ปฏิบัติการ ณ ที่แห่งความลับ P4 : 2 วัน 3 อุโมงค์ 22 กิโลเมตร

[Air_Reservoir]

สวัสดีครับพี่ ๆ น้อง ๆ ชาวรถไฟไทยทุกท่าน

เรื่องราวต่อไปนี้จริง ๆ แล้วก็มีผู้ไปบุกเบิกกันมาแล้ว เพียงแต่ว่าคราวนี้เป็นคิวของผมกับแซมที่จะไปสำรวจกันแค่ 2 คน (ซึ่งก็เป็นเหมือนจะเป็นเรื่องปกติแล้วมั้ง) ในตอนแรกนั้นตั้งใจว่าจะใช้เวลาแค่วันเดียว แต่ก่อนเดินทาง 2 วันมีการเปลี่ยนแผนเล็กน้อย โดยที่แซมเสนอมาว่าไหน ๆ ก็ไปแล้ว จะเอาแค่ 2 ก็กระไรอยู่ เลยเสนอเป็นว่าเอา 3 เลยดีกว่า ซึ่งผมก็ไม่ขัดข้อง เพราะต้องการแบบนี้ตั้งแต่ตอนแรกแล้วด้วย

ตามแผนที่ตกลงไว้เป็นแบบนี้ครับ การเดินทางวันแรกไปกับ ขบวน 51 (กรุงเทพ - เชียงใหม่) ลงที่สถานีอุตรดิตถ์ แล้วต่อขบวน 407 (นครสวรรค์ - เชียงใหม่) จากอุตรดิตถ์ไปยังที่หยุดรถเขาพลึง แล้วเดินย้อนกลับมาที่สถานีปางต้นผึ้งเพื่อกลับขบวน 408 (เชียงใหม่ - นครสวรรค์) ไปที่สถานีพิษณุโลกเพื่อหาที่พัก สาเหตที่ไม่พักที่อุตรดิตถ์เพราะไม่รู้ว่าที่พักอยู่ตรงไหนบ้าง (พูดง่าย ๆ คือไม่มีข้อมูลที่พักเลย) อีกอย่างนึง คือ แซมมาเที่ยวที่พิษณุโลกบ่อย เลยทำให้ชำนาญมากกว่าเท่านั้นเอง

รูปที่จะนำเสนอในช่วงแรกนี้อาจจะไม่ใช่แนวสำรวจนัก เพราะพี่ตึ๋ง กับ พี่เจฟ ได้สำรวจไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว ตรงนี้ผมถือว่ามาทบทวนความจำแล้วกันครับผม แต่ไม่รู้ว่า 2 ปีผ่านไปหลังจากที่เคยสำรวจไว้จะเปลี่ยนไปขนาดไหน ลองตามไปดูแล้วกันครับ

กลางคืนของวันที่ 29 พฤศจิกายน ผมกับแซมออกมาถึงสถานีกรุงเทพราว 21.40 น. มาถึงไม่รอช้าก็รีบขึ้นไปนั่งรอทันที คราวนี้ผมไป บชส.คันที่ 6 แต่ดูจากปริมาณคนแล้ว โบกี้ที่ผมนั่งตอนออกจากกรุงเทพมีแค่ 5 คนเองครับ ว่าแต่ จะอ่าน สตาร์ซอกเกอร์ อีกนานไหมครับท่าน



บนขบวน 51 ไม่มีใครนอนลงครับ จะต้องคอยมองดูตลอดว่าได้แซงบรรดารถสินค้าไปบ้างหรือไม่ เพราะมีผลต่อการมาเดินอุโมงค์มาก อย่างน้อยจะได้รู้ว่ามีจำนวนมากหรือน้อย และ 1 ในขบวนที่แซงมาก็คือ ข.601 (บางซื่อ - เชียงใหม่) ที่สถานีตะพานหิน ซึ่งเป็นขบวนเดียวที่ได้แซงมา ณ ตอนนั้น อย่างน้อย ๆ ขาขึ้น มันก็มีแค่ขบวนเดียวที่เราอาจจะต้องเจอ แล้วก็ตามคาด เรามาถึงสถานีอุตรดิตถ์ ตอน 6 โมงเช้าเศษ ๆ ข.601 ก็ตามมาถึงในเวลา 8 โมงกว่า ซึ่งขบวนนี้ก็จะไปจอดพักที่สถานีศิลาอาสน์เพื่อพักรถ แล้วตัดดีเซลมาเข้าโรงรถจักรอุตรดิตถ์เพื่อเช็กสภาพ แต่สิ่งที่แปลกคือมีเจ้านี่โผล่มาด้วยครับ



ซึ่งไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกับ Davenport 571 แต่ดูจากสภาพแล้วก็ไม่แน่ใจว่าได้ผ่านการซ่อมมาแล้วหรือยัง เพราะโทรมมาก หวังว่าคงจะได้เห็นตอนติดเครื่องแล้วออกมาวิ่งอีกครั้งนะ (เอามาทำสับเปลี่ยนก็ยังดี)

คืนนี้ขอเท่านี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวมาต่อครับ
_________________
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13 กรุงเทพ - เชียงใหม่, สถานีห้างฉัตร, จังหวัดลำปาง

[saraburi]

ยังหลงเหลืออยู่ด้วยๆๆๆๆ
พี่บอลแกชอบหลอกให้อยากแล้วจากไป ...............
จักลอติดตามชม สตาร์ซอกเกอร์ ต่อครับ
_________________
ช่างภาพระดับพื้นโลก

[black_express]

[CivilSpice]

โห้ ........ รอมาตั้งนาน โผล่มาหยอดละ .... น่าชมจริงๆ น่าชมจริงๆ

[tuie]

ช่วงปางต้นผึ้ง-เขาพลึง เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่พี่อยากไปเดินชมแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปครับ ระหว่างนี้ก็ขอติดตามชมผลงานของน้องบบอล และน้องแซมเพื่อบรรเทาความอยากไปก่อนก็แล้วกัน

อยากชมจริงๆ อยากชมจริงๆ

ใครจะจัดทริปไปเดินแถวๆปางต้นผึ้ง-เขาพลึงอีกชวนผมไปด้วยนะครับ

อยากไปจริงๆ อยากไปจริงๆ

นสน.าย.

[CivilSpice]

[Air_Reservoir]

มาต่อจากที่ลงไว้เมื่อตี 3 กว่า ๆ ครับ

หลังจากได้เจอกับเจ้า Davenport 571 ไปแล้วสักพักใหญ่ ๆ ขบวน 407 ก็ทำขบวนมาเทียบที่สถานีศิลาอาสน์จนได้ พวกผม 2 คนไม่รอช้ารีบขึ้นไปหาที่นั่งกันก่อนเลย เพราะช่วงนี้คนจะน้อย ผิดกับช่วง นครสวรรค์ - พิษณุโลก ค่อนข้างจะแน่นเลยทีเดียว แต่ถ้าให้แน่นจริงก็ต้องบอกว่า ข.403 (พิษณุโลก - ศิลาอาสน์) กินขาดครับ มีแต่นักเรียนใช้บริการทั้งนั้น (จะบอกเป็นรถนักเรียนก็คงจะไม่ผิดแต่อย่างใด) ยืนมาเต็มขบวนเลย เพราะขบวนนี้ส่วนใหญ่พ่วงแค่ 2 คัน วันไหนมี 3 สิจะแปลก แต่นักเรียนที่อาศัยมากับขบวนนี้น่ารักดีครับ ....

มาถึงสถานีศิลาอาสน์ ข.407 ก็จะเติมน้ำมันสักพัก ทำให้พอมีเวลาดูว่ามีสินค้าอะไรรอทำขบวนทั้งขึ้นและล่อง ซึ่งก็ถือเป็นโชคที่ขาขึ้นมีแค่ 601 ขบวนเดียว ที่เหลือนี่จะเป็นสินค้าขาล่องทั้งหมด แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ จู่ ๆ อาจจะมีตามหลังขึ้นมา แล้วไปโผล่ตอนที่เราเดินอยู่ก็ได้ใครจะไปรู้

ออกจากศิลาอาสน์ หนทางก็เริ่มเข้าสู่ป่าเขา จากท่าเสา ไปบ้านด่าน จนถึงปางต้นผึ้ง ค่อย ๆ ไต่ระดับมาทีละนิด ๆ จนถึง ที่หยุดรถเขาพลึงบอกได้เลยครับว่าอยู่บนเขาจริง ๆ



เขาพลึง (ขง.) ตั้งอยู่ในเขตตำบลห้วยไร่ อ.เด่นชัย จังหวัดแพร่ อยู่ใน กม.ที่ 517.02

จากที่ได้ดูแผนที่ทั้ง Google Earth และ Point Asia แล้วต้องบอกว่าแถบนี้ล้อมไปด้วยป่าเขาจริง ๆ ระหว่างทางตรงนี้ถ้าจะออกไป มี 2 ทางคือเดินไปตามทางรถไฟ กับ เดินออกไปยังถนนลูกรังที่เชื่อมต่อไปยังสถานีปางต้นผึ้งเท่านั้น (แต่บอกเลยว่าระยะทางรถไฟยาวกว่าทางถนนแน่นอน) เอาล่ะ เมื่อมาถึงแล้วก็ต้องเช็กสภาพอุปกรณ์ให้เรียบร้อย เพราะที่นี่อยู่ห่างจากอุโมงค์แค่ 200 เมตรเท่านั้น

อุปกรณ์ที่จำเป็นคือไฟฉาย (ตัวใหญ่ ๆ หน่อยก็ดี) และวิทยุสื่อสาร แต่สิ่งที่จะบอกคือ อย่าคาดหวังกับวิทยุสื่อสารให้มากนัก เพราะอยู่ในภูเขา บางทีสัญญาณก็ไม่สามารถรับได้ เหมือนอย่างที่พี่หมอเคยเตือนเอาไว้ ฉะนั้นหากคิดจะมาที่นี่ นอกจากจะต้องจดจำให้ได้ว่าที่นี่มีขบวนรถอะไรผ่านบ้าง และเวลาเท่าไหร่ แต่ ก็อย่าคิดว่ามันจะมาตรงเวลาเสมอไป สิ่งที่ดีที่สุดคืออย่าประมาท ระหว่างเดินอย่าคุยเพลิน ต้องหยุดเงียบฟังเสียงรถไฟเป็นระยะด้วย โดยเฉพาะทางลงเขานี่ถือว่าอันตรายที่สุด วิธีที่ผมกับแซมใช้มี 2 วิธีคือฟังจากวิทยุ และ หยุดฟังเสียง โดยเฉพาะเสียงรถจักร ซึ่งถ้าโชคดีอาจจะได้ยินมาแต่ไกล แต่ถ้าไม่ อาจจะได้ยินก่อนมาถึงตัวแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ขอให้ระวังให้ดี แต่ถ้าได้ยินตอนเดินอยู่บนสะพาน อันนี้ก็วัดดวงว่าระหว่างจะเดินไปถึงอีกฝั่ง กับ รถไฟ อย่างไหนจะมาก่อนกัน หากไม่ชัวร์ก็ให้หาที่หลบข้างทางที่ปลอดภัย รอให้รถไฟผ่านไปแล้วค่อยข้าม ตรงนี้เซฟตัวเองที่สุดครับ

ว่าแต่ตาเป้แดงน่ะ เมื่อไหร่จะเช็กของเสร็จสักทีท่าน ได้เวลาเดินทางแล้ว


_________________
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13 กรุงเทพ - เชียงใหม่, สถานีห้างฉัตร, จังหวัดลำปาง

[Air_Reservoir]

ช่วงที่ผมมาเดิน เป็นช่วงที่ไม่มีฝนแล้ว แต่ก็ยังคงสภาพความชุ่มชื้นของป่าเขาได้เป็นอย่างดี



เดินมานิดเดียวเราก็พบอุโมงค์แล้วครับ เพียงแต่ป่าทางด้านนี้ค่อนข้างจะรกทึบจริง ๆ ประกอบกับอากาศที่ค่อนข้างเย็น ทำให้รู้สึกวังเวง ๆ อย่างน่าประหลาด แต่มาถึงนี่ก็ถอยไม่ได้แล้วครับต้องเดินกันต่อไป



จากแผนที่วางไว้ ขบวนรถมาถึง เขาพลึงตอน 9.55 น. (ถึงจริงช้าไป 10 นาที) ต้องเดินกลับไปที่ปางต้นผึ้งให้ได้ก่อนเวลา 14.13 น. เท่ากับเรามีเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ในการเดินเท่านั้น เพียงแต่นิสัยพวกผมมันไม่ใช่แบบนนั้นสิครับ ไหน ๆ ก็มาแล้ว ถ้าไม่ได้ของติดมือก็กระไรอยู่ ฉะนั้นลองตามต่อไปแล้วกันครับ เพียงแต่ว่ามันทำให้เวลาในการเดินของเราสั้นลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
_________________
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13 กรุงเทพ - เชียงใหม่, สถานีห้างฉัตร, จังหวัดลำปาง

[Air_Reservoir]

อุโมงค์เขาพลึงนี้ ใกล้กับป้ายหยุดรถมาก ถือว่ามาง่ายครับสำหรับที่แห่งนี้ แต่ภายในอุโมงค์นี้ไม่ง่ายครับ เพราะตอนนั่ง 407 มาก็รู้เลยว่าภายในค่อนข้างแฉะ มีน้ำหยดตลอดเวลา (และหลายแห่งด้วย)



อุโมงค์เขาพลึง ความยาว 362.44 เมตร ตั้งอยู่ใน กม.ที่ 516.41 - 516.77 สังเกตให้ดีครับว่าสภาพหน้าอุโมงค์เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ และ ต้นไม้ปกคลุม และอีกอย่างนึงเลยคือศาลเจ้าพ่อเขาพลึง มีใครสังเกตไหมครับว่าอยู่ตรงไหน



เมื่อเปรียบเทียบกันกับ 2 ปีที่แล้วด้วยรูปของพี่เจฟ (ขออนุญาตดึงมาเปรียบเทียบนะพี่ท่าน)



กาลเวลาผ่านไป สภาพก็ยิ่งดูวังเวงจริง ๆ แต่เมื่อมาถึงที่นี่ก็ต้องสักการะ ขอให้เจ้าพ่อคุ้มครองตลอดการเดินทางของพวกเราครับ
_________________
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13 กรุงเทพ - เชียงใหม่, สถานีห้างฉัตร, จังหวัดลำปาง

[Air_Reservoir]

ป้ายอุโมงค์ฝั่งด้านทิศเหนือครับ อุโมงค์แห่งนี้สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2453 ถ้าจะบอกว่าอุโมงค์แห่งนี้เป็นเส้นแบ่งจังหวัดก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะฝั่งเหนือนั้นเป็นเขตจังหวัดแพร่ ในขณะที่ฝั่งใต้เองเมื่อเดินออกไปอีกนิดหน่อย ก็อยู่ในเขตจังหวัดอุตรดิตถ์แล้ว



อุโมงค์เขาพลึงนี้อยู่ในเขตความรับผิดชอบของ ตอน นตท.ปางต้นผึ้ง แขวง สบท.เด่นชัย เขต วขบ.ลำปาง ภายในเป็นคอนกรีต แต่บางส่วนที่เป็นผนังหินแท้เลย รางเป็นขนาด 70 ปอนด์ R (12 เมตร) หมอนไม้

คำนวนจากช่วงเวลาแล้ว ถ้ามีขบวนรถสินค้าวิ่งตามหลัง 407 มา ก็คงต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะมาถึงที่นี่ เลยสบโอกาสลอดตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า แต่ภายในอุโมงค์เดินยากจริง ๆ ไหนจะต้องเจอกับพื้นที่แฉะเป็นบางช่วงแล้ว ต้องคอยระวังสัตว์ร้ายเช่นงูอีกต่างหาก ถ้าโดนกัดขึ้นมา แทบจะไม่ต้องหาโรงพยาบาลกันเลย เพราะอยู่ไกลมาก ปลอดภัยไว้ก่อน ดีที่สุดครับ



ภายในอุโมงค์เป็นทางตรงยาวแล้วหักขวานิดนึงก่อนออก อย่างน้อย ๆ ก็พอจะได้เห็นแสงสว่างในปลายอุโมงค์บ้าง