Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311283
ทั่วไป:13263728
ทั้งหมด:13575011
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


วันแรกกับทานตะวันบานและรถไฟลอยน้ำ





 

     ช่วงราว ๆ เดือนพฤศจิกายนของทุกปี การรถไฟแห่งประเทศไทยจะจัดทริปท่องเที่ยวพิเศษขึ้นมาทริปหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือ นำเที่ยวทุ่งทานตะวัน และ ชมรถไฟลอยน้ำ กลางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในฐานะที่ผมเองเป็นคนที่ชอบเดินทางด้วยรถไฟอยู่แล้ว แน่นอนว่าจะไม่ยอมพลาดเด็ดขาด เพราะฉะนั้น ตามผมมาเลยครับ

     หลังจากที่ปีที่แล้วเอง ผมเคยไปมากับทริปนี้แล้ว แต่ว่านั่นเป็นการไปกับรถชั้น 3 (บชส.) ครับ มาปีนี้ เลยขอทำอะไรให้มันดูพิเศษขึ้นมาบ้าง ว่าแล้วก็จองรถนั่งและนอนปรับอากาศชั้น 1 (บนอ.ป.) ราคา 790 บาท เสียเลย แต่การเดินทางครั้งนี้ผมไม่ได้ไปคนเดียวนะครับ มีคนร่วมทางไปกับผมด้วย ก็คือ น้องแม็กซ์ (Renovated) กับ พี่ธี (Alderwood) เรียกว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่มีเหงาล่ะครับ

     วันนี้ผมและแม็กซ์มาถึงสถานีรถไฟกรุงเทพตั้งแต่ 6 โมงเช้าครับ เพื่อหวังว่าจะได้มาดูชุดรถที่จะใช้ในวันนี้ แต่ก็ต้องผิดหวังเล็กน้อย เพราะ ขบวนรถยังไม่เทียบสถานีเลย และพี่ธีเองก็ไม่แน่ใจว่าจะมาที่ หัวลำโพง หรือ บางซื่อดี เพราะตื่นสายนิดหน่อย (แต่สุดท้ายแล้วก็มาที่หัวลำโพงจนได้) พอเวลา 6.40 น. ขบวนรถที่จะพาพวกเราไปก็เข้ามาเทียบชานชลาจนได้ โดยที่มารู้ทีหลังว่า รถนอนชั้น 1 และ ชั้น 2 ไปกระชากมาจากขบวน 86 และ บชส. ก็ไปเอามาจากขบวน 68 (แหม สลับเลขสวยซะจนน่าเอาไปแทงหวยนะ ฮ่า ๆ) หลังจากเทียบขบวนได้เพียงแค่ 5 นาที หัวรถจักรที่จะพาเราไปเที่ยวทุ่งทานตะวัน (แต่ในนิยามผมจะเรียก ทุ่งสีทองแห่งความฝัน) มาต่อขบวนเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็ได้รถจักรสายพันธ์อเมริกาจอมอึดอย่าง GEA 4554 มาทำขบวน แน่นอนว่า ผมก็ต้องเก็บรูปเป็นที่ระลึกตามระเบียบล่ะครับ

 
 

     สักพักนึง จู่ ๆ ก็พลันมีมือลึกลับโผล่มาจากด้านหลัง ไม่ใช่ใครครับ น้องแฮม (en_corrs) น่ะเองที่วันนี้ไปกับขบวนรถในวันนี้ด้วย เพียงแต่ว่าไปชั้น 3 ซึ่งอยู่คนละคัน กับพวกผมเท่านั้นเอง แต่หลังจากที่แฮม เดินตามผมมาขึ้นรถที่ชั้น 1 ด้วยแล้ว ก็อยากจะขอเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับรถชั้น 1 ซึ่งผมก็ไม่ขัดข้องครับ ซึ่งรูปที่ออกมา คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเจ้าตัวนั้น อายกล้องครับ หลังจากที่รออยู่สักพัก ว่าเมื่อไหร่ขบวนนี้จะออก

     พลันเวลา 7.00 น. ก็ได้เวลารถพิเศษนำเที่ยวทานตะวันขบวนที่ 921 ออกจากสถานีกรุงเทพแล้วครับ วิ่งเอื่อย ๆ ไปได้สักพักหนึ่ง พนักงานก็เอาอาหารเช้ามาเสิรฟ์ครับ ปีนี้ใช้พนักงาน ที่ประจำอยู่บนขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลราง ครับ ซึ่งหมายความว่า อาหารปีนี้เป็นของ J.M.Food Industry Co.,Ltd. หรือ จิตรมาส นั่นเองครับ ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ใช้บริการ รถด่วนพิเศษดีเซลราง คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีล่ะครับ ในส่วนของอาหารเช้าที่เสิร์ฟที่ชั้น 1 ก็จะมี แซนด์วิช คุกกี้กาแฟ น้ำส้ม และ น้าดื่มคนละ 1 ขวด พร้อมด้วยโบร์ชัวร์รถนำเที่ยวทุ่งทานตะวันในปีนี้ด้วยครับผม

 

 

     เมื่อเป็นรถนำเที่ยว แน่นอนครับว่าก็จะต้องมีไกด์ ประจำเส้นทางคอยให้ความรู้ เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่เราจะไปกัน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น พี่โสภณ ไกด์ ประจำรถนำเที่ยวสายน้ำตก - กาญจนบุรี ซึ่งถ้าใครเคยไปก็จะต้องเจอพี่โสภณ มายืนถือโทรโข่งคอยให้ความรู้ และเสียงหัวเราะตลอดเส้นทาง เรียกว่างานนี้ผู้โดยสารเอง นอกจากจะได้ความรู้แล้ว ยังได้หัวเราะไปกับมุขตลก ของพี่โสภณตลอดเส้นทางด้วยครับ

     เมื่อรถมาถึงสถานีแก่งคอย ผมก็ได้เจอกับสมาชิกอีกคนหนึ่ง คือ น้องอ๋อง (Saraburi) เดินทางไปกับพวกเราด้วย และหลังจากเดินทางมาเกือบ 3 ชั่วโมง ในขณะที่เรากำลังมุ่งหน้าสู่ทุ่งทานตะวันนั้น ก็จะเห็นดอกทานตะวันบานเป็นช่วง ๆ ซึ่งตอนที่ผมไปนั้นส่วนใหญ่จะยังไม่โตครับ แต่ เป็นสีเหลืองทองอร่ามไปทั่วทั้งทุ่ง สวยทีเดียวครับ หลังจากดูวิวสองข้างทางอยู่เพลิน ๆ เราก็มาหยุดอยู่ ที่ กม.156 (สัปดาห์ถัดไปจะไปที่ กม. 142 - 145) ซึ่งภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือทุ่งทานตะวันสีเหลืองทองบานสะพรั่งไปทั่วทั้งไร่ ซึงปกติแล้วเจ้าของไร่ก็จะเก็บค่าเข้าชมด้วย แต่ไม่แพงครับ แค่คนละ 5 บาท เอง แต่เสียดายวันที่ผมไป อากาศร้อนไปนิด ดอกทานตะวันเอง ก็มีอาการคอตกให้เห็นเป็นบางช่วง แต่ส่วนใหญ่ ก็ยังคงยืยหยัดสู้แดดได้ครับ นอกจากจะได้ชม ดอกทานตะวันบานแล้ว เราก็ยังจะได้ซื้อของฝาก ที่ทำมาจากดอกทานตะวัน และ ผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน ด้วย ราคาไม่แพงครับ เช่น น้ำดอกทานตะวัน น้ำผึ้งดอกทานตะวัน เป็นต้นครับ

 
 

     40 นาทีผ่านไปสำหรับการชมทุ่งทานตะวัน และ ซื้อของฝากจากไร่ เราก็มุ่งหน้ากันต่อเพื่อที่จะไปยัง จุดชมวิวเขื่อนป่าสัก แต่ก่อนที่เราจะไปถึงนั้น พี่ ๆ พนักงานแสนสวยใจดีนำอาหารเที่ยงมาเสิรฟ์ ซึ่งดูจากหน้าตาแล้วน่ารับประทานมาก ๆ แต่ยังไม่ถึงเวลาทานครับ เพราะมองไปที่หน้าต่าง เราก็เริ่มเห็นเขื่อนป่าสักอยู่ตรงหน้า ซึ่งแน่นอนว่าก็คงจะไม่พลาด ที่จะเดินไปเก็บรูปเอาไว้เป็นที่ระลึก (แต่ถ้าถ่ายรูปแล้วตกจากรถไฟนี่รับรองว่าระทึกขวัญแน่ ๆ)

     ในขณะที่รถกำลังจะวิ่งเข้าสู่สะพานเขื่อนป่าสักก็เห็นชายหนุ่มเสื้อแดงยืนรอถ่ายรูปอยู่ ซึ่งก็คือ เจ้าแซม (Sammy) นั่นเอง อุตสาห์ยืนกลางแดดรอถ่ายรูปซะจนตัวดำเลย ซึ่งก็พอดีกับที่ผมเก็บภาพเจ้าแซมได้ และแน่นอนว่าก็ต้องรอถ่ายรูปรถเที่ยวกลับ (ก็คือรูปแรกที่เห็นกันน่ะแหละครับ) คงไม่ต้องบอกว่า กว่าพวกเราจะได้มาแต่ละรูปนั้น ยากลำบากขนาดไหน ในขณะที่รถกำลังวิ่งบนสะพาน เมื่อมองออกไป ก็จะเห็นเหมือนกับเรากำลังลอยอยู่บนน้ำ จึงเป็นที่มาของคำว่า รถไฟลอยน้ำ นี่แหละครับ และแล้ว รถนำเที่ยวของเราก็มาหยุดอยู่ที่กลางเขื่อนป่าสัก กม.172 ครับ อากาศบนเขื่อนก็เย็นสบาย สลับกับน้ำในเขื่อนที่ดูสูงและเวิ้งว้างจนสุดลูกหูลูกตาทีเดียว

 
 

     เราใช้เวลาอยู่บนสะพานราว ๆ 20 นาทีครับ หลังจากนั้นรถนำเที่ยว ก็พาเรามาที่สถานีโคกสลุงเพื่อรอหลีกขบวน 75 และ สับเปลี่ยนหัว วิ่งกลับไปยังป้ายหยุดรถเขื่อนป่าสัก งวดนี้เลยวิ่งไปถ่ายรูปอีกสักทีครับ

 
 

     เวลา 12.00 เศษ เราก็กลับมาถึงป้ายหยุดรถเขื่อนป่าสักซึ่งจะหยุดให้ชมเขื่อนราว ๆ 2 ชั่วโมง ที่นี่มีทั้งศาลาพัก แหล่งขายของฝาก และห้องน้ำ ถ้าหากใครต้องการชมเขื่อนแบบสบาย ๆ ก็มีบริการรถชมวิวใว้ให้ใช้บริการด้วย ซึ่งแน่นอนผมและพวกเองก็เดินมาที่ศาลาริมเขื่อน มานั่งพักผ่อนพร้อมกับถ่ายรูปเก็บไว้เป็นธรรมเนียม แต่สังเกตให้ดีนะครับ มีรูปอยู่รูปหนึ่ง หน้าตาลิงนี่หน้าตาคุ้น ๆ คงไม่ต้องทายกันนะครับว่าใคร เพราะเจ้าตัวบอกว่า ปกติก็ซนเหมือนลิงอยู่แล้ว

 
 

     หลังจากพักจนอิ่มใจแล้ว พวกเราก็เดินกันมาที่ประตูระบายน้ำเขื่อน ซึ่งปีนี้น้ำในเขื่อนสูงมาก ๆ ซึ่งถ้าหากไม่มีเขื่อนป่าสักแห่งนี้ กรุงเทพที่ผมอยู่ คงจะเจิ่งนองไปด้วยน้ำที่สูงกว่านี้แน่ ๆ เรียกว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่เราชาวไทยมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงทำงานหนักเพื่อราษฎรของพระองค์เช่นนี้

 
 

     หลังจากเดินเล่นมาเกือบ 2 ชั่วโมง ก็ได้เวลาที่เราจะต้องกลับมาที่รถเสียที ซึ่งห้องที่ผมพักกับน้องแมกซ์ ตอนนี้กลายสภาพเป็นรถนอนเรียบร้อย ซึ่งพร้อมจะหลับได้ตลอดเวลา ซึ่งก่อนรถจะออก พี่ ๆ พนักงานก็เอาอาหารว่างรอบบ่ายมาเสิร์ฟ ซึ่งมันก็หายวับไปในพริบตาเพราะความหิว รถเคลื่อนตัวออกจากเขื่อนป่าสัก แต่ใจผมรู้สึกผ่อนคลาย ที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในทริปนำเที่ยวที่พิเศษ และแสนสบายที่สุดทริปหนึ่งที่ผมได้ไปมา ในขณะที่ห้องข้าง ๆ พี่ธีกำลังคุยกับว่าที่นายสถานี แฮมกับอ๋องก็นั่งคุยกันอย่างออกรส มีแต่ผมกับน้องแม็กซ์นี่แหละครับที่กลายสภาพเป็นเครื่องยนต์ Cummins ส่งเสียงแข่งกันอย่างสนุกสนานแทน

 

 
- ขอบคุณที่ติดตามชมนะครับ -
 

ขอขอบคุณ

  • การรถไฟแห่งประเทศไทย ที่จัดทริปนำเที่ยวที่แสนจะอบอุ่นในครั้งนี้
  • พี่โสภณ และ ลุงทินกร ที่ให้ความรู้และเสียงหัวเราะตลอดเส้นทาง
  • รูปภาพประกอบโดยผม แซม และแฮม ขอบใจนะเพื่อน
  • ผู้โดยสารทุกท่าน ที่เป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำดี ๆ ครับ
  • เพื่อนร่วมทางพี่จ่ำ พี่ธี แฮม อ๋อง และ แซม (คู่แรกลงเอยกันไว ๆ นะ)
  • ขอบคุณตัวเอง ที่ไม่ทิ้งความฝันที่รักและชอบเดินทางด้วยรถไฟตลอดไป พบกันใหม่โอกาสหน้า สวัสดีครับ

 









สงวนลิขสิทธิ์โดย © Rotfaithai.Com : All Right Reserved.

อนุญาตให้นำเนื้อหาไปใช้ได้ เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา
หากจะนำไปเผยแพร่ยังเว็บไซต์ หรือสื่ออื่นๆ กรุณาขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
พร้อมระบุอ้างอิงถึงแหล่งที่มาของข้อมูล ให้ถูกต้องและชัดเจน

ติดประกาศ: 2006-11-24 (2326 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]


Content ©