham Vejjayachai, Deputy Prime Minister and Minister of Commerce, in his capacity as Chairman of the Strategic Committee for Southern Border Provinces Development (SBPAC), along with key officials including Pol. Lt. Col. Wannapong Kocharak, Secretary-General of SBPAC, Lt. Gen. Santi Sakuntanak, Commander of the Fourth Army Region, and the Deputy Governor of Narathiwat, visited the Su-ngai Kolok Customs House in Narathiwat. They held a meeting to review the progress of elevating and developing Thailand's southern border provinces in coordination with the adjacent Malaysian state, aiming to establish them as twin cities.

Phumitham stated that his visit aimed to gather insights from all sectors, including the government, private sector, local citizens, youth, and religious leaders, to better understand the area's challenges and achievements. This understanding would inform policy development and implementation to maximize benefits for the populace. The government's goal is to transform conflict zones into commercial hubs to create peace in the southern border provinces. Current initiatives include developing twin cities, upgrading the Su-ngai Kolok Customs House, and constructing the second Golok River bridge, which is expected to materialize more concretely by 2026. These initiatives are driven by SBPAC's work, calling for cooperation from all parties for the benefit of the southern border and the nation.

Phumitham and his team also inspected the progress of constructing the parallel bridge across the Golok River in Su-ngai Kolok, designed as a ship's structure by Malaysia, reflecting the shared wisdom of both nations. The project's progress was discussed at a joint technical meeting between Thailand and Malaysia in January, covering site surveys in Thailand, design adjustments, project details, and timelines. The Department of Highways is currently conducting an Environmental Impact Assessment (EIA) since the bridge site is on land owned by the State Railway of Thailand (SRT) and has long been inhabited by residents. Thus, consultations with local communities are necessary to minimize impacts.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 45614
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 06/06/2024 3:36 pm    Post subject: Reply with quote

ย้อนไทม์ไลน์ 1 ปี เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’ไม่คืบหน้า-‘กรมที่ดิน’นัด'รฟท.'ชี้เขตรังวัดที่ดิน
สำนักข่าวอิศรา
วันพฤหัสบดี ที่ 06 มิถุนายน 2567 เวลา 15:14 น.

“…สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ แจ้งตัวแทนผู้รับมอบอำนาจของการรถไฟฯ เข้าร่วมประชุมหารือกำหนดนัดวันรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณเขากระโดง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ โดยที่ประชุมมีมติ ให้กรมที่ดิน (สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์) กำหนดแผนงานการรังวัดการตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณทางแยกเขากระโดง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ในเบื้องต้น ช่วงระหว่างเดือน มิ.ย.-ก.ค.2567…”

https://www.isranews.org/article/isranews-scoop/129105-Dol-SRT-Kaokradong-Buriram-revoke-land-title-deed-timeline-report.html

The Buriram Provincial Land Office has notified the authorized representative of the State Railway of Thailand to attend a meeting to discuss and schedule a survey to inspect the boundaries of the State Railway of Thailand's land in the Khao Kradong area, Mueang Buriram District, Buriram Province. The meeting resolved that the Department of Lands (Buriram Provincial Land Office) would preliminarily set up a plan for surveying and inspecting the land boundaries in the Khao Kradong junction area, Mueang Buriram District, Buriram Province, during June-July 2024.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 45614
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 08/06/2024 10:11 am    Post subject: Reply with quote

ธนารักษ์นัดถก เลิกเวนคืนหมอชิต เอื้อ "คอมเพล็กซ์" สุริยะเมินแผนเก่า ไม่ย้ายกลับ "บขส."
Source - ไทยรัฐออนไลน์
Saturday, June 08, 2024 09:40

คมนาคมยันเสียงแข็งไม่ย้ายสถานีขนส่ง บขส. กลับหมอชิตเก่าชี้ไม่เหมาะสมและไม่มีความจำเป็น เผยเดือน มิ.ย.เตรียมเรียกประชุมยกเลิกมติ คจร. ที่เคยให้สร้างถนน ลอยฟ้าเป็นทางเข้า-ออกโครงการหมอชิตคอมเพล็กซ์ เชื่อมถนนวิภาวดีรังสิต หลังหารือนอกรอบกับกรมธนารักษ์-กทม.แล้ว ขณะที่ชาวบ้านชุมชนหลังหมอชิตเก่าเดินสายยื่นหนังสือให้ชัชชาติ-รมว.คลัง-รมช.คลัง-กรมธนารักษ์ เรียกร้องไม่ให้ต่ออายุ พ.ร.ฎ. เวนคืนที่ดินหลังหมอชิตและค้านสร้างถนนลอยฟ้าเอื้อเอกชนขับไล่ที่ ทำชาวบ้านเดือดร้อน ด้าน "ชัชชาติ" ชี้ต้องเอาประชาชนเป็นหลักไม่เอื้อประโยชน์นายทุน

การคัดค้านการต่ออายุเวนคืนที่ดินบริเวณชุมชนหลังหมอชิตเก่าเพื่อนำไปสร้างทางยกระดับหรือถนนลอยฟ้าเข้าคอมเพล็กซ์ใหญ่ครั้งนี้ มีขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 มิ.ย. กลุ่มประชาชนจากชุมชนหลังหมอชิตเก่าที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกำหนดเขตเวนคืนที่ดิน เพื่อนำไปสร้างทางยกระดับหรือถนนลอยฟ้าเพื่อเป็นทางเข้า-ออก ให้กับโครงการหมอชิต คอมเพล็กซ์ ของบริษัทBKT เอกชนที่ได้รับสัมปทานเช่าที่ดินบริเวณหมอชิตเก่าจากกรมธนารักษ์ รวมตัวเดินทางไปที่ศาลาว่าการ กทม. ยื่นหนังสือถึงนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ขอให้ กทม.แจ้งยืนยันไม่ประสงค์จะต่ออายุพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนของประชาชนชุมชนหลังหมอชิตเก่าที่ พรฎ.เวนคืนฯ ฉบับนี้จะหมดอายุลงในเดือน ส.ค.67 นายชัชชาติลงมารับหนังสือและรับฟังความเดือดร้อนของประชาชนด้วยตัวเองพร้อมกล่าวว่า จะรับเรืิ่องไปดูให้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดแจ้งมาว่าจะมีการต่อ พรฎ.เวนคืน อย่างไรก็ตาม จะหารือกับกรมธนารักษ์ และกระทรวงคมนาคมว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนมายื่นหนังสือคัดค้าน ต้องดูรายละเอียดการเวนคืนที่ดินเพื่อทำถนนเชื่อมทางด่วนกับคอมเพล็กซ์ เป็นโครงการเก่าจึงต้องมาอัปเดตข้อมูลกันอีกครั้งว่ามีความจำเป็นอยู่มากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีทั้งกระทรวงคมนาคมและกรมธนารักษ์ สิ่งที่ประชาชนกังวลคือเรื่องการจราจร หากย้ายสถานีขนส่ง บขส.กลับมาที่เดิมจริง จะทำให้การจราจรแออัดซึ่งก็มีแนวคิดควรให้สถานีขนส่ง บขส.ไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีแดงและรถไฟความเร็วสูงแถวบางซื่อน่าจะดีกว่า กระทรวงคมนาคมต้องดู รายละเอียดและหารือกันอีกครั้ง

ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวด้วยว่า การเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างถนนเข้าคอมเพล็กซ์ต้องดูว่าคอมเพล็กซ์เป็นแบบไหน หากเป็นสำหรับการจราจรจะมีสถานี ขนส่ง บขส.มาอยู่ด้วยหรือไม่ หรือจะเป็นคอมเพล็กซ์ด้านที่อยู่อาศัย ต้องดูข้อมูลที่ศึกษาเอาประโยชน์ของประชาชนและภาพรวมเป็นที่ตั้ง จะต้องปรึกษาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ ส่วนจะเอื้อนายทุนใหญ่หรือไม่ กทม.ไม่ได้สนใจเพราะเราดูประชาชนเป็นหลักอยู่แล้ว

จากนั้นชาวชุมชนหลังหมอชิตเก่าเดินทางต่อไปยังกระทรวงการคลังและกรมธนารักษ์ ยื่นหนังสือถึงนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ในฐานะกำกับดูแลกรมธนารักษ์ รวมทั้งยื่นหนังสือถึงนายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะเจ้าภาพของโครงการคอมเพล็กซ์ร่วมกับเอกชน คัดค้านและขอให้ยกเลิกการสร้างถนนลอยฟ้าเชื่อมโครงการหมอชิตคอมเพล็กซ์ เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเอกชน ทั้งที่สถานีขนส่ง บขส.จะไม่ย้ายกลับมาใช้พื้นที่หมอชิตเดิมแล้ว จึงไม่ควรนำมาเป็นข้ออ้างหรือเหตุผลในการยึดที่ดินชาวบ้านเพื่อสร้างเป็นทางเข้าออกโครงการ ที่ต้องใช้เงินภาษีของประชาชนมาเวนคืนที่ดินเพื่อประโยชน์เอกชน รวมทั้งจะเรียกร้อง ให้มีการตรวจสอบความโปร่งใสของการดำเนินโครงการนี้ด้วย

น.ส.วินินท์อร ปรีชาพินิจกุล ตัวแทนชุมชนหลังหมอชิตเก่า กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ต้องการเรียกร้องให้กระทรวงการคลังและกรมธนารักษ์ พิจารณายกเลิกการเวนคืนที่ดิน บริเวณชุมชนหมอชิตเก่าทั้งหมด เนื่องจากการต่ออายุการเวนคืนทุก 4 ปี สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่อยู่อาศัยตรงนี้มานานเกือบ 30 ปี เพราะทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในเขตเวนคืนไม่สามารถซื้อขายที่ดินได้ บางคนจะซ่อมแซมบ้านก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าหากซ่อมไปแล้วจะถูกเวนคืน ต้องปล่อยให้บ้านเรือนอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม นอกจากนี้ ชาวบ้านในบริเวณพื้นที่เวนคืนทราบมาว่ามีความพยายามจะขอต่ออายุ

พรฎ.เวนคืนออกไปอีกเพื่อเอื้อประโยชน์แก่บริษัทเอกชน ทั้งนี้ กทม. บขส.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ประสงค์จะสร้างทางยกระดับเพื่อเชื่อมทางเข้าออกไปยังถนนวิภาวดีรังสิตแล้ว จึงขอให้พิจารณายกเลิกการสร้างทางยกระดับเชื่อมโครงการหมอชิต คอมเพล็กซ์ เพราะมองว่าการเอางบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท มาสร้างทางยกระดับเชื่อมเข้ากับโครงการหมอชิต คอมเพล็กซ์ ที่เป็นโครงการของเอกชนไม่มีความเหมาะสม ไม่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม รวมถึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยตรวจสอบความโปร่งใสของการดำเนินโครงการดังกล่าวอีกด้วย

"เราไม่ได้คัดค้านความเจริญและโครงการหมอชิต คอมเพล็กซ์ เพียงแต่อยากให้หน่วยงานภาครัฐพิจารณาดำเนินโครงการด้วยความเป็นธรรม ไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่อยู่มาเนิ่นนาน การเวนคืนจะทำให้ประชาชนกว่าร้อยหลังคาเรือนในซอยพหลโยธิน 18 ซอยพหลโยธิน 18/1 และซอยวิภาวดีรังสิต 5 ต้องเดือดร้อน จึงอยากให้ภาครัฐช่วยยกเลิกการต่ออายุพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินที่จะหมดอายุในเดือน ส.ค.ไปเลย" น.ส.วินินท์อรกล่าว
ด้านนางวิสากร สุขช่วย ผู้อำนวยการกองบริหารที่ราชพัสดุกรุงเทพมหานคร กรมธนารักษ์ ที่เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือกรมธนารักษ์กล่าวว่า จะนำข้อเรียกร้องของชุมชนไปร่วมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางบก บริษัท ขนส่ง จำกัด สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เพื่อหารือถึงความเห็นจากหลายภาคส่วน ทั้งนี้ เนื่องจากโครงการหมอชิต คอมเพล็กซ์และการเวนคืนที่ดินเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย จึงต้องรับฟังเหตุผลให้รอบด้าน รวมถึงนำความเดือดร้อนของประชาชนเข้ามาพูดคุย โดยจะนำข้อมูลมาหารือเพื่ออัปเดตสถานการณ์ให้เหมาะสมกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนไปด้วย

หลังจากนั้นในเวลา 14.00 น. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เดินทางมาที่ซอยวิภาวดีรังสิต5 พบปะประชาชนในชุมชนหลังหมอชิตเก่า ที่ไปยื่นหนังสือคัดค้านการต่ออายุพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวเวนคืนที่ดินและกล่าวว่า เดินทางมารับฟังปัญหาของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเพื่อนำปัญหา และข้อมูลดังกล่าวไปหารือกันอีกครั้งเนื่องจากมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ ต้องพิจารณาหลายมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและสถานการณ์ปัจจุบัน ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน เนื่องจากโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นมายาวนานกว่า 30 ปี เหตุการณ์ต่างๆเปลี่ยนแปลงไปในหลายด้าน ดังนั้นต้องใช้เวลาในการพิจารณา คาดว่าจะมีความชัดเจนก่อนเดือน ส.ค.67 เนื่องจากเป็นระยะเวลาที่จะสิ้นสุดตามพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวเวนคืนที่ดินชุมชนหลังหมอชิตเก่า

"ส่วนข้อเสนอให้ยกเลิกการต่ออายุพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวเวนคืนที่ดินชุมชนหลังหมอชิตเก่านั้น ไม่สามารถให้คำตอบได้ในขณะนี้ ต้องพิจารณาร่วมกันหลายฝ่ายและต้องเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายอย่างครบถ้วน" นายเผ่าภูมิกล่าว
ขณะที่นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า กรมจะเร่งนัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามคำสั่งของ รมช.คลัง เพื่อสะสางปัญหาสร้างความชัดเจนให้ประชาชนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว เบื้องต้นต้องหารือหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากการดำเนินการทุกอย่างมีขั้นมีตอนและต้องทำตามกฎหมาย ส่วนประเด็นคำถามที่ว่า ถ้าโครงการมีความโปร่งใสน่าจะเดินหน้าก่อสร้างไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยนานกว่า 30 ปี แสดงว่ามีประเด็นความไม่ชอบมาพากล ต้องรอให้มีการหารือถึงข้อกฎหมายและรายละเอียดโครงการอีกครั้ง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นหรือจะตัดสินใจใดๆ ต้องมีเอกสารหลักฐานรองรับด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กระทรวงคมนาคมมีการหารือกันภายในก่อนหน้านี้มีข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วว่าไม่มีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่สถานี บขส.หมอชิตเก่าของกรมธนารักษ์มาเป็นสถานีขนส่ง บขส. ตามแผนเดิมในอดีตอีกต่อไป เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีปัญหามาก ไม่เหมาะสมที่จะย้ายสถานี บขส.ไปไว้ที่เดิมตามแผนเดิมในอดีต โดยกระทรวงคมนาคมต้องการสร้างสถานีรถ บขส.ใหม่ เป็นอาคารทันสมัยแนวสูงอยู่ติดกับสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ แบบเดียวกับที่สถานีโตเกียว ของญี่ปุ่น เป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อในการเดินทางที่สะดวกกับประชาชนกรณีที่เดินทางระยะทางไกลด้วยรถไฟและมาต่อการเดินทางไปจังหวัดใกล้เคียงหรือเมืองใกล้ๆด้วยระบบรถ บขส.เป็นฟีดเดอร์

นอกจากนี้ เมื่อเดือน ส.ค.ปี 2566 กระทรวงคมนาคมเคยมีหนังสือแจ้งกรมธนารักษ์ไปแล้วว่าไม่เห็นด้วยกับการสร้างทางยกระดับ หรือถนนลอยฟ้าเชื่อมจากโครงการหมอชิต คอมเพล็กซ์ ออกถนนวิภาวดีรังสิตและทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ในเร็วๆนี้ จะมีการนัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อขอยกเลิกมติ คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก หรือ คจร.เดิมที่จะให้สร้างทางยกระดับหรือถนนลอยฟ้าดังกล่าว โดยเบื้องต้นคมนาคม กทม. เห็นพ้องกันแล้วเรื่องไม่เห็นความจำเป็นของการก่อสร้างทางยกระดับ

วันเดียวกัน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ขอยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมจะไม่ย้ายสถานีขนส่ง บขส.กลับมาที่เดิมคือหมอชิตเก่าแน่นอน แต่เรื่องการเวนคืนเนื่องจากที่ดินเป็นของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังกำกับดูแล หากกรมธนารักษ์จะนำเอาที่ดินไปทำอย่างอื่นต้องพูดคุยกัน เพราะเรื่องนี้ชาวบ้านมีความเป็นห่วง จะขอไปคุยกับกระทรวงการคลังอีกครั้งถึงรายละเอียด ดังนั้น กระทรวงคมนาคมไม่มีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่หมอชิตเก่าของกรมธนารักษ์มาเป็นสถานีขนส่งตามแผนเดิมในอดีตอีกต่อไป ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้พัฒนาพื้นที่บริเวณบางซื่อ ด้วยการสร้างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ หรือสถานีกลางบางซื่อ และมีเป้าหมายจะพัฒนาแบบเดียวกับสถานีโตเกียว ญี่ปุ่น ที่มีระบบการคมนาคมขนส่งครบวงจร รองรับทั้งรถไฟชานเมือง รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง รวมถึงเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟฟ้าใต้ดิน สายสีน้ำเงิน สร้างสถานีขนส่งผู้โดยสาร (บขส.) และรถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)


Treasury Department Plans to Revoke Land Expropriation at Mo Chit to Benefit "Complex" Project; Suriya Rejects Old Plan to Relocate Bus Station

Source: Thairath Online
Saturday, June 08, 2024 09:40


The Ministry of Transport has firmly rejected the relocation of the bus terminal back to the old Mo Chit station, deeming it inappropriate and unnecessary. In June, there will be a meeting to revoke the previous resolution by the Commission for the Management of Land Traffic (CMLT) that allowed for the construction of an elevated road to access the Mo Chit Complex project, connecting to Vibhavadi Rangsit Road. This decision follows informal discussions with the Treasury Department and the Bangkok Metropolitan Administration (BMA). Meanwhile, residents of the old Mo Chit area have submitted letters to Governor Chadchart Sittipunt, the Finance Minister, Deputy Finance Minister, and the Treasury Department, urging them not to renew the Royal Decree on land expropriation and opposing the construction of the elevated road, which they claim benefits private developers at the expense of the local community. Governor Chadchart emphasized that the interests of the people should come first, not those of private developers.

On June 7 at 10:00 AM, residents from the old Mo Chit community, affected by the land expropriation plan for the elevated road, gathered at Bangkok City Hall to submit a letter to Governor Chadchart, requesting confirmation that the BMA does not intend to renew the Royal Decree, which is set to expire in August 2024. Governor Chadchart personally received the letter and listened to the residents' concerns, stating that he would review the matter. Currently, no agency has indicated an intention to renew the decree. Discussions with the Treasury Department and the Ministry of Transport will determine the next steps.

Governor Chadchart stated that the land expropriation for the road to the Mo Chit Complex is an old project and requires updating to assess its current necessity. This involves consultations with the Ministry of Transport and the Treasury Department. Residents are concerned that relocating the bus terminal back to its original site will worsen traffic congestion. There is a suggestion to connect the bus terminal with the Red Line and high-speed rail near Bang Sue, which is deemed more appropriate. Detailed discussions will continue between relevant parties.

The governor also mentioned that any decision to expropriate land must consider the nature of the complex and whether it includes the bus terminal or is solely for residential use. The interests of the people and the overall impact must be prioritized in consultations with involved agencies. The BMA's primary focus is on the well-being of residents, not on benefiting major investors.

Following their visit to City Hall, the residents proceeded to the Ministry of Finance and the Treasury Department, submitting letters to Deputy Prime Minister and Finance Minister Phai Choonhawan, Deputy Finance Minister Paophum Rojanasakul, and Treasury Department Director-General Chamroen Potiyod, who oversees the Mo Chit Complex project with the private sector. They urged the cancellation of the elevated road project, which they argue only benefits private developers. Since the bus terminal will not be relocated back to the old Mo Chit site, they contend that there is no justification for expropriating land for project access, especially at the public's expense. They also called for an investigation into the project's transparency.

Winintorn Preechapinijakorn, a representative of the old Mo Chit community, stated that the ongoing four-yearly land expropriation extensions cause significant distress to residents who have lived there for nearly 30 years. This situation prevents them from buying or selling land or repairing homes due to fears of expropriation. She urged the cancellation of the elevated road project, arguing that the 2-billion-baht expenditure for a private project is unjustifiable and lacks public benefit. She also requested an investigation into the project's transparency.

"We do not oppose progress or the Mo Chit Complex project. We just want fair implementation that does not harm long-standing residents. Expropriation affects over 100 households, and we urge the authorities to cancel the renewal of the expropriation decree set to expire in August," said Winintorn.

Visakorn Sukhchoy, Director of the Bangkok Treasury Administration Division, who received the letter, stated that the community's concerns would be discussed with relevant agencies, including the BMA, the Ministry of Transport, the Land Transport Department, the Transport Company, and the Office of Transport and Traffic Policy and Planning. The aim is to gather comprehensive feedback and update the project to reflect current societal conditions.

At 2:00 PM, Deputy Finance Minister Paophum Rojanasakul visited the community at Soi Vibhavadi Rangsit 5 to hear their concerns. He stated that he would discuss the matter further with involved agencies to consider economic, social, and current situational aspects, aiming for a decision before the expropriation decree expires in August 2024.

"We cannot provide an immediate answer on canceling the decree renewal. It requires thorough consideration by multiple parties, adhering strictly to legal procedures," Paophum remarked.

Treasury Department Director-General Chamroen Potiyod said a meeting would be scheduled with relevant agencies, as instructed by the Deputy Finance Minister, to address the issue and provide clarity to affected residents. All actions must follow legal procedures, and any decision must be supported by comprehensive documentation.

The Ministry of Transport previously concluded that there is no need to use the old Mo Chit station for the bus terminal. The ministry prefers developing a new, modern terminal near Bang Sue Grand Station, similar to Tokyo Station in Japan, to facilitate easy travel connections for long-distance train passengers. In August 2023, the Ministry of Transport informed the Treasury Department of its opposition to the elevated road project. A meeting will soon be held to revoke the previous CMLT resolution supporting the project, as both the Ministry of Transport and BMA now agree that it is unnecessary.

On the same day, Deputy Prime Minister and Transport Minister Suriya Jungrungreangkit confirmed that the bus terminal would not be relocated to the old Mo Chit site. The land belongs to the Treasury Department under the Ministry of Finance, and any changes must be discussed with them. The Ministry of Transport prefers to develop new facilities near Bang Sue Grand Station, enhancing connectivity for various modes of transport, including suburban, dual-track, and high-speed trains, as well as linking to the Red Line and Blue Line subway systems.

In conclusion, the Ministry of Transport opposes using the old Mo Chit station for the bus terminal and is against constructing the elevated road project. Future plans will focus on developing a modern transport hub at Bang Sue, following extensive consultations and legal processes.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 45614
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 08/06/2024 3:09 pm    Post subject: Reply with quote

"นายกฯ" ติดตามการพัฒนาสวนสาธารณะรถไฟเชียงใหม่ ให้เป็นปอดกลางเมือง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
Source - เว็บไซต์สยามรัฐ
Saturday, June 08, 2024 14:48

เมื่อเวลา 12.40 น.วันที่ 8 มิ.ย. ที่สวนสาธารณะรถไฟเชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางมาตรวจติดตามการพัฒนาสวนสาธารณะรถไฟ ซึ่งทาง อบจ. เชียงใหม่กำลังเจรจาขอใช้พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 62 ไร่ ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ มาพัฒนาเป็นสวนสาธารณะให้กับคนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา เนื่องจากเดิมเป็นพื้นที่รกร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์ มีเพียงคนเร่ร่อนเข้ามาอาศัยอยู่เท่านั้น

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขั้นตอนจากนี้จะต้องให้ทางการรถไฟทำเอ็มโอยูกับทางอบจ. ทราบว่าทางอบจ. มีงบประมาณอยู่แล้ว ในการจัดทำเป็นสวนสาธารณะ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อพัฒนาแล้วเสร็จก็จะกลายเป็นปอดกลางเมืองให้กับคนเชียงใหม่ และอยู่ในโครงการที่รัฐบาลสนับสนุนให้เป็นสวนสาธารณะ ในการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 72 พรรษา ซึ่งตนเองจะมีการพูดคุยกับทางการรถไฟเพื่อเร่งให้การรถไฟส่งมอบพื้นที่ให้กับทางอบจ. ในการดำเนินการพัฒนาสวนสาธารณะ คิดว่าสุดสัปดาห์นี้น่าจะได้ข้อยุติ ส่วนงบประมาณก็ขอให้ทางอบจ. บริหารจัดการไปได้เลย ประชาชนชาวเชียงใหม่จะได้มีพื้นที่ในการทำกิจกรรม และเมื่อมีการลงเอ็มโอยูแล้วคาดว่าจะใช้เวลาในการพัฒนา 2-3 เดือนก็จะแล้วเสร็จ ซึ่งเชื่อว่าการรถไฟจะไม่คัดค้านเนื่องจากเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ


Prime Minister Follows Development of Chiang Mai Railway Park to Become City's Green Lungs, Honoring His Majesty the King

Source: Siamrath Website, Saturday, June 8, 2024 14:48

At 12:40 pm on June 8, at Chiang Mai Railway Park, Mr. Srettha Thavisin, the Prime Minister, visited to follow up on the development of the railway park. The Chiang Mai Provincial Administrative Organization is negotiating to use 62 rai (around 25 acres) of land belonging to the State Railway of Thailand, located in the heart of Chiang Mai city, to develop it into a public park for the people of Chiang Mai province to use together. This is to make merit for His Majesty the King on the occasion of his 72nd birthday anniversary. Originally, this area was abandoned land not being utilized, with only homeless people residing there.

The Prime Minister said that the next step is for the State Railway to sign a memorandum of understanding with the Provincial Administrative Organization. It is known that the organization already has a budget for developing the park. This area is the largest in Chiang Mai province. Once developed, it will become the city's green lungs for the people of Chiang Mai, and is part of the government's project to support public parks in honor of His Majesty the King's 72nd birthday anniversary. The Prime Minister himself will discuss with the State Railway to expedite the handover of the land to the Provincial Administrative Organization for park development. He expects a conclusion this weekend. As for the budget, the organization can proceed with managing it. Chiang Mai residents will have space for activities, and once the memorandum is signed, the development is expected to take 2-3 months to complete. The Prime Minister believes the State Railway will not object since it is a project to honor His Majesty.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... , 200, 201, 202  Next
Page 201 of 202

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©