Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:312050
ทั่วไป:13638032
ทั้งหมด:13950082
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ชู'บางกล่ำ'ศูนย์กลางโลจิสติกส์ ท่าเรือปากบารา-จะนะรอรัฐบาลให
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ชู'บางกล่ำ'ศูนย์กลางโลจิสติกส์ ท่าเรือปากบารา-จะนะรอรัฐบาลให

 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 10/07/2006
Posts: 1346

PostPosted: 07/08/2006 11:07 pm    Post subject: ชู'บางกล่ำ'ศูนย์กลางโลจิสติกส์ ท่าเรือปากบารา-จะนะรอรัฐบาลให Reply with quote

ชู'บางกล่ำ'ศูนย์กลางโลจิสติกส์ ท่าเรือปากบารา-จะนะรอรัฐบาลใหม่

31ก.ค. ที่ผ่านมา พาณิชย์จังหวัดสงขลา ร่วมกับหอการค้าจังหวัดสงขลา และหอการค้าจังหวัดสตูล จัดสัมมนาเขิงปฏิบัติการ "การพัฒนายุทธศาสตร์โลจิสติกส์สงขลา-สตูล" ที่รร.เจ.บี.หาดใหญ่

นายกุดั่น อินทร์พรหม นักผังเมือง สำนักผังเมืองเฉพาะ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กรมโยธาธิการและผังเมืองกำลังจัดทำผังประเทศเพื่อรองรับการพัฒนาในระยะ 50 - 60 ปี ที่จะเริ่มดำเนินการปี 2549 ซึ่งเป็นผังระดับนโยบาย ประกอบด้วย ผังภาคของประเทศ ผังนโยบายกลุ่มจังหวัด ในส่วนนี้จะดำเนินการในปี 2550 - 2554 ต่อด้วยผังนโยบายการจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ลุ่มน้ำ ครอบคลุมพื้นที่ 25 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ และผังเมืองรวมจังหวัดซึ่งจะดำเนินการร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด

การจัดทำผังเมืองรวมจังหวัดสงขลา ในส่วนการจัดทำผังการใช้ประโยชน์ที่ดินพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ที่กรมโยธาธิการและผังเมืองว่าจ้างบริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด ดำเนินการยังไม่เป็นที่พอใจจึงต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้สอดรับนโยบายผังเมือง

โดยเฉพาะผังเมืองรวมระดับเมืองและชุมชน ที่แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.ผังชุมชน โดยจะกำหนดบทบาทหน้าที่ของชุมชน 2.ผังเขตพื้นที่สี คือ สีแดงเป็นพื้นที่พาณิชย์ ,สีม่วง เป็นพื้นที่อุตสาหกรรม,สีเขียว เป็นพื้นที่เกษตรกรรม และ3.ผังโลจิสติกส์ที่ต้องมีความเชื่อมโยงกันทั้งระบบเพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจและส่งเสริมการพัฒนาของกลุ่มจังหวัดสงขลา - สตูล

ทั้งนี้ การจัดทำผังของกลุ่มจังหวัดสงขลา - สตูล อาจเริ่มต้นการกำหนดพื้นที่อุตสาหกรรมก่อน เนื่องจากเชื่อว่าหากมีการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมจะเกิดการจ้างงานและมีอาชีพบริการตามมา

โดยการจ้างแรงงาน 1 คน จะเกิดการจ้างงานตามมาอีก 1.5 คน มากกว่าอาชีพข้าราชการ ที่จ้างข้าราชการ 1 คน จะมีการจ้างงานตามมาเพียง 0.5 - 0.7 คน เท่านั้น และที่สำคัญจะต้องพัฒนาศักยภาพท่าเรือ รวมถึงการพัฒนาโครงข่ายการท่องเที่ยว การพัฒนาแหล่งน้ำ และระบบโครงข่ายการขนส่งน้ำเพื่อรองรับระ
บบโลจิสติกส์ควบคู่ไปด้วย

"เดิมการจัดทำผังเมืองรวมสงขลา - สตูล ได้กำหนดให้อำเภอหาดใหญ่ เป็นศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจ ซึ่งเมื่อพิจารณาทางด้านภูมิศาสตร์ พบว่าไม่เหมาะสมเนื่องจากเป็นพื้นที่น้ำท่วมถึงและคับแคบเกินไป ดังนั้นจึงต้องปรับแผนใหม่โดยขยายไปยังพื้นที่อำเภอรอบนอกที่มีศักยภาพให้เป็นศูนย์กลางที่กว้างขึ้น เช่น อำเภอบางกล่ำ ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมอยู่แล้วนำมาเชื่อมให้เป็นศูนย์กลางเข้าด้วยกัน โดยการเร่งเข้าไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เท่าเทียม และ
เชื่อมระบบคมนาคมเข้าด้วย" นายกุดั่น กล่าว

ด้านนายกุญญพันธ์ แรงขำ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีท่าเรือขนส่งสินค้าไปทางด้านตะวันออกของประเทศอยู่ 3 แห่ง คือท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือน้ำลึกสงขลา
ขณะที่ท่าเรือทางฝั่งทะเลอันดามันเพียงแห่งเดียว คือ ท่าเรือระนอง แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น เป็นท่าเรือแม่น้ำรองรับเรือขนาดไม่เกิน 3 หมื่นตันเท่านั้น ซึ่งไม่พอรองรับการขนส่งสินค้าไปทางตะวันตก ขณะที่ระบบการคมนาคมก็ไม่พร้อม
ไม่ว่าจะเป็นทางรถไฟที่ยังไปไม่ถึงจังหวัดระนอง และถนนที่เป็นทางลาดชันคดเคี้ยวไม่เหมาะกับรถบรรทุกขนาดใหญ่
ดังนั้นโครงการสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบาราที่ใช้งบประมาณ9,469 ล้านบาท จึงเป็นทางออกที่ดีสำหรับการลงทุนที่สามารถลดระยะเวลาขนส่งสินค้าจากท่าเรือแหลมฉบังผ่านช่องแคมมะละกา ได้ถึง 5 วัน ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก

โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา ปัจจุบันได้ตั้งคณะกรรมการปรองดองราคาที่ดินก่อสร้างท่าเรือนำลึกปากบาราและอยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าของที่ดินแต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้

ซึ่งอาจต้องย้ายจุดก่อสร้างเพราะที่ดินราคาสูงมากประกอบกับไม่มีความชัดเจนในการก่อสร้างเพราะล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้สั่งชะลอการก่อสร้างออกไปก่อนจนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่

ส่วนการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 เพื่อทดแทนท่าเรือสงขลาที่ปัจจุบันมีปัญหาการตื้นเขินต้องขุดลอกตะกอนทุกปี ทำให้เรือขนาดใหญ่ไม่สามารถเทียบท่าได้ โดยได้เล็งพื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นที่ตั้งก็ยังไม่ได้ข้อสรุป
เพราะอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม

ที่มา:http://www.focuspaktai.com/index.php?file=news&obj=news.view(id=8184)
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43961
Location: NECTEC

PostPosted: 07/08/2006 11:15 pm    Post subject: Reply with quote

พี่มิ้ง ตกลงกะ บังหม้อ บ้านสะกอม ที่จะนะแล้วยังถึงคิด จะให้ท่าเรือสงขลาไปที่จะนะ
Back to top
View user's profile Send private message
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 10/07/2006
Posts: 1346

PostPosted: 08/08/2006 12:20 am    Post subject: Reply with quote

จริงๆ แล้วจะนะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

เพราะ TPI มีที่ดินตรงนั้นเหมาะแก่การเป็นนิคมอุตสาหกรรม

มีโรงไฟฟ้า ซึ่งเหมาะกับนิคมอุตสาหกรรมอีก

ระยะห่างจากเส้นทางรถไฟไม่มากนัก (ประมาณว่าเดินจากทางรถไฟไปริมทะเลได้เลย)


สิ่งที่ต้องคำนึงคือ

- ร่องน้ำ ความลึก การบำรุงรักษา การพัดพาตะกอนมาทับถมร่องน้ำ

- ชาวบ้าน

- ที่สำคัญ กลับมามองที่ วัตถุประสงค์ของการมีท่าเรือ

- ต้นทาง และปลายทางของสินค้าที่จะส่ง อยู่ที่ไหนกันมั่ง

ถ้าสร้างท่าเรือแล้วยังต้องไป Transfer ที่สิงคโปร์ ก็อย่าสร้างเลย

ทุ่มงบประมาณไปให้ท่าเรือสตูลจะยังดีกว่า
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43961
Location: NECTEC

PostPosted: 17/10/2006 12:15 am    Post subject: ฝันเฟื่องเรือ่ง Logistic ของคน 2 แคว Reply with quote

สภาพัฒน์ติงคนสองแควตั้ง"ศูนย์ลอจิสติกส์" ย้ำต้องดูความพร้อมตัวเอง-ยืนอยู่บนข้อเท็จจริง

โดย ผู้จัดการรายวัน 15 ตุลาคม 2549 15:03 น.


พิษณุโลก - สภาพัฒน์ติงสร้างศูนย์ ลอจิสติกส์-ฮับ ต้องถามตัวเองว่า สินค้าอะไร ขนจากไหนไปไหน เผย "สี่แยกอินโดจีน"พูดกันมา 5-10 ปีไม่ไปไหน ยังย่ำที่เดิม ระบุต้องมองถึงข้อเท็จจริง ด้านรองเลขาธิการหอการค้าไทยยืนยัน พิษณุโลกพร้อมตั้งศูนย์กลางการกระจายสินค้า(DC)

เมื่อเร็วๆนี้ เครือข่ายวิจัยมหาวิทยาลัยนเรศวร และคณะอนุกรรมการสาขาวิศวกรรมจราจรและขนส่งวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดบรรยายเชิงวิชาการ หัวข้อ "การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านลอจิสติกส์ของภาคเหนือ"โดยมีผู้ร่วมฟังประมาณ 100 คนเศษ ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก

นางสาววิไลพร ลิ่วเกษมศานต์ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) กล่าวในประเด็นหลักๆ ว่า จังหวัดใดๆก็ตาม ต้องการพัฒนาพื้นที่ตัวเองให้เป็นศูนย์กลางโดยเฉพาะกับการเป็นลอจิสติกส์-ฮับจะต้องพิจารณาว่า

1.ขนส่งคนหรือสินค้าจากไหนไปไหน
2. มีกิจกรรมใดๆ สอดรับกับฮับ
3.มีความพร้อมด้านการลงทุนแค่ไหน

ทั้งนี้ ต้องรู้ว่าในพื้นที่หรือจังหวัดนั้นๆ มีจุดแข็งหรือ จุดอ่อนใดบ้าง การผลักดันให้เป็น ลอจิสติกส์-ฮับ จะเน้นที่ภาคราชการ เพราะบุคคลเหล่านี้มาแล้วก็ไป ควรต้องปล่อยให้เอกชนเริ่มดำเนินการหรือบริหาร เพื่อจะได้รู้ว่า หากมีเงิน 100 ล้านบาท ควรจะทำอย่างไรก่อน และค่อยมาพิจารณาว่าควรทำลอจิสติกส์-ฮับหรือไม่

Quote:
หลายจังหวัดเช่น ขอนแก่น มุกดาหาร นครพนม ก็อยากเป็นศูนย์กลางลอจิสติกส์ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ทั้งกำลังคนและศักยภาพมีแค่ไหน และเชื่อว่า รัฐบาลชุดนี้ ไม่ลงทุนฟุ้งเฟ้อ ต้องการพอเพียงมากกว่า และหวั่นว่าหากดื้อรั้นที่จะทำกันจริง ๆ เกรงจะเป็นเหมือนคลังสินค้าร้างมากกว่า

(ข้อนี้จริงเลยครับ งานนี้ political Pork Barrel ของแท้และดั้งเดิมเหมือนเมืองมะกันเลยหละครับ) Embarassed Laughing

ด้านดร.จุฬา สุขมานพ หัวหน้ากลุ่มการพัฒนาการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การที่พิษณุโลกจะเป็นศูนย์กลางลอจิสติกส์ ต้องพิจารณาให้ดีก่อน ในแง่ การลงทุน การค้า การท่องเที่ยว ว่า มีศักยภาพสูงเพียงใด จากนั้นค่อยเอาคำว่า ลอจิสติกส์-ฮับ ไปใส่เชิงการค้าแนวตะวันออก-ตะวันตก คงไม่มีการเคลื่อนไหวของสินค้ามากนัก แต่ก็ต้อง พิจารณาตัวเลขของสินค้าและคน ถนนเส้นทางสายแม่สอด-พิษณุโลก-หล่มสัก ที่มีถนน 2 เลน กำลังพัฒนาเป็น 4 เลน เชื่อว่า การขนส่งด้วยรถยนต์ลำบาก เพราะเส้นทางสูงชัน

"ตนไม่สรุปว่า พิษณุโลกไม่เหมาะเป็นศูนย์กลางการขนส่ง แต่ควรดูว่าภูมิภาคเหนือล่างเป็นอย่างไร เพราะทุกคนย่อมรู้ดีว่า ลอจิสติกส์-ฮับ การค้า การท่องเที่ยวจะเพิ่มสูงขึ้น แต่เริ่มแรกเดิมที สี่แยกอินโดจีน หรือ ข้อตกลง GMS หรือความร่วมมือต่างๆ บอกว่า ให้คนทั่วโลกมีการเชื่อมติดต่อไปมาหาสู่กัน ไม่ระบุว่า ต้องขนถ่ายสินค้า หรือเคลื่อนย้ายสินค้าจากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่ง"

ผู้แทนของบริษัททรานส์คอนชัลท์ จำกัด กล่าวว่า ตามข้อมูล ตัวเลขการค้าการลงทุนในแถบภาคเหนือนั้นสูงจริง แต่การลงทุนเป็น ลอจิสติกส์-ฮับ ที่พิษณุโลก ควรมีข้อมูลด้วยว่า สินค้าจำนวนเท่าใดแน่ ที่ผ่านสินค้าจากประเทศจีน ขึ้นที่ เชียงของ จ.เชียงราย ผ่านมาพิษณุโลก และแวะไปยังจังหวัดเป้าหมาย จะต้องทราบตัวเลขสินค้าในแต่ละประเภทด้วย ว่า มีการเคลื่อนไหวจำนวนเท่าใด

Quote:
[งานนี้ไอ้ประเภท Build and They'll come ซึ่งเป็น Fallacy [ความเห็นผิดเป็นชอบ กลับชัวเป็นดี] อย่างเอกเลยหละ เพราะ Logistic หนะมันเป็นเรื่องความต้องการของลูกค้าที่จะใช้ Logistic ไม่ใช้เรื่องของผู้จัดหา Logistic อย่างที่หลงผิดจนเลอะเทอะ เลยแม้แต่น้อย]


เบื้องต้น ยังเชื่อว่า สินค้าที่แลกเปลี่ยนกับชายแดนไทย-พม่า ทั้งฝั่งตะวันตกและภาคเหนือ จะไม่มีการเคลื่อนย้ายไปสู่อีกประเทศหนึ่ง หรือ ชายแดนไทย-ลาว และสี่แยกอินโดจีน ซึ่งก็พูดกันมา 5-10 ปีแล้ว ยังย่ำที่เดิม ทั้งการศึกษา และการวิจัย ก็ไม่ไปไหน อยากให้ลงลึกในรายละเอียดและข้อเท็จจริงตามข้อมูลที่ได้ศึกษาพบว่า

1) เส้นทางขนส่งทางรถไฟ สายเหนือ เด่นชัย-เชียงราย ไม่มีความต้องการเส้นทางรถไฟรางคู่ แต่จำเป็นต้องเพิ่มหัวรถจักร แรงๆ (น้องๆ พี่เสือฟ้า) และสถานีการสับเปลี่ยนรางเท่านั้น

2) ขณะที่ภาคใต้ต้องการ เส้นทางรถไฟรางคู่ (ขั้นต่ำ นครปฐม - ราชบุรี และ เพชรบุรี - ชุมพร ขั้นกลาง นครปฐม - สุราษฎร์ธานี ขั้นสูง นครปฐม - ปาดังเบซาร์)

อย่างไรก็ตาม นายวิโรจน์ จิรัฐติกาลโชติ กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า ลอจิสติกส์-ฮับ พิษณุโลกมีความพร้อมหลังจากที่ม.หอการค้าไทย ศึกษาวิจัย ว่า ที่ต.บึงพระ จ.พิษณุโลก มีความเหมาะสม ทั้งอยู่ใกล้ระบบรางรถไฟ (สถานีบึงพระ) และทางอากาศ

ดังนั้น พิษณุโลกควรเร่งรีบพัฒนาตัวเองให้เป็นศูนย์กลางฏษณกระจายสินค้าDistribution Center-DC ส่วนศูนย์กลางขนส่งคนมีอยู่แล้ว แทบไม่ต้องพัฒนาเลย

" พิษณุโลก ควรเดินหน้าตั้งศูนย์กลางการกระจายสินค้า เพราะองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)พิษณุโลกรับหน้าที่เป็นผู้ลงทุนก่อสร้างโครงการ โดยให้ภาคเอกชนบริหารต่อ"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามแผนงานของอบจ.พิษณุโลก ได้ตั้งงบฯศึกษาความเป็นไปได้ปี 2550 ว่าด้วยศึกษาระบบการขนส่งสินค้าและบริการลอจิสติกส์ รองรับการพัฒนาสี่แยกอินโดจีนงบประมาณ 4 ล้านบาท ยังอยู่ระหว่างเตรียมการให้ มหาวิยาลัยนเรศวร พิษณุโลก ศึกษา

ทั้งนี้อบจ.พิษณุโลกตั้งงบปี 2551 ก่อสร้างสถานีขนส่งผู้โดยสารและรับ-ส่งสินค้า บริเวณสี่แยกอินโดจีน ต.สมอแข อ.เมือง พิษณุโลกด้วยงบประมาณ 80 ล้านบาท ผุดศูนย์กลางการกระจายสินค้าใน 4 มุมเมือง แบ่งแยกสินค้าในแต่ละโซน ซึ่งอยู่ในการศึกษาเจาะลึกรายละเอียดเพิ่มขึ้น อาทิ มีสินค้าเกษตรชนิดใด มีจำนวนกี่ตัน ที่ผ่านพิษณุโลก

หลังจาก ม.หอการค้าไทย ได้ศึกษาไว้กว้างๆก่อนหน้านี้ ถึงจุดที่เหมาะสมในการจัดตั้งศูนย์กลางการกระจายสินค้า โดยมี 3 จุด คือ บึงพระ หัวรอ และวัดจันทน์ ท่ามกลางกระแสคนหอการค้าจังหวัดพิษณุโลก-สภาอุตสาหกรรมจังหวัดพิษณุโลกท้วงติงการเปลี่ยนย้ายสถานที่ และให้มีการศึกษาอีกครั้ง
Back to top
View user's profile Send private message
narita_express
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 28/03/2006
Posts: 1170
Location: PSU. Original Campus

PostPosted: 17/10/2006 9:21 am    Post subject: Reply with quote

rodfaithai wrote:
จริงๆ แล้วจะนะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

เพราะ TPI มีที่ดินตรงนั้นเหมาะแก่การเป็นนิคมอุตสาหกรรม

มีโรงไฟฟ้า ซึ่งเหมาะกับนิคมอุตสาหกรรมอีก

ระยะห่างจากเส้นทางรถไฟไม่มากนัก (ประมาณว่าเดินจากทางรถไฟไปริมทะเลได้เลย)


สิ่งที่ต้องคำนึงคือ

- ร่องน้ำ ความลึก การบำรุงรักษา การพัดพาตะกอนมาทับถมร่องน้ำ

- ชาวบ้าน

- ที่สำคัญ กลับมามองที่ วัตถุประสงค์ของการมีท่าเรือ

- ต้นทาง และปลายทางของสินค้าที่จะส่ง อยู่ที่ไหนกันมั่ง

ถ้าสร้างท่าเรือแล้วยังต้องไป Transfer ที่สิงคโปร์ ก็อย่าสร้างเลย

ทุ่มงบประมาณไปให้ท่าเรือสตูลจะยังดีกว่า


ดูแล้วจะนะน่าจะมีความเหมาะสมจริงๆนะครับ เพราะทางรถไฟอยู่ใกล้กับทะลเละเขตอุตสาหกรรมต่างๆมาก และยังมีโรงไฟฟ้าใหม่ตั้งอยู่อีกด้วย

แต่ปัญหาหลักคงเป็นเรื่องชาวบ้านกับสภาพแวดล้อมนี่ซิครับ ขนาดโรงงานท่อก๊าซไทย-มาเลย์ที่ทำโครงการอยู่ยังเกือบแย่เลย ดังนั้นงานนี้ถ้าจะดันจริงคงต้องศึกษาผลกระทบกันยกใหญ่ แต่อะไรก็ไม่เท่าการทำความเข้าใจกับชาวบ้านนะครับหากจะทำโครงการจริงๆ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website Yahoo Messenger MSN Messenger
nathapong
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006
Posts: 3515
Location: Ayuthaya - Lamlukka - Navanakhon - Silom

PostPosted: 17/10/2006 1:42 pm    Post subject: Reply with quote

narita_express wrote:
rodfaithai wrote:
จริงๆ แล้วจะนะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

เพราะ TPI มีที่ดินตรงนั้นเหมาะแก่การเป็นนิคมอุตสาหกรรม

มีโรงไฟฟ้า ซึ่งเหมาะกับนิคมอุตสาหกรรมอีก

ระยะห่างจากเส้นทางรถไฟไม่มากนัก (ประมาณว่าเดินจากทางรถไฟไปริมทะเลได้เลย)


สิ่งที่ต้องคำนึงคือ

- ร่องน้ำ ความลึก การบำรุงรักษา การพัดพาตะกอนมาทับถมร่องน้ำ

- ชาวบ้าน

- ที่สำคัญ กลับมามองที่ วัตถุประสงค์ของการมีท่าเรือ

- ต้นทาง และปลายทางของสินค้าที่จะส่ง อยู่ที่ไหนกันมั่ง

ถ้าสร้างท่าเรือแล้วยังต้องไป Transfer ที่สิงคโปร์ ก็อย่าสร้างเลย

ทุ่มงบประมาณไปให้ท่าเรือสตูลจะยังดีกว่า


ดูแล้วจะนะน่าจะมีความเหมาะสมจริงๆนะครับ เพราะทางรถไฟอยู่ใกล้กับทะลเละเขตอุตสาหกรรมต่างๆมาก และยังมีโรงไฟฟ้าใหม่ตั้งอยู่อีกด้วย

แต่ปัญหาหลักคงเป็นเรื่องชาวบ้านกับสภาพแวดล้อมนี่ซิครับ ขนาดโรงงานท่อก๊าซไทย-มาเลย์ที่ทำโครงการอยู่ยังเกือบแย่เลย ดังนั้นงานนี้ถ้าจะดันจริงคงต้องศึกษาผลกระทบกันยกใหญ่ แต่อะไรก็ไม่เท่าการทำความเข้าใจกับชาวบ้านนะครับหากจะทำโครงการจริงๆ


พี่มิ้ง กะ คุณนน ในรื่องนี้
โพย รายละเอียด ปลายเดือนไปประชุมกะสามที่หน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพร่วม คือ
จะไปขอเจ้าภาพ ที่สะพานขาว (สภาพัฒน์) ,ทางขึ้นทางด่วนอุรุพงษ์(สนข)ฆ กะ กรมขนส่งทางน้ำ มาให้ อ่านะ
รอสักแป็บใหญ่ เดี๋ยวเอามาเม้าท์ กันน่อ ใจเย็นๆๆ... อิอิ....
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
black_express
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006
Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ

PostPosted: 17/10/2006 2:36 pm    Post subject: Reply with quote

ปัญหาที่สำคัญของชายทะเลภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยตอนล่างก็คือ กระแสน้ำกับตะกอนทรายครับ เคยมีตัวอย่างที่นครศรีธรรมราช สร้างเขื่อนกันคลื่นทำท่าเรือประมง ไม่นาน...ชายฝั่งด้านเหนือตัวเขื่อนกันคลื่น ถูกกระแสคลื่นกัดเซาะที่ดินชาวบ้านหายลงไปในทะเล

คงไม่ลืมกรณีพี่น้องชาวบ้านสะกอม อ.จะนะ ที่ประท้วงยืดเยื้อกับท่อก๊าซไปมาเลเซียจนต้องไปขึ้นฝั่งตรงที่ดินทหารเรือด้วยนะครับ ยอมรับว่ามีปัญหายืดเยื้อมาราธอนกันจริงๆ Wink
Back to top
View user's profile Send private message
narita_express
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 28/03/2006
Posts: 1170
Location: PSU. Original Campus

PostPosted: 18/10/2006 11:01 am    Post subject: Reply with quote

ขอบคุณพี่นัฐครับสำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่พี่จะนำมาฝากกันต่อไปครับ

ส่วนประเด็นเรื่องการสร้างเขื่อนและผลกระทบเกี่ยวกับกระแสน้ำกับตะกอนทรายนั้น อันนี้ผมเห็นด้วยกับพี่ตึ๋งมากๆถึงมากที่สุด เพราะมีอีกตัวอย่างที่ใกล้ตัวผมคือ มีการสร้างเขื่อนกันน้ำเพื่อเปิดปากอ่าวที่แม่น้ำใกล้มหาวิทยาลัยผม เพราะที่ผ่านมาปากน้ำตื้นเขินบ่อยเพราะตะกอนดินจากปากแม่น้ำ ทำให้เรือเข้าออกลำปากโดยเฉพาะเรือประมงขนาดใหญ่ จึงมีการสร้างเขื่อนกั้นไว้ ซึ่งหวังกันว่าน่าจะช่วยให้อะไรดีขึ้น แต่ปรากฏว่ากลับมีผลเสียตามมามาก และกระทบกับพวกผมที่สุดคือเรื่อง ดินงอก

หลายๆคนฟังแล้วอาจจะงงว่าดินงอกมันเกี่ยวอะไร อธิบายนิดนึงนะครับว่า มหาวิทยาลัยที่ผมทำงานอยู่เป็นมหาวิทยาลัยแห่งเดียวในประเทศที่ติดทะเลจริงๆ คือมีชายหาดในมหาวิทยาลัย แต่ทว่าไม่สามารถเล่นน้ำได้เพราะเป็นทะเลโคลน แต่ข้อดีคือ นอกจากจะเป็นที่ตั้งป่าชายเลนที่สุมบูรณ์แห่งหนึ่ง และเป็น Lab ธรรมชาติทางทะเลให้กับนักศึกษาในคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและนักเรียนในภาคใต้ และคณะทางด้านประมงที่กำลังจากแยกจากภาควิชาในคณะวิทย์ฯมาตั้งเป็นคณะใหม่แล้ว เรื่องสำคัญที่สุดคือนับจากที่ตั้งมหาวิทยาลัยในปี 2511 มาจนถึงปัจจุบันนี้ มหาวิทยาลัยได้ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นโดยไมได้รับการบริจาคหรือใช้เงินซื้อที่ดินเพิ่มเลย เพราะมีตะกอนจากปากแม่น้ำไหลลงทะเล ทำให้ที่ดินที่ชายหาดของมหาวิทยาลัยด้านอ่าวไทยริมทะเลงอกขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มหาวิทยาลัยมีพื้นที่ขยายในช่วงเกือบ 40 ปีที่ผ่านมานี้เป็นร้อยไร่เลยละครับ แต่หลังจากสร้างเขื่อนก็แทบจะไม่มีที่ดินงอกออกไปเลย

แต่ในส่วนของจะนะอาจไม่มีเรื่องตะกอนดินจากปากแม่น้ำมากนัก แต่ที่นั้นเป็นดินทรายมาก ก็คงจะเป็นปัญหาอีกอย่างเช่นที่พี่ตึ๋งว่ามาที่จะต้องพิจารณาประกอบกันให้ดีอีกประเด็นนะครับ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website Yahoo Messenger MSN Messenger
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 10/07/2006
Posts: 1346

PostPosted: 18/10/2006 6:52 pm    Post subject: Reply with quote

Quote:
ปัญหาที่สำคัญของชายทะเลภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยตอนล่างก็คือ กระแสน้ำกับตะกอนทรายครับ เคยมีตัวอย่างที่นครศรีธรรมราช สร้างเขื่อนกันคลื่นทำท่าเรือประมง ไม่นาน...ชายฝั่งด้านเหนือตัวเขื่อนกันคลื่น ถูกกระแสคลื่นกัดเซาะที่ดินชาวบ้านหายลงไปในทะเล


ที่สงขลาก็เช่นกันครับ

เขื่อนกันคลื่นของท่าเรือสงขลาทำให้

- สำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง (จำชื่อไม่ได้แล้ว "หาดทรายแก้ว" มั๊ง) ชายฝั่งโดนกัดเซาะไปมาก
สำนักสงฆ์นี้อยู่ทางเหนือของท่าเรือ

- ชายหาดสมิหลา บริเวณเก้าเส้ง (อยู่ทางทิศใต้ของท่าเรือ) นำเซาะเข้ามาเกือบถึงถนน
ต้องเอาหินไปทิ้งบริเวณนั้นตั้งมากมาย
Back to top
View user's profile Send private message
black_express
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006
Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ

PostPosted: 19/10/2006 1:12 pm    Post subject: Reply with quote

ขออธิบายเพิ่มเติมนิดหนึ่งนะครับ เกี่ยวกับลักษณะคลื่นในอ่าวไทย

จะเป็นลูกคลื่นตามลักษณะการหมุนของโลก ทำให้เกิดกระแสน้ำพัดจากทิศตะวันออกไปทางตะวันตก พอปะทะกับแหลมมะลายู จะเบนทิศเป็นแนวด้านตะวันตกเฉียงเหนือครับ จนถึงอ่าวไทยตอนใน

เมื่อสร้างเขื่อนขวางทางคลื่น ผลที่ตามมาก็เป็นดังว่าครับ....

ลักษณะนี้ จะไม่ปรากฎในบริเวณชายฝั่งอันดามัน ( ยกเว้นกรณีคลื่นซูนามิแถวเกาะสุมาตราหรือหมู่เกาะอันดามันนะครับ ) Laughing
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Page 1 of 1

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©