รถไฟจาก อรัญประเทศไปปอยเปต

[Mongwin]

ขอบคุณมากครับที่เรียบเรียงมาให้อ่านกันครับ

[Wisarut]

[Wisarut]

ตอนนี้ได้ข่าวเรืองการรับรองสัตยาบันเรื่องสร้างทางรถไฟสาย Trans-Asia ก็จะคอยดู ว่า ที่ ฝั่งกัมพูชาซึ่งให้ บริษัท Toll เขารับสัมปทาน 30 ปี ฟื้นฟูทางรถไฟ 600 กว่ากิโลเมตร จะทำได้ทันตามกำหนดหรือล่าช้าออกไป เพราะงานนี้ ADB แนะให้สร้างสถานีปอยเปตใหม่ ใกล้ๆ วงเวียนพระวิษณุเพื่อเลี่ยงการปะทะกับโรงแรม + บ่อน และให้ฝ่ายไทยทำทางจากอรัญประเทศ ตัดกับถนนสุวรรณศรเพื่อ ให้รับกับทางที่ต้องทำใหม่ .....

ตอนนี้ อย่างดีก็คือเอาสะพาน 20 ตัน (U20) ไปเปลี่ยนก่อน จากนันค่อยเอาราง 70 - 80 ปอนด์ ไปเปลี่ยนกับราง 50-60 ปอนด์ + หมอนคอนกรีต ให้พอเอารถจักร GEA ลงทำขบวนได้ ...

[umic2000]

[Mongwin]

ดูใน Google Earth แล้ว แม้จะใช้แนวเส้นทางรถไฟเก่า แนวเขตทางฝั่งละอย่างน้อย 20 เมตรก็ต้องรื้ออาคารสิ่งปลูกสร้างอยู่ดีครับ
ตรงวงเวียนพระวิษณุ เดิมก็เคยมีทางรถไฟผ่านอยู่แล้ว และมีทางแยกไปตัดฟืนด้วยครับ


ภาพถ่ายทางอากาศ กรมแผนที่ทหาร 9 ม.ค. 2517

ข้างล่างนี้ แผนที่ปี 2488 เมื่อครั้งสร้างทางรถไฟเสร็จไม่กี่ปีครับ



ที่มา: พระราชกฤษฎีกากำหนดป่าสองข้างทางรถไฟสายอรัญประเทศ - มงคลบุรี หรือป่าปอยเปตในท้องที่ตำบลมรกฎ ตำบลบ้านจังหัน ตำบลศรีโสภณ ตำบลสวายจิก และตำบลทัพไทย อำเภอศรีโสภณ จังหวัดพิบูลสงคราม ให้เป็นป่าคุ้มครอง พุทธศักราช ๒๔๘๘
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2488/A/038/448.PDF

[Mongwin]

"กษิต" เดินทางไปร่วมประชุมเจบีซีที่กัมพูชาแล้ว
สำนักข่าวไทย วันพฤหัสบดี ที่ 03 ก.พ. 2554

สระแก้ว 3 ก.พ. - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปยังประเทศกัมพูชาเพื่อร่วมประชุมเจบีซี แล้ว

นายกษิต ภิรมย์ ได้ออกเดินทางโดยรถยนต์ ผ่านทางจังหวัดสระแก้ว โดยระบุว่าต้องการแวะเยี่ยมเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน รวมถึงดูเส้นทางถนนที่เป็นความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชา และความเป็นไปได้ที่จะสานต่อโครงการรถไฟสระแก้ว-กัมพูชา อย่างไรก็ตาม นายกษิต ไม่เปิดเผยรายละเอียดในการจะหาโอกาสพูดคุยนอกรอบ กับ นายฮอ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา

ขณะที่ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่า วัดแก้วสิขาคีรีสวาระจะมีการต่อเติมเพิ่มอีกไม่ได้ พร้อมระบุทางออกในการแก้ปัญหาข้อพิพาทชายแดน ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศและกรมศิลปากรจะเริ่มดำเนินการ ขอขึ้นทะเบียนสระตาว ภาพแกะสลักเมืองต่ำ และสถูปคู่ เป็นมรดกโลกควบคู่ไปด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศในระดับพื้นที่ ยังดีอยู่โดยเฉพาะผู้นำทหารได้มีการพูดคุยหารือกันตลอด

-------------------------------------

กษิตบินนิวยอร์ค14 ก.พ.รายงานยูเอ็น
โพสต์ทูเดย์ 09 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 13:42 น.

กษิต เตรียมบินนิวยอร์ค 14 ก.พ. รายงานยูเอ็นปมข้อพิพาทไทย-กัมพูชา เล็งถกฮอร์นัม ฮง ถึงการรักษาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ เชื่อลาว-เวียดนามไม่ฮั้วเขมรรบไทย

คณะกรรมาธิการ(กมธ.)การต่างประเทศ วุฒิสภา จัดสัมมนาวิชาการเรื่อง ประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน “เหตุการณ์ปกติ” โดยนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวตอนหนึ่งว่า ในวันที่ 14 ก.พ.จะเดินทางไปยังกรุงนิวยอร์คประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อรายงานสถานการณ์ข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา ต่อคณะมนตรีความมั่งคง สหประชาชาติ พร้อมทั้งหารือกับนายฮอร์นัม ฮง รม ว.ต่างประเทศกัมพูชา โดยมีนายมาตี้ นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซียและ ประธานอาเซียนมาร่วมด้วย โดยการสนทนากับนายฮอร์นัม ฮง จะถามว่าเราจะรักษาอาเซียนและรักษาความสัมพันธ์ กันระหว่าง 2 ประเทศ โดยไทยมีทางต้องเลือกแนวทางสู้รบตามความเหมาะสมของสถานการณ์ หรือจะต้องสู้รบฟาดฟันกันตลอดแนวชายแดน

นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ
“หากจะสู้รบกันก็ได้และที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าอย่ามาต่อกลอนกับกองทัพไทย เพราะหากยังเกเรก็มีแต่เจ็บลูกเดียว ทั้งนี้ยังขอยืนยันว่า ประเทศลาว และเวียดนามไม่มีทางฮั้วกับประเทศกัมพูชาเพื่อสู้กับไทยแน่นอน เพราะทั้ง 2 ประเทศดังกล่าวมีความสัมพันธ์อันดีในทุกๆเรื่องกับไทย นอกจากนี้ ยังจะทวงสัญญากับประเทศสหรัฐอเมริกา ในฐานะที่เป็นพันธมิตรกันและมีสัญญาระหว่างกันมากมายเพื่อช่วยก็ปัญหาไทยกับ กัมพูชาด้วย” นายกษิต กล่าว

รมว.ต่างประเทศ ยืนยันว่า ไทยเป็นฝ่ายถูกกระทำ วันนี้มีเด็กเกเรอยู่ข้างบ้าน เราในฐานะผู้ใหญ่จะทำอย่างไร เรายังมีมิตรจิตมิตรใจต่อชาวกัมพูชาอยู่เช่นเดิมทั้งการทำทางรถไฟจากสระแก้ว ไปพนมเปญ รวมทั้งการอนุมัติกฎหมายให้คนกัมพูชาเข้าไปประเทศไทยโดยไม่ต้องทำวีซ่า ซึ่งสาเหตุหลักที่สมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา เปิดฉากปะทะกับไทยเพราะต้องการปราสาทเขาพระวิหาร และดินแดนโดยรอบ และมีต่างชาติเข้ามาบริหารมรดกโลก เพราะเขาคิดว่ารัฐสภาไทยช้าทำเรื่องไม่เสร็จ

จากนั้นนายสมชาย แสวงการ และนายคำนูญ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ส.ว.สรรหา ได้สอบถามนายกษิตว่า ได้ตรวจสอบหรือไม่การใช้อาวุธมาสู้รบกับไทยได้รับความร่วมมือจากต่างประเทศหรือไม่ และทำไมกระทรวงต่างประเทศถึงได้จ้างนักวิชาการที่ทำงานวิจัยเรื่องข้อ พิพาทไทยกัมพูชาถึงมีแนวทางขัดแย้งกับรัฐบาล รวมทั้ง อยากให้ไทยประกาศว่าพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทย

นายกษิต ตอบว่า อาวุธของจีนกัมพูชาได้รับมาฟรี ขณะที่บัลแกเรียกัมพูชาเป็นผู้ซื้อ ส่วนทางรัสเซียกำลังตรวจสอบแต่ยอมรับเป็นเรื่องยากเพราะความสัมพันธ์ไทยกับ รัสเซียไม่ราบรื่นเพราะเขาต้องการขายอาวุธให้เราแต่ไทยไม่เคยซื้อ รัสเซียจึงไปเข้าทางกัมพูชาแทน ส่วนเรื่องการจ้างนักวิชาการมีจริงแบ่งออกเป็นสองกลุ่มมมูลค่า 10 ล้านบาท แต่เป็นเรื่องก่อนที่จะมารับตำแหน่ง สำหรับเรื่องพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้นสามารถประกาศได้ว่าเป็นพื้นที่ของไทย แต่เราไม่ทำ

“ยอม รับงานในกระทรวงการต่างประเทศเป็นแดนสนธยารัฐมนตรียังไม่ทราบเรื่องไม่บอกตน เวลามอบนโยบายพวกเขาก็ยอมรับแต่เมื่อไปอยู่ข้างนอกเขาพูดอีกอย่าง เพราะกระทรวงแห่งนี้ยังมีการครอบงำจากอดีตข้าราชการประจำ อดีตนักการเมือง ผู้มีอิทธิพลในกระทรวงนำเรื่องไปบอกผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้เกิดความสับสน พร้อมทั้งให้เรากระทืบกัมพูชา หากเป็นเช่นนั้นเราจะอยู่กันได้อย่างไร” นายกษิต กล่าว

-------------------------------

"โสภณ"ยันไม่ระงับช่วยเหลือเขมร ชี้ไม่ใช่การสู้รบแค่พิพาท
มติชน วันที่ 09 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 17:13:04 น.

นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมยังไม่ได้ระงับโครงการต่างๆ ที่ให้ความช่วยเหลือกัมพูชา ทุกโครงการยังเดินหน้าตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างถนน หรือรถไฟเชื่อมระหว่างคลองลึกไปกัมพูชา เป็นต้น โดยเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในไม่ใช่การสู้รบกัน เป็นเพียงการพิพาทเท่านั้น

ทั้งนี้ ในส่วนของพื้นที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ที่ถนนได้รับความเสียหายจากระเบิดอาร์พีจีของกัมพูชาที่ยิงเข้ามานั้น สามารถซ่อมแซมได้ ไม่มีปัญหา ส่วนปัญหาระหว่างประเทศเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเข้ามาดูแล

[boatteam]

[Wisarut]

[Mongwin]

"ชัชชาติ" ฝ่าผลโพล รมช.โลกลืม แจงสี่เบี้ยแผนลงทุน "บก-น้ำ-อากาศ" ตั้งรับ AEC
ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เวลา 14:26:52 น.

ถึงจะติดโผมีชื่อเป็นรัฐมนตรีที่โลกลืมใน "ครม.ปู 2" แต่ "ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมวัย 47 ปี ก็ไม่ยี่หระต่อผลโพลที่ออกมา และพร้อมยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้น หลังกลุ่มนักการเมืองบ้านเลขที่ 111 หลุดพ้นจากการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้

ในวันนี้กับห้วงเวลาที่เหลือจนกว่าจะประกาศรายชื่อ "ครม.ปู 3" ทีมงาน "ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "ชัชชาติ" ถึงงานที่จะเร่งผลักดันให้เป็นผลงานภายใต้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย

- ภารกิจเร่งด่วนตอนนี้

ภารกิจหลัก ๆ มี 2 ส่วน งานส่วนแรกคือ สร้างแนวป้องกันน้ำท่วม กระทรวงคมนาคมรับมอบหมายจากคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ให้ดูแลพื้นที่ปลายน้ำ ตั้งแต่อยุธยาลงมา พื้นที่ปิดล้อมด้านเศรษฐกิจ ทั้งแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งงาน โดยการเสริมความสูงถนนตามแนวริมแม่น้ำฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ได้ไปสร้างถนนขวางทางน้ำ จะสร้างตั้งแต่ จ.อยุธยาลงมา เพื่อกันน้ำไม่ให้บ่าเข้ามา แผนทั้งหมดมี 300 กว่าโครงการ ระยะทางประมาณ 500 กว่า กม.

ความคืบหน้าได้งบฯมา 24,000 ล้านบาท จะมีโครงการทั้งของคมนาคมและที่อื่นด้วย เช่น กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมเจ้าท่า กรมโยธาธิการ งานออกแบบเสร็จ

เรียบร้อยแล้ว ต่อไปเป็นเรื่องประมูลผู้รับเหมามาก่อสร้าง จะต้องเร่งให้เสร็จตามเป้ารัฐบาลในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งอาจไม่เสร็จสมบูรณ์ 100% แค่ชั่วคราวเพื่อรับน้ำได้ เช่น ทำเป็นคันดิน

ให้มั่นใจว่าน้ำจะไม่ท่วมในปีนี้ แผนใหญ่จะให้เสร็จถาวรปี"56 จะใช้อเนกประสงค์ โดยที่แนวป้องกันนี้ใช้เป็นเส้นทางสำหรับการขนส่งสินค้าได้ด้วย

- ฟันธงปีนี้น้ำจะท่วมหรือไม่ท่วม

เอาเป็นว่าพื้นที่ต่าง ๆ ที่อยู่ในแนวปิดล้อม เช่น นิคมอุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัย และซัพพลายเชนจะมีแนวป้องกันรองรับ หากจะเกิดน้ำท่วมก็จะไม่มาก จะต้องน้อยลง สำหรับพื้นที่ที่อยู่นอกแนวปิดล้อมไม่อยากให้ตระหนก เพราะรัฐบาลก็มีมาตรการอื่นมารองรับเยอะอยู่แล้ว

ส่วนระยะกลางและระยะยาว กระทรวงเสนอเป็นโครงการ ด้านโลจิสติกต์ ของบฯยกถนนบรมราชชนนีต่อขยายออกไปถึงนครปฐม จากน้ำท่วมทำให้มีแนวคิดว่า การยกถนนขึ้นสูงเมื่อเกิดน้ำท่วม การเดินทางไม่ถูกตัดขาด เป็นถนนสายสำคัญที่ต้องเร่งสร้างเป็นอันดับแรก นอกจากนี้จะทำส่วนต่อขยายโทลล์เวย์จากรังสิตออกไปจนถึงบางปะอิน ในระยะยาวจะสร้างถนนวงแหวนรอบที่ 3 พร้อมพื้นที่ฟลัดเวย์ที่จะรับน้ำได้ จุดก่อสร้างจะอยู่ห่างจากวงแหวนปัจจุบันประมาณ 30 กม.

- มีปัญหาการเบิกจ่ายงบฯล่าช้าหรือไม่

บางครั้งจะเอางบฯเบิกจ่ายเป็นตัวตั้งไม่ได้ เพราะบางโครงการระยะเวลาสั้นมาก แค่ 3 เดือน ต้องเบิกหลายงวด แต่ผู้รับเหมาส่วนใหญ่จะเบิกงวดหลังจากส่งมอบงานแล้ว ทำให้ตัวเลขเบิกงบประมาณดูสูงเกินจริง

- ความคืบหน้าเตรียมพร้อมรับ AEC

การรองรับ AEC (ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน) ในปี"58 มี 3 มิติคือ
1) ด้านโครงสร้างพื้นฐาน มีทางบก น้ำ และอากาศ
2) ด้านกฎหมาย และ
3) ด้านประชาชน
ในมิติโครงสร้างพื้นฐานถือว่ามีความพร้อมที่สุด โดยเฉพาะโครงข่ายถนนทางหลวงของเราครอบคลุมทั่วประเทศ เพราะที่ผ่านมาไทยได้ทุ่มงบฯในด้านนี้ค่อนข้างมาก แต่อาจมีเรื่องที่ต้องปรับปรุงอยู่บ้าง อาทิ จุดเชื่อมต่อบริเวณจุดผ่านด่านชายแดน, การปรับเปลี่ยนป้ายบอกทางที่ยังไม่ได้มาตรฐานสากล เช่น ป้ายทางออกบนทางด่วนปัจจุบันยังเป็นป้ายชื่อภาษาไทย จะต้องเปลี่ยนใหม่โดยใช้หมายเลขแทน การสร้างจุดพักรถหรือเรสต์แอเรียตามมาตรฐานสากลที่จัดให้มีทุก ๆ 200 กม. เรื่องนี้มอบให้กรมทางหลวงไปศึกษารูปแบบที่เหมาะสมแล้ว ว่าจะเริ่มที่ไหนก่อนระหว่างกรุงเทพฯ หรือชายแดน

ด้านระบบรางยอมรับว่า มีปัญหาเยอะ การเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านถึงไม่ประสบความสำเร็จ ที่เร่งด่วนมากที่สุดคือ สร้างเส้นทางรถไฟสายเชื่อมกับกัมพูชา ช่วงด่านคลองลึก-กัมพูชา ระยะทาง 6 กม. ซึ่งอยู่ในข้อตกลงกับประเทศในแถบอาเซียนอยู่แล้ว ที่ยังไม่ได้ลงมือเพราะไทยเสียเวลาไปกับการเสนอของบประมาณ ปีหน้าจะเสนอผนวกเข้าไปกับงบฯของการรถไฟฯ ค่าก่อสร้างประมาณ 600-1,000 ล้านบาท ได้สั่งให้การรถไฟฯดำเนินการเรื่องนี้ในอันดับต้น ๆ ดูว่ามีงบฯก้อนไหนที่สามารถโยกมาทำได้ก่อนก็ให้เดินหน้าเลย ผลดีจากโครงการนี้คือ จะเป็นเส้นทางที่เชื่อมไปถึงสิงคโปร์ได้ ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปีครึ่ง

ส่วนทางอากาศไทยมีความพร้อมเช่นกัน ขณะที่ทางน้ำ ด้านท่าเรืออาจจะมีปัญหาเพราะไม่มีเส้นทางออกสู่ทะเลอันดามัน โดยเฉพาะท่าเรือแหลมฉบังมีปัญหามาก เท่าที่ทราบขณะนี้การรองรับตู้คอนเทนเนอร์ใกล้เต็มขีดความสามารถที่จะรับได้แล้ว จะต้องขยายเพิ่ม

- แผนเออีซีจะเน้นเปิดประตูการค้าไหนเป็นพิเศษ

ผมมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปทำโมเดลภาพรวม ใน 2 เดือนนี้จะต้องลงทุนอะไรบ้าง ดูละเอียดแต่ละมิติ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรองรับ AEC เป็นโจทย์ใหญ่สำหรับไทยที่ต้องให้ความสำคัญ

ความจริงที่ต้องรู้คือ หลัง AEC เปิดเรายังไม่รู้เลยว่าการเติบโตจะเกิดขึ้นที่ตรงไหน ปัจจุบันเรายังไม่เข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงหลังเปิดเสรีนั้น โอกาสสร้างให้เกิดการเติบโตของประเทศ (Growth) จะไปอยู่โหมดไหน ระหว่างรถยนต์ เครื่องบิน หรือท่าเรือ เรายังมองไม่แตก วิธีคือต้องเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ในการคิดใหม่ เดิมเราจะคิดถึงแค่ประชากร 60 ล้านคนในประเทศเพียงอย่างเดียว แต่ในอนาคตจะต้องมองไปที่ประชากรอาเซียน 580 ล้านคน

เรื่องประตูการค้าในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านของเรา ผมดูแล้วด้านประเทศพม่าจะดีที่สุดที่ด่านแม่สอด ต่อไปจะมีโครงการทวาย ขณะนี้มีกลุ่มทุนจากจีน เกาหลี สนใจลงทุนมอเตอร์เวย์เส้นบางใหญ่-บ้านโป่ง เพื่อรองรับทวาย แสดงให้เห็นว่านักลงทุนมองเห็นมิติว่าพม่ามีศักยภาพสูงที่จะเข้าไปลงทุน ดังนั้นอนาคตไทยต้องเพิ่มบทบาทการเป็นผู้นำในภูมิภาคมากขึ้น ต้องเปลี่ยนจาก "ผู้รับ" มาเป็น "ผู้ให้" โดยเข้าไปพัฒนาประเทศเพื่อนบ้านด้วย เช่น ให้การสนับสนุนเงินทุนสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง 4 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นหนองคาย-เวียงจันทน์, มุกดาหาร-สะหวันนะเขต, นครพนม-คำม่วน และเชียงราย-เชียงของ

- สถานะโครงการรถไฟฟ้า 10 สายกับรถไฟความเร็วสูง

ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศรองรับ AEC อีก 3 ปีหน้า ผมลงมาดูก็มองว่าคืบหน้าไปมากแล้วในหลาย ๆ เส้นทาง เช่นเดียวกับรถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทางคือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-หนองคาย, กรุงเทพฯ-หัวหิน และกรุงเทพฯ-ระยอง ซึ่งได้ศึกษาและออกแบบแล้ว ส่วนรูปแบบการลงทุนยังไม่ได้ข้อสรุป จะใช้แบบรัฐต่อรัฐหรือเปิดประมูลแบบนานาชาติ เป็นไปได้ทั้ง 2 รูปแบบ

[Mongwin]

ภาพถ่ายทางอากาศ บริเวณปอยเปต มองไปทางทิศตะวันตก เห็นสะพานคลองลึกไกล ๆ
โดย Peter Wiliams-Hunt 12 เม.ย.2489

http://www.songkhlaline.com/image/03743.jpg

สังเกตได้จากทางรถไฟช่วงที่ตัดผ่านวงเวียนครับ