RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311296
ทั่วไป:13272583
ทั้งหมด:13583879
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


เรื่องสั้น รถด่วน 51 ตอนที่ 1 : รถขี้เลท





“บอกแล้วซื้อแค่ตั๋ว บนท. ส่วน ป ไปหาเอาตามทาง อากาศหนาวออกอย่างนี้”

“ไปๆ กันได้แล้ว เดี๋ยวก็ตกรถไฟกันพอดี” คุณยายเร่งทุกคนให้รีบๆ ออกจากบ้าน
“โอ๊ย นั่งขบวนนี้น่ะเหรอ หายห่วง ยังไงก็ทัน” ผมตอบอย่างใจเย็น
“มันเปลี่ยนเวลาแล้วนา... ชักช้าไม่ได้” คุณยายเริ่มขึ้นเสียง
“เปลี่ยนให้มันตรงเวลากะขบวนอื่นเขามั่งน่ะสิ คงไม่มีเหตุอื่นหรอก!!”
“เอ้าๆ ปิดไฟ ออกจากบ้านเร้วววว” เสียงคุณยายแหลมปรี๊ด ตวาดหลานๆ ให้เลิกโอ้เอ้เพราะอีก 40 นาทีรถขบวนนี้ก็จะออกจากหัวลำโพงแล้ว

     เมื่อทุกคนเอากระเป๋าขึ้นรถเรียบร้อย คุณพ่อก็รับหน้าที่เป็นสารถีบึ่งรถไปส่งลูกสาว ลูกชาย ว่าที่ลูกเขย และแม่ยาย ขึ้นรถไฟไปหาคุณแม่ที่พิษณุโลก เพื่อไปวัดตัวตัดชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว ซึ่งถ้านับถอยหลังถึงวันแต่ง ก็อีกแค่ 9 วันเอง ส่วนผมนั้นจะเลยไปหาคุณอาที่ลำปางเพื่อนไปจัดการดูแลเรื่องของชำร่วย แล้วค่อยลงมาหาคุณแม่อีกทีที่พิษณุโลก พวกเราหอบของไปกันไม่มากเพราะว่าเสื้อผ้าบางอย่างก็ไปหาเอาที่บ้านแม่ได้ อีกทั้งวางแผนไปกันแค่วันสองวันเดี๋ยวก็กลับละ

    จากแยกราชเทวี ห้อรถมาสุดตีนถึงหัวลำโพงภายใน 15 นาที เร็วดีเหมือนกัน ถึงหัวลำโพงตอน 3 ทุ่ม 5 นาที กว่ารถจะออกก็อีกต้อง 25 นาทีนู้นแนะ หะหะ ขอเอ้อระเหยเดินทอดน่องซะหน่อย ไม่ต้องรีบร้อน รถไฟขบวนนี้เป็นขบวนที่พวกเรานั่งกันบ่อยที่สุดตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะ เพราะมีน้าอีกคนอยู่ที่แพร่ ทุกๆ ปิดเทอม เราสามยายหลานก็จะปุเลงๆ ขึ้นรถไฟไปลงเด่นชัย เพื่อไปหาน้าที่อยู่อำเภอร้องกวาง ถึงแม้ว่าจากเด่นชัยไปร้องกวางมันก็ไกลตั้งเกือบๆ 50 กิโล แต่พวกเราก็เลือกที่จะไปรถไฟ เพราะมันสะดวกดี ที่สำคัญวิวสวยกว่านั่งรถทัวร์มากๆ นี่ยิ่งถ้าเขาสร้างโปรเจคพันปีอย่างเส้นทางเด่นชัย-เชียงรายเมื่อไร เราคงเดินทางไปร้องกวางได้ง่ายกว่านี้อีกโข

     ด้วยความมั่นใจว่าขบวนนี้มันจอดอยู่ชาน 4 แน่ๆ แต่เอ๊ะ ไหงวันนี้ชาน 4 ว่างเปล่า หรือว่า... เราขยี้ตาดูนาฬิกาใหม่ เอ ก็ตาไม่ฝาดนี่หว่า ยังไม่ 3 ทุ่มครึ่ง มันจะชิงออกไปก่อนได้ไง หรือว่ายังทำขบวนไม่เสร็จ ยังไม่เทียบชานชาลา ตามประสารถขี้เลท อุ๊วะ ให้มันได้งี้เส่ะ มาขึ้นทีไรเสียเวลาทุกที แล้วเราก็เดินผ่านชาน 5 เพื่อจะไปนั่งรอรถที่ชาน 4 แต่ไม่ทันที่จะหย่อนก้นนั่ง อ้าวเฮ้ย นั่นมันขบวนที่เราจะขึ้นนี่หว่าไหงมันเปลี๋ยนไป๋ มาจอดชาน 5 ได้วะ จองจอดชาน 4 มาตั้งเป็นสิบๆ ปี

“ป้าดโธ่ นึกว่ายังไม่มา นี่ไงย้ายชานนี่เอง” ผมล่ะงงเป็นไก่ตาแตก
“เฮ้อ ไอ้เด็กคนนี้ไม่รู้จักเช็คให้เรียบร้อย” พี่สาวได้ทีรีบซ้ำ
“จะไปรู้ได้ไงว่าเปลี่ยนเวลาแล้วมันจะเปลี่ยนชานด้วย”
“ไปเร็วๆ เดินๆ ตู้ 12 อยู่นู่น เดินไปอีก 5 ตู้” ผมรีบโวยวายตัดบท

     วันนี้เวลานี้แฟนๆ รถด่วน 51 กรุงเทพ ปลายทางเชียงใหม่ ต้องรื้อระบบความเคยชินเสียใหม่ ไม่ให้ท่องจำเป็นรถสี่ทุ่มเหมือนแต่ก่อน เพราะมันเลื่อนมาออก 3 ทุ่มครึ่งแล้ว แต่เวลาถึงเชียงใหม่กลับช้าลงอีก 10 นาทีเป็น 12:05 แถมยังต้องท่องต่อด้วยว่ามันจอดอยู่ชาน 5 แล้วนะ.... เปลี่ยนเยอะจริงๆ ถ้าเปรียบเป็นคนก็คงเป็นพวกที่ไปดึงหน้าฉีดโบท๊อกซ์มาจนหน้าช้ำแล้วล่ะ จะว่าไปแล้วรถขบวนนี้เป็นรถที่มีการเปลี่ยนแปลงมาพอสมควรในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เพราะแต่ก่อนแต่ไรขบวนนี้เป็นแค่รถเร็ว กรุงเทพ-เชียงใหม่เท่านั้น เป็นขบวนรถเที่ยวสุดท้ายของวันที่จะไปเชียงใหม่ ยึดหัวหาดเวลา 4 ทุ่มมาหลายปีดีดัก ไม่เคยเปลี่ยน จนคนที่ขึ้นประจำเรียกมันว่ารถเร็ว 4 ทุ่มจนติดปาก แต่ไม่นานมานี้ก็ถูกจับดึงหน้า ทำโฉม แต่งตัวใหม่ เพื่อหารายได้เพิ่ม โดยการอัพมาเป็นรถด่วนซะ ด้วยการเพิ่มตู้ชั้น 1 (บนอ.ป) เข้าไป เพิ่มตู้นั่งชั้นสองปรับอากาศเข้าไป (บชท.ป) ส่วน บนท.ป ก็มีมันแค่ตู้เดียวเหมือนแต่ก่อน ดีหน่อยที่ไม่ใช้ตู้มักกะสัน หันมาใช้ตู้เหล็กที่ดัดแปลงมาจาก บนท. ที่ซื้อมาจากญี่ปุ่นแทน ได้ยินตอนแรกก็ดีใจ เฮ้ย ดีจังมีชั้น 1 ด้วย เป็นรถด่วนแล้ว ปลาบปลื้มดีใจเหมือนคนรู้ใจได้เลื่อนขั้นรับโบนัสทำนองนั้นเลย แต่เอ๊ะๆๆ เดี๋ยวก่อน แล้วเวลาล่ะ เวลา ไปถึงเร็วขึ้นไหมเนี่ย.. เปล่าเลยด่วน 51 ขบวนนี้ยังไปถึงเชียงใหม่เวลา 11:55 (เวลาเดิมตอนนั้น) เหมือนเดิม ถึงเด่นชัย ก็เหมือนเดิม ใช้อีต้อมลากก็เหมือนเดิม เกาหัวแกรกๆ ให้รังแคมันร่วงดังๆ มึนโว้ย มึน นี่มันด่วนขึ้นตรงไหนเนี่ยเหอ... ดูรูปขบวน ตู้ที่พ่วง รวมไปถึง ตารางเวลาแล้วก็ปลง ทำให้เข้าใจภาษิตจีนที่ว่า “ยอมเป็นหัวหมา ดีกว่าหางมังกร” มากขึ้นเลย เจ้า 51 เอ๊ย กลับมาเป็นรถเร็วหัวหมาเต๊อะ ดีกว่าไปเป็นรถด่วนหางมังกร ย้ำว่าปลายหางมังกรจริงๆ นี่ถ้าด่วน 85, 83 มันหัวเราะได้ มันคงหัวเราะเยาะ 51 จนรางสะบัดแล้วล่ะ

     แต่นั่นเป็นแค่การปรับโฉมครั้งแรก เรียกความฮือและความฮา ได้พอสมควร คนที่รับทุกข์ก็เป็นพวกคนนั่งชั้น 3 ไปลงตั้งแต่พิชัย-บ้านปิน ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียเจ้กอั๊ก เพราะคนเหล่านี้เขาไม่นั่งกันหรอก ขบวน 1 ขบวน 13 น่ะ หรือแม้กระทั่ง 106 และ 108 ที่ไปถึงที่หมายก่อนไก่โห่ตั้ง 2-3 ชั่วโมง พระจันทร์ยังไม่ลาขอบฟ้าเลย ก็ต้องพึ่งพาเจ้า 51 นี่ล่ะ ที่ไปถึงแบบกำลังดี เริ่มสว่างที่อุตรดิตถ์ ไปถึงบ้านปินก็ราวๆ 8 โมง เวลาพอเหมาะพอเจาะ ส่วนที่เหนือไปกว่านี้เขาก็นิยมใช้ 13 กับ 1 แทนเพราะ 51 ไปถึงสายเกินไป และมักจะสายมากไปซะด้วย

     มาคราวนี้ตั้งแต่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ก็ปรับอีกละ คราวนี้ปรับเวลาให้ออกเร็วขึ้นครึ่งชั่วโมงเป็นออก 3 ทุ่มครึ่ง ส่วนปลายทางน่ะเหรอก็ปรับให้ถึงช้าอีกหน่อย อีก 10 นาที ถึงเชียงใหม่เวลา 12:05 สรุปวิ่ง กรุงเทพ-เชียงใหม่ ใช้เวลา 14 ชั่วโมง 35 นาที เอากะเขาสิ ปรับเวลาให้ขบวนขี้เลทนี้มันตรงเวลาจนได้เอ้า หวังว่าปรับแล้วมันคงจะเริ่มตรงเวลาบ้างอะนะ เพราะ 51 เนี่ยช้าแหลกลานเป็นประวัติศาสตร์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มองโลกในแง่ดีละกันว่าการรถไฟฯ เขาแถมวิวให้ดูนานขึ้นอีก เอาให้จุใจคนรักวิวข้างทางสายเหนือ ดูวิวกันให้อิ่มไปเลย

     เล่าๆ มาเหมือนว่าเจ้า 51 เนี่ยความดีงามจะไม่ปรากฏ แต่แหมคนเรา ยังวิ่งรับส่งผู้โดยสารอยู่ได้จนถึงปัจจุบันมันต้องมีดีบ้างสิน่า และข้อดีตรงนี้ก็เป็นข้อดีที่ขบวนอื่นๆ หาเทียบได้ยากนัก จะอะไรอีกล่ะ ก็วิวข้างทางตอนขึ้นเขาตั้งแต่ศิลาอาสน์จนถึงเชียงใหม่น่ะสิ ได้ดูทั้งวิวป่าเขา ได้ดูสะพานข้ามเหว ได้ดูรถเข้าอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ได้ดูวิวเส้นทางที่ลัดเลาะแม่น้ำยมช่วงสถานีปากปานกับแก่งหลวง จะไปเรียกร้องหาวิวพวกนี้กับ 1 หรือ 13 น่ะเรอะ ไม่มีซะละ อยากได้ต้องมาหาเอากับ 51 เท่านั้น และด้วยความที่มีจุดขายเรื่องวิวสวยนี่เอง ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยเลือกเดินทางกับขบวนนี้ไปเชียงใหม่ นอกเหนือจากผู้โดยสารภาคเหนือตอนล่างเจ้าประจำ เพราะจะได้สัมผัสกับธรรมชาติของป่าฝนเขตร้อนชื้นแบบชนิดเอื้อมมือแตะได้ หรือชะโงกหน้างับต้นหญ้าได้เลย งานนี้สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ใครที่เคยไปเชียงใหม่แบบยอมจ่ายแพงแลกความเร็วและความสบายเพื่อขึ้น ขบวน 11 หรือ 13 หรือ 1 ก็ลองมาจ่ายถูกลงเล็กน้อยแลกวิวสวยๆ ดูบ้าง แค่วิวป่าเขา 6 ชั่วโมงมันก็เป็นอะไรที่คุ้มค่าเงินแล้วล่ะ ยิ่งถ้าเขาให้ดูเป็น 7 หรือ 8 ชั่วโมงก็ยิ่งคุ้มมมม

“นี่มาทายกัน มันจะออก 3 ทุ่มครึ่งรึเปล่า” ผมนั่งทายเล่นกับพี่สาว
“มีด้วยเหรอ ตรงเวลาขบวนเนี้ย” นี่ขนาดพี่สาวไม่ได้บ้ารถไฟยังรู้กิตติศัพท์ 51 ดีทีเดียว
“ไม่แน่นะ เขาปรับแล้ว น่าจะดีขึ้น”
“อีกสองนาทีจะออกแล้ว คอยดูสิว่ามันจะต้องตรงเวลา” ผมตอบแบบเชื่อมั่นสุดๆ

ปึง..แกร็ก

“เฮ้ย จะสามทุ่มครึ่งแล้ว เพิ่งต่อหัวจักร เลทแหงมๆ งานนี้”
“เออว่ะ ถ้าลงเงินเมื่อกี้หมดตัวแน่ๆ 51 นะ 51”
“เฮ้อ...ชินกับมันได้แล้ว ทำอย่างก๊ะไม่เคยขึ้น 51”
“เออเนอะ วันไหนตรงเวลาต้องจุดพลุ จุดมันกลางย่านหัวลำโพงเลย”

21:40

“สิบนาทีละ เฮ้อ ยังไม่ออกอีก งั้นเดี๋ยวไปหาเพื่อนก่อนนะ เผอิญเพื่อนไปเชียงใหม่นั่งขบวนนี้เหมือนกัน อยู่ตู้แอร์นู่น”
“เออ เอาตั๋วไปด้วยเดี๋ยวเขาตรวจ”

     นอกจากงานนี้ผมจะมาธุระกับครอบครัวละ ยังมีเพื่อนในเวบที่ขึ้นไปเที่ยวเชียงใหม่ไปกับขบวนนี้วันนี้เหมือนกัน โดยตัวผมกับครอบครัวนั้นจองที่นั่งตู้ บนท.ไว้ เป็น บนท.ตู้แรกสุดจากทั้งหมด 3 ตู้ โดยถัดไปด้านหน้าจะเป็น บชท.ป บชท. และ ตู้เสบียง ตามลำดับ ส่วนถัดลงมาก็เป็น บนท. อีกสองตู้ ที่เด็ดคือตู้ บนท.ตู้สุดท้ายนั้นเป็นตู้ไม้รุ่นคลาสสิคซะด้วย ถึงแม้จะเล็กไปนิดแคบไปหน่อย แต่พูดถึง touch และ บรรยากาศ ผมว่าไม่เลวทีเดียว

     ส่วนเพื่อนในเวบที่บอกนั้น เขาจองที่นั่งในตู้ บนท.ป ไว้ ซึ่งมีอยู่แค่ตู้เดียวเท่านั้นสำหรับรถด่วนขบวนนี้ (พวกนั่ง 67, 69, 83, 85 หยุดหัวเราะ! เดี๋ยวนี้) ดีหน่อยที่วันนี้เป็น บนท.ป 36 ตู้เหล็ก ซึ่งดัดแปลงมาจาก บนท.36 พอเดินไปถึงก็เจอเพื่อนผมนั่งตัวกลมอยู่ เพื่อนคนนี้มีชื่อในเวบว่า Atham พื้นเพเป็นคนอุตรดิตถ์ แต่จะนั่งไปหาเพื่อนที่เชียงใหม่ ส่วนเรื่องความผูกพันกับ 51 น่ะเหรอ ยาวนานพอๆ กับผม อาจจะมากกว่าผมด้วยซ้ำ เพราะอายุก็ปูนนี้แล้ว ฮ่าๆ

“ไงพี่ มานานยัง” ผมตรงเข้าไปทักทาย
“ก็นานแล้ว นี่ไม่รู้ว่าเราอยู่ตู้ไหน ไม่งั้นก็เดินไปหาแล้ว”
“ก็เดินหาดิมี บนท. แค่ 3 ตู้แค่เนี้ยะ”
“ให้เราเดินมาหาพี่ง่ายกว่า บนท.ป มีตู้เดียว”

แค่กๆ ฮือๆ บึ๊ดๆ...

“โห พี่เสียงแอร์มันดังขนาดนี้ จะนอนหลับไหมเนี่ย”
“นั่นดิ นี่ไม่รู้ว่านั่งๆ ไปแอร์มันจะน็อคมั๊ยเนี่ย”
“บอกแล้วซื้อแค่ตั๋ว บนท. ส่วน ป ไปหาเอาตามทาง อากาศหนาวออกอย่างนี้”
“ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวชะโงกหน้าถ่ายรูป แล้วน้ำกระเด็นเข้าปาก”
“แหวะๆๆๆๆ พุดเรื่องนี้อีกละ”

     ใครไม่เคยนั่งรถไฟคงไม่รู้หรอกว่า เวลาชะโงกหน้าไปดูวิวริมหน้าต่างนั้น บางทีจะมีละอองน้ำกระเด็นมากระทบหน้า แรกๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าน้ำอะไร คิดว่าเป็นน้ำค้างบนยอดหญ้า ปลิวมากระทบใบหน้า ฮืมมม สดชื่นจัง แต่ที่จริงแล้วเป็นน้ำจากระบบสุขาแบบเปิดของรถไฟไทยนั่นแหล่ะ คิดเอาเองละกันว่าน้ำที่ปลิวมาคืออะไร และถ้าใครซวยอาจจะมีเนื้อปลิวมากับน้ำด้วย บรื๋อ แหวะๆๆๆๆ

21:50

ครึ่ก...

“เว้ย..ไฟเขียวแล้ว ออกซะที” เราสองคนประสานเสียงพร้อมถอนหายใจ
“หวังว่ามันคงทำเวลาคืนได้บ้างนะ กลางทาง” ผมเปรยๆ
“ยังหวังเหรอเนี่ย! ดีแล้วเลทนิดๆ ถึงศิลาอาสน์จะได้มีแสงถ่ายรูปพอดี”

“ก็ดีนะ แล้วไว้เจอกันแถวๆ อุตรดิตถ์นะพี่ เตรียมถ่ายรูปกัน”


 

ตอนที่ 2 : ลมหนาว

ตอนที่ 3 : แสงยามเช้า

ตอนที่ 4 : สายธาร ม่านหมอก

ตอนที่ 5 : เกือบไป แต่ไหวอยู่

ตอนที่ 6 : See it, Try it, Feel it









สงวนลิขสิทธิ์โดย © Rotfaithai.Com : All Right Reserved.

อนุญาตให้นำเนื้อหาไปใช้ได้ เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา
หากจะนำไปเผยแพร่ยังเว็บไซต์ หรือสื่ออื่นๆ กรุณาขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
พร้อมระบุอ้างอิงถึงแหล่งที่มาของข้อมูล ให้ถูกต้องและชัดเจน

ติดประกาศ: 2005-02-28 (5411 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]


Content ©