Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311861
ทั่วไป:13555817
ทั้งหมด:13867678
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 238, 239, 240 ... 406, 407, 408  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43640
Location: NECTEC

PostPosted: 12/06/2019 8:24 pm    Post subject: Reply with quote

ดีเดย์กู้'ระเบิดยักษ์'อันตราย7ลูก สั่งอพยพคนเมืองราชบุรี
จันทร์ที่ 10 มิถุนายน 2562 เวลา 08.00 น.

ดีเดย์ 14 มิ.ย. สรุปแผน กู้ระเบิดสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 กลางเมืองราชบุรี 7 ลูก เตรียมอพยพคนริมน้ำแม่กลอง ประกาศพื้นที่เขตอันตราย พร้อมตั้งชุดอีโอดีสามเหล่าทัพไทย จับมือทีมเก็บกู้ระเบิดเก่งสุดในโลกร่วมเก็บกู้

จากกรณีพบลูกระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จมอยู่ในแม่น้ำแม่กลองที่ จ.ราชบุรี บริเวณสะพานธนะรัชต์ และสะพานจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเตรียมก่อสร้างตอม่อรางรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-ชุมพร ทำให้ทางจังหวัดราชบุรีต้องตั้งคณะทำงานเก็บกู้ เคลื่อนย้าย และทำลายระเบิด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สินและรักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เปิดเผยว่า จากการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ระยะที่ 1 ช่วงนครปฐม-ชุมพรนั้น มีการสำรวจพบระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อายุมากกว่า 70 ปี หลายจุด และ รฟท. เชื่อมั่นว่าจะค้นพบอีกหลายจุดในการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ระยะที่ 2 ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี-สงขลา โดยเฉพาะในพื้นที่ตามแม่น้ำสำคัญหลายแห่ง ซึ่งเป็นการทิ้งระเบิดตอนที่กองทัพญี่ปุ่นล่าถอยในยุคสงครามโลก ที่ผ่านมาการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 รฟท. ได้สำรวจพบระเบิดอยู่ 2 จุด คือใต้แม่น้ำกลางตัวเมืองราชบุรี 7 ลูก และใต้ดิน บริเวณ สถานีเขาเต่า-วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ 1 ลูก

นายวรวุฒิ เปิดเผยต่อว่า ส่วนความคืบหน้า การเก็บกู้ระเบิดทั้ง 7 ลูก ที่ จ.ราชบุรี จะต้องดำเนินการพร้อมกันทีเดียว ดังนั้นจึงต้องออกประกาศตามกฎหมายการปกครอง ด้วยคำสั่งปิดพื้นที่กลางใจเมืองราชบุรีเป็นพื้นที่อันตราย ควบคุมความปลอดภัยควบคู่ไปกับการเคลื่อนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่รัศมีแรงระเบิด หลังจากประชุมร่วมกันแล้วจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบและเตรียมตัวต่อไป เนื่องจากรัศมีระเบิดดังกล่าวค่อนข้างรุนแรงอยู่ที่ประมาณ 2 กม. ซึ่งถือว่าจุดดังกล่าวอยู่ในเขตชุมชน ที่มีทั้งค่ายทหาร ตลาดกลางเมือง วัด สถานอนุบาลโรงเรียน บ้านพักข้าราชการ และ จวน ผวจ.ราชบุรี ตลอดจนที่อยู่อาศัยของประชาชน



นายวรวุฒิ เปิดเผยอีกว่า ทั้งนี้จะประชุมสรุปแนวทางวันที่ 14 มิ.ย. จึงเป็นครั้งแรกในประเทศที่หน่วยเก็บกู้ระเบิด(อีโอดี) ของสามเหล่าทัพไทย คือกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ เข้ามาร่วมกันศึกษาแนวทางเก็บกู้ระเบิดดังกล่าว นอกจากนี้ประเทศไทยจะเชิญนักเก็บกู้ระเบิดที่เก่งสุดในโลกจากประเทศเยอรมนี มาเข้าร่วมทีมเก็บกู้ในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นระเบิดที่ต้องใช้เทคนิคสูงในการกู้เพราะอยู่ใต้น้ำด้วย

นายวรวุฒิ เปิดเผยด้วยว่า แนวทางการกู้ระเบิด ขณะนี้มี 8 วิธี สำหรับเทคนิคที่เหมาะสม คือ ทำลายสภาพระเบิดใต้ลำน้ำโดยไม่มีการนำขึ้นมาบนบกคาดว่าจะเป็นรูปแบบ WaterJet (วอเตอร์เจ็ท)ใช้แรงดันน้ำความแรงและความเร็วสูง ตัดตัวระเบิดจากใต้น้ำ แยกส่วนหัวและส่วนท้าย ที่มีสารเคมีออกจากกัน อย่างไรก็ตามระเบิดดังกล่าว เป็นโมเดลที่จุดด้วยเคมี กล่าวคือระเบิดจะทำปฏิกริยาเมื่อสารเคมีภายในไหลมารวมกันได้ โดยสารเคมีดังกล่าวจะคงสภาพตลอดไปอยู่ในระเบิด นับว่าเป็นการออกแบบระเบิดเทคนิคขั้นสูง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากในการเก็บกู้ เนื่องจากหากตัวระเบิดได้มีขยับหรือเคลื่อนที่ แล้วสารเคมีภายในทำปฏิกริยา ก็จะระเบิดทันทีและจะเป็นการระเบิดทั้ง 7 ลูกพร้อมกัน

สรุปกู้ระเบิด 7 ลูกปีหน้า - รฟท. ไม่รอ ปรับเป็นสะพานแขวนแทน
วันที่ 12 มิถุนายน 2562

นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นำทีมผู้เกี่ยวข้องกับการเก็บกู้ระเบิดสงรามโลก ใต้สะพานจุฬาลงกรณ์ และใต้สะพานธนะรัชต์ ในแม่น้ำแม่กลอง ใจกลางเมืองราชบุรี ประชุมหารือ โดยเปิดให้ตัวแทนจากฝ่ายทหารและผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เสนอแนวทางเก็บกู้ระเบิดเพิ่มเติม



หลังการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง ได้ข้อสรุปว่า การเก็บกู้ระเบิดทั้ง 7 ลูก จะใช้เครื่องตัดน้ำแรงดันสูง ดำลงไปในน้ำด้วยระบบไฮโดรลิก วอเตอร์ คัดชิ่ง แมทชีน แล้วฉีดน้ำด้วยแรงดันสูงตัดวงจรชนวนที่อยู่ที่ท้ายระเบิด เพื่อแยกส่วนระเบิดที่อันตรายออกจากกัน แล้วนำทั้งสองส่วนขึ้นมาทำลายบนบก แต่ประเทศไทยไม่มีเครื่องมือดังกล่าว หลังจากนี้จะเสนอเรื่องเข้ากระทรวงมหาดไทย เพื่อขอซื้ออุปกรณ์ชิ้นนี้ ซึ่งจะใช้เวลานานพอสมควร คาดว่าอย่างเร็วที่สุดน่าจะทำการตัดแยกส่วนระเบิดได้ในปี 2563

ด้านตัวแทนของการรถไฟแห่งประเทศไทย เสนอในที่ประชุมว่าจะไม่รอให้การกู้ระเบิดเสร็จสิ้น เพราะจะส่งผลกระทบต่อโครงการก่อสร้างรางรถไฟทางคู่ เส้นทางนครปฐม-หัวหิน-ชุมพร ซึ่งจะล่าช้ามากขึ้นไปอีกเกือบ 1 ปี โดยจะใช้วิธีทำสะพานแขวนเพื่อให้รถไฟได้เคลื่อนขบวนผ่านแทน โดยจะไม่มีตอม่อในแม่น้ำ ซึ่งข้อสรุปดังกล่าวก็สร้างความสบายใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่



อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้ฝากย้ำไปยังชาวบ้านทั้งในและนอกพื้นที่ว่า การเก็บกู้จะเริ่มได้อย่างเร็วที่สุดในปี 2563 หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จะมีการประชาสัมพันธ์บอก โดยไม่อยากให้หลงเชื่อข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้น.


Last edited by Wisarut on 14/06/2019 4:43 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46738
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 13/06/2019 5:26 am    Post subject: Reply with quote

"รถไฟทางคู่"สู่ชุมพร#5ชม.

@Transport สัปดาห์นี้ พาไปติดตามโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่จากนครปฐมไปชุมพร ระยะทาง 421 กม. คาดจะแล้วเสร็จปี 64 ทำให้การเดินทางจากสถานีบางซื่อสู่ชุมพรใช้เวลาเพียง 5 ชม.จากเดิมใช้เวลาถึง 8 ชม.กว่า
พุธที่ 12 มิถุนายน 2562 เวลา 11.43 น.


https://www.youtube.com/watch?v=2mHpl-zmgjA
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43640
Location: NECTEC

PostPosted: 14/06/2019 4:42 pm    Post subject: Reply with quote

ถกรอชงงบปี63แผนกู้'บิ๊กบอมส์' เคาะวิธีตัดชนวนใต้น้ำ
พุธที่ 12 มิถุนายน 2562 เวลา 20.00 น.

กู้ "ระเบิดยักษ์" ไม่หมู! "พ่อเมืองโอ่ง" สรุปเนื้อหาที่ประชุมคณะทำงาน เลือกวิธีตัดชนวนใต้น้ำแล้วยกตัวระเบิดขนาด 1,000 ปอนด์ขึ้นไปทำลายที่คลังแสง 6 กรมสรรพาวุธทหารบก เผยต้องรอชงงบ เชื่อกู้ได้ภายในปี 63

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่ศาลากลาง จ.ราชบุรี นายชยาวุธ จันทร ผวจ.ราชบุรี ในฐานะผู้อำนวยการจ.ราชบุรี และประธานคณะกรรมการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เก็บกู้ เคลื่อนย้าย และทำลายวัตถุระเบิดในแม่น้ำแม่กลอง พร้อมด้วย ร.ต.อ.พิริยะ ณ บางช้าง อัยการจ.ราชบุรี ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์บัญชาการฯ, พ.อ.พิสิฐ ปั้นทอง รอง ผบช.มทบ.16, พ.อ.บุญญฤทธิ์ เลิศวัฒนเรืองชัย ผอ.กองกิจการพลเรือน กรมการทหารช่าง ผู้แทนสรรพาวุธทหารอากาศ (กองทำลายวัตถุระเบิด) ผู้แทนสรรพาวุธทหารเรือ (กองประดาน้ำและถอดทำลายอมภัณฑ์) ผู้แทนสรรพาวุธทหารบก (กองคลังแสงที่ 6) ผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานท้องถิ่น ร่วมประชุมคณะกรรมการฯหารือแนวทางการกู้ระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในแม่น้ำแม่กลอง บริเวณใกล้สะพานจุฬาลงกรณ์ เขตเทศบาลเมืองราชบุรี เพื่อก่อสร้างทางรถไฟรางคู่ช่วงข้ามแม่น้ำ

จากนั้น นายชยาวุธ จันทร ผวจ.ราชบุรี ได้แถลงสรุปผลการประชุมดังนี้ คณะทำงานตัดสินใจเลือกวิธีปลอดภัยที่สุด คือการใช้เครื่องมือ Water cutting Machine เข้าไปตัดที่ท้ายชนวนของลูกระเบิด โดยตัดชนวนออกแล้วยกตัวระเบิดขนาด 1,000 ปอนด์ขึ้นไปทำลายที่คลังแสง 6 กรมสรรพาวุธทหารบก ต.อ่างทอง อ.เมืองราชบุรี โดยหลังตัดชนวนออกแล้วระเบิดจะไม่มีอันตรายใดๆ ส่วนวิธีทำลายจะเอาดินปืนออก ส่วนปลอกลูกกระสุนจะจัดเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ จ.ราชบุรี

สำหรับเครื่องมือ Water cutting Machine ทางกองทัพเรือมีใช้อยู่ แต่ใช้ตัดชนวนระเบิดบนบก แต่ระเบิดที่ราชบุรีต้องลงไปตัดใต้น้ำ ทางผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศได้พูดถึงการเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ราชบุรีว่า ไม่ควรจะทำการเคลื่อนย้าย เพราะเป็นระเบิดแบบตั้งเวลา วิธีปลอดภัยที่สุดต้องทำการตัดวงจรชนวนระเบิดใต้น้ำ แต่ต้องรอตั้งงบประมาณผ่านงบป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย กระทรวงมหาดไทยไปยังรัฐบาล รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการเก็บกู้วัตถุระเบิด เบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ เรื่องการอพยพย้ายประชาชน เราให้เวลาประมาณ 2 เดือนให้หน่วยงานคำนวณค่าใช้จ่าย เพื่อสรุปยอดอีกครั้ง คาดว่าจะสามารถกู้ระเบิดได้ภายในปี 63 แน่นอน แต่จะกลางปีหรือปลายปีนั้นต้องพิจารณาอีกที.
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46738
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 18/06/2019 7:06 pm    Post subject: Reply with quote

ร้องทางลอดรถไฟทางคู่จิระ-ขอนแก่นอันตราย
INN News 18 มิถุนายน 2019 - 10:21

ชาวโคราชร้องทางลอดรถไฟทางคู่จิระ-ขอนแก่น สุดอันตราย ตะแกรงเหล็กร่องน้ำถูกหัวขโมยลักหายไป ทำเดือดร้อนสัญจรลำบาก

Click on the image for full size

ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านในอำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ถึงปัญหาการใช้ทางลอดใต้รางรถไฟในโครงการรถไฟทางคู่จิระ-ขอนแก่น โดยการรถไฟฯได้ล้อมรั้วปิดทางข้ามตัดรางรถไฟเดิมแล้วมีการก่อสร้างทางลอดใต้รางรถไฟให้ชาวบ้านใช้สัญจรเป็นการทดแทน ถึงแม้ปัจจุบันทางการรถไฟฯ อยู่ในระหว่างการเก็บรายละเอียดงานจากทางผู้รับเหมาก่อสร้างและยังไม่ได้มีการส่งมอบงานเกิดขึ้น แต่ก็ได้มีการเปิดเส้นทางให้ชาวบ้านใช้ทางลอดดังกล่าวสัญจรผ่านไปมากันบ้างแล้ว


จากการลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณทางลอดใต้รางรถไฟบ้านคึมม่วง พบว่าทางลอดดังกล่าว มีลักษณะคล้ายกับทางลอดชูมิตรที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ว่ามีการนำแท่งปูนไปวางไว้บนทางลอดเพื่อป้องกันเศษหินตกลงมาในทางลอดโดยใช้เหล็กเส้นเชื่อมยึดไว้ จนชาวบ้านเกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายขึ้นมาได้ จนทางการรถไฟฯแก้ไขให้แต่ในทางลอดแห่งนี้ยังไม่มีการแก้ไข รวมถึงปัญหาน้ำซึมขังบนผิวจราจรไม่สามารถระบายได้จนเกิดตะไคร่น้ำเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุของรถขนาดเล็กรวมถึงปัญหาตะแกรงทางระบายน้ำที่ทรุดตัวไม่ราบเรียบไปกับผิวจราจรทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ จึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขก่อนจะมีการส่งมอบงานเกิดขึ้น

Click on the image for full size

นอกจากนี้ชาวบ้านหนองนาโคก ยังร้องเรียนถึงปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานทางลอดใต้รางรถไฟเช่นกัน ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ ก็พบว่าที่ทางลอดแห่งนี้ได้ถูกมิจฉาชีพมาขโมยตะแกรงปิดทางระบายน้ำ ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถใช้เส้นทางนี้สัญจรผ่านไปมาได้ ต้องนำแผ่นปูนหรือแผ่นไม้มาวางเพื่อให้สามารถใช้สัญจรผ่านไปมาได้เป็นการชั่วคราว และนอกจากนี้ที่ทางลอดแห่งนี้ยังได้ประสบปัญหาถ้าเกิดฝนตกน้ำท่วมทางลอด ก็ไม่สามารถใช้เส้นทางอื่นสัญจรได้เนื่องจากถนนที่จะเชื่อมไปยังทางข้ามที่อยู่ใกล้ที่สุดเป็นถนนดินซึ่งถ้าหากฝนตกก็จะเป็นโคลนเหลวไม่สามารถใช้สัญจรได้ จึงอยากให้การรถไฟฯหาแนวทางในแก้ไขเป็นการเร่งด่วน

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46738
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 19/06/2019 6:15 am    Post subject: Reply with quote

แย่! รถไฟรางคู่ไม่เข้าเมืองลพบุรี. . .คิดได้ไง!?!
AREA แถลง ฉบับที่ 318/2562: วันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2562

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th

สถานีรถไฟรางคู่เมืองลพบุรี ไม่ใช่สถานีเดิม ด้วยแค่คำอ้างเรื่องกลัวกระทบพระปรางค์สามยอดในด้านทัศนะอุจาด นี่เป็นการคิดแบบราชการ แบบ NGOs ไม่ใช่การคิดเพื่อชาติและประชาชน

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (https://www.area.co.th/) ให้ความเห็นว่าการที่รถไฟรางคู่ไม่ผ่านเข้าตัวเมืองลพบุรี ไม่ใช่สถานีลพบุรีเดิม เป็นความสูญเสียเป็นอย่างมากต่อประเทศชาติและประชาชน ลำพังกรณีทัศนะอุจาด สามารถคิดใหม่ได้

จากวีดิทัศน์ประชาสัมพันธ์โครงการรถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ ชุดที่ 1 โดยการถไฟแห่งประเทศไทย (https://www.youtube.com/watch?v=X0RXQHPs2nM) แสดงให้เห็นชัดเจนว่า รถไฟรางคู่จะไม่ผ่านเข้าเมืองลพบุรี นี่นับเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง โดยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการสร้างอ้อมเมืองและเวนคืนใหม่ เป็นเงินประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท (ข้อมูลจากผู้บริหารระดับสูงของการรถไฟแห่งประเทศไทย)

การที่รถไฟไม่ผ่านใจกลางเมืองจะทำให้มูลค่าทรัพย์สินด้อยค่าลง หรือไม่ได้เพิ่มขึ้นตามที่สมควร

1. ณ สิ้นปี 2561 มีประชากรเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองลพบุรี 22,815 คน (http://shorturl.at/sTV01) สมมติให้ครอบครัวหนึ่งมีประชากร 4 คน ก็จะมีบ้าน 5,704 หน่วย ถ้าบ้านหน่วยหนึ่งมีราคา 2.333 ล้านบาท (พอๆ กับสระบุรี: https://bit.ly/2AzHZSk) ก็จะเป็นเงินประมาณ 13,307 ล้านบาท

2. หากรวมทรัพย์สินอื่นซึ่งประมาณการไว้อีกเท่าตัว ก็จะเป็นมูลค่าทรัพย์สินเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองลพบุรี เป็นเงินประมาณ 26,614 ล้านบาท

3. แต่การที่รถไฟรางคู่ไม่ผ่านเขตเทศบาล ก็อาจทำให้มูลค่าทรัพย์สินในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ เพิ่มน้อยกว่าปกติ รวม 10% โดยประมาณ แต่หากยิ่งมีรถไฟรางคู่ผ่านเข้าตัวเมือง ก็ยิ่งจะทำให้มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอีก 30% ก็เท่ากับมูลค่าทรัพย์สินที่หายไปประมาณ 40% หรือเป็นเงิน 10,646 ล้านบาทในเบื้องต้น

ยิ่งกว่านั้นการไปสร้างสถานีใหม่ เมืองก็ต้องขยายตัวออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เปะปะ ไร้ทิศผิดทาง สร้างปัญหาการจราจรแออัด และการจัดหาสาธารณูปโภคเพิ่มเติมเข้าไป รพท. เคยอ้างว่าการที่รถไฟไม่ผ่านเข้าใจกลางเมืองในบางแห่ง เช่น ฉะเชิงเทรานั้นเป็นเพราะเป็นทางโค้งหักศอก ไม่เหมาะกับรถไฟความเร็วสูง แต่ในความเป็นจริง พอรถไฟวิ่งเข้าเมือง ก็ใช้ความเร็วต่ำเช่นกัน การตีโค้งจึงไม่ใช่ปัญหา แต่ในกรณีลพบุรี ทางรถไฟเป็นเส้นตรงแท้ๆ แต่กลับถูกขัดขวางโดยความคิดอนุรักษ์

หากรัฐบาลคิดใหม่ในเรื่องนี้ ก็สามารถสร้างทางรถไฟยกระดับ ในนครต่างๆ ในญี่ปุ่นที่มีรถไฟความเร็วสูงผ่าน ก็ผ่านเข้าไปในตัวเมืองทั้งสิ้น เพราะเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ไม่ใช่สร้างสถานีใหม่ซึ่งเป็นความสิ้นเปลือง ทำให้ผังเมืองเปลี่ยนแปลงไป เรื่องทัศนะอุจาด ก็เป็นสิ่งที่พึงพิจารณา ไม่ใช่คิดแบบหยุดนิ่งแบบ “คนตายขายคนเป็น” อยู่ถ่ายเดียว เราอาจบูรณะพระปรางให้มั่นคงแข็งแรงขึ้นและปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีกว่าปัจจุบันได้อีกเช่นกัน

การอ้างว่าการจะมีรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง ต้องมีระบบขนาดใหญ่ต่างๆ นั้น เป็นการคิดแบบราชการ แต่หากคิดตามความเป็นจริงและการมีประสิทธิภาพแบบญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวันหรือจีน การย้ายสถานีใหม่ คงไม่น่าจะเกิดขึ้นเช่นในกรณีประเทศไทย

Click on the image for full size

ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43640
Location: NECTEC

PostPosted: 19/06/2019 11:10 am    Post subject: Reply with quote

^^^
เรื่องโบราณสถานไม่พูดถึงเลยนะครับ หรือมีใจอยากทึุบโบราณสถานทิ้งเพื่อปลูกคอนโดหรือคฤหาสน์แบบบ้านวิชาเยนต์ดีครับ?
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46738
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 19/06/2019 12:15 pm    Post subject: Reply with quote

เห็นชื่อคนพูดก็รู้เลยครับ Very Happy
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46738
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 19/06/2019 7:00 pm    Post subject: Reply with quote

ทดสอบทางคู่สายตะวันออก คาดเปิดใช้ต้นปีหน้า
เดลินิวส์ พุธที่ 19 มิถุนายน 2562 เวลา 13.28 น.

รฟท. เข้าพื้นที่สร้างคันทางและวางราง ทางเลี่ยงเมืองช่วงสถานีชุมทางฉะเชิงเทราแล้ว หลังติดปัญหาเวนคืนไม่ได้ คาดแล้วเสร็จ ก.ย.62 ก่อนเตรียมทดสอบระบบสัญญาณไฟ และอาณัติสัญญาณ คาดเริ่มให้บริการต้นปี 63

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย สัญญาที่ 1 งานก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-วิหารแดง และช่วงบุใหญ่-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง 3 แห่ง ได้แก่ บริเวณสถานีชุมทางฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา, สถานีชุมทางแก่งคอย จ.สระบุรี และ สถานีชุมทางบ้านภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ระยะทาง 97 กม. ตามสัญญาต้องแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 19 ก.พ.62 แต่เนื่องจากเข้าพื้นที่ก่อสร้างทางคู่ทางเลี่ยงเมือง ช่วงสถานีชุมทางฉะเชิงเทราไม่ได้ เพราะยังติดปัญหาเวนคืน ในพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ ทำให้ รฟท. ต้องขยายสัญญาการก่อสร้างเพิ่มออกไปอีกเป็น 224 วัน หรือต้องสร้างแล้วเสร็จวันที่ 30 ก.ย.62 ตามแผน ตอนนี้ รฟท. สามารถให้ผู้รับเหมาเข้าพื้นที่ได้แล้ว กำลังก่อสร้างคันทาง และวางราง ประมาณกว่า 500 เมตร เพื่อให้แล้วเสร็จตามแผน
 
ส่วนสัญญาที่ 2 งานก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงวิหารแดง-บุใหญ่ ระยะทาง 9 กม. พร้อมอุโมงค์รถไฟลอดใต้เขาพระพุทธฉาย ระยะทาง 1.2 กม. นั้นได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% เมื่อปี 61 ตอนนี้รอสัญญา 1 ก่อสร้างแล้วเสร็จ จากนั้นเตรียมทดสอบเดินรถพร้อมกันทั้ง 2 สัญญา โดยใช้เวลาทดสอบประมาณ 1-2 เดือน ส่วนมากเน้นทดสอบระบบอาณัติสัญญาณในระบบทางคู่ที่จะมีการเปิดเดินรถ รวมทั้งระบบการให้สัญญาณไฟระบบระหว่างสถานี สัญญาณระบบไฟช่วงอุโมงค์รถไฟลอดใต้เขาพระพุทธฉาย จากปากต้นอุโมงค์ไปปลายอุโมงค์ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ช่วงต้นปี 63 เน้นการขนส่งสินค้าเป็นหลัก โดยเฉพาะที่ขนส่งไปยังท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ที่ปัจจุบันมีการขนส่งจำนวนมาก และสอดคล้องกับการขนส่งทางรถไฟให้สะดวก รวดเร็วและมีศักยภาพในการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ด้วย
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46738
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 24/06/2019 12:32 pm    Post subject: Reply with quote

นับถอยหลังปี 2565 พร้อมใช้รถไฟรางคู่สู่ภาคใต้
โดย PPTV Online
เผยแพร่ 23 มิ.ย. 2562,16:23น.
ปรับปรุงล่าสุด 23 มิ.ย. 2562,16:29น.

การท่องเที่ยวโดยรถไฟถือเป็นหนึ่งเส้นทางที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่งสินค้าด้วย วันนี้เราจึงจะพาคุณผู้ชมไปดูความคืบหน้าของรถไฟรางคู่สู่ภาคใต้ ว่าตอนนี้มีความคืบหน้าอย่างไร และเมื่อแล้วเสร็จเราจะได้อะไรบ้างจากรถไฟรางคู่

นับถอยหลังปี 2565 พร้อมใช้รถไฟรางคู่สู่ภาคใต้

เราคงต้องยอมรับว่าหนึ่งในระบบการขนส่งระยะไกลข้ามจังหวัด ที่เป็นกระดูกสันหลังของระบบโลจิสติกส์ประเทศไทย ยังต้องพึ่งพาการเดินทางด้วยรถไฟ ทั้งการเดินของผู้โดยสาร จนไปถึงการขนส่งสินค้าทางรางที่มีสัดส่วน 1.43% ของการส่งสินค้าทั้งหมด และหนึ่งสายการเดินรถที่สำคัญ คงหนีไม่พ้นรถไฟสายใต้ที่เป็นการเชื่อมโยงจากศูนย์กลางของประเทศไปยังพื้นที่ภาคใต้ ทางการรถไฟแห่งประเทศไทยจึงมีการพัฒนาโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ เพื่อขยายขีดความสามารถของการเดินทางลงใต้

โดยช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 12,650 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 สัญญา ประกอบด้วย สัญญาที่ 1 ช่วงประจวบคีรีขันธ์-บางสะพานน้อย ระยะทาง 88 กิโลเมตร ราคากลางอยู่ที่ 6,579 ล้านบาท และสัญญาที่ 2 ช่วงบางสะพานน้อย-ชุมพร ระยะทาง 80 กิโลเมตร โดยมีราคากลางอยู่ที่ 6,071 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้โครงการก่อสร้างมีความคืบหน้า 22% แล้ว แต่มีความล่าช้ากว่าแผน 4% เนื่องจากติดปัญหาการเวนคืนพื้นที่บางระยะและการก่อสร้างบริเวณคลองที่จะต้องปรับแบบการก่อสร้าง

โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถเข้าสู่แผนการก่อสร้างได้ในช่วง 3-4 เดือน และจะก่อสร้างให้แล้วเสร็จในช่วงปี 2564 พร้อมทำการทดสอบระบบ เปิดให้บริการช่วงต้นปี 2565 ขณะที่ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 24,000 ล้านบาท ทางการรถไฟแห่งประเทศไทยได้เสนอไปยังกระทรวงคมนาคม พร้อมกับเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้ว ซึ่งหากรถไฟรางคู่สายใต้แล้วเสร็จ ยังถือเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่ง เพราะสามารถลดระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพถึงปลายทางจังหวัดชุมพร ที่ปกติใช้เวลาราว 8 ชั่วโมง จะลดเหลือไม่เกิน 6 ชั่วโมง สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่นิยมเดินทางด้วยรถไฟ เพราะถือเป็นการนอนพักผ่อนยามค่ำคืน ดื่มด่ำบรรยากาศรถไฟไทยไปในตัว และพร้อมท่องเที่ยวในยามเช้าเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง ในอนาคตทางการรถไฟยังจะปรับปรุงภูมิทัศน์ของสถานีให้อำนวยความสะดวกต่อนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น

รถไฟรางคู่นั้นหากพัฒนาทั้งระบบแล้วจะเป็นยกระดับระบบขนส่งมวลชนของไทย ทั้งระบบขนส่งผู้โดยสาร ที่จะมีความเร็วเฉลี่ยของขบวนรถเพิ่มขึ้น จาก 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จำนวนผู้โดยสารระยะเร่งด่วน 35 ล้านคน ต่อปี จำนวนผู้โดยสารระยะที่สอง 80 ล้านคน ต่อปี ส่วนรถไฟขนส่งสินค้า ความเร็วเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นจาก 39 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และปริมาณการขนส่งสินค้าทางราง จาก 20 ล้านตันต่อปี เป็น 30 ล้านตันต่อปี

กมลธร โกมารทัต รายงาน
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46738
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 24/06/2019 2:45 pm    Post subject: Reply with quote

เปิดลายแทง “คมนาคม” รอรัฐบาลใหม่ บิ๊กโปรเจกต์! ค้างท่อ 1.7 ล้านล้าน
เผยแพร่: 24 มิ.ย. 2562 09:47 ปรับปรุง: 24 มิ.ย. 2562 12:42 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Click on the image for full size

เปิดลายแทง “คมนาคม” รอรัฐบาลใหม่ บิ๊กโปรเจ็กต์! ค้างท่อ 1.7 ล้านล้าน เผือกร้อน! เวนคืน “มอเตอร์เวย์” ซื้อฝูงบินล็อตใหญ่-เทอร์มินัล 2

ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้ทำยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนผ่านแผนปฏิบัติการ (Action Plan) รายปี โดยในปี 2562 มี 41 โครงการ กรอบวงเงินลงทุนกว่า 1.77 ล้านล้านบาท

แต่ทว่า เพราะเป็นรอยต่อที่รัฐบาล คสช.จะสิ้นสุด และรัฐบาลจากการเลือกตั้งกำลังจะเข้ามาทำหน้าที่แทน จึงเป็นที่จับตาว่าโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ จะได้รับการขับเคลื่อนต่อเนื่องให้สำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่

โดยช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา โครงการะบบรางถือว่าได้รับการผลักดันเป็นพิเศษ มีการอนุมัติงบลงทุนจำนวนมหาศาลเป็นประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะรถไฟทางคู่ เฟสแรก 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 993 กม. เงินลงทุนกว่า 1.18 แสนล้านบาท อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และทยอยแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2562-2566

ส่วนรถไฟทางคู่เฟส 2 อีก 7 โครงการ ระยะทาง 1,483 กม. เงินลงทุนกว่า 2.72 แสนล้านบาท ซึ่งอยู่ในขั้นตอนจัดทำรายละเอียดเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดสภาพัฒน์) พิจารณา จากนั้นจึงจะเสนอ ครม.ชุดใหม่

“วรวุฒิ มาลา” รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการแทนผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า การลงทุนรถไฟทางคู่เฟส 2 คาดว่ารัฐบาลอาจจะมีการจัดลำดับความสำคัญ ซึ่งแตกต่างจากรถไฟทางคู่ระยะแรกที่มีการอนุมัติพร้อมกัน ทั้งนี้ เพื่อทยอยการลงทุน ซึ่งอาจจะอนุมัติโดยดูเส้นทางที่จะทำให้ครบโครงข่าย โดยเฉพาะเส้นทางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อาจจะได้รับการอนุมัติก่อน เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ สามารถเชื่อมการขนส่งโดยเฉพาะการขนส่งสินค้าจากหนองคาย นครพนม อุบลราชธานี มายังชุมทางถนนจิระ แก่งคอย เพื่อส่งต่อไปยังท่าเรือมาบตาพุด และท่าเรือแหลมฉบัง

ขณะที่รถไฟทางคู่สายใหม่จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กม. วงเงินรวม 85,345 ล้านบาท ซึ่ง ครม.ได้อนุมัติตั้งแต่ปี 2561 และล่าสุดเมื่อเดือน พ.ค. 2562 ครม.ได้อนุมัติเส้นทางบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. วงเงิน 66,848.33 ล้านบาท ถือเป็นโปรเจกต์รถไฟที่มีมูลค่าการลงทุนรวมถึง 1.5 แสนล้านบาท ที่รอรัฐบาลใหม่มาตัดเค้กเปิดประมูล

ยังไม่รวมรถไฟสายสีแดง ส่วนต่อขยายอีก 3 สายที่ ครม.อนุมัติไปแล้ว มูลค่า 23417.61 ได้แก่ สายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต, สายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา, สีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ที่อยู่ในขั้นตอนเตรียมเปิดประมูล

นอกจากนี้ ร.ฟ.ท.ยังมีโปรเจกต์ที่อยู่ในแผนงานมูลค่าหลายแสนล้านบาทเข้าคิวรอรัฐบาลใหม่ทำคลอด เช่น รถไฟความเร็วสูง ความร่วมมือไทย-จีน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ในสัญญา 2.3 (งานระบบราง ระบบไฟฟ้า และเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและฝึกอบรมบุคลากร) ซึ่งได้มีการปรับกรอบวงเงินเพิ่มเป็น 50,633.50 ล้านบาทที่ต้องเสนอ ครม.พิจารณา

การดำเนินโครงการรถไฟไทย-จีน ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 350 กม. เงินลงทุนกว่า 2.10 แสนล้านบาท และรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 210 กม. เงินลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาท

@รถไฟฟ้าสีส้ม และม่วงใต้ กว่า 2 แสนล้าน

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มี 2 โครงการสำคัญ ซึ่งคณะกรรมการร่วมทุนรัฐและเอกชน (PPP) เห็นชอบแล้ว รอจ่อเข้า ครม. ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ด้านตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ ระยะทาง 13.4 กม. เงินลงทุนค่างานโยธา 96,012 ล้านบาท ค่าระบบและรถไฟฟ้ากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท

ส่วนสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6 กม. เงินลงทุน 101,112 ล้านบาท อยู่ในขั้นตอนการเตรียมประมูลก่อสร้าง โดย รฟม.ตั้งเป้าจะประกวดราคาก่อสร้างในช่วงปลายปี 2562

@เผือกร้อน งบเวนคืนมอเตอร์เวย์ “บางใหญ่-กาญจนบุรี” พุ่งปรี๊ด

กรมทางหลวงมีโครงการใหญ่อย่าง มอเตอร์เวย์ ซึ่งได้รับอนุมัติไปแล้ว 3 โครงการ ได้แก่ สายบางปะอิน-นครราชสีมา, สายบางใหญ่-กาญจนบุรี และสายพัทยา-มาบตาพุด ซึ่งได้เปิดประมูลเริ่มก่อสร้างแล้ว แต่ยังติดปัญหาการเพิ่มงบค่าเวนคืนที่ดิน สายบางใหญ่-กาญจนบุรี จากกรอบเดิม 5,420 ล้านบาท เป็น 19,637 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14,217 ล้านบาท ซึ่งปมค่าเวนคืนที่พุ่งกระฉูดให้งานก่อสร้างดีเลย์ถึง 2 ปีแล้ว และเป็นเผือกร้อนรอรัฐบาลใหม่ตัดสินใจ

นอกจากนี้ ยังมีมอเตอร์เวย์สายใหม่ และที่พักริมทางมอเตอร์เวย์ที่เข้าคิวรออนุมัติ ได้แก่ มอเตอร์เวย์สายนครปฐม-ชะอำ มูลค่าเงินลงทุนรวม 79,006 ล้านบาท มอเตอร์เวย์สายหาดใหญ่-ชายแดน/มาเลเซีย มูลค่า 37,470 ล้านบาท, ทางยกระดับ อุตราภิมุข ช่วงรังสิต-บางปะอิน 29,269.97 ล้านบาท และทางยกระดับบนถนนพระราม 2 ช่วงบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว 32,285 ล้านบาท, ที่พักริมทาง มอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา 1,579.88 ล้านบาท, ศูนย์บริการทางหลวงศรีราชา ช่วงชลบุรี-พัทยา 1,504 ล้านบาท, สถานที่บริการทางหลวงบางละมุง 620 ล้านบาท

@ชงผุดทางด่วน N2 และสายกระทู้-ป่าตอง

สำหรับโครงการทางด่วนนั้น มีโครงการใหม่ที่เตรียมนำเสนอ ครม. คือ สายกระทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต ระยะทาง 3.98 กม. เงินลงทุน 14,177.22 ล้านบาท และโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือตอน N2 และ E-W corridor ด้านตะวันออก วงเงินลงทุน 14,382 ล้านบาท เบื้องต้น กทพ.จะใช้เงินลงทุนจากกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) หรือTFF

@เรื่องด่วน จัดหาฝูงบินใหม่ 38 ลำของการบินไทย 1.6 แสนล้าน

ขณะที่แผนจัดหาฝูงบินใหม่ จำนวน 38 ลำ วงเงินประมาณ 1.6 แสนล้านบาท ของการบินไทย ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาของสภาพัฒน์แล้ว ยังต้องลุ้น ครม.ใหม่ว่าจะเอาด้วยหรือไม่ ซึ่งตามแผนการบินไทย แบ่งการจัดหาล็อตแรกจำนวน 25 ลำก่อน เพื่อให้มีการทยอยรับมอบใน 2 ปี เพื่อมีเครื่องบินใหม่มาเสริมประสิทธิภาพการให้บริการ และเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟู แก้ปัญหาขาดทุน

@ทอท.ดันก่อสร้างเทอร์มินัล 2

โครงการอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 สนามบินสุวรรณภูมิ วงเงินโครงการ 4.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ถูกวิพากษ์วิจารณ์การประมูลออกแบบ และการปรับแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นอีกประเด็นร้อนที่รัฐบาลใหม่ต้องเร่งตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหาความแออัดของสนามบินสุวรรณภูมิ

@ฟื้นฟู ขสมก. ซื้อรถเมล์ใหม่ 2,188 คัน วงเงินกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท

สำหรับแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก.พร้อมสนอ ครม.แล้ว โดยจะมีการแก้ปัญหาหนี้สินกว่าแสนล้านบาท พร้อมกับการซื้อรถใหม่ 3,000 คัน วงเงินลงทุน 21,210.343 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ได้จัดหาแล้ว 489 คันวงเงิน 1,891.452 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะดำเนินการภายใน 3 ปี (62-64) โดยปี 2562 จะปรับปรุงสภาพรถโดยสาร NGV (เดิม) จำนวน 323 คัน

ขณะที่จะมีการซื้อรถใหม่ จำนวน 2,188 คัน ได้แก่ จัดซื้อรถไฟฟ้า (EV) จำนวน 35 คัน พร้อมสถานีเติมก๊าซ วงเงิน 466.94 ล้านบาท

ที่เหลือจะเป็นแผนในปี 2563 ได้แก่ เช่ารถโดยสารใหม่ จำนวน 700 คัน วงเงินรวม 7,000 ล้านบาท (เช่ารถไฮบริด 400 คัน วงเงิน 4,800 ล้านบาท, เช่ารถ NGV 300 คัน วงเงิน 2,200 ล้านบาท) และปี 2564 จัดซื้อรถโดยสารไฮบริด จำนวน 1,453 คัน วงเงิน 11,624 ล้านบาท




ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการขับเคลื่อนโปรเจกต์ภายใต้การกำกับของ รมว.คมนาคม “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ใช้นโยบาย One Transport โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 ระยะ คือ

ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2561-2565) วงเงินลงทุนรวม 1,714,241 ล้านบาท โครงการส่วนใหญ่ดำเนินการเห็นเป็นรูปธรรม และบางโครงการใกล้แล้วเสร็จ

ระยะที่ 2 โครงการที่ดำเนินการในปี 2566-2570 วงเงินลงทุนรวม 636,863 ล้านบาท

ระยะที่ 3 ดำเนินการในปี 2571-2575 วงเงินลงทุนรวม 418,121 ล้านบาท

ระยะที่ 4 ดำเนินการในปี 2576-2580 วงเงินลงทุนรวม 318,436 ล้านบาท

ทว่า! หากโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นของพรรคภูมิใจไทย ส่วนพลังประชารัฐได้แค่รัฐมนตรีช่วยฯ ...มีความเป็นไปได้ที่หลายโครงการคมนาคมอาจต้องมีการ “ปรับ...เปลี่ยนจากแผน ไม่มากก็น้อย”

แม้หัวโต๊ะ ครม.จะยังเป็น “พลเอก ประยุทธ์” คนเดิม แต่ต้องไม่ลืมว่า ครม.ใหม่เป็นนักการเมืองกว่าครึ่ง โดยเฉพาะพวก “รุ่นเก่า...เก๋าเกม” ที่จะเบ็ดเสร็จ สั่งหันซ้ายหันขวาคงจะไม่ง่าย...เหมือนเดิมแน่นอน!
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 238, 239, 240 ... 406, 407, 408  Next
Page 239 of 408

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©