ร่วมด้วยช่วยกัน ปรับ เปลี่ยน พฤติกรรม ลดความเสี่ยง

MayyaM · 1st Class Pass (Air) Joined: 08/07/2007 Posts: 1194

ข่าวอุบัติเหตุมีให้เห็นเป็นประจำ ทั้งในประเทศไทยเรา และต่างประเทศ

หลายๆ คนคงคิดว่า "อีกแล้วเหรอ"

ตามที่น้องธี ได้นำเสนอจากกระทู้นี้ เป็นตัวอย่างความประมาทที่เราเองคิดว่า "พ้น รอด" แต่มันไม่โชคดีอย่างนี้ทุกครั้ง และทุกคนหรอกค่ะ

http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3399

และทุกคนก็คงไม่อยากให้เกิดขึ้นทั้งกับตัวเราเอง พี่น้อง ครอบครัวของเรา แม้กระทั่งคนรู้จัก ของเราใช้ไหมค่ะ

ชีวิตคนเราเกิดมาหนเดี่ยว ตายหนเดี่ยว เราก็ต้องรู้จักรักษาชีวิตให้อยู่รอด ปลอดภัย ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่เกิดมาบนโลกบนนี้กันดีกว่าค่ะ
ดังนั้นเรามา

emot142

ร่วมด้วยช่วยกัน ปรับ เปลี่ยน พฤติกรรม ลดความเสี่ยง การเกิดอุบัติเหตุ กันดีไหมค่ะ emot142

1. ไม่นั่งตรงบันไดทางขึ้นตู้โดยสาร (โบกี้)
เพราะเนื่องจาก รถไฟสะบัดในขณะเคลื่อนขบวน ซ้าย ขวา มีแรงเหวี่ยงจะตกรถไฟได้

2. ไม่กระโดด ลงจากรถไฟ ในขณะที่รถไฟยังจอดไม่นิ่ง

เพราะเนืองจาก หากเราลงมามีอีกขบวนวิ่งสวนมา หรือกระโดดลงมาขาหัก หรือม้วนตัวเข้าสู่ใต้ท้องรถได้ค่ะ

3. ไม่วิ่งขึ้นรถไฟ ในขณะที่รถไฟเคลื่อนที่ออกไปแล้วแม้เราเองจะรู้สึกว่าไม่เร็วมากก็ตาม

เพราะเนื่องจาก เราจะกระโดดพลาด ตกรถ และ อาจจะล้มและม้วนตัวเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถไฟ โดนทับได้

4. ไม่นั่ง และ หรือ ยืนระหว่างขอพ่วง
เพราะเนื่องจาก ระหว่างรถไฟทำขบวนนั้น อาจเกิดเบียดกันระหว่างตู้ และข้อต่ออาจหลุดได้

5. ไม่ชะโงกหน้า ศรีษะ ออกจากตู้โดยสาร
เพราะเนื่องจาก ระหว่างเส้นทางโดยสาร จะมีสะพาน ช่องว่างระหว่างสะพานกับตู้โดยสารระยะห่างไม่เท่ากัน จะทำให้ศรีษะของท่านกระเด็นออกจากตัวได้ chop

อันนี้เท่าที่นึกได้ เฉพาะการโดยสารที่มีความเสี่ยง...เพื่อนๆ ท่านใดมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติม

สามารถนำเสนอร่วมกันได้เลยนะคะ ร่วมด้วยช่วยกัน...เพื่อชีวิตของท่านและคนที่ท่านรัก

ivetren · Posted: 16/02/2009 6:56 pm Post subject:

๖. ขับรถข้ามทางตัด ระวังรถไฟ

KaittipsBOT · 1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 4150

เป็นแนวคิดที่ดีครับ สมาชิกช่วยกันระดมความคิดนะครับ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้พบเห็นนะครับ อุบัติเหตุป้องกันได้จากตัวเรา วิธีการประเมินความเสี่ยง การคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้า การใช้สติ วิเคราะห์ ล้วนแต่เป็นปัจจัยในการระวังเหตุ และลดอุบัติเหตุได้ทั้งนั้น ช่วยกันเสนอมานะครับ......

alderwood · Posted: 16/02/2009 8:43 pm Post subject:

ขออนุญาตหยิบพรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาให้ดูอีกครั้งครับ

พรบ.จราจรทางบกปีพ.ศ.๒๕๒๒ ที่เกี่ยวข้อง
มาตรา ๕๗ เว้นแต่จะได้มีบทบัญญัติ กฎ หรือข้อบังคับตามพระราชบัญญัตินี้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ห้ามมิให้ผู้ขับขี่จอดรถ
(๘) ในระยะสิบห้าเมตรจากทางรถไฟผ่าน

มาตรา ๖๒ ในทางเดินรถตอนใดที่มีทางรถไฟผ่าน ถ้าปรากฏว่า
(๑) มีเครื่องหมายหรือสัญญาณระวังรถไฟแสดงว่ารถไฟกำลังจะผ่าน
(๒) มีสิ่งปิดกั้นหรือมีเจ้าหน้าที่ให้สัญญาณแสดงว่ารถไฟกำลังจะผ่าน
(๓) มีเสียงสัญญาณของรถไฟหรือรถไฟกำลังแล่นผ่านเข้ามาใกล้อาจเกิดอันตรายในเมื่อจะขับรถผ่านไป
ผู้ขับขี่ต้องลดความเร็วของรถและหยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟไม่น้อยกว่าห้าเมตร เมื่อรถไฟผ่านไปแล้วและมีเครื่องหมายหรือสัญญาณให้รถผ่านได้ ผู้ขับขี่รถจึงจะขับผ่านไปได้

มาตรา ๖๓ ในทางรถตอนใดที่มีทางรถไฟผ่านไม่ว่าจะมีเครื่องหมายระวังรถไฟหรือไม่ ถ้าทางรถไฟนั้นไม่มีสัญญาณระวังรถไฟหรือสิ่งปิดกั้น ผู้ขับขี่ต้องลดความเร็วของรถและหยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟในระยะไม่น้อยกว่าห้าเมตร เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงจะขับรถผ่านไปได้

ถ้าปฏิบัติตามกฎจราจรแล้ว สามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง รวมทั้งลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้ด้วยครับ
_________________
รักรถไฟมั่นใจโคปเตอร์ || Railway Racing Team || Korat Spotter

MayyaM · 1st Class Pass (Air) Joined: 08/07/2007 Posts: 1194

7. ไม่ยืนลำเส้นขาว (ใกล้ราง)

8. ไม่ยืนกลางราง ไม่ว่าจะมีรถจักร หรือขบวนใดวิ่งผ่านมาหรือไม่
เพราะเนื่องจาก พวกเรามักชื่นชมรถไฟเพลิน จนหลงลืมว่าจะมีรถไฟวิ่งเข้ามา หรือ อาจจะมี D เปล่าวิ่งผ่านมาโดยที่เราไม่ทราบและไม่สามารถหลบได้ทัน

9. ไม่ยืน นั่งตรงประแจ
เพราะเนื่องจาก เราไมรู้ว่าประแจจะสับเมื่อใด เราอาจโดนประแจหนีบได้

10. ไม่ยืนพิงประตู
เพราะเนื่องจากประตูอาจเปิด ปิด โดยที่เราไม่ได้ระวัง แล้วเราก็จะตกรถได้

donatt76 · Posted: 17/02/2009 12:17 am Post subject:

เป็นความคิดที่ดีครับที่ช่วยกันระดมความคิด.....งั้นขอมีส่วนร่วมด้วยครับ (ตอบแบบไกด์ปากสุนัขนิดนึงนะครับ)

ที่พี่ลูกปลาเสนอมานั้น เป็นสิ่งที่สมควรปกิบัติอย่างยิ่งสำหรับผู้โดยสาร และ ผู้เสพรถไฟทุกท่านครับ (แต่สำหรับผู้เสพรถไฟคงจะห้ามใจให้รักษากฎที่เอ่ยมาได้ยากหน่อย...ฉะนั้นยิ่งต้องระวังตัวให้มากขึ้น ไม่งั้นลอดด์ โวลเดอร์มอร์จะชวนไปเป็นผู้เสพความตายแทน ผู้เสพรถไฟ)

งั้นร่วมด้วยฐานะ ผู้ใช้รถใช้ถนนละกันครับ
(ใช้ระหัสข้อเป็น D xx ย่อมาจาก Driver 00 ละกันนะครับ)

D 1 หยุดรถทุกครั้งก่อนผ่านทางรถไฟ
ข้อนี้มีระบุชัด ในกฎจราจรครับ ตอนสอบใบขับขี่ ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถสิบล้อ รถพ่วง มีข้อสอบนี้ทุกครั้ง....ตอนตอบข้อสอบ ก็ตอบถูกทุกที แต่พอตอนขับจริงบนท้องถนน...ไม่เคยเห็นคันไหนหยุดซักคันหนึ่ง

เพราะแค่แตะเบรค จะมีเสียงแตรไล่หลังทันที...ตอนหลังนี่ไม่สนละครับ กดแตรได้กดไป...ชีวิตผม ไม่ได้มีค่าแค่ กดแตรไล่

D 2...ควรหยุดรถห่างจากทางรถไฟไม่น้อยกว่า 15 เมตร
ข้อนี้ต้องยอมรับว่า บางแห่งเส้นที่ทางการตีไว้ มันก็น้อยกว่า 15 เมตรจริงๆครับ...บางแยกเล่นเอาซะชิดขอบรางเลยก็มี แต่กระนั้น คนขับรถบางท่าน ยังจอดแบบ"ใกล้ชิดดารา" ชนิดที่ เรียกว่า ขอพ่วงแทบจะถูกระโปรงหน้า เลยทีเดียว นี่และครับ สาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยที่สุด

เมื่อวันวาเลนไทน์ ที่ผ่านมา ด่วน 73 ก็บอกรัก Taxi เพราะเหตุนี้มาแล้ว

D 3...เมื่อเห็นสัญญาณว่า จะมีขบวนรถผ่านมา ต้องหยุดให้ทางขบวนรถผ่านไปให้เรียบร้อยเสียก่อน จึงขับผ่านทางรถไฟ
อันนี้ล่ะครับ ตัวการทำลายรถจักร และ รถพ่วง ของเรา...คือเป็นเหตุจากความประมาทของผู้ขับขี่ มั่นใจในรถ มั่นใจในฝีมือการขับรถของตัวเอง คิดว่า ยังไงซะต้องพ้น อาการนี้จะพบบ่อบใน เด็กวัยรุ่น นักแข่งข้างถนน วิธีรักษา ต้องใช้ "สปรินเตอร์ เซตตามอล" เสยซับปาบ

บางคนเป็นโรคจิตครับ...เห็นรถไฟจะมา ต้องเร่งให้ผ่านก่อน จะหยุดรอซัก 5 นาทีไม่ได้ อาการนี้พบบ่อยในคนขับ Taxi รถประจำทาง พี่วิน(มอร์เตอร์ไซค์) คนขับรถ (ขับให้เจ้านาย) วิธีรักษา ต้องใช้ "อัลสตอม ไมซิน"....ทาเบาๆทุกครั้งที่มีอาการ

สุดท้าย คิดว่ารถข้าก็ใหญ่เหมือนกัน แถมขับมาคันเดียว ต้องเร็วกว่าขบวน 10 คันแน่ๆ อาการนี้เกิดบ่อยในผู้ขับรถบรรทุก รถพ่วง วิธีรักษา ต้องใช้ "จีอี พลาส" แปะบริเวณที่คิดว่าแข็ง

D 4 ผ่านทางเฉพาะบริเวณที่จัดไว้ให้
อันนี้ no comment เรื่องทางลักผ่านครับ บอกแค่ว่า ขับไกลอีกนิด เปลืองน้ำมันอีกหน่อย ทำเถอะครับ...เพื่อถ้าท่านยังรักชีวิตของท่านเอง

แต่จะบอกว่า สำหรับคนไทยแล้ว...รณณรงค์ไปเถอะครับ...ได้ผลเฉพาะวันที่รณณรงค์กันนั่นแหละ วันรุ่งขึ้น...ทุกอย่างที่ทำมา ลืมหมด
_________________
Click on the image for full size

rimura · Posted: 18/10/2009 12:51 am Post subject:

Hazard Analysis หรือ การวิเคราะห์ความเสี่ยง สิ่งนี้ล่ะครับที่ยังขาดเป็นอย่างมากสำหรับ

นิสัยคนไทยเรา จะเพราะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ชีวิตทั้งชีวิต คือสิ่งที่ไม่สามารถเรียกคืน

ได้....ถ้าพลาด

ถ้าเปรียบเป็นโรงงานอุตสาหกรรม รถไฟ ก็เปรียบเสมือนเครื่องจักร คนเราก็เปรียบเสมือน

พนักงานผู้ที่ต้องทำงานกับมัน หรือเข้าไปในพื้นที่ๆเกี่ยวข้อง ซึ่งไอ้เจ้าเครื่องจักรนั้นมันก็มี

อันตรายอยู่ในตัวของมันเอง อยู่ที่ว่า มองเห็น รู้ แล้วจะปฏิบัติอย่างไรให้ปลอดภัยกับตัวเรา

เอง หรือเลือกที่จะยอมเสี่ยง ประมาท เพราะคิดว่าเท่านี้คงไม่เป็นไร คิดว่าคงจะไม่เกิด

beer45 · Posted: 18/10/2009 9:43 am Post subject:

เวลาขับรถไฟก็ต้องให้ระวัง สาวสวยๆ ไว้ เพราะจะไปตกหลุมรักเธอได้ครับ Laughing

อันนี้ข้อมูลเชิงลึกครับ ขออนุญาตพาเป๋ดับกระแสเรื่องเครียดๆในรถไฟครับ Laughing

ter123 · Posted: 18/10/2009 6:06 pm Post subject:

ไม่เล่นกันขณะรถกำลังเข้าเทียบชานชาลา

เพราะอาจจะพลาดตกลงไปในรางก็ได้ เคยตอนไปเที่ยวเขื่อนกับเพื่อนแล้วมันเล่นกันจบเกือบหล่นลงไป พขร. ชี้หน้าเลย หุหุ

งดใช้โทรศัพท์ขณะขึ้น-ลงรถ

อันนี้ก็น่าจะทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้(หรือปล่าว)เพราะเห็นรถเมล์เค้าเขียนแปะไว้

rodfaithai · 1st Class Pass (Air) Joined: 10/07/2006 Posts: 1346

ถ้ารู้จักคิดถึงคำสอนของปราชญ์ ที่สอนไว้ว่า ให้มีมรณานุสติอยู่ตลอดเวลา จะได้ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท
เวลาจะทำอะไร ก็มีมรณานุสติ เช่น ถ้าไปยืนหรือนั่งตรงข้อต่อรถหรือที่บันได ก็ให้พิจารณาว่า ถ้ารถไฟตกรางหรือมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น
เราจะเป็นอย่างไร ถ้ารู้จักพิจารณาอย่างนี้แล้วไซร้ ก็จะช่วยไม่ให้ตายก่อนวัยอันควรได้ไม่น้อย

ใน สารคดี The Great Indian Railway ของ National Geographic ช่วงหนึ่งที่กล่าวถีงรถไฟของเล่น (Narrow gauge) ที่วิ่งขึ้นเขาอะไรสักอย่าง ขออภัยที่จำชื่อไม่ได้ ข้างทางรถไฟช่วงหนึ่ง จะมีหลักคอนกรีตขนาดใหญ่ เขียนไว้ว่า
Slow มี 4 ตัวอักษรเท่ากับ Live
Speed มี 5 ตัวอักษร เท่ากับ Death