View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 09/09/2013 8:13 pm Post subject: บันทึกจาก Black express |
|
|
สวัสดีครับ...
เรื่องของเรื่องคือผมได้รับความเอื้อเฟิ้อจากคุณบอมบ์ (Civilspice) ให้ยืมหนังสือสรุปรายงานประจำปี ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งมีรูปภาพสวยๆ โดยฝีมือช่างของการรถไฟฯ ได้บันทึกเอาไว้ ซึ่งหลายๆ รูปนั้น เป็นรูปในอดีตไปแล้ว ก็เลยนำมาลงใน facebook พร้อมคำบรรยายสั้นๆ ประกอบ ซึ่งบางครั้งก็นอกเรื่องนอกราวไปเลยก็มี
ไปๆ มาๆ อ.ตุ้ย ที่จ้องๆ เล็งๆ มานาน เลยยุให้ผมนำมาเผยแพร่ให้เป็นเรื่องเป็นราวในเว็บไซต์นี้ เพื่อความสะดวกในการค้นหารูปเก่าๆ ซึ่งใน facebook นั้น นานไปรูปจะทับถมกันจนค้นหาได้ยาก เอาก็เอา... ลองหลงคารม อ.ตุ้ย สักหนหนึ่งจะเป็นไรไป
หากใครมีข้อมูลที่จะทักท้วงหรือเสริมเข้ามาก็เชิญได้เลยครับ เผื่อประโยชน์ของผู้อ่านได้ทราบ และความเป็นมาของรูป เรียกว่าได้ข้อมูลด้วยกันทั้งสองฝ่าย รวมทั้งตัวผมเองด้วย ซึ่งชักจะลืมๆ เลือนๆ ไปบ้าง แต่ยังไม่หลงนะครับ ฮ่าๆๆๆๆ
ขอเสนอภาพเก่าๆ เป็นปฐมฤกษ์ แต่ยังดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน และเพิ่งผ่านไปหมาดๆ นี้เองครับ
เป็นการจัดเดินรถไฟขบวนพิเศษ ใช้รถจักรไอน้ำลากจูงระหว่างกรุงเทพ - อยุธยา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากิจการรถไฟไทย เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ซึ่งมีการเปิดเดินรถไฟหลวงครั้งแรก โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
นอกจากจะเดินรถไฟขบวนพิเศษเนื่องในวันดังกล่าวแล้ว การรถไฟฯ ยังได้จัดเดินรถขบวนพิเศษเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคม วันปิยมหาราช วันที่ 23 ตุลาคม และวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลปัจจุบัน วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปีอีกด้วย
ระหว่างการเดินทางโดยรถไฟ สิ่งหนึ่งที่ผมมักมอง หากได้ที่นั่งด้านที่เหมาะสมล่ะก็ เห็นจะเป็นสายโทรเลขนี่แหละ
สายที่ตึงได้ระดับ ไม่หย่อนรุงรังจนติดดิน แถมด้วยตัวเสาโทรเลขซึ่งมาจากรางรถไฟเก่าซึ่งมีความทนทานกว่าเสาไม้ธรรมดาอยู่แล้ว จะเป็นรูปลักษณ์ที่บอกว่าเป็นเสาโทรเลขริมทางรถไฟ ซึ่งสมัยก่อน มีเสาโทรเลขแบบนี้อยู่ริมทางหลวงสายเด่นชัย - น่าน แต่หลังจากขยายผิวจราจรเป็นสี่เลน และทางไปรษณีย์โทรเลขได้เลิกใช้บริการโทรเลข เสาโทรเลขเหล่านี้พลอยสูญหายไปด้วย
ปัจจุบันนี้ เราจะเห็นเสาโทรเลขของการรถไฟฯ ยังอยู่ข้างทางรถไฟอยู่ครับ ยกเว้นสายแม่กลอง สายชุมทางคลองสิบเก้า - ชุมทางแก่งคอย ที่การรถไฟฯ เลือกใช้วิธีเดินสายเคเบิลในร่องเดินสายริมทางรถไฟ และประสบปัญหามีผู้ปรารถนาร้าย แอบลักตัดไปขายหลายครั้งแล้ว
ช่วงปี 2534 การรถไฟฯ ได้ดัดแปลงโบกี้โดยสารชั้นสามเพื่อใช้ขนส่งผู้โดยสารบนเส้นทางสายชานเมือง โดยทำเบาะเป็นเบาะยาวสองแถวตามตัวรถ และเพิ่มประตูขึ้น-ลงให้รับผู้โดยสารปริมาณมากขึ้น ซึ่งเราเรียกจนติดปากว่า "รถคอกหมู" นั่นเองครับ
ปัจจุบัน โบกี้ดัดแปลงประเภทนี้ ได้พ่วงเข้ากับขบวนรถเร็วทางไกลบางขบวน เพื่อขนสัมภาระที่ฝากส่งนอกเหนือจาก บสพ.เดิม ทำให้เพิ่มรายได้จากการขนส่งพัสดุตามรายทางอีกด้วย |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 10/09/2013 8:27 pm Post subject: |
|
|
เมื่อปี 2546 การรถไฟฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องไปตรวจสอบรถบรรทุกก๊าซปิโตรเลียม (บทก.) ของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ก่อนนำมาใช้งานต่อไป
สมัยก่อน ผมเห็นรถรวมวิ่งบริการอยู่หลายขบวน ซึ่งมีทั้งรถโดยสารและตู้สินค้าพ่วงรวมกัน วิ่งแบบทองไม่รู้ร้อนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงปลายทาง
รถรวมเหล่านี้ เท่าที่ผมจำได้บนเส้นทางสายเหนือ มีวิ่งระหว่าง ลำปาง - เชียงใหม่ เชียงใหม่ - พิษณุโลก เด่นชัย - นครสวรรค์ บ้านดารา - สวรรคโลก และบางซื่อ - พิษณุโลก ซึ่งเป็นขบวนรถรวมที่ใช้เวลาการเดินทางมากที่สุด โดยออกจากบางซื่อราวตีห้า ถึงพิษณุโลกราวห้าทุ่ม นั่งกันนานจนเมื่อยก้นเลยล่ะ
ปัจจุบัน มีขบวนรถรวมเพียงสองขบวนคือ ขบวนรถรวม สุราษฎร์ธานี - คีรีรัฐนิคม และ หนองปลาดุก - น้ำตก ไม่มีตู้สินค้าพ่วงหรอกครับ แต่ขบวนรถโดยสารกลับพ่วง บทต.แทน
หลายปีที่ผ่านมา การรถไฟฯ ได้มีโครงการปรับปรุงทางระยะที่ 1 โดยเปลี่ยนรางขนาด 80 ปอนด์ เป็น 100 ปอนด์ พร้อมหมอนคอนกรีต ระหว่างสถานีลพบุรี - ชุมแสง ทำให้เส้นทางรถไฟสายเหนือมีความมั่นคงยิ่งขั้น รถไฟที่วิ่งผ่านไปมาสามารถใช้ความเร็วได้สูง พร้อมกับรับน้ำหนักบรรทุกได้มากขึ้น
นอกจากนั้น ยังมีการเชื่อมรางโดยวิธีเทอร์มิต ทำให้เสียงล้อกระทบรางที่เคยได้ยินเป็นประจำจนเป็นสัญญลักษณ์ของรถไฟนั้น หายไปด้วย |
|
Back to top |
|
|
ksomchai
1st Class Pass (Air)
Joined: 08/04/2009 Posts: 6384
Location: เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าว สัปรด สวยสดหาด เขา ถ้ำ งามล้ำน้ำใจ ป่าชุ่มน้ำผืนใหญ่ แหล่งวางไข่ปลาทู
|
Posted: 10/09/2013 8:46 pm Post subject: Re: บันทึกจาก Black express |
|
|
black_express wrote: |
ขอเสนอภาพเก่าๆ เป็นปฐมฤกษ์ แต่ยังดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน และเพิ่งผ่านไปหมาดๆ นี้เองครับ
เป็นการจัดเดินรถไฟขบวนพิเศษ ใช้รถจักรไอน้ำลากจูงระหว่างกรุงเทพ - อยุธยา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากิจการรถไฟไทย เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ซึ่งมีการเปิดเดินรถไฟหลวงครั้งแรก โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
นอกจากจะเดินรถไฟขบวนพิเศษเนื่องในวันดังกล่าวแล้ว การรถไฟฯ ยังได้จัดเดินรถขบวนพิเศษเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคม วันปิยมหาราช วันที่ 23 ตุลาคม และวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลปัจจุบัน วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปีอีกด้วย
|
ผมสังเกตุว่า ปัจจุบันใช้ ๒ หัว ซึ่งต่างจากเมื่อก่อน นะครับใช้หัวเดียว คงเป็นเพราะเพิ่มหน่วยลากจูงมากขึ้น หรือว่า สองหัวดีกว่าหัวเดียว ถ้าคันหนึ่งคันใดชำรุด ก็ยังมีอีกคันหนึ่งช่วย
_________________
|
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 10/09/2013 8:51 pm Post subject: |
|
|
เข้าใจว่า ที่อยุธยาไม่มีวงเวียนกลับรถจักรครับ เลยต้องพ่วง 2 หัว แต่สามารถเพิ่มหน่วยลากจูงได้ด้วย |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 11/09/2013 1:18 am Post subject: |
|
|
แต่จะว่าไปแล้ว รถจักรไอน้ำที่มีหัวด้านเดียว จะดูคลาสสิคดีกว่า เพราะเมื่อนำมาต่อกลับด้านกัน (พหุ) ดูมันแปลกๆ เหมือนเป็นรถจักรไอน้ำปลอมๆ ที่ข้างในใช้เครื่องดีเซล หรือไฟฟ้า ตามสวนสนุกไปเลย มีอีกแบบหนึ่งคือพ่วงหัวจักรกลับด้านทางด้านท้ายแทน แต่ปัญหาคือจะควบคุมมันพร้อมๆกันได้อย่างไร (คือตัวท้ายใช้ออกแรงดัน) และการออกแรงดันพร้อมดึงขณะใช้ความเร็วสูง (ปกติจะเคยเห็นการดันตู้โบกี้แถวๆ ย่านสถานีเท่านั้น) อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้หรือเปล่า ทางที่ดี..น่าจะสร้างวงเวียนกลับจักรไว้สำหรับโชว์นักท่องเที่ยวซะด้วยเลย ตรงสถานีอยุธยา ส่วนที่กรุงเทพฯ เข้าใจว่าในอู่บางซื่อน่าจะมีีวิธีกลับหัวจักรได้อยู่แล้ว แต่ปัญหาการลากจูงหลายตู้ อันนี้ คงใช้วิธีแบ่งเดินเป็น 2 ขบวน เช้า - สาย เพื่อให้คนเลือกเดินทางได้ แม้จะต้องใช้ จนท.เพิ่มเป็น 2 เท่าก็ตาม |
|
Back to top |
|
|
headtrack
1st Class Pass (Air)
Joined: 30/05/2009 Posts: 1627
Location: ละแวกภาคกลางตอนบน และภาคเหนือตอนล่าง
|
Posted: 11/09/2013 2:45 am Post subject: |
|
|
black_express wrote: | ... ฯ ล ฯ ...
สมัยก่อน ผมเห็นรถรวมวิ่งบริการอยู่หลายขบวน ซึ่งมีทั้งรถโดยสารและตู้สินค้าพ่วงรวมกัน วิ่งแบบทองไม่รู้ร้อนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงปลายทาง
รถรวมเหล่านี้ เท่าที่ผมจำได้บนเส้นทางสายเหนือ มีวิ่งระหว่าง ลำปาง - เชียงใหม่ เชียงใหม่ - พิษณุโลก เด่นชัย - นครสวรรค์ บ้านดารา - สวรรคโลก และบางซื่อ - พิษณุโลก ซึ่งเป็นขบวนรถรวมที่ใช้เวลาการเดินทางมากที่สุด โดยออกจากบางซื่อราวตีห้า ถึงพิษณุโลกราวห้าทุ่ม นั่งกันนานจนเมื่อยก้นเลยล่ะ
ปัจจุบัน มีขบวนรถรวมเพียงสองขบวนคือ ขบวนรถรวม สุราษฎร์ธานี - คีรีรัฐนิคม และ หนองปลาดุก - น้ำตก ไม่มีตู้สินค้าพ่วงหรอกครับ แต่ขบวนรถโดยสารกลับพ่วง บทต.แทน
... ฯ ล ฯ ... |
...ขบวนรถรวม 485/486 ชุมทางหนองปลาดุก-น้ำตก-ชุมทางหนองปลาดุก ยังเปนขบวนรถรวมเพราะสำรองฝาก บทต.คอนเทนเนอร์ จากท่าม่วง
มายังชุมทางหนองปลาดุก (บทต.ห้ามล้อสูญญากาศ) เพื่อทำขบวน 2026/2025 เข้าย่านพหลโยธินและนำ บทต. เปล่าออกมา ครับ...!?! _________________
Find me on Instagram: @632knongtsaikhaow |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 11/09/2013 8:17 am Post subject: Re: บันทึกจาก Black express |
|
|
black_express wrote: | ไปๆ มาๆ อ.ตุ้ย ที่จ้องๆ เล็งๆ มานาน เลยยุให้ผมนำมาเผยแพร่ให้เป็นเรื่องเป็นราวในเว็บไซต์นี้ เพื่อความสะดวกในการค้นหารูปเก่าๆ ซึ่งใน facebook นั้น นานไปรูปจะทับถมกันจนค้นหาได้ยาก เอาก็เอา... ลองหลงคารม อ.ตุ้ย สักหนหนึ่งจะเป็นไรไป |
ขอใช้สิทธิพาดพุง เอ๊ย พาดพิง ครับพี่ตึ๋ง
ขอบคุณพี่ตึ๋ง ที่นำเรื่องราว สาระความรู้ และภาพถ่ายเกี่ยวกับรถไฟในอดีตมาให้รับชมกันใน "รถไฟไทยดอทคอม" ครับ
สื่อออนไลน์ในยุคนี้ มีรูปแบบหลากหลาย เฟสบุ๊ค ก็ดี ไลน์ ก็ดี อาจสะดวก รวดเร็วในการติดต่อพูดคุยกัน แต่ไม่เหมาะแก่การเก็บรวมรวมข้อมูล สาระความรู้ดีๆ เนื่องจากนานวันไปแล้วจะสืบค้นได้ยาก บางทีข้อมูลก็สูญหายไปอย่างน่าเสียดาย ไม่เหมือนกับการตั้งเป็นกระทู้ในเวบไซต์ซึ่งไม่มีปัญหาดังกล่าว กระผมจึงพยายามสนับสนุนให้พี่ๆ น้องๆที่ลงเรื่องราว สาระความรู้ดีๆ หรือความทรงจำดีๆเกี่ยวกับรถไฟ ช่วยกันเปิดกระทู้ในเวบฯของเรา อยู่เสมอ ไหนๆเราก็มี "ของดี" อยู่ในมือแล้ว ก็ควรใช้ประโยชน์ให้เต็มที่ครับ _________________ นสน.าย./อ.ตุ้ย/อ.หลวงอัคคีเทพอาณัติ/
http//:www.facebook.com/VISIT-RAILWAY-MUSEUMS-1521959098131925/
|
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 11/09/2013 8:40 am Post subject: |
|
|
ขอบคุณทุกท่านและ อ.ตุ้ยมากครับ ผมคิดว่า รูปใด ตลอดจนบทความใดๆ ที่ลงในเว็บนี้ ถือเป็นสมบัติของเว็บนั่นแหละครับ เพียงแต่ผมต้องพิถีพิถันด้านลงลายน้ำ และที่มาสักหน่อย ถือเป็นการให้เกียรติกับเจ้าของภาพซึ่งอาจนิรนามก็ได้ เผื่อมีใคร copy ไปอ้างอิง และคิดจะสืบค้นย้อนหลังต่อไปครับ
สำหรับวิธีการขับรถจักรสมัยก่อนซึ่งต้องพ่วงพหุนั้น เข้าใจว่า คงจะให้ล้อเคลื่อนไปก่อนถึงจะเปิดเครื่องรถจักรตัวช่วยครับ
ในทางกลับกัน หากจะให้คันตามลดความเร็วหรืออย่างใดอย่างหนึ่งก็ตาม พขร.คันหน้าก็จะชักหวูดให้สัญญาณ ก็เป็นอันรู้กันว่าจะให้ทำอย่างไร
ถ้าหากขบวนรถนำเที่ยวพิเศษจัดเดินทุกเดือน อาจมีการสร้างวงเวียนกลับรถจักรก็ได้
ที่ผมว่ามา อาจเข้าใจไม่ถูกต้องก็ได้นะครับ ขอได้ฟังหูไว้หูก่อน |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 11/09/2013 9:44 pm Post subject: |
|
|
สำหรับผู้ที่คุ้นเคยสถานที่ดี คงจะหลับตาตอบได้ทันที่ว่า เป็นบริเวณที่หยุดรถท่าฉลอม รถไฟสายแม่กลอง ช่วงสถานีบ้านแหลม - สถานีแม่กลอง
ปัจจุบัน รถดีเซลรางที่เห็นในภาพ ไปชนกับรถบรรทุกที่ทางตัดจนหน้ายุบไปข้างหนึ่ง และส่งกลับโรงงานมักกะสันเพื่อซ่อมแซมต่อไปครับ สำหรับรถดีเซลรางที่วิ่งอยู่ในปัจจุบัน ได้ย้ายจากเส้นทางใหญ่ไปวิ่งแทน
เป็นภาพในอดีตของสถานีรถไฟธนบุรีครับ ซึ่งผมเองก็ยอมรับว่า เคยใช้บริการเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเอง ช่วงปลายปี 2531 ไปภาคใต้
คราวสงครามโลกครั้งที่ 2 อาคารสถานีรถไฟหลวงสายใต้ หรือสถานีบางกอกน้อยถูกทำลายอย่างย่อยยับ รัฐบาลในสมัยของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม จึงให้สร้างอาคารหลังใหม่ทดแทนที่ถูกทำลายไป โดยสร้างเป็นอาคารอิฐสีแดง มีหอนาฬิกา ซึ่งถือว่าเป็นอาคารที่มีความสวยงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง และตั้งชื่อสถานีนี้ใหม่ว่า สถานีธนบุรี และเปิดใช้งานอาคารหลังใหม่เมื่อปี พ.ศ.2493
บทบาทของสถานีธนบุรีในฐานะต้นทางของรถไฟสายใต้เริ่มน้อยลง เมื่อรถไฟสายใต้หลายขบวนได้เปลี่ยนต้นทาง-ปลายทางไปที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ซึ่งต่อมาในระยะหลัง ขบวนรถที่ให้บริการ ณ สถานีธนบุรีจึงมีเพียงขบวนรถเร็ว เพียงขบวนเดียว ขบวนรถธรรมดาและและขบวนรถชานเมือง ในเส้นทางสายใต้ (รวมถึงเส้นทางสายกาญจนบุรีและสุพรรณบุรี)
ในช่วงประมาณปี พ.ศ.2542 รัฐบาลสมัยนายชวน หลีกภัย ได้มีโครงการปรับปรุงอาคารสถานีธนบุรีและพื้นที่โดยรอบ ทำให้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง การรถไฟได้สร้างสถานีรถไฟอีกแห่งหนึ่งขึ้นมาเพื่อใช้เป็นที่รับส่งผู้โดยสารทดแทนสถานีธนบุรี ตั้งชื่อว่าสถานีบางกอกน้อย (สถานีชั้น 4) (ชื่อเดียวกับสถานีรถไฟหลวงสายใต้ในอดีตก่อนที่จะถูกทำลายจากสงคราม) ห่างจากสถานีธนบุรี 0.866 กิโลเมตร แต่สถานีธนบุรีนั้น ก็ยังเปิดจำหน่ายตั๋วและเปิดทำการตามปกติ แต่ผู้โดยสารต้องเดินทางมาขึ้นลงขบวนรถที่สถานีใหม่ที่สร้างขึ้น แต่โครงการดังกล่าวประสบปัญหาอย่างมากทำให้หยุดชะงักไปในที่สุด
ในปี พ.ศ.2546 ในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่น่าสนใจว่า มีชั่วระยะเวลาสั้นๆ ที่ รฟท.ได้นำขบวนรถโดยสารเข้ามาหยุดรับส่งผู้โดยสารที่อาคารสถานีธนบุรีเหมือนเดิม แต่ในที่สุด ในรัฐบาลของ นายสมัคร สุนทรเวช รฟท.ได้มอบที่ดินบริเวณสถานีธนบุรีจำนวน 33 ไร่ แก่คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ทำให้ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2546 รฟท.จึงไม่เดินรถเข้าสถานีธนบุรีเป็นการถาวร โดยให้ใช้สถานีบางกอกน้อยที่สร้างใหม่เป็นต้นทาง-ปลายทาง โดยใช้ชื่อว่า สถานีธนบุรี เช่นสถานีเดิม
ช่วงปี 2546 การรถไฟฯ ได้ดำเนินโครงการแก้ไขคันทางรถไฟยุบตัวเนื่องมาจากโพรงดินใต้ทาง และลาดทางตัด (Cut Back) ถูกน้ำฝนกัดเซาะ ช่วงสถานีจันทึกและสถานีคลองขนานจิตร ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นระยะทาง 3.4 กม.โดยปรับปรุงคุณภาพดินให้เป็นวัตถุทึบน้ำ ด้วยวิธี Jet Grouting ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นำเอาเทคนิคนี้ มาแก้ไขปัญหาเรื่องดินกระจายตัวครับ |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 12/09/2013 10:13 pm Post subject: |
|
|
สมัยหนึ่ง การรถไฟฯ ได้เวนคืนที่ดินเพื่อจะก่อสร้างเส้นทางเลี่ยงกรุง จากบางซื่อไปคลองตัน แต่ไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการก่อสร้างสักที เลยรกเป็นป่าตั้งแต่นั้นมา
จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงดำริสร้างถนนเพื่อแก้ไขปัญหาจราจร การรถไฟฯ ได้น้อมเกล้าถวายที่ดินตามแนวทางดังกล่าวเพื่อก่อสร้างถนน ซึ่งก็คือแนวถนนรัชดาภิเษก ตั้งแต่แยกพระรามเก้า มาจนถึงแยกรัชวิภาในปัจจุบันนี้
แต่ยังมีแนวทางที่ไม่ได้ก่อสร้างถนนรัชดาภิเษกคงเหลืออีกจำนวนหนึ่ง จึงได้ให้เอกชนเช่าเพื่อหาผลประโยชน์ และให้หน่วยงานราชการก่อสร้างสถานที่เพื่อปฏิบัติงาน เช่น ศาลฎีกา สำนักงานอัยการ ศาลอาญา และศาลจังหวัดที่ อ.ตุ้ย ไปประจำหน้าที่อยู่ช่วงหนึ่งนั่นแหละ
ไม่คิดเลยว่า ถนนรัชดาภิเษกที่แสนจะจอแจ มีผู้คนพลุกพล่านทุกวันนี้ การรถไฟฯ ยังมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยครับ
เมื่อปี 2534 การรถไฟฯ ได้ดำเนินการดัดแปลงรถนั่งชั้นสาม (บชส.) เป็นรถนั่งชั้นสามปรับอากาศ เพื่อยกระดับคุณภาพของบริการให้สูงขึ้น และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารที่มีรายได้น้อยซึ่งเดินทางไกล โดยเสียค่าธรรมเนียมปรับอากาศเพิ่มขึ้นเพียงคนละ 50 บาทเท่านั้น
รถโดยสารชั้นสามปรับอากาศนี้ พ่วงเข้ากับขบวนรถเร็ว กรุงเทพ - สุไหงโกลก ในเส้นทางสายใต้เพียงขบวนเดียวเท่านั้น
ผมเคยโดยสารรถนั่งชั้นสามปรับอากาศคราวเช่าเหมาเดินทางไปกับขบวนรถโดยสาร กรุงเทพ - อรัญประเทศ ยอมรับว่ามีความสะดวกสบายมากครับ กับบรรยากาศที่เย็นฉ่ำตลอดการเดินทาง ถึงแม้ว่าความสะอาดภายนอกโบกี้ยังไม่ค่อยพอใจนัก และเครื่องปรับอากาศจะทำงานไม่ราบรื่น ต้องตรวจสอบระหว่างช่วงขากลับก็ตามที
มีภาพขบวนรถโดยสาร เข้าใจว่าเป็นสายน้ำตก ทำขบวนโดยปู่เฮนเช่ล กำลังข้ามแม่น้ำนครชัยศรี ตรงสะพานเสาวภา
สะพานเสาวภา ผมคิดว่าเป็นสะพานช่วงเดียวกี่ยาวมากครับ เพราะไม่มีตอม่ออยู่ข้างใต้เลย กว่าจะข้ามแม่น้ำนครชัยศรีได้ ก็ประมาณอึดใจใหญ่ล่ะ
หลังจากที่การรถไฟฯ ได้ก่อสร้างเส้นทางคู่กับสายเดิม มีการก่อสร้างสะพานเสาวภาแห่งใหม่ ข้ามแม่น้ำนครชัยศรีเคียงคู่กับสะพานเดิม และแน่นอน มีความแข็งแรงกว่า รับน้ำหนักขบวนรถได้มากกว่าสะพานเดิม แต่ผมคิดว่าสะพานเสาวภาเดิม ยังขลัง มีเสน่ห์อยู่นะครับ |
|
Back to top |
|
|
|